• ส่วนตัวผมไม่สนใจข่าวการเมืองระดับชาติและระดับโลกจากสื่อกระแสหลักๆหรอกอะนะครับ เพราะมีแต่น่าเบื่อน่ารำคาญ พอๆกับโหนกระแส ตอนนี้เอาตัวเองให้รอดดีกว่า สมกับเป็นเซฟโซนหน่อย
    ส่วนตัวผมไม่สนใจข่าวการเมืองระดับชาติและระดับโลกจากสื่อกระแสหลักๆหรอกอะนะครับ เพราะมีแต่น่าเบื่อน่ารำคาญ พอๆกับโหนกระแส ตอนนี้เอาตัวเองให้รอดดีกว่า สมกับเป็นเซฟโซนหน่อย
    0 Comments 0 Shares 120 Views 0 Reviews
  • 📰 61 ปี หนังสือพิมพ์ “เดลินิวส์” จากบางกอกเดลิเมล์ สู่เดลินิวส์ออนไลน์ บันทึกความทรงจำของสื่อไทย ที่เติบโตเคียงข้างประชาชน

    ✨ 61 ปี แห่งการเปลี่ยนผ่านของสื่อที่ไม่หยุดนิ่ง ในยุคที่โลกหมุนเร็วด้วยข่าวสารและเทคโนโลยี 🌐 มีไม่กี่สื่อ ที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่างมั่นคง ตลอดระยะเวลากว่าครึ่งศตวรรษ แต่ “เดลินิวส์” คือหนึ่งในนั้น 🙌

    จากวันแรกของการก่อตั้ง เมื่อวันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2507 สู่การเป็นผู้นำข่าวระดับประเทศ ทั้งในรูปแบบสิ่งพิมพ์และออนไลน์ 🖥️ เส้นทางของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์นั้น ไม่เพียงแต่สะท้อนวิวัฒนาการ ของวงการสื่อไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นกระจกเงาสำคัญของประวัติศาสตร์ สังคม และการเมืองไทยตลอด 61 ปี ที่ผ่านมา

    📆 ย้อนเวลาสำรวจเส้นทางของหนังสือพิมพ์ ที่เริ่มต้นจาก “บางกอกเดลิเมล์” สู่การเป็น “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” และ “เดลินิวส์ออนไลน์” ในวันนี้ พร้อมทั้งเผยเบื้องหลังความเปลี่ยนแปลง วิสัยทัศน์ และจุดยืนของสื่อ ที่ไม่เคยละทิ้งภารกิจเพื่อประชาชนไทย 🇹🇭

    🕰 จุดเริ่มต้นจากบางกอกเดลิเมล์ ความกล้าในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2493 ประเทศไทยอยู่ในยุคหลังสงครามโลก ครั้งที่สอง 📜 สื่อยังถูกควบคุมโดยรัฐอย่างเข้มงวด การเปิดตัวหนังสือพิมพ์ใหม่ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ “นายห้างแสง เหตระกูล” ผู้มีประสบการณ์ในธุรกิจ "โรงพิมพ์ประชาช่าง" กลับกล้าเสี่ยง 🔍

    นายห้างแสงตัดสินใจซื้อกิจการ "หนังสือพิมพ์บางกอกเดลิเมล์" (Bangkok Daily Mail) ของนายหลุย คีรีวัตน์ ซึ่งได้หยุดดำเนินการไปตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 และรื้อฟื้นมันขึ้นใหม่ ในรูปแบบหนังสือพิมพ์รายปักษ์ชื่อว่า “เดลิเมล์วันจันทร์” ออกฉบับแรกเมื่อ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2493 📅

    ฉบับแรกมีพาดหัวว่า “นักศึกษา มธก.รากเลือดค้าน ก.พ.” เป็นการสะท้อนจุดยืนของสื่อ ที่กล้าแตะประเด็นทางสังคม การเมืองอย่างตรงไปตรงมา

    📰 เปลี่ยนผ่านอย่างมีทิศทาง จากเดลิเมล์ สู่แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์ ในช่วง พ.ศ. 2500 “บางกอกเดลิเมล์รายวัน” ขยับสู่การเป็นหนังสือพิมพ์รายวัน อย่างเต็มรูปแบบ ขยายขนาดหน้ากระดาษจาก 7 เป็น 8 คอลัมน์นิ้ว 🖨 ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ในวงการสื่อขณะนั้น 📈

    แต่แล้วจุดเปลี่ยนสำคัญก็เกิดขึ้น เมื่อรัฐบาล "จอมพลแปลก พิบูลสงคราม" ถูกโค่นล้มโดย "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" ซึ่งส่งผลให้สื่อหลายฉบับถูกตรวจสอบ และปิดตัวลง ❌

    ในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 “เดลิเมล์รายวัน” ถูกสั่งปิดโดยคำสั่งคณะปฏิวัติ มีการ ล่ามแท่นพิมพ์ด้วยโซ่ และลงครั่งประทับ ปิดฉากความกล้าหาญของสื่อเสรีในยุคนั้น อย่างสิ้นเชิง

    📢 เดลินิวส์ฉบับแรก กำเนิดเกิดใหม่ในนาม “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” แม้จะถูกสั่งปิด แต่ “นายห้างแสง” ไม่ยอมแพ้ ✊ เดินหน้าสู่บทใหม่ ซื้อหัวหนังสือพิมพ์ “แนวหน้า” และรวมเข้ากับชื่อเดิม กลายเป็น “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” 🗞

    วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2507 หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ออกวางแผงเป็นครั้งแรก โดยมี "นายประพันธ์ เหตระกูล" บุตรชายเป็นบรรณาธิการบริหาร

    พาดหัวฉบับแรกสร้างเสียงฮือฮาทันที “เมียน้อยจอมพลสฤษดิ์ท้องในอเมริกา พบรักแท้กับนักเรียนไทยวัยรุ่น” 😲 นำเสนอข่าวแบบเจาะลึกถึงตัวบุคคล และโครงสร้างอำนาจการเมือง

    🔍 ข่าวเด่นยุคแรก กล้าท้าชนอำนาจรัฐ เดลินิวส์มีจุดขายที่ชัดเจน คือการเสนอข่าวที่ตรงไปตรงมา 💥 โดยเฉพาะเรื่องของ "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับอนุภรรยากว่า 103 คน และทรัพย์สินมูลค่ากว่า 2,874 ล้านบาท 😮

    นอกจากนี้ยังเปิดโปงคดีอาชญากรรม การทุจริต และประเด็นอ่อนไหวที่สื่ออื่นหลีกเลี่ยง จึงได้รับความนิยมจากผู้อ่านในวงกว้าง และถือเป็น “กระบอกเสียงของประชาชน” ที่แท้จริง

    📈 ก้าวข้ามวิกฤตเศรษฐกิจ ปรับคุณภาพเพื่อความอยู่รอด ช่วง พ.ศ. 2516 - 2517 ทั่วโลกประสบปัญหาน้ำมันขาดแคลน ทำให้ต้นทุนการผลิตหนังสือพิมพ์สูงขึ้น 📉 หนังสือพิมพ์หลายฉบับต้องขึ้นราคาขาย เดลินิวส์ก็เช่นกัน โดยปรับขึ้น 50 สตางค์ 💸

    แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ เดลินิวส์ ไม่ลดคุณภาพข่าว ตรงกันข้ามกลับเพิ่มคอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง และข่าวสังคม มากขึ้น ส่งผลให้ได้รับความเชื่อถือจากผู้อ่าน อย่างต่อเนื่อง ✨

    📚 เปลี่ยนชื่อเป็น “เดลินิวส์” อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2522 บริษัทสี่พระยาการพิมพ์ จำกัด ได้ยื่นเรื่องเปลี่ยนชื่อหนังสือพิมพ์เป็น “เดลินิวส์” และได้รับอนุญาตในวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2522 🎉

    ต่อมา เดลินิวส์ได้ขยายสำนักงานจากถนนสี่พระยา มาที่ถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งเป็นที่ตั้งปัจจุบัน 🏢 พร้อมขยายจำนวนหน้าจาก 16 เป็น 48 หน้า และเพิ่มราคาจำหน่ายจาก 1 บาท เป็น 10 บาทในปัจจุบัน

    🖨 นวัตกรรมการพิมพ์ ก้าวสู่งานข่าวสีเต็มรูปแบบ ในปี พ.ศ. 2529 เดลินิวส์เริ่มพิมพ์ภาพข่าวสี่สีครั้งแรก คือ ภาพโศกนาฏกรรมกระสวยอวกาศ “แชลเลนเจอร์” 🚀 และต่อมาในปี พ.ศ. 2531 ตีพิมพ์ภาพ “ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก” คว้ามงกุฎนางงามจักรวาลที่ไต้หวัน 👑

    พร้อมลงทุนในระบบพิมพ์ แซตเติลไลต์ ยูนิต และโฟร์ไฮ ที่สามารถพิมพ์ได้เร็วถึง 120,000 ฉบับ ต่อชั่วโมง 🚀 สร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการสื่อสิ่งพิมพ์ไทย

    🌐 เดลินิวส์ออนไลน์ ปฏิวัติวงการข่าวดิจิทัล ในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2541 เดลินิวส์เข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ตอย่างเต็มตัว เปิดเว็บไซต์ www.dailynews.co.th 💻 พร้อมคอนเซปต์ว่า...

    “ให้ข่าวสารพาไปไกลกว่าแค่ ‘รู้’ แต่คือ รู้ลึก รู้จริง และรู้เท่าทันทุกสถานการณ์”

    ในวันนี้ เดลินิวส์ออนไลน์ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ข่าว 🗂️ ไม่ว่าจะเป็นข่าวการเมือง เศรษฐกิจ สังคม บันเทิง กีฬา ไลฟ์สไตล์ รวมถึง วิดีโอ, อินโฟกราฟิก และ คอนเทนต์แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง ⏱

    💡 ปณิธานของ “เดลินิวส์” ข่าวเพื่อประชาชน สิ่งที่ทำให้ “เดลินิวส์” อยู่ได้มากว่า 61 ปี ไม่ใช่เพียงเพราะยอดขายหรือชื่อเสียง 🏆 แต่เป็นเพราะความตั้งใจจริงของคณะผู้บริหาร ในการทำสื่อเพื่อประชาชน

    เดลินิวส์นำเสนอข่าวสารที่ครอบคลุม ทั้งข่าวสังคมที่ใกล้ตัว และข่าวเศรษฐกิจระดับชาติ โดยยึดมั่นในหลักจริยธรรมข่าว สร้างความเข้าใจ ที่มากกว่าแค่การรับรู้ข้อมูล 📘

    📌 เดลินิวส์…มากกว่าข่าว คือความเข้าใจ จาก “บางกอกเดลิเมล์” ที่เคยถูกล่ามแท่นพิมพ์ด้วยโซ่ จนถึง “เดลินิวส์ออนไลน์” ที่ไหลลื่นในโลกดิจิทัล 🌐

    เส้นทางกว่า 61 ปี ของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย และบทบาทของสื่อ ที่ไม่เคยละทิ้งประชาชน 💞

    และไม่ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนไปอย่างไร เดลินิวส์ยังคงทำหน้าที่ ด้วยหัวใจของนักข่าวเพื่อประชาชน

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 280955 มี.ค. 2568

    📢 #เดลินิวส์ #ประวัติเดลินิวส์ #หนังสือพิมพ์ไทย #สื่อไทย #ข่าวออนไลน์ #เดลินิวส์ออนไลน์ #ข่าวเพื่อประชาชน #61ปีเดลินิวส์ #DailyNewsTH #ข่าวไทย
    📰 61 ปี หนังสือพิมพ์ “เดลินิวส์” จากบางกอกเดลิเมล์ สู่เดลินิวส์ออนไลน์ บันทึกความทรงจำของสื่อไทย ที่เติบโตเคียงข้างประชาชน ✨ 61 ปี แห่งการเปลี่ยนผ่านของสื่อที่ไม่หยุดนิ่ง ในยุคที่โลกหมุนเร็วด้วยข่าวสารและเทคโนโลยี 🌐 มีไม่กี่สื่อ ที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่างมั่นคง ตลอดระยะเวลากว่าครึ่งศตวรรษ แต่ “เดลินิวส์” คือหนึ่งในนั้น 🙌 จากวันแรกของการก่อตั้ง เมื่อวันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2507 สู่การเป็นผู้นำข่าวระดับประเทศ ทั้งในรูปแบบสิ่งพิมพ์และออนไลน์ 🖥️ เส้นทางของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์นั้น ไม่เพียงแต่สะท้อนวิวัฒนาการ ของวงการสื่อไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นกระจกเงาสำคัญของประวัติศาสตร์ สังคม และการเมืองไทยตลอด 61 ปี ที่ผ่านมา 📆 ย้อนเวลาสำรวจเส้นทางของหนังสือพิมพ์ ที่เริ่มต้นจาก “บางกอกเดลิเมล์” สู่การเป็น “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” และ “เดลินิวส์ออนไลน์” ในวันนี้ พร้อมทั้งเผยเบื้องหลังความเปลี่ยนแปลง วิสัยทัศน์ และจุดยืนของสื่อ ที่ไม่เคยละทิ้งภารกิจเพื่อประชาชนไทย 🇹🇭 🕰 จุดเริ่มต้นจากบางกอกเดลิเมล์ ความกล้าในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2493 ประเทศไทยอยู่ในยุคหลังสงครามโลก ครั้งที่สอง 📜 สื่อยังถูกควบคุมโดยรัฐอย่างเข้มงวด การเปิดตัวหนังสือพิมพ์ใหม่ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ “นายห้างแสง เหตระกูล” ผู้มีประสบการณ์ในธุรกิจ "โรงพิมพ์ประชาช่าง" กลับกล้าเสี่ยง 🔍 นายห้างแสงตัดสินใจซื้อกิจการ "หนังสือพิมพ์บางกอกเดลิเมล์" (Bangkok Daily Mail) ของนายหลุย คีรีวัตน์ ซึ่งได้หยุดดำเนินการไปตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 และรื้อฟื้นมันขึ้นใหม่ ในรูปแบบหนังสือพิมพ์รายปักษ์ชื่อว่า “เดลิเมล์วันจันทร์” ออกฉบับแรกเมื่อ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2493 📅 ฉบับแรกมีพาดหัวว่า “นักศึกษา มธก.รากเลือดค้าน ก.พ.” เป็นการสะท้อนจุดยืนของสื่อ ที่กล้าแตะประเด็นทางสังคม การเมืองอย่างตรงไปตรงมา 📰 เปลี่ยนผ่านอย่างมีทิศทาง จากเดลิเมล์ สู่แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์ ในช่วง พ.ศ. 2500 “บางกอกเดลิเมล์รายวัน” ขยับสู่การเป็นหนังสือพิมพ์รายวัน อย่างเต็มรูปแบบ ขยายขนาดหน้ากระดาษจาก 7 เป็น 8 คอลัมน์นิ้ว 🖨 ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ในวงการสื่อขณะนั้น 📈 แต่แล้วจุดเปลี่ยนสำคัญก็เกิดขึ้น เมื่อรัฐบาล "จอมพลแปลก พิบูลสงคราม" ถูกโค่นล้มโดย "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" ซึ่งส่งผลให้สื่อหลายฉบับถูกตรวจสอบ และปิดตัวลง ❌ ในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 “เดลิเมล์รายวัน” ถูกสั่งปิดโดยคำสั่งคณะปฏิวัติ มีการ ล่ามแท่นพิมพ์ด้วยโซ่ และลงครั่งประทับ ปิดฉากความกล้าหาญของสื่อเสรีในยุคนั้น อย่างสิ้นเชิง 📢 เดลินิวส์ฉบับแรก กำเนิดเกิดใหม่ในนาม “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” แม้จะถูกสั่งปิด แต่ “นายห้างแสง” ไม่ยอมแพ้ ✊ เดินหน้าสู่บทใหม่ ซื้อหัวหนังสือพิมพ์ “แนวหน้า” และรวมเข้ากับชื่อเดิม กลายเป็น “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” 🗞 วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2507 หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ออกวางแผงเป็นครั้งแรก โดยมี "นายประพันธ์ เหตระกูล" บุตรชายเป็นบรรณาธิการบริหาร พาดหัวฉบับแรกสร้างเสียงฮือฮาทันที “เมียน้อยจอมพลสฤษดิ์ท้องในอเมริกา พบรักแท้กับนักเรียนไทยวัยรุ่น” 😲 นำเสนอข่าวแบบเจาะลึกถึงตัวบุคคล และโครงสร้างอำนาจการเมือง 🔍 ข่าวเด่นยุคแรก กล้าท้าชนอำนาจรัฐ เดลินิวส์มีจุดขายที่ชัดเจน คือการเสนอข่าวที่ตรงไปตรงมา 💥 โดยเฉพาะเรื่องของ "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับอนุภรรยากว่า 103 คน และทรัพย์สินมูลค่ากว่า 2,874 ล้านบาท 😮 นอกจากนี้ยังเปิดโปงคดีอาชญากรรม การทุจริต และประเด็นอ่อนไหวที่สื่ออื่นหลีกเลี่ยง จึงได้รับความนิยมจากผู้อ่านในวงกว้าง และถือเป็น “กระบอกเสียงของประชาชน” ที่แท้จริง 📈 ก้าวข้ามวิกฤตเศรษฐกิจ ปรับคุณภาพเพื่อความอยู่รอด ช่วง พ.ศ. 2516 - 2517 ทั่วโลกประสบปัญหาน้ำมันขาดแคลน ทำให้ต้นทุนการผลิตหนังสือพิมพ์สูงขึ้น 📉 หนังสือพิมพ์หลายฉบับต้องขึ้นราคาขาย เดลินิวส์ก็เช่นกัน โดยปรับขึ้น 50 สตางค์ 💸 แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ เดลินิวส์ ไม่ลดคุณภาพข่าว ตรงกันข้ามกลับเพิ่มคอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง และข่าวสังคม มากขึ้น ส่งผลให้ได้รับความเชื่อถือจากผู้อ่าน อย่างต่อเนื่อง ✨ 📚 เปลี่ยนชื่อเป็น “เดลินิวส์” อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2522 บริษัทสี่พระยาการพิมพ์ จำกัด ได้ยื่นเรื่องเปลี่ยนชื่อหนังสือพิมพ์เป็น “เดลินิวส์” และได้รับอนุญาตในวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2522 🎉 ต่อมา เดลินิวส์ได้ขยายสำนักงานจากถนนสี่พระยา มาที่ถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งเป็นที่ตั้งปัจจุบัน 🏢 พร้อมขยายจำนวนหน้าจาก 16 เป็น 48 หน้า และเพิ่มราคาจำหน่ายจาก 1 บาท เป็น 10 บาทในปัจจุบัน 🖨 นวัตกรรมการพิมพ์ ก้าวสู่งานข่าวสีเต็มรูปแบบ ในปี พ.ศ. 2529 เดลินิวส์เริ่มพิมพ์ภาพข่าวสี่สีครั้งแรก คือ ภาพโศกนาฏกรรมกระสวยอวกาศ “แชลเลนเจอร์” 🚀 และต่อมาในปี พ.ศ. 2531 ตีพิมพ์ภาพ “ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก” คว้ามงกุฎนางงามจักรวาลที่ไต้หวัน 👑 พร้อมลงทุนในระบบพิมพ์ แซตเติลไลต์ ยูนิต และโฟร์ไฮ ที่สามารถพิมพ์ได้เร็วถึง 120,000 ฉบับ ต่อชั่วโมง 🚀 สร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการสื่อสิ่งพิมพ์ไทย 🌐 เดลินิวส์ออนไลน์ ปฏิวัติวงการข่าวดิจิทัล ในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2541 เดลินิวส์เข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ตอย่างเต็มตัว เปิดเว็บไซต์ www.dailynews.co.th 💻 พร้อมคอนเซปต์ว่า... “ให้ข่าวสารพาไปไกลกว่าแค่ ‘รู้’ แต่คือ รู้ลึก รู้จริง และรู้เท่าทันทุกสถานการณ์” ในวันนี้ เดลินิวส์ออนไลน์ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ข่าว 🗂️ ไม่ว่าจะเป็นข่าวการเมือง เศรษฐกิจ สังคม บันเทิง กีฬา ไลฟ์สไตล์ รวมถึง วิดีโอ, อินโฟกราฟิก และ คอนเทนต์แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง ⏱ 💡 ปณิธานของ “เดลินิวส์” ข่าวเพื่อประชาชน สิ่งที่ทำให้ “เดลินิวส์” อยู่ได้มากว่า 61 ปี ไม่ใช่เพียงเพราะยอดขายหรือชื่อเสียง 🏆 แต่เป็นเพราะความตั้งใจจริงของคณะผู้บริหาร ในการทำสื่อเพื่อประชาชน เดลินิวส์นำเสนอข่าวสารที่ครอบคลุม ทั้งข่าวสังคมที่ใกล้ตัว และข่าวเศรษฐกิจระดับชาติ โดยยึดมั่นในหลักจริยธรรมข่าว สร้างความเข้าใจ ที่มากกว่าแค่การรับรู้ข้อมูล 📘 📌 เดลินิวส์…มากกว่าข่าว คือความเข้าใจ จาก “บางกอกเดลิเมล์” ที่เคยถูกล่ามแท่นพิมพ์ด้วยโซ่ จนถึง “เดลินิวส์ออนไลน์” ที่ไหลลื่นในโลกดิจิทัล 🌐 เส้นทางกว่า 61 ปี ของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย และบทบาทของสื่อ ที่ไม่เคยละทิ้งประชาชน 💞 และไม่ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนไปอย่างไร เดลินิวส์ยังคงทำหน้าที่ ด้วยหัวใจของนักข่าวเพื่อประชาชน ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 280955 มี.ค. 2568 📢 #เดลินิวส์ #ประวัติเดลินิวส์ #หนังสือพิมพ์ไทย #สื่อไทย #ข่าวออนไลน์ #เดลินิวส์ออนไลน์ #ข่าวเพื่อประชาชน #61ปีเดลินิวส์ #DailyNewsTH #ข่าวไทย
    0 Comments 0 Shares 906 Views 0 Reviews
  • “ทักษิณ” มีชื่อเป็นที่ปรึกษากองทุนความมั่นคงอินโดฯ หวั่น conflict of interest? : คนเคาะข่าว 27-03-68

    : อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ

    ดำเนินรายการโดย อุษณีย์ เอกอุษณีย์

    #คนเคาะข่าว #ทักษิณ #กองทุนความมั่นคงอินโดนีเซีย #ConflictOfInterest #อินโดนีเซีย #ข่าวการเมือง #ข่าวต่างประเทศ #Geopolitics #บทบาททักษิณ #สุดาทิพย์จารุจินดา #อุษณีย์เอกอุษณีย์ #ThaiTimes #วิเคราะห์การเมือง #ผลประโยชน์ทับซ้อน
    “ทักษิณ” มีชื่อเป็นที่ปรึกษากองทุนความมั่นคงอินโดฯ หวั่น conflict of interest? : คนเคาะข่าว 27-03-68 : อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ ดำเนินรายการโดย อุษณีย์ เอกอุษณีย์ #คนเคาะข่าว #ทักษิณ #กองทุนความมั่นคงอินโดนีเซีย #ConflictOfInterest #อินโดนีเซีย #ข่าวการเมือง #ข่าวต่างประเทศ #Geopolitics #บทบาททักษิณ #สุดาทิพย์จารุจินดา #อุษณีย์เอกอุษณีย์ #ThaiTimes #วิเคราะห์การเมือง #ผลประโยชน์ทับซ้อน
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 607 Views 27 1 Reviews
  • จีนไม่ยอมเสียท่าเรือคลองปานามา 📌สั่งตรวจสอบดีลขาย CK Hutchison มูลค่า $22.8 พันล้าน ให้ BlackRock ดึงประเด็นความมั่นคง-กฎหมายต่อต้านการผูกขาด 📌หลังสหรัฐฯ แสดงความยินดี ฮ่องกง-ปักกิ่งประณามเป็น "การกลั่นแกล้ง" ทางเศรษฐกิจ ด้าน CK Hutchison ยืนยันเป็นธุรกรรมเชิงพาณิชย์👉รัฐบาลจีนกำลังตรวจสอบข้อตกลงการขายท่าเรือบริเวณคลองปานามาของบริษัท CK Hutchison จากฮ่องกงให้กับกลุ่มนักลงทุนที่นำโดยบริษัท BlackRock ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นดีลมูลค่า 22.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างสองประเทศ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ปักกิ่งได้สั่งการให้หน่วยงานหลายแห่งดำเนินการตรวจสอบธุรกรรมดังกล่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยมุ่งเน้นไปที่ประเด็นความเสี่ยงด้านความมั่นคงและการละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด ซึ่งเป็นคำสั่งจากผู้นำระดับสูงของจีน ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ได้แสดงความยินดีกับข้อตกลงนี้ก่อนหน้านี้ ทั้งที่ในอดีตเคยกล่าวหาว่าจีนพยายามควบคุมเส้นทางน้ำสำคัญทางยุทธศาสตร์แห่งนี้ และเรียกร้องให้ "ถอดคลองปานามาออกจากการควบคุมของจีน" อย่างไรก็ตาม หนึ่งสัปดาห์หลังการประกาศข้อตกลง สำนักงานกิจการฮ่องกงและมาเก๊าของจีนได้เผยแพร่บทวิจารณ์ที่เรียกการขายครั้งนี้ว่าเป็น "การทรยศต่อจีน" และละเลยผลประโยชน์ของชาติ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนได้กล่าวว่า "จีนคัดค้านอย่างหนักแน่นต่อการละเมิดหรือบ่อนทำลายสิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมของประเทศอื่นๆ ด้วยการบังคับขู่เข็ญทางเศรษฐกิจและการกลั่นแกล้ง" ซึ่งสอดคล้องกับถ้อยแถลงของจอห์น ลี ผู้นำฮ่องกง ที่เรียกร้องให้รัฐบาลต่างประเทศจัดเตรียมสภาพแวดล้อมที่ยุติธรรมสำหรับองค์กรธุรกิจ ด้านบริษัท CK Hutchison ยืนยันว่าข้อตกลงนี้ "มีลักษณะเชิงพาณิชย์ล้วนๆ และไม่เกี่ยวข้องกับรายงานข่าวการเมืองล่าสุดเกี่ยวกับท่าเรือปานามา" และระบุว่าได้ตกลงเจรจากับกลุ่ม BlackRock แต่เพียงผู้เดียวเป็นเวลา 145 วัน แม้ข้อตกลงยังไม่เสร็จสิ้นสมบูรณ์ แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจีนจะสามารถใช้กลไกใดในการยับยั้งการขายนี้ได้หรือไม่ เนื่องจากธุรกิจที่ Hutchison กำลังขายมีฐานอยู่นอกประเทศจีนและฮ่องกง อีกทั้งบริษัทเองก็จดทะเบียนในหมู่เกาะเคย์แมน #imctnews รายงาน
    จีนไม่ยอมเสียท่าเรือคลองปานามา 📌สั่งตรวจสอบดีลขาย CK Hutchison มูลค่า $22.8 พันล้าน ให้ BlackRock ดึงประเด็นความมั่นคง-กฎหมายต่อต้านการผูกขาด 📌หลังสหรัฐฯ แสดงความยินดี ฮ่องกง-ปักกิ่งประณามเป็น "การกลั่นแกล้ง" ทางเศรษฐกิจ ด้าน CK Hutchison ยืนยันเป็นธุรกรรมเชิงพาณิชย์👉รัฐบาลจีนกำลังตรวจสอบข้อตกลงการขายท่าเรือบริเวณคลองปานามาของบริษัท CK Hutchison จากฮ่องกงให้กับกลุ่มนักลงทุนที่นำโดยบริษัท BlackRock ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นดีลมูลค่า 22.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างสองประเทศ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ปักกิ่งได้สั่งการให้หน่วยงานหลายแห่งดำเนินการตรวจสอบธุรกรรมดังกล่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยมุ่งเน้นไปที่ประเด็นความเสี่ยงด้านความมั่นคงและการละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด ซึ่งเป็นคำสั่งจากผู้นำระดับสูงของจีน ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ได้แสดงความยินดีกับข้อตกลงนี้ก่อนหน้านี้ ทั้งที่ในอดีตเคยกล่าวหาว่าจีนพยายามควบคุมเส้นทางน้ำสำคัญทางยุทธศาสตร์แห่งนี้ และเรียกร้องให้ "ถอดคลองปานามาออกจากการควบคุมของจีน" อย่างไรก็ตาม หนึ่งสัปดาห์หลังการประกาศข้อตกลง สำนักงานกิจการฮ่องกงและมาเก๊าของจีนได้เผยแพร่บทวิจารณ์ที่เรียกการขายครั้งนี้ว่าเป็น "การทรยศต่อจีน" และละเลยผลประโยชน์ของชาติ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนได้กล่าวว่า "จีนคัดค้านอย่างหนักแน่นต่อการละเมิดหรือบ่อนทำลายสิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมของประเทศอื่นๆ ด้วยการบังคับขู่เข็ญทางเศรษฐกิจและการกลั่นแกล้ง" ซึ่งสอดคล้องกับถ้อยแถลงของจอห์น ลี ผู้นำฮ่องกง ที่เรียกร้องให้รัฐบาลต่างประเทศจัดเตรียมสภาพแวดล้อมที่ยุติธรรมสำหรับองค์กรธุรกิจ ด้านบริษัท CK Hutchison ยืนยันว่าข้อตกลงนี้ "มีลักษณะเชิงพาณิชย์ล้วนๆ และไม่เกี่ยวข้องกับรายงานข่าวการเมืองล่าสุดเกี่ยวกับท่าเรือปานามา" และระบุว่าได้ตกลงเจรจากับกลุ่ม BlackRock แต่เพียงผู้เดียวเป็นเวลา 145 วัน แม้ข้อตกลงยังไม่เสร็จสิ้นสมบูรณ์ แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจีนจะสามารถใช้กลไกใดในการยับยั้งการขายนี้ได้หรือไม่ เนื่องจากธุรกิจที่ Hutchison กำลังขายมีฐานอยู่นอกประเทศจีนและฮ่องกง อีกทั้งบริษัทเองก็จดทะเบียนในหมู่เกาะเคย์แมน #imctnews รายงาน
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 525 Views 0 Reviews
  • วุฒิภาวะผู้นำสตรีไทย…กี่โมง!? : คนเคาะข่าว 19-03-68

    ร่วมสนทนา
    ดร.มัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข อดีตที่ปรึกษาว่าการกระทรวงพาณิชย์
    ดำเนินรายการโดย กรองทอง เศรษฐสุทธิ์

    #คนเคาะข่าว #วุฒิภาวะผู้นำ #สตรีไทย #บทบาทสตรี #สังคมไทย #การเมืองไทย #มัลลิกาบุญมีตระกูล #ผู้นำหญิง #ความเท่าเทียมทางเพศ #ข่าวการเมือง #วิเคราะห์สังคม #thaiTimes #การบริหารประเทศ #เศรษฐกิจการเมือง
    วุฒิภาวะผู้นำสตรีไทย…กี่โมง!? : คนเคาะข่าว 19-03-68 ร่วมสนทนา ดร.มัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข อดีตที่ปรึกษาว่าการกระทรวงพาณิชย์ ดำเนินรายการโดย กรองทอง เศรษฐสุทธิ์ #คนเคาะข่าว #วุฒิภาวะผู้นำ #สตรีไทย #บทบาทสตรี #สังคมไทย #การเมืองไทย #มัลลิกาบุญมีตระกูล #ผู้นำหญิง #ความเท่าเทียมทางเพศ #ข่าวการเมือง #วิเคราะห์สังคม #thaiTimes #การบริหารประเทศ #เศรษฐกิจการเมือง
    Like
    Love
    4
    0 Comments 0 Shares 756 Views 4 0 Reviews
  • แฉ!!..ฮั้วเลือก สว. มวยล้มต้มคนดู : คนเคาะข่าว 05-03-68

    ร่วมสนทนา สมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา
    ดำเนินรายการโดย กรองทอง เศรษฐสุทธิ์

    #ฮั้วเลือกสว #มวยล้มต้มคนดู #เลือกตั้งสว #การเมืองไทย #คนเคาะข่าว #สมชายแสวงการ #วุฒิสภา #ประชาธิปไตยไทย #วิเคราะห์การเมือง #ข่าวการเมือง #เลือกตั้ง2568 #ThaiTimes #ตรวจสอบอำนาจ #Transparency #รัฐสภาไทย
    แฉ!!..ฮั้วเลือก สว. มวยล้มต้มคนดู : คนเคาะข่าว 05-03-68 ร่วมสนทนา สมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา ดำเนินรายการโดย กรองทอง เศรษฐสุทธิ์ #ฮั้วเลือกสว #มวยล้มต้มคนดู #เลือกตั้งสว #การเมืองไทย #คนเคาะข่าว #สมชายแสวงการ #วุฒิสภา #ประชาธิปไตยไทย #วิเคราะห์การเมือง #ข่าวการเมือง #เลือกตั้ง2568 #ThaiTimes #ตรวจสอบอำนาจ #Transparency #รัฐสภาไทย
    Like
    5
    1 Comments 0 Shares 833 Views 6 0 Reviews
  • 24 ปี เที่ยวบิน TG114 “ระเบิดก่อนขึ้นบิน” นายกทักษิณรอดหวุดหวิด ลอบฆ่า หรือว่า... อุบัติเหตุ?

    🛫 ย้อนรอย 24 ปี โศกนาฏกรรมทางการบินของไทย ที่ยังเป็นปริศนา เมื่อช่วงบ่ายวันเสาร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2544 เหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด ได้เกิดขึ้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง กรุงเทพมหานคร เครื่องบินโบอิ้ง 737-400 ของการบินไทย เที่ยวบิน TG114 ได้เกิดระเบิดกลางลานจอด และถูกไฟไหม้เสียหายทั้งลำ เพียง 25 นาที ก่อนที่ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีขณะนั้น พร้อมด้วบบุตรชาย จะเดินทางไปเชียงใหม่

    แม้ว่าจะไม่มีผู้โดยสารอยู่บนเครื่อง แต่ช่างเทคนิคการบิน 1 คน เสียชีวิต ทำให้เกิดคำถามมากมายว่า นี่เป็นอุบัติเหตุ หรือเป็นการวางแผนลอบสังหาร? 📌

    🔎 เหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ 3 มีนาคม 2544 เวลา 14:48 น. 📍 เที่ยวบิน TG114 ของการบินไทย ซึ่งเป็นเครื่องบิน โบอิ้ง 737-400 ทะเบียน HS-TDC ดอนเมือง-เชียงใหม่ ได้เกิดการระเบิดขณะจอดอยู่ที่ลานจอด สนามบินนานาชาติดอนเมือง กรุงเทพมหานคร เครื่องบินถูกไฟไหม้เสียหายทั้งลำ ไม่มีผู้โดยสารบนเครื่อง มีเพียงลูกเรือ 8 คน อยู่บนเครื่อง ซึ่งช่างเทคนิคการบินเสียชีวิต 1 คน

    ✈️ จุดหมายปลายทางของเที่ยวบิน เที่ยวบิน TG114 เดิมมีกำหนดออกเดินทางไปยัง ท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ โดยมีบุคคลสำคัญเดินทางไปด้วย รวมถึง พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะเนั้น และนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย

    🛑 แต่เพียง 25 นาที ก่อนเครื่องออกเดินทาง เครื่องบินกลับระเบิดขึ้นก่อน

    🚨 เหตุการณ์ครั้งนี้ จึงถูกตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นการลอบสังหารทางการเมือง?

    🔥 สาเหตุที่เป็นไปได้ วินาศกรรม หรืออุบัติเหตุ? มี 2 ทฤษฎีหลัก ที่ถูกหยิบยกขึ้นมา เกี่ยวกับเหตุการณ์ครั้งนี้ 🎯

    💥 ทฤษฎีวินาศกรรม ลอบสังหารนายกรัฐมนตรี? หลังเหตุการณ์เกิดขึ้น พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า "นี่เป็นการก่อวินาศกรรม ที่มุ่งเป้าสังหารตนเอง"

    หลักฐานที่ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า มีการวางระเบิด ได้แก่
    🔎 พบร่องรอยสารระเบิด เจ้าหน้าที่ไทยตรวจพบ ร่องรอยของระเบิดซีโฟร์ (C-4) หรือเซมเท็กซ์ (Semtex)
    🎯 นายกทักษิณกล่าวว่า อาจเป็นฝีมือของกลุ่มผู้เสียผลประโยชน์ จากนโยบายปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล เช่น ขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ เช่น กลุ่มว้าแดง
    ⏳ เวลาที่เกิดเหตุใกล้เคียงกับกำหนดการเดินทางของนายกฯ
    📢 ตำรวจไทยในตอนแรกสรุปว่า เป็นการ "วางระเบิด" และคณะกรรมาธิการ ของสภาผู้แทนราษฎรเองก็มีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกัน

    🛠️ ทฤษฎีอุบัติเหตุ ข้อสรุปของ NTSB คณะกรรมการความปลอดภัย ในการขนส่งแห่งชาติสหรัฐฯ (NTSB) ซึ่งส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาร่วมสอบสวน ได้ออกแถลงการณ์ เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2544 ว่า
    🚫 ไม่มีร่องรอยของวัตถุระเบิด
    ⚡ การระเบิดอาจเกิดจากระบบปรับอากาศ ที่ทำงานต่อเนื่อง ส่งผลให้ถังน้ำมันส่วนกลาง เกิดการสันดาป และระเบิด
    ✈️ ลักษณะคล้ายกับอุบัติเหตุของเที่ยวบิน 143 ของฟิลิปปินส์แอร์ไลน์ เมื่อปี 2543

    ในท้ายที่สุด รัฐบาลไทยและ NTSB ได้ออกแถลงการณ์ร่วมกันว่า "เป็นอุบัติเหตุจากความร้อนสะสม ของอุปกรณ์ทำความเย็น ที่อยู่ใกล้ถังน้ำมัน"

    💡 วินาศกรรมที่ล้มเหลว หรือโศกนาฏกรรมที่ไม่ได้ตั้งใจ? ข้อถกเถียงเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ ยังไม่จบง่ายๆ 🧐 เพราะ...

    1️⃣ ผลการสอบสวนของไทยและสหรัฐฯ ต่างกัน ฝ่ายไทยเชื่อว่ามี หลักฐานของการวางระเบิด
    NTSB แย้งว่า ไม่พบร่องรอยระเบิดเลย

    2️⃣ ช่วงเวลาการระเบิดน่าสงสัย ทำไมถึงเกิดขึ้นก่อนนายกฯ เดินทางเพียง 25 นาที ถ้าเป็นเพียงอุบัติเหตุ ทำไมไม่เกิดกับเครื่องลำอื่น?

    3️⃣ กลุ่มที่มีแรงจูงใจในการลอบสังหาร นโยบายปราบปรามยาเสพติดของนายกทักษิณ สร้างศัตรูจำนวนมาก ขบวนการค้ายาเสพติดอาจไม่พอใจ จนถึงขั้นต้องการลอบสังหาร

    📌 หรืออาจเป็นเพียงการ "ใช้ข่าวระเบิด" เพื่อกลบกระแสเรื่องคดีซุกหุ้น?

    🚨 เหตุการณ์ลอบสังหารนายกทักษิณ ที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมา นี่ไม่ใช่ครั้งเดียว ที่มีความพยายามลอบสังหาร พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ 🎯

    📍 ปี 2546 ข่าวลือว่า กลุ่มว้าแดงตั้งค่าหัว 80 ล้านบาท ทำให้ต้องเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย

    📍 ปี 2549 คดี "คาร์บอมบ์" ที่บริเวณสี่แยกบางพลัด ใกล้บ้านพักของนายกทักษิณ ก่อนที่ รปภ. จะพบระเบิดก่อน

    📍 ปี 2559 นายกทักษิณให้สัมภาษณ์กับ Al Jazeera ว่า "มีคนพยายามลอบสังหารผม 4 ครั้ง"

    🎯 ระเบิดเที่ยวบิน TG114 ยังเป็นปริศนา?
    📌 แม้ว่าผลสอบสวนทางการบินของสหรัฐฯ จะสรุปว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่คำถามยังคงอยู่
    📌 หลายฝ่ายยังสงสัยว่า นี่อาจเป็นการลอบสังหารทางการเมือง ที่ไม่สำเร็จ
    📌 หรือเป็นเพียง "เหตุบังเอิญ" ที่เกิดขึ้นอย่างมีเงื่อนงำ?

    🔎 24 ปี ผ่านไป คำตอบของเหตุการณ์นี้ยังคงเป็นปริศนา และอาจไม่มีวันได้รับคำตอบที่ชัดเจน

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 030847 มี.ค. 2568

    📌 #ทักษิณ #เที่ยวบินTG114 #การบินไทย #วินาศกรรม #อุบัติเหตุ #เครื่องบินระเบิด #ข่าวการเมือง #ว้าแดง #คดีลึกลับ #ประวัติศาสตร์ไทย
    24 ปี เที่ยวบิน TG114 “ระเบิดก่อนขึ้นบิน” นายกทักษิณรอดหวุดหวิด ลอบฆ่า หรือว่า... อุบัติเหตุ? 🛫 ย้อนรอย 24 ปี โศกนาฏกรรมทางการบินของไทย ที่ยังเป็นปริศนา เมื่อช่วงบ่ายวันเสาร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2544 เหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด ได้เกิดขึ้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง กรุงเทพมหานคร เครื่องบินโบอิ้ง 737-400 ของการบินไทย เที่ยวบิน TG114 ได้เกิดระเบิดกลางลานจอด และถูกไฟไหม้เสียหายทั้งลำ เพียง 25 นาที ก่อนที่ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีขณะนั้น พร้อมด้วบบุตรชาย จะเดินทางไปเชียงใหม่ แม้ว่าจะไม่มีผู้โดยสารอยู่บนเครื่อง แต่ช่างเทคนิคการบิน 1 คน เสียชีวิต ทำให้เกิดคำถามมากมายว่า นี่เป็นอุบัติเหตุ หรือเป็นการวางแผนลอบสังหาร? 📌 🔎 เหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ 3 มีนาคม 2544 เวลา 14:48 น. 📍 เที่ยวบิน TG114 ของการบินไทย ซึ่งเป็นเครื่องบิน โบอิ้ง 737-400 ทะเบียน HS-TDC ดอนเมือง-เชียงใหม่ ได้เกิดการระเบิดขณะจอดอยู่ที่ลานจอด สนามบินนานาชาติดอนเมือง กรุงเทพมหานคร เครื่องบินถูกไฟไหม้เสียหายทั้งลำ ไม่มีผู้โดยสารบนเครื่อง มีเพียงลูกเรือ 8 คน อยู่บนเครื่อง ซึ่งช่างเทคนิคการบินเสียชีวิต 1 คน ✈️ จุดหมายปลายทางของเที่ยวบิน เที่ยวบิน TG114 เดิมมีกำหนดออกเดินทางไปยัง ท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ โดยมีบุคคลสำคัญเดินทางไปด้วย รวมถึง พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะเนั้น และนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย 🛑 แต่เพียง 25 นาที ก่อนเครื่องออกเดินทาง เครื่องบินกลับระเบิดขึ้นก่อน 🚨 เหตุการณ์ครั้งนี้ จึงถูกตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นการลอบสังหารทางการเมือง? 🔥 สาเหตุที่เป็นไปได้ วินาศกรรม หรืออุบัติเหตุ? มี 2 ทฤษฎีหลัก ที่ถูกหยิบยกขึ้นมา เกี่ยวกับเหตุการณ์ครั้งนี้ 🎯 💥 ทฤษฎีวินาศกรรม ลอบสังหารนายกรัฐมนตรี? หลังเหตุการณ์เกิดขึ้น พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า "นี่เป็นการก่อวินาศกรรม ที่มุ่งเป้าสังหารตนเอง" หลักฐานที่ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า มีการวางระเบิด ได้แก่ 🔎 พบร่องรอยสารระเบิด เจ้าหน้าที่ไทยตรวจพบ ร่องรอยของระเบิดซีโฟร์ (C-4) หรือเซมเท็กซ์ (Semtex) 🎯 นายกทักษิณกล่าวว่า อาจเป็นฝีมือของกลุ่มผู้เสียผลประโยชน์ จากนโยบายปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล เช่น ขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ เช่น กลุ่มว้าแดง ⏳ เวลาที่เกิดเหตุใกล้เคียงกับกำหนดการเดินทางของนายกฯ 📢 ตำรวจไทยในตอนแรกสรุปว่า เป็นการ "วางระเบิด" และคณะกรรมาธิการ ของสภาผู้แทนราษฎรเองก็มีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกัน 🛠️ ทฤษฎีอุบัติเหตุ ข้อสรุปของ NTSB คณะกรรมการความปลอดภัย ในการขนส่งแห่งชาติสหรัฐฯ (NTSB) ซึ่งส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาร่วมสอบสวน ได้ออกแถลงการณ์ เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2544 ว่า 🚫 ไม่มีร่องรอยของวัตถุระเบิด ⚡ การระเบิดอาจเกิดจากระบบปรับอากาศ ที่ทำงานต่อเนื่อง ส่งผลให้ถังน้ำมันส่วนกลาง เกิดการสันดาป และระเบิด ✈️ ลักษณะคล้ายกับอุบัติเหตุของเที่ยวบิน 143 ของฟิลิปปินส์แอร์ไลน์ เมื่อปี 2543 ในท้ายที่สุด รัฐบาลไทยและ NTSB ได้ออกแถลงการณ์ร่วมกันว่า "เป็นอุบัติเหตุจากความร้อนสะสม ของอุปกรณ์ทำความเย็น ที่อยู่ใกล้ถังน้ำมัน" 💡 วินาศกรรมที่ล้มเหลว หรือโศกนาฏกรรมที่ไม่ได้ตั้งใจ? ข้อถกเถียงเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ ยังไม่จบง่ายๆ 🧐 เพราะ... 1️⃣ ผลการสอบสวนของไทยและสหรัฐฯ ต่างกัน ฝ่ายไทยเชื่อว่ามี หลักฐานของการวางระเบิด NTSB แย้งว่า ไม่พบร่องรอยระเบิดเลย 2️⃣ ช่วงเวลาการระเบิดน่าสงสัย ทำไมถึงเกิดขึ้นก่อนนายกฯ เดินทางเพียง 25 นาที ถ้าเป็นเพียงอุบัติเหตุ ทำไมไม่เกิดกับเครื่องลำอื่น? 3️⃣ กลุ่มที่มีแรงจูงใจในการลอบสังหาร นโยบายปราบปรามยาเสพติดของนายกทักษิณ สร้างศัตรูจำนวนมาก ขบวนการค้ายาเสพติดอาจไม่พอใจ จนถึงขั้นต้องการลอบสังหาร 📌 หรืออาจเป็นเพียงการ "ใช้ข่าวระเบิด" เพื่อกลบกระแสเรื่องคดีซุกหุ้น? 🚨 เหตุการณ์ลอบสังหารนายกทักษิณ ที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมา นี่ไม่ใช่ครั้งเดียว ที่มีความพยายามลอบสังหาร พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ 🎯 📍 ปี 2546 ข่าวลือว่า กลุ่มว้าแดงตั้งค่าหัว 80 ล้านบาท ทำให้ต้องเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย 📍 ปี 2549 คดี "คาร์บอมบ์" ที่บริเวณสี่แยกบางพลัด ใกล้บ้านพักของนายกทักษิณ ก่อนที่ รปภ. จะพบระเบิดก่อน 📍 ปี 2559 นายกทักษิณให้สัมภาษณ์กับ Al Jazeera ว่า "มีคนพยายามลอบสังหารผม 4 ครั้ง" 🎯 ระเบิดเที่ยวบิน TG114 ยังเป็นปริศนา? 📌 แม้ว่าผลสอบสวนทางการบินของสหรัฐฯ จะสรุปว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่คำถามยังคงอยู่ 📌 หลายฝ่ายยังสงสัยว่า นี่อาจเป็นการลอบสังหารทางการเมือง ที่ไม่สำเร็จ 📌 หรือเป็นเพียง "เหตุบังเอิญ" ที่เกิดขึ้นอย่างมีเงื่อนงำ? 🔎 24 ปี ผ่านไป คำตอบของเหตุการณ์นี้ยังคงเป็นปริศนา และอาจไม่มีวันได้รับคำตอบที่ชัดเจน ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 030847 มี.ค. 2568 📌 #ทักษิณ #เที่ยวบินTG114 #การบินไทย #วินาศกรรม #อุบัติเหตุ #เครื่องบินระเบิด #ข่าวการเมือง #ว้าแดง #คดีลึกลับ #ประวัติศาสตร์ไทย
    0 Comments 0 Shares 978 Views 0 Reviews
  • อำนาจรัฐในระบอบ "Newทักษิณ" : คนเคาะข่าว 26-02-68
    : รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก ประธานหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต วิทยาลัยบัณฑิตเอเซีย
    ดำเนินรายการโดย กรองทอง เศรษฐสุทธิ์

    #อำนาจรัฐ #Newทักษิณ #คนเคาะข่าว #การเมืองไทย #นิติศาสตร์ #รัฐศาสตร์ #อำนาจนิยม #ประชาธิปไตย #รัฐธรรมนูญ #ไทยTimes #ข่าวการเมือง #วิเคราะห์การเมือง #การปกครอง #ทักษิณ #สังคมไทย #กฎหมาย #วิทยาลัยบัณฑิตเอเซีย
    อำนาจรัฐในระบอบ "Newทักษิณ" : คนเคาะข่าว 26-02-68 : รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก ประธานหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต วิทยาลัยบัณฑิตเอเซีย ดำเนินรายการโดย กรองทอง เศรษฐสุทธิ์ #อำนาจรัฐ #Newทักษิณ #คนเคาะข่าว #การเมืองไทย #นิติศาสตร์ #รัฐศาสตร์ #อำนาจนิยม #ประชาธิปไตย #รัฐธรรมนูญ #ไทยTimes #ข่าวการเมือง #วิเคราะห์การเมือง #การปกครอง #ทักษิณ #สังคมไทย #กฎหมาย #วิทยาลัยบัณฑิตเอเซีย
    Like
    Love
    4
    2 Comments 1 Shares 777 Views 9 0 Reviews
  • ตำรวจไซเบอร์ เช็กบิลสนธิญาณ

    ปฏิบัติการสายฟ้าแลบที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ นำกำลังนับสิบนาย ตรวจค้นบ้านในชุมชนเล็กๆ บนถนนชัยพฤกษ์ เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ ก่อนควบคุมตัว น.ส.ไญยิกา อธิคุปต์ธนวัฒ ผู้ประกาศข่าวสำนักข่าวเดอะครีติก (The Critics) ไปพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้การในฐานะพยานที่ บก.สอท. เมืองทองธานี และตรวจยึดโทรศัพท์มือถือไปด้วย เหตุเกิดเมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 20 ก.พ. กำลังเป็นที่วิจารณ์ว่า เล่นใหญ่เกินไปหรือไม่?

    ว่ากันว่าตำรวจไซเบอร์พุ่งเป้าไปที่ นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ผู้ก่อตั้งสถาบันทิศทางไทย และเจ้าของสำนักข่าวเดอะครีติก ที่เป็นสื่อมวลชนฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยอ้างถึงกรณีที่นายทักษิณมอบหมายให้นายวิญญัติ ชาติมนตรี แจ้งความในข้อหาหมิ่นประมาทและ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีวีดีโอคลิป "ทักษิณผู้นำเลวสุดในโลก มอนเตฯ ริบสัญชาติเพราะโกง" ทำให้นายทักษิณได้รับความเสียหาย และกรณีที่ น.ส.ฐปณีย์ เอียดศรีไชย ผู้ก่อตั้งสำนักข่าวเดอะรีพอตเตอร์ (The Reporter) ถูกกล่าวหาด้วยข้อความบิดเบือน ต่อว่า ให้ร้าย แต่ตนเองยังอยู่ที่ อ.แม่สอด จ.ตาก จะเดินทางเข้าแจ้งความ

    แม้ว่าสำนักข่าวเดอะครีติก ที่ผลิตรายการลงในช่องยูทูบ "สถาบันทิศทางไทย" มีผู้ติดตาม 479,000 ราย จะเป็นที่วิจารณ์ถึงการนำเสนอข่าวอย่างไร มีผู้ที่ถูกพาดพิงไม่พอใจหรือไม่ก็เป็นสิทธิที่จะดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่คำถามที่ตามมาก็คือ “ไซเบอร์อรรถ จัดเต็ม” จำเป็นหรือไม่ที่ต้องเล่นใหญ่เล่นโต เอาตำรวจนับสิบบุกบ้านในชุมชนเล็กๆ แต่เช้าตรู่ ที่คนในบ้านอยู่กันสามคนพ่อแม่ลูก เพียงเพื่อนำตัวไปเป็นพยาน ราวกับเป็นอาชญากรสงคราม นับว่ายังดีที่พ่อของพยานซึ่งมีโรคประจำตัวเข้าโรงพยาบาล หากอยู่ในเหตุการณ์น่าเป็นห่วงว่าจะบานปลายขนาดไหน และการที่ตำรวจไซเบอร์ทำแบบนี้เพื่อเอาใจใคร?

    น.ส.บุญระดม จิตรดอน ผู้สื่อข่าวการเมืองและนักจัดรายการวิทยุ โพสต์เฟซบุ๊กว่า เศร้าใจที่ต้องทำถึงขนาดนี้ อาชญากรร้ายแรงก็ไม่ใช่ โจรก็ไม่ใช่ แล้วเขาคิดว่ากำลังบุกจับใคร จากนี้ตนจะเป็นรายต่อไปไหม ที่ตำรวจยกกำลังมาบุกจับถึงบ้าน ขนาดพยานยังเอาตำรวจบุกไปเป็นสิบ แล้วถ้าเป็นจำเลยจะขนาดไหน ที่สำคัญเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นหลังจากที่นายทักษิณได้มอบหมายให้ทนายความแจ้งความเมื่อคืนก่อนหน้านี้เอง ตำรวจทำงานได้รวดเร็วมาก ผิดขั้นตอนและกฎระเบียบหรือไม่ตำรวจคงทราบดี

    "นายทักษิณได้เริ่มจุดพลุประกาศศึกกับฝ่ายตรงข้ามแล้ว เตรียมตัวกันให้ดี" น.ส.บุญระดม ระบุ

    #Newskit
    ตำรวจไซเบอร์ เช็กบิลสนธิญาณ ปฏิบัติการสายฟ้าแลบที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ นำกำลังนับสิบนาย ตรวจค้นบ้านในชุมชนเล็กๆ บนถนนชัยพฤกษ์ เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ ก่อนควบคุมตัว น.ส.ไญยิกา อธิคุปต์ธนวัฒ ผู้ประกาศข่าวสำนักข่าวเดอะครีติก (The Critics) ไปพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้การในฐานะพยานที่ บก.สอท. เมืองทองธานี และตรวจยึดโทรศัพท์มือถือไปด้วย เหตุเกิดเมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 20 ก.พ. กำลังเป็นที่วิจารณ์ว่า เล่นใหญ่เกินไปหรือไม่? ว่ากันว่าตำรวจไซเบอร์พุ่งเป้าไปที่ นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ผู้ก่อตั้งสถาบันทิศทางไทย และเจ้าของสำนักข่าวเดอะครีติก ที่เป็นสื่อมวลชนฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยอ้างถึงกรณีที่นายทักษิณมอบหมายให้นายวิญญัติ ชาติมนตรี แจ้งความในข้อหาหมิ่นประมาทและ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีวีดีโอคลิป "ทักษิณผู้นำเลวสุดในโลก มอนเตฯ ริบสัญชาติเพราะโกง" ทำให้นายทักษิณได้รับความเสียหาย และกรณีที่ น.ส.ฐปณีย์ เอียดศรีไชย ผู้ก่อตั้งสำนักข่าวเดอะรีพอตเตอร์ (The Reporter) ถูกกล่าวหาด้วยข้อความบิดเบือน ต่อว่า ให้ร้าย แต่ตนเองยังอยู่ที่ อ.แม่สอด จ.ตาก จะเดินทางเข้าแจ้งความ แม้ว่าสำนักข่าวเดอะครีติก ที่ผลิตรายการลงในช่องยูทูบ "สถาบันทิศทางไทย" มีผู้ติดตาม 479,000 ราย จะเป็นที่วิจารณ์ถึงการนำเสนอข่าวอย่างไร มีผู้ที่ถูกพาดพิงไม่พอใจหรือไม่ก็เป็นสิทธิที่จะดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่คำถามที่ตามมาก็คือ “ไซเบอร์อรรถ จัดเต็ม” จำเป็นหรือไม่ที่ต้องเล่นใหญ่เล่นโต เอาตำรวจนับสิบบุกบ้านในชุมชนเล็กๆ แต่เช้าตรู่ ที่คนในบ้านอยู่กันสามคนพ่อแม่ลูก เพียงเพื่อนำตัวไปเป็นพยาน ราวกับเป็นอาชญากรสงคราม นับว่ายังดีที่พ่อของพยานซึ่งมีโรคประจำตัวเข้าโรงพยาบาล หากอยู่ในเหตุการณ์น่าเป็นห่วงว่าจะบานปลายขนาดไหน และการที่ตำรวจไซเบอร์ทำแบบนี้เพื่อเอาใจใคร? น.ส.บุญระดม จิตรดอน ผู้สื่อข่าวการเมืองและนักจัดรายการวิทยุ โพสต์เฟซบุ๊กว่า เศร้าใจที่ต้องทำถึงขนาดนี้ อาชญากรร้ายแรงก็ไม่ใช่ โจรก็ไม่ใช่ แล้วเขาคิดว่ากำลังบุกจับใคร จากนี้ตนจะเป็นรายต่อไปไหม ที่ตำรวจยกกำลังมาบุกจับถึงบ้าน ขนาดพยานยังเอาตำรวจบุกไปเป็นสิบ แล้วถ้าเป็นจำเลยจะขนาดไหน ที่สำคัญเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นหลังจากที่นายทักษิณได้มอบหมายให้ทนายความแจ้งความเมื่อคืนก่อนหน้านี้เอง ตำรวจทำงานได้รวดเร็วมาก ผิดขั้นตอนและกฎระเบียบหรือไม่ตำรวจคงทราบดี "นายทักษิณได้เริ่มจุดพลุประกาศศึกกับฝ่ายตรงข้ามแล้ว เตรียมตัวกันให้ดี" น.ส.บุญระดม ระบุ #Newskit
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 833 Views 0 Reviews
  • วันนี้โดนทัก(บีบบังคับ)ให้อ่านหนังสือทุกวัน แต่ช่วงนี้ไม่มีเวลาอ่านหนังสือจริงๆ เพราะต้องแก้งานที่ทำมาเกือบปีละ และไม่ค่อยมีใครช่วยผมได้เต็มที่ งานยาก แต่เงินที่ได้มาโคตรน้อย ถ้าไม่ติดผู้ว่าจ้างหรือลูกค้าหน้าเดิมป่านนี้ได้ลูกค้าหลายคนไปนานละ และโปรไฟล์ งาน รายได้คงเยอะกว่านี้แล้ว ไม่ต้องมาเสียความรู็สึกเพราะเงินช็อตเหมือนทุกวันนี้ วันนี้บอกเลยโคตรเจ็บ และเจ็บที่สุด และหลังโทรไปก็รู้สึกนอยด์ๆ หมดหวัง งานใหม่ไม่เสร็จง่าย งานเก่าก็ไม่เสร็จ โดนโทรตามแก้มากขึ้น งานบ้านไม่มีเวลาทำ เวลาโพสต์ในนี้ไม่ต้องพูดถึงหรอก แทบไม่มีหรือไม่มีด้วยซ้ำ ยิ่งคิดยิ่งหัวเสีย ดิ่งนอยด์ บางทีต่อให้กินอะไรมาอิ่มๆก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย พูดตรงๆ แต่เอาเป็นว่า ขอสู้ต่อไปเพื่อผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายนี้ไปก็แลวกัน ส่วนข่าวการเมืองที่ไม่อยากเห็นจนเคืองประสาท ก็เลี่ยงไว้ก่อน ถ้าไม่เลี่ยงพอนึกถึงเดี๋ยวจะฟิวส์ขาดเอา แต่จะขอดีเลย์สัก ชม.นึง เพื่อให้อารมณ์ดีพร้อมทำงานก่อน
    วันนี้โดนทัก(บีบบังคับ)ให้อ่านหนังสือทุกวัน แต่ช่วงนี้ไม่มีเวลาอ่านหนังสือจริงๆ เพราะต้องแก้งานที่ทำมาเกือบปีละ และไม่ค่อยมีใครช่วยผมได้เต็มที่ งานยาก แต่เงินที่ได้มาโคตรน้อย ถ้าไม่ติดผู้ว่าจ้างหรือลูกค้าหน้าเดิมป่านนี้ได้ลูกค้าหลายคนไปนานละ และโปรไฟล์ งาน รายได้คงเยอะกว่านี้แล้ว ไม่ต้องมาเสียความรู็สึกเพราะเงินช็อตเหมือนทุกวันนี้ วันนี้บอกเลยโคตรเจ็บ และเจ็บที่สุด และหลังโทรไปก็รู้สึกนอยด์ๆ หมดหวัง งานใหม่ไม่เสร็จง่าย งานเก่าก็ไม่เสร็จ โดนโทรตามแก้มากขึ้น งานบ้านไม่มีเวลาทำ เวลาโพสต์ในนี้ไม่ต้องพูดถึงหรอก แทบไม่มีหรือไม่มีด้วยซ้ำ ยิ่งคิดยิ่งหัวเสีย ดิ่งนอยด์ บางทีต่อให้กินอะไรมาอิ่มๆก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย พูดตรงๆ แต่เอาเป็นว่า ขอสู้ต่อไปเพื่อผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายนี้ไปก็แลวกัน ส่วนข่าวการเมืองที่ไม่อยากเห็นจนเคืองประสาท ก็เลี่ยงไว้ก่อน ถ้าไม่เลี่ยงพอนึกถึงเดี๋ยวจะฟิวส์ขาดเอา แต่จะขอดีเลย์สัก ชม.นึง เพื่อให้อารมณ์ดีพร้อมทำงานก่อน
    0 Comments 0 Shares 191 Views 0 Reviews
  • วันนี้เตรียมใจไว้ละ ว่าจะไปตึกชื่นฤทัยในธรรม เพื่อไปฟังเสวนา ควบคู่กับกินข้าวแกงไทยรักดีและพบปะกับเพื่อนร่วมอุดมการณ์ เพราะที่ผ่านมานั้นผมตกผลึกทางความคิดไปเยอะแล้ว เลยสนใจการเมืองน้อยลง และสนใจที่จะพัฒนาองค์ความรู้และวิชาชีพส่วนตัวนั้นสำคัญกว่า เสียเวลากับการเสพข่าวการเมืองมามากพอแล้ว ขอไปหาโอกาสใหม่ๆตรงนั้นบ้างดีกว่าครับ
    วันนี้เตรียมใจไว้ละ ว่าจะไปตึกชื่นฤทัยในธรรม เพื่อไปฟังเสวนา ควบคู่กับกินข้าวแกงไทยรักดีและพบปะกับเพื่อนร่วมอุดมการณ์ เพราะที่ผ่านมานั้นผมตกผลึกทางความคิดไปเยอะแล้ว เลยสนใจการเมืองน้อยลง และสนใจที่จะพัฒนาองค์ความรู้และวิชาชีพส่วนตัวนั้นสำคัญกว่า เสียเวลากับการเสพข่าวการเมืองมามากพอแล้ว ขอไปหาโอกาสใหม่ๆตรงนั้นบ้างดีกว่าครับ
    0 Comments 0 Shares 199 Views 0 Reviews
  • #อรุณสวัสดิ์นะฮ๊าฟ
    เช้านี้สบายกันดีมั๊ย
    วันนี้มีข่าวความเคลื่อนไหวทางการเมืองเยอะมาก
    เดี๋ยวเรามาตามกันนะจะได้ไม่ตกขาว
    ช่วงนี้ อิป้าศรีธังญา ปั้มยูซผีไปทั่วเลยเนาะ
    หน้าฉากเงียบ ใช้ยูซผีมาเม้นลืมทิ้งสำนวน
    คนรู้กันทั่ว อย่างว่า พยามหาดราม่าอื่น
    มากลบความเจ็บปวดที่ถูกเกาเท
    ได้ข่าว เค้ากันไม่ให้ยุ่งกับเรื่องฟ๊องแล้วนี่
    เค้าให้คนอื่นทำ คิดเอาเองนะเพราะอะไร
    สุดท้าย มานอย รวมสาวกไปเล่นคนที่รักสาวเกา
    แบบไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง
    เห็นมั๊ย พี่คิงส์ก็ไม่ได้ไปอะไรกับสาวเกาเลย
    เพราะพี่รู้ว่าคนที่รักนางจริงที่ไม่แซะใครมันก็มี
    แยกออกละ ว่าอันไหนแฟนคลับสาวเกาจริง
    และอันไหนสาวกของอิป้าศรีธังญา
    สาวเกาก็แค่คนต่างด้าวที่มาทำมาหากินในไทย
    ใครชอบใครรักก็เป็นสิทธินะ จะเปย์จนหมด Tood ก็เรื่องของเค้า
    แค่เค้าไม่มาแซะมาให้ร้ายแน๊ก แบบที่สาวกอิป้าทำ พี่คิงส์ก็โอเค
    มีคนส่งข่าวว่า เดี๋ยวสาวเกาจะมา เค้าจะมา เค้าจะไป
    มันก็เรื่องของเค้า จะให้พี่คิงส์มาสนใจต่างด้าวทุกคนที่เข้ามาในประเทศ
    ก็คงไม่ใช่เรื่อง
    ส่วนคอมเม้นในรูป ก็ตามแคปชั่นนั่นแหละ
    ตอนนี้ อิป้า พยายามปั่นว่า พี่คิงส์คือน้องชาลีบ้าง
    ปั่นว่า เป็นคนสนิทบ้าง พอกรรูอ่านเท่านั้นแหละ
    กรรูขรรม ชาลี จะมาทำข่าวการเมือง เช็ดเขร้ กรูนึกภาพไม่ออกเลย
    ต้องคนที่มีเซลสมองเท่า ม๋อยหมา เท่านั้นที่คิดได้
    แถมยังไปพาดพิงคนใกล้ชิดน้องมันอีก กรรูลุ้นให้เค้าฟ๊องให้หมดเลย
    ใครเห็นแอคเคาท์ไหนที่เป็นแอคจริง แล้วให้ร้ายคนใกล้ชิดน้องมัน
    ก็แคปมาส่งเจ้าของเลยนะ เอาให้หนัก
    ไอ่พวกนี้ คิดได้อย่างที่ตัวเองเป็นเท่าน้้นแหละ
    ต้องเป็นคนของเค้า ถึงออกมาปกป้อง นั่นคือเมิง
    ไม่ใช่กรรู คนอย่างกรู แค่เห็นความไม่ยุติธรรม
    เห็นมิจ ที่สร้างความเจ็บช้ำให้คนไทยอย่างนังสองผ.
    เห็นพี่เฮี้ยๆ ที่น้องมีแต่เงียบ สร้างความสุข ไม่เคยเถียงไม่เคยโต้
    แต่พี่ๆสรรหาคำมาให้ร้าย อันนี้ ให้กรูดูแล้วอยู่เฉยๆ กรรูทำไม่ได้
    แค่มีจิตสำนึกเมตตา ก็ลุกมาปกป้องแล้ว ไอ่ฟาย
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #อรุณสวัสดิ์นะฮ๊าฟ เช้านี้สบายกันดีมั๊ย วันนี้มีข่าวความเคลื่อนไหวทางการเมืองเยอะมาก เดี๋ยวเรามาตามกันนะจะได้ไม่ตกขาว ช่วงนี้ อิป้าศรีธังญา ปั้มยูซผีไปทั่วเลยเนาะ หน้าฉากเงียบ ใช้ยูซผีมาเม้นลืมทิ้งสำนวน คนรู้กันทั่ว อย่างว่า พยามหาดราม่าอื่น มากลบความเจ็บปวดที่ถูกเกาเท ได้ข่าว เค้ากันไม่ให้ยุ่งกับเรื่องฟ๊องแล้วนี่ เค้าให้คนอื่นทำ คิดเอาเองนะเพราะอะไร สุดท้าย มานอย รวมสาวกไปเล่นคนที่รักสาวเกา แบบไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง เห็นมั๊ย พี่คิงส์ก็ไม่ได้ไปอะไรกับสาวเกาเลย เพราะพี่รู้ว่าคนที่รักนางจริงที่ไม่แซะใครมันก็มี แยกออกละ ว่าอันไหนแฟนคลับสาวเกาจริง และอันไหนสาวกของอิป้าศรีธังญา สาวเกาก็แค่คนต่างด้าวที่มาทำมาหากินในไทย ใครชอบใครรักก็เป็นสิทธินะ จะเปย์จนหมด Tood ก็เรื่องของเค้า แค่เค้าไม่มาแซะมาให้ร้ายแน๊ก แบบที่สาวกอิป้าทำ พี่คิงส์ก็โอเค มีคนส่งข่าวว่า เดี๋ยวสาวเกาจะมา เค้าจะมา เค้าจะไป มันก็เรื่องของเค้า จะให้พี่คิงส์มาสนใจต่างด้าวทุกคนที่เข้ามาในประเทศ ก็คงไม่ใช่เรื่อง ส่วนคอมเม้นในรูป ก็ตามแคปชั่นนั่นแหละ ตอนนี้ อิป้า พยายามปั่นว่า พี่คิงส์คือน้องชาลีบ้าง ปั่นว่า เป็นคนสนิทบ้าง พอกรรูอ่านเท่านั้นแหละ กรรูขรรม ชาลี จะมาทำข่าวการเมือง เช็ดเขร้ กรูนึกภาพไม่ออกเลย ต้องคนที่มีเซลสมองเท่า ม๋อยหมา เท่านั้นที่คิดได้ แถมยังไปพาดพิงคนใกล้ชิดน้องมันอีก กรรูลุ้นให้เค้าฟ๊องให้หมดเลย ใครเห็นแอคเคาท์ไหนที่เป็นแอคจริง แล้วให้ร้ายคนใกล้ชิดน้องมัน ก็แคปมาส่งเจ้าของเลยนะ เอาให้หนัก ไอ่พวกนี้ คิดได้อย่างที่ตัวเองเป็นเท่าน้้นแหละ ต้องเป็นคนของเค้า ถึงออกมาปกป้อง นั่นคือเมิง ไม่ใช่กรรู คนอย่างกรู แค่เห็นความไม่ยุติธรรม เห็นมิจ ที่สร้างความเจ็บช้ำให้คนไทยอย่างนังสองผ. เห็นพี่เฮี้ยๆ ที่น้องมีแต่เงียบ สร้างความสุข ไม่เคยเถียงไม่เคยโต้ แต่พี่ๆสรรหาคำมาให้ร้าย อันนี้ ให้กรูดูแล้วอยู่เฉยๆ กรรูทำไม่ได้ แค่มีจิตสำนึกเมตตา ก็ลุกมาปกป้องแล้ว ไอ่ฟาย #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 518 Views 0 Reviews
  • #เห็นว่ามีคนพูดถึงจามบ่อยเชียว
    ได้ ได้ ไม่มีปัญหา
    เดี๋ยวพี่คิงส์จะช่วยตอบทุกประเด็นนะจ๊ะ จุ๊บๆ
    คุณพิมพ์มาแบบนี้เนาะ เอ้าเริ่ม
    "ผมรู้จักคุณปูมาเกิน 10 ปืนะครับ
    ปูเขาทำงานเป็น AR (ผู้จัดการศิลปิน)
    เป็นมืออาชีพ เป็นคนที่มีตัวตน
    และถ้าเขาไม่ดีจริงเขาอยู่ในวงการมานานไม่ได้ขนาดนี้
    #อ่าตอบข้อนี้ก่อนนะ ปูของคุณ กับปูเป็นหนอนของผมที่โพส ผมกำกับไว้ตลอดว่าอย่าไปโยง เอาหละ ถ้าคุณหมายถึง ปูของคุณทำงานในวงการมานานแล้วต้องเป็นคนดี ผมแนะนำ คุณดูดาราดิไอค่อนนะ บางคน ทำงานตั้งแต่ปูของคุณ ทรีนเท่าฝาหอย จนวันนี้หอยเท่าฝาบ้าน(นี่กูพิมพ์คำพังเพยนะ) เห็นมั๊ยยังไปอยู่ในซังเต ดังนั้น อย่าเอาความนานที่ไหนมาคอนเฟิร์มความดี มันดูตื้นเขินเกินไป แต่อย่างว่านะ ปูคุณกับปูเป็นหนอนในนิทานของคิงส์คนละคนกัน......
    ................................................
    "ส่วนอีกฝั่ง ชาลี
    ผมก็รู้จักเกิน 30 ปี
    แต่ไม่ขอเอ่ยแล้วกันว่ารู้จักกันยังไงนะ"
    #อ้าวสรุปเมิงไ่ม่ได้เป็นพี่น้องคลานก่อนสี่ห้าคนนั้นอะดิไม่ยั้นจะไม่เอ่ยว่ารู้จักกันยังไงได้ไง แปลกใจนะ รู้จัก 4 สี่คน แต่บอกไม่ได้ว่ารู้จักน้องยังไง ช่างน่าฉงล แล้วข่าวไปลงว่าเอ็งเป็นพี่คนโตนี่คือไรฟร๊ะ หรือเมิงพิมพ์แบบนี้เพราะตั้งใจต้มสื่อให้ไปลงข่าวมั่วๆสร้างสถานการณ์ว่าพี่ชายก็ไม่เอา ไอ่ฉัด แล้วเมิงเป็นใครฟร๊ะเนี่ย คนมโนกันทั่วเลยว่าเมิงเป็นพี่ชายแต๊ๆ กรรูขรรม
    .......................................................................
    "การที่เพจคิงส์ไปโพสให้ร้ายคุณปูต่าง ๆ นานาเขาสามารถฟ้องหมิ่นประมาท หรือ
    พรบ.คอมฯ ได้นะครับ
    #อ่าจ่ะแต่พอดีปูที่คุณพร่ามมันคนละปูเป็นหนอนหรือปูที่เป็นผจกนิติบุคคลที่หมู่บ้านผมนี่สิปัญหา คุณไปโยงเอง ดิ้นเอง คนที่จะฟ๊องกรูได้คือ ผจก.ปู ผจก.นิติบุคคลหมู่บ้านที่กรูซื้อไว้อยู่นี่แหละ ทุ๊ย!
    .......................................................................
    - คุณปูเป็นบุคคลที่มีตัวตน
    ตรวจสอบได้
    แล้วแอดมินเพจคิงส์เป็นใครครับ?
    #คุณปูเป็นบุคคลที่มีตัวตน เออ แล้วใครเถียงฟร๊ะ
    ผจก.นิติบุคคลหมู่บ้านกรรูก็มีตัวตน ส่วนนิทานปูเป็นหนอนคือจินตนาการ
    ส่วนถามว่าเพจคิงส์เป็นใครครับ กรรูต้องถามว่าเมิงเป็นใครก่อนมั๊ย มามโนมาโยงเหมือนคนเพ้อๆ แล้วอิป้าที่ไหนซักแห่งเขียนโพยข่าวไปแจกสื่ออะ
    #นี่ขนาดกรรูย้ำแล้วย้ำอีกเป็นหกเจ็ดร้อยรอบนะว่านิทาน ว่าความฝัน ว่าเรื่องในหมู่บ้าน ก็ยังไม่วายเอาไปโยง
    .........................................................................................
    ส่วนตัวผมคิดว่าการเป็นศิลปิน/ดารา
    การรักษาภาพลักษณ์นั้นสำคัญมาก
    แต่การที่ศิลปินบางคนประพฤติไม่ดี
    แล้วมีการใช้ propaganda หรือ
    fandom ในทางที่ผิด
    อันนี้ไม่โอเคเลยนะครับ
    #นี่เลยแหละที่เป็นประเด็น
    เมิงเอาให้แน่ เมิงไม่โอเคกับใคร การที่เมิงบอกว่า เมิงรู้จักพี่สาวสี่คนของน้อง 30 ปีแบบสนิท
    แต่รู้จักน้องชายมาสามสิบปีแต่ไม่บอกที่มา อันนี้นะ พี่คิงส์ก็มองแล้วว่าเมิงมันอคติกับน้องเค้า แล้วไอ่ที่เมิงพิมพ์นี้ไม่รู้ว่าเป็นสำนวนของอิป้าที่ไหนหรือเปล่านะ นี่คือเมิงกำลังให้ร้ายน้องชาย4คนที่เมิงสนิทม๊าก ว่าน้องประพฤติไม่ดี แล้วยังกล่าวหาว่าน้องใช้แฟนคลับไปในทางที่ผิด ทุ๊ย! มาเริ่มอย่างเป็นกลาง อ่านไปอ่านมาบอกคำเดียวว่า ทุ๊ย!
    ...............................................................
    ยิ่งการที่มีบุคคลไหนไปปล่อยข่าว/ข้
    อมูลให้เพจคิงส์นี่...
    ถามจริงว่าคิดดีแล้วหรือ?
    ระวังมันจะย้อนเข้าตัว
    #นี่แหละจุดสำคัญที่ทำให้รู้ว่าที่แท้เมิงแค่ไอ่มั่ว
    เมิงกำลังโยงแบบมั่วซั่วตัวเหล็งSuS Sus
    กกรูเห็นแฟนเพจถามกรรูละ ว่าใช่ชายสองคนนั้นไหม
    ที่พวกเมิงไปปล่อยข่าวอะ ขออีกรอบนะเมิง
    ทุ๊ย! สองคนที่ว่า กรรูไม่เคยคุยไม่พอ ให้กรูระบุหน้า
    ว่าคนไหนชื่อนี้ คนนี้ชื่อนั่นกรูยังไม่รู้เลย
    เออ แล้วมีคนถามว่า แล้วกรรูไม่ใช่ด้อมชาลีเหรอ
    นี่ไง คือเมิงมันไม่รู้แหดรู้ตี๋อะไรเลย กรูไม่อธิบายนะประเด็นนี้
    ปล่อยให้เมิงยืนงงๆในดงง่าวๆต่อไป
    แล้วที่กรูฮาสาาาดดเลยคือ
    ได้ยินมาว่า เมิงบอกว่า เมิงรู้ว่ากรูเป็นใคร และกรูรับจ้าง
    มาเล่น4ป้า หรือคุณปูของคุณอะ มันยิงตลก
    บางคนบอกว่าเอ็งคิดว่ากรรูคือแน๊กชาลี
    กรรูนี่ยิ่งขรรมก๊ากเลย ชาลี ทำข่าวการเมือง ทุ๊ย
    นี่คือสิ่งที่ทำให้รู้ว่า ก็แค่คนๆหนึ่งที่กรูไม่รู้ว่าใคร
    แต่ทำตัวเหมือนรู้เรื่องกรรูเยอะซะเหลือเกิน
    มีแต่เปลือก คล้ายอิป้าคนหนึ่ง ที่อ้างว่าเข้าถึงกันจอมพลัง
    โพสเหมือนสนิท บอกว่าคุยตั้งแต่ตอนแรกๆ และตอนนี้
    จะมาช่วยสาวคนหนึ่ง สุดท้าย เช็ดเขร้ เปลือก
    กันต้องออกมาไลฟ์ชี้แจง ป้าแค่ซุยขี้สิง ทุ๊ย
    และสุดท้ายนี้ ขอสดุดีแด่สื่อไทย ที่กลายเป็นเครื่องมือของอิป้า
    ให้คนไทยได้นั่งขำ ลองอ่านคอมเม้นบ้างนะ ตาจะได้สว่าง
    แล้วดูดิ โพสของไอ่นี้ขึ้นฟีตสื่อ เรื่องกะโหลกกะลาหมากัดกัน
    กรรูขรรรม
    เอ้าๆ สรุปนะ นายชื่ออะไรนะ เออช่างมันไม่อยากรู้จัก
    เอาเป็นว่า คุณอย่าไปโยง เพจคิงส์มีโพสข่าวสารการบ้านการเมือง และถ้าเห็นคนไหนที่มันเฮี้ยๆ กรรูก็โพสถึง เช่นไอ่ตั้มหิวแสง เดถั่วดำ ฯลฯ
    ส่วน 4 ป้าข้างบ้าน ก็ไม่ใช่น้องที่คุณรักและปกป้องซะเหลือเกิน หรือจะเป็นปูเป็นหนอนในนิทาน หรือ ผจก.นิติหมู่บ้านที่ชื่อปู ก็คนละปูกับที่คุณคอนเฟิร์มว่าดี ชกลมไปนะ
    ไอ่ SUS
    โอเคนะ จบรายการถามมาตอบไปสำหรับค่ำคืนนี้
    ราตรีสวัสดิ์ ส่วนเมิงกลับเลย กรรูไม่ส่ง
    ทุ๊ย!
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #เห็นว่ามีคนพูดถึงจามบ่อยเชียว ได้ ได้ ไม่มีปัญหา เดี๋ยวพี่คิงส์จะช่วยตอบทุกประเด็นนะจ๊ะ จุ๊บๆ คุณพิมพ์มาแบบนี้เนาะ เอ้าเริ่ม "ผมรู้จักคุณปูมาเกิน 10 ปืนะครับ ปูเขาทำงานเป็น AR (ผู้จัดการศิลปิน) เป็นมืออาชีพ เป็นคนที่มีตัวตน และถ้าเขาไม่ดีจริงเขาอยู่ในวงการมานานไม่ได้ขนาดนี้ #อ่าตอบข้อนี้ก่อนนะ ปูของคุณ กับปูเป็นหนอนของผมที่โพส ผมกำกับไว้ตลอดว่าอย่าไปโยง เอาหละ ถ้าคุณหมายถึง ปูของคุณทำงานในวงการมานานแล้วต้องเป็นคนดี ผมแนะนำ คุณดูดาราดิไอค่อนนะ บางคน ทำงานตั้งแต่ปูของคุณ ทรีนเท่าฝาหอย จนวันนี้หอยเท่าฝาบ้าน(นี่กูพิมพ์คำพังเพยนะ) เห็นมั๊ยยังไปอยู่ในซังเต ดังนั้น อย่าเอาความนานที่ไหนมาคอนเฟิร์มความดี มันดูตื้นเขินเกินไป แต่อย่างว่านะ ปูคุณกับปูเป็นหนอนในนิทานของคิงส์คนละคนกัน...... ................................................ "ส่วนอีกฝั่ง ชาลี ผมก็รู้จักเกิน 30 ปี แต่ไม่ขอเอ่ยแล้วกันว่ารู้จักกันยังไงนะ" #อ้าวสรุปเมิงไ่ม่ได้เป็นพี่น้องคลานก่อนสี่ห้าคนนั้นอะดิไม่ยั้นจะไม่เอ่ยว่ารู้จักกันยังไงได้ไง แปลกใจนะ รู้จัก 4 สี่คน แต่บอกไม่ได้ว่ารู้จักน้องยังไง ช่างน่าฉงล แล้วข่าวไปลงว่าเอ็งเป็นพี่คนโตนี่คือไรฟร๊ะ หรือเมิงพิมพ์แบบนี้เพราะตั้งใจต้มสื่อให้ไปลงข่าวมั่วๆสร้างสถานการณ์ว่าพี่ชายก็ไม่เอา ไอ่ฉัด แล้วเมิงเป็นใครฟร๊ะเนี่ย คนมโนกันทั่วเลยว่าเมิงเป็นพี่ชายแต๊ๆ กรรูขรรม ....................................................................... "การที่เพจคิงส์ไปโพสให้ร้ายคุณปูต่าง ๆ นานาเขาสามารถฟ้องหมิ่นประมาท หรือ พรบ.คอมฯ ได้นะครับ #อ่าจ่ะแต่พอดีปูที่คุณพร่ามมันคนละปูเป็นหนอนหรือปูที่เป็นผจกนิติบุคคลที่หมู่บ้านผมนี่สิปัญหา คุณไปโยงเอง ดิ้นเอง คนที่จะฟ๊องกรูได้คือ ผจก.ปู ผจก.นิติบุคคลหมู่บ้านที่กรูซื้อไว้อยู่นี่แหละ ทุ๊ย! ....................................................................... - คุณปูเป็นบุคคลที่มีตัวตน ตรวจสอบได้ แล้วแอดมินเพจคิงส์เป็นใครครับ? #คุณปูเป็นบุคคลที่มีตัวตน เออ แล้วใครเถียงฟร๊ะ ผจก.นิติบุคคลหมู่บ้านกรรูก็มีตัวตน ส่วนนิทานปูเป็นหนอนคือจินตนาการ ส่วนถามว่าเพจคิงส์เป็นใครครับ กรรูต้องถามว่าเมิงเป็นใครก่อนมั๊ย มามโนมาโยงเหมือนคนเพ้อๆ แล้วอิป้าที่ไหนซักแห่งเขียนโพยข่าวไปแจกสื่ออะ #นี่ขนาดกรรูย้ำแล้วย้ำอีกเป็นหกเจ็ดร้อยรอบนะว่านิทาน ว่าความฝัน ว่าเรื่องในหมู่บ้าน ก็ยังไม่วายเอาไปโยง ......................................................................................... ส่วนตัวผมคิดว่าการเป็นศิลปิน/ดารา การรักษาภาพลักษณ์นั้นสำคัญมาก แต่การที่ศิลปินบางคนประพฤติไม่ดี แล้วมีการใช้ propaganda หรือ fandom ในทางที่ผิด อันนี้ไม่โอเคเลยนะครับ #นี่เลยแหละที่เป็นประเด็น เมิงเอาให้แน่ เมิงไม่โอเคกับใคร การที่เมิงบอกว่า เมิงรู้จักพี่สาวสี่คนของน้อง 30 ปีแบบสนิท แต่รู้จักน้องชายมาสามสิบปีแต่ไม่บอกที่มา อันนี้นะ พี่คิงส์ก็มองแล้วว่าเมิงมันอคติกับน้องเค้า แล้วไอ่ที่เมิงพิมพ์นี้ไม่รู้ว่าเป็นสำนวนของอิป้าที่ไหนหรือเปล่านะ นี่คือเมิงกำลังให้ร้ายน้องชาย4คนที่เมิงสนิทม๊าก ว่าน้องประพฤติไม่ดี แล้วยังกล่าวหาว่าน้องใช้แฟนคลับไปในทางที่ผิด ทุ๊ย! มาเริ่มอย่างเป็นกลาง อ่านไปอ่านมาบอกคำเดียวว่า ทุ๊ย! ............................................................... ยิ่งการที่มีบุคคลไหนไปปล่อยข่าว/ข้ อมูลให้เพจคิงส์นี่... ถามจริงว่าคิดดีแล้วหรือ? ระวังมันจะย้อนเข้าตัว #นี่แหละจุดสำคัญที่ทำให้รู้ว่าที่แท้เมิงแค่ไอ่มั่ว เมิงกำลังโยงแบบมั่วซั่วตัวเหล็งSuS Sus กกรูเห็นแฟนเพจถามกรรูละ ว่าใช่ชายสองคนนั้นไหม ที่พวกเมิงไปปล่อยข่าวอะ ขออีกรอบนะเมิง ทุ๊ย! สองคนที่ว่า กรรูไม่เคยคุยไม่พอ ให้กรูระบุหน้า ว่าคนไหนชื่อนี้ คนนี้ชื่อนั่นกรูยังไม่รู้เลย เออ แล้วมีคนถามว่า แล้วกรรูไม่ใช่ด้อมชาลีเหรอ นี่ไง คือเมิงมันไม่รู้แหดรู้ตี๋อะไรเลย กรูไม่อธิบายนะประเด็นนี้ ปล่อยให้เมิงยืนงงๆในดงง่าวๆต่อไป แล้วที่กรูฮาสาาาดดเลยคือ ได้ยินมาว่า เมิงบอกว่า เมิงรู้ว่ากรูเป็นใคร และกรูรับจ้าง มาเล่น4ป้า หรือคุณปูของคุณอะ มันยิงตลก บางคนบอกว่าเอ็งคิดว่ากรรูคือแน๊กชาลี กรรูนี่ยิ่งขรรมก๊ากเลย ชาลี ทำข่าวการเมือง ทุ๊ย นี่คือสิ่งที่ทำให้รู้ว่า ก็แค่คนๆหนึ่งที่กรูไม่รู้ว่าใคร แต่ทำตัวเหมือนรู้เรื่องกรรูเยอะซะเหลือเกิน มีแต่เปลือก คล้ายอิป้าคนหนึ่ง ที่อ้างว่าเข้าถึงกันจอมพลัง โพสเหมือนสนิท บอกว่าคุยตั้งแต่ตอนแรกๆ และตอนนี้ จะมาช่วยสาวคนหนึ่ง สุดท้าย เช็ดเขร้ เปลือก กันต้องออกมาไลฟ์ชี้แจง ป้าแค่ซุยขี้สิง ทุ๊ย และสุดท้ายนี้ ขอสดุดีแด่สื่อไทย ที่กลายเป็นเครื่องมือของอิป้า ให้คนไทยได้นั่งขำ ลองอ่านคอมเม้นบ้างนะ ตาจะได้สว่าง แล้วดูดิ โพสของไอ่นี้ขึ้นฟีตสื่อ เรื่องกะโหลกกะลาหมากัดกัน กรรูขรรรม เอ้าๆ สรุปนะ นายชื่ออะไรนะ เออช่างมันไม่อยากรู้จัก เอาเป็นว่า คุณอย่าไปโยง เพจคิงส์มีโพสข่าวสารการบ้านการเมือง และถ้าเห็นคนไหนที่มันเฮี้ยๆ กรรูก็โพสถึง เช่นไอ่ตั้มหิวแสง เดถั่วดำ ฯลฯ ส่วน 4 ป้าข้างบ้าน ก็ไม่ใช่น้องที่คุณรักและปกป้องซะเหลือเกิน หรือจะเป็นปูเป็นหนอนในนิทาน หรือ ผจก.นิติหมู่บ้านที่ชื่อปู ก็คนละปูกับที่คุณคอนเฟิร์มว่าดี ชกลมไปนะ ไอ่ SUS โอเคนะ จบรายการถามมาตอบไปสำหรับค่ำคืนนี้ ราตรีสวัสดิ์ ส่วนเมิงกลับเลย กรรูไม่ส่ง ทุ๊ย! #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 1195 Views 0 Reviews
  • โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯที่กำลังพ้นตำแหน่ง มีข่าวว่ากำลังพูดคุยในความเป็นไปได้ในการอภัยโทษอย่างครอบคลุมให้พวกคนดังทั้งหลายที่เคยวิพากษ์วิจารณ์ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อปกป้องคนเหล่านี้ จากความเป็นไปได้ที่จะถูกตามประหัตประหารในอนาคต ตามรายงานข่าวของโพลิติโก เว็บไซต์ข่าวการเมืองอเมริกาและซีบีเอสนิวส์
    .
    เมื่อเร็วๆนี้ ไบเดน เพิ่งอภัยโทษให้ลูกชาย ไม่ใช่แค่ที่ถูกพิพากษาว่ามีความผิดในคดีอาญาต่างๆนานา แต่ยังรวมทุกๆอย่างที่เขาอาจกระทำผิดมาตั้งแต่ปี 2014 ทั้งนี้ขอบเขตการอภัยโทษอย่างกว้างขวางที่ไม่ปกติดังกล่าว เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วง แม้กระทั่งจากคนในพรรคของประธานาธิบดีเอง
    .
    เว็บไซต์ข่าวโพลิติโก รายงานอ้างแหล่งข่าวคนวงในภายในพรรค ว่าพรรคเดโมแครตต้องการปกป้องคนกลุ่มหนึ่งจากการถูก ทรัมป์ แก้แค้น ครั้งที่เข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม โดยเวลานี้ เจฟฟรีย์ ไซอ็องส์ หัวหน้าคณะทำงานทำเนียบขาวและ เอ็ด ซิสเคิล หัวหน้าที่ปรึกษา กำลังหารือเกี่ยวกับการนิรโทษกรรม และบรรดาบุคคลที่อาจอยู่ในรายชื่อดังกล่าว ตามรายงานของซีบีเอสเมื่อวันศุกร์(6ธ.ค.)
    .
    ในบรรดาชื่อที่ถูกหยิบยกมาพูดถึงคือนายแพทย์แอนโทนี เฟาซี อดีตเจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับสูงของสหรัฐฯ ผู้ซึ่งช่วยวางแผนมาตรการล็อคดาวน์โควิด-19 และบังคับสวมหน้ากาก ครั้งที่ ทรัมป์ ดำรงตำแหน่งสมัยแรก และหลังจากนั้นก็ช่วยวางแผนบังคับฉีดวัคซีน ในฐานะที่ปรึกษาทางการแพทย์ระดับสูงของไบเดน
    .
    รายงานของสภาคองเกรสเมื่อเร็วๆนี้ เกี่ยวกับแหล่งต้นกำเนิดของโควิด-19 ได้กล่าวหา เฟาซี ปกปิดบทบาทของเขา ในการให้เงินสนับสนุนห้องปฏิบัติการในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน บริเวณที่เชื่อว่าเป็นบ่อเกิดของไวรัส โดยดำเนินการผ่านมือที่ 3
    .
    ส่วนอีกคนที่อาจได้รับการอภัยโทษคือ มาร์ค มิลลีย์ นายพลปลดเกษียณ ที่เคยเรียกทรัมป์ว่า "พวกฟาสซิสต์" และ "พวกกระสันเป็นเผด็จการ" โดยอดีตประธานเสนาธิการทหารร่วมรายนี้ เคยพูดระหว่างให้สัมภาษณ์ว่า เขาต่อสายหาประธานเสนาธิการทหารร่วมของจีน ก่อนหน้าศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯปี 2020 และอีกครั้งหลังจากเหตุจลาจลจู่โจมอาคารรัฐสภาอเมริกา วันที่ 6 มกราคม 2021 เรียกร้องให้ทำงานร่วมกับพรรคเดโมโครต เพราะเขาคิดว่า ทรัมป์ "เป็นคนบ้า"
    .
    ทรัมป์ ประณามการออกมาเปิดเผยดังกล่าว โดยชี้ว่าพฤติกรรมของมิลลีย์ ควรถูกดำเนินคดีในข้อหาก่อกบฏ "เขาจะเริ่มโยนผู้คนเข้าห้องขัง และผมจะมีชื่ออยู่ในลำดับต้นๆในบัญชีดังกล่าว" มิลลีย์ ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ดิ แอตแลนติก ในเดือนกันยายน 202 เมื่อถูกถามเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการในการหวนคืนสู่อำนาจของทรัมป์
    .
    ลิซ เชนีย์ อดีตสมาชิกสภาคองเกรสหญิงจากรีพับลิกัน จากรัฐไวโอมิง ซึ่งหันมาเข้าร่วมกับพรรคเดโมแครต ในคณะกรรมการสืบสวนเหตุการณ์ 6 มกราคม และร่วมรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งให้ กมลา แฮร์ริส ในปีนี้ ก็มีข่าวลือว่าจะอยู่ในรายชื่อได้รับการอภัยโทษเช่นกัน เช่นเดียวกับ อดัม ชิฟฟ์ ว่าที่วุฒิสภาจากแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นแกนนำในการยื่นถอดถอน ทรัมป์ 2 รอบ ครั้งที่ดำรงตำแหน่งสมัยแรก
    .
    ภายใต้รัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ ประธานาธิบดีมีอำนาจอภัยโทษผู้คนที่ถูกพิพากษาว่ากระทำผิดตามกฎหมายรัฐบาลกลาง แต่ไม่ใช่กับข้อกล่าวหาในระดับรัฐหรือระดับท้องถิ่น ส่วนรูปแบบการอภัยโทษล่วงหน้าที่กล่าวอ้างว่ากำลังมีการพูดคุยกันอยู่นี้ เป็นสิ่งที่ไม่พบเห็นบ่อยนัก แต่ไม่ใช่สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
    .
    ประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ซึ่งลาออกจากตำแหน่งในปี 1974 ก่อนหน้าการลงมติถอดถอนในวุฒิสภา ได้รับการอภัยโทษจากประธานาธิบดีเจรัลด์ ฟอร์ด ผู้สืบทอดตำแหน่งจากเขา ในคดีวอเตอร์เกต ดักฟังฝ่ายตรงข้าม
    .
    จากนั้นอีก 3 ปีต่อมา ประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์ ให้อภัยโทษอย่างครอบคลุมต่อทุกคนที่หลบหนีการเกณฑ์ทหารระหว่างสงครามเวียดนาม และในปี 1992 ประธานาธิบดีจอร์จ เอช.ดับเบิลยู. บุช อภัยโทษให้ แคสปาร์ ไวน์เบอร์เกอร์ ก่อนที่เขาอาจถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับกรณีอื้อฉาว "อิหร่าน-คอนทรา" (Iran-Contra)
    .
    กรณีอื้อฉาวดังกล่าวเป็นเรื่องเกี่ยวกับรัฐบาลสหรัฐสมัย ประธนาธิบดีโรัลด์ เรแกน ลักลอบขายอาวุธให้กับอิหร่าน แล้วนำเงินที่ได้จากอิหร่านส่งไปช่วยกลุ่มกบฏคอนทราที่ต่อสู้กับรัฐบาลสังคมนิยมในนิคารากัว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000117847
    ..................
    Sondhi X
    โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯที่กำลังพ้นตำแหน่ง มีข่าวว่ากำลังพูดคุยในความเป็นไปได้ในการอภัยโทษอย่างครอบคลุมให้พวกคนดังทั้งหลายที่เคยวิพากษ์วิจารณ์ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อปกป้องคนเหล่านี้ จากความเป็นไปได้ที่จะถูกตามประหัตประหารในอนาคต ตามรายงานข่าวของโพลิติโก เว็บไซต์ข่าวการเมืองอเมริกาและซีบีเอสนิวส์ . เมื่อเร็วๆนี้ ไบเดน เพิ่งอภัยโทษให้ลูกชาย ไม่ใช่แค่ที่ถูกพิพากษาว่ามีความผิดในคดีอาญาต่างๆนานา แต่ยังรวมทุกๆอย่างที่เขาอาจกระทำผิดมาตั้งแต่ปี 2014 ทั้งนี้ขอบเขตการอภัยโทษอย่างกว้างขวางที่ไม่ปกติดังกล่าว เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วง แม้กระทั่งจากคนในพรรคของประธานาธิบดีเอง . เว็บไซต์ข่าวโพลิติโก รายงานอ้างแหล่งข่าวคนวงในภายในพรรค ว่าพรรคเดโมแครตต้องการปกป้องคนกลุ่มหนึ่งจากการถูก ทรัมป์ แก้แค้น ครั้งที่เข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม โดยเวลานี้ เจฟฟรีย์ ไซอ็องส์ หัวหน้าคณะทำงานทำเนียบขาวและ เอ็ด ซิสเคิล หัวหน้าที่ปรึกษา กำลังหารือเกี่ยวกับการนิรโทษกรรม และบรรดาบุคคลที่อาจอยู่ในรายชื่อดังกล่าว ตามรายงานของซีบีเอสเมื่อวันศุกร์(6ธ.ค.) . ในบรรดาชื่อที่ถูกหยิบยกมาพูดถึงคือนายแพทย์แอนโทนี เฟาซี อดีตเจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับสูงของสหรัฐฯ ผู้ซึ่งช่วยวางแผนมาตรการล็อคดาวน์โควิด-19 และบังคับสวมหน้ากาก ครั้งที่ ทรัมป์ ดำรงตำแหน่งสมัยแรก และหลังจากนั้นก็ช่วยวางแผนบังคับฉีดวัคซีน ในฐานะที่ปรึกษาทางการแพทย์ระดับสูงของไบเดน . รายงานของสภาคองเกรสเมื่อเร็วๆนี้ เกี่ยวกับแหล่งต้นกำเนิดของโควิด-19 ได้กล่าวหา เฟาซี ปกปิดบทบาทของเขา ในการให้เงินสนับสนุนห้องปฏิบัติการในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน บริเวณที่เชื่อว่าเป็นบ่อเกิดของไวรัส โดยดำเนินการผ่านมือที่ 3 . ส่วนอีกคนที่อาจได้รับการอภัยโทษคือ มาร์ค มิลลีย์ นายพลปลดเกษียณ ที่เคยเรียกทรัมป์ว่า "พวกฟาสซิสต์" และ "พวกกระสันเป็นเผด็จการ" โดยอดีตประธานเสนาธิการทหารร่วมรายนี้ เคยพูดระหว่างให้สัมภาษณ์ว่า เขาต่อสายหาประธานเสนาธิการทหารร่วมของจีน ก่อนหน้าศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯปี 2020 และอีกครั้งหลังจากเหตุจลาจลจู่โจมอาคารรัฐสภาอเมริกา วันที่ 6 มกราคม 2021 เรียกร้องให้ทำงานร่วมกับพรรคเดโมโครต เพราะเขาคิดว่า ทรัมป์ "เป็นคนบ้า" . ทรัมป์ ประณามการออกมาเปิดเผยดังกล่าว โดยชี้ว่าพฤติกรรมของมิลลีย์ ควรถูกดำเนินคดีในข้อหาก่อกบฏ "เขาจะเริ่มโยนผู้คนเข้าห้องขัง และผมจะมีชื่ออยู่ในลำดับต้นๆในบัญชีดังกล่าว" มิลลีย์ ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ดิ แอตแลนติก ในเดือนกันยายน 202 เมื่อถูกถามเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการในการหวนคืนสู่อำนาจของทรัมป์ . ลิซ เชนีย์ อดีตสมาชิกสภาคองเกรสหญิงจากรีพับลิกัน จากรัฐไวโอมิง ซึ่งหันมาเข้าร่วมกับพรรคเดโมแครต ในคณะกรรมการสืบสวนเหตุการณ์ 6 มกราคม และร่วมรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งให้ กมลา แฮร์ริส ในปีนี้ ก็มีข่าวลือว่าจะอยู่ในรายชื่อได้รับการอภัยโทษเช่นกัน เช่นเดียวกับ อดัม ชิฟฟ์ ว่าที่วุฒิสภาจากแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นแกนนำในการยื่นถอดถอน ทรัมป์ 2 รอบ ครั้งที่ดำรงตำแหน่งสมัยแรก . ภายใต้รัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ ประธานาธิบดีมีอำนาจอภัยโทษผู้คนที่ถูกพิพากษาว่ากระทำผิดตามกฎหมายรัฐบาลกลาง แต่ไม่ใช่กับข้อกล่าวหาในระดับรัฐหรือระดับท้องถิ่น ส่วนรูปแบบการอภัยโทษล่วงหน้าที่กล่าวอ้างว่ากำลังมีการพูดคุยกันอยู่นี้ เป็นสิ่งที่ไม่พบเห็นบ่อยนัก แต่ไม่ใช่สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน . ประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ซึ่งลาออกจากตำแหน่งในปี 1974 ก่อนหน้าการลงมติถอดถอนในวุฒิสภา ได้รับการอภัยโทษจากประธานาธิบดีเจรัลด์ ฟอร์ด ผู้สืบทอดตำแหน่งจากเขา ในคดีวอเตอร์เกต ดักฟังฝ่ายตรงข้าม . จากนั้นอีก 3 ปีต่อมา ประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์ ให้อภัยโทษอย่างครอบคลุมต่อทุกคนที่หลบหนีการเกณฑ์ทหารระหว่างสงครามเวียดนาม และในปี 1992 ประธานาธิบดีจอร์จ เอช.ดับเบิลยู. บุช อภัยโทษให้ แคสปาร์ ไวน์เบอร์เกอร์ ก่อนที่เขาอาจถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับกรณีอื้อฉาว "อิหร่าน-คอนทรา" (Iran-Contra) . กรณีอื้อฉาวดังกล่าวเป็นเรื่องเกี่ยวกับรัฐบาลสหรัฐสมัย ประธนาธิบดีโรัลด์ เรแกน ลักลอบขายอาวุธให้กับอิหร่าน แล้วนำเงินที่ได้จากอิหร่านส่งไปช่วยกลุ่มกบฏคอนทราที่ต่อสู้กับรัฐบาลสังคมนิยมในนิคารากัว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000117847 .................. Sondhi X
    Like
    Haha
    8
    0 Comments 0 Shares 1335 Views 0 Reviews
  • ## จะเกิดอะไรขึ้น กับ โลกใบนี้ เมื่อ ทรัมป์ Come Back...!!! ##
    ..
    ..
    คิดถึงจริงๆ ไม่ได้เห็น ลุงสนธิ ในสตูดิโอ ในรายการข่าว แบบนี้มานานมากแล้ว...
    .
    😁😁😁😁
    .
    วันพุธ ที่ 06/11/2567 ลุงสนธิ วิเคราะห์ เลือกตั้ง อเมริกา ทรัมป์ มา จะเกิดอะไรขึ้น กับทั้ง อเมริกา และ โลก
    .
    ใครไม่ได้ติดตามข่าวการเมืองโลก หรือ Geopolitical มาเลย ฟังจบ จะเข้าใจเรื่องทั้งหมดทันที...
    ...
    ...
    1
    https://youtu.be/Gh2P81m0_9Q?si=t-DeeEeC6GIbhRe8
    .
    2
    https://youtu.be/CO4shAlmIyY?si=sTiBHA1q6-mJ-Y6w
    .
    3
    https://youtu.be/1TCD8n203l4?si=v_2ntUaF6OD8eVB2
    ## จะเกิดอะไรขึ้น กับ โลกใบนี้ เมื่อ ทรัมป์ Come Back...!!! ## .. .. คิดถึงจริงๆ ไม่ได้เห็น ลุงสนธิ ในสตูดิโอ ในรายการข่าว แบบนี้มานานมากแล้ว... . 😁😁😁😁 . วันพุธ ที่ 06/11/2567 ลุงสนธิ วิเคราะห์ เลือกตั้ง อเมริกา ทรัมป์ มา จะเกิดอะไรขึ้น กับทั้ง อเมริกา และ โลก . ใครไม่ได้ติดตามข่าวการเมืองโลก หรือ Geopolitical มาเลย ฟังจบ จะเข้าใจเรื่องทั้งหมดทันที... ... ... 1 https://youtu.be/Gh2P81m0_9Q?si=t-DeeEeC6GIbhRe8 . 2 https://youtu.be/CO4shAlmIyY?si=sTiBHA1q6-mJ-Y6w . 3 https://youtu.be/1TCD8n203l4?si=v_2ntUaF6OD8eVB2
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 481 Views 0 Reviews
  • 😭🙏🏻กราบลาพี่โสด้วยความเคารพรัก ขอบคุณที่ทำหน้าที่สื่อมวลชนผู้ให้ปัญญามาตลอด ขอให้พี่โสสู่สุคติในสัมปรายภพค่ะ “คิดถึงพี่โสภณ ตั้งใจทำงานมากๆ”

    สำหรับประวัติพี่โสภณ องค์การณ์ เกิด 7 ตุลาคม พ.ศ. 2492 ที่ตำบลแม่ข้าวต้ม อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย จบชั้นมัธยมต้นที่โรงเรียนสามัคคี วิทยาคม รุ่นปี 2508 จากนั้นศึกษาต่อที่โรงเรียนบพิตรพิมุข แผนกภาษาต่างประเทศ จบปีการศึกษา 2511 เริ่มทำงานเป็นล่ามในปี 2512 ให้นักศึกษาชาวอเมริกันทำวิจัยที่จังหวัดลำปางและเชียงรายเป็นเวลา 1 ปี เพื่อทำวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกที่เอ็มไอที

    ประวัติทำงานสื่อสารมวลชน เป็นอดีตบรรณาธิการข่าวเศรษฐกิจของหนังสือพิมพ์เดอะ เนชั่น ภาษาอังกฤษและสื่อเครือเนชั่น เป็นเวลากว่า30ปี หลังจากยุคทักษิณปี2548 ที่คุกคามปิดปากสื่อผู้จัดการที่วิพากษ์วิจารณ์และขับไล่รัฐบาลโดยสนธิ ลิ้มทองกุล พี่โสได้เข้ามาร่วมอุดมการณ์ทำหน้าทีสื่อมวลชนที่ให้ปัญญาคนไทยในสื่อเครือผู้จัดการ เอเอสทีวีและNews1 เป็นบรรณาธิการอาวุโสและAnchorที่มีแฟนคลับติดตามจำนวนมาก จากเสน่ห์คมความคิดและฝีปากแหลมคมในรายการวิเคราะห์ข่าวสาระเชิงบันเทิงที่โหด มัน ฮา รายการชวนคิดชวนคุย ,เคาะไข่ใส่ข่าว, NewsHour และNewsHour Weekend ที่สถานีช่อง ASTV หรือช่อง News 1 นอกจากนี้ช่วงเช้าตรู่ ยังจัดรายการวิทยุ "พูดนอกสภา" ที่ FM 90.5 เวลา 6.00-7.00 น. ทุกวัน

    ส่วนผลงานเขียน เคยมีคอลัมน์ประจำในนิตยสารเนชั่น สุดสัปดาห์ ,คมชัดลึก พี่โสภณ องค์การณ์ทำงานกับเครือเนชั่นนานกว่า30ปี โดยเริ่มต้นงานกับ นสพ.เดอะเนชั่น ภาษาอังกฤษในตำแหน่งพนักงานพิสูจน์อักษร proof reader และด้วยความสามารถ ได้รับเลื่อนตำแหน่งเป็นนักข่าว นักเขียน และเป็นบรรณาธิการที่มีศักยภาพและทักษะ ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ ต่อมาจึงได้เป็นผู้ดำเนินรายการ Face The Nation เป็นรายการสัมภาษณ์แหล่งข่าวบุคคลสำคัญเป็นภาษาอังกฤษ ออกอากาศทางช่อง 9 และรับผิดชอบเป็นผู้บริหารข่าวแผนกโทรทัศน์ของเครือเนชั่น ก่อนจะได้รับทุน Nieman Fellowship ไปศึกษาที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด บอสตัน สหรัฐอเมริกา หลังจากนั้นจึงลาออกมาทำงานกับสนธิ ลิ้มทองกุล ที่สถานีทีวีช่อง ASTV หรือช่อง News 1 ในปัจจุบัน เป็นผู้ดำเนินรายการวิเคราะห์ข่าวการเมืองและต่างประเทศในรายการสภาท่าพระอาทิตย์ คุยมันส์ทันข่าว ,ชวนคิดชวนคุย, WorldTalk, NewsHourweekend และเป็นตัวหลักในรายการ NewsHour หลังจากสิ้นเติมศักดิ์ จารุปราณ และยังมีบทความวิเคราะห์ที่น่าติดตามในนิตยสารผู้จัดการรายสัปดาห์ ชื่อคอลัมน์ "ป้อมพระอาทิตย์"

    นอกจากนี้เคยเป็นพิธีกรรายการ "คุยข่าวบ่ายสองโมง" ทางช่องไททีวี ทีวีดิจิตอล ช่อง 17 จนกระทั่งปิดสถานี

    พี่โสภณ องค์การณ์ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2567 ที่สถาบันประสาทวิทยา หลังจากพี่โสภณ ได้รับการผ่าตัดสมองที่ รพ.วิภารามด้วยอาการเส้นโลหิตในสมองแตก สิริอายุ 75 ปี

    #Thaitimes
    😭🙏🏻กราบลาพี่โสด้วยความเคารพรัก ขอบคุณที่ทำหน้าที่สื่อมวลชนผู้ให้ปัญญามาตลอด ขอให้พี่โสสู่สุคติในสัมปรายภพค่ะ “คิดถึงพี่โสภณ ตั้งใจทำงานมากๆ” สำหรับประวัติพี่โสภณ องค์การณ์ เกิด 7 ตุลาคม พ.ศ. 2492 ที่ตำบลแม่ข้าวต้ม อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย จบชั้นมัธยมต้นที่โรงเรียนสามัคคี วิทยาคม รุ่นปี 2508 จากนั้นศึกษาต่อที่โรงเรียนบพิตรพิมุข แผนกภาษาต่างประเทศ จบปีการศึกษา 2511 เริ่มทำงานเป็นล่ามในปี 2512 ให้นักศึกษาชาวอเมริกันทำวิจัยที่จังหวัดลำปางและเชียงรายเป็นเวลา 1 ปี เพื่อทำวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกที่เอ็มไอที ประวัติทำงานสื่อสารมวลชน เป็นอดีตบรรณาธิการข่าวเศรษฐกิจของหนังสือพิมพ์เดอะ เนชั่น ภาษาอังกฤษและสื่อเครือเนชั่น เป็นเวลากว่า30ปี หลังจากยุคทักษิณปี2548 ที่คุกคามปิดปากสื่อผู้จัดการที่วิพากษ์วิจารณ์และขับไล่รัฐบาลโดยสนธิ ลิ้มทองกุล พี่โสได้เข้ามาร่วมอุดมการณ์ทำหน้าทีสื่อมวลชนที่ให้ปัญญาคนไทยในสื่อเครือผู้จัดการ เอเอสทีวีและNews1 เป็นบรรณาธิการอาวุโสและAnchorที่มีแฟนคลับติดตามจำนวนมาก จากเสน่ห์คมความคิดและฝีปากแหลมคมในรายการวิเคราะห์ข่าวสาระเชิงบันเทิงที่โหด มัน ฮา รายการชวนคิดชวนคุย ,เคาะไข่ใส่ข่าว, NewsHour และNewsHour Weekend ที่สถานีช่อง ASTV หรือช่อง News 1 นอกจากนี้ช่วงเช้าตรู่ ยังจัดรายการวิทยุ "พูดนอกสภา" ที่ FM 90.5 เวลา 6.00-7.00 น. ทุกวัน ส่วนผลงานเขียน เคยมีคอลัมน์ประจำในนิตยสารเนชั่น สุดสัปดาห์ ,คมชัดลึก พี่โสภณ องค์การณ์ทำงานกับเครือเนชั่นนานกว่า30ปี โดยเริ่มต้นงานกับ นสพ.เดอะเนชั่น ภาษาอังกฤษในตำแหน่งพนักงานพิสูจน์อักษร proof reader และด้วยความสามารถ ได้รับเลื่อนตำแหน่งเป็นนักข่าว นักเขียน และเป็นบรรณาธิการที่มีศักยภาพและทักษะ ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ ต่อมาจึงได้เป็นผู้ดำเนินรายการ Face The Nation เป็นรายการสัมภาษณ์แหล่งข่าวบุคคลสำคัญเป็นภาษาอังกฤษ ออกอากาศทางช่อง 9 และรับผิดชอบเป็นผู้บริหารข่าวแผนกโทรทัศน์ของเครือเนชั่น ก่อนจะได้รับทุน Nieman Fellowship ไปศึกษาที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด บอสตัน สหรัฐอเมริกา หลังจากนั้นจึงลาออกมาทำงานกับสนธิ ลิ้มทองกุล ที่สถานีทีวีช่อง ASTV หรือช่อง News 1 ในปัจจุบัน เป็นผู้ดำเนินรายการวิเคราะห์ข่าวการเมืองและต่างประเทศในรายการสภาท่าพระอาทิตย์ คุยมันส์ทันข่าว ,ชวนคิดชวนคุย, WorldTalk, NewsHourweekend และเป็นตัวหลักในรายการ NewsHour หลังจากสิ้นเติมศักดิ์ จารุปราณ และยังมีบทความวิเคราะห์ที่น่าติดตามในนิตยสารผู้จัดการรายสัปดาห์ ชื่อคอลัมน์ "ป้อมพระอาทิตย์" นอกจากนี้เคยเป็นพิธีกรรายการ "คุยข่าวบ่ายสองโมง" ทางช่องไททีวี ทีวีดิจิตอล ช่อง 17 จนกระทั่งปิดสถานี พี่โสภณ องค์การณ์ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2567 ที่สถาบันประสาทวิทยา หลังจากพี่โสภณ ได้รับการผ่าตัดสมองที่ รพ.วิภารามด้วยอาการเส้นโลหิตในสมองแตก สิริอายุ 75 ปี #Thaitimes
    Sad
    Love
    18
    7 Comments 1 Shares 2320 Views 0 Reviews
  • ความจริงมีหนึ่งเดียว#3 : การเมืองยุครัฐธรรมนูญปราบโจร
    ร่วมค้นหาความจริง คดีที่เกี่ยวข้องกับความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง ตีแผ่ล้วงลึกข่าวการเมือง การต่อสู้ระหว่างพรรคการเมืองด้วยนิติสงคราม

    "ความจริงมีหนึ่งเดียว ครั้งที่ 4"
    หอประชุมใหญ่ ม.ธรรมศาตร์ท่าพระจันทร์
    สามารถจองบัตรและสอบถามรายละเอียดได้ที่
    Line@sondhitalk คลิก https://lin.ee/Skns1k1
    ความจริงมีหนึ่งเดียว#3 : การเมืองยุครัฐธรรมนูญปราบโจร ร่วมค้นหาความจริง คดีที่เกี่ยวข้องกับความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง ตีแผ่ล้วงลึกข่าวการเมือง การต่อสู้ระหว่างพรรคการเมืองด้วยนิติสงคราม "ความจริงมีหนึ่งเดียว ครั้งที่ 4" หอประชุมใหญ่ ม.ธรรมศาตร์ท่าพระจันทร์ สามารถจองบัตรและสอบถามรายละเอียดได้ที่ Line@sondhitalk คลิก https://lin.ee/Skns1k1
    Like
    Love
    Yay
    34
    0 Comments 1 Shares 4598 Views 1647 2 Reviews
  • #สารสำคัญถึงแฟนเพจคิงส์ฯทุกท่าน
    พี่คิงส์ขอขอบคุณแฟนเพจที่เข้ามาติดตามข่าวสารกันอย่างต่อเนื่อง
    ซึ่งเพจคิงส์โพธิ์แดง ที่เป็นเพจดั้งเดิม
    อย่างที่ทราบกันดีว่า ได้ผ่านสมรภูมิมาหลายสนาม
    เพราะเรายืนหยัดบนความถูกต้อง
    ทั้งไอโอจากกลุ่มมีสีและผู้มีอิทธิพล
    และเราไม่เคยแพ้ และสะกดคำว่ากลัวไม่เป็น
    โดยเดิมทีจะมีข่าวซีฟ ทั้งเรื่องการเมือง
    และข้อมูลสำคัญที่คนไทยต้องรับรู้
    กับความพยายามของต่างชาติ
    ที่หาวิธีในการเข้ามาล้มล้างการปกครอง
    แต่เมื่อเพจคิงส์ ได้ทำการขุดเรื่องเบื้องลึกกามิจ
    เนื่องจากเห็นการกระทำของหลังบ้าน กลุ่ม DC
    ที่เลยเถิดไปบิ๊วให้ทุยผู้ภักดี
    มาเล่นงานน้องแน๊ก ด้วยการประดิษฐ์วาทะกรรม
    ทำให้เชื่อว่าแน๊ก ไม่ ส บ บาย
    ซึ่งน้องเองมีอาชีพเป็นดารานักแสดง
    สิ่งที่โจมณฑานีกระทำ ถือว่าเป็นการทำให้เสื่อมเสีย
    และก็เลยไปไกลถึงขนาดที่ทำให้ทุย
    มาตรร้ายต่อน้องแน๊กและครอบครัว
    พี่คิงส์จึงออกมาปกป้องด้วยข้อมูลที่ขุดใหม่ทุกวัน
    แต่ก็ยิ่งขุดยิ่งลึก จึงทำให้รับรู้ข้อมูลสำคัญ
    ว่าเบื้องหลังของการกระทำของโจมณฑานีที่สร้างฐาน
    รวมไปถึงการสร้างกลุ่มไอโอนั้น มีการสนับสนุนจากกลุ่มเงินดาร์ค
    ทะลุไปถึงการใช้ ตต. และการ พีเค ในการฟอกให้ขาว
    ในขณะที่กำลังขุดเรื่องนี้ ก็ยังมีข่าวสารอีกรอบด้าน
    ทั้งเป็นสื่อกลางในการช่วย ผปสภ และการรู้ทัน
    นักการเมืองบางพรรค ที่มีความเคลื่อนไหวที่จะส่งผลต่อพี่น้องชาวไทยในอนาคตได้
    พี่คิงส์เองก็คิดมาซักพักแล้วว่า เรามีความจำเป็น
    ต้องแยกกลุ่มอย่างชัดเจน เพราะต้องยอมรับว่า
    จากที่เคยคิดว่า เป็นภาระกิจระยะสั้น แต่ดูแล้ว
    กับการซัพพอตจากกลุ่มเงินดาร์คผ่านโจ มาทำไอโอนั้น
    น่าจะไม่หมอบง่ายๆ ต้องจัดและขุดไปอีกยาวๆ
    ดังนั้น เรียนท่านผู้ติดตามทั้งสองเพจ เข้าไปกดติดตาม
    สิ่งที่ท่านสนใจจริงๆเพิ่ม
    เพจแรก คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    จะเน้นเรื่องอัพเดท โจ และไอโอ กามิจ และกลุ่มเงินดาร์ค เอเจนซี่
    ------------------------------
    เพจที่สอง คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2
    จะเน้นข่าวการเมืองข่าวที่ส่งผลกระทบกับพี่น้องชาวไทยในประเด็นอื่นๆ
    รวมถึงข่าวซีฟ เกี่ยวกับข้าราชการ ที่แสวงหาประโยชน์ในตำแหน่ง
    ---------------------------
    ดังนั้น จึงเรียนแจ้งแฟนเพจที่เคารพทุกท่านครับ
    แต่หากเมื่อไหร่ ที่เพจที่ท่านติดตาม ในสองเพจนี้ เพจใดเพจหนึ่งปลิว
    เราจะรวมข้อมูลนำเสนอในเพจที่เหลือทั้งสองด้าน และเราได้เตรียมเพจใหม่สำรองไว้แล้วอีกหลายเพจ จะประชาสัมพันธ์เพื่อแยกเพจให้ตรงกลุ่มกับสิ่งที่ท่านต้องการอีกครั้งครับ
    ขอบคุณที่มาร่วมเป็นพลังในการยืนหยัดอยู่บนความถูกต้องเสมอมา
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    #สารสำคัญถึงแฟนเพจคิงส์ฯทุกท่าน พี่คิงส์ขอขอบคุณแฟนเพจที่เข้ามาติดตามข่าวสารกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเพจคิงส์โพธิ์แดง ที่เป็นเพจดั้งเดิม อย่างที่ทราบกันดีว่า ได้ผ่านสมรภูมิมาหลายสนาม เพราะเรายืนหยัดบนความถูกต้อง ทั้งไอโอจากกลุ่มมีสีและผู้มีอิทธิพล และเราไม่เคยแพ้ และสะกดคำว่ากลัวไม่เป็น โดยเดิมทีจะมีข่าวซีฟ ทั้งเรื่องการเมือง และข้อมูลสำคัญที่คนไทยต้องรับรู้ กับความพยายามของต่างชาติ ที่หาวิธีในการเข้ามาล้มล้างการปกครอง แต่เมื่อเพจคิงส์ ได้ทำการขุดเรื่องเบื้องลึกกามิจ เนื่องจากเห็นการกระทำของหลังบ้าน กลุ่ม DC ที่เลยเถิดไปบิ๊วให้ทุยผู้ภักดี มาเล่นงานน้องแน๊ก ด้วยการประดิษฐ์วาทะกรรม ทำให้เชื่อว่าแน๊ก ไม่ ส บ บาย ซึ่งน้องเองมีอาชีพเป็นดารานักแสดง สิ่งที่โจมณฑานีกระทำ ถือว่าเป็นการทำให้เสื่อมเสีย และก็เลยไปไกลถึงขนาดที่ทำให้ทุย มาตรร้ายต่อน้องแน๊กและครอบครัว พี่คิงส์จึงออกมาปกป้องด้วยข้อมูลที่ขุดใหม่ทุกวัน แต่ก็ยิ่งขุดยิ่งลึก จึงทำให้รับรู้ข้อมูลสำคัญ ว่าเบื้องหลังของการกระทำของโจมณฑานีที่สร้างฐาน รวมไปถึงการสร้างกลุ่มไอโอนั้น มีการสนับสนุนจากกลุ่มเงินดาร์ค ทะลุไปถึงการใช้ ตต. และการ พีเค ในการฟอกให้ขาว ในขณะที่กำลังขุดเรื่องนี้ ก็ยังมีข่าวสารอีกรอบด้าน ทั้งเป็นสื่อกลางในการช่วย ผปสภ และการรู้ทัน นักการเมืองบางพรรค ที่มีความเคลื่อนไหวที่จะส่งผลต่อพี่น้องชาวไทยในอนาคตได้ พี่คิงส์เองก็คิดมาซักพักแล้วว่า เรามีความจำเป็น ต้องแยกกลุ่มอย่างชัดเจน เพราะต้องยอมรับว่า จากที่เคยคิดว่า เป็นภาระกิจระยะสั้น แต่ดูแล้ว กับการซัพพอตจากกลุ่มเงินดาร์คผ่านโจ มาทำไอโอนั้น น่าจะไม่หมอบง่ายๆ ต้องจัดและขุดไปอีกยาวๆ ดังนั้น เรียนท่านผู้ติดตามทั้งสองเพจ เข้าไปกดติดตาม สิ่งที่ท่านสนใจจริงๆเพิ่ม เพจแรก คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง จะเน้นเรื่องอัพเดท โจ และไอโอ กามิจ และกลุ่มเงินดาร์ค เอเจนซี่ ------------------------------ เพจที่สอง คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2 จะเน้นข่าวการเมืองข่าวที่ส่งผลกระทบกับพี่น้องชาวไทยในประเด็นอื่นๆ รวมถึงข่าวซีฟ เกี่ยวกับข้าราชการ ที่แสวงหาประโยชน์ในตำแหน่ง --------------------------- ดังนั้น จึงเรียนแจ้งแฟนเพจที่เคารพทุกท่านครับ แต่หากเมื่อไหร่ ที่เพจที่ท่านติดตาม ในสองเพจนี้ เพจใดเพจหนึ่งปลิว เราจะรวมข้อมูลนำเสนอในเพจที่เหลือทั้งสองด้าน และเราได้เตรียมเพจใหม่สำรองไว้แล้วอีกหลายเพจ จะประชาสัมพันธ์เพื่อแยกเพจให้ตรงกลุ่มกับสิ่งที่ท่านต้องการอีกครั้งครับ ขอบคุณที่มาร่วมเป็นพลังในการยืนหยัดอยู่บนความถูกต้องเสมอมา #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    Like
    Yay
    10
    0 Comments 0 Shares 1697 Views 0 Reviews
  • #ใครคือBoss
    เรื่องนี้เปิดปุ๊บทุกอย่างสว่างคาตา
    เป็นการเฉลยถึงทุกเหตุการณ์
    -ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจ ว่าแพลตฟอร์ม ตต แม้จะเกิดขึ้นมาระยะเวลานึงแล้ว แต่การพีเค เพิ่งจะเริ่มต้นไม่นาน หลังจาก ตต เริ่มมียูซจำนวนมากเป็นคู่แข่งสำคัญของแอพฟ้า ซึ่งการพีเค ตามระบบของแพลตฟอร์ม ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่มีคนที่เห็นช่องทางนี้ นำไปสู่สิ่งที่มากไปกว่านั้น
    -พี่คิงส์จะเล่าแบบนี้ เงินที่ได้มาโดยไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะมันมาจากมิจ ทั้งเรื่องออนไลน์ พวกคอลเซ็งเทอร์ หรือญาเฉบติก ซึ่งปัจจุบันทุกประเทศก็จะมีการพัฒนาระบบ เพื่อปิดช่องทาง ไม่ให้สามารถสาวไปถึงเจ้าของได้ จนเป็นที่มา ยกตัวอย่างเช่นในประเทศไทย ที่อดีตรอง ผบตร. ต้องถูกออกจากราชการ นั่นเพราะสนง ตร. แห่งชาติ มีระบบที่สามารถสืบหาการโยงของเส้นเงินได้อย่างชัดเจน และถ้าสังเกตุดีๆ บรรดาเงินดาร์คพวกนี้ที่เคยซักให้สะอาดโดยผ่านอสังหา หรือรถมือสองบางราย โดยเฉพาะพวกซุเปอร์คาร์ ออกมาเทกระจาด เพราะเกรงระบบตรวจสอบจะมาถึงตัว เลยต้องเปลี่ยนทรัพย์ให้เป็นแคชให้มาก ซึ่งบางรายก็ต้องเอาเงินดาร์ค ไปใส่ไว้ในรูปแบบดิจิตอล ซึ่งก็มีการเหวี่ยงของอัตราพอสมควร
    -ดังนั้น การพีเค คือสิ่งใหม่ ที่ผู้ชำนาญเรื่องการซักอบรีดเงินดาร์ค มองเห็นช่องทางพิเศษ จึงวางโมเดลใหม่เอี่ยม ด้วยการสร้างบริษัท เพื่อหานักแสดงที่พอปั้นให้มีแสงได้ มีการลองที่ 1 คู่ โดยตัว บอส ได้โยนเงินดาร์คเข้าไปเปลี่ยนเป็นเหรียญในตต. ก็ไม่สามารถจับมือใครได้ว่า ติ๊กเกอร์นั้นคือของใคร โดยตต.ได้ผลประโยชน์แค่เพียงเล็กน้อย หลังจากเปลี่ยนเงินดาร์ค-สู่เหรียญตต.-สู่ติ๊กเกอร์ ก็วนกลับมา หลังหักค่าธรรมเนียมให้ตต. ก็นำออกมาเสียภาษี ว่าเป็นอินคัมจากการพีเค เท่านั้นก็สะอาดกริ๊บ และมูลค่าของติ๊กเกอร์ ก็มีที่สูงๆ ส่งไม่กี่ทีก็ขึ้นหลักร้อยM ได้ง่ายๆ หลังจากนั้นก็เริ่มสร้างบริษัทเพิ่ม มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อปั้นดาวที่เรียกว่าจะมีการส่งติ๊กเกอร์ที่สัมพันธ์กับผู้ติดตาม ต้องสร้างฐานก่อน
    -แล้วมีความเกี่ยวข้องกับอิเหวิงอย่างไร โพสนี้ยาวนะ แต่อ่านกันให้จบก็แล้วกัน
    อิเหวิงยอมรับว่าตัวเอง มีบ.ดูแล ตั้งแต่ที่ต้มคนไทยว่าลำบากแบบที่อิโจยังเพ้อไม่เลิก อิเหวิงถือเป็นหนึ่งเบี้ยตัวตุ๊กตาในโมเดลใหม่นี้
    และเป็นจังหวะที่บังเอิญ ที่ชาลีก็เฝ้ามองการแสดง อย่างที่ไม่รู้ว่านั่นคือการแสดง นำไปสู่ความใจดีที่พาคนไทยเข้าไปซัพพอตอิเหวิง นั่นคือปฐมบทที่ทุกคนก็รู้ๆกันอยู่แล้ว พี่คิงส์จะข้ามไป
    -ดังนั้น การมีจำนวนผู้ติดตามที่เกาะกระแสน้องแน๊กชาลีได้คนแรกของโมเดล สิ่งที่ได้คือ ติ๊กเกอร์ของจริง ที่อิเหวิงได้ส่วนแบ่งฉ่ำๆไป และส่วนที่สองคือการสอดไส้เงินดาร์คเข้าสู่ระบบ โดยถ้าสังเกตุดีๆ ยูนิแพงแค่ไหน แต่อิเหวิงได้แทบทุกไลฟ์แบบรัวๆ แม้กระทั่งในห้อง DC คนจะลดลงไปเจ็ดสิบเปอร์เซ็น ทุยก็เฮ เฮ ติ๊กเกอร์รัวๆ ทุยตอนนี้ก็กินแกลบกันแล้ว จะเอาที่ไหนไปให้ ถ้าตั้งสติดีๆ
    -และในโมเดลนี้ได้พัฒนาต่อ โดยเหมือนศูนยน์ประจำประเทศนั้นๆ ซึ่งในประเทศไทย ่่่่โจ คือคนที่ได้รับความไว้วางใจ สร้างกลุ่ม DC และรู้ว่าคุมแน๊กไม่ได้ แน๊กคอยขัดคอเวลาที่พวกนี้หาแดรกกับคนไทย จึงต้องสร้างอคติ กดจิตหมู่ จนลามปามไปถึงการที่ทุยมาตรร้ายต่อแน๊กและครอบครัวแม้กระทั่งหลานตัวเล็ก
    -โดยโจ จะมีทีมตัดต่อคลิปอิเหวิงหรือชาลี พอตัดต่อคลิปนี้ กฌเอาไปโยนให้ ใน dc ไปโพสต์ไปแชร์ก็แล้วแต่ หรือให้ อิโจ โพส ก้อแล้วแต่ พอเริ่มมีคนโพสต์แล้ว ทีมหลังบ้าน ลุยต่อ ด้วยการไปดันเม้นให้เป็นไวรัล
    1 คน มี 20 id แป๊บเดียว แต่มีสมาชิกในทีมเป็นฝูง ทีมยึด พื่นที่ ตามที่ต้องการ พวกนี้เงินเดือน ไม่ถึง หมื่น เม้นโพส ปั้น สร้งภาพ แต่ ag.
    -และเรื่องการปั๊มยูซไม่แท้ ก็มีเอาท์ซอสมาทำ เพื่อปั่นยอดฟอลกลัวจะตกต่ำกว่าล้านฟอล แต่ปั๊มยังไงก็ไม่ทันกับอัลฟอลแท้ เลยต้องปิดเป็นไพรเวทไว้ก่อน เพื่อให้ยอดไม่ลดลงไปกว่านี้ รวมถึงมีคอมเม้นคนไทย ที่ไปใส่อิเหวิงรัวๆ กลัวเอเจนมาเห็น แล้วไม่ต่อสัญญา
    -และตอนนี้ เอเจนก็ไม่ต่อสัญญาจริงๆ แต่อิเหวิงไม่ทำให้เสียของ เริ่มถ่ายเทให้พี่ชาย โดยมีลำดับลีลาการเปิดตัว และจากเดิมที่ทุยจะมีแต่ตัวผู้ ตอนนี้ทุยตัวเมียก็เริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีการจัดการพีเคระหว่างทุย ญ ไทย กับพี่ชายอิเหวิง กรรี๊ดดดด กันลั่นห้อง
    อันนี้เบาะๆ แค่ อีพีแรกก่อนละกัน ยาวกว่านี้จะอ่านกันไม่ไหว
    สรุปนะ มันคือการแสดง อย่าที่น้องแน๊กบอกแหละ อย่าอิน
    อิเหวิง ได้ข่าวว่าจบการแสดง แค่ที่แสดงมาก็เนียนไม่น้อย
    แต่พลาดตรงที่ประเทศไทย มีทีมทัวร์ไทยที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก
    และอิโจก็ยังมึนงงจนถึงป่านนี้ว่า คิงส์โพธิ์แดงมายังไง
    มาจากไหน ทุกอย่างมันผิดแผนไปหมด ทำเป็นบอกจะไปแ-จ้-ง ตร.
    ถ้าทำจริงป่านนี้โจโพสโชว์แล้ว วงในยืนยันว่าอิป้าไม่กล้า
    เพราะผลเยอะ และมันก็รู้ว่า เพจคิงส์โพธิ์แดงการข่าวลึกจริง
    ถึงบอกไงว่า รอ และอย่าให้รอนาน
    อย่าให้ สนง.ตร.สืบเส้นเงิน เมิงเจอแน่อิฉัด
    ส่วนการแสดงของอิเหวิง ทั้งครอบครัวร่วมด้วยช่วยกัน
    อิแม่นี่ตัวดีเลย คอยถือกล้องให้คอยช่วยบิ๊ว
    หวังว่าโพสนี้ จะทำให้ทุยไทยคิดได้
    และทำให้คนไทยได้ตื่นรู้กันซักที
    การพีเค ไม่ผิดนะ แฟลตฟอร์ม ตต.ก็ไม่ผิด
    แต่ผิดที่พวกเงินดาร์คมันเอาไปพัฒนาให้เป็นแหล่งซักอบรีดเงินดาร์คให้เป็นเงินดี ผ่านการเสียภาษีอย่างถูกต้อง
    สงสารชาลี สงสารคนไทย ที่ถูกล้อเล่นกับหัวใจ
    เพียงเพราะมีคนอย่างอิโจ ที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน
    ตอนนี้ ยิ่งชัดว่า อินคัมที่ได้จากโมเดลนี้ พอสมควร
    แต่ที่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย คือ โรงเรียนที่ไม่ถูกต้อง
    ที่เปิดสอนสิ่งงม-งา-ย คิดหัวเกือบฉองหมื่น
    ซึ่งการมาของคิงส์ฯและแฟนเพจ
    ทำให้ตัวบอสเองก็คาดไม่ถึง
    ก็เป็นโอกาสที่โจจะแสดงฝีมือ
    ในการปั่นให้คนไทย ชังแน๊ก
    มีทีมหลังบ้านไม่ต่ำกว่า 20 ทั้งชงทั้งชิม
    งงดิเมิง กรรรูมายังไง ก็ฟ้ามีตาไง
    ทำข่าวการเมืองอยู่แท้ๆ
    เจอแน๊กถูกเล่นงานต้องวางงานอื่น
    มาจัดเต็ม อยากทำซั่วกับคนไทย
    ต้องผ่านคิงส์โพธิ์แดงให้ได้ก่อนนะ
    อิฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง3
    #ใครคือBoss เรื่องนี้เปิดปุ๊บทุกอย่างสว่างคาตา เป็นการเฉลยถึงทุกเหตุการณ์ -ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจ ว่าแพลตฟอร์ม ตต แม้จะเกิดขึ้นมาระยะเวลานึงแล้ว แต่การพีเค เพิ่งจะเริ่มต้นไม่นาน หลังจาก ตต เริ่มมียูซจำนวนมากเป็นคู่แข่งสำคัญของแอพฟ้า ซึ่งการพีเค ตามระบบของแพลตฟอร์ม ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่มีคนที่เห็นช่องทางนี้ นำไปสู่สิ่งที่มากไปกว่านั้น -พี่คิงส์จะเล่าแบบนี้ เงินที่ได้มาโดยไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะมันมาจากมิจ ทั้งเรื่องออนไลน์ พวกคอลเซ็งเทอร์ หรือญาเฉบติก ซึ่งปัจจุบันทุกประเทศก็จะมีการพัฒนาระบบ เพื่อปิดช่องทาง ไม่ให้สามารถสาวไปถึงเจ้าของได้ จนเป็นที่มา ยกตัวอย่างเช่นในประเทศไทย ที่อดีตรอง ผบตร. ต้องถูกออกจากราชการ นั่นเพราะสนง ตร. แห่งชาติ มีระบบที่สามารถสืบหาการโยงของเส้นเงินได้อย่างชัดเจน และถ้าสังเกตุดีๆ บรรดาเงินดาร์คพวกนี้ที่เคยซักให้สะอาดโดยผ่านอสังหา หรือรถมือสองบางราย โดยเฉพาะพวกซุเปอร์คาร์ ออกมาเทกระจาด เพราะเกรงระบบตรวจสอบจะมาถึงตัว เลยต้องเปลี่ยนทรัพย์ให้เป็นแคชให้มาก ซึ่งบางรายก็ต้องเอาเงินดาร์ค ไปใส่ไว้ในรูปแบบดิจิตอล ซึ่งก็มีการเหวี่ยงของอัตราพอสมควร -ดังนั้น การพีเค คือสิ่งใหม่ ที่ผู้ชำนาญเรื่องการซักอบรีดเงินดาร์ค มองเห็นช่องทางพิเศษ จึงวางโมเดลใหม่เอี่ยม ด้วยการสร้างบริษัท เพื่อหานักแสดงที่พอปั้นให้มีแสงได้ มีการลองที่ 1 คู่ โดยตัว บอส ได้โยนเงินดาร์คเข้าไปเปลี่ยนเป็นเหรียญในตต. ก็ไม่สามารถจับมือใครได้ว่า ติ๊กเกอร์นั้นคือของใคร โดยตต.ได้ผลประโยชน์แค่เพียงเล็กน้อย หลังจากเปลี่ยนเงินดาร์ค-สู่เหรียญตต.-สู่ติ๊กเกอร์ ก็วนกลับมา หลังหักค่าธรรมเนียมให้ตต. ก็นำออกมาเสียภาษี ว่าเป็นอินคัมจากการพีเค เท่านั้นก็สะอาดกริ๊บ และมูลค่าของติ๊กเกอร์ ก็มีที่สูงๆ ส่งไม่กี่ทีก็ขึ้นหลักร้อยM ได้ง่ายๆ หลังจากนั้นก็เริ่มสร้างบริษัทเพิ่ม มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อปั้นดาวที่เรียกว่าจะมีการส่งติ๊กเกอร์ที่สัมพันธ์กับผู้ติดตาม ต้องสร้างฐานก่อน -แล้วมีความเกี่ยวข้องกับอิเหวิงอย่างไร โพสนี้ยาวนะ แต่อ่านกันให้จบก็แล้วกัน อิเหวิงยอมรับว่าตัวเอง มีบ.ดูแล ตั้งแต่ที่ต้มคนไทยว่าลำบากแบบที่อิโจยังเพ้อไม่เลิก อิเหวิงถือเป็นหนึ่งเบี้ยตัวตุ๊กตาในโมเดลใหม่นี้ และเป็นจังหวะที่บังเอิญ ที่ชาลีก็เฝ้ามองการแสดง อย่างที่ไม่รู้ว่านั่นคือการแสดง นำไปสู่ความใจดีที่พาคนไทยเข้าไปซัพพอตอิเหวิง นั่นคือปฐมบทที่ทุกคนก็รู้ๆกันอยู่แล้ว พี่คิงส์จะข้ามไป -ดังนั้น การมีจำนวนผู้ติดตามที่เกาะกระแสน้องแน๊กชาลีได้คนแรกของโมเดล สิ่งที่ได้คือ ติ๊กเกอร์ของจริง ที่อิเหวิงได้ส่วนแบ่งฉ่ำๆไป และส่วนที่สองคือการสอดไส้เงินดาร์คเข้าสู่ระบบ โดยถ้าสังเกตุดีๆ ยูนิแพงแค่ไหน แต่อิเหวิงได้แทบทุกไลฟ์แบบรัวๆ แม้กระทั่งในห้อง DC คนจะลดลงไปเจ็ดสิบเปอร์เซ็น ทุยก็เฮ เฮ ติ๊กเกอร์รัวๆ ทุยตอนนี้ก็กินแกลบกันแล้ว จะเอาที่ไหนไปให้ ถ้าตั้งสติดีๆ -และในโมเดลนี้ได้พัฒนาต่อ โดยเหมือนศูนยน์ประจำประเทศนั้นๆ ซึ่งในประเทศไทย ่่่่โจ คือคนที่ได้รับความไว้วางใจ สร้างกลุ่ม DC และรู้ว่าคุมแน๊กไม่ได้ แน๊กคอยขัดคอเวลาที่พวกนี้หาแดรกกับคนไทย จึงต้องสร้างอคติ กดจิตหมู่ จนลามปามไปถึงการที่ทุยมาตรร้ายต่อแน๊กและครอบครัวแม้กระทั่งหลานตัวเล็ก -โดยโจ จะมีทีมตัดต่อคลิปอิเหวิงหรือชาลี พอตัดต่อคลิปนี้ กฌเอาไปโยนให้ ใน dc ไปโพสต์ไปแชร์ก็แล้วแต่ หรือให้ อิโจ โพส ก้อแล้วแต่ พอเริ่มมีคนโพสต์แล้ว ทีมหลังบ้าน ลุยต่อ ด้วยการไปดันเม้นให้เป็นไวรัล 1 คน มี 20 id แป๊บเดียว แต่มีสมาชิกในทีมเป็นฝูง ทีมยึด พื่นที่ ตามที่ต้องการ พวกนี้เงินเดือน ไม่ถึง หมื่น เม้นโพส ปั้น สร้งภาพ แต่ ag. -และเรื่องการปั๊มยูซไม่แท้ ก็มีเอาท์ซอสมาทำ เพื่อปั่นยอดฟอลกลัวจะตกต่ำกว่าล้านฟอล แต่ปั๊มยังไงก็ไม่ทันกับอัลฟอลแท้ เลยต้องปิดเป็นไพรเวทไว้ก่อน เพื่อให้ยอดไม่ลดลงไปกว่านี้ รวมถึงมีคอมเม้นคนไทย ที่ไปใส่อิเหวิงรัวๆ กลัวเอเจนมาเห็น แล้วไม่ต่อสัญญา -และตอนนี้ เอเจนก็ไม่ต่อสัญญาจริงๆ แต่อิเหวิงไม่ทำให้เสียของ เริ่มถ่ายเทให้พี่ชาย โดยมีลำดับลีลาการเปิดตัว และจากเดิมที่ทุยจะมีแต่ตัวผู้ ตอนนี้ทุยตัวเมียก็เริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีการจัดการพีเคระหว่างทุย ญ ไทย กับพี่ชายอิเหวิง กรรี๊ดดดด กันลั่นห้อง อันนี้เบาะๆ แค่ อีพีแรกก่อนละกัน ยาวกว่านี้จะอ่านกันไม่ไหว สรุปนะ มันคือการแสดง อย่าที่น้องแน๊กบอกแหละ อย่าอิน อิเหวิง ได้ข่าวว่าจบการแสดง แค่ที่แสดงมาก็เนียนไม่น้อย แต่พลาดตรงที่ประเทศไทย มีทีมทัวร์ไทยที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก และอิโจก็ยังมึนงงจนถึงป่านนี้ว่า คิงส์โพธิ์แดงมายังไง มาจากไหน ทุกอย่างมันผิดแผนไปหมด ทำเป็นบอกจะไปแ-จ้-ง ตร. ถ้าทำจริงป่านนี้โจโพสโชว์แล้ว วงในยืนยันว่าอิป้าไม่กล้า เพราะผลเยอะ และมันก็รู้ว่า เพจคิงส์โพธิ์แดงการข่าวลึกจริง ถึงบอกไงว่า รอ และอย่าให้รอนาน อย่าให้ สนง.ตร.สืบเส้นเงิน เมิงเจอแน่อิฉัด ส่วนการแสดงของอิเหวิง ทั้งครอบครัวร่วมด้วยช่วยกัน อิแม่นี่ตัวดีเลย คอยถือกล้องให้คอยช่วยบิ๊ว หวังว่าโพสนี้ จะทำให้ทุยไทยคิดได้ และทำให้คนไทยได้ตื่นรู้กันซักที การพีเค ไม่ผิดนะ แฟลตฟอร์ม ตต.ก็ไม่ผิด แต่ผิดที่พวกเงินดาร์คมันเอาไปพัฒนาให้เป็นแหล่งซักอบรีดเงินดาร์คให้เป็นเงินดี ผ่านการเสียภาษีอย่างถูกต้อง สงสารชาลี สงสารคนไทย ที่ถูกล้อเล่นกับหัวใจ เพียงเพราะมีคนอย่างอิโจ ที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ตอนนี้ ยิ่งชัดว่า อินคัมที่ได้จากโมเดลนี้ พอสมควร แต่ที่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย คือ โรงเรียนที่ไม่ถูกต้อง ที่เปิดสอนสิ่งงม-งา-ย คิดหัวเกือบฉองหมื่น ซึ่งการมาของคิงส์ฯและแฟนเพจ ทำให้ตัวบอสเองก็คาดไม่ถึง ก็เป็นโอกาสที่โจจะแสดงฝีมือ ในการปั่นให้คนไทย ชังแน๊ก มีทีมหลังบ้านไม่ต่ำกว่า 20 ทั้งชงทั้งชิม งงดิเมิง กรรรูมายังไง ก็ฟ้ามีตาไง ทำข่าวการเมืองอยู่แท้ๆ เจอแน๊กถูกเล่นงานต้องวางงานอื่น มาจัดเต็ม อยากทำซั่วกับคนไทย ต้องผ่านคิงส์โพธิ์แดงให้ได้ก่อนนะ อิฉัด #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2 #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง3
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 1419 Views 0 Reviews


  • ตอนหนึ่ง………จากเด็กหลังห้อง……สู่นักศึกษากฏหมายยูโดสายดำ……!!

    ก็จะเล่าเรื่องของท่านผู้นำ Vladimir Vladimirovich Putin ตามที่เคยเกริ่นไว้นานมาแล้วนะคะ

    วลาดิเมียร์ ปูติน ถือกำเนิดในวันที่ 7 ตุลาคม 1952
    ที่เลนินกราด (เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก) สหภาพโซเวียต


    เขาเกิดขึ้นมาในครอบครัวที่ทั้งบิดา มารดา (Vladimir และ Maria) ที่ค่อนข้างทนุถนอมปูตินน้อย ที่มีชื่อเล่นๆว่า Volodya
    (โวโลเดียร์)
    เพราะบุตรชายคนนี้ คือผู้ที่จะสืบทอดวงศ์ตระกูลเพียงคนเดียว
    หลังจากที่ได้สูญเสียบุตรชายไปสองคนก่อนหน้านี้ เมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่สอง
    วลาดิเมียร์ผู้พ่อเคยรับราชการทหารเรือ ในหน่วยเรือดำน้ำ เมื่อถูกปลดประจำการ เขาและมาเรียก็ปักหลักลงฐานอยู่ในเลนินกราดเช่นเดิม ไม่ได้ย้ายไปไหน
    ทางรัฐบาลได้จัดที่อยู่อาศัยให้ในอาคารสงเคราะห์ทหารผ่านศึก เลขที่ 12 ถนน Baskov ที่เป็นอาคารเก่าๆ มีสี่ห้องนอน แต่เขาต้องแบ่งกันอยู่กันอีกครอบครัวหนึ่ง
    ทั้งหมดยังต้องใช้เตาผิงฟืนเพื่อความอบอุ่น
    มาเรีย……ไม่ได้มีความรู้มากมาย ทำงานสารพัด ตั้งแต่รับล้างหลอดแก้วในแล็บ……ส่งขนมปัง สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเธอ คือ ต้องมีเวลาดูแลบุตรชายให้ดีที่สุด
    คู่สามีภรรยาที่เป็นเพื่อนร่วมแฟลต เป็นชาวยิว (เคร่งปฏิบัติ)
    ปูตินน้อย จึงเป็นละอ่อนคนเดียวในหมู่เพื่อนบ้าน
    เมื่อเขามีอายุได้เจ็ดอาทิตย์ มาเรีย และ บาบาอันยา (เพื่อนบ้าน) ได้พากันแอบเอาเขาไปทำพิธีล้างบาปในพิธีของออโธดอกซ์ ซึ่งเป็นความลับ (เพราะในยุคของคอมมิวนิสต์ พิธีทางศาสนาต่างๆต้องแอบซ่อน)
    เรื่องนี้ แม้แต่บิดาของเขาก็ไม่รู้ เป็นความลับดำมืด จนเมื่อสี่สิบปีต่อมา มาเรียได้นำกางเขนเล็กๆมาให้กับปูติน และเล่าเรื่องราวให้ฟัง ย้ำกับเขาว่า ถ้ามีโอกาสไปที่เยรูซาเล็ม ช่วยเอากางเขนนี้ ไปสวดที่ Church of the Holy Sepulcher ด้วย
    เลยพอเดาได้……ว่า มาเรียมีเชื้อสายเป็นยิวออโธดอกซ์ ที่ลบเลือนหายไปตามวิถีการเมืองและกาลเวลา
    นามสกุลเดิมของเธอ คือ Shelomova (ที่รากมาจาก Solomon
    ที่เป็นนามสกุลของยิว)

    ปูตินน้อยเป็นเด็กเฮี้ยวพอสมควร อายุเพียงเก้าขวบ เขาและเพื่อนพากันขึ้นรถไฟไปเที่ยวในชนบท กลับมาก็เจอกับพ่อที่ถือเข็มขัดรอไว้ในมือ……
    จากนั้นมา แม้แต่จะเดินไปหัวมุมถนน เขายังต้องขออนุญาต
    ความสัมพันธ์ในบ้าน ค่อนข้างที่จะเคร่งครัด ไม่มีการกอดจูบ
    หรือป้อนคำหวานใส่กัน
    วันเปิดเรียน……นักเรียนอื่นๆเขาจะนำช่อดอกไม้ไปให้ครู
    แต่ปูตินยกไปให้ครูทั้งกระถาง
    เขาเป็นที่ขำขันของเหล่าเพื่อนๆ เพราะตัวเล็ก แข้งขาลีบ
    เดินเป๋ๆ การเรียนไม่ค่อยดี
    จนครูต้องไปพบกับผู้ปกครอง เพื่อแนะนำว่า เด็กคนนี้หัวดีมาก แต่ไม่เอาใจใส่การเรียนเท่าที่ควร
    วลาดิเมียร์ผู้พ่อ ย้อนถามครูไปว่า
    “แล้วจะให้ผมทำยังไง……ฆ่ามันทิ้งงั้นเหรอ?”
    แต่ทั้งคู่ก็รับปากว่า จะเอาใจใส่ให้มากกว่านี้

    สิ่งแรกเลยที่ปูตินต้องพบ……คือ พ่อพาเขาไปเรียนชกมวย
    ที่ปูตินไม่สนใจในเรื่องชกๆต่อยๆ เขาไปสนใจใน sambo มากกว่า (แซมโบ คือ การผสมผสานระหว่างยูโด กับมวยปล้ำ)
    ซึ่งเขามาได้ถูกทาง เพราะโค้ชได้เข้าไปพบกับ วลาดิเมียร์ และ มาเรีย เพื่อรับรองว่าจะไม่มีอันตรายใดๆ ปูตินน้อยมีความสามารถพิเศษในศาสตร์ด้านนี้

    ปูตินน้อยเข้าสู่วัยสิบสาม อยู่ชั้นมัธยมที่หนึ่ง
    เขาเริ่มมีทีมกลุ่มนักกีฬายูโดที่ไปไหนมาไหนด้วยกัน จากที่เดินติ๋มๆในละแวกที่อาศัยล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยอบายมุข เหล้า บุหรี่
    ปูตินน้อย……สามารถเดินสบตาได้ทุกคน
    การเรียนเขาดีขึ้นมาก เขาได้รับเลือกขึ้นเป็นหัวหน้านักเรียนในชั้นมัธยมปีที่สอง
    พอมัธยมแปด เขาได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนโรงเรียนไปเข้าในสมาคมยุวคอมมิวนิสต์ และนี่คือบันไดขั้นแรกสำหรับการก้าวเข้าสู่สังคมโลกภายนอกโรงเรียน

    สิ่งที่เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตของปูตินน้อย คือ ภาพยนตร์เรื่อง “The Sword and the Shield “ ที่เป็นเริ่องเกี่ยวกับ Major Aleksandr Belov ที่เป็น KGB ที่ไปทำงานสืบราชการลับในหน่วย SS ของนาซี ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นขาวดำ ยาวถึงห้าชั่วโมง แต่ปูตินน้อยสามารถดูซ้ำแล้วซ้ำเล่า อย่างไม่มีวันเบื่อหน่าย

    เขาบอกกับตัวเองว่า……สักวันหนึ่ง……เขาจะเป็นสายลับ KGB ให้ได้…!!!!

    เขาเริ่มดำเนินการตามฝัน เพราะ สำนักงานใหญ่ KGB ก็อยู่ในเลนินกราด ในตอนนั้นใครๆเรียกว่า The Big House
    เขาไปที่นั่น…ต้องใช้ความพยายามถึงสามครั้งกว่าจะหาทางเข้าเจอ เพื่อที่จะขอใบสมัคร…
    เจ้าหน้าที่ที่มาคุยด้วย มองเขาด้วยความสมเพช ได้บอกกับเขาว่า……ที่นี่….ไม่รับหน่วยอาสา ถ้าจะมาสมัคร ต้องไปเรียนหนังสือให้มากกว่านี้ เพราะเรารับคนที่เคยเป็นทหาร หรือจบจากมหาวิทยาลัย ……
    ปูตินน้อยไม่ละความพยายาม เขาถามไปว่า ถ้าเรียนมหาวิทยาลัย ต้องเรียนสาขาไหน ถึงจะมีสิทธิ
    คนตอบตอบอย่างเสียไปที…ว่า……กฎหมายมั้ง……!!!

    กฎหมาย……คำนั้นคำเดียว…ที่เขาจำได้แม่น……ที่เหลือคือเขาต้องไปหว่านล้อมพ่อแม่ ที่ตั้งเป้าหมายให้เขาเรียนพวกการบิน หรือเทคนิคต่างๆ หรือแต่โค้ชยูโดที่พยายามหว่านล้อมให้ไปเป็นตำรวจ……ที่เขาไม่ชอบเลย……!!

    ตั้งแต่เขามีความมุ่งมั่นที่จะเป็น KGB ให้ได้นั้น ปูตินน้อยเปลี่ยนไป เขาเริ่มสนใจข่าวต่างประเทศ ข่าวการเมือง ฟังเพลง The Beatles ข้างเตียง
    แขวนภาพของ Jan Karlovich Berzin (ผอ. KGB คนแรกในยุคบอลเชวิค)

    ส่วนเรื่องสาวๆในวัยทีนก็ต้องมีบ้าง เขาและ Vera Brileva
    เพื่อนนักเรียนเคยมีการจูบกันตามเกมส์ที่เล่นหมุนปากขวด
    (แบบเด็กๆ) Vera เคยไปหาเขาที่บ้าน ในขณะที่เขากำลังอ่านหนังสือ ……เธอเริ่มต้นด้วยคำทักทายว่า…
    “เธอจำไม่ได้เหรอ…ว่า…..???
    แต่ปูตินลุกขึ้นยืน และตัดบทอย่างไม่มีเยื่อใยว่า……
    “ชั้นจะจำในสิ่งที่ควรจำเท่านั้น………”

    ปูตินเรียนจบภาคการศึกษาที่เขาทำเกรดได้ดี ในวิชาภาษาเยอรมัน ประวัติศาสตร์ คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์
    จนได้รับเลือกเข้าไปเป็นนักศึกษาใน Leningrad State University ที่เป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโซเวียต ยูเนี่ยน
    เพราะการรับนักศึกษานั้น โอกาสคือ สี่สิบต่อหนึ่ง

    และ……สาขาที่เขาเลือก คือ นิติศาสตร์…………!!!

    Wiwanda W. Vichit
    ตอนหนึ่ง………จากเด็กหลังห้อง……สู่นักศึกษากฏหมายยูโดสายดำ……!! ก็จะเล่าเรื่องของท่านผู้นำ Vladimir Vladimirovich Putin ตามที่เคยเกริ่นไว้นานมาแล้วนะคะ วลาดิเมียร์ ปูติน ถือกำเนิดในวันที่ 7 ตุลาคม 1952 ที่เลนินกราด (เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก) สหภาพโซเวียต เขาเกิดขึ้นมาในครอบครัวที่ทั้งบิดา มารดา (Vladimir และ Maria) ที่ค่อนข้างทนุถนอมปูตินน้อย ที่มีชื่อเล่นๆว่า Volodya (โวโลเดียร์) เพราะบุตรชายคนนี้ คือผู้ที่จะสืบทอดวงศ์ตระกูลเพียงคนเดียว หลังจากที่ได้สูญเสียบุตรชายไปสองคนก่อนหน้านี้ เมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่สอง วลาดิเมียร์ผู้พ่อเคยรับราชการทหารเรือ ในหน่วยเรือดำน้ำ เมื่อถูกปลดประจำการ เขาและมาเรียก็ปักหลักลงฐานอยู่ในเลนินกราดเช่นเดิม ไม่ได้ย้ายไปไหน ทางรัฐบาลได้จัดที่อยู่อาศัยให้ในอาคารสงเคราะห์ทหารผ่านศึก เลขที่ 12 ถนน Baskov ที่เป็นอาคารเก่าๆ มีสี่ห้องนอน แต่เขาต้องแบ่งกันอยู่กันอีกครอบครัวหนึ่ง ทั้งหมดยังต้องใช้เตาผิงฟืนเพื่อความอบอุ่น มาเรีย……ไม่ได้มีความรู้มากมาย ทำงานสารพัด ตั้งแต่รับล้างหลอดแก้วในแล็บ……ส่งขนมปัง สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเธอ คือ ต้องมีเวลาดูแลบุตรชายให้ดีที่สุด คู่สามีภรรยาที่เป็นเพื่อนร่วมแฟลต เป็นชาวยิว (เคร่งปฏิบัติ) ปูตินน้อย จึงเป็นละอ่อนคนเดียวในหมู่เพื่อนบ้าน เมื่อเขามีอายุได้เจ็ดอาทิตย์ มาเรีย และ บาบาอันยา (เพื่อนบ้าน) ได้พากันแอบเอาเขาไปทำพิธีล้างบาปในพิธีของออโธดอกซ์ ซึ่งเป็นความลับ (เพราะในยุคของคอมมิวนิสต์ พิธีทางศาสนาต่างๆต้องแอบซ่อน) เรื่องนี้ แม้แต่บิดาของเขาก็ไม่รู้ เป็นความลับดำมืด จนเมื่อสี่สิบปีต่อมา มาเรียได้นำกางเขนเล็กๆมาให้กับปูติน และเล่าเรื่องราวให้ฟัง ย้ำกับเขาว่า ถ้ามีโอกาสไปที่เยรูซาเล็ม ช่วยเอากางเขนนี้ ไปสวดที่ Church of the Holy Sepulcher ด้วย เลยพอเดาได้……ว่า มาเรียมีเชื้อสายเป็นยิวออโธดอกซ์ ที่ลบเลือนหายไปตามวิถีการเมืองและกาลเวลา นามสกุลเดิมของเธอ คือ Shelomova (ที่รากมาจาก Solomon ที่เป็นนามสกุลของยิว) ปูตินน้อยเป็นเด็กเฮี้ยวพอสมควร อายุเพียงเก้าขวบ เขาและเพื่อนพากันขึ้นรถไฟไปเที่ยวในชนบท กลับมาก็เจอกับพ่อที่ถือเข็มขัดรอไว้ในมือ…… จากนั้นมา แม้แต่จะเดินไปหัวมุมถนน เขายังต้องขออนุญาต ความสัมพันธ์ในบ้าน ค่อนข้างที่จะเคร่งครัด ไม่มีการกอดจูบ หรือป้อนคำหวานใส่กัน วันเปิดเรียน……นักเรียนอื่นๆเขาจะนำช่อดอกไม้ไปให้ครู แต่ปูตินยกไปให้ครูทั้งกระถาง เขาเป็นที่ขำขันของเหล่าเพื่อนๆ เพราะตัวเล็ก แข้งขาลีบ เดินเป๋ๆ การเรียนไม่ค่อยดี จนครูต้องไปพบกับผู้ปกครอง เพื่อแนะนำว่า เด็กคนนี้หัวดีมาก แต่ไม่เอาใจใส่การเรียนเท่าที่ควร วลาดิเมียร์ผู้พ่อ ย้อนถามครูไปว่า “แล้วจะให้ผมทำยังไง……ฆ่ามันทิ้งงั้นเหรอ?” แต่ทั้งคู่ก็รับปากว่า จะเอาใจใส่ให้มากกว่านี้ สิ่งแรกเลยที่ปูตินต้องพบ……คือ พ่อพาเขาไปเรียนชกมวย ที่ปูตินไม่สนใจในเรื่องชกๆต่อยๆ เขาไปสนใจใน sambo มากกว่า (แซมโบ คือ การผสมผสานระหว่างยูโด กับมวยปล้ำ) ซึ่งเขามาได้ถูกทาง เพราะโค้ชได้เข้าไปพบกับ วลาดิเมียร์ และ มาเรีย เพื่อรับรองว่าจะไม่มีอันตรายใดๆ ปูตินน้อยมีความสามารถพิเศษในศาสตร์ด้านนี้ ปูตินน้อยเข้าสู่วัยสิบสาม อยู่ชั้นมัธยมที่หนึ่ง เขาเริ่มมีทีมกลุ่มนักกีฬายูโดที่ไปไหนมาไหนด้วยกัน จากที่เดินติ๋มๆในละแวกที่อาศัยล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยอบายมุข เหล้า บุหรี่ ปูตินน้อย……สามารถเดินสบตาได้ทุกคน การเรียนเขาดีขึ้นมาก เขาได้รับเลือกขึ้นเป็นหัวหน้านักเรียนในชั้นมัธยมปีที่สอง พอมัธยมแปด เขาได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนโรงเรียนไปเข้าในสมาคมยุวคอมมิวนิสต์ และนี่คือบันไดขั้นแรกสำหรับการก้าวเข้าสู่สังคมโลกภายนอกโรงเรียน สิ่งที่เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตของปูตินน้อย คือ ภาพยนตร์เรื่อง “The Sword and the Shield “ ที่เป็นเริ่องเกี่ยวกับ Major Aleksandr Belov ที่เป็น KGB ที่ไปทำงานสืบราชการลับในหน่วย SS ของนาซี ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นขาวดำ ยาวถึงห้าชั่วโมง แต่ปูตินน้อยสามารถดูซ้ำแล้วซ้ำเล่า อย่างไม่มีวันเบื่อหน่าย เขาบอกกับตัวเองว่า……สักวันหนึ่ง……เขาจะเป็นสายลับ KGB ให้ได้…!!!! เขาเริ่มดำเนินการตามฝัน เพราะ สำนักงานใหญ่ KGB ก็อยู่ในเลนินกราด ในตอนนั้นใครๆเรียกว่า The Big House เขาไปที่นั่น…ต้องใช้ความพยายามถึงสามครั้งกว่าจะหาทางเข้าเจอ เพื่อที่จะขอใบสมัคร… เจ้าหน้าที่ที่มาคุยด้วย มองเขาด้วยความสมเพช ได้บอกกับเขาว่า……ที่นี่….ไม่รับหน่วยอาสา ถ้าจะมาสมัคร ต้องไปเรียนหนังสือให้มากกว่านี้ เพราะเรารับคนที่เคยเป็นทหาร หรือจบจากมหาวิทยาลัย …… ปูตินน้อยไม่ละความพยายาม เขาถามไปว่า ถ้าเรียนมหาวิทยาลัย ต้องเรียนสาขาไหน ถึงจะมีสิทธิ คนตอบตอบอย่างเสียไปที…ว่า……กฎหมายมั้ง……!!! กฎหมาย……คำนั้นคำเดียว…ที่เขาจำได้แม่น……ที่เหลือคือเขาต้องไปหว่านล้อมพ่อแม่ ที่ตั้งเป้าหมายให้เขาเรียนพวกการบิน หรือเทคนิคต่างๆ หรือแต่โค้ชยูโดที่พยายามหว่านล้อมให้ไปเป็นตำรวจ……ที่เขาไม่ชอบเลย……!! ตั้งแต่เขามีความมุ่งมั่นที่จะเป็น KGB ให้ได้นั้น ปูตินน้อยเปลี่ยนไป เขาเริ่มสนใจข่าวต่างประเทศ ข่าวการเมือง ฟังเพลง The Beatles ข้างเตียง แขวนภาพของ Jan Karlovich Berzin (ผอ. KGB คนแรกในยุคบอลเชวิค) ส่วนเรื่องสาวๆในวัยทีนก็ต้องมีบ้าง เขาและ Vera Brileva เพื่อนนักเรียนเคยมีการจูบกันตามเกมส์ที่เล่นหมุนปากขวด (แบบเด็กๆ) Vera เคยไปหาเขาที่บ้าน ในขณะที่เขากำลังอ่านหนังสือ ……เธอเริ่มต้นด้วยคำทักทายว่า… “เธอจำไม่ได้เหรอ…ว่า…..??? แต่ปูตินลุกขึ้นยืน และตัดบทอย่างไม่มีเยื่อใยว่า…… “ชั้นจะจำในสิ่งที่ควรจำเท่านั้น………” ปูตินเรียนจบภาคการศึกษาที่เขาทำเกรดได้ดี ในวิชาภาษาเยอรมัน ประวัติศาสตร์ คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ จนได้รับเลือกเข้าไปเป็นนักศึกษาใน Leningrad State University ที่เป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโซเวียต ยูเนี่ยน เพราะการรับนักศึกษานั้น โอกาสคือ สี่สิบต่อหนึ่ง และ……สาขาที่เขาเลือก คือ นิติศาสตร์…………!!! Wiwanda W. Vichit
    Like
    Love
    2
    0 Comments 0 Shares 1037 Views 0 Reviews
  • วันนี้ใช้ Thaitimes เป็นวันแรกครับ
    เพราะผมได้ตั้งใจว่าจะลดการใช้งาน Facebook เนื่องจากมีฟีดข่าวที่มีแต่เรื่องข่าวสารที่เป็นพิษ อย่าง ข่าวการเมืองจากสื่อที่เลือกข้าง ข่าวดราม่ารายวัน ข่าวอาชญากรรมที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง
    ผมเองก็ยอมรับว่า ควรจะเสพข่าวน้อยลง เสพมัลติมีเดียที่ชื่นชอบ ฝึกฝนวิชาชีพด้านโค้ดดิ้งและดาต้าให้เข้มข้นมากขึ้นครับ
    รูปนี้รูปเก่าตั้งแต่ต้นปี 2020 ตอนที่ยังอยู่ชุมพร แต่เดือน พ.ย. ผมอาจได้กลับชุมพร แต่ยังคงทำงานฟรีแลนซ์ทางออนไลน์อยู่ครับ ชอบอิสระ เป็นนายตัวเอง ทำอะไรที่อยากทำก็ได้ครับ
    วันนี้ใช้ Thaitimes เป็นวันแรกครับ เพราะผมได้ตั้งใจว่าจะลดการใช้งาน Facebook เนื่องจากมีฟีดข่าวที่มีแต่เรื่องข่าวสารที่เป็นพิษ อย่าง ข่าวการเมืองจากสื่อที่เลือกข้าง ข่าวดราม่ารายวัน ข่าวอาชญากรรมที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ผมเองก็ยอมรับว่า ควรจะเสพข่าวน้อยลง เสพมัลติมีเดียที่ชื่นชอบ ฝึกฝนวิชาชีพด้านโค้ดดิ้งและดาต้าให้เข้มข้นมากขึ้นครับ รูปนี้รูปเก่าตั้งแต่ต้นปี 2020 ตอนที่ยังอยู่ชุมพร แต่เดือน พ.ย. ผมอาจได้กลับชุมพร แต่ยังคงทำงานฟรีแลนซ์ทางออนไลน์อยู่ครับ ชอบอิสระ เป็นนายตัวเอง ทำอะไรที่อยากทำก็ได้ครับ
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 547 Views 0 Reviews