• “BlackRock ทุ่ม $40 พันล้าน ซื้อกิจการศูนย์ข้อมูล Aligned — ขยายพอร์ต AI Infrastructure สู่ 5GW ทั่วอเมริกา”

    ในยุคที่ AI กลายเป็นหัวใจของเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลก็พุ่งทะยานตาม ล่าสุด BlackRock ผ่านบริษัทลูก Global Infrastructure Partners (GIP) ได้ประกาศดีลมูลค่า $40 พันล้านเพื่อเข้าซื้อกิจการ Aligned Data Centers ซึ่งมีศูนย์ข้อมูลรวม 78 แห่ง ครอบคลุม 50 แคมปัสในสหรัฐฯ และอเมริกาใต้ รวมกำลังประมวลผลกว่า 5 กิกะวัตต์

    Aligned เป็นผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูลที่เน้นรองรับงาน AI โดยเฉพาะ มีลูกค้าระดับ hyperscale และบริษัท AI อย่าง Lambda และเคยได้รับเงินลงทุนกว่า $12 พันล้านในต้นปีนี้จาก Macquarie Asset Management เพื่อเร่งขยายกิจการ

    ดีลนี้ยังมีผู้ร่วมวงอย่าง MGX บริษัทลงทุนด้าน AI ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Mubadala Investment Co. ซึ่งแสดงความสนใจลงทุนใน Aligned แบบแยกต่างหาก โดย MGX ยังมีบทบาทในโครงการ Stargate — ซูเปอร์คอมพิวเตอร์มูลค่า $500 พันล้านที่ได้รับการสนับสนุนจาก OpenAI, Oracle และ SoftBank

    การเข้าซื้อ Aligned จะทำให้ GIP มีพอร์ตศูนย์ข้อมูล AI ขนาดใหญ่ขึ้น โดยก่อนหน้านี้เคยซื้อกิจการ CyrusOne มูลค่า $15 พันล้านในปี 2021 และยังมีแผนซื้อกิจการบริษัทพลังงาน AES Corp. เพื่อรองรับความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากการใช้งาน AI

    แม้ดีลยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่ถือเป็นหนึ่งในดีลใหญ่ที่สุดของปีนี้ และสะท้อนถึงกระแสการลงทุนที่หลั่งไหลเข้าสู่โครงสร้างพื้นฐาน AI อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็มีความกังวลจากนักวิเคราะห์บางส่วนว่า หากเทคโนโลยี AI ยังไม่สามารถสร้างรายได้ตามที่ตลาดคาดหวัง อาจเกิดฟองสบู่ในภาคโครงสร้างพื้นฐานได้

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    BlackRock ผ่าน GIP เตรียมซื้อกิจการ Aligned Data Centers มูลค่า $40 พันล้าน
    Aligned มีศูนย์ข้อมูล 78 แห่งใน 50 แคมปัส รวมกำลังประมวลผลกว่า 5GW
    ลูกค้าหลักของ Aligned ได้แก่ hyperscale cloud และบริษัท AI เช่น Lambda
    Aligned เคยได้รับเงินลงทุน $12 พันล้านจาก Macquarie ในต้นปีนี้
    MGX บริษัทลงทุนด้าน AI จาก Mubadala สนใจลงทุนใน Aligned แบบแยก
    MGX มีบทบาทในโครงการ Stargate ซูเปอร์คอมพิวเตอร์มูลค่า $500 พันล้าน
    GIP เคยซื้อ CyrusOne มูลค่า $15 พันล้านในปี 2021
    GIP กำลังพิจารณาซื้อกิจการ AES Corp. เพื่อรองรับความต้องการไฟฟ้าจาก AI
    ดีลนี้ถือเป็นหนึ่งในดีลโครงสร้างพื้นฐานที่ใหญ่ที่สุดของปี 2025

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ความต้องการศูนย์ข้อมูล AI เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากการเติบโตของโมเดล LLM และการใช้งาน edge AI
    การใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูล AI สูงกว่าศูนย์ข้อมูลทั่วไปหลายเท่า
    โครงการ Stargate มีเป้าหมายสร้างระบบที่รองรับชิป AI กว่า 2 ล้านตัว
    ตลาดโครงสร้างพื้นฐาน AI คาดว่าจะมีมูลค่ารวมกว่า $6.7 ล้านล้านภายในปี 2030
    BlackRock มีมูลค่าตลาดรวมกว่า $189 พันล้าน และถือเป็นผู้จัดการสินทรัพย์รายใหญ่ที่สุดในโลก

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/blackrock-subsidiary-buys-up-78-data-centers-totaling-5-gigawatts-in-usd40-billion-deal-ai-vendor-aligned-added-to-companys-portfolio
    🏢 “BlackRock ทุ่ม $40 พันล้าน ซื้อกิจการศูนย์ข้อมูล Aligned — ขยายพอร์ต AI Infrastructure สู่ 5GW ทั่วอเมริกา” ในยุคที่ AI กลายเป็นหัวใจของเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลก็พุ่งทะยานตาม ล่าสุด BlackRock ผ่านบริษัทลูก Global Infrastructure Partners (GIP) ได้ประกาศดีลมูลค่า $40 พันล้านเพื่อเข้าซื้อกิจการ Aligned Data Centers ซึ่งมีศูนย์ข้อมูลรวม 78 แห่ง ครอบคลุม 50 แคมปัสในสหรัฐฯ และอเมริกาใต้ รวมกำลังประมวลผลกว่า 5 กิกะวัตต์ Aligned เป็นผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูลที่เน้นรองรับงาน AI โดยเฉพาะ มีลูกค้าระดับ hyperscale และบริษัท AI อย่าง Lambda และเคยได้รับเงินลงทุนกว่า $12 พันล้านในต้นปีนี้จาก Macquarie Asset Management เพื่อเร่งขยายกิจการ ดีลนี้ยังมีผู้ร่วมวงอย่าง MGX บริษัทลงทุนด้าน AI ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Mubadala Investment Co. ซึ่งแสดงความสนใจลงทุนใน Aligned แบบแยกต่างหาก โดย MGX ยังมีบทบาทในโครงการ Stargate — ซูเปอร์คอมพิวเตอร์มูลค่า $500 พันล้านที่ได้รับการสนับสนุนจาก OpenAI, Oracle และ SoftBank การเข้าซื้อ Aligned จะทำให้ GIP มีพอร์ตศูนย์ข้อมูล AI ขนาดใหญ่ขึ้น โดยก่อนหน้านี้เคยซื้อกิจการ CyrusOne มูลค่า $15 พันล้านในปี 2021 และยังมีแผนซื้อกิจการบริษัทพลังงาน AES Corp. เพื่อรองรับความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากการใช้งาน AI แม้ดีลยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่ถือเป็นหนึ่งในดีลใหญ่ที่สุดของปีนี้ และสะท้อนถึงกระแสการลงทุนที่หลั่งไหลเข้าสู่โครงสร้างพื้นฐาน AI อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็มีความกังวลจากนักวิเคราะห์บางส่วนว่า หากเทคโนโลยี AI ยังไม่สามารถสร้างรายได้ตามที่ตลาดคาดหวัง อาจเกิดฟองสบู่ในภาคโครงสร้างพื้นฐานได้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ BlackRock ผ่าน GIP เตรียมซื้อกิจการ Aligned Data Centers มูลค่า $40 พันล้าน ➡️ Aligned มีศูนย์ข้อมูล 78 แห่งใน 50 แคมปัส รวมกำลังประมวลผลกว่า 5GW ➡️ ลูกค้าหลักของ Aligned ได้แก่ hyperscale cloud และบริษัท AI เช่น Lambda ➡️ Aligned เคยได้รับเงินลงทุน $12 พันล้านจาก Macquarie ในต้นปีนี้ ➡️ MGX บริษัทลงทุนด้าน AI จาก Mubadala สนใจลงทุนใน Aligned แบบแยก ➡️ MGX มีบทบาทในโครงการ Stargate ซูเปอร์คอมพิวเตอร์มูลค่า $500 พันล้าน ➡️ GIP เคยซื้อ CyrusOne มูลค่า $15 พันล้านในปี 2021 ➡️ GIP กำลังพิจารณาซื้อกิจการ AES Corp. เพื่อรองรับความต้องการไฟฟ้าจาก AI ➡️ ดีลนี้ถือเป็นหนึ่งในดีลโครงสร้างพื้นฐานที่ใหญ่ที่สุดของปี 2025 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ความต้องการศูนย์ข้อมูล AI เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากการเติบโตของโมเดล LLM และการใช้งาน edge AI ➡️ การใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูล AI สูงกว่าศูนย์ข้อมูลทั่วไปหลายเท่า ➡️ โครงการ Stargate มีเป้าหมายสร้างระบบที่รองรับชิป AI กว่า 2 ล้านตัว ➡️ ตลาดโครงสร้างพื้นฐาน AI คาดว่าจะมีมูลค่ารวมกว่า $6.7 ล้านล้านภายในปี 2030 ➡️ BlackRock มีมูลค่าตลาดรวมกว่า $189 พันล้าน และถือเป็นผู้จัดการสินทรัพย์รายใหญ่ที่สุดในโลก https://www.tomshardware.com/tech-industry/blackrock-subsidiary-buys-up-78-data-centers-totaling-5-gigawatts-in-usd40-billion-deal-ai-vendor-aligned-added-to-companys-portfolio
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 181 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Sam Altman เดินเกมลับในเอเชีย — จับมือ TSMC, Foxconn และเกาหลีใต้ ปูทางผลิตชิป AI ของตัวเองแทน Nvidia”

    Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI เดินทางเยือนเอเชียอย่างเงียบ ๆ ในช่วงปลายเดือนกันยายน 2025 โดยมีจุดหมายสำคัญคือไต้หวันและเกาหลีใต้ เพื่อเจรจาความร่วมมือด้านการผลิตชิป AI และโครงสร้างพื้นฐานดาต้าเซ็นเตอร์ระดับโลก โดยเฉพาะโครงการ “Stargate” ที่มีมูลค่ากว่า 500,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะสร้างดาต้าเซ็นเตอร์และโรงงาน AI จำนวนมากในหลายประเทศ

    ในไต้หวัน Altman ได้พบกับผู้บริหารของ TSMC และ Foxconn เพื่อหารือเรื่องการออกแบบและผลิตชิป AI แบบ ASIC ที่ OpenAI กำลังพัฒนาร่วมกับ Broadcom โดยใช้เทคโนโลยี 3nm และการบรรจุชิปขั้นสูงแบบ CoWoS พร้อมหน่วยความจำ HBM ซึ่งคาดว่าจะเข้าสู่การผลิตจำนวนมากในไตรมาส 3 ปี 2026

    Foxconn ซึ่งเป็นผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์รายใหญ่ของ Oracle จะมีบทบาทสำคัญในการผลิตฮาร์ดแวร์สำหรับ Stargate โดยเฉพาะในโรงงานที่ SoftBank เข้าซื้อในรัฐโอไฮโอ เพื่อใช้เป็นฐานการผลิตร่วมกับ OpenAI

    หลังจากนั้น Altman เดินทางต่อไปยังเกาหลีใต้เพื่อพบกับประธานาธิบดี Lee Jae Myung และผู้บริหารของ Samsung และ SK hynix โดยมีการลงนามข้อตกลงเบื้องต้นในการสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ขนาด 20 เมกะวัตต์ในเมือง Phang และอีกแห่งในจังหวัด South Jeolla

    เป้าหมายของ Altman คือการลดการพึ่งพา Nvidia ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ผลิต GPU รายใหญ่ที่ OpenAI ใช้ในการฝึกและรันโมเดล AI โดยการพัฒนาชิปของตัวเองจะช่วยให้ OpenAI ควบคุมทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ได้เหมือนที่ Apple ทำกับ Apple Silicon

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Sam Altman เดินทางเยือนไต้หวันและเกาหลีใต้เพื่อเจรจาความร่วมมือด้านชิปและดาต้าเซ็นเตอร์
    พบกับ TSMC และ Foxconn เพื่อหารือการผลิตชิป AI แบบ ASIC ด้วยเทคโนโลยี 3nm และ CoWoS
    ชิป AI ของ OpenAI จะใช้หน่วยความจำ HBM และคาดว่าจะผลิตจำนวนมากใน Q3 ปี 2026
    Foxconn จะผลิตเซิร์ฟเวอร์สำหรับโครงการ Stargate โดยใช้โรงงานในรัฐโอไฮโอที่ SoftBank ซื้อไว้
    Altman พบประธานาธิบดีเกาหลีใต้และผู้บริหาร Samsung, SK hynix เพื่อสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ 20MW
    ดาต้าเซ็นเตอร์จะตั้งอยู่ในเมือง Phang และจังหวัด South Jeolla
    เป้าหมายคือลดการพึ่งพา Nvidia และควบคุมห่วงโซ่ฮาร์ดแวร์ของตัวเอง
    OpenAI ตั้งทีมออกแบบชิป ASIC ตั้งแต่ปี 2024 และดึงทีมงานจากโครงการ TPU ของ Google

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Stargate เป็นโครงการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI มูลค่ากว่า $500 พันล้านของ OpenAI
    Oracle ลงทุน $300 พันล้านใน compute capacity ให้กับ OpenAI
    SoftBank เป็นพันธมิตรสำคัญของ OpenAI และมีบทบาทในโรงงานและดาต้าเซ็นเตอร์
    TSMC เป็นผู้ผลิตชิปอันดับหนึ่งของโลก และมีเทคโนโลยี 3nm ที่ล้ำหน้าที่สุด
    การพัฒนาชิปของตัวเองช่วยให้ OpenAI สร้างโมเดลที่เหมาะกับฮาร์ดแวร์โดยตรง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/openais-sam-altman-had-secret-tsmc-meeting-over-future-chip-supply-report-claims-ai-pioneer-in-asia-as-south-korea-confirms-20mw-data-center-deal-with-chatgpt-maker
    🧠 “Sam Altman เดินเกมลับในเอเชีย — จับมือ TSMC, Foxconn และเกาหลีใต้ ปูทางผลิตชิป AI ของตัวเองแทน Nvidia” Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI เดินทางเยือนเอเชียอย่างเงียบ ๆ ในช่วงปลายเดือนกันยายน 2025 โดยมีจุดหมายสำคัญคือไต้หวันและเกาหลีใต้ เพื่อเจรจาความร่วมมือด้านการผลิตชิป AI และโครงสร้างพื้นฐานดาต้าเซ็นเตอร์ระดับโลก โดยเฉพาะโครงการ “Stargate” ที่มีมูลค่ากว่า 500,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะสร้างดาต้าเซ็นเตอร์และโรงงาน AI จำนวนมากในหลายประเทศ ในไต้หวัน Altman ได้พบกับผู้บริหารของ TSMC และ Foxconn เพื่อหารือเรื่องการออกแบบและผลิตชิป AI แบบ ASIC ที่ OpenAI กำลังพัฒนาร่วมกับ Broadcom โดยใช้เทคโนโลยี 3nm และการบรรจุชิปขั้นสูงแบบ CoWoS พร้อมหน่วยความจำ HBM ซึ่งคาดว่าจะเข้าสู่การผลิตจำนวนมากในไตรมาส 3 ปี 2026 Foxconn ซึ่งเป็นผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์รายใหญ่ของ Oracle จะมีบทบาทสำคัญในการผลิตฮาร์ดแวร์สำหรับ Stargate โดยเฉพาะในโรงงานที่ SoftBank เข้าซื้อในรัฐโอไฮโอ เพื่อใช้เป็นฐานการผลิตร่วมกับ OpenAI หลังจากนั้น Altman เดินทางต่อไปยังเกาหลีใต้เพื่อพบกับประธานาธิบดี Lee Jae Myung และผู้บริหารของ Samsung และ SK hynix โดยมีการลงนามข้อตกลงเบื้องต้นในการสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ขนาด 20 เมกะวัตต์ในเมือง Phang และอีกแห่งในจังหวัด South Jeolla เป้าหมายของ Altman คือการลดการพึ่งพา Nvidia ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ผลิต GPU รายใหญ่ที่ OpenAI ใช้ในการฝึกและรันโมเดล AI โดยการพัฒนาชิปของตัวเองจะช่วยให้ OpenAI ควบคุมทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ได้เหมือนที่ Apple ทำกับ Apple Silicon ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Sam Altman เดินทางเยือนไต้หวันและเกาหลีใต้เพื่อเจรจาความร่วมมือด้านชิปและดาต้าเซ็นเตอร์ ➡️ พบกับ TSMC และ Foxconn เพื่อหารือการผลิตชิป AI แบบ ASIC ด้วยเทคโนโลยี 3nm และ CoWoS ➡️ ชิป AI ของ OpenAI จะใช้หน่วยความจำ HBM และคาดว่าจะผลิตจำนวนมากใน Q3 ปี 2026 ➡️ Foxconn จะผลิตเซิร์ฟเวอร์สำหรับโครงการ Stargate โดยใช้โรงงานในรัฐโอไฮโอที่ SoftBank ซื้อไว้ ➡️ Altman พบประธานาธิบดีเกาหลีใต้และผู้บริหาร Samsung, SK hynix เพื่อสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ 20MW ➡️ ดาต้าเซ็นเตอร์จะตั้งอยู่ในเมือง Phang และจังหวัด South Jeolla ➡️ เป้าหมายคือลดการพึ่งพา Nvidia และควบคุมห่วงโซ่ฮาร์ดแวร์ของตัวเอง ➡️ OpenAI ตั้งทีมออกแบบชิป ASIC ตั้งแต่ปี 2024 และดึงทีมงานจากโครงการ TPU ของ Google ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Stargate เป็นโครงการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI มูลค่ากว่า $500 พันล้านของ OpenAI ➡️ Oracle ลงทุน $300 พันล้านใน compute capacity ให้กับ OpenAI ➡️ SoftBank เป็นพันธมิตรสำคัญของ OpenAI และมีบทบาทในโรงงานและดาต้าเซ็นเตอร์ ➡️ TSMC เป็นผู้ผลิตชิปอันดับหนึ่งของโลก และมีเทคโนโลยี 3nm ที่ล้ำหน้าที่สุด ➡️ การพัฒนาชิปของตัวเองช่วยให้ OpenAI สร้างโมเดลที่เหมาะกับฮาร์ดแวร์โดยตรง https://www.tomshardware.com/tech-industry/openais-sam-altman-had-secret-tsmc-meeting-over-future-chip-supply-report-claims-ai-pioneer-in-asia-as-south-korea-confirms-20mw-data-center-deal-with-chatgpt-maker
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 160 มุมมอง 0 รีวิว
  • “OpenAI ทุ่มสร้าง Stargate — โครงการดาต้าเซ็นเตอร์ AI ใหญ่ที่สุดในโลก กิน DRAM ถึง 40% ของกำลังผลิตโลก”

    OpenAI กำลังเดินหน้าโครงการ “Stargate” ซึ่งเป็นโครงการสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยงบประมาณกว่า 500,000 ล้านดอลลาร์ โดยร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกอย่าง Oracle, SoftBank และล่าสุดคือ Samsung และ SK hynix สองยักษ์ใหญ่ด้านหน่วยความจำจากเกาหลีใต้

    Stargate มีเป้าหมายในการสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดมหึมาหลายแห่งทั่วโลก เพื่อรองรับการทำงานของชิป AI จำนวนมหาศาล โดยแต่ละเซิร์ฟเวอร์จะมี GPU หลายร้อยถึงหลายพันตัว เช่น Nvidia Blackwell ซึ่งต้องการหน่วยความจำความเร็วสูงอย่าง HBM และ DDR5 ในปริมาณมหาศาล

    ล่าสุด Samsung และ SK hynix ได้ลงนามในข้อตกลงเบื้องต้นเพื่อจัดส่งแผ่นเวเฟอร์ DRAM ให้กับ OpenAI มากถึง 900,000 แผ่นต่อเดือน ซึ่งคิดเป็นประมาณ 40% ของกำลังผลิต DRAM ทั่วโลกในปี 2025 โดยจะจัดส่งในรูปแบบ “เวเฟอร์ยังไม่ตัด” เพื่อให้ OpenAI สามารถควบคุมการผลิตและบรรจุชิปได้เองตามความต้องการ

    นอกจากการจัดส่งหน่วยความจำแล้ว Samsung SDS ยังร่วมมือกับ OpenAI ในการออกแบบและบริหารดาต้าเซ็นเตอร์ในเกาหลีใต้ พร้อมให้บริการ ChatGPT Enterprise กับองค์กรในประเทศ ขณะที่ Samsung Heavy Industries และ Samsung C&T จะร่วมพัฒนา “ดาต้าเซ็นเตอร์ลอยน้ำ” เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนและลดการปล่อยคาร์บอน

    การขยายตัวของ Stargate ยังรวมถึงการเปิดสำนักงาน OpenAI ในกรุงโซล ซึ่งปัจจุบันมีผู้สมัครใช้งาน ChatGPT แบบเสียเงินมากที่สุดเป็นอันดับสองของโลก รองจากสหรัฐฯ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    OpenAI สร้างโครงการ Stargate ด้วยงบประมาณกว่า $500 พันล้าน เพื่อสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ AI ขนาดใหญ่
    Samsung และ SK hynix จะจัดส่งเวเฟอร์ DRAM ให้ OpenAI มากถึง 900,000 แผ่นต่อเดือน
    ปริมาณนี้คิดเป็นประมาณ 40% ของกำลังผลิต DRAM ทั่วโลกในปี 2025
    เวเฟอร์จะถูกส่งในรูปแบบยังไม่ตัด เพื่อให้ OpenAI ควบคุมการผลิตชิปเอง
    หน่วยความจำที่ใช้รวมถึง DDR5 และ HBM สำหรับชิป AI เช่น Nvidia Blackwell
    Samsung SDS จะร่วมออกแบบและบริหารดาต้าเซ็นเตอร์ในเกาหลีใต้
    Samsung Heavy Industries และ Samsung C&T จะร่วมพัฒนาดาต้าเซ็นเตอร์ลอยน้ำ
    OpenAI เปิดสำนักงานในกรุงโซล ซึ่งมีผู้ใช้ ChatGPT แบบเสียเงินมากเป็นอันดับสองของโลก

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    HBM (High Bandwidth Memory) เป็นหน่วยความจำที่ซ้อนชิปในแนวตั้ง เพื่อเพิ่มความเร็วและลดการใช้พลังงาน
    Nvidia ลงทุนใน Stargate มากถึง $100 พันล้าน เพื่อจัดหาชิปและกำลังประมวลผล
    Oracle ขาย compute capacity ให้ OpenAI มูลค่า $300 พันล้านในระยะเวลา 5 ปี
    ดาต้าเซ็นเตอร์ของ Stargate อาจต้องใช้โรงไฟฟ้าเฉพาะเพื่อรองรับการใช้พลังงาน
    การใช้เวเฟอร์แบบยังไม่ตัดช่วยให้ OpenAI ปรับแต่งการผลิตได้ตามโมเดล AI ที่ต้องการ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/openais-stargate-project-to-consume-up-to-40-percent-of-global-dram-output-inks-deal-with-samsung-and-sk-hynix-to-the-tune-of-up-to-900-000-wafers-per-month
    🌐 “OpenAI ทุ่มสร้าง Stargate — โครงการดาต้าเซ็นเตอร์ AI ใหญ่ที่สุดในโลก กิน DRAM ถึง 40% ของกำลังผลิตโลก” OpenAI กำลังเดินหน้าโครงการ “Stargate” ซึ่งเป็นโครงการสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยงบประมาณกว่า 500,000 ล้านดอลลาร์ โดยร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกอย่าง Oracle, SoftBank และล่าสุดคือ Samsung และ SK hynix สองยักษ์ใหญ่ด้านหน่วยความจำจากเกาหลีใต้ Stargate มีเป้าหมายในการสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดมหึมาหลายแห่งทั่วโลก เพื่อรองรับการทำงานของชิป AI จำนวนมหาศาล โดยแต่ละเซิร์ฟเวอร์จะมี GPU หลายร้อยถึงหลายพันตัว เช่น Nvidia Blackwell ซึ่งต้องการหน่วยความจำความเร็วสูงอย่าง HBM และ DDR5 ในปริมาณมหาศาล ล่าสุด Samsung และ SK hynix ได้ลงนามในข้อตกลงเบื้องต้นเพื่อจัดส่งแผ่นเวเฟอร์ DRAM ให้กับ OpenAI มากถึง 900,000 แผ่นต่อเดือน ซึ่งคิดเป็นประมาณ 40% ของกำลังผลิต DRAM ทั่วโลกในปี 2025 โดยจะจัดส่งในรูปแบบ “เวเฟอร์ยังไม่ตัด” เพื่อให้ OpenAI สามารถควบคุมการผลิตและบรรจุชิปได้เองตามความต้องการ นอกจากการจัดส่งหน่วยความจำแล้ว Samsung SDS ยังร่วมมือกับ OpenAI ในการออกแบบและบริหารดาต้าเซ็นเตอร์ในเกาหลีใต้ พร้อมให้บริการ ChatGPT Enterprise กับองค์กรในประเทศ ขณะที่ Samsung Heavy Industries และ Samsung C&T จะร่วมพัฒนา “ดาต้าเซ็นเตอร์ลอยน้ำ” เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนและลดการปล่อยคาร์บอน การขยายตัวของ Stargate ยังรวมถึงการเปิดสำนักงาน OpenAI ในกรุงโซล ซึ่งปัจจุบันมีผู้สมัครใช้งาน ChatGPT แบบเสียเงินมากที่สุดเป็นอันดับสองของโลก รองจากสหรัฐฯ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ OpenAI สร้างโครงการ Stargate ด้วยงบประมาณกว่า $500 พันล้าน เพื่อสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ AI ขนาดใหญ่ ➡️ Samsung และ SK hynix จะจัดส่งเวเฟอร์ DRAM ให้ OpenAI มากถึง 900,000 แผ่นต่อเดือน ➡️ ปริมาณนี้คิดเป็นประมาณ 40% ของกำลังผลิต DRAM ทั่วโลกในปี 2025 ➡️ เวเฟอร์จะถูกส่งในรูปแบบยังไม่ตัด เพื่อให้ OpenAI ควบคุมการผลิตชิปเอง ➡️ หน่วยความจำที่ใช้รวมถึง DDR5 และ HBM สำหรับชิป AI เช่น Nvidia Blackwell ➡️ Samsung SDS จะร่วมออกแบบและบริหารดาต้าเซ็นเตอร์ในเกาหลีใต้ ➡️ Samsung Heavy Industries และ Samsung C&T จะร่วมพัฒนาดาต้าเซ็นเตอร์ลอยน้ำ ➡️ OpenAI เปิดสำนักงานในกรุงโซล ซึ่งมีผู้ใช้ ChatGPT แบบเสียเงินมากเป็นอันดับสองของโลก ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ HBM (High Bandwidth Memory) เป็นหน่วยความจำที่ซ้อนชิปในแนวตั้ง เพื่อเพิ่มความเร็วและลดการใช้พลังงาน ➡️ Nvidia ลงทุนใน Stargate มากถึง $100 พันล้าน เพื่อจัดหาชิปและกำลังประมวลผล ➡️ Oracle ขาย compute capacity ให้ OpenAI มูลค่า $300 พันล้านในระยะเวลา 5 ปี ➡️ ดาต้าเซ็นเตอร์ของ Stargate อาจต้องใช้โรงไฟฟ้าเฉพาะเพื่อรองรับการใช้พลังงาน ➡️ การใช้เวเฟอร์แบบยังไม่ตัดช่วยให้ OpenAI ปรับแต่งการผลิตได้ตามโมเดล AI ที่ต้องการ https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/openais-stargate-project-to-consume-up-to-40-percent-of-global-dram-output-inks-deal-with-samsung-and-sk-hynix-to-the-tune-of-up-to-900-000-wafers-per-month
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 171 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ทำไมศูนย์ข้อมูล AI ถึงยังพึ่งพาพลังงานฟอสซิล? — เมื่อความต้องการพลังงานแซงหน้าความเขียว”

    ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวใหญ่ในวงการ AI: Nvidia ประกาศลงทุนกว่า 100 พันล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานของ OpenAI ตามมาด้วยดีล Stargate Project มูลค่า 500 พันล้านดอลลาร์ระหว่าง OpenAI, SoftBank และ Oracle เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูล AI ขนาดใหญ่ถึง 5 แห่งในสหรัฐฯ ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องการพลังงานมหาศาลตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน

    แม้เทคโนโลยีจะล้ำหน้า แต่พลังงานที่ใช้กลับยังคงเป็นฟอสซิลเป็นหลัก โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ที่มากกว่าครึ่งของพลังงานศูนย์ข้อมูลมาจากถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากประธานาธิบดีทรัมป์ที่เรียกพลังงานสะอาดว่า “หลอกลวง” และผลักดันนโยบายสนับสนุนฟอสซิลอย่างเต็มที่

    เหตุผลที่ศูนย์ข้อมูลยังไม่สามารถใช้พลังงานหมุนเวียนได้เต็มรูปแบบนั้นมีหลายด้าน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์และลมไม่สามารถจ่ายไฟได้ต่อเนื่องตลอดวัน หากไฟดับแม้เพียงไม่กี่วินาที อาจทำให้บริษัทสูญเสียเงินมหาศาล การใช้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่เพื่อเก็บพลังงานก็ยังมีต้นทุนสูง และไม่สามารถรองรับการใช้งานข้ามฤดูกาลได้

    นอกจากนี้ ศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ต้องการพลังงานระดับกิกะวัตต์ ซึ่งเทียบเท่ากับการใช้แผงโซลาร์กว่า 12.5 ล้านแผง หรือกังหันลมจำนวนมหาศาล ซึ่งพื้นที่ใกล้เมืองมักไม่สามารถรองรับได้

    ทางเลือกหนึ่งคือพลังงานนิวเคลียร์ ซึ่งมีข้อดีคือปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์และจ่ายไฟได้ต่อเนื่อง แต่ก็ต้องใช้เวลา 7–8 ปีในการสร้างโรงงานใหม่ และยังมีอุปสรรคด้านต้นทุน ความปลอดภัย และการจัดการกากนิวเคลียร์

    ดังนั้นในระยะสั้น บริษัทเทคโนโลยีจึงยังต้องพึ่งพาก๊าซธรรมชาติ ซึ่งมีโครงสร้างพื้นฐานพร้อมใช้งานภายใน 1–2 ปี และสามารถตอบสนองความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากการเติบโตของ AI

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Nvidia ลงทุน 100 พันล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนศูนย์ข้อมูลของ OpenAI
    OpenAI, SoftBank และ Oracle ร่วมกันสร้างศูนย์ข้อมูล Stargate Project มูลค่า 500 พันล้านดอลลาร์
    บริษัทเทคโนโลยีใหญ่กำลังลงทุนรวมกว่า 325 พันล้านดอลลาร์ในศูนย์ข้อมูลภายในปีนี้
    มากกว่าครึ่งของพลังงานศูนย์ข้อมูลในสหรัฐฯ มาจากฟอสซิล เช่น ถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ
    พลังงานหมุนเวียนไม่สามารถจ่ายไฟได้ต่อเนื่อง และแบตเตอรี่ยังมีต้นทุนสูง
    การสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ต้องใช้เวลา 7–8 ปี และมีต้นทุนสูง
    ก๊าซธรรมชาติสามารถสร้างโรงไฟฟ้าได้ภายใน 1–2 ปี และมีโครงสร้างพื้นฐานพร้อม
    ประธานาธิบดีทรัมป์สนับสนุนฟอสซิลและลดเครดิตภาษีสำหรับพลังงานสะอาด

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Goldman Sachs คาดว่าความต้องการพลังงานจากศูนย์ข้อมูลจะเพิ่มขึ้น 160% ภายในปี 2030
    หากใช้ฟอสซิลเป็นหลัก อาจเพิ่มการปล่อยคาร์บอนถึง 220 ล้านตันทั่วโลกภายในปี 2030
    พลังงานนิวเคลียร์มีศักยภาพสูง แต่ยังมีข้อจำกัดด้านแรงงานและการขออนุญาต
    การใช้พลังงานหมุนเวียนร่วมกับระบบจัดการข้อมูลและซอฟต์แวร์ที่มีประสิทธิภาพสามารถลดการใช้พลังงานได้มาก
    การออกแบบโมเดล AI ที่เหมาะสมและใช้ข้อมูลคุณภาพสูงช่วยลดการใช้พลังงานในการฝึกและใช้งานโมเดล

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/29/why-dont-data-centres-use-more-green-energy
    ⚡ “ทำไมศูนย์ข้อมูล AI ถึงยังพึ่งพาพลังงานฟอสซิล? — เมื่อความต้องการพลังงานแซงหน้าความเขียว” ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวใหญ่ในวงการ AI: Nvidia ประกาศลงทุนกว่า 100 พันล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานของ OpenAI ตามมาด้วยดีล Stargate Project มูลค่า 500 พันล้านดอลลาร์ระหว่าง OpenAI, SoftBank และ Oracle เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูล AI ขนาดใหญ่ถึง 5 แห่งในสหรัฐฯ ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องการพลังงานมหาศาลตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน แม้เทคโนโลยีจะล้ำหน้า แต่พลังงานที่ใช้กลับยังคงเป็นฟอสซิลเป็นหลัก โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ที่มากกว่าครึ่งของพลังงานศูนย์ข้อมูลมาจากถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากประธานาธิบดีทรัมป์ที่เรียกพลังงานสะอาดว่า “หลอกลวง” และผลักดันนโยบายสนับสนุนฟอสซิลอย่างเต็มที่ เหตุผลที่ศูนย์ข้อมูลยังไม่สามารถใช้พลังงานหมุนเวียนได้เต็มรูปแบบนั้นมีหลายด้าน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์และลมไม่สามารถจ่ายไฟได้ต่อเนื่องตลอดวัน หากไฟดับแม้เพียงไม่กี่วินาที อาจทำให้บริษัทสูญเสียเงินมหาศาล การใช้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่เพื่อเก็บพลังงานก็ยังมีต้นทุนสูง และไม่สามารถรองรับการใช้งานข้ามฤดูกาลได้ นอกจากนี้ ศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ต้องการพลังงานระดับกิกะวัตต์ ซึ่งเทียบเท่ากับการใช้แผงโซลาร์กว่า 12.5 ล้านแผง หรือกังหันลมจำนวนมหาศาล ซึ่งพื้นที่ใกล้เมืองมักไม่สามารถรองรับได้ ทางเลือกหนึ่งคือพลังงานนิวเคลียร์ ซึ่งมีข้อดีคือปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์และจ่ายไฟได้ต่อเนื่อง แต่ก็ต้องใช้เวลา 7–8 ปีในการสร้างโรงงานใหม่ และยังมีอุปสรรคด้านต้นทุน ความปลอดภัย และการจัดการกากนิวเคลียร์ ดังนั้นในระยะสั้น บริษัทเทคโนโลยีจึงยังต้องพึ่งพาก๊าซธรรมชาติ ซึ่งมีโครงสร้างพื้นฐานพร้อมใช้งานภายใน 1–2 ปี และสามารถตอบสนองความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากการเติบโตของ AI ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Nvidia ลงทุน 100 พันล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนศูนย์ข้อมูลของ OpenAI ➡️ OpenAI, SoftBank และ Oracle ร่วมกันสร้างศูนย์ข้อมูล Stargate Project มูลค่า 500 พันล้านดอลลาร์ ➡️ บริษัทเทคโนโลยีใหญ่กำลังลงทุนรวมกว่า 325 พันล้านดอลลาร์ในศูนย์ข้อมูลภายในปีนี้ ➡️ มากกว่าครึ่งของพลังงานศูนย์ข้อมูลในสหรัฐฯ มาจากฟอสซิล เช่น ถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ ➡️ พลังงานหมุนเวียนไม่สามารถจ่ายไฟได้ต่อเนื่อง และแบตเตอรี่ยังมีต้นทุนสูง ➡️ การสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ต้องใช้เวลา 7–8 ปี และมีต้นทุนสูง ➡️ ก๊าซธรรมชาติสามารถสร้างโรงไฟฟ้าได้ภายใน 1–2 ปี และมีโครงสร้างพื้นฐานพร้อม ➡️ ประธานาธิบดีทรัมป์สนับสนุนฟอสซิลและลดเครดิตภาษีสำหรับพลังงานสะอาด ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Goldman Sachs คาดว่าความต้องการพลังงานจากศูนย์ข้อมูลจะเพิ่มขึ้น 160% ภายในปี 2030 ➡️ หากใช้ฟอสซิลเป็นหลัก อาจเพิ่มการปล่อยคาร์บอนถึง 220 ล้านตันทั่วโลกภายในปี 2030 ➡️ พลังงานนิวเคลียร์มีศักยภาพสูง แต่ยังมีข้อจำกัดด้านแรงงานและการขออนุญาต ➡️ การใช้พลังงานหมุนเวียนร่วมกับระบบจัดการข้อมูลและซอฟต์แวร์ที่มีประสิทธิภาพสามารถลดการใช้พลังงานได้มาก ➡️ การออกแบบโมเดล AI ที่เหมาะสมและใช้ข้อมูลคุณภาพสูงช่วยลดการใช้พลังงานในการฝึกและใช้งานโมเดล https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/29/why-dont-data-centres-use-more-green-energy
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Why don't data centres use more green energy?
    Reliance on fossil fuels is almost unavoidable — at least for now.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 170 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Stargate of China: เมื่อจีนเปลี่ยนผืนนาเป็นศูนย์กลาง AI — แผน 37 พันล้านดอลลาร์เพื่อท้าทายอำนาจคอมพิวต์ของสหรัฐฯ”

    กลางลุ่มแม่น้ำแยงซี บนเกาะขนาด 760 เอเคอร์ในเมืองอู่ฮู่ ประเทศจีน กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ — จากพื้นที่ปลูกข้าว สู่ “Data Island” ที่จะกลายเป็นศูนย์กลางประมวลผล AI ขนาดมหึมา ภายใต้โครงการที่ถูกขนานนามว่า “Stargate of China” ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนกว่า 37 พันล้านดอลลาร์

    เป้าหมายของโครงการนี้คือการรวมศูนย์พลังการประมวลผล AI ที่กระจัดกระจายทั่วประเทศให้เป็นเครือข่ายเดียว โดยใช้เทคโนโลยี UB-Mesh ของ Huawei เชื่อมโยงเซิร์ฟเวอร์จากหลายภูมิภาคเข้าด้วยกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลแบบ “inference” ให้เร็วขึ้นสำหรับผู้ใช้งานในเมืองใหญ่ เช่น เซี่ยงไฮ้ หางโจว หนานจิง และซูโจว

    ในขณะที่สหรัฐฯ ครองสัดส่วนพลังคอมพิวต์ AI กว่า 75% ของโลก จีนมีเพียง 15% เท่านั้น การลงทุนครั้งนี้จึงเป็นการ “ไล่ตาม” ด้วยกลยุทธ์ที่เน้นการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การนำเซิร์ฟเวอร์ที่เคยถูกทิ้งไว้ในพื้นที่ห่างไกลกลับมาใช้งานใหม่ โดยเชื่อมโยงกับศูนย์ข้อมูลในเมืองผ่านเครือข่ายความเร็วสูง

    ศูนย์ข้อมูลในอู่ฮู่จะถูกใช้โดยบริษัทใหญ่ของจีน ได้แก่ Huawei, China Mobile, China Telecom และ China Unicom โดยรัฐบาลท้องถิ่นเสนอเงินอุดหนุนสูงถึง 30% สำหรับการจัดซื้อชิป AI เพื่อเร่งการพัฒนา

    อย่างไรก็ตาม จีนยังเผชิญกับข้อจำกัดจากการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ ที่ห้ามบริษัทอย่าง Nvidia, TSMC และ Samsung ส่งมอบชิป AI ขั้นสูงให้กับลูกค้าจีน ทำให้จีนต้องพึ่งพาชิปภายในประเทศที่ยังไม่สามารถเทียบเท่าได้ และบางส่วนต้องพึ่งพาตลาดมืดในการจัดหา GPU

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    จีนลงทุน $37 พันล้านในโครงการ “Stargate of China” เพื่อรวมศูนย์พลังคอมพิวต์ AI
    พื้นที่เกษตรในเมืองอู่ฮู่ถูกเปลี่ยนเป็น “Data Island” สำหรับศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่
    ใช้เทคโนโลยี UB-Mesh ของ Huawei เชื่อมโยงเซิร์ฟเวอร์ทั่วประเทศ
    ศูนย์ข้อมูลจะรองรับการประมวลผลแบบ inference สำหรับเมืองใหญ่ในลุ่มแม่น้ำแยงซี
    รัฐบาลท้องถิ่นเสนอเงินอุดหนุนสูงถึง 30% สำหรับการจัดซื้อชิป AI

    การจัดการทรัพยากรและการขยายเครือข่าย
    เซิร์ฟเวอร์ในพื้นที่ห่างไกล เช่น มองโกเลียใน กุ้ยโจว และกานซู่ จะถูกนำกลับมาใช้งาน
    เครือข่ายใหม่จะช่วยลดปัญหาการใช้งานเซิร์ฟเวอร์ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์
    การกระจายศูนย์ข้อมูลใกล้เมืองใหญ่ช่วยลด latency และเพิ่มประสิทธิภาพ AI
    มีการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลใหม่ใน 15 แห่งทั่วเมืองอู่ฮู่

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    โครงการนี้ได้รับแรงบันดาลใจจาก “Stargate” ของสหรัฐฯ ที่มีมูลค่ากว่า $500 พันล้าน
    การประมวลผลแบบ inference คือการตอบสนองของ AI เช่น chatbot หรือผู้ช่วยอัจฉริยะ
    การรวมศูนย์ข้อมูลช่วยให้สามารถจัดการพลังงานและทรัพยากรได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
    การลงทุนใน AI compute เป็นยุทธศาสตร์ระดับชาติของจีนเพื่อแข่งขันกับสหรัฐฯ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/china-is-converting-farmland-into-data-centers-as-part-of-usd37-billion-effort-to-centralize-ai-compute-power-project-dubbed-stargate-of-china
    🌾 “Stargate of China: เมื่อจีนเปลี่ยนผืนนาเป็นศูนย์กลาง AI — แผน 37 พันล้านดอลลาร์เพื่อท้าทายอำนาจคอมพิวต์ของสหรัฐฯ” กลางลุ่มแม่น้ำแยงซี บนเกาะขนาด 760 เอเคอร์ในเมืองอู่ฮู่ ประเทศจีน กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ — จากพื้นที่ปลูกข้าว สู่ “Data Island” ที่จะกลายเป็นศูนย์กลางประมวลผล AI ขนาดมหึมา ภายใต้โครงการที่ถูกขนานนามว่า “Stargate of China” ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนกว่า 37 พันล้านดอลลาร์ เป้าหมายของโครงการนี้คือการรวมศูนย์พลังการประมวลผล AI ที่กระจัดกระจายทั่วประเทศให้เป็นเครือข่ายเดียว โดยใช้เทคโนโลยี UB-Mesh ของ Huawei เชื่อมโยงเซิร์ฟเวอร์จากหลายภูมิภาคเข้าด้วยกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลแบบ “inference” ให้เร็วขึ้นสำหรับผู้ใช้งานในเมืองใหญ่ เช่น เซี่ยงไฮ้ หางโจว หนานจิง และซูโจว ในขณะที่สหรัฐฯ ครองสัดส่วนพลังคอมพิวต์ AI กว่า 75% ของโลก จีนมีเพียง 15% เท่านั้น การลงทุนครั้งนี้จึงเป็นการ “ไล่ตาม” ด้วยกลยุทธ์ที่เน้นการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การนำเซิร์ฟเวอร์ที่เคยถูกทิ้งไว้ในพื้นที่ห่างไกลกลับมาใช้งานใหม่ โดยเชื่อมโยงกับศูนย์ข้อมูลในเมืองผ่านเครือข่ายความเร็วสูง ศูนย์ข้อมูลในอู่ฮู่จะถูกใช้โดยบริษัทใหญ่ของจีน ได้แก่ Huawei, China Mobile, China Telecom และ China Unicom โดยรัฐบาลท้องถิ่นเสนอเงินอุดหนุนสูงถึง 30% สำหรับการจัดซื้อชิป AI เพื่อเร่งการพัฒนา อย่างไรก็ตาม จีนยังเผชิญกับข้อจำกัดจากการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ ที่ห้ามบริษัทอย่าง Nvidia, TSMC และ Samsung ส่งมอบชิป AI ขั้นสูงให้กับลูกค้าจีน ทำให้จีนต้องพึ่งพาชิปภายในประเทศที่ยังไม่สามารถเทียบเท่าได้ และบางส่วนต้องพึ่งพาตลาดมืดในการจัดหา GPU ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ จีนลงทุน $37 พันล้านในโครงการ “Stargate of China” เพื่อรวมศูนย์พลังคอมพิวต์ AI ➡️ พื้นที่เกษตรในเมืองอู่ฮู่ถูกเปลี่ยนเป็น “Data Island” สำหรับศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ ➡️ ใช้เทคโนโลยี UB-Mesh ของ Huawei เชื่อมโยงเซิร์ฟเวอร์ทั่วประเทศ ➡️ ศูนย์ข้อมูลจะรองรับการประมวลผลแบบ inference สำหรับเมืองใหญ่ในลุ่มแม่น้ำแยงซี ➡️ รัฐบาลท้องถิ่นเสนอเงินอุดหนุนสูงถึง 30% สำหรับการจัดซื้อชิป AI ✅ การจัดการทรัพยากรและการขยายเครือข่าย ➡️ เซิร์ฟเวอร์ในพื้นที่ห่างไกล เช่น มองโกเลียใน กุ้ยโจว และกานซู่ จะถูกนำกลับมาใช้งาน ➡️ เครือข่ายใหม่จะช่วยลดปัญหาการใช้งานเซิร์ฟเวอร์ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ➡️ การกระจายศูนย์ข้อมูลใกล้เมืองใหญ่ช่วยลด latency และเพิ่มประสิทธิภาพ AI ➡️ มีการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลใหม่ใน 15 แห่งทั่วเมืองอู่ฮู่ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ โครงการนี้ได้รับแรงบันดาลใจจาก “Stargate” ของสหรัฐฯ ที่มีมูลค่ากว่า $500 พันล้าน ➡️ การประมวลผลแบบ inference คือการตอบสนองของ AI เช่น chatbot หรือผู้ช่วยอัจฉริยะ ➡️ การรวมศูนย์ข้อมูลช่วยให้สามารถจัดการพลังงานและทรัพยากรได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ➡️ การลงทุนใน AI compute เป็นยุทธศาสตร์ระดับชาติของจีนเพื่อแข่งขันกับสหรัฐฯ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/china-is-converting-farmland-into-data-centers-as-part-of-usd37-billion-effort-to-centralize-ai-compute-power-project-dubbed-stargate-of-china
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 242 มุมมอง 0 รีวิว
  • “OpenAI จับมือ NVIDIA สร้างศูนย์ข้อมูล AI ขนาด 10 กิกะวัตต์ — ก้าวใหม่สู่ยุค Superintelligence ด้วยพลัง GPU นับล้านตัว”

    วันที่ 22 กันยายน 2025 OpenAI และ NVIDIA ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ครั้งใหญ่ในการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI รุ่นถัดไป โดยมีแผนจะติดตั้งระบบของ NVIDIA รวมพลังงานสูงถึง 10 กิกะวัตต์ ซึ่งเทียบเท่ากับการใช้ GPU หลายล้านตัว เพื่อรองรับการฝึกและใช้งานโมเดล AI ระดับ Superintelligence ในอนาคต

    NVIDIA เตรียมลงทุนสูงสุดถึง $100 พันล้านดอลลาร์ใน OpenAI โดยจะทยอยลงทุนตามการติดตั้งแต่ละกิกะวัตต์ โดยเฟสแรกจะเริ่มใช้งานในช่วงครึ่งหลังของปี 2026 บนแพลตฟอร์ม Vera Rubin ซึ่งเป็นระบบซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI รุ่นใหม่ของ NVIDIA ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับโมเดลขนาดใหญ่และการประมวลผลแบบกระจาย

    Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI กล่าวว่า “ทุกอย่างเริ่มต้นจาก compute” และการสร้างโครงสร้างพื้นฐานนี้จะเป็นรากฐานของเศรษฐกิจแห่งอนาคต ขณะที่ Jensen Huang ซีอีโอของ NVIDIA ย้ำว่า “นี่คือก้าวกระโดดครั้งใหม่” หลังจากที่ทั้งสองบริษัทผลักดันกันมาตั้งแต่ยุค DGX จนถึง ChatGPT

    ความร่วมมือนี้ยังรวมถึงการ co-optimize ระหว่างซอฟต์แวร์ของ OpenAI และฮาร์ดแวร์ของ NVIDIA เพื่อให้การฝึกโมเดลและการใช้งานจริงมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยจะทำงานร่วมกับพันธมิตรอย่าง Microsoft, Oracle, SoftBank และ Stargate Partners เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ล้ำหน้าที่สุดในโลก

    OpenAI ปัจจุบันมีผู้ใช้งานประจำรายสัปดาห์กว่า 700 ล้านคน และมีการนำเทคโนโลยีไปใช้ในองค์กรทั่วโลก ทั้งขนาดใหญ่และเล็ก ความร่วมมือครั้งนี้จึงเป็นการขยายขอบเขตของ AI ให้เข้าถึงผู้คนในระดับมหภาค

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    OpenAI และ NVIDIA ร่วมมือสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ขนาด 10 กิกะวัตต์
    NVIDIA เตรียมลงทุนสูงสุด $100 พันล้านดอลลาร์ใน OpenAI ตามการติดตั้งแต่ละเฟส
    เฟสแรกจะเริ่มใช้งานในครึ่งหลังของปี 2026 บนแพลตฟอร์ม Vera Rubin
    ใช้ GPU หลายล้านตัวเพื่อรองรับการฝึกและใช้งานโมเดลระดับ Superintelligence

    ความร่วมมือและการพัฒนา
    OpenAI และ NVIDIA จะ co-optimize ซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ร่วมกัน
    ทำงานร่วมกับพันธมิตรอย่าง Microsoft, Oracle, SoftBank และ Stargate Partners
    OpenAI มีผู้ใช้งานประจำรายสัปดาห์กว่า 700 ล้านคนทั่วโลก
    ความร่วมมือนี้จะช่วยผลักดันภารกิจของ OpenAI ในการสร้าง AGI เพื่อมนุษยชาติ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    10 กิกะวัตต์ เทียบเท่ากับการใช้ไฟฟ้าของเมืองขนาดกลาง
    Vera Rubin เป็นแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่องาน AI ขนาดใหญ่โดยเฉพาะ
    การลงทุนระดับนี้สะท้อนถึงการแข่งขันด้าน compute infrastructure ที่รุนแรงขึ้น
    การใช้ GPU จำนวนมากต้องการระบบระบายความร้อนและพลังงานที่มีประสิทธิภาพสูง

    https://openai.com/index/openai-nvidia-systems-partnership/

    ⚡ “OpenAI จับมือ NVIDIA สร้างศูนย์ข้อมูล AI ขนาด 10 กิกะวัตต์ — ก้าวใหม่สู่ยุค Superintelligence ด้วยพลัง GPU นับล้านตัว” วันที่ 22 กันยายน 2025 OpenAI และ NVIDIA ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ครั้งใหญ่ในการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI รุ่นถัดไป โดยมีแผนจะติดตั้งระบบของ NVIDIA รวมพลังงานสูงถึง 10 กิกะวัตต์ ซึ่งเทียบเท่ากับการใช้ GPU หลายล้านตัว เพื่อรองรับการฝึกและใช้งานโมเดล AI ระดับ Superintelligence ในอนาคต NVIDIA เตรียมลงทุนสูงสุดถึง $100 พันล้านดอลลาร์ใน OpenAI โดยจะทยอยลงทุนตามการติดตั้งแต่ละกิกะวัตต์ โดยเฟสแรกจะเริ่มใช้งานในช่วงครึ่งหลังของปี 2026 บนแพลตฟอร์ม Vera Rubin ซึ่งเป็นระบบซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI รุ่นใหม่ของ NVIDIA ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับโมเดลขนาดใหญ่และการประมวลผลแบบกระจาย Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI กล่าวว่า “ทุกอย่างเริ่มต้นจาก compute” และการสร้างโครงสร้างพื้นฐานนี้จะเป็นรากฐานของเศรษฐกิจแห่งอนาคต ขณะที่ Jensen Huang ซีอีโอของ NVIDIA ย้ำว่า “นี่คือก้าวกระโดดครั้งใหม่” หลังจากที่ทั้งสองบริษัทผลักดันกันมาตั้งแต่ยุค DGX จนถึง ChatGPT ความร่วมมือนี้ยังรวมถึงการ co-optimize ระหว่างซอฟต์แวร์ของ OpenAI และฮาร์ดแวร์ของ NVIDIA เพื่อให้การฝึกโมเดลและการใช้งานจริงมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยจะทำงานร่วมกับพันธมิตรอย่าง Microsoft, Oracle, SoftBank และ Stargate Partners เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ล้ำหน้าที่สุดในโลก OpenAI ปัจจุบันมีผู้ใช้งานประจำรายสัปดาห์กว่า 700 ล้านคน และมีการนำเทคโนโลยีไปใช้ในองค์กรทั่วโลก ทั้งขนาดใหญ่และเล็ก ความร่วมมือครั้งนี้จึงเป็นการขยายขอบเขตของ AI ให้เข้าถึงผู้คนในระดับมหภาค ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ OpenAI และ NVIDIA ร่วมมือสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ขนาด 10 กิกะวัตต์ ➡️ NVIDIA เตรียมลงทุนสูงสุด $100 พันล้านดอลลาร์ใน OpenAI ตามการติดตั้งแต่ละเฟส ➡️ เฟสแรกจะเริ่มใช้งานในครึ่งหลังของปี 2026 บนแพลตฟอร์ม Vera Rubin ➡️ ใช้ GPU หลายล้านตัวเพื่อรองรับการฝึกและใช้งานโมเดลระดับ Superintelligence ✅ ความร่วมมือและการพัฒนา ➡️ OpenAI และ NVIDIA จะ co-optimize ซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ร่วมกัน ➡️ ทำงานร่วมกับพันธมิตรอย่าง Microsoft, Oracle, SoftBank และ Stargate Partners ➡️ OpenAI มีผู้ใช้งานประจำรายสัปดาห์กว่า 700 ล้านคนทั่วโลก ➡️ ความร่วมมือนี้จะช่วยผลักดันภารกิจของ OpenAI ในการสร้าง AGI เพื่อมนุษยชาติ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ 10 กิกะวัตต์ เทียบเท่ากับการใช้ไฟฟ้าของเมืองขนาดกลาง ➡️ Vera Rubin เป็นแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่องาน AI ขนาดใหญ่โดยเฉพาะ ➡️ การลงทุนระดับนี้สะท้อนถึงการแข่งขันด้าน compute infrastructure ที่รุนแรงขึ้น ➡️ การใช้ GPU จำนวนมากต้องการระบบระบายความร้อนและพลังงานที่มีประสิทธิภาพสูง https://openai.com/index/openai-nvidia-systems-partnership/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 175 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nvidia, Microsoft และ OpenAI ทุ่ม 700 ล้านดอลลาร์หนุน Nscale สร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ใหญ่ที่สุดในสหราชอาณาจักร — เปิดยุคใหม่ของ Sovereign Compute

    ในความเคลื่อนไหวที่สะท้อนยุทธศาสตร์ระดับชาติ สหราชอาณาจักรกำลังกลายเป็นศูนย์กลางใหม่ของโครงสร้างพื้นฐาน AI ระดับโลก เมื่อบริษัท Nscale ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้าน AI infrastructure ที่แยกตัวจากธุรกิจเหมืองคริปโต Arkon Energy ได้รับเงินลงทุนกว่า 700 ล้านดอลลาร์จาก Nvidia พร้อมการสนับสนุนจาก Microsoft และ OpenAI เพื่อสร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ

    โครงการนี้จะตั้งอยู่ที่เมือง Loughton โดยมีชื่อว่า “Nscale AI Campus” ซึ่งจะเริ่มต้นด้วยการติดตั้ง GPU Nvidia GB300 จำนวน 23,040 ตัวในปี 2027 และสามารถขยายกำลังไฟฟ้าได้จาก 50MW ไปถึง 90MW เพื่อรองรับการประมวลผล AI ขนาดใหญ่ โดยจะใช้สำหรับบริการ Microsoft Azure และการฝึกโมเดลของ OpenAI

    นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัว “Stargate UK” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม sovereign AI ที่เน้นการประมวลผลภายในประเทศ โดย OpenAI จะเริ่มใช้งาน GPU จำนวน 8,000 ตัวในปี 2026 และอาจขยายไปถึง 31,000 ตัวในอนาคต เพื่อรองรับงานที่ต้องการความปลอดภัยสูง เช่น การแพทย์ การเงิน และบริการสาธารณะ

    Nvidia ยังประกาศแผนลงทุนรวมกว่า 11 พันล้านปอนด์ในสหราชอาณาจักร เพื่อสร้าง AI factories ที่ใช้ GPU Blackwell Ultra และ Grace Blackwell รวมกว่า 120,000 ตัว โดยมีเป้าหมายขยายไปถึง 300,000 ตัวทั่วโลก ซึ่งรวมถึงในสหรัฐฯ โปรตุเกส และนอร์เวย์

    Nscale ได้รับเงินลงทุน 700 ล้านดอลลาร์จาก Nvidia
    เป็นการสนับสนุนการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ขนาดใหญ่ในสหราชอาณาจักร
    ร่วมมือกับ Microsoft และ OpenAI ในการพัฒนาและใช้งาน

    สร้าง Nscale AI Campus ที่เมือง Loughton
    เริ่มต้นด้วย GPU GB300 จำนวน 23,040 ตัวในปี 2027
    รองรับกำลังไฟฟ้า 50MW ขยายได้ถึง 90MW

    เปิดตัว Stargate UK สำหรับ sovereign AI workloads
    OpenAI จะใช้ GPU 8,000 ตัวในปี 2026 และอาจขยายถึง 31,000 ตัว
    ใช้ในงานที่ต้องการความปลอดภัยสูง เช่น การแพทย์ การเงิน และบริการสาธารณะ

    Nvidia ลงทุนรวมกว่า 11 พันล้านปอนด์ในสหราชอาณาจักร
    สร้าง AI factories ที่ใช้ GPU Blackwell Ultra และ Grace Blackwell
    เป้าหมายคือการติดตั้ง GPU รวม 300,000 ตัวทั่วโลก

    ความร่วมมือสะท้อนยุทธศาสตร์เทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร
    สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลและการวิจัยขั้นสูง
    สร้างโอกาสใหม่ให้กับสตาร์ทอัพและนักพัฒนาในประเทศ

    https://www.techradar.com/pro/ai-crypto-bitcoin-mining-spinoff-gets-usd700-million-investment-from-nvidia-to-build-hyperscale-ai-infrastructure-using-youve-guessed-it-thousands-of-blackwell-gpus
    📰 Nvidia, Microsoft และ OpenAI ทุ่ม 700 ล้านดอลลาร์หนุน Nscale สร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ใหญ่ที่สุดในสหราชอาณาจักร — เปิดยุคใหม่ของ Sovereign Compute ในความเคลื่อนไหวที่สะท้อนยุทธศาสตร์ระดับชาติ สหราชอาณาจักรกำลังกลายเป็นศูนย์กลางใหม่ของโครงสร้างพื้นฐาน AI ระดับโลก เมื่อบริษัท Nscale ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้าน AI infrastructure ที่แยกตัวจากธุรกิจเหมืองคริปโต Arkon Energy ได้รับเงินลงทุนกว่า 700 ล้านดอลลาร์จาก Nvidia พร้อมการสนับสนุนจาก Microsoft และ OpenAI เพื่อสร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ โครงการนี้จะตั้งอยู่ที่เมือง Loughton โดยมีชื่อว่า “Nscale AI Campus” ซึ่งจะเริ่มต้นด้วยการติดตั้ง GPU Nvidia GB300 จำนวน 23,040 ตัวในปี 2027 และสามารถขยายกำลังไฟฟ้าได้จาก 50MW ไปถึง 90MW เพื่อรองรับการประมวลผล AI ขนาดใหญ่ โดยจะใช้สำหรับบริการ Microsoft Azure และการฝึกโมเดลของ OpenAI นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัว “Stargate UK” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม sovereign AI ที่เน้นการประมวลผลภายในประเทศ โดย OpenAI จะเริ่มใช้งาน GPU จำนวน 8,000 ตัวในปี 2026 และอาจขยายไปถึง 31,000 ตัวในอนาคต เพื่อรองรับงานที่ต้องการความปลอดภัยสูง เช่น การแพทย์ การเงิน และบริการสาธารณะ Nvidia ยังประกาศแผนลงทุนรวมกว่า 11 พันล้านปอนด์ในสหราชอาณาจักร เพื่อสร้าง AI factories ที่ใช้ GPU Blackwell Ultra และ Grace Blackwell รวมกว่า 120,000 ตัว โดยมีเป้าหมายขยายไปถึง 300,000 ตัวทั่วโลก ซึ่งรวมถึงในสหรัฐฯ โปรตุเกส และนอร์เวย์ ✅ Nscale ได้รับเงินลงทุน 700 ล้านดอลลาร์จาก Nvidia ➡️ เป็นการสนับสนุนการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ขนาดใหญ่ในสหราชอาณาจักร ➡️ ร่วมมือกับ Microsoft และ OpenAI ในการพัฒนาและใช้งาน ✅ สร้าง Nscale AI Campus ที่เมือง Loughton ➡️ เริ่มต้นด้วย GPU GB300 จำนวน 23,040 ตัวในปี 2027 ➡️ รองรับกำลังไฟฟ้า 50MW ขยายได้ถึง 90MW ✅ เปิดตัว Stargate UK สำหรับ sovereign AI workloads ➡️ OpenAI จะใช้ GPU 8,000 ตัวในปี 2026 และอาจขยายถึง 31,000 ตัว ➡️ ใช้ในงานที่ต้องการความปลอดภัยสูง เช่น การแพทย์ การเงิน และบริการสาธารณะ ✅ Nvidia ลงทุนรวมกว่า 11 พันล้านปอนด์ในสหราชอาณาจักร ➡️ สร้าง AI factories ที่ใช้ GPU Blackwell Ultra และ Grace Blackwell ➡️ เป้าหมายคือการติดตั้ง GPU รวม 300,000 ตัวทั่วโลก ✅ ความร่วมมือสะท้อนยุทธศาสตร์เทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร ➡️ สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลและการวิจัยขั้นสูง ➡️ สร้างโอกาสใหม่ให้กับสตาร์ทอัพและนักพัฒนาในประเทศ https://www.techradar.com/pro/ai-crypto-bitcoin-mining-spinoff-gets-usd700-million-investment-from-nvidia-to-build-hyperscale-ai-infrastructure-using-youve-guessed-it-thousands-of-blackwell-gpus
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 202 มุมมอง 0 รีวิว
  • “OpenAI เซ็นสัญญา 300 พันล้านดอลลาร์กับ Oracle — สร้างศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่เท่ากับสองเขื่อนฮูเวอร์ เพื่อขับเคลื่อนยุค AI”

    ในข้อตกลงที่อาจเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมคลาวด์ไปตลอดกาล OpenAI ได้ลงนามสัญญากับ Oracle มูลค่า 300 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อซื้อพลังประมวลผลสำหรับการฝึกและให้บริการโมเดล AI ในช่วง 5 ปีข้างหน้า โดยจะเริ่มต้นในปี 2027 และเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “Stargate” ที่มีเป้าหมายสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ขนาดมหึมาในสหรัฐฯ

    ข้อตกลงนี้ต้องใช้พลังงานถึง 4.5 กิกะวัตต์ ซึ่งเทียบเท่ากับการจ่ายไฟให้บ้านกว่า 4 ล้านหลัง หรือมากกว่ากำลังผลิตของเขื่อนฮูเวอร์ถึงสองเท่า Oracle จะร่วมมือกับ Crusoe และพันธมิตรอื่น ๆ เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูลในหลายรัฐ เช่น เท็กซัส, เพนซิลเวเนีย, ไวโอมิง, มิชิแกน และนิวเม็กซิโก

    แม้ OpenAI จะมีรายได้ราว 10 พันล้านดอลลาร์ต่อปี แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายรายปีที่สูงถึง 60 พันล้านดอลลาร์ภายใต้สัญญานี้ ซึ่งหมายความว่าทั้ง OpenAI และ Oracle ต้องแบกรับภาระทางการเงินมหาศาล โดย Oracle เองก็มีหนี้สินมากกว่าคู่แข่งอย่าง Microsoft และ Amazon หลายเท่า

    อย่างไรก็ตาม ตลาดตอบรับเชิงบวกทันที หุ้นของ Oracle พุ่งขึ้นกว่า 43% ในวันเดียว ส่งผลให้ Larry Ellison กลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกชั่วขณะ ด้วยมูลค่าทรัพย์สินเกือบ 400 พันล้านดอลลาร์

    รายละเอียดของข้อตกลง OpenAI–Oracle
    มูลค่าสัญญา 300 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ระยะเวลา 5 ปี เริ่มปี 2027
    เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Stargate เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ขนาดใหญ่
    ต้องใช้พลังงาน 4.5 กิกะวัตต์ — เทียบเท่ากับบ้าน 4 ล้านหลัง
    สถานที่สร้างศูนย์ข้อมูล ได้แก่ เท็กซัส, เพนซิลเวเนีย, ไวโอมิง, มิชิแกน, นิวเม็กซิโก

    ผลกระทบต่อ Oracle และ OpenAI
    หุ้น Oracle พุ่งขึ้น 43% — Larry Ellison กลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก
    Oracle มีรายได้ล่วงหน้าเพิ่มขึ้นเป็น 455 พันล้านดอลลาร์
    OpenAI มีรายได้ปีละ 10 พันล้าน แต่ต้องจ่ายถึง 60 พันล้านต่อปี
    ทั้งสองบริษัทต้องกู้เงินเพิ่มเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและซื้อชิป AI

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    โครงการ Stargate เคยชะงักจากความขัดแย้งภายใน แต่ถูกรีบูตในปี 2025
    SoftBank และ Foxconn เข้าร่วมในโครงการ โดยใช้โรงงานเก่าในโอไฮโอ
    Microsoft เคยเป็นผู้ให้บริการคลาวด์หลักของ OpenAI แต่ความสัมพันธ์เริ่มเย็นลง
    ตลาดศูนย์ข้อมูล AI คาดว่าจะใช้เงินลงทุนรวมกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2028

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/openai-signs-contract-to-buy-usd300-billion-worth-of-oracle-computing-power-over-the-next-five-years-company-needs-4-5-gigawatts-of-power-enough-to-power-four-million-homes
    ⚡ “OpenAI เซ็นสัญญา 300 พันล้านดอลลาร์กับ Oracle — สร้างศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่เท่ากับสองเขื่อนฮูเวอร์ เพื่อขับเคลื่อนยุค AI” ในข้อตกลงที่อาจเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมคลาวด์ไปตลอดกาล OpenAI ได้ลงนามสัญญากับ Oracle มูลค่า 300 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อซื้อพลังประมวลผลสำหรับการฝึกและให้บริการโมเดล AI ในช่วง 5 ปีข้างหน้า โดยจะเริ่มต้นในปี 2027 และเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “Stargate” ที่มีเป้าหมายสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ขนาดมหึมาในสหรัฐฯ ข้อตกลงนี้ต้องใช้พลังงานถึง 4.5 กิกะวัตต์ ซึ่งเทียบเท่ากับการจ่ายไฟให้บ้านกว่า 4 ล้านหลัง หรือมากกว่ากำลังผลิตของเขื่อนฮูเวอร์ถึงสองเท่า Oracle จะร่วมมือกับ Crusoe และพันธมิตรอื่น ๆ เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูลในหลายรัฐ เช่น เท็กซัส, เพนซิลเวเนีย, ไวโอมิง, มิชิแกน และนิวเม็กซิโก แม้ OpenAI จะมีรายได้ราว 10 พันล้านดอลลาร์ต่อปี แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายรายปีที่สูงถึง 60 พันล้านดอลลาร์ภายใต้สัญญานี้ ซึ่งหมายความว่าทั้ง OpenAI และ Oracle ต้องแบกรับภาระทางการเงินมหาศาล โดย Oracle เองก็มีหนี้สินมากกว่าคู่แข่งอย่าง Microsoft และ Amazon หลายเท่า อย่างไรก็ตาม ตลาดตอบรับเชิงบวกทันที หุ้นของ Oracle พุ่งขึ้นกว่า 43% ในวันเดียว ส่งผลให้ Larry Ellison กลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกชั่วขณะ ด้วยมูลค่าทรัพย์สินเกือบ 400 พันล้านดอลลาร์ ✅ รายละเอียดของข้อตกลง OpenAI–Oracle ➡️ มูลค่าสัญญา 300 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ระยะเวลา 5 ปี เริ่มปี 2027 ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Stargate เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ขนาดใหญ่ ➡️ ต้องใช้พลังงาน 4.5 กิกะวัตต์ — เทียบเท่ากับบ้าน 4 ล้านหลัง ➡️ สถานที่สร้างศูนย์ข้อมูล ได้แก่ เท็กซัส, เพนซิลเวเนีย, ไวโอมิง, มิชิแกน, นิวเม็กซิโก ✅ ผลกระทบต่อ Oracle และ OpenAI ➡️ หุ้น Oracle พุ่งขึ้น 43% — Larry Ellison กลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ➡️ Oracle มีรายได้ล่วงหน้าเพิ่มขึ้นเป็น 455 พันล้านดอลลาร์ ➡️ OpenAI มีรายได้ปีละ 10 พันล้าน แต่ต้องจ่ายถึง 60 พันล้านต่อปี ➡️ ทั้งสองบริษัทต้องกู้เงินเพิ่มเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและซื้อชิป AI ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ โครงการ Stargate เคยชะงักจากความขัดแย้งภายใน แต่ถูกรีบูตในปี 2025 ➡️ SoftBank และ Foxconn เข้าร่วมในโครงการ โดยใช้โรงงานเก่าในโอไฮโอ ➡️ Microsoft เคยเป็นผู้ให้บริการคลาวด์หลักของ OpenAI แต่ความสัมพันธ์เริ่มเย็นลง ➡️ ตลาดศูนย์ข้อมูล AI คาดว่าจะใช้เงินลงทุนรวมกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2028 https://www.tomshardware.com/tech-industry/openai-signs-contract-to-buy-usd300-billion-worth-of-oracle-computing-power-over-the-next-five-years-company-needs-4-5-gigawatts-of-power-enough-to-power-four-million-homes
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    OpenAI signs contract to buy $300 billion worth of Oracle computing power over the next five years — company needs 4.5 gigawatts of power, enough to power four million homes
    Instantly boosting Oracle CEO Larry Ellison to the world's richest man, but questions remain about how either company will afford such a deal.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 260 มุมมอง 0 รีวิว
  • “OpenAI ผนึก Broadcom สร้างชิป Titan — ยุทธศาสตร์ใหม่ลดพึ่งพา Nvidia ด้วยคำสั่งซื้อ $10 พันล้าน และเป้าหมายสู่ AGI”

    ในยุคที่การแข่งขันด้าน AI รุนแรงขึ้นทุกวัน OpenAI กำลังเดินเกมใหม่ที่อาจเปลี่ยนสมดุลของอุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์ ด้วยการร่วมมือกับ Broadcom เพื่อพัฒนาชิปประมวลผล AI แบบกำหนดเอง (custom ASIC) ภายใต้ชื่อ “Titan” โดยมีเป้าหมายเพื่อลดการพึ่งพา GPU จาก Nvidia ซึ่งมีราคาสูงและขาดแคลนอย่างต่อเนื่อง

    Broadcom ซึ่งเคยเป็นผู้ผลิตชิปสำหรับสมาร์ตโฟน ได้ขยายเข้าสู่ตลาด data center และกลายเป็นผู้นำด้านการออกแบบ XPU สำหรับงาน AI โดยก่อนหน้านี้มีลูกค้าระดับยักษ์อย่าง Google, Meta และ ByteDance ล่าสุด OpenAI กลายเป็นลูกค้ารายที่สี่ พร้อมสั่งซื้อ rack ระบบ AI มูลค่ากว่า $10 พันล้าน ซึ่งจะเริ่มส่งมอบในไตรมาสที่ 3 ปีงบประมาณ 20262

    ชิป Titan จะถูกใช้สำหรับงาน inference โดยเฉพาะ และนำโดย Richard Ho อดีตวิศวกรผู้ออกแบบ Google TPU ซึ่งแสดงให้เห็นว่า OpenAI ต้องการควบคุมโครงสร้างพื้นฐานของตนเองอย่างจริงจัง เพื่อรองรับโมเดลขนาดใหญ่ เช่น GPT-4.5 และโครงการ Stargate ที่มีเป้าหมายสู่ AGI ภายใน 4 ปี

    การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นหลังจาก OpenAI ประสบปัญหาขาดแคลน GPU อย่างหนักในช่วงต้นปี 2025 ซึ่งส่งผลให้การเปิดตัว GPT-4.5 ล่าช้า แม้จะมีเงินทุนจาก Microsoft และการระดมทุนรอบ Series F และการขายหุ้นภายในที่ดันมูลค่าบริษัทขึ้นถึง $500 พันล้าน แต่การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานยังเป็นภาระที่ต้องจัดการอย่างเร่งด่วน

    ความร่วมมือระหว่าง OpenAI และ Broadcom
    OpenAI เป็นลูกค้ารายที่ 4 ของ Broadcom ในโครงการ custom XPU
    สั่งซื้อ rack ระบบ AI มูลค่า $10 พันล้าน เริ่มส่งมอบปี 2026
    ชิป Titan ออกแบบสำหรับงาน inference โดยเฉพาะ
    นำโดย Richard Ho อดีตวิศวกร Google TPU

    เหตุผลเบื้องหลังการพัฒนา Titan
    ลดการพึ่งพา Nvidia ที่มีราคาสูงและขาดแคลน
    รองรับโมเดลขนาดใหญ่ เช่น GPT-4.5 และโครงการ Stargate
    เพิ่มประสิทธิภาพและควบคุมต้นทุนโครงสร้างพื้นฐาน
    ตอบสนองความต้องการด้าน compute ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Broadcom ขยายจากตลาดสมาร์ตโฟนสู่ data center และ AI infrastructure
    Titan เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ AGI ภายใน 4 ปีของ OpenAI
    OpenAI เคยพึ่ง Azure cloud ของ Microsoft แต่ต้องการควบคุมระบบมากขึ้น
    การระดมทุน Series F และการขายหุ้นภายในดันมูลค่าบริษัทถึง $500 พันล้าน

    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/nvidias-biggest-customers-are-lining-up-to-take-it-down-using-asics-and-broadcom-could-be-the-winner-of-that-battle
    💥 “OpenAI ผนึก Broadcom สร้างชิป Titan — ยุทธศาสตร์ใหม่ลดพึ่งพา Nvidia ด้วยคำสั่งซื้อ $10 พันล้าน และเป้าหมายสู่ AGI” ในยุคที่การแข่งขันด้าน AI รุนแรงขึ้นทุกวัน OpenAI กำลังเดินเกมใหม่ที่อาจเปลี่ยนสมดุลของอุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์ ด้วยการร่วมมือกับ Broadcom เพื่อพัฒนาชิปประมวลผล AI แบบกำหนดเอง (custom ASIC) ภายใต้ชื่อ “Titan” โดยมีเป้าหมายเพื่อลดการพึ่งพา GPU จาก Nvidia ซึ่งมีราคาสูงและขาดแคลนอย่างต่อเนื่อง Broadcom ซึ่งเคยเป็นผู้ผลิตชิปสำหรับสมาร์ตโฟน ได้ขยายเข้าสู่ตลาด data center และกลายเป็นผู้นำด้านการออกแบบ XPU สำหรับงาน AI โดยก่อนหน้านี้มีลูกค้าระดับยักษ์อย่าง Google, Meta และ ByteDance ล่าสุด OpenAI กลายเป็นลูกค้ารายที่สี่ พร้อมสั่งซื้อ rack ระบบ AI มูลค่ากว่า $10 พันล้าน ซึ่งจะเริ่มส่งมอบในไตรมาสที่ 3 ปีงบประมาณ 20262 ชิป Titan จะถูกใช้สำหรับงาน inference โดยเฉพาะ และนำโดย Richard Ho อดีตวิศวกรผู้ออกแบบ Google TPU ซึ่งแสดงให้เห็นว่า OpenAI ต้องการควบคุมโครงสร้างพื้นฐานของตนเองอย่างจริงจัง เพื่อรองรับโมเดลขนาดใหญ่ เช่น GPT-4.5 และโครงการ Stargate ที่มีเป้าหมายสู่ AGI ภายใน 4 ปี การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นหลังจาก OpenAI ประสบปัญหาขาดแคลน GPU อย่างหนักในช่วงต้นปี 2025 ซึ่งส่งผลให้การเปิดตัว GPT-4.5 ล่าช้า แม้จะมีเงินทุนจาก Microsoft และการระดมทุนรอบ Series F และการขายหุ้นภายในที่ดันมูลค่าบริษัทขึ้นถึง $500 พันล้าน แต่การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานยังเป็นภาระที่ต้องจัดการอย่างเร่งด่วน ✅ ความร่วมมือระหว่าง OpenAI และ Broadcom ➡️ OpenAI เป็นลูกค้ารายที่ 4 ของ Broadcom ในโครงการ custom XPU ➡️ สั่งซื้อ rack ระบบ AI มูลค่า $10 พันล้าน เริ่มส่งมอบปี 2026 ➡️ ชิป Titan ออกแบบสำหรับงาน inference โดยเฉพาะ ➡️ นำโดย Richard Ho อดีตวิศวกร Google TPU ✅ เหตุผลเบื้องหลังการพัฒนา Titan ➡️ ลดการพึ่งพา Nvidia ที่มีราคาสูงและขาดแคลน ➡️ รองรับโมเดลขนาดใหญ่ เช่น GPT-4.5 และโครงการ Stargate ➡️ เพิ่มประสิทธิภาพและควบคุมต้นทุนโครงสร้างพื้นฐาน ➡️ ตอบสนองความต้องการด้าน compute ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Broadcom ขยายจากตลาดสมาร์ตโฟนสู่ data center และ AI infrastructure ➡️ Titan เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ AGI ภายใน 4 ปีของ OpenAI ➡️ OpenAI เคยพึ่ง Azure cloud ของ Microsoft แต่ต้องการควบคุมระบบมากขึ้น ➡️ การระดมทุน Series F และการขายหุ้นภายในดันมูลค่าบริษัทถึง $500 พันล้าน https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/nvidias-biggest-customers-are-lining-up-to-take-it-down-using-asics-and-broadcom-could-be-the-winner-of-that-battle
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 234 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel กำลังหายใจ – เมื่อยักษ์ใหญ่ต้องลดราคาหุ้นเพื่อความอยู่รอด

    ในเดือนสิงหาคม 2025 Intel กำลังเจรจากับนักลงทุนรายใหญ่เพื่อขอเงินทุนเพิ่มผ่านการขายหุ้นในราคาส่วนลด หลังจากเพิ่งได้รับเงินลงทุน 2 พันล้านดอลลาร์จาก SoftBank ที่ซื้อหุ้นในราคา $23 ต่อหุ้น ซึ่งต่ำกว่าราคาปิดเล็กน้อย

    การระดมทุนนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความพยายามของ Intel ที่จะฟื้นฟูธุรกิจผลิตชิปในสหรัฐฯ โดยเฉพาะในตลาด AI ที่ถูกครอบครองโดย Nvidia และ TSMC มานานหลายปี เนื่องจากความผิดพลาดในการบริหารและการพัฒนาเทคโนโลยีที่ล่าช้า

    รัฐบาลสหรัฐฯ โดยรัฐมนตรีพาณิชย์ Howard Lutnick เสนอให้เปลี่ยนเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act เป็นหุ้นของ Intel ซึ่งอาจทำให้รัฐบาลถือหุ้นถึง 10% และกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด

    Intel ต้องการเงินทุนมหาศาลถึง $40 พันล้านเพื่อแข่งขันในตลาดชิประดับสูง โดยเฉพาะโครงการโรงงานผลิตชิปในรัฐโอไฮโอที่ล่าช้ามาหลายปี และการยกเลิกโครงการในเยอรมนีและโปแลนด์

    แม้ SoftBank จะไม่ขอที่นั่งในบอร์ด แต่การลงทุนครั้งนี้ถือเป็น “เดิมพัน” ว่า Intel จะสามารถพลิกสถานการณ์ได้ และกลับมาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมชิปอีกครั้ง

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Intel กำลังเจรจากับนักลงทุนรายใหญ่เพื่อระดมทุนผ่านการขายหุ้นราคาส่วนลด
    SoftBank ลงทุน $2 พันล้าน ซื้อหุ้นที่ $23 ต่อหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 2%
    หุ้น Intel ร่วง 7% หลังข่าวการระดมทุนเพิ่มเติม
    รัฐบาลสหรัฐฯ เสนอเปลี่ยนเงินสนับสนุน CHIPS Act เป็นหุ้นของ Intel
    หากเปลี่ยนทั้งหมด รัฐบาลจะถือหุ้นถึง 10%
    Intel ต้องการเงินทุนรวมประมาณ $40 พันล้านเพื่อแข่งขันในตลาดชิป
    โครงการโรงงานในโอไฮโอล่าช้า และโครงการในเยอรมนี-โปแลนด์ถูกยกเลิก
    SoftBank ไม่ขอที่นั่งในบอร์ด และไม่มีข้อผูกพันในการซื้อชิปจาก Intel
    CEO คนใหม่ Lip-Bu Tan เข้ามาแทน Pat Gelsinger ตั้งแต่มีนาคม 2025
    Intel เคยขาดทุน $18.8 พันล้านในปี 2024 ซึ่งเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1986

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    SoftBank มีแผนลงทุน $30 พันล้านใน OpenAI และโครงการ Stargate ร่วมกับ Oracle
    Foxconn จะผลิตอุปกรณ์ดาต้าเซ็นเตอร์ในโรงงานเดิมที่โอไฮโอให้ SoftBank
    BlackRock และ Vanguard เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ Intel อยู่แล้ว
    การถือหุ้นโดยรัฐบาลสหรัฐฯ อาจเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารของ Intel
    ตลาดชิป AI มีมูลค่ามากกว่า $500 พันล้าน และเติบโตอย่างรวดเร็ว
    Intel ยังไม่มีลูกค้าหลักในธุรกิจผลิตชิปตามสั่ง (foundry)

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/20/intel-in-talks-with-large-investors-for-equity-boost-at-discount-cnbc-reports
    💬 Intel กำลังหายใจ – เมื่อยักษ์ใหญ่ต้องลดราคาหุ้นเพื่อความอยู่รอด ในเดือนสิงหาคม 2025 Intel กำลังเจรจากับนักลงทุนรายใหญ่เพื่อขอเงินทุนเพิ่มผ่านการขายหุ้นในราคาส่วนลด หลังจากเพิ่งได้รับเงินลงทุน 2 พันล้านดอลลาร์จาก SoftBank ที่ซื้อหุ้นในราคา $23 ต่อหุ้น ซึ่งต่ำกว่าราคาปิดเล็กน้อย การระดมทุนนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความพยายามของ Intel ที่จะฟื้นฟูธุรกิจผลิตชิปในสหรัฐฯ โดยเฉพาะในตลาด AI ที่ถูกครอบครองโดย Nvidia และ TSMC มานานหลายปี เนื่องจากความผิดพลาดในการบริหารและการพัฒนาเทคโนโลยีที่ล่าช้า รัฐบาลสหรัฐฯ โดยรัฐมนตรีพาณิชย์ Howard Lutnick เสนอให้เปลี่ยนเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act เป็นหุ้นของ Intel ซึ่งอาจทำให้รัฐบาลถือหุ้นถึง 10% และกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด Intel ต้องการเงินทุนมหาศาลถึง $40 พันล้านเพื่อแข่งขันในตลาดชิประดับสูง โดยเฉพาะโครงการโรงงานผลิตชิปในรัฐโอไฮโอที่ล่าช้ามาหลายปี และการยกเลิกโครงการในเยอรมนีและโปแลนด์ แม้ SoftBank จะไม่ขอที่นั่งในบอร์ด แต่การลงทุนครั้งนี้ถือเป็น “เดิมพัน” ว่า Intel จะสามารถพลิกสถานการณ์ได้ และกลับมาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมชิปอีกครั้ง 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Intel กำลังเจรจากับนักลงทุนรายใหญ่เพื่อระดมทุนผ่านการขายหุ้นราคาส่วนลด ➡️ SoftBank ลงทุน $2 พันล้าน ซื้อหุ้นที่ $23 ต่อหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 2% ➡️ หุ้น Intel ร่วง 7% หลังข่าวการระดมทุนเพิ่มเติม ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ เสนอเปลี่ยนเงินสนับสนุน CHIPS Act เป็นหุ้นของ Intel ➡️ หากเปลี่ยนทั้งหมด รัฐบาลจะถือหุ้นถึง 10% ➡️ Intel ต้องการเงินทุนรวมประมาณ $40 พันล้านเพื่อแข่งขันในตลาดชิป ➡️ โครงการโรงงานในโอไฮโอล่าช้า และโครงการในเยอรมนี-โปแลนด์ถูกยกเลิก ➡️ SoftBank ไม่ขอที่นั่งในบอร์ด และไม่มีข้อผูกพันในการซื้อชิปจาก Intel ➡️ CEO คนใหม่ Lip-Bu Tan เข้ามาแทน Pat Gelsinger ตั้งแต่มีนาคม 2025 ➡️ Intel เคยขาดทุน $18.8 พันล้านในปี 2024 ซึ่งเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1986 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ SoftBank มีแผนลงทุน $30 พันล้านใน OpenAI และโครงการ Stargate ร่วมกับ Oracle ➡️ Foxconn จะผลิตอุปกรณ์ดาต้าเซ็นเตอร์ในโรงงานเดิมที่โอไฮโอให้ SoftBank ➡️ BlackRock และ Vanguard เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ Intel อยู่แล้ว ➡️ การถือหุ้นโดยรัฐบาลสหรัฐฯ อาจเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารของ Intel ➡️ ตลาดชิป AI มีมูลค่ามากกว่า $500 พันล้าน และเติบโตอย่างรวดเร็ว ➡️ Intel ยังไม่มีลูกค้าหลักในธุรกิจผลิตชิปตามสั่ง (foundry) https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/20/intel-in-talks-with-large-investors-for-equity-boost-at-discount-cnbc-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Intel in talks with large investors for equity boost at discount, CNBC reports
    (Reuters) -Intel is in talks with other large investors to receive an equity infusion at a discounted price, CNBC reported on Wednesday, just days after the chipmaker got a $2 billion capital injection from SoftBank Group.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 267 มุมมอง 0 รีวิว
  • SoftBank ซื้อโรงงาน Foxconn ในโอไฮโอ: จุดเริ่มต้นของจักรวาล AI ชื่อ Stargate

    SoftBank ได้ซื้อโรงงานขนาดใหญ่ในเมือง Lordstown รัฐโอไฮโอ จาก Foxconn ด้วยมูลค่า $375 ล้าน โรงงานนี้มีพื้นที่กว่า 6.2 ล้านตารางฟุต เดิมใช้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า แต่จะถูกปรับเปลี่ยนเพื่อผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI และอุปกรณ์สำหรับศูนย์ข้อมูล Stargate ซึ่งเป็นโครงการยักษ์ที่มีเป้าหมายสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI มูลค่า $500 พันล้านในหลายปีข้างหน้า

    แม้ว่า SoftBank จะเป็นเจ้าของโรงงาน แต่ Foxconn จะยังคงเป็นผู้ดำเนินการผลิต โดยทั้งสองบริษัทจะร่วมมือกันในรูปแบบพันธมิตรระยะยาว จุดเด่นของโรงงานนี้คือมีพลังงานไฟฟ้าสำรองมหาศาล และพื้นที่ขยายตัวได้อีกมาก ซึ่งเหมาะกับการผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI ที่ต้องใช้พลังงานสูง

    SoftBank ยังอยู่ระหว่างการเลือกสถานที่ตั้งศูนย์ข้อมูล Stargate โดยพิจารณาจากแหล่งพลังงาน น้ำ และโครงสร้างโทรคมนาคม ซึ่งเมื่อสถานที่พร้อม โรงงานในโอไฮโอก็จะเป็นแหล่งผลิตเครื่องจักรหลักทันที

    นอกจากนี้ SoftBank ยังถือหุ้นในบริษัทผลิตชิปอย่าง Ampere และ Graphcore ซึ่งอาจนำชิปของตนมาใช้ในเซิร์ฟเวอร์ AI เพื่อลดการพึ่งพา Nvidia ที่ปัจจุบันครองตลาดอยู่

    ข้อมูลจากข่าวหลัก
    SoftBank ซื้อโรงงาน Foxconn ในโอไฮโอด้วยมูลค่า $375 ล้าน
    โรงงานมีขนาด 6.2 ล้านตารางฟุต ใหญ่กว่าศูนย์ผลิตในฮิวสตันถึง 6 เท่า
    Foxconn จะยังคงดำเนินการผลิต แม้โรงงานเป็นของ SoftBank
    โรงงานจะถูกปรับเปลี่ยนเพื่อผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI สำหรับโครงการ Stargate
    โครงการ Stargate มีเป้าหมายสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI มูลค่า $500 พันล้าน
    SoftBank กำลังเลือกสถานที่ตั้งศูนย์ข้อมูล โดยพิจารณาจากพลังงาน น้ำ และโครงสร้างโทรคมนาคม
    โรงงานโอไฮโอจะเป็นฐานผลิตหลักของ Stargate และรับคำสั่งซื้อจาก OpenAI, Oracle และ SoftBank
    Foxconn เป็นผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI รายใหญ่ที่สุดในโลก และกำลังขยายกำลังการผลิตในสหรัฐฯ
    SoftBank เคยประกาศลงทุน $100 พันล้านในโครงการนี้เมื่อเดือนมกราคม

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    SoftBank ถือหุ้นใน Ampere และ Graphcore ซึ่งผลิตชิปสำหรับ AI
    การใช้ชิปของตัวเองอาจช่วยลดต้นทุนและลดการพึ่งพา Nvidia
    Foxconn เคยใช้โรงงานนี้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ก่อนขายให้ SoftBank
    โครงการ Stargate ได้รับความสนใจจากธนาคารญี่ปุ่นและนักลงทุนสถาบันทั่วโลก
    SoftBank มีบริษัทลูกชื่อ SB Energy ที่พัฒนาโซลาร์ฟาร์มในสหรัฐฯ ซึ่งอาจใช้เป็นฐานพลังงานให้ Stargate

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/softbank-acquires-foxconns-ohio-facility-to-build-stargate-ai-servers-usd375-million-deal-says-foxconn-will-continue-to-operate-the-plant
    🏗️ SoftBank ซื้อโรงงาน Foxconn ในโอไฮโอ: จุดเริ่มต้นของจักรวาล AI ชื่อ Stargate SoftBank ได้ซื้อโรงงานขนาดใหญ่ในเมือง Lordstown รัฐโอไฮโอ จาก Foxconn ด้วยมูลค่า $375 ล้าน โรงงานนี้มีพื้นที่กว่า 6.2 ล้านตารางฟุต เดิมใช้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า แต่จะถูกปรับเปลี่ยนเพื่อผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI และอุปกรณ์สำหรับศูนย์ข้อมูล Stargate ซึ่งเป็นโครงการยักษ์ที่มีเป้าหมายสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI มูลค่า $500 พันล้านในหลายปีข้างหน้า แม้ว่า SoftBank จะเป็นเจ้าของโรงงาน แต่ Foxconn จะยังคงเป็นผู้ดำเนินการผลิต โดยทั้งสองบริษัทจะร่วมมือกันในรูปแบบพันธมิตรระยะยาว จุดเด่นของโรงงานนี้คือมีพลังงานไฟฟ้าสำรองมหาศาล และพื้นที่ขยายตัวได้อีกมาก ซึ่งเหมาะกับการผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI ที่ต้องใช้พลังงานสูง SoftBank ยังอยู่ระหว่างการเลือกสถานที่ตั้งศูนย์ข้อมูล Stargate โดยพิจารณาจากแหล่งพลังงาน น้ำ และโครงสร้างโทรคมนาคม ซึ่งเมื่อสถานที่พร้อม โรงงานในโอไฮโอก็จะเป็นแหล่งผลิตเครื่องจักรหลักทันที นอกจากนี้ SoftBank ยังถือหุ้นในบริษัทผลิตชิปอย่าง Ampere และ Graphcore ซึ่งอาจนำชิปของตนมาใช้ในเซิร์ฟเวอร์ AI เพื่อลดการพึ่งพา Nvidia ที่ปัจจุบันครองตลาดอยู่ ✅ ข้อมูลจากข่าวหลัก ➡️ SoftBank ซื้อโรงงาน Foxconn ในโอไฮโอด้วยมูลค่า $375 ล้าน ➡️ โรงงานมีขนาด 6.2 ล้านตารางฟุต ใหญ่กว่าศูนย์ผลิตในฮิวสตันถึง 6 เท่า ➡️ Foxconn จะยังคงดำเนินการผลิต แม้โรงงานเป็นของ SoftBank ➡️ โรงงานจะถูกปรับเปลี่ยนเพื่อผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI สำหรับโครงการ Stargate ➡️ โครงการ Stargate มีเป้าหมายสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI มูลค่า $500 พันล้าน ➡️ SoftBank กำลังเลือกสถานที่ตั้งศูนย์ข้อมูล โดยพิจารณาจากพลังงาน น้ำ และโครงสร้างโทรคมนาคม ➡️ โรงงานโอไฮโอจะเป็นฐานผลิตหลักของ Stargate และรับคำสั่งซื้อจาก OpenAI, Oracle และ SoftBank ➡️ Foxconn เป็นผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI รายใหญ่ที่สุดในโลก และกำลังขยายกำลังการผลิตในสหรัฐฯ ➡️ SoftBank เคยประกาศลงทุน $100 พันล้านในโครงการนี้เมื่อเดือนมกราคม ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ SoftBank ถือหุ้นใน Ampere และ Graphcore ซึ่งผลิตชิปสำหรับ AI ➡️ การใช้ชิปของตัวเองอาจช่วยลดต้นทุนและลดการพึ่งพา Nvidia ➡️ Foxconn เคยใช้โรงงานนี้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ก่อนขายให้ SoftBank ➡️ โครงการ Stargate ได้รับความสนใจจากธนาคารญี่ปุ่นและนักลงทุนสถาบันทั่วโลก ➡️ SoftBank มีบริษัทลูกชื่อ SB Energy ที่พัฒนาโซลาร์ฟาร์มในสหรัฐฯ ซึ่งอาจใช้เป็นฐานพลังงานให้ Stargate https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/softbank-acquires-foxconns-ohio-facility-to-build-stargate-ai-servers-usd375-million-deal-says-foxconn-will-continue-to-operate-the-plant
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 320 มุมมอง 0 รีวิว
  • SoftBank ทุ่ม 2 พันล้านดอลลาร์ซื้อหุ้น Intel: เดิมพันอนาคตชิปและ AI
    SoftBank Group ประกาศเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2025 ว่าจะลงทุน 2 พันล้านดอลลาร์ใน Intel โดยซื้อหุ้นสามัญในราคาหุ้นละ $23 ซึ่งต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีของ Intel ที่มีสินทรัพย์รวมกว่า $109 พันล้านดอลลาร์

    ดีลนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ Intel กำลังดิ้นรนฟื้นตัวจากการสูญเสียส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มชิป AI ซึ่งถูกครองโดย Nvidia และ AMD โดย SoftBankมองว่า Intel ยังมีโครงสร้างพื้นฐานด้านการผลิตชิปที่แข็งแกร่ง และสามารถกลับมาเป็นผู้นำได้ หากเทคโนโลยี 18A และ 14A ประสบความสำเร็จ

    การลงทุนนี้ทำให้ SoftBank กลายเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 5 ของ Intel และถือเป็นการเสริมพันธมิตรระยะยาวระหว่างสองบริษัท ซึ่งมีเป้าหมายร่วมกันในการผลักดันการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐฯ และรองรับความต้องการด้าน AI ที่กำลังพุ่งสูง

    นอกจากนี้ SoftBank ยังถือหุ้นใหญ่ใน Arm และเพิ่งซื้อ Ampere Computing ไปเมื่อเดือนมีนาคม ซึ่งทั้งสองบริษัทมีบทบาทสำคัญในโครงการ Stargate—a mega project ร่วมกับ OpenAI และ Oracle ที่จะสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI มูลค่า $500 พันล้าน

    SoftBank ลงทุน $2 พันล้านใน Intel โดยซื้อหุ้นละ $23
    Intel กำลังฟื้นตัวจากการสูญเสียตลาดชิป AI และราคาหุ้นตกหนักในปี 2024
    การลงทุนนี้ทำให้ SoftBank เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 5 ของ Intel
    ดีลนี้เป็นการเสริมพันธมิตรระยะยาวระหว่างสองบริษัท
    Intel มีแผนฟื้นตัวผ่านเทคโนโลยี 18A และ 14A สำหรับการผลิตชิปรุ่นใหม่
    SoftBank ยังถือหุ้นใหญ่ใน Arm และเพิ่งซื้อ Ampere Computing
    โครงการ Stargate ร่วมกับ OpenAI และ Oracle เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ AI
    Intel CEO Lip-Bu Tan และ Masayoshi Son มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดและเคยร่วมงานกันหลายครั้ง

    Intel เป็นบริษัทเดียวในสหรัฐฯ ที่ยังสามารถผลิตชิปรุ่นสูงได้ภายในประเทศ
    SoftBank เคยซื้อ Arm ในปี 2016 ด้วยมูลค่า $32 พันล้าน และปัจจุบันมีมูลค่ากว่า $150 พันล้าน
    Ampere Computing เป็นผู้ผลิตชิป ARM สำหรับเซิร์ฟเวอร์ที่เติบโตเร็ว
    ตลาดชิป AI คาดว่าจะมีมูลค่ากว่า $400 พันล้านภายในปี 2030
    การลงทุนใน Intel อาจช่วย SoftBank ต่อรองกับพันธมิตรอื่นในระบบนิเวศ AI
    รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพิจารณาซื้อหุ้น 10% ใน Intel เพื่อเสริมความมั่นคงด้านเทคโนโลยี

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/softbank-to-buy-usd2-billion-in-intel-shares-at-usd23-each-firm-still-owns-majority-share-of-arm
    💼 SoftBank ทุ่ม 2 พันล้านดอลลาร์ซื้อหุ้น Intel: เดิมพันอนาคตชิปและ AI SoftBank Group ประกาศเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2025 ว่าจะลงทุน 2 พันล้านดอลลาร์ใน Intel โดยซื้อหุ้นสามัญในราคาหุ้นละ $23 ซึ่งต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีของ Intel ที่มีสินทรัพย์รวมกว่า $109 พันล้านดอลลาร์ ดีลนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ Intel กำลังดิ้นรนฟื้นตัวจากการสูญเสียส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มชิป AI ซึ่งถูกครองโดย Nvidia และ AMD โดย SoftBankมองว่า Intel ยังมีโครงสร้างพื้นฐานด้านการผลิตชิปที่แข็งแกร่ง และสามารถกลับมาเป็นผู้นำได้ หากเทคโนโลยี 18A และ 14A ประสบความสำเร็จ การลงทุนนี้ทำให้ SoftBank กลายเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 5 ของ Intel และถือเป็นการเสริมพันธมิตรระยะยาวระหว่างสองบริษัท ซึ่งมีเป้าหมายร่วมกันในการผลักดันการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐฯ และรองรับความต้องการด้าน AI ที่กำลังพุ่งสูง นอกจากนี้ SoftBank ยังถือหุ้นใหญ่ใน Arm และเพิ่งซื้อ Ampere Computing ไปเมื่อเดือนมีนาคม ซึ่งทั้งสองบริษัทมีบทบาทสำคัญในโครงการ Stargate—a mega project ร่วมกับ OpenAI และ Oracle ที่จะสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI มูลค่า $500 พันล้าน ➡️ SoftBank ลงทุน $2 พันล้านใน Intel โดยซื้อหุ้นละ $23 ➡️ Intel กำลังฟื้นตัวจากการสูญเสียตลาดชิป AI และราคาหุ้นตกหนักในปี 2024 ➡️ การลงทุนนี้ทำให้ SoftBank เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 5 ของ Intel ➡️ ดีลนี้เป็นการเสริมพันธมิตรระยะยาวระหว่างสองบริษัท ➡️ Intel มีแผนฟื้นตัวผ่านเทคโนโลยี 18A และ 14A สำหรับการผลิตชิปรุ่นใหม่ ➡️ SoftBank ยังถือหุ้นใหญ่ใน Arm และเพิ่งซื้อ Ampere Computing ➡️ โครงการ Stargate ร่วมกับ OpenAI และ Oracle เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ AI ➡️ Intel CEO Lip-Bu Tan และ Masayoshi Son มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดและเคยร่วมงานกันหลายครั้ง ➡️ Intel เป็นบริษัทเดียวในสหรัฐฯ ที่ยังสามารถผลิตชิปรุ่นสูงได้ภายในประเทศ ➡️ SoftBank เคยซื้อ Arm ในปี 2016 ด้วยมูลค่า $32 พันล้าน และปัจจุบันมีมูลค่ากว่า $150 พันล้าน ➡️ Ampere Computing เป็นผู้ผลิตชิป ARM สำหรับเซิร์ฟเวอร์ที่เติบโตเร็ว ➡️ ตลาดชิป AI คาดว่าจะมีมูลค่ากว่า $400 พันล้านภายในปี 2030 ➡️ การลงทุนใน Intel อาจช่วย SoftBank ต่อรองกับพันธมิตรอื่นในระบบนิเวศ AI ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพิจารณาซื้อหุ้น 10% ใน Intel เพื่อเสริมความมั่นคงด้านเทคโนโลยี https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/softbank-to-buy-usd2-billion-in-intel-shares-at-usd23-each-firm-still-owns-majority-share-of-arm
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 272 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากรัฐเล็กสู่พลังงานใหญ่: เมื่อไวโอมิงกลายเป็นโรงงาน AI แห่งชาติ

    เมืองเชเยนน์ รัฐไวโอมิง เตรียมต้อนรับโครงการสร้างศูนย์ข้อมูล AI ขนาดมหึมาโดยบริษัท Crusoe ร่วมกับ Tallgrass ผู้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน โดยโครงการนี้จะใช้ไฟฟ้ามากกว่าที่ประชากรทั้งรัฐใช้รวมกันถึง 5 เท่าในเฟสแรก และมากกว่าการผลิตไฟฟ้าทั้งรัฐเมื่อขยายเต็มรูปแบบ

    เฟสแรกของโครงการจะใช้พลังงาน 1.8 กิกะวัตต์ หรือ 15.8 เทราวัตต์-ชั่วโมงต่อปี ซึ่งเทียบเท่ากับ 91% ของการใช้ไฟฟ้าทั้งรัฐในปัจจุบัน และเมื่อขยายเต็มที่จะใช้ถึง 10 กิกะวัตต์ หรือ 87.6 เทราวัตต์-ชั่วโมงต่อปี—มากกว่าการผลิตไฟฟ้าทั้งรัฐที่อยู่ที่ 43.2 เทราวัตต์-ชั่วโมง

    แม้ Crusoe จะวางแผนใช้แหล่งพลังงานเฉพาะ เช่น ก๊าซธรรมชาติและพลังงานหมุนเวียน แต่ความต้องการพลังงานระดับนี้ยังสร้างแรงกดดันต่อโครงข่ายไฟฟ้าของรัฐ และอาจเปลี่ยนบทบาทของไวโอมิงจากรัฐผู้ส่งออกพลังงานเป็นรัฐผู้บริโภคหลัก

    Crusoe และ Tallgrass ร่วมกันสร้างศูนย์ข้อมูล AI ขนาดใหญ่ในไวโอมิง2
    ตั้งอยู่ทางใต้ของเมืองเชเยนน์ ใกล้ชายแดนโคโลราโด
    เป็นหนึ่งในโครงการอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของรัฐ

    เฟสแรกใช้พลังงาน 1.8 GW หรือ 15.8 TWh ต่อปี3
    มากกว่าการใช้ไฟฟ้าของประชากรทั้งรัฐถึง 5 เท่า
    เทียบเท่ากับ 91% ของการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดในรัฐ

    เมื่อขยายเต็มรูปแบบจะใช้พลังงานถึง 10 GW หรือ 87.6 TWh ต่อปี3
    มากกว่าการผลิตไฟฟ้าทั้งรัฐที่อยู่ที่ 43.2 TWh
    ต้องใช้แหล่งพลังงานเฉพาะ ไม่สามารถดึงจากโครงข่ายสาธารณะได้

    Crusoe วางแผนใช้พลังงานจากก๊าซธรรมชาติและพลังงานหมุนเวียน4
    มีการเชื่อมโยงกับโครงการดักจับคาร์บอนของ Tallgrass
    ใช้โครงสร้างพื้นฐานเดิมของ Tallgrass เช่น ท่อส่งก๊าซและน้ำ

    โครงการนี้อาจเกี่ยวข้องกับ OpenAI และโครงการ Stargate3
    Crusoe เคยสร้างศูนย์ข้อมูลให้ OpenAI ในเท็กซัส
    ยังไม่ยืนยันว่าโครงการในไวโอมิงเป็นส่วนหนึ่งของ Stargate

    ผู้ว่ารัฐและนักการเมืองสนับสนุนโครงการนี้อย่างเต็มที่
    คาดว่าจะสร้างงานคุณภาพสูงในด้านเทคโนโลยี พลังงาน และการก่อสร้าง
    ส่งเสริมอุตสาหกรรมก๊าซธรรมชาติของรัฐ

    https://www.techspot.com/news/108875-wyoming-may-become-first-state-supply-more-electricity.html
    🧠 เรื่องเล่าจากรัฐเล็กสู่พลังงานใหญ่: เมื่อไวโอมิงกลายเป็นโรงงาน AI แห่งชาติ เมืองเชเยนน์ รัฐไวโอมิง เตรียมต้อนรับโครงการสร้างศูนย์ข้อมูล AI ขนาดมหึมาโดยบริษัท Crusoe ร่วมกับ Tallgrass ผู้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน โดยโครงการนี้จะใช้ไฟฟ้ามากกว่าที่ประชากรทั้งรัฐใช้รวมกันถึง 5 เท่าในเฟสแรก และมากกว่าการผลิตไฟฟ้าทั้งรัฐเมื่อขยายเต็มรูปแบบ เฟสแรกของโครงการจะใช้พลังงาน 1.8 กิกะวัตต์ หรือ 15.8 เทราวัตต์-ชั่วโมงต่อปี ซึ่งเทียบเท่ากับ 91% ของการใช้ไฟฟ้าทั้งรัฐในปัจจุบัน และเมื่อขยายเต็มที่จะใช้ถึง 10 กิกะวัตต์ หรือ 87.6 เทราวัตต์-ชั่วโมงต่อปี—มากกว่าการผลิตไฟฟ้าทั้งรัฐที่อยู่ที่ 43.2 เทราวัตต์-ชั่วโมง แม้ Crusoe จะวางแผนใช้แหล่งพลังงานเฉพาะ เช่น ก๊าซธรรมชาติและพลังงานหมุนเวียน แต่ความต้องการพลังงานระดับนี้ยังสร้างแรงกดดันต่อโครงข่ายไฟฟ้าของรัฐ และอาจเปลี่ยนบทบาทของไวโอมิงจากรัฐผู้ส่งออกพลังงานเป็นรัฐผู้บริโภคหลัก ✅ Crusoe และ Tallgrass ร่วมกันสร้างศูนย์ข้อมูล AI ขนาดใหญ่ในไวโอมิง2 ➡️ ตั้งอยู่ทางใต้ของเมืองเชเยนน์ ใกล้ชายแดนโคโลราโด ➡️ เป็นหนึ่งในโครงการอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของรัฐ ✅ เฟสแรกใช้พลังงาน 1.8 GW หรือ 15.8 TWh ต่อปี3 ➡️ มากกว่าการใช้ไฟฟ้าของประชากรทั้งรัฐถึง 5 เท่า ➡️ เทียบเท่ากับ 91% ของการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดในรัฐ ✅ เมื่อขยายเต็มรูปแบบจะใช้พลังงานถึง 10 GW หรือ 87.6 TWh ต่อปี3 ➡️ มากกว่าการผลิตไฟฟ้าทั้งรัฐที่อยู่ที่ 43.2 TWh ➡️ ต้องใช้แหล่งพลังงานเฉพาะ ไม่สามารถดึงจากโครงข่ายสาธารณะได้ ✅ Crusoe วางแผนใช้พลังงานจากก๊าซธรรมชาติและพลังงานหมุนเวียน4 ➡️ มีการเชื่อมโยงกับโครงการดักจับคาร์บอนของ Tallgrass ➡️ ใช้โครงสร้างพื้นฐานเดิมของ Tallgrass เช่น ท่อส่งก๊าซและน้ำ ✅ โครงการนี้อาจเกี่ยวข้องกับ OpenAI และโครงการ Stargate3 ➡️ Crusoe เคยสร้างศูนย์ข้อมูลให้ OpenAI ในเท็กซัส ➡️ ยังไม่ยืนยันว่าโครงการในไวโอมิงเป็นส่วนหนึ่งของ Stargate ✅ ผู้ว่ารัฐและนักการเมืองสนับสนุนโครงการนี้อย่างเต็มที่ ➡️ คาดว่าจะสร้างงานคุณภาพสูงในด้านเทคโนโลยี พลังงาน และการก่อสร้าง ➡️ ส่งเสริมอุตสาหกรรมก๊าซธรรมชาติของรัฐ https://www.techspot.com/news/108875-wyoming-may-become-first-state-supply-more-electricity.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Wyoming could become the first state to supply more electricity to AI than to residents
    On Monday, Cheyenne Mayor Patrick Collins announced a joint venture between energy infrastructure company Tallgrass and Crusoe, an AI data center developer. The Associated Press notes the...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 295 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโครงการพันล้าน: เมื่อ Stargate กลายเป็นสนามขัดแย้งของยักษ์ใหญ่ AI

    Stargate ถูกประกาศโดยประธานาธิบดี Trump ในเดือนมกราคม 2025 โดยมีเป้าหมายลงทุน $500B เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ระดับชาติ โดยมี OpenAI, SoftBank, Oracle และ MGX เป็นแกนหลัก

    แต่ 6 เดือนผ่านไป:
    - OpenAI และ SoftBank ซึ่งถือเป็นผู้สนับสนุนหลัก กลับมีความขัดแย้งหลายด้าน
    - SoftBank ถือครองเครื่องหมายการค้า Stargate แต่ OpenAI ใช้ชื่อนี้ในโครงการที่ไม่เกี่ยวกับ SoftBank เช่นศูนย์ข้อมูลใน Abilene และ Denton
    - OpenAI ไม่ต้องการสร้างศูนย์ข้อมูลบนพื้นที่ของ SB Energy ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ SoftBank

    แม้จะประกาศว่าจะลงทุน $100B “ทันที” แต่สุดท้ายกลับสร้างได้แค่ศูนย์ข้อมูลเล็ก ๆ ในรัฐโอไฮโอ

    ในทางกลับกัน OpenAI เดินหน้าลุยเอง:
    - เซ็นสัญญา 4.5GW กับ Oracle มูลค่า $30B ต่อปี
    - ลงทุนเพิ่ม $4B กับ CoreWeave จากดีลเดิม $11.9B
    - รวมแล้ว OpenAI ลงทุนด้านศูนย์ข้อมูลไปแล้วกว่า $100B ในปีนี้ — เท่ากับเป้าหมายของ Stargate แต่ไม่รวม SoftBank

    แม้ทั้งสองฝ่ายยังประกาศว่า “ยังร่วมมือกัน” แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีดีลใดที่เป็นของ Stargate โดยตรง

    Stargate เป็นโครงการ AI Infrastructure มูลค่า $500B ที่ประกาศโดย Trump
    มีเป้าหมายสร้างศูนย์ข้อมูล AI ขนาด 10GW ทั่วสหรัฐฯ ภายใน 4 ปี

    OpenAI และ SoftBank เป็นผู้สนับสนุนหลักของโครงการ
    เคยประกาศว่าจะลงทุน $100B “ทันที” ตั้งแต่ต้นปี 2025

    ขณะนี้ยังไม่มีดีลศูนย์ข้อมูลใดที่สำเร็จภายใต้ชื่อ Stargate
    มีเพียงศูนย์ข้อมูลเล็กในโอไฮโอที่กำลังสร้าง

    OpenAI ใช้ชื่อ Stargate ในโครงการที่ไม่เกี่ยวกับ SoftBank เช่นในเท็กซัส
    แม้ SoftBank ถือเครื่องหมายการค้า Stargate

    OpenAI เซ็นดีล 4.5GW กับ Oracle มูลค่า $30B ต่อปี
    เทียบเท่าการลงทุน $100B สำหรับศูนย์ข้อมูลขนาด 5GW

    ลงทุนเพิ่ม $4B กับ CoreWeave รวมเป็น $15.9B สำหรับ GPU infrastructure
    ใช้สำหรับโมเดล AI ขนาดใหญ่ เช่น GPT และ Sora

    ทั้งสองฝ่ายยังประกาศว่าจะร่วมกันสร้างศูนย์ข้อมูล 10GW ในสหรัฐฯ
    แต่ยังไม่มีแผนหรือดีลที่ชัดเจนออกมา

    https://wccftech.com/the-half-a-trillion-dollar-stargate-ai-venture-is-now-falling-victim-to-the-disagreements-between-openai-and-softbank/
    🎙️ เรื่องเล่าจากโครงการพันล้าน: เมื่อ Stargate กลายเป็นสนามขัดแย้งของยักษ์ใหญ่ AI Stargate ถูกประกาศโดยประธานาธิบดี Trump ในเดือนมกราคม 2025 โดยมีเป้าหมายลงทุน $500B เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ระดับชาติ โดยมี OpenAI, SoftBank, Oracle และ MGX เป็นแกนหลัก แต่ 6 เดือนผ่านไป: - OpenAI และ SoftBank ซึ่งถือเป็นผู้สนับสนุนหลัก กลับมีความขัดแย้งหลายด้าน - SoftBank ถือครองเครื่องหมายการค้า Stargate แต่ OpenAI ใช้ชื่อนี้ในโครงการที่ไม่เกี่ยวกับ SoftBank เช่นศูนย์ข้อมูลใน Abilene และ Denton - OpenAI ไม่ต้องการสร้างศูนย์ข้อมูลบนพื้นที่ของ SB Energy ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ SoftBank แม้จะประกาศว่าจะลงทุน $100B “ทันที” แต่สุดท้ายกลับสร้างได้แค่ศูนย์ข้อมูลเล็ก ๆ ในรัฐโอไฮโอ ในทางกลับกัน OpenAI เดินหน้าลุยเอง: - เซ็นสัญญา 4.5GW กับ Oracle มูลค่า $30B ต่อปี - ลงทุนเพิ่ม $4B กับ CoreWeave จากดีลเดิม $11.9B - รวมแล้ว OpenAI ลงทุนด้านศูนย์ข้อมูลไปแล้วกว่า $100B ในปีนี้ — เท่ากับเป้าหมายของ Stargate แต่ไม่รวม SoftBank แม้ทั้งสองฝ่ายยังประกาศว่า “ยังร่วมมือกัน” แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีดีลใดที่เป็นของ Stargate โดยตรง ✅ Stargate เป็นโครงการ AI Infrastructure มูลค่า $500B ที่ประกาศโดย Trump ➡️ มีเป้าหมายสร้างศูนย์ข้อมูล AI ขนาด 10GW ทั่วสหรัฐฯ ภายใน 4 ปี ✅ OpenAI และ SoftBank เป็นผู้สนับสนุนหลักของโครงการ ➡️ เคยประกาศว่าจะลงทุน $100B “ทันที” ตั้งแต่ต้นปี 2025 ✅ ขณะนี้ยังไม่มีดีลศูนย์ข้อมูลใดที่สำเร็จภายใต้ชื่อ Stargate ➡️ มีเพียงศูนย์ข้อมูลเล็กในโอไฮโอที่กำลังสร้าง ✅ OpenAI ใช้ชื่อ Stargate ในโครงการที่ไม่เกี่ยวกับ SoftBank เช่นในเท็กซัส ➡️ แม้ SoftBank ถือเครื่องหมายการค้า Stargate ✅ OpenAI เซ็นดีล 4.5GW กับ Oracle มูลค่า $30B ต่อปี ➡️ เทียบเท่าการลงทุน $100B สำหรับศูนย์ข้อมูลขนาด 5GW ✅ ลงทุนเพิ่ม $4B กับ CoreWeave รวมเป็น $15.9B สำหรับ GPU infrastructure ➡️ ใช้สำหรับโมเดล AI ขนาดใหญ่ เช่น GPT และ Sora ✅ ทั้งสองฝ่ายยังประกาศว่าจะร่วมกันสร้างศูนย์ข้อมูล 10GW ในสหรัฐฯ ➡️ แต่ยังไม่มีแผนหรือดีลที่ชัดเจนออกมา https://wccftech.com/the-half-a-trillion-dollar-stargate-ai-venture-is-now-falling-victim-to-the-disagreements-between-openai-and-softbank/
    WCCFTECH.COM
    The Half A Trillion Dollar Stargate AI Venture Is Now Falling Victim To The Disagreements Between OpenAI And SoftBank
    Stargate's $500B AI venture struggles as OpenAI and SoftBank clash, stalling progress on US infrastructure. OpenAI pushes ahead solo.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 260 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากสนามการเมือง: Altman จากนักวิจารณ์ Trump กลายเป็นพันธมิตรด้าน AI

    ก่อนหน้านี้ Altman เคยเป็นผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตอย่างชัดเจน และวิจารณ์ Trump อย่างเผ็ดร้อนว่าเป็น “ภัยต่อประเทศ” แต่ในปี 2024–2025 เขาเริ่ม “ห่างจากฝั่งซ้าย” ด้วยเหตุผลหลายด้าน เช่น:
    - ไม่เห็นด้วยกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจยุคโควิด
    - ไม่พอใจกฎหมาย CHIPS และการควบคุมการส่งออกเซมิคอนดักเตอร์
    - กังวลว่าสหรัฐอาจตามหลังจีนในด้าน AI

    เขาจึงประกาศเลิกเป็นเดโมแครตและเรียกตัวเองว่า “politically homeless” พร้อมเริ่มสร้างพันธมิตรกับฝ่ายขวาอย่างเงียบ ๆ โดยเฉพาะในเรื่องนโยบาย AI และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน — ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นพร้อมกับการแตกหักระหว่าง Musk และ Trump

    ในเดือนกรกฎาคม Altman ปรากฏตัวที่สนามกอล์ฟของ Trump พร้อมรับการแนะนำต่อกลุ่มผู้บริจาคของพรรครีพับลิกันว่าเป็น “ชายผู้ฉลาดมาก” และ “หวังว่าเขาจะพูดเรื่อง AI ถูกต้อง”

    เบื้องหลังคือ OpenAI กำลังผลักดันข้อเสนอใหญ่ ๆ เช่น:
    - การลงทุนรัฐบาลในโครงสร้างพื้นฐาน AI
    - การเปิดทางให้ใช้ไฟฟ้าจำนวนมหาศาลเพื่อรันโมเดล
    - การเร่งรัดการขออนุญาตสร้างศูนย์ข้อมูลระดับ gigawatt
    - การผลักดันโมเดลระดับ Sora, DALL-E, และ text-to-video ให้เป็น “ทรัพย์สินชาติ”

    ภายใน Oval Office Altman ประกาศ “Stargate Initiative” — ความร่วมมือมูลค่า $500B กับ Oracle และ SoftBank เพื่อสร้างโครงสร้างข้อมูล AI ทั่วโลก ซึ่งเป็นดีลที่ Musk เคยพยายามขัดขวางแต่ไม่สำเร็จ

    Sam Altman กลายเป็นที่ปรึกษา Trump ด้านนโยบาย AI หลังจาก Musk แยกตัว
    ปรากฏตัวที่สนามกอล์ฟของ Trump และประกาศความร่วมมือในระดับชาติ

    Altman ประกาศเลิกสนับสนุนพรรคเดโมแครต พร้อมบอกว่า “ไม่ฝักฝ่ายการเมือง”
    กล่าวว่าพรรคเดโมแครต “ขยับซ้ายจนเขาไม่มีที่ยืนทางการเมือง”

    OpenAI ผลักดันการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ผ่าน Stargate Initiative
    ความร่วมมือ $500B กับ SoftBank และ Oracle โดยมี Trump หนุนเต็มตัว

    Altman ขัดแย้งกับเดโมแครตเรื่อง CHIPS Act และข้อจำกัดการส่งออก
    มองว่านโยบายเหล่านั้นทำให้สหรัฐเสียเปรียบจีนในด้าน AI

    นโยบายของ Trump เริ่มสะท้อนคำพูดของ Altman เช่นเน้นการลดข้อจำกัดด้านไฟฟ้าและการสร้างศูนย์ข้อมูล
    เตรียมแปลงที่ดินของรัฐให้เหมาะกับการตั้งโครงสร้างพื้นฐาน AI

    Altman ยืนยันว่าเขายังเชื่อใน techno-capitalism แต่ควรมีระบบแบ่งปันผลประโยชน์
    แสดงว่าเป้าหมายไม่ใช่การสนับสนุนพรรคใด แต่เน้นผลลัพธ์และโอกาส

    https://www.techspot.com/news/108731-sam-altman-steps-political-power-vacuum-after-musk.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากสนามการเมือง: Altman จากนักวิจารณ์ Trump กลายเป็นพันธมิตรด้าน AI ก่อนหน้านี้ Altman เคยเป็นผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตอย่างชัดเจน และวิจารณ์ Trump อย่างเผ็ดร้อนว่าเป็น “ภัยต่อประเทศ” แต่ในปี 2024–2025 เขาเริ่ม “ห่างจากฝั่งซ้าย” ด้วยเหตุผลหลายด้าน เช่น: - ไม่เห็นด้วยกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจยุคโควิด - ไม่พอใจกฎหมาย CHIPS และการควบคุมการส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ - กังวลว่าสหรัฐอาจตามหลังจีนในด้าน AI เขาจึงประกาศเลิกเป็นเดโมแครตและเรียกตัวเองว่า “politically homeless” พร้อมเริ่มสร้างพันธมิตรกับฝ่ายขวาอย่างเงียบ ๆ โดยเฉพาะในเรื่องนโยบาย AI และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน — ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นพร้อมกับการแตกหักระหว่าง Musk และ Trump ในเดือนกรกฎาคม Altman ปรากฏตัวที่สนามกอล์ฟของ Trump พร้อมรับการแนะนำต่อกลุ่มผู้บริจาคของพรรครีพับลิกันว่าเป็น “ชายผู้ฉลาดมาก” และ “หวังว่าเขาจะพูดเรื่อง AI ถูกต้อง” เบื้องหลังคือ OpenAI กำลังผลักดันข้อเสนอใหญ่ ๆ เช่น: - การลงทุนรัฐบาลในโครงสร้างพื้นฐาน AI - การเปิดทางให้ใช้ไฟฟ้าจำนวนมหาศาลเพื่อรันโมเดล - การเร่งรัดการขออนุญาตสร้างศูนย์ข้อมูลระดับ gigawatt - การผลักดันโมเดลระดับ Sora, DALL-E, และ text-to-video ให้เป็น “ทรัพย์สินชาติ” ภายใน Oval Office Altman ประกาศ “Stargate Initiative” — ความร่วมมือมูลค่า $500B กับ Oracle และ SoftBank เพื่อสร้างโครงสร้างข้อมูล AI ทั่วโลก ซึ่งเป็นดีลที่ Musk เคยพยายามขัดขวางแต่ไม่สำเร็จ ✅ Sam Altman กลายเป็นที่ปรึกษา Trump ด้านนโยบาย AI หลังจาก Musk แยกตัว ➡️ ปรากฏตัวที่สนามกอล์ฟของ Trump และประกาศความร่วมมือในระดับชาติ ✅ Altman ประกาศเลิกสนับสนุนพรรคเดโมแครต พร้อมบอกว่า “ไม่ฝักฝ่ายการเมือง” ➡️ กล่าวว่าพรรคเดโมแครต “ขยับซ้ายจนเขาไม่มีที่ยืนทางการเมือง” ✅ OpenAI ผลักดันการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ผ่าน Stargate Initiative ➡️ ความร่วมมือ $500B กับ SoftBank และ Oracle โดยมี Trump หนุนเต็มตัว ✅ Altman ขัดแย้งกับเดโมแครตเรื่อง CHIPS Act และข้อจำกัดการส่งออก ➡️ มองว่านโยบายเหล่านั้นทำให้สหรัฐเสียเปรียบจีนในด้าน AI ✅ นโยบายของ Trump เริ่มสะท้อนคำพูดของ Altman เช่นเน้นการลดข้อจำกัดด้านไฟฟ้าและการสร้างศูนย์ข้อมูล ➡️ เตรียมแปลงที่ดินของรัฐให้เหมาะกับการตั้งโครงสร้างพื้นฐาน AI ✅ Altman ยืนยันว่าเขายังเชื่อใน techno-capitalism แต่ควรมีระบบแบ่งปันผลประโยชน์ ➡️ แสดงว่าเป้าหมายไม่ใช่การสนับสนุนพรรคใด แต่เน้นผลลัพธ์และโอกาส https://www.techspot.com/news/108731-sam-altman-steps-political-power-vacuum-after-musk.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Sam Altman steps into political power vacuum after Musk breaks with Trump
    Less than a month after Musk – formerly a fixture in Trump's inner circle – dramatically split with the president, Altman appeared at Trump's New Jersey golf...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 399 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลองนึกภาพว่าในอดีต ตลาดเซิร์ฟเวอร์เต็มไปด้วย CPU x86 จาก Intel หรือ AMD เป็นหลัก แต่วันนี้เรากำลังเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ — เพราะ AI ต้องการ "พลังประมวลผลแบบเฉพาะทาง" มากขึ้นเรื่อย ๆ → ทำให้เซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ AI GPU + ชิป Arm พุ่งแรง โดยเฉพาะ Nvidia Grace + Blackwell (GB200) ที่อัด GPU ถึง 8 ตัวต่อเครื่อง!

    แค่เซิร์ฟเวอร์ตระกูลนี้เพียงกลุ่มเดียวก็กลายเป็น “ตัวจุดพลุ” ให้ยอดขายเซิร์ฟเวอร์ Arm โตขึ้น 70% เทียบปีต่อปี → แม้จะยังมีส่วนแบ่งแค่ 21.1% ของยอดส่งมอบเครื่องรวม แต่ก็เป็นก้าวกระโดดที่ใหญ่ที่สุดของ Arm ในตลาดเซิร์ฟเวอร์

    และมันยังไม่หยุดแค่นี้ — เพราะ IDC คาดว่า:
    - ตลาดเซิร์ฟเวอร์รวมจะโตจาก $249B (2024) → $588B (2029)
    - โดยเซิร์ฟเวอร์ AI แบบ Accelerated จะกินส่วนแบ่งครึ่งหนึ่ง
    - และเซิร์ฟเวอร์ Arm จะโตจาก $32B → $103B ใน 5 ปี!
    - ในอนาคตยังมีโอกาสเห็นซีพียูจาก Qualcomm, Marvell, MediaTek หรือ Fujitsu ร่วมวงด้วย

    ส่วนผู้นำตลาดคืออเมริกา คิดเป็น 62% ของมูลค่าตลาดเซิร์ฟเวอร์ปี 2025 — เพราะเป็นศูนย์กลางการสร้าง AI Infrastructure พร้อมเทเงินลงในโครงการระดับ Stargate หรือ AGI อย่างต่อเนื่อง

    ตลาดเซิร์ฟเวอร์ไตรมาสแรกปี 2025 พุ่งถึง $95.2B — โตขึ้น 134% จากปีก่อนหน้า  
    • การเติบโตเร็วที่สุดที่เคยบันทึกมา  
    • ขับเคลื่อนโดยเซิร์ฟเวอร์ AI ที่มี GPU แบบเร่งความเร็ว (Accelerated Servers)

    ยอดจัดส่งเซิร์ฟเวอร์ Arm โตขึ้น 70% YoY — ส่วนใหญ่เป็นของ Nvidia GB200 NVL72  
    • ใช้ซีพียู Grace + GPU Blackwell (B200)  
    • มี GPU 8 ตัวต่อเครื่อง

    ปี 2025 คาดการณ์ตลาดเซิร์ฟเวอร์รวม $366B แบ่งเป็น:  
    • x86: $283.9B (โต 39.9%)  
    • Non-x86 (รวม Arm): $82B (โต 63.7%)

    Arm คาดจะกิน 21.1% ของยอดเครื่องเซิร์ฟเวอร์ทั่วโลกภายในสิ้นปี 2025  
    • แม้ยังห่างเป้าหมาย 50% แต่ถือเป็นการเติบโตที่มั่นคง

    ตลาด Arm-accelerated servers จะโตจาก $32B → $103B ในปี 2029  
    • ขับเคลื่อนด้วย AI แบบ reasoning model, LLM, AGI

    ตลาดใหญ่สุดคือสหรัฐฯ (โต 59.7%) > จีน (โต 39.5%) > ญี่ปุ่น (33.9%)

    https://www.tomshardware.com/desktops/servers/nvidias-arm-chips-rapidly-gain-share-in-server-market-as-ai-booms-nvidias-arm-powered-gb200-servers-surge-as-market-reaches-a-record-usd95-billion-in-the-first-quarter
    ลองนึกภาพว่าในอดีต ตลาดเซิร์ฟเวอร์เต็มไปด้วย CPU x86 จาก Intel หรือ AMD เป็นหลัก แต่วันนี้เรากำลังเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ — เพราะ AI ต้องการ "พลังประมวลผลแบบเฉพาะทาง" มากขึ้นเรื่อย ๆ → ทำให้เซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ AI GPU + ชิป Arm พุ่งแรง โดยเฉพาะ Nvidia Grace + Blackwell (GB200) ที่อัด GPU ถึง 8 ตัวต่อเครื่อง! แค่เซิร์ฟเวอร์ตระกูลนี้เพียงกลุ่มเดียวก็กลายเป็น “ตัวจุดพลุ” ให้ยอดขายเซิร์ฟเวอร์ Arm โตขึ้น 70% เทียบปีต่อปี → แม้จะยังมีส่วนแบ่งแค่ 21.1% ของยอดส่งมอบเครื่องรวม แต่ก็เป็นก้าวกระโดดที่ใหญ่ที่สุดของ Arm ในตลาดเซิร์ฟเวอร์ และมันยังไม่หยุดแค่นี้ — เพราะ IDC คาดว่า: - ตลาดเซิร์ฟเวอร์รวมจะโตจาก $249B (2024) → $588B (2029) - โดยเซิร์ฟเวอร์ AI แบบ Accelerated จะกินส่วนแบ่งครึ่งหนึ่ง - และเซิร์ฟเวอร์ Arm จะโตจาก $32B → $103B ใน 5 ปี! - ในอนาคตยังมีโอกาสเห็นซีพียูจาก Qualcomm, Marvell, MediaTek หรือ Fujitsu ร่วมวงด้วย ส่วนผู้นำตลาดคืออเมริกา คิดเป็น 62% ของมูลค่าตลาดเซิร์ฟเวอร์ปี 2025 — เพราะเป็นศูนย์กลางการสร้าง AI Infrastructure พร้อมเทเงินลงในโครงการระดับ Stargate หรือ AGI อย่างต่อเนื่อง ✅ ตลาดเซิร์ฟเวอร์ไตรมาสแรกปี 2025 พุ่งถึง $95.2B — โตขึ้น 134% จากปีก่อนหน้า   • การเติบโตเร็วที่สุดที่เคยบันทึกมา   • ขับเคลื่อนโดยเซิร์ฟเวอร์ AI ที่มี GPU แบบเร่งความเร็ว (Accelerated Servers) ✅ ยอดจัดส่งเซิร์ฟเวอร์ Arm โตขึ้น 70% YoY — ส่วนใหญ่เป็นของ Nvidia GB200 NVL72   • ใช้ซีพียู Grace + GPU Blackwell (B200)   • มี GPU 8 ตัวต่อเครื่อง ✅ ปี 2025 คาดการณ์ตลาดเซิร์ฟเวอร์รวม $366B แบ่งเป็น:   • x86: $283.9B (โต 39.9%)   • Non-x86 (รวม Arm): $82B (โต 63.7%) ✅ Arm คาดจะกิน 21.1% ของยอดเครื่องเซิร์ฟเวอร์ทั่วโลกภายในสิ้นปี 2025   • แม้ยังห่างเป้าหมาย 50% แต่ถือเป็นการเติบโตที่มั่นคง ✅ ตลาด Arm-accelerated servers จะโตจาก $32B → $103B ในปี 2029   • ขับเคลื่อนด้วย AI แบบ reasoning model, LLM, AGI ✅ ตลาดใหญ่สุดคือสหรัฐฯ (โต 59.7%) > จีน (โต 39.5%) > ญี่ปุ่น (33.9%) https://www.tomshardware.com/desktops/servers/nvidias-arm-chips-rapidly-gain-share-in-server-market-as-ai-booms-nvidias-arm-powered-gb200-servers-surge-as-market-reaches-a-record-usd95-billion-in-the-first-quarter
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 344 มุมมอง 0 รีวิว
  • Oracle ทุ่ม 40 พันล้านดอลลาร์ซื้อชิป Nvidia เพื่อขับเคลื่อนศูนย์ข้อมูล AI ของ OpenAI ในสหรัฐฯ

    Oracle เตรียมลงทุนมหาศาลเพื่อซื้อชิป Nvidia GB200 จำนวน 400,000 ตัว เพื่อใช้ใน ศูนย์ข้อมูลแห่งใหม่ของ OpenAI ใน Abilene, Texas ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ โครงการ Stargate ที่มุ่งเสริมศักยภาพ AI ของสหรัฐฯ

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับดีลระหว่าง Oracle และ Nvidia
    Oracle จะซื้อชิป Nvidia GB200 มูลค่า 40 พันล้านดอลลาร์
    - เพื่อ ให้บริการเช่าพลังประมวลผลแก่ OpenAI

    ศูนย์ข้อมูลนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Stargate ที่นำโดยบริษัท AI ชั้นนำของสหรัฐฯ
    - มีเป้าหมาย เพิ่มขีดความสามารถของอุตสาหกรรม AI ท่ามกลางการแข่งขันระดับโลก

    ศูนย์ข้อมูลจะเปิดใช้งานเต็มรูปแบบภายในกลางปี 2026
    - Oracle เซ็นสัญญาเช่าพื้นที่เป็นเวลา 15 ปี

    JPMorgan ให้เงินกู้ 9.6 พันล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนโครงการ
    - เจ้าของพื้นที่ Crusoe และ Blue Owl Capital ลงทุนเพิ่มอีก 5 พันล้านดอลลาร์

    OpenAI ต้องการลดการพึ่งพา Microsoft เนื่องจากความต้องการพลังงานสูงขึ้น
    - Microsoft ไม่สามารถจัดหาพลังงานให้เพียงพอสำหรับการขยายตัวของ OpenAI

    Oracle มองว่าโครงการนี้เป็นโอกาสในการแข่งขันกับ Microsoft, Amazon และ Google ในตลาดคลาวด์
    - ช่วยให้ Oracle สามารถขยายขีดความสามารถด้านคลาวด์คอมพิวติ้ง

    OpenAI, Oracle และ Nvidia กำลังสร้างศูนย์ข้อมูล AI ขนาดใหญ่ใน UAE
    - คาดว่า เฟสแรกของศูนย์ข้อมูล UAE จะเปิดใช้งานในปี 2026

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/24/oracle-to-buy-40-billion-of-nvidia-chips-for-openai039s-us-data-center-ft-reports
    Oracle ทุ่ม 40 พันล้านดอลลาร์ซื้อชิป Nvidia เพื่อขับเคลื่อนศูนย์ข้อมูล AI ของ OpenAI ในสหรัฐฯ Oracle เตรียมลงทุนมหาศาลเพื่อซื้อชิป Nvidia GB200 จำนวน 400,000 ตัว เพื่อใช้ใน ศูนย์ข้อมูลแห่งใหม่ของ OpenAI ใน Abilene, Texas ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ โครงการ Stargate ที่มุ่งเสริมศักยภาพ AI ของสหรัฐฯ 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับดีลระหว่าง Oracle และ Nvidia ✅ Oracle จะซื้อชิป Nvidia GB200 มูลค่า 40 พันล้านดอลลาร์ - เพื่อ ให้บริการเช่าพลังประมวลผลแก่ OpenAI ✅ ศูนย์ข้อมูลนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Stargate ที่นำโดยบริษัท AI ชั้นนำของสหรัฐฯ - มีเป้าหมาย เพิ่มขีดความสามารถของอุตสาหกรรม AI ท่ามกลางการแข่งขันระดับโลก ✅ ศูนย์ข้อมูลจะเปิดใช้งานเต็มรูปแบบภายในกลางปี 2026 - Oracle เซ็นสัญญาเช่าพื้นที่เป็นเวลา 15 ปี ✅ JPMorgan ให้เงินกู้ 9.6 พันล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนโครงการ - เจ้าของพื้นที่ Crusoe และ Blue Owl Capital ลงทุนเพิ่มอีก 5 พันล้านดอลลาร์ ✅ OpenAI ต้องการลดการพึ่งพา Microsoft เนื่องจากความต้องการพลังงานสูงขึ้น - Microsoft ไม่สามารถจัดหาพลังงานให้เพียงพอสำหรับการขยายตัวของ OpenAI ✅ Oracle มองว่าโครงการนี้เป็นโอกาสในการแข่งขันกับ Microsoft, Amazon และ Google ในตลาดคลาวด์ - ช่วยให้ Oracle สามารถขยายขีดความสามารถด้านคลาวด์คอมพิวติ้ง ✅ OpenAI, Oracle และ Nvidia กำลังสร้างศูนย์ข้อมูล AI ขนาดใหญ่ใน UAE - คาดว่า เฟสแรกของศูนย์ข้อมูล UAE จะเปิดใช้งานในปี 2026 https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/24/oracle-to-buy-40-billion-of-nvidia-chips-for-openai039s-us-data-center-ft-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Oracle to buy $40 billion of Nvidia chips for OpenAI's US data center, FT reports
    (Reuters) -Oracle will spend around $40 billion on Nvidia's higher-performance chips to power OpenAI's new U.S. data center, the Financial Times reported on Friday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 413 มุมมอง 0 รีวิว
  • OpenAI ขยายโครงการ Stargate AI ไปยัง UAE พร้อมลงทุน 1GW ในอาบูดาบี

    OpenAI ประกาศเปิดตัว Stargate UAE ซึ่งเป็นการขยายโครงการ AI Infrastructure ไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) โดยมีเป้าหมาย สร้างศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อรองรับการพัฒนา AI และ AGI (Artificial General Intelligence)

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับโครงการ Stargate UAE
    OpenAI จะสร้างศูนย์ข้อมูลขนาด 1GW ในอาบูดาบี
    - คาดว่า 200MW จะออนไลน์ภายในปี 2026

    โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของ OpenAI for Countries ซึ่งช่วยให้รัฐบาลสามารถพัฒนา AI ได้อย่างอิสระ
    - ดำเนินการ ร่วมกับรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านเทคโนโลยี

    พันธมิตรของโครงการประกอบด้วย G42, Oracle, Nvidia, Cisco และ SoftBank
    - มีการลงทุน 500 พันล้านดอลลาร์จากภาคเอกชนเพื่อสร้างศูนย์ข้อมูล 20 แห่ง

    UAE จะเป็นประเทศแรกที่เปิดให้ประชาชนเข้าถึง ChatGPT ทั่วประเทศ
    - คาดว่า จะช่วยเร่งนวัตกรรมในภาคการศึกษา, พลังงาน, การแพทย์ และการขนส่ง

    OpenAI วางแผนสร้างศูนย์ข้อมูลขนาด 500,000 ตารางฟุตในเท็กซัสเป็นแห่งแรก
    - มีงบประมาณ 100 พันล้านดอลลาร์พร้อมใช้งานทันที

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/openai-says-it-will-expand-stargate-ai-infrastructure-project-to-the-uae-starting-with-a-1gw-cluster
    OpenAI ขยายโครงการ Stargate AI ไปยัง UAE พร้อมลงทุน 1GW ในอาบูดาบี OpenAI ประกาศเปิดตัว Stargate UAE ซึ่งเป็นการขยายโครงการ AI Infrastructure ไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) โดยมีเป้าหมาย สร้างศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อรองรับการพัฒนา AI และ AGI (Artificial General Intelligence) 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับโครงการ Stargate UAE ✅ OpenAI จะสร้างศูนย์ข้อมูลขนาด 1GW ในอาบูดาบี - คาดว่า 200MW จะออนไลน์ภายในปี 2026 ✅ โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของ OpenAI for Countries ซึ่งช่วยให้รัฐบาลสามารถพัฒนา AI ได้อย่างอิสระ - ดำเนินการ ร่วมกับรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านเทคโนโลยี ✅ พันธมิตรของโครงการประกอบด้วย G42, Oracle, Nvidia, Cisco และ SoftBank - มีการลงทุน 500 พันล้านดอลลาร์จากภาคเอกชนเพื่อสร้างศูนย์ข้อมูล 20 แห่ง ✅ UAE จะเป็นประเทศแรกที่เปิดให้ประชาชนเข้าถึง ChatGPT ทั่วประเทศ - คาดว่า จะช่วยเร่งนวัตกรรมในภาคการศึกษา, พลังงาน, การแพทย์ และการขนส่ง ✅ OpenAI วางแผนสร้างศูนย์ข้อมูลขนาด 500,000 ตารางฟุตในเท็กซัสเป็นแห่งแรก - มีงบประมาณ 100 พันล้านดอลลาร์พร้อมใช้งานทันที https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/openai-says-it-will-expand-stargate-ai-infrastructure-project-to-the-uae-starting-with-a-1gw-cluster
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 443 มุมมอง 0 รีวิว
  • SanDisk เตรียมเปิดตัว SSD ความจุสูงถึง 512TB ด้วยสถาปัตยกรรม Stargate

    SanDisk ซึ่งปัจจุบันดำเนินงานเป็นบริษัทอิสระหลังแยกตัวจาก Western Digital ได้เปิดเผยแผนการพัฒนา SSD ความจุสูงถึง 256TB ในปี 2026 และ 512TB ในปี 2027 โดยใช้ สถาปัตยกรรม Stargate ซึ่งเป็นคอนโทรลเลอร์ใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับความจุระดับเอกซะไบต์

    Stargate เป็นคอนโทรลเลอร์ใหม่ที่ออกแบบจากศูนย์เพื่อรองรับ SSD ความจุสูง
    - ใช้ BiCS 8 QLC NAND ซึ่งมีความจุ 2Tbit (256GB) ต่อ die

    SSD รุ่นแรกที่ใช้ Stargate จะเปิดตัวในไตรมาสที่ 3 ปี 2025
    - รุ่น DC SN670 จะมีความจุ 64TB และ 128TB พร้อมรองรับ PCIe 5.0

    SanDisk ตั้งเป้าพัฒนา SSD ความจุ 256TB ในปี 2026 และ 512TB ในปี 2027
    - อาจมีการพัฒนา PCIe 6.0 ในรุ่นอนาคตเพื่อรองรับความเร็วที่สูงขึ้น

    Stargate จะเป็นหัวใจสำคัญในการขยายความจุ SSD ไปถึงระดับ 1PB ในอนาคต
    - เทคโนโลยีนี้ ช่วยให้สามารถเพิ่มความจุโดยไม่ลดประสิทธิภาพ

    SanDisk เผชิญผลประกอบการลดลงหลังแยกตัวจาก Western Digital
    - รายได้ในไตรมาสล่าสุดอยู่ที่ 1.695 พันล้านดอลลาร์ ลดลง 10% จากไตรมาสก่อน

    https://www.techradar.com/pro/sandisk-could-use-new-architecture-called-stargate-to-power-its-256tb-and-512tb-ssds-in-2026-and-beyond
    SanDisk เตรียมเปิดตัว SSD ความจุสูงถึง 512TB ด้วยสถาปัตยกรรม Stargate SanDisk ซึ่งปัจจุบันดำเนินงานเป็นบริษัทอิสระหลังแยกตัวจาก Western Digital ได้เปิดเผยแผนการพัฒนา SSD ความจุสูงถึง 256TB ในปี 2026 และ 512TB ในปี 2027 โดยใช้ สถาปัตยกรรม Stargate ซึ่งเป็นคอนโทรลเลอร์ใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับความจุระดับเอกซะไบต์ ✅ Stargate เป็นคอนโทรลเลอร์ใหม่ที่ออกแบบจากศูนย์เพื่อรองรับ SSD ความจุสูง - ใช้ BiCS 8 QLC NAND ซึ่งมีความจุ 2Tbit (256GB) ต่อ die ✅ SSD รุ่นแรกที่ใช้ Stargate จะเปิดตัวในไตรมาสที่ 3 ปี 2025 - รุ่น DC SN670 จะมีความจุ 64TB และ 128TB พร้อมรองรับ PCIe 5.0 ✅ SanDisk ตั้งเป้าพัฒนา SSD ความจุ 256TB ในปี 2026 และ 512TB ในปี 2027 - อาจมีการพัฒนา PCIe 6.0 ในรุ่นอนาคตเพื่อรองรับความเร็วที่สูงขึ้น ✅ Stargate จะเป็นหัวใจสำคัญในการขยายความจุ SSD ไปถึงระดับ 1PB ในอนาคต - เทคโนโลยีนี้ ช่วยให้สามารถเพิ่มความจุโดยไม่ลดประสิทธิภาพ ✅ SanDisk เผชิญผลประกอบการลดลงหลังแยกตัวจาก Western Digital - รายได้ในไตรมาสล่าสุดอยู่ที่ 1.695 พันล้านดอลลาร์ ลดลง 10% จากไตรมาสก่อน https://www.techradar.com/pro/sandisk-could-use-new-architecture-called-stargate-to-power-its-256tb-and-512tb-ssds-in-2026-and-beyond
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 263 มุมมอง 0 รีวิว
  • SanDisk เปิดตัวสถาปัตยกรรม Stargate SSD: เป้าหมาย 512TB ภายในปี 2027

    SanDisk กำลังพัฒนา สถาปัตยกรรมใหม่สำหรับ SSD ความจุสูง ภายใต้ชื่อ Stargate ซึ่งจะช่วยให้สามารถผลิต SSD ขนาด 512TB ได้ภายในปี 2027 โดยเริ่มต้นด้วย รุ่น 64TB และ 128TB ในปีนี้

    Stargate เป็นสถาปัตยกรรมใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อ SSD ความจุสูง
    - ใช้ร่วมกับ BiCS 8 QLC NAND flash เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

    SanDisk แยกตัวออกจาก Western Digital และกำลังพัฒนาโครงการใหม่
    - CEO David Goeckeler ระบุว่า Stargate เป็นโครงการที่มีศักยภาพสูง

    แผนการเปิดตัว SSD ตาม Roadmap ของ SanDisk
    - 128TB SSD จะเปิดตัวในปีนี้
    - 256TB SSD จะเปิดตัวในปี 2026
    - 512TB SSD จะเปิดตัวในปี 2027

    เป้าหมายสูงสุดคือการพัฒนา SSD ขนาด 1PB
    - เพื่อตอบสนองความต้องการของ AI และ Big Tech ที่เน้นการใช้ข้อมูลจำนวนมาก

    Stargate จะใช้ PCIe Gen5 และอาจรองรับ PCIe 6.0 ในอนาคต
    - เพิ่มความเร็วในการอ่านแบบสุ่ม 68% และเขียนแบบสุ่ม 55%

    SSD รุ่นใหม่จะมีความจุ 2TB ต่อชิป และสามารถขยายได้ถึง 64 dies ต่อ channel
    - 512TB SSD จะใช้ 32 channels ซึ่งสูงกว่าระดับ consumer SSD ที่มีเพียง 8 channels

    https://www.techspot.com/news/107888-sandisk-unveils-custom-controller-massive-enterprise-ssds.html
    SanDisk เปิดตัวสถาปัตยกรรม Stargate SSD: เป้าหมาย 512TB ภายในปี 2027 SanDisk กำลังพัฒนา สถาปัตยกรรมใหม่สำหรับ SSD ความจุสูง ภายใต้ชื่อ Stargate ซึ่งจะช่วยให้สามารถผลิต SSD ขนาด 512TB ได้ภายในปี 2027 โดยเริ่มต้นด้วย รุ่น 64TB และ 128TB ในปีนี้ ✅ Stargate เป็นสถาปัตยกรรมใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อ SSD ความจุสูง - ใช้ร่วมกับ BiCS 8 QLC NAND flash เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ✅ SanDisk แยกตัวออกจาก Western Digital และกำลังพัฒนาโครงการใหม่ - CEO David Goeckeler ระบุว่า Stargate เป็นโครงการที่มีศักยภาพสูง ✅ แผนการเปิดตัว SSD ตาม Roadmap ของ SanDisk - 128TB SSD จะเปิดตัวในปีนี้ - 256TB SSD จะเปิดตัวในปี 2026 - 512TB SSD จะเปิดตัวในปี 2027 ✅ เป้าหมายสูงสุดคือการพัฒนา SSD ขนาด 1PB - เพื่อตอบสนองความต้องการของ AI และ Big Tech ที่เน้นการใช้ข้อมูลจำนวนมาก ✅ Stargate จะใช้ PCIe Gen5 และอาจรองรับ PCIe 6.0 ในอนาคต - เพิ่มความเร็วในการอ่านแบบสุ่ม 68% และเขียนแบบสุ่ม 55% ✅ SSD รุ่นใหม่จะมีความจุ 2TB ต่อชิป และสามารถขยายได้ถึง 64 dies ต่อ channel - 512TB SSD จะใช้ 32 channels ซึ่งสูงกว่าระดับ consumer SSD ที่มีเพียง 8 channels https://www.techspot.com/news/107888-sandisk-unveils-custom-controller-massive-enterprise-ssds.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Sandisk's Stargate SSD architecture targets 512TB drives by 2027
    After several years as a subsidiary of Western Digital, Sandisk split from the parent company earlier this year. Former WD head David Goeckeler, now Sandisk CEO, has...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 263 มุมมอง 0 รีวิว
  • SoftBank ซื้อ Ampere Computing ด้วยมูลค่า 6.5 พันล้านดอลลาร์ โดยมีเป้าหมายขยายตลาดศูนย์ข้อมูลและสนับสนุนโครงการ Project Stargate ในการพัฒนาชิป AI การซื้อครั้งนี้อาจเปลี่ยน Arm จากการขายสิทธิ์ออกแบบไปสู่การผลิตชิปเอง แต่ต้องรอผ่านการตรวจสอบการผูกขาดในสหรัฐฯ เสียก่อน

    การเชื่อมโยงกับ Project Stargate:
    - Project Stargate เป็นโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลสหรัฐฯ, OpenAI และ SoftBank ที่ประกาศในปี 2025 ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาความเป็นผู้นำในด้าน AI โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจาก Oracle ที่เป็นผู้ถือหุ้นหลักของ Ampere โดยนักวิเคราะห์มองว่าทีมออกแบบชิปของ Ampere จะช่วยสนับสนุน OpenAI ในการพัฒนาชิป CPU และ GPU ที่ปรับแต่งเฉพาะ.

    ประโยชน์สำหรับตลาดเซิร์ฟเวอร์:
    - Ampere ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปเซิร์ฟเวอร์อิสระรายสุดท้ายในระบบ Arm อาจช่วย SoftBank ขยายขีดความสามารถในตลาดศูนย์ข้อมูลที่ต้องการชิปเซิร์ฟเวอร์ที่ทรงพลังและคุ้มค่า.

    ความหมายเชิงยุทธศาสตร์:
    - ดีลนี้สามารถเพิ่มความสามารถของ Arm ในการแข่งขันกับลูกค้าปัจจุบันที่พัฒนาชิป Arm เอง อีกทั้งยังช่วยให้ Arm สร้างผลิตภัณฑ์ที่มีความเฉพาะตัวในตลาดเซิร์ฟเวอร์.

    ความท้าทายที่อาจเกิดขึ้น:
    - การซื้อกิจการนี้จำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผ่านการตรวจสอบด้านการผูกขาดของสหรัฐฯ ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคสำคัญ.

    https://www.techradar.com/pro/analyst-claims-that-softbank-bought-ampere-computing-for-usd6-5-billion-to-help-openais-chip-ambitions
    SoftBank ซื้อ Ampere Computing ด้วยมูลค่า 6.5 พันล้านดอลลาร์ โดยมีเป้าหมายขยายตลาดศูนย์ข้อมูลและสนับสนุนโครงการ Project Stargate ในการพัฒนาชิป AI การซื้อครั้งนี้อาจเปลี่ยน Arm จากการขายสิทธิ์ออกแบบไปสู่การผลิตชิปเอง แต่ต้องรอผ่านการตรวจสอบการผูกขาดในสหรัฐฯ เสียก่อน การเชื่อมโยงกับ Project Stargate: - Project Stargate เป็นโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลสหรัฐฯ, OpenAI และ SoftBank ที่ประกาศในปี 2025 ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาความเป็นผู้นำในด้าน AI โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจาก Oracle ที่เป็นผู้ถือหุ้นหลักของ Ampere โดยนักวิเคราะห์มองว่าทีมออกแบบชิปของ Ampere จะช่วยสนับสนุน OpenAI ในการพัฒนาชิป CPU และ GPU ที่ปรับแต่งเฉพาะ. ประโยชน์สำหรับตลาดเซิร์ฟเวอร์: - Ampere ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปเซิร์ฟเวอร์อิสระรายสุดท้ายในระบบ Arm อาจช่วย SoftBank ขยายขีดความสามารถในตลาดศูนย์ข้อมูลที่ต้องการชิปเซิร์ฟเวอร์ที่ทรงพลังและคุ้มค่า. ความหมายเชิงยุทธศาสตร์: - ดีลนี้สามารถเพิ่มความสามารถของ Arm ในการแข่งขันกับลูกค้าปัจจุบันที่พัฒนาชิป Arm เอง อีกทั้งยังช่วยให้ Arm สร้างผลิตภัณฑ์ที่มีความเฉพาะตัวในตลาดเซิร์ฟเวอร์. ความท้าทายที่อาจเกิดขึ้น: - การซื้อกิจการนี้จำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผ่านการตรวจสอบด้านการผูกขาดของสหรัฐฯ ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคสำคัญ. https://www.techradar.com/pro/analyst-claims-that-softbank-bought-ampere-computing-for-usd6-5-billion-to-help-openais-chip-ambitions
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 373 มุมมอง 0 รีวิว
  • SoftBank ได้เข้าซื้อ Ampere Computing ซึ่งเป็นผู้พัฒนาซีพียูสำหรับศูนย์ข้อมูลด้วยดีลมูลค่า 6.5 พันล้านดอลลาร์ ธุรกิจนี้จะช่วยเสริมสร้างแผนการลงทุนด้าน AI ของ SoftBank ในศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ Ampere ยังเตรียมเปิดตัวซีพียู 256 คอร์ ที่ใช้เทคโนโลยี 3 นาโนเมตรภายในปีนี้ ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมได้อย่างมหาศาล

    ศักยภาพใหม่ของ Ampere ภายใต้ SoftBank:
    - Ampere จะมีบทบาทสำคัญในแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน AI ของ SoftBank ที่ชื่อ Stargate ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาเครือข่ายศูนย์ข้อมูลสำหรับ AI ในระดับใหญ่

    ประวัติของ Ampere และความท้าทายที่ผ่านมา:
    - แม้ Ampere จะเป็นที่รู้จักในฐานะผู้พัฒนาชิปที่ออกแบบมาสำหรับบริการคลาวด์ แต่การแข่งขันที่รุนแรงกับซีพียู x86 จาก Intel และการเข้าสู่ตลาดของ Arm เอง ทำให้การขยายส่วนแบ่งตลาดของ Ampere เป็นเรื่องยากในอดีต

    ความสำคัญของการสนับสนุนจาก SoftBank:
    - SoftBank วางแผนใช้ Ampere CPUs สำหรับศูนย์ข้อมูลของตัวเอง รวมถึงพันธมิตรอย่าง Oracle และ OpenAI ซึ่งหากสำเร็จ อาจทำให้ Ampere กลายเป็นผู้เล่นสำคัญในวงการซีพียูสำหรับศูนย์ข้อมูล

    มุมมองจากผู้บริหาร:
    - Masayoshi Son, CEO ของ SoftBank, ระบุว่า "อนาคตของปัญญาประดิษฐ์ต้องการกำลังการประมวลผลที่ล้ำหน้า ซึ่งความเชี่ยวชาญของ Ampere ในด้านเซมิคอนดักเตอร์จะช่วยเร่งวิสัยทัศน์นี้ให้กลายเป็นจริง"

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/softbank-to-acquire-arm-cpus-for-datacenter-firm-ampere-in-usd6-5-billion-cash-deal
    SoftBank ได้เข้าซื้อ Ampere Computing ซึ่งเป็นผู้พัฒนาซีพียูสำหรับศูนย์ข้อมูลด้วยดีลมูลค่า 6.5 พันล้านดอลลาร์ ธุรกิจนี้จะช่วยเสริมสร้างแผนการลงทุนด้าน AI ของ SoftBank ในศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ Ampere ยังเตรียมเปิดตัวซีพียู 256 คอร์ ที่ใช้เทคโนโลยี 3 นาโนเมตรภายในปีนี้ ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมได้อย่างมหาศาล ศักยภาพใหม่ของ Ampere ภายใต้ SoftBank: - Ampere จะมีบทบาทสำคัญในแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน AI ของ SoftBank ที่ชื่อ Stargate ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาเครือข่ายศูนย์ข้อมูลสำหรับ AI ในระดับใหญ่ ประวัติของ Ampere และความท้าทายที่ผ่านมา: - แม้ Ampere จะเป็นที่รู้จักในฐานะผู้พัฒนาชิปที่ออกแบบมาสำหรับบริการคลาวด์ แต่การแข่งขันที่รุนแรงกับซีพียู x86 จาก Intel และการเข้าสู่ตลาดของ Arm เอง ทำให้การขยายส่วนแบ่งตลาดของ Ampere เป็นเรื่องยากในอดีต ความสำคัญของการสนับสนุนจาก SoftBank: - SoftBank วางแผนใช้ Ampere CPUs สำหรับศูนย์ข้อมูลของตัวเอง รวมถึงพันธมิตรอย่าง Oracle และ OpenAI ซึ่งหากสำเร็จ อาจทำให้ Ampere กลายเป็นผู้เล่นสำคัญในวงการซีพียูสำหรับศูนย์ข้อมูล มุมมองจากผู้บริหาร: - Masayoshi Son, CEO ของ SoftBank, ระบุว่า "อนาคตของปัญญาประดิษฐ์ต้องการกำลังการประมวลผลที่ล้ำหน้า ซึ่งความเชี่ยวชาญของ Ampere ในด้านเซมิคอนดักเตอร์จะช่วยเร่งวิสัยทัศน์นี้ให้กลายเป็นจริง" https://www.tomshardware.com/tech-industry/softbank-to-acquire-arm-cpus-for-datacenter-firm-ampere-in-usd6-5-billion-cash-deal
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    SoftBank to acquire Arm CPUs for datacenter firm Ampere in $6.5 billion cash deal
    Ampere's roadmap includes the launch of 3nm processors with 256-cores later this year.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 372 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nvidia และ xAI ของ Elon Musk ได้เข้าร่วมกลุ่มพันธมิตร AI Infrastructure Partnership หรือ AIP ซึ่งตั้งเป้าสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ ร่วมกับ Microsoft และ BlackRock โครงการนี้จะช่วยพัฒนาเทคโนโลยี AI ให้ก้าวล้ำขึ้น โดยเฉพาะการฝึกโมเดลใหญ่ ๆ อย่าง ChatGPT ความท้าทายสำคัญอยู่ที่การจัดการพลังงานและการระดมทุนมหาศาล แต่ก็เป็นก้าวใหญ่ที่จะผลักดันการประมวลผล AI ให้ทรงพลังและเข้าถึงได้มากขึ้นในอนาคต

    การเปลี่ยนชื่อกลุ่มพันธมิตร:
    - กลุ่มพันธมิตรนี้เดิมมีชื่ออื่น แต่เปลี่ยนมาเป็น AI Infrastructure Partnership เพื่อสะท้อนเป้าหมายและความสำคัญของโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่จะสร้างขึ้น.

    บทบาทของ Nvidia และพันธมิตรอื่น ๆ:
    - Nvidia มีบทบาทเป็นที่ปรึกษาด้านเทคนิค พร้อมสนับสนุนการออกแบบและพัฒนาคลัสเตอร์ชิปสำหรับการประมวลผล AI.
    - พันธมิตรที่ร่วมโครงการ เช่น GE Vernova และ NextEra Energy จะช่วยในด้านการจัดการพลังงานและการพัฒนาโซลูชันที่มีประสิทธิภาพสูง.

    การแข่งขันด้าน AI ระดับโลก:
    - โครงการนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการแข่งขันระหว่างประเทศในด้าน AI โดย Stargate ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐบาลและบริษัทเอกชน เช่น OpenAI, Oracle และ SoftBank ก็ตั้งเป้าลงทุนสูงถึง 500 พันล้านดอลลาร์ในโครงสร้างพื้นฐาน AI.

    ประโยชน์และความท้าทาย:
    - AIP มุ่งเพิ่มความสามารถในการประมวลผล AI แต่ต้องเผชิญกับความท้าทาย เช่น ความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และการระดมทุนจากนักลงทุนทั่วโลก.

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/19/nvidia-xai-to-join-microsoft-blackrock-to-develop-ai-infrastructure
    Nvidia และ xAI ของ Elon Musk ได้เข้าร่วมกลุ่มพันธมิตร AI Infrastructure Partnership หรือ AIP ซึ่งตั้งเป้าสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ ร่วมกับ Microsoft และ BlackRock โครงการนี้จะช่วยพัฒนาเทคโนโลยี AI ให้ก้าวล้ำขึ้น โดยเฉพาะการฝึกโมเดลใหญ่ ๆ อย่าง ChatGPT ความท้าทายสำคัญอยู่ที่การจัดการพลังงานและการระดมทุนมหาศาล แต่ก็เป็นก้าวใหญ่ที่จะผลักดันการประมวลผล AI ให้ทรงพลังและเข้าถึงได้มากขึ้นในอนาคต การเปลี่ยนชื่อกลุ่มพันธมิตร: - กลุ่มพันธมิตรนี้เดิมมีชื่ออื่น แต่เปลี่ยนมาเป็น AI Infrastructure Partnership เพื่อสะท้อนเป้าหมายและความสำคัญของโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่จะสร้างขึ้น. บทบาทของ Nvidia และพันธมิตรอื่น ๆ: - Nvidia มีบทบาทเป็นที่ปรึกษาด้านเทคนิค พร้อมสนับสนุนการออกแบบและพัฒนาคลัสเตอร์ชิปสำหรับการประมวลผล AI. - พันธมิตรที่ร่วมโครงการ เช่น GE Vernova และ NextEra Energy จะช่วยในด้านการจัดการพลังงานและการพัฒนาโซลูชันที่มีประสิทธิภาพสูง. การแข่งขันด้าน AI ระดับโลก: - โครงการนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการแข่งขันระหว่างประเทศในด้าน AI โดย Stargate ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐบาลและบริษัทเอกชน เช่น OpenAI, Oracle และ SoftBank ก็ตั้งเป้าลงทุนสูงถึง 500 พันล้านดอลลาร์ในโครงสร้างพื้นฐาน AI. ประโยชน์และความท้าทาย: - AIP มุ่งเพิ่มความสามารถในการประมวลผล AI แต่ต้องเผชิญกับความท้าทาย เช่น ความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และการระดมทุนจากนักลงทุนทั่วโลก. https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/19/nvidia-xai-to-join-microsoft-blackrock-to-develop-ai-infrastructure
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Nvidia, Musk's xAI to join Microsoft, BlackRock and MGX to develop AI infrastructure
    (Reuters) -Nvidia and Elon Musk's xAI have joined a consortium backed by Microsoft, investment fund MGX and BlackRock to expand AI infrastructure in the U.S., the companies said on Wednesday, as a global race to dominate the nascent technology intensifies.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 354 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท Arm Holdings ผู้ให้บริการเทคโนโลยีชิปที่ได้ปรับลดคาดการณ์รายได้ตลอดทั้งปี ซึ่งทำให้หุ้นของบริษัทลดลงประมาณ 6% ในการซื้อขายหลังเวลาทำการ รายงานนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ Arm ประกาศรายได้ไตรมาสที่สี่ที่ดีกว่าที่ Wall Street คาดการณ์ไว้เล็กน้อย

    ตั้งแต่ที่ Arm เข้าตลาดหุ้นในปี 2023 มูลค่าตลาดของบริษัทได้เพิ่มขึ้นกว่าสามเท่า เนื่องจากนักลงทุนเชื่อมั่นว่า Arm จะได้รับส่วนแบ่งสำคัญจากการเติบโตของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งทำให้ Nvidia กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก อย่างไรก็ตาม Arm ไม่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตในช่วงบูมมากเท่าไร เนื่องจากบริษัททำรายได้จากการขึ้นค่าธรรมเนียมลิขสิทธิ์และค่าตอบแทนจากชิปที่ขายโดยบริษัทอื่น ๆ

    รายได้สำหรับทั้งปี Arm ได้ปรับลดลงมาที่ $3.94 พันล้าน ถึง $4.04 พันล้าน จากช่วงเดิมที่ $3.8 พันล้าน ถึง $4.1 พันล้าน ทั้งนี้ คาดการณ์รายได้สำหรับไตรมาสที่สี่อยู่ระหว่าง $1.18 พันล้าน ถึง $1.28 พันล้าน ซึ่งดีกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ $1.22 พันล้าน

    เทคโนโลยี Armv9 ซึ่งถูกใช้ในชิปที่ขับเคลื่อน iPhone รุ่นล่าสุดของ Apple มีโครงสร้างการทำข้อตกลงที่สามารถเพิ่มค่าธรรมเนียมได้ในแต่ละรุ่นใหม่ที่ออกมา นอกจากนี้ Arm ยังมีบทบาทสำคัญในโครงการ Stargate ที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐาน AI มูลค่า $500 พันล้าน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก SoftBank, Oracle, และ Arm เอง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/06/chip-tech-provider-arm-narrows-full-year-forecast-stock-falls
    บริษัท Arm Holdings ผู้ให้บริการเทคโนโลยีชิปที่ได้ปรับลดคาดการณ์รายได้ตลอดทั้งปี ซึ่งทำให้หุ้นของบริษัทลดลงประมาณ 6% ในการซื้อขายหลังเวลาทำการ รายงานนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ Arm ประกาศรายได้ไตรมาสที่สี่ที่ดีกว่าที่ Wall Street คาดการณ์ไว้เล็กน้อย ตั้งแต่ที่ Arm เข้าตลาดหุ้นในปี 2023 มูลค่าตลาดของบริษัทได้เพิ่มขึ้นกว่าสามเท่า เนื่องจากนักลงทุนเชื่อมั่นว่า Arm จะได้รับส่วนแบ่งสำคัญจากการเติบโตของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งทำให้ Nvidia กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก อย่างไรก็ตาม Arm ไม่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตในช่วงบูมมากเท่าไร เนื่องจากบริษัททำรายได้จากการขึ้นค่าธรรมเนียมลิขสิทธิ์และค่าตอบแทนจากชิปที่ขายโดยบริษัทอื่น ๆ รายได้สำหรับทั้งปี Arm ได้ปรับลดลงมาที่ $3.94 พันล้าน ถึง $4.04 พันล้าน จากช่วงเดิมที่ $3.8 พันล้าน ถึง $4.1 พันล้าน ทั้งนี้ คาดการณ์รายได้สำหรับไตรมาสที่สี่อยู่ระหว่าง $1.18 พันล้าน ถึง $1.28 พันล้าน ซึ่งดีกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ $1.22 พันล้าน เทคโนโลยี Armv9 ซึ่งถูกใช้ในชิปที่ขับเคลื่อน iPhone รุ่นล่าสุดของ Apple มีโครงสร้างการทำข้อตกลงที่สามารถเพิ่มค่าธรรมเนียมได้ในแต่ละรุ่นใหม่ที่ออกมา นอกจากนี้ Arm ยังมีบทบาทสำคัญในโครงการ Stargate ที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐาน AI มูลค่า $500 พันล้าน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก SoftBank, Oracle, และ Arm เอง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/06/chip-tech-provider-arm-narrows-full-year-forecast-stock-falls
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Chip tech provider Arm narrows full-year forecast, stock plunges
    SAN FRANCISCO (Reuters) -Chip tech provider Arm Holdings said on Wednesday it will no longer meet the top end of its previous full-year guidance, but slightly topped Wall Street's current-quarter expectations.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 365 มุมมอง 0 รีวิว
  • SoftBank จะมีการลงทุนครั้งใหญ่เพิ่มเติมใน OpenAI บริษัทที่มีชื่อเสียงในด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยอาจลงทุนสูงถึง 25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

    SoftBank มีประวัติการลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีที่มีชื่อเสียงมากมาย และในปัจจุบันได้หันมาสนใจในด้านปัญญาประดิษฐ์มากขึ้น. การลงทุนใน OpenAI นี้จะทำให้ SoftBank กลายเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดของ OpenAI แทนที่ Microsoft

    นอกจากนี้ SoftBank ยังมีโครงการ Stargate ซึ่งเป็นโครงการสร้างศูนย์ข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐานการคำนวณในสหรัฐอเมริกา และได้ลงทุนในโครงการ AI ของ Donald Trump ด้วย

    Masayoshi Son ซีอีโอของ SoftBank เชื่อว่า AI จะเปลี่ยนแปลงทุกอุตสาหกรรม และเขาคาดว่า AI ที่มีความสามารถเทียบเท่ามนุษย์ (AGI) จะถูกพัฒนาขึ้นภายในปี 2030

    https://www.techspot.com/news/106596-softbank-ready-invest-more-billions-openai.html
    SoftBank จะมีการลงทุนครั้งใหญ่เพิ่มเติมใน OpenAI บริษัทที่มีชื่อเสียงในด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยอาจลงทุนสูงถึง 25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ SoftBank มีประวัติการลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีที่มีชื่อเสียงมากมาย และในปัจจุบันได้หันมาสนใจในด้านปัญญาประดิษฐ์มากขึ้น. การลงทุนใน OpenAI นี้จะทำให้ SoftBank กลายเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดของ OpenAI แทนที่ Microsoft นอกจากนี้ SoftBank ยังมีโครงการ Stargate ซึ่งเป็นโครงการสร้างศูนย์ข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐานการคำนวณในสหรัฐอเมริกา และได้ลงทุนในโครงการ AI ของ Donald Trump ด้วย Masayoshi Son ซีอีโอของ SoftBank เชื่อว่า AI จะเปลี่ยนแปลงทุกอุตสาหกรรม และเขาคาดว่า AI ที่มีความสามารถเทียบเท่ามนุษย์ (AGI) จะถูกพัฒนาขึ้นภายในปี 2030 https://www.techspot.com/news/106596-softbank-ready-invest-more-billions-openai.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    SoftBank seems ready to invest (more) billions in OpenAI
    According to sources cited by the Financial Times, SoftBank is planning to significantly increase its investment in OpenAI. The AI company, which transitioned from an open-source research...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 324 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts