• หายใจไม่ทั่วท้อง ภูมิธรรมส่ง กต. ไป UN สถานการณ์น่าห่วงเพราะเหตุนี้ [27/7/68]

    #หายใจไม่ทั่วท้อง #ภูมิธรรมเคลื่อนไหว #ส่งกตไปUN #UNจับตาไทยเขมร #สถานการณ์ชายแดนน่าห่วง #เคลื่อนไหวบนเวทีโลก #DiplomaticPressure #ThaiCambodianCrisis #ความเคลื่อนไหวล่าสุด #กัมพูชายิงก่อน #柬埔寨先开火 #カンボジアが先に発砲 #캄보디아가먼저발포 #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #thaitimes #news1 #shorts
    หายใจไม่ทั่วท้อง ภูมิธรรมส่ง กต. ไป UN สถานการณ์น่าห่วงเพราะเหตุนี้ [27/7/68] #หายใจไม่ทั่วท้อง #ภูมิธรรมเคลื่อนไหว #ส่งกตไปUN #UNจับตาไทยเขมร #สถานการณ์ชายแดนน่าห่วง #เคลื่อนไหวบนเวทีโลก #DiplomaticPressure #ThaiCambodianCrisis #ความเคลื่อนไหวล่าสุด #กัมพูชายิงก่อน #柬埔寨先开火 #カンボジアが先に発砲 #캄보디아가먼저발포 #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #thaitimes #news1 #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 53 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ลุ้นผลแพทยสภา ชี้ขาดหมออุ้ม 'ทักษิณ' 'ทวี' ส่อโดดเรือหนี
    .
    แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีท่าทีจากนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ว่าจะมีการประชุมคณะกรรมการแพทยสภา ในวันที่ 8 พฤษภาคมนี้ หรือไม่ แต่ความเคลื่อนไหวล่าสุดมีรายงานออกมาว่าจะมีการประชุมแพทยสภาประจำเดือนพ.ค.ในวันนี้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000042936

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ลุ้นผลแพทยสภา ชี้ขาดหมออุ้ม 'ทักษิณ' 'ทวี' ส่อโดดเรือหนี . แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีท่าทีจากนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ว่าจะมีการประชุมคณะกรรมการแพทยสภา ในวันที่ 8 พฤษภาคมนี้ หรือไม่ แต่ความเคลื่อนไหวล่าสุดมีรายงานออกมาว่าจะมีการประชุมแพทยสภาประจำเดือนพ.ค.ในวันนี้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000042936 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    Wow
    12
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1463 มุมมอง 0 รีวิว
  • 2/
    ปูตินยื่นไมตรีให้สหรัฐโดยการเสนออลูมิเนียม 2 ล้านตัน เพื่อ "รักษาเสถียรภาพ" ราคาในตลาด

    ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เปิดเผยว่าเขาพร้อมเปิดทางให้สหรัฐฯเข้าไปลงทุนในแร่ธาตุหายากในดินแดนยูเครนที่อยู่ภายใต้การยึดครองของรัสเซีย ความเคลื่อนไหวล่าสุดครั้งนี้ เพื่อเป็นการโน้มน้าวใจประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งอเมริกา ที่พยายามกดดันให้เคียฟลงนามในข้อตกลง ไฟเขียวให้วอชิงตันเข้าถึงทรัพยากรแร่อันมีค่า

    ซึ่งเหมือนเป็นการกดดันให้สหรัฐเร่งมือในการเจรจากับยูเครนในทางอ้อมด้วยเช่นกัน หากทรัมป์หวังจะเข้าไปหาผลประโยชน์บนดินแดนใหม่ของรัสเซีย ซึ่งหมายถึงสี่แคว้นที่เพิ่งเข้าร่วมกับรัสเซีย

    นอกจากนี้ ปูตินยังเห็นด้วยกับแนวคิดของทรัมป์ ที่ทั้งสหรัฐและรัสเซียควรลดค่าใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศลง 50%
    2/ ปูตินยื่นไมตรีให้สหรัฐโดยการเสนออลูมิเนียม 2 ล้านตัน เพื่อ "รักษาเสถียรภาพ" ราคาในตลาด ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เปิดเผยว่าเขาพร้อมเปิดทางให้สหรัฐฯเข้าไปลงทุนในแร่ธาตุหายากในดินแดนยูเครนที่อยู่ภายใต้การยึดครองของรัสเซีย ความเคลื่อนไหวล่าสุดครั้งนี้ เพื่อเป็นการโน้มน้าวใจประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งอเมริกา ที่พยายามกดดันให้เคียฟลงนามในข้อตกลง ไฟเขียวให้วอชิงตันเข้าถึงทรัพยากรแร่อันมีค่า ซึ่งเหมือนเป็นการกดดันให้สหรัฐเร่งมือในการเจรจากับยูเครนในทางอ้อมด้วยเช่นกัน หากทรัมป์หวังจะเข้าไปหาผลประโยชน์บนดินแดนใหม่ของรัสเซีย ซึ่งหมายถึงสี่แคว้นที่เพิ่งเข้าร่วมกับรัสเซีย นอกจากนี้ ปูตินยังเห็นด้วยกับแนวคิดของทรัมป์ ที่ทั้งสหรัฐและรัสเซียควรลดค่าใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศลง 50%
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 268 มุมมอง 17 0 รีวิว
  • 1/
    ปูตินยื่นไมตรีให้สหรัฐโดยการเสนออลูมิเนียม 2 ล้านตัน เพื่อ "รักษาเสถียรภาพ" ราคาในตลาด

    ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เปิดเผยว่าเขาพร้อมเปิดทางให้สหรัฐฯเข้าไปลงทุนในแร่ธาตุหายากในดินแดนยูเครนที่อยู่ภายใต้การยึดครองของรัสเซีย ความเคลื่อนไหวล่าสุดครั้งนี้ เพื่อเป็นการโน้มน้าวใจประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งอเมริกา ที่พยายามกดดันให้เคียฟลงนามในข้อตกลง ไฟเขียวให้วอชิงตันเข้าถึงทรัพยากรแร่อันมีค่า

    ซึ่งเหมือนเป็นการกดดันให้สหรัฐเร่งมือในการเจรจากับยูเครนในทางอ้อมด้วยเช่นกัน หากทรัมป์หวังจะเข้าไปหาผลประโยชน์บนดินแดนใหม่ของรัสเซีย ซึ่งหมายถึงสี่แคว้นที่เพิ่งเข้าร่วมกับรัสเซีย

    นอกจากนี้ ปูตินยังเห็นด้วยกับแนวคิดของทรัมป์ ที่ทั้งสหรัฐและรัสเซียควรลดค่าใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศลง 50%
    1/ ปูตินยื่นไมตรีให้สหรัฐโดยการเสนออลูมิเนียม 2 ล้านตัน เพื่อ "รักษาเสถียรภาพ" ราคาในตลาด ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เปิดเผยว่าเขาพร้อมเปิดทางให้สหรัฐฯเข้าไปลงทุนในแร่ธาตุหายากในดินแดนยูเครนที่อยู่ภายใต้การยึดครองของรัสเซีย ความเคลื่อนไหวล่าสุดครั้งนี้ เพื่อเป็นการโน้มน้าวใจประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งอเมริกา ที่พยายามกดดันให้เคียฟลงนามในข้อตกลง ไฟเขียวให้วอชิงตันเข้าถึงทรัพยากรแร่อันมีค่า ซึ่งเหมือนเป็นการกดดันให้สหรัฐเร่งมือในการเจรจากับยูเครนในทางอ้อมด้วยเช่นกัน หากทรัมป์หวังจะเข้าไปหาผลประโยชน์บนดินแดนใหม่ของรัสเซีย ซึ่งหมายถึงสี่แคว้นที่เพิ่งเข้าร่วมกับรัสเซีย นอกจากนี้ ปูตินยังเห็นด้วยกับแนวคิดของทรัมป์ ที่ทั้งสหรัฐและรัสเซียควรลดค่าใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศลง 50%
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 378 มุมมอง 13 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ลงนามในคำสั่งบริหารฉบับหนึ่ง หาทางห้ามนักกีฬาคนข้ามเพศจากการเข้าร่วมแข่งขันกีฬาประเภทหญิง ในความเคลื่อนไหวล่าสุดของเขาในการเล็งเป้าเล่นงานกลุ่มคนข้ามเพศ นับตั้งแต่กลับเข้าสู่เก้าอี้ทำเนียบขาว
    .
    "ภายใต้คำสั่งบริหารนี้ สงครามในด้านกีฬาของผู้หญิงสิ้นสุดลงแล้ว" ทรัมป์ กล่าวก่อนหน้าลงนามคำสั่งที่ทำเนียบขาว ล้อมรอบด้วยนักกีฬาเด็กและนักกีฬาหญิงหลายสิบคน ในขณะที่บรรดาสมาชิกระดับสูงของรีพับลิกันหลายคน ในนั้นรวมถึง ไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯ และส.ส.มาร์โจรี กรีน เป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมชมพิธีลงนามครั้งนี้ด้วย
    .
    "เราจะปกป้องความภาคภูมิใจของนักกีฬาหญิงดั้งเดิม และเราจะไม่ปล่อยให้ผู้ชายทำร้าย ก่ออาการบาดเจ็บ โกงคุณผู้หญิงและเด็กผู้หญิงของเรา นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป กีฬาประเภทหญิงจะมีไว้เฉพาะกับผู้หญิง" ทรัมป์ กล่าวท่ามกลางเสียงปรบมือ
    .
    คำสั่งนี้ให้อำนาจหน่วยงานต่างๆของรัฐบาล ปฏิเสธจัดสรรเงินทุนต่างๆของรัฐบาลกลาง มอบแก่โรงเรียนทั้งหลายที่อนุญาตให้พวกกลุ่มคนข้ามเพศเข้าแข่งขันกับนักกีฬาหญิง "มันคือนโยบายของสหรัฐอเมริกา ที่จะยกเลิกเงินทุนทั้งหมดจากโปรแกรมด้านการศึกษาต่างๆนานา ที่กีดกันโอกาสแข่งขันกีฬาอย่างยุติธรรมของพวกผู้หญิงและเด็กผู้หญิง ซึ่งผลลัพธ์คือก่ออันตราย เป็นการลบหลู่และปิดปากผู้หญิงและเด็ก รวมถึงลิดรอนสิทธิความเป็นส่วนตัวของพวกเขา"
    .
    นอกจากนี้แล้ว ทรัมป์ ยังเผยด้วยว่าเขากำลังกดดันให้คณะกรรมการโอลิมปิกสากล เปลี่ยนแปลงกฎระเบียบเกี่ยวกับนักกีฬาคนข้ามเพศ ก่อนที่กีฬาโอลิมปิกเกมส์ จะหวนคืนสู่แผ่นดินสหรัฐฯ ในลอสแองเจลิส ปี 2028
    .
    ทรัมป์ เผยว่าเขาได้ออกคำสั่งถึง มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนกับคณะกรรมการโอลิมปิกสากล ว่า "เราต้องการให้พวกเขาเปลี่ยนแปลงทุกๆอย่างที่ต้องทำเกี่ยวกับโอลิมปิก และดำเนินการกับประเด็นอันไร้สาระนี้"
    .
    ยิ่งไปกว่านั้น ทรัมป์ ระบุเพิ่มเติมว่าเขาสั่งการให้ . คริสตี โนเอม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ปฏิเสธวีซ่า "พวกผู้ชายที่พยายามหาทางตลบตะแลงเข้าสู่สหรัฐฯ ด้วยการแอบอ้างตัวเป็นนักกีฬาหญิง เดินทางมาเข้าร่วมโอลิมปิกเกมส์"
    .
    ทรัมป์ จากรีพับลิกัน เล็งเป้าเล่นงานกลุ่มคนที่แสดงออก ทางเพศไม่ตรงตามบรรทัดฐานของสังคมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในการออกคำสั่งแบบสายฟ้าแลบผลักดันวาระนโยบายขวาจัดสุดขั้วของเขา นับตั้งแต่เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งสมัย 2 เมื่อวันที่ 20 มกราคม
    .
    ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ ได้ลงนามกำจัดสิ่งที่เขาเรียกว่า "อุดมการณ์คนข้ามเพศ" ออกจากกองทัพ ผลก็คือการแบนกำลังพลคนข้ามเพศ นอกจากนี้แล้วเขายังได้ออกคำสั่งห้ามผ่าตัดแปลงเพศสำหรับบุคคลที่อายุต่ำกว่า 19 ปี
    .
    ความเคลื่อนไหวต่างๆนานาเหล่านี้มีขึ้นแม้ในข้อเท็จจริงที่ว่ากลุ่มคนข้ามเพศ ถือเป็นสัดส่วนเล็กน้อยมากๆในประชากรสหรัฐฯ
    .
    คำสั่้งบริหารของทรัมป์ในวันพุธ(5ก.พ.) มีขึ้นหลังจากสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯที่นำโดยรีพับลิกัน เมื่อเดือนมกราคม ลงมติเห็นชอบผ่านร่างกฎหมายฉบับหนึ่ง ที่จำกัดอย่างรุนแรงขวางนักกีฬาข้ามเพศจากการแข่งขันกีฬากับเด็กผู้หญิงและผู้หญิง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011934
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ลงนามในคำสั่งบริหารฉบับหนึ่ง หาทางห้ามนักกีฬาคนข้ามเพศจากการเข้าร่วมแข่งขันกีฬาประเภทหญิง ในความเคลื่อนไหวล่าสุดของเขาในการเล็งเป้าเล่นงานกลุ่มคนข้ามเพศ นับตั้งแต่กลับเข้าสู่เก้าอี้ทำเนียบขาว . "ภายใต้คำสั่งบริหารนี้ สงครามในด้านกีฬาของผู้หญิงสิ้นสุดลงแล้ว" ทรัมป์ กล่าวก่อนหน้าลงนามคำสั่งที่ทำเนียบขาว ล้อมรอบด้วยนักกีฬาเด็กและนักกีฬาหญิงหลายสิบคน ในขณะที่บรรดาสมาชิกระดับสูงของรีพับลิกันหลายคน ในนั้นรวมถึง ไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯ และส.ส.มาร์โจรี กรีน เป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมชมพิธีลงนามครั้งนี้ด้วย . "เราจะปกป้องความภาคภูมิใจของนักกีฬาหญิงดั้งเดิม และเราจะไม่ปล่อยให้ผู้ชายทำร้าย ก่ออาการบาดเจ็บ โกงคุณผู้หญิงและเด็กผู้หญิงของเรา นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป กีฬาประเภทหญิงจะมีไว้เฉพาะกับผู้หญิง" ทรัมป์ กล่าวท่ามกลางเสียงปรบมือ . คำสั่งนี้ให้อำนาจหน่วยงานต่างๆของรัฐบาล ปฏิเสธจัดสรรเงินทุนต่างๆของรัฐบาลกลาง มอบแก่โรงเรียนทั้งหลายที่อนุญาตให้พวกกลุ่มคนข้ามเพศเข้าแข่งขันกับนักกีฬาหญิง "มันคือนโยบายของสหรัฐอเมริกา ที่จะยกเลิกเงินทุนทั้งหมดจากโปรแกรมด้านการศึกษาต่างๆนานา ที่กีดกันโอกาสแข่งขันกีฬาอย่างยุติธรรมของพวกผู้หญิงและเด็กผู้หญิง ซึ่งผลลัพธ์คือก่ออันตราย เป็นการลบหลู่และปิดปากผู้หญิงและเด็ก รวมถึงลิดรอนสิทธิความเป็นส่วนตัวของพวกเขา" . นอกจากนี้แล้ว ทรัมป์ ยังเผยด้วยว่าเขากำลังกดดันให้คณะกรรมการโอลิมปิกสากล เปลี่ยนแปลงกฎระเบียบเกี่ยวกับนักกีฬาคนข้ามเพศ ก่อนที่กีฬาโอลิมปิกเกมส์ จะหวนคืนสู่แผ่นดินสหรัฐฯ ในลอสแองเจลิส ปี 2028 . ทรัมป์ เผยว่าเขาได้ออกคำสั่งถึง มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนกับคณะกรรมการโอลิมปิกสากล ว่า "เราต้องการให้พวกเขาเปลี่ยนแปลงทุกๆอย่างที่ต้องทำเกี่ยวกับโอลิมปิก และดำเนินการกับประเด็นอันไร้สาระนี้" . ยิ่งไปกว่านั้น ทรัมป์ ระบุเพิ่มเติมว่าเขาสั่งการให้ . คริสตี โนเอม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ปฏิเสธวีซ่า "พวกผู้ชายที่พยายามหาทางตลบตะแลงเข้าสู่สหรัฐฯ ด้วยการแอบอ้างตัวเป็นนักกีฬาหญิง เดินทางมาเข้าร่วมโอลิมปิกเกมส์" . ทรัมป์ จากรีพับลิกัน เล็งเป้าเล่นงานกลุ่มคนที่แสดงออก ทางเพศไม่ตรงตามบรรทัดฐานของสังคมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในการออกคำสั่งแบบสายฟ้าแลบผลักดันวาระนโยบายขวาจัดสุดขั้วของเขา นับตั้งแต่เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งสมัย 2 เมื่อวันที่ 20 มกราคม . ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ ได้ลงนามกำจัดสิ่งที่เขาเรียกว่า "อุดมการณ์คนข้ามเพศ" ออกจากกองทัพ ผลก็คือการแบนกำลังพลคนข้ามเพศ นอกจากนี้แล้วเขายังได้ออกคำสั่งห้ามผ่าตัดแปลงเพศสำหรับบุคคลที่อายุต่ำกว่า 19 ปี . ความเคลื่อนไหวต่างๆนานาเหล่านี้มีขึ้นแม้ในข้อเท็จจริงที่ว่ากลุ่มคนข้ามเพศ ถือเป็นสัดส่วนเล็กน้อยมากๆในประชากรสหรัฐฯ . คำสั่้งบริหารของทรัมป์ในวันพุธ(5ก.พ.) มีขึ้นหลังจากสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯที่นำโดยรีพับลิกัน เมื่อเดือนมกราคม ลงมติเห็นชอบผ่านร่างกฎหมายฉบับหนึ่ง ที่จำกัดอย่างรุนแรงขวางนักกีฬาข้ามเพศจากการแข่งขันกีฬากับเด็กผู้หญิงและผู้หญิง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011934 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Sad
    Haha
    23
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2408 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพเกาหลีใต้ระบุ ตรวจพบสัญญาณเกาหลีเหนือกำลังเตรียมพร้อมส่งทหารและอาวุธ ในนั้นรวมถึงโดรนพลีชีพ เข้าไปยังรัสเซียเพิ่มเติม เพื่อสนับสนุนมอสโกทำสงครามกับยูเครน ความเคลื่อนไหวซึ่งมีขึ้นในขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี กล่าวอ้างว่ามีกำลังพลโสมแดงเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บในสงครามไปแล้วกว่า 3,000 นาย
    .
    ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือได้มอบเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง 240 มม.และปืนใหญ่อัตตาจรฮาวอิตเซอร์ 170 มม. แก่มอสโก และดูเหมือนกำลังเตรียมการผลิตโดรนพลีชีพเพิ่มเติมสำหรับป้อนแก่รัสเซีย หลังจาก คิม จองอึน ผู้นำของประเทศเดินทางไปตรวจตราการทดสอบด้วยตนเองเมื่อเดือนที่แล้ว จากคำกล่าวอ้างของเสนาธิการทหารร่วมเกาหลีใต้ (JCS)
    .
    "โดรนพลีชีพคือหนึ่งในภารกิจหลักที่ คิม จองอึน มุ่งเน้น" เจ้าหน้าที่รายหนึ่งของ JCS กล่าว พร้อมระบุว่าเกาหลีเหนือแสดงความตั้งใจที่จะมอบโดรนพลีชีพเหล่านั้นให้แก่รัสเซีย
    .
    ทั้งนี้ โดรนดังกล่าวถูกใช้อย่างกว้างขวางในสงครามยูเครน และคิม ออกคำสั่งให้ดำเนินการผลิตอาวุธทางอากาศนี้เป็นจำนวนมาก รวมถึงยกระดับศึกษาทฤษฎีทางทหาร อ้างถึงการแข่งขันในระดับโลกที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ตามรายงานของสื่อมวลชนแห่งรัฐ
    .
    ความเคลื่อนไหวล่าสุดของเกาหลีเหนือตามคำกล่าวอ้างของ JCS มีขึ้นหลังจากก่อนหน้านี้ โซล วอชิงตัน และเคียฟ ระบุว่ามีทหารเกาหลีเหนืออยู่ในรัสเซียราว 12,000 นาย และทาง JCS เชื่อว่าในนั้นมีอย่างน้อย 1,100 นาย ที่เสียชีวิตหรือไม่ก็ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเป็นไปตามแถลงสรุปของหน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่รายงานว่ามีทหารเกาหลีเหนือเสียชีวิตไปแล้ว 100 นายและบาดเจ็บอีก 1,000 นาย ในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย
    .
    อย่างไรก็ตาม ล่าสุดในวันจันทร์ (23 ธ.ค.) ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กล่าวอ้างว่ามีทหารเกาหลีเหนือที่ถูกสังหารหรือไม่ก็ได้รับบาดเจ็บในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย เพิ่มเป็นมากกว่า 3,000 นายแล้ว และเตือนเช่นกันว่าเปียงยางอาจส่งบุคลากรและยุทโธปกรณ์เข้าไปเสริมกำลังแก่กองทัพรัสเซียเพิ่มเติม
    .
    "มีความเสี่ยงที่เกาหลีเหนือจะส่งทหารและยุทโธปกรณ์ป้อนเข้าสู่กองทัพรัสเซียเพิ่มเติม" เซเลนสกีเขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ หลังได้รับรายงานฉบับหนึ่งจาก โอเล็กซานด์ร ซีร์สกี ผู้บัญชาการทหารระดับสูงของเขา "เราจะต้องตอบโต้อย่างเป็นรูปธรรมในเรื่องนี้"
    .
    พวกเจ้าหน้าที่บอกว่า ความสัมพันธ์ทางทหารที่แน่นแฟ้นขึ้นระหว่างเกาหลีเหนือกับรัสเซีย อาจก่อภัยคุกคามสาหัสขึ้นแก่เกาหลีใต้ ในขณะที่พวกเขายกระดับความทันสมัยแก่กองกำลังตามแบบของตนเอง ที่เคยถูกมองว่าด้อยกว่าของโซล รวมถึงมีประสบการณ์ในการสู้รบในสมรภูมิจริงด้วย
    .
    ตามแนวชายแดนเกาหลีที่มีการคุ้มกันอย่างหนาแน่น เกาหลีเหนือส่งทหารมากกว่า 10,000 นาย เข้าไปปรับเปลี่ยนพื้นที่หนึ่งเป็นที่ดินเปล่า จัดตั้งแนวรั้วและขึงลวดหนามในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่จำนวนกำลังพลดังกล่าวลดลงสู่หลักหลายร้อยนายในช่วงสุดสัปดาห์ จากคำกล่าวอ้างของ JCS
    .
    JCS เผยแพร่ภาพถ่ายต่างๆ ที่เผยให้เห็นว่าทหารเกาหลีเหนือกลุ่มหนึ่งกำลังใช้แพะตัวหนึ่งทดสอบรั้วลวดหนามกระแสไฟฟ้า
    .
    นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ที่เกาหลีเหนือจะทดสอบขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกพิสัยปานกลางในช่วงสิ้นปี ก่อนหน้าที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปีหน้า ขณะเดียวกันก็อาจปล่อยบอลลูนขยะเข้าไปยังเกาหลีใต้เพิ่มเติม
    .
    เกาหลีเหนือปล่อยบอลลูนขยะหลายร้อยลูกเข้าไปยังเกาหลีใต้มาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม อ้างว่าเพื่อเป็นการตอบโต้บอลลูนบรรทุกใบปลิวโฆษณาชวนเชื่อที่พวกนักเคลื่อนไหวเกาหลีใต้ปล่อยเข้าสู่ดินแดนของพวกเขา
    .
    "ภายใต้การสนับสนุนของรัสเซีย มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาอาจดำเนินยุทธศาสตร์ยั่วยุต่างๆ ในปีหน้า อย่างเช่นยิงขีปนาวุธข้ามทวีปและทำการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อเสริมอำนาจของพวกเขาในการเจรจาต่อรองกับสหรัฐฯ" เจ้าหน้าที่ระบุ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000123172
    ..............
    Sondhi X
    กองทัพเกาหลีใต้ระบุ ตรวจพบสัญญาณเกาหลีเหนือกำลังเตรียมพร้อมส่งทหารและอาวุธ ในนั้นรวมถึงโดรนพลีชีพ เข้าไปยังรัสเซียเพิ่มเติม เพื่อสนับสนุนมอสโกทำสงครามกับยูเครน ความเคลื่อนไหวซึ่งมีขึ้นในขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี กล่าวอ้างว่ามีกำลังพลโสมแดงเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บในสงครามไปแล้วกว่า 3,000 นาย . ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือได้มอบเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง 240 มม.และปืนใหญ่อัตตาจรฮาวอิตเซอร์ 170 มม. แก่มอสโก และดูเหมือนกำลังเตรียมการผลิตโดรนพลีชีพเพิ่มเติมสำหรับป้อนแก่รัสเซีย หลังจาก คิม จองอึน ผู้นำของประเทศเดินทางไปตรวจตราการทดสอบด้วยตนเองเมื่อเดือนที่แล้ว จากคำกล่าวอ้างของเสนาธิการทหารร่วมเกาหลีใต้ (JCS) . "โดรนพลีชีพคือหนึ่งในภารกิจหลักที่ คิม จองอึน มุ่งเน้น" เจ้าหน้าที่รายหนึ่งของ JCS กล่าว พร้อมระบุว่าเกาหลีเหนือแสดงความตั้งใจที่จะมอบโดรนพลีชีพเหล่านั้นให้แก่รัสเซีย . ทั้งนี้ โดรนดังกล่าวถูกใช้อย่างกว้างขวางในสงครามยูเครน และคิม ออกคำสั่งให้ดำเนินการผลิตอาวุธทางอากาศนี้เป็นจำนวนมาก รวมถึงยกระดับศึกษาทฤษฎีทางทหาร อ้างถึงการแข่งขันในระดับโลกที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ตามรายงานของสื่อมวลชนแห่งรัฐ . ความเคลื่อนไหวล่าสุดของเกาหลีเหนือตามคำกล่าวอ้างของ JCS มีขึ้นหลังจากก่อนหน้านี้ โซล วอชิงตัน และเคียฟ ระบุว่ามีทหารเกาหลีเหนืออยู่ในรัสเซียราว 12,000 นาย และทาง JCS เชื่อว่าในนั้นมีอย่างน้อย 1,100 นาย ที่เสียชีวิตหรือไม่ก็ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเป็นไปตามแถลงสรุปของหน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่รายงานว่ามีทหารเกาหลีเหนือเสียชีวิตไปแล้ว 100 นายและบาดเจ็บอีก 1,000 นาย ในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย . อย่างไรก็ตาม ล่าสุดในวันจันทร์ (23 ธ.ค.) ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กล่าวอ้างว่ามีทหารเกาหลีเหนือที่ถูกสังหารหรือไม่ก็ได้รับบาดเจ็บในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย เพิ่มเป็นมากกว่า 3,000 นายแล้ว และเตือนเช่นกันว่าเปียงยางอาจส่งบุคลากรและยุทโธปกรณ์เข้าไปเสริมกำลังแก่กองทัพรัสเซียเพิ่มเติม . "มีความเสี่ยงที่เกาหลีเหนือจะส่งทหารและยุทโธปกรณ์ป้อนเข้าสู่กองทัพรัสเซียเพิ่มเติม" เซเลนสกีเขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ หลังได้รับรายงานฉบับหนึ่งจาก โอเล็กซานด์ร ซีร์สกี ผู้บัญชาการทหารระดับสูงของเขา "เราจะต้องตอบโต้อย่างเป็นรูปธรรมในเรื่องนี้" . พวกเจ้าหน้าที่บอกว่า ความสัมพันธ์ทางทหารที่แน่นแฟ้นขึ้นระหว่างเกาหลีเหนือกับรัสเซีย อาจก่อภัยคุกคามสาหัสขึ้นแก่เกาหลีใต้ ในขณะที่พวกเขายกระดับความทันสมัยแก่กองกำลังตามแบบของตนเอง ที่เคยถูกมองว่าด้อยกว่าของโซล รวมถึงมีประสบการณ์ในการสู้รบในสมรภูมิจริงด้วย . ตามแนวชายแดนเกาหลีที่มีการคุ้มกันอย่างหนาแน่น เกาหลีเหนือส่งทหารมากกว่า 10,000 นาย เข้าไปปรับเปลี่ยนพื้นที่หนึ่งเป็นที่ดินเปล่า จัดตั้งแนวรั้วและขึงลวดหนามในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่จำนวนกำลังพลดังกล่าวลดลงสู่หลักหลายร้อยนายในช่วงสุดสัปดาห์ จากคำกล่าวอ้างของ JCS . JCS เผยแพร่ภาพถ่ายต่างๆ ที่เผยให้เห็นว่าทหารเกาหลีเหนือกลุ่มหนึ่งกำลังใช้แพะตัวหนึ่งทดสอบรั้วลวดหนามกระแสไฟฟ้า . นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ที่เกาหลีเหนือจะทดสอบขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกพิสัยปานกลางในช่วงสิ้นปี ก่อนหน้าที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปีหน้า ขณะเดียวกันก็อาจปล่อยบอลลูนขยะเข้าไปยังเกาหลีใต้เพิ่มเติม . เกาหลีเหนือปล่อยบอลลูนขยะหลายร้อยลูกเข้าไปยังเกาหลีใต้มาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม อ้างว่าเพื่อเป็นการตอบโต้บอลลูนบรรทุกใบปลิวโฆษณาชวนเชื่อที่พวกนักเคลื่อนไหวเกาหลีใต้ปล่อยเข้าสู่ดินแดนของพวกเขา . "ภายใต้การสนับสนุนของรัสเซีย มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาอาจดำเนินยุทธศาสตร์ยั่วยุต่างๆ ในปีหน้า อย่างเช่นยิงขีปนาวุธข้ามทวีปและทำการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อเสริมอำนาจของพวกเขาในการเจรจาต่อรองกับสหรัฐฯ" เจ้าหน้าที่ระบุ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000123172 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1209 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไต้หวัน ยกระดับเตือนภัย หลังจีนประกาศพื้นที่สงวนทางอากาศ รวมถึงประจำการเรือกองทัพเรือและยามชายฝั่ง ในสิ่งที่แหล่งข่าวด้านความมั่นคงเรียกว่าเป็นการซ้อมรบทางทหารครั้งแรก ที่ครอบคลุมทั่วน่านน้ำอันกว้างขวางในภูมิภาคแถบนี้
    .
    เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงระดับสูงของไต้หวัน บอกว่าจีนมีเรือของกองทัพเรือและเรือยามชายฝั่งเกือบ 90 ลำ อยู่ใกล้กับไต้หวัน หมู่เกาะต่างๆทางใต้ของญี่ปุ่น ในทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้ ซึ่งราวๆ 2 ใน 3 เป็นเรือของกองทัพเรือ
    .
    กระทรวงกลาโหมของปักกิ่งยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อรายงานข่าวนี้
    .
    ความเคลื่อนไหวครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลางความคาดหมายว่า จีน ที่กล่าวอ้างว่า ไต้หวัน ซึ่งปกครองตนเองตามระบอบประชาธิปไตย เป็นส่วนหนึ่งของดินแดน จะทำการซ้อมรบอีกรอบ ตอบโต้กรณีที่ประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อ เดินทางเยือนแปซิฟิก ในนั้นรวมถึงหยุดพักในฮาวายและกวม ดินแดนของสหรัฐฯ รอยเตอร์รายงานอ้างอิงแหล่งข่าวด้านความมั่นคง
    .
    จีน กำหนดพื้นที่สงวนทางอากาศชั่วคราวจนถึงวันพุธ(11ธ.ค.) ครอบคลุมมณฑลต่างๆทางตะวันออกอย่างเช่นฟูเจี้ยนและเจ้อเจียง กระทรวงกลาโหมไต้หวันระบุในถ้อยแถลง
    .
    ปกติแล้วพื้นที่ลักษณะดังกล่าวเป็นการจัดสรรไว้สำหรับใช้งานอย่างเจาะจงในช่วงเวลาหนึ่งที่กำหนดไว้ แต่เครื่องบินอื่นๆก็อาจสามารถบินผ่านไปได้หากได้รับอนุญาต ภายใต้กฎเกณฑ์ระหว่างประเทศ
    .
    ประกาศแจ้งภารกิจทางอากาศที่ออกโดยจีน ได้ให้พิกัด 7 พื้นที่ ซึ่งใน 2 ในนั้น อยู่ในมณฑลฟูเจี้ยน ที่หันหน้าเข้าให้ไต้หวัน แต่มันอยู่ใกล้กับชายฝั่งของจีน ส่วนที่เหลืออยู่ตามแนวชายฝั่งของมณฑลเจ้อเจียงและนอกชายฝั่งเซี่ยงไฮ้ ในทะเลจีนตะวันออก
    .
    อย่างไรก็ตาม จีน ไม่แถลงอย่างเจาะจงเกี่ยวกับการทดสอบอาวุธใดๆหรือขอบเขตปฏิบัติการทางทหาร หลังจากก่อนหน้านี้ในเดือนสิงหาคม 2022 พวกเขารัวยิงขีปนาวุธเป็นชุดลงสู่น่านน้ำรอบๆไต้หวัน ระหว่างการซ้อมรบ เพื่อประท้วงกรณีที่นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯ ณ ขณะนั้น เดินทางเยือนกรุงไทเป
    .
    ในความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯบอกว่าพวกเขากำลังจับตาอย่างใกล้ชิด ต่อความเคลื่อนไหวทางทหารของจีนใกล้ไต้หวัน
    .
    "เรายังคงเรียกร้องสาธารณรัฐประชาชนจีน ให้ดำเนินการด้วยความอดทนอดกลั้นและหลีกเลี่ยงการกระทำต่างๆที่อาจบ่อนทำลายสนติภาพและเสถียรภาพทั่วช่องแคบไต้หวันและภูมิภาคในวงกว้าง การแวะพักตามปกติของประธานาธิบดีไล่ ไม่ควรถูกใช้เป็นข้ออ้างสำหรับแรงกดดันทางทหาร" โฆษกกระทรวงการต่างประเทศไต้หวันระบุ
    .
    เจ้าหน้าที่ไต้หวัน ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม บอกว่าการประจำการเรือครั้งนี้ของจีน ถือว่าเป็นความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่มากกว่าการซ้อมรบใหญ่รอบๆไต้หวัน 2 ครั้งก่อนหน้านี้ ในปีนี้
    .
    "เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเล็งเป้าหมายแนวสายโซ่หมู่เกาะทั้งหมด" แหล่งข่าวระบุ อ้างถึงพื้นที่ที่ทอดยาวจากญี่ปุ่นไปจนถึงไต้หวัน ฟิลิปปินส์และเกาะบอร์เนียว ปิดล้อมทะเลต่างๆที่อยู่รอบชายฝั่งของจีน "มันมีเจตนาโดยรวมเพื่อบรรลุเป้าหมายข่มขู่ทางทหาร ด้วยการจัดวางกำลังเพื่อควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของสายโซ่หมู่เกาะ"
    .
    "พฤติกรรมยั่วยุแต่เพียงฝ่ายเดียวและไม่มีเหตุผล อาจก่อความเสียหายร้ายแรงแก่สันติภาพและเสถียรภาพในอินโด-แปซิฟิก และไม่เป็นที่ยินดีของประชาคมนานาชาติ" กระทรวงกลาโหมไต้หวันระบุ
    .
    ปักกิ่ง เคยตราหน้า "ไล่" ว่าเป็นพวกแบ่งแยกดินแดน และปฏิเสธเสียงเรียกร้องของเขาซ้ำๆที่ขอให้มีการเจรจา ส่วนทางไทเปปฏิเสธคำกล่าวอ้างด้านอธิปไตยของปักกิ่งเช่นกัน บอกว่ามีเพียงประชาชนชาวไต้หวันเท่านั้น ที่จะเป็นผู้ตัดสินอนาคตของตนเอง
    .
    การสำแดงสรรพกำลังของจีนรอบๆไต้หวันและในพื้นที่พิพาททะเลจีนใต้ ได้โหมกระพือความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้ง
    .
    ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯบอกกับทหารเรืออเมริกาในญี่ปุ่น ว่าจีนเป็นเพียงประเทศที่มีเจตนาและมีแสนยานุภาพเพิ่มมากขึ้น ที่จะท้าทายระเบียบระหว่างประเทศที่มีกฎกติกาเป็นรากฐาน "ดังนั้น เราจึงต้องการเห็นภูมิภาคแถบนี้ พื้นที่นี้ ยังคงเปิดกว้างสำหรับเสรีภาพในการล่องเรือ และสามารถบินเหนือบนท้องฟ้าและน่านฟ้าสากลตามที่เราต้องการ"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000118435
    ..............
    Sondhi X
    ไต้หวัน ยกระดับเตือนภัย หลังจีนประกาศพื้นที่สงวนทางอากาศ รวมถึงประจำการเรือกองทัพเรือและยามชายฝั่ง ในสิ่งที่แหล่งข่าวด้านความมั่นคงเรียกว่าเป็นการซ้อมรบทางทหารครั้งแรก ที่ครอบคลุมทั่วน่านน้ำอันกว้างขวางในภูมิภาคแถบนี้ . เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงระดับสูงของไต้หวัน บอกว่าจีนมีเรือของกองทัพเรือและเรือยามชายฝั่งเกือบ 90 ลำ อยู่ใกล้กับไต้หวัน หมู่เกาะต่างๆทางใต้ของญี่ปุ่น ในทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้ ซึ่งราวๆ 2 ใน 3 เป็นเรือของกองทัพเรือ . กระทรวงกลาโหมของปักกิ่งยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อรายงานข่าวนี้ . ความเคลื่อนไหวครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลางความคาดหมายว่า จีน ที่กล่าวอ้างว่า ไต้หวัน ซึ่งปกครองตนเองตามระบอบประชาธิปไตย เป็นส่วนหนึ่งของดินแดน จะทำการซ้อมรบอีกรอบ ตอบโต้กรณีที่ประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อ เดินทางเยือนแปซิฟิก ในนั้นรวมถึงหยุดพักในฮาวายและกวม ดินแดนของสหรัฐฯ รอยเตอร์รายงานอ้างอิงแหล่งข่าวด้านความมั่นคง . จีน กำหนดพื้นที่สงวนทางอากาศชั่วคราวจนถึงวันพุธ(11ธ.ค.) ครอบคลุมมณฑลต่างๆทางตะวันออกอย่างเช่นฟูเจี้ยนและเจ้อเจียง กระทรวงกลาโหมไต้หวันระบุในถ้อยแถลง . ปกติแล้วพื้นที่ลักษณะดังกล่าวเป็นการจัดสรรไว้สำหรับใช้งานอย่างเจาะจงในช่วงเวลาหนึ่งที่กำหนดไว้ แต่เครื่องบินอื่นๆก็อาจสามารถบินผ่านไปได้หากได้รับอนุญาต ภายใต้กฎเกณฑ์ระหว่างประเทศ . ประกาศแจ้งภารกิจทางอากาศที่ออกโดยจีน ได้ให้พิกัด 7 พื้นที่ ซึ่งใน 2 ในนั้น อยู่ในมณฑลฟูเจี้ยน ที่หันหน้าเข้าให้ไต้หวัน แต่มันอยู่ใกล้กับชายฝั่งของจีน ส่วนที่เหลืออยู่ตามแนวชายฝั่งของมณฑลเจ้อเจียงและนอกชายฝั่งเซี่ยงไฮ้ ในทะเลจีนตะวันออก . อย่างไรก็ตาม จีน ไม่แถลงอย่างเจาะจงเกี่ยวกับการทดสอบอาวุธใดๆหรือขอบเขตปฏิบัติการทางทหาร หลังจากก่อนหน้านี้ในเดือนสิงหาคม 2022 พวกเขารัวยิงขีปนาวุธเป็นชุดลงสู่น่านน้ำรอบๆไต้หวัน ระหว่างการซ้อมรบ เพื่อประท้วงกรณีที่นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯ ณ ขณะนั้น เดินทางเยือนกรุงไทเป . ในความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯบอกว่าพวกเขากำลังจับตาอย่างใกล้ชิด ต่อความเคลื่อนไหวทางทหารของจีนใกล้ไต้หวัน . "เรายังคงเรียกร้องสาธารณรัฐประชาชนจีน ให้ดำเนินการด้วยความอดทนอดกลั้นและหลีกเลี่ยงการกระทำต่างๆที่อาจบ่อนทำลายสนติภาพและเสถียรภาพทั่วช่องแคบไต้หวันและภูมิภาคในวงกว้าง การแวะพักตามปกติของประธานาธิบดีไล่ ไม่ควรถูกใช้เป็นข้ออ้างสำหรับแรงกดดันทางทหาร" โฆษกกระทรวงการต่างประเทศไต้หวันระบุ . เจ้าหน้าที่ไต้หวัน ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม บอกว่าการประจำการเรือครั้งนี้ของจีน ถือว่าเป็นความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่มากกว่าการซ้อมรบใหญ่รอบๆไต้หวัน 2 ครั้งก่อนหน้านี้ ในปีนี้ . "เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเล็งเป้าหมายแนวสายโซ่หมู่เกาะทั้งหมด" แหล่งข่าวระบุ อ้างถึงพื้นที่ที่ทอดยาวจากญี่ปุ่นไปจนถึงไต้หวัน ฟิลิปปินส์และเกาะบอร์เนียว ปิดล้อมทะเลต่างๆที่อยู่รอบชายฝั่งของจีน "มันมีเจตนาโดยรวมเพื่อบรรลุเป้าหมายข่มขู่ทางทหาร ด้วยการจัดวางกำลังเพื่อควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของสายโซ่หมู่เกาะ" . "พฤติกรรมยั่วยุแต่เพียงฝ่ายเดียวและไม่มีเหตุผล อาจก่อความเสียหายร้ายแรงแก่สันติภาพและเสถียรภาพในอินโด-แปซิฟิก และไม่เป็นที่ยินดีของประชาคมนานาชาติ" กระทรวงกลาโหมไต้หวันระบุ . ปักกิ่ง เคยตราหน้า "ไล่" ว่าเป็นพวกแบ่งแยกดินแดน และปฏิเสธเสียงเรียกร้องของเขาซ้ำๆที่ขอให้มีการเจรจา ส่วนทางไทเปปฏิเสธคำกล่าวอ้างด้านอธิปไตยของปักกิ่งเช่นกัน บอกว่ามีเพียงประชาชนชาวไต้หวันเท่านั้น ที่จะเป็นผู้ตัดสินอนาคตของตนเอง . การสำแดงสรรพกำลังของจีนรอบๆไต้หวันและในพื้นที่พิพาททะเลจีนใต้ ได้โหมกระพือความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้ง . ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯบอกกับทหารเรืออเมริกาในญี่ปุ่น ว่าจีนเป็นเพียงประเทศที่มีเจตนาและมีแสนยานุภาพเพิ่มมากขึ้น ที่จะท้าทายระเบียบระหว่างประเทศที่มีกฎกติกาเป็นรากฐาน "ดังนั้น เราจึงต้องการเห็นภูมิภาคแถบนี้ พื้นที่นี้ ยังคงเปิดกว้างสำหรับเสรีภาพในการล่องเรือ และสามารถบินเหนือบนท้องฟ้าและน่านฟ้าสากลตามที่เราต้องการ" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000118435 .............. Sondhi X
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1380 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เห็นชอบความเป็นไปได้ในการขายระบบป้องกันภัยทางอากาศและเรดาร์แก่ไต้หวัน อ้างอิงข้อมูลจากเพนตากอน ขณะที่การจัดซื้ออาวุธอเมริกาโดยไทเป จำเป็นต้องมีบุคลากรของสหรัฐฯ เดินทางไปประจำการในไต้หวัน เพื่อสนับสนุนทางเทคนิคและฝึกฝนทหารท้องถิ่น
    .
    แน่นอนว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะก่อความเดือดดาลแก่จีนเป็นอย่างยิ่ง โดยที่ผ่านมา ปักกิ่งซึ่งมองเกาะปกครองตนเองแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของดินแดน มองความสัมพันธ์ในด้านนี้ระหว่างไต้หวันกับสหรัฐฯ เป็นการละเมิดอธิปไตยของพวกเขา
    .
    ความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้มีขึ้นหลังจากเมื่อไม่กี่วันก่อน วอชิงตันได้ทำการส่งมอบขีปนาวุธต่อต้านเรือ Harpoon Block II ล็อตแรกจำนวนหลายร้อยลูกให้แก่ไทเป ภายใต้ข้อตกลงหนึ่งที่ได้รับการอนุมัติในปี 2020
    .
    ในถ้อยแถลงที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ (25 ต.ค.) สำนักงานความร่วมมือความมั่นคงกลาโหม (DSCA: Defense Security Cooperation Agency) สังกัดกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ แถลงว่าพวกเขาได้รับความเห็นชอบสำหรับความเป็นไปได้ในการ "การขายอาวุธให้ต่างประเทศ" แก่สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเปในสหรัฐฯ ซึ่งคือระบบป้องกันขีปนาวุธจากพื้นสู่อากาศขั้นสูง NASAMS และอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง มูลค่าประมาณ 1,160 ล้านดอลลาร์
    .
    ในเอกสารระบุว่าไต้หวันขอซื้อระบบนี้ที่ผลิตโดยบริษัทเรย์เธียน 3 ชุด และขีปนาวุธที่ใช้กับระบบดังกล่าว 123 ลูก
    .
    ถ้อยแถลงเน้นว่าเพื่อทำตามข้อเสนอขายนี้ จำเป็นต้องมอบหมายหน้าที่แก่เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ 26 คน และตัวแทนจากบริษัทสัญญาจ้าง 34 ราย ให้เดินทางไปประจำการในไต้หวัน เป็นระยะเวลาหนึ่งซึ่งนานพอสมควร เพื่อให้การสนับสนุนทางเทคนิคและฝึกฝนแก่บุคลากรทางทหารท้องถิ่น
    .
    ทั้งนี้ ในข่าวประชาสัมพันธ์อีกฉบับที่เผยแพร่ในวันเดียวกัน ยังเผยด้วยว่าทางกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ไฟเขียวความเป็นไปได้ในการขายระบบเรดาร์ AN/TPS-77 และ AN/TPS-78 รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง มูลค่าราว 828 ล้านดอลลาร์ แก่ไต้หวัน
    .
    ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนที่แล้ว ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ เพิ่งอนุมัติมอบความช่วยเหลือด้านการทหารเพิ่มเติมแก่ไต้หวันอีก 567 ล้านดอลลาร์
    .
    ระหว่างพบปะกับ เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ในกรุงปักกิ่ง เมื่อช่วงปลายเดือนสิงหาคม ทาง หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน เรียกร้องวอชิงตันให้หยุดขายอาวุธแก่ไต้หวัน
    .
    ขณะเดียวกัน ระหว่างการแถลงข่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โฆษกสำนักงานกิจการไต้หวันของจีน เตือนว่า ปักกิ่งไม่เคยผูกมัดตนเองในการตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังกับไต้หวัน และสถานการณ์ดังกล่าวอาจเป็นจริงขึ้นมาหากว่าเกาะปกครองตนเองแห่งนี้ประกาศเอกราช
    .
    คำเตือนดังกล่าวมีขึ้นไม่นานหลังจากจีน ทำการซ้อมรบทางทหารครั้งใหญ่ใกล้เกาะไต้หวัน
    .
    กองทัพปลดแอกประชาชนจีน เปิดการซ้อมรบเป็นเวลา 1 วัน ที่ใช้ชื่อรหัสว่า “ดาบประสาน 2024 บี” (Joint Sword-2024B Exercise) ในพื้นที่รอบๆ และใกล้เกาะไต้หวันเมื่อวันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม โดยจุดที่มีการเน้นหนักแข็งขันคือการฝึกเพื่อป้องปรามไม่ให้สหรัฐฯ สามารถเข้ามาแทรกแซงในกรณีที่เกิดการสู้รบใดๆ ขึ้นในช่องแคบไต้หวัน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000103353
    ..............
    Sondhi X
    กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เห็นชอบความเป็นไปได้ในการขายระบบป้องกันภัยทางอากาศและเรดาร์แก่ไต้หวัน อ้างอิงข้อมูลจากเพนตากอน ขณะที่การจัดซื้ออาวุธอเมริกาโดยไทเป จำเป็นต้องมีบุคลากรของสหรัฐฯ เดินทางไปประจำการในไต้หวัน เพื่อสนับสนุนทางเทคนิคและฝึกฝนทหารท้องถิ่น . แน่นอนว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะก่อความเดือดดาลแก่จีนเป็นอย่างยิ่ง โดยที่ผ่านมา ปักกิ่งซึ่งมองเกาะปกครองตนเองแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของดินแดน มองความสัมพันธ์ในด้านนี้ระหว่างไต้หวันกับสหรัฐฯ เป็นการละเมิดอธิปไตยของพวกเขา . ความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้มีขึ้นหลังจากเมื่อไม่กี่วันก่อน วอชิงตันได้ทำการส่งมอบขีปนาวุธต่อต้านเรือ Harpoon Block II ล็อตแรกจำนวนหลายร้อยลูกให้แก่ไทเป ภายใต้ข้อตกลงหนึ่งที่ได้รับการอนุมัติในปี 2020 . ในถ้อยแถลงที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ (25 ต.ค.) สำนักงานความร่วมมือความมั่นคงกลาโหม (DSCA: Defense Security Cooperation Agency) สังกัดกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ แถลงว่าพวกเขาได้รับความเห็นชอบสำหรับความเป็นไปได้ในการ "การขายอาวุธให้ต่างประเทศ" แก่สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเปในสหรัฐฯ ซึ่งคือระบบป้องกันขีปนาวุธจากพื้นสู่อากาศขั้นสูง NASAMS และอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง มูลค่าประมาณ 1,160 ล้านดอลลาร์ . ในเอกสารระบุว่าไต้หวันขอซื้อระบบนี้ที่ผลิตโดยบริษัทเรย์เธียน 3 ชุด และขีปนาวุธที่ใช้กับระบบดังกล่าว 123 ลูก . ถ้อยแถลงเน้นว่าเพื่อทำตามข้อเสนอขายนี้ จำเป็นต้องมอบหมายหน้าที่แก่เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ 26 คน และตัวแทนจากบริษัทสัญญาจ้าง 34 ราย ให้เดินทางไปประจำการในไต้หวัน เป็นระยะเวลาหนึ่งซึ่งนานพอสมควร เพื่อให้การสนับสนุนทางเทคนิคและฝึกฝนแก่บุคลากรทางทหารท้องถิ่น . ทั้งนี้ ในข่าวประชาสัมพันธ์อีกฉบับที่เผยแพร่ในวันเดียวกัน ยังเผยด้วยว่าทางกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ไฟเขียวความเป็นไปได้ในการขายระบบเรดาร์ AN/TPS-77 และ AN/TPS-78 รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง มูลค่าราว 828 ล้านดอลลาร์ แก่ไต้หวัน . ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนที่แล้ว ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ เพิ่งอนุมัติมอบความช่วยเหลือด้านการทหารเพิ่มเติมแก่ไต้หวันอีก 567 ล้านดอลลาร์ . ระหว่างพบปะกับ เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ในกรุงปักกิ่ง เมื่อช่วงปลายเดือนสิงหาคม ทาง หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน เรียกร้องวอชิงตันให้หยุดขายอาวุธแก่ไต้หวัน . ขณะเดียวกัน ระหว่างการแถลงข่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โฆษกสำนักงานกิจการไต้หวันของจีน เตือนว่า ปักกิ่งไม่เคยผูกมัดตนเองในการตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังกับไต้หวัน และสถานการณ์ดังกล่าวอาจเป็นจริงขึ้นมาหากว่าเกาะปกครองตนเองแห่งนี้ประกาศเอกราช . คำเตือนดังกล่าวมีขึ้นไม่นานหลังจากจีน ทำการซ้อมรบทางทหารครั้งใหญ่ใกล้เกาะไต้หวัน . กองทัพปลดแอกประชาชนจีน เปิดการซ้อมรบเป็นเวลา 1 วัน ที่ใช้ชื่อรหัสว่า “ดาบประสาน 2024 บี” (Joint Sword-2024B Exercise) ในพื้นที่รอบๆ และใกล้เกาะไต้หวันเมื่อวันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม โดยจุดที่มีการเน้นหนักแข็งขันคือการฝึกเพื่อป้องปรามไม่ให้สหรัฐฯ สามารถเข้ามาแทรกแซงในกรณีที่เกิดการสู้รบใดๆ ขึ้นในช่องแคบไต้หวัน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000103353 .............. Sondhi X
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2034 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปียงยางระเบิดถนนและทางรถไฟเชื่อมต่อสองเกาหลีในฝั่งของตน ขณะที่คิม โยจอง น้องสาวผู้ทรงอิทธิพลของผู้นำคิม ยันมีหลักฐานชัดเจนว่า กองทัพเกาหลีใต้อยู่เบื้องหลังการส่งโดรนรุกล้ำไปถึงเมืองหลวงเกาหลีเหนือเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พร้อมประกาศว่าผู้ยั่วยุจะต้องจ่ายราคาแพงมาก ด้านจีนเรียกร้องทุกฝ่ายหลีกเลี่ยงการทำให้ความขัดแย้งลุกลาม
    .
    คณะเสนาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้ (เจซีเอส) แถลงในวันอังคาร (15 ต.ค.) ว่า เกาหลีเหนือระเบิดทำลายถนนและทางรถไฟบางส่วนที่เชื่อมต่อกับเกาหลีใต้เมื่อราวเที่ยงวันเดียวกัน และกองทัพเกาหลีใต้ได้ยิงเตือนจากบริเวณเส้นแบ่งเขตแดนทางทหารในฝั่งของตนเพื่อเป็นการตอบโต้ แม้การระเบิดดังกล่าวไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหายในฝั่งโสมขาวก็ตาม
    .
    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากสัปดาห์ที่แล้วเปียงยางประกาศจะตัดขาดถนนและทางรถไฟทุกสายที่เชื่อมต่อระหว่างสองเกาหลี และสร้างกำแพงตลอดแนวพรมแดน จากนั้นเกาหลีใต้เตือนเมื่อวันจันทร์ (14) ว่า เกาหลีเหนือพร้อมระเบิดถนนและทางรถไฟแล้ว
    .
    เจซีเอสเสริมว่า เกาหลีเหนือยังฝังทุ่นระเบิดและสร้างแนวเครื่องกีดขวางรถถังตลอดชายแดน และจากการสังเกตการณ์เมื่อวันจันทร์พบว่า เปียงยางติดตั้งอุปกรณ์หนักเพิ่มเติมที่แนวป้องกันดังกล่าว ขณะที่เกาหลีใต้ก็ได้ยกระดับการเฝ้าระวังและการเตรียมพร้อมสำหรับรับมือกับความเคลื่อนไหวล่าสุดของเปียงยางแล้ว
    .
    เวลาเดียวกัน กระทรวงรวมชาติของเกาหลีใต้ได้แถลงประณามการกระทำล่าสุดของเปียงยางว่า เป็นการยั่วยุที่ผิดปกติมาก และสำทับว่า เกาหลีใต้หมดเงินหลายล้านดอลลาร์กับการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้ และทางเกาหลีเหนือยังคงต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายนี้ในส่วนของพวกเขาเอง
    .
    ปัจจุบันทั้งเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ในทางเทคนิคแล้วยังคงถือว่าอยู่ในภาวะทำสงครามกัน เนื่องจากสงครามเกาหลีในช่วงระหว่างปี 1950-1953 สิ้นสุดลงด้วยการทำข้อตกลงหยุดยิง แต่ยังไม่มีการทำสนธิสัญญาสันติภาพ
    .
    เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเปียงยางกล่าวหาโซลส่งโดรนไปปล่อยใบปลิวโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านตนถึงในกรุงเปียงยางมาแล้วหลายครั้ง และผู้นำคิม จองอึน เรียกประชุมฝ่ายความมั่นคงเพื่อบัญชาการแผนการทางทหารเพื่อตอบโต้
    .
    ทางด้านกองทัพเกาหลีใต้นั้นแรกเริ่มได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว แต่ต่อมาก็งดแสดงความคิดเห็น แม้กระทั่งเมื่อเปียงยางเตือนสำทับว่า หากยังพบโดรนรุกล้ำเข้าไปอีก จะถือเป็นการประกาศสงคราม
    .
    ในวันอังคาร (15) คิม โยจอง น้องสาวผู้ทรงอิทธิพลของผู้นำคิม ยังได้ออกคำแถลงระบุว่า มีหลักฐานชัดเจนว่ากองทัพเกาหลีใต้คืออยู่เบื้องหลังการส่งโดรนรุกล้ำไปถึงเปียงยาง พร้อมกับบอกว่าผู้ยั่วยุจะต้องจ่ายราคาแพงมาก
    .
    ที่ผ่านมา กลุ่มนักเคลื่อนไหวในเกาหลีใต้มักส่งบอลลูนไปปล่อยใบปลิวโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านผู้นำเกาหลีเหนือและเนื้อหาอื่นๆ รวมถึงอุปกรณ์ยูเอสบีที่บรรจุเพลงเค-ป็อป และซีรีส์เกาหลีเข้าไปในแดนโสมแดง อย่างไรก็ดี เป็นที่รับรู้ว่า มีนักเคลื่อนไหวหัวรุนแรงบางคนเคยส่งโดรนขนาดเล็กที่ทำจากเอ็กซ์แพนด์โพลีโพรพีลีน ซึ่งทำให้ตรวจจับได้ยาก เข้าไปในเกาหลีเหนือเช่นกัน
    .
    สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเปียงยางรายงานว่า ในการประชุมฝ่ายความมั่นคงเมื่อวันจันทร์ มีการรายงานเกี่ยวกับการยั่วยุอันตรายของศัตรู และผู้นำคิมแสดงจุดยืนทางการเมืองและการทหารอย่างแข็งกร้าว
    .
    เกาหลีเหนือยังระบุว่า อเมริกาที่เป็นพันธมิตรทางการทหารกับเกาหลีใต้ ต้องร่วมรับผิดชอบด้วย
    .
    เปียงยางเองเคยส่งโดรน 5 ลำเข้าไปในเกาหลีใต้ในปี 2022 ทำให้กองทัพเกาหลีใต้ยิงเตือนและส่งเครื่องบินขับไล่ขึ้นไปสกัด แต่ไม่สามารถยิงโดรนเหล่านั้นได้
    .
    กระทั่งในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โซลประกาศว่า ภายในปีนี้จะใช้ระบบเลเซอร์ทำลายโดรน ซึ่งมีชื่อว่า “โครงการสตาร์วอร์” ยิงลำแสงที่มองไม่เห็นและไม่มีเสียง โจมตีโดรนให้ระเบิด โดยใช้ต้นทุนต่ำมากเพียง 1.45 ดอลลาร์ต่อการใช้งานหนึ่งครั้ง และสำทับว่า ด้วยระบบเช่นนี้ ศักยภาพของโซลในการตอบโต้การยั่วยุจะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
    .
    ทางด้าน ชอง ซองชาง จากสถาบันเซจอง ในเกาหลีใต้ ชี้ว่า ภายหลังการประชุมของผู้นำคิม ความสนใจได้โฟกัสไปยังเรื่องที่ว่า เกาหลีเหนือจะตอบโต้ด้วยการส่งโดรนเข้าไปในเกาหลีใต้ หรือใช้มาตรการแข็งกร้าวหากโดรนจากเกาหลีใต้ยังรุกล้ำเข้าไปอีก
    .
    ส่วนที่ปักกิ่ง เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวระหว่างแถลงข่าวประจำวันตามปกติในวันอังคารว่า ความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลีไม่ได้เป็นประโยชน์กับฝ่ายใด สิ่งสำคัญที่สุดคือหลีกเลี่ยงการทำให้ความขัดแย้งลุกลาม และย้ำว่า จุดยืนของจีนคือการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคดังกล่าว รวมทั้งส่งเสริมการแก้ปัญหาด้วยวิธีการทางการเมือง และหวังว่า ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะพยายามเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้เช่นเดียวกัน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000099598
    ..............
    Sondhi X
    เปียงยางระเบิดถนนและทางรถไฟเชื่อมต่อสองเกาหลีในฝั่งของตน ขณะที่คิม โยจอง น้องสาวผู้ทรงอิทธิพลของผู้นำคิม ยันมีหลักฐานชัดเจนว่า กองทัพเกาหลีใต้อยู่เบื้องหลังการส่งโดรนรุกล้ำไปถึงเมืองหลวงเกาหลีเหนือเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พร้อมประกาศว่าผู้ยั่วยุจะต้องจ่ายราคาแพงมาก ด้านจีนเรียกร้องทุกฝ่ายหลีกเลี่ยงการทำให้ความขัดแย้งลุกลาม . คณะเสนาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้ (เจซีเอส) แถลงในวันอังคาร (15 ต.ค.) ว่า เกาหลีเหนือระเบิดทำลายถนนและทางรถไฟบางส่วนที่เชื่อมต่อกับเกาหลีใต้เมื่อราวเที่ยงวันเดียวกัน และกองทัพเกาหลีใต้ได้ยิงเตือนจากบริเวณเส้นแบ่งเขตแดนทางทหารในฝั่งของตนเพื่อเป็นการตอบโต้ แม้การระเบิดดังกล่าวไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหายในฝั่งโสมขาวก็ตาม . เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากสัปดาห์ที่แล้วเปียงยางประกาศจะตัดขาดถนนและทางรถไฟทุกสายที่เชื่อมต่อระหว่างสองเกาหลี และสร้างกำแพงตลอดแนวพรมแดน จากนั้นเกาหลีใต้เตือนเมื่อวันจันทร์ (14) ว่า เกาหลีเหนือพร้อมระเบิดถนนและทางรถไฟแล้ว . เจซีเอสเสริมว่า เกาหลีเหนือยังฝังทุ่นระเบิดและสร้างแนวเครื่องกีดขวางรถถังตลอดชายแดน และจากการสังเกตการณ์เมื่อวันจันทร์พบว่า เปียงยางติดตั้งอุปกรณ์หนักเพิ่มเติมที่แนวป้องกันดังกล่าว ขณะที่เกาหลีใต้ก็ได้ยกระดับการเฝ้าระวังและการเตรียมพร้อมสำหรับรับมือกับความเคลื่อนไหวล่าสุดของเปียงยางแล้ว . เวลาเดียวกัน กระทรวงรวมชาติของเกาหลีใต้ได้แถลงประณามการกระทำล่าสุดของเปียงยางว่า เป็นการยั่วยุที่ผิดปกติมาก และสำทับว่า เกาหลีใต้หมดเงินหลายล้านดอลลาร์กับการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้ และทางเกาหลีเหนือยังคงต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายนี้ในส่วนของพวกเขาเอง . ปัจจุบันทั้งเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ในทางเทคนิคแล้วยังคงถือว่าอยู่ในภาวะทำสงครามกัน เนื่องจากสงครามเกาหลีในช่วงระหว่างปี 1950-1953 สิ้นสุดลงด้วยการทำข้อตกลงหยุดยิง แต่ยังไม่มีการทำสนธิสัญญาสันติภาพ . เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเปียงยางกล่าวหาโซลส่งโดรนไปปล่อยใบปลิวโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านตนถึงในกรุงเปียงยางมาแล้วหลายครั้ง และผู้นำคิม จองอึน เรียกประชุมฝ่ายความมั่นคงเพื่อบัญชาการแผนการทางทหารเพื่อตอบโต้ . ทางด้านกองทัพเกาหลีใต้นั้นแรกเริ่มได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว แต่ต่อมาก็งดแสดงความคิดเห็น แม้กระทั่งเมื่อเปียงยางเตือนสำทับว่า หากยังพบโดรนรุกล้ำเข้าไปอีก จะถือเป็นการประกาศสงคราม . ในวันอังคาร (15) คิม โยจอง น้องสาวผู้ทรงอิทธิพลของผู้นำคิม ยังได้ออกคำแถลงระบุว่า มีหลักฐานชัดเจนว่ากองทัพเกาหลีใต้คืออยู่เบื้องหลังการส่งโดรนรุกล้ำไปถึงเปียงยาง พร้อมกับบอกว่าผู้ยั่วยุจะต้องจ่ายราคาแพงมาก . ที่ผ่านมา กลุ่มนักเคลื่อนไหวในเกาหลีใต้มักส่งบอลลูนไปปล่อยใบปลิวโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านผู้นำเกาหลีเหนือและเนื้อหาอื่นๆ รวมถึงอุปกรณ์ยูเอสบีที่บรรจุเพลงเค-ป็อป และซีรีส์เกาหลีเข้าไปในแดนโสมแดง อย่างไรก็ดี เป็นที่รับรู้ว่า มีนักเคลื่อนไหวหัวรุนแรงบางคนเคยส่งโดรนขนาดเล็กที่ทำจากเอ็กซ์แพนด์โพลีโพรพีลีน ซึ่งทำให้ตรวจจับได้ยาก เข้าไปในเกาหลีเหนือเช่นกัน . สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเปียงยางรายงานว่า ในการประชุมฝ่ายความมั่นคงเมื่อวันจันทร์ มีการรายงานเกี่ยวกับการยั่วยุอันตรายของศัตรู และผู้นำคิมแสดงจุดยืนทางการเมืองและการทหารอย่างแข็งกร้าว . เกาหลีเหนือยังระบุว่า อเมริกาที่เป็นพันธมิตรทางการทหารกับเกาหลีใต้ ต้องร่วมรับผิดชอบด้วย . เปียงยางเองเคยส่งโดรน 5 ลำเข้าไปในเกาหลีใต้ในปี 2022 ทำให้กองทัพเกาหลีใต้ยิงเตือนและส่งเครื่องบินขับไล่ขึ้นไปสกัด แต่ไม่สามารถยิงโดรนเหล่านั้นได้ . กระทั่งในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โซลประกาศว่า ภายในปีนี้จะใช้ระบบเลเซอร์ทำลายโดรน ซึ่งมีชื่อว่า “โครงการสตาร์วอร์” ยิงลำแสงที่มองไม่เห็นและไม่มีเสียง โจมตีโดรนให้ระเบิด โดยใช้ต้นทุนต่ำมากเพียง 1.45 ดอลลาร์ต่อการใช้งานหนึ่งครั้ง และสำทับว่า ด้วยระบบเช่นนี้ ศักยภาพของโซลในการตอบโต้การยั่วยุจะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน . ทางด้าน ชอง ซองชาง จากสถาบันเซจอง ในเกาหลีใต้ ชี้ว่า ภายหลังการประชุมของผู้นำคิม ความสนใจได้โฟกัสไปยังเรื่องที่ว่า เกาหลีเหนือจะตอบโต้ด้วยการส่งโดรนเข้าไปในเกาหลีใต้ หรือใช้มาตรการแข็งกร้าวหากโดรนจากเกาหลีใต้ยังรุกล้ำเข้าไปอีก . ส่วนที่ปักกิ่ง เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวระหว่างแถลงข่าวประจำวันตามปกติในวันอังคารว่า ความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลีไม่ได้เป็นประโยชน์กับฝ่ายใด สิ่งสำคัญที่สุดคือหลีกเลี่ยงการทำให้ความขัดแย้งลุกลาม และย้ำว่า จุดยืนของจีนคือการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคดังกล่าว รวมทั้งส่งเสริมการแก้ปัญหาด้วยวิธีการทางการเมือง และหวังว่า ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะพยายามเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้เช่นเดียวกัน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000099598 .............. Sondhi X
    Like
    Wow
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1737 มุมมอง 0 รีวิว