• -devilray-
    FB and bsky - dfaxtory

    #dfaxtory #devilray
    #RightToSelfDefense
    #CambodiaOpenedFire
    #CambodiaScamArmy
    #NeutralizeTheThreat
    #SMARTSoldiersStronARMY
    #สดุดีทหารกล้า
    #ยุทธการศตวรรษ
    #ทำลายให้สิ้นสภาพ
    -devilray- FB and bsky - dfaxtory #dfaxtory #devilray #RightToSelfDefense #CambodiaOpenedFire #CambodiaScamArmy #NeutralizeTheThreat #SMARTSoldiersStronARMY #สดุดีทหารกล้า #ยุทธการศตวรรษ #ทำลายให้สิ้นสภาพ
    0 Comments 1 Shares 46 Views 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar

    #รวมข่าวIT #20251218 #TechRadar

    มินิพีซีราคาสุดคุ้มที่ AI ยังยกนิ้วให้
    เรื่องนี้เล่าถึงการท้าทายตัวเองของนักเขียนที่พยายามประกอบคอมให้แรงกว่ามินิพีซี Machenike ที่ขายในราคาเพียง 379 ดอลลาร์ แต่สุดท้ายกลับแพ้ เพราะแค่ CPU และ RAM ก็เกือบเท่าราคาทั้งเครื่องแล้ว เมื่อรวมทุกชิ้นส่วน ค่าใช้จ่ายพุ่งไปเกือบ 570 ดอลลาร์ ยังไม่รวมค่าไลเซนส์ Windows อีก ทำให้เห็นชัดว่าการซื้อเครื่องสำเร็จรูปในช่วงที่ตลาดชิ้นส่วนแพงขึ้นนั้นคุ้มกว่าเยอะ AI อย่าง ChatGPT ถึงกับบอกว่า “คุ้มสุด ๆ” ส่วน Gemini ก็ว่า “ราคานี้บ้าไปแล้ว” สรุปคือใครที่อยากได้เครื่องแรง ๆ ในงบจำกัด การซื้อสำเร็จรูปคือทางเลือกที่ไม่เสียเวลาและไม่เจ็บกระเป๋า
    https://www.techradar.com/pro/chatgpt-calls-this-mini-pc-a-steal-while-gemini-says-its-insane-value-for-money-meet-the-usd379-amd-ryzen-7-8745hs-powerhouse-that-ai-is-raving-about

    ปัญหา Windows ล่าสุดที่ทำธุรกิจปวดหัว
    Microsoft ออกแพตช์ประจำเดือนธันวาคม แต่ดันทำให้บริการ MSMQ บน Windows Server และ Windows 10 สำหรับองค์กรมีปัญหา ส่งผลให้แอปและเว็บไซต์ที่ใช้ IIS ทำงานผิดพลาด ทั้งคิวที่ไม่ทำงาน การเขียนข้อมูลล้มเหลว และข้อความแจ้งว่า “ทรัพยากรไม่เพียงพอ” ทั้งที่จริง ๆ มีอยู่เต็ม ๆ ตอนนี้ Microsoft ยังไม่มีแพตช์แก้ไขถาวร แต่แนะนำให้ธุรกิจติดต่อฝ่ายสนับสนุนโดยตรงเพื่อหาทางแก้หรือย้อนกลับการอัปเดตไปก่อน
    https://www.techradar.com/pro/security/having-windows-app-issues-microsoft-is-making-businesses-reach-out-directly-to-get-a-fix

    สิ่งที่ต้องจำเมื่อใช้แชตบอท AI
    บทความนี้เตือนว่าเวลาคุยกับแชตบอท AI อย่าลืมว่าข้อมูลที่เราพิมพ์ไปอาจไม่หายไปไหน บางครั้งบริษัทที่พัฒนา AI มีทีมงานที่เห็นข้อมูลจริง ๆ ซึ่งอาจรวมถึงข้อมูลส่วนตัว เช่น วันเกิดหรือเลขบัญชี หากไม่ได้ลบออกก่อน การแชร์เอกสารทั้งฉบับกับบอทก็เสี่ยงมาก เพราะข้อมูลอาจถูกนำไปใช้ฝึกโมเดลต่อไปโดยไม่รู้ตัว ผู้เขียนจึงย้ำว่าทั้งธุรกิจและผู้ใช้ต้องมีวินัยในการจัดการข้อมูล ไม่ใช่แค่ปิดบัง แต่ต้องลบให้ถาวรเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในยุคที่ AI ถูกใช้แพร่หลาย
    https://www.techradar.com/pro/5-things-businesses-and-users-should-remember-when-using-ai-chatbots

    ช่องโหว่เก่าของ Asus ที่ยังตามหลอกหลอน
    CISA ของสหรัฐฯ ออกประกาศเตือนถึงช่องโหว่ในโปรแกรม Asus Live Update ที่เคยถูกโจมตีตั้งแต่ปี 2018–2019 โดยมีการฝังโค้ดอันตรายลงในเซิร์ฟเวอร์อัปเดต ทำให้เครื่องที่ดาวน์โหลดตัวติดตั้งบางรุ่นถูกควบคุมได้ ช่องโหว่นี้ถูกจัดเป็นระดับวิกฤติ และหน่วยงานรัฐต้องแก้ไขภายในต้นเดือนมกราคม แม้โปรแกรมจะหมดการสนับสนุนไปแล้ว แต่ก็ยังมีผลกับเครื่องที่ใช้เวอร์ชันเก่า ๆ องค์กรเอกชนก็ถูกแนะนำให้รีบอัปเดตหรือหยุดใช้งานเช่นกัน
    https://www.techradar.com/pro/security/cisa-reveals-warning-on-asus-software-flaw-heres-what-you-need-to-do-to-stay-safe

    กริ่งประตู Ring ที่พูดตอบเองได้ด้วย Alexa+
    Ring เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อ Alexa+ Greetings ที่ใช้ AI ช่วยตอบคนที่มากดกริ่ง โดยมันสามารถแยกแยะว่าใครมา เช่น คนส่งของ เพื่อน หรือแม้แต่เซลส์แมน แล้วตอบกลับตามคำสั่งที่เจ้าของตั้งไว้ เช่น บอกให้วางพัสดุไว้หลังบ้าน หรือปฏิเสธการขายตรงอย่างสุภาพ ฟีเจอร์นี้ยังสามารถตอบคำถามต่อเนื่องได้ เช่น ถ้าต้องเซ็นรับของ Alexa+ ก็จะบอกให้ส่งกลับไปที่ศูนย์ ฟีเจอร์กำลังทยอยเปิดให้ผู้ใช้ในสหรัฐฯ และแคนาดา ถือเป็นการยกระดับความสะดวกสบายของบ้านอัจฉริยะอีกขั้น
    https://www.techradar.com/home/smart-home/your-ring-doorbell-can-now-use-alexa-to-identify-whos-calling-and-give-them-an-appropriate-greeting

    ช่องโหว่ใหม่ใน Cisco ที่ถูกโจมตีแล้ว
    Cisco ออกมาเตือนว่ามีการค้นพบช่องโหว่แบบ zero-day ที่ถูกใช้โจมตีจริงแล้ว โดยกลุ่มแฮ็กเกอร์จากจีนเป็นผู้เกี่ยวข้อง ช่องโหว่นี้กระทบกับลูกค้าที่ใช้ซอฟต์แวร์ของ Cisco ทำให้ระบบถูกเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นภัยร้ายแรงที่กำลังเกิดขึ้นจริง และ Cisco กำลังเร่งออกแพตช์แก้ไขเพื่อป้องกันการโจมตีเพิ่มเติม
    https://www.techradar.com/pro/security/cisco-says-chinese-hackers-are-exploiting-its-customers-with-a-new-zero-day

    รีวิว Agile CRM ปี 2026
    Agile CRM ถูกรีวิวอีกครั้งในปี 2026 โดยเน้นไปที่การใช้งานสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและกลาง จุดเด่นคือการรวมเครื่องมือด้านการตลาด การขาย และการบริการลูกค้าไว้ในแพลตฟอร์มเดียว ทำให้ทีมงานสามารถติดตามลูกค้าได้ครบวงจร แต่ก็มีข้อจำกัดในด้านการปรับแต่งและการรองรับการขยายตัวสำหรับองค์กรใหญ่ รีวิวนี้จึงชี้ว่า Agile CRM เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการโซลูชันครบวงจรในราคาที่เข้าถึงได้
    https://www.techradar.com/pro/software-services/agile-crm-review

    จาก SaaS สู่ AI: การเปลี่ยนแปลงที่ผู้นำต้องเผชิญ
    บทความนี้เล่าถึงการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านเทคโนโลยีและวัฒนธรรมที่ผู้นำองค์กรต้องรับมือ ตั้งแต่การเปลี่ยนผ่านจาก SaaS ไปสู่การใช้ AI อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ใช่แค่เรื่องเครื่องมือ แต่ยังรวมถึงการปรับตัวของทีมงาน วัฒนธรรมองค์กร และการกำกับดูแล การเปลี่ยนแปลงนี้ถูกมองว่าเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายที่ต้องจัดการอย่างรอบคอบ
    https://www.techradar.com/pro/from-saas-to-ai-the-technological-and-cultural-shifts-leaders-must-confront

    โค้ดที่ AI สร้างมีบั๊กมากกว่ามนุษย์
    รายงานล่าสุดชี้ว่าโค้ดที่สร้างโดย AI มีแนวโน้มจะมีบั๊กและข้อผิดพลาดมากกว่าที่มนุษย์เขียนเอง แม้ AI จะช่วยให้การพัฒนาเร็วขึ้น แต่ก็ทำให้ทีมงานต้องเสียเวลาในการตรวจสอบและแก้ไขมากขึ้น บทความนี้จึงเตือนว่าการใช้ AI ในการเขียนโค้ดควรถูกมองเป็นเครื่องมือช่วย ไม่ใช่การแทนที่นักพัฒนา
    https://www.techradar.com/pro/security/ai-generated-code-contains-more-bugs-and-errors-than-human-output

    รีวิว Geekom AX8 Max mini PC
    Geekom AX8 Max mini PC ถูกรีวิวโดยเน้นไปที่ความคุ้มค่าและประสิทธิภาพในเครื่องเล็ก ๆ รุ่นนี้มาพร้อมสเปกที่ตอบโจทย์ทั้งงานทั่วไปและการใช้งานที่ต้องการพลังประมวลผลสูงในขนาดกะทัดรัด ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากได้เครื่องเล็กแต่แรง
    https://www.techradar.com/computing/geekom-ax8-max-mini-pc-review

    Google Maps เข้าใจคำพูดด้วย Gemini
    ผู้เขียนทดลองใช้ Gemini คุยกับ Google Maps ด้วยเสียง พบว่ามันสามารถตีความคำพูดที่ซับซ้อน เช่น “พาไปที่ร้านกาแฟที่อยู่ใกล้ ๆ และเปิดตอนนี้” ได้อย่างแม่นยำ ไม่ใช่แค่เส้นทาง แต่ยังรวมถึงเงื่อนไขเพิ่มเติม ทำให้การใช้งานแผนที่สะดวกขึ้นมาก ถือเป็นการยกระดับจากการพิมพ์หรือกดเลือกไปสู่การสื่อสารแบบธรรมชาติ
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/i-tried-talking-to-google-maps-with-gemini-and-it-actually-understood-what-i-wanted

    Ford เปลี่ยนโฟกัสจากรถไฟฟ้าไปสู่แบตเตอรี่ยักษ์
    Ford กำลังปรับกลยุทธ์จากการผลิตรถบรรทุกไฟฟ้าไปสู่การสร้างระบบแบตเตอรี่ขนาดใหญ่เพื่อใช้กับโครงข่ายไฟฟ้าและดาต้าเซ็นเตอร์ทั่วสหรัฐฯ โดยมีแผนสร้างกำลังการผลิตถึง 20GWh การเปลี่ยนทิศนี้สะท้อนว่าตลาดรถไฟฟ้าอาจไม่ใช่เส้นทางเดียว แต่การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานพลังงานก็เป็นโอกาสใหม่ที่ใหญ่ไม่แพ้กัน
    https://www.techradar.com/pro/ford-is-switching-some-battery-focus-from-cars-to-data-centers-with-plans-for-huge-20gwh-capacity

    คนรุ่นใหม่หลงรัก Microsoft Excel
    ผลสำรวจเผยว่าคนทำงานสายการเงินรุ่นใหม่มีความผูกพันกับ Excel มากกว่ารุ่นก่อน ๆ แม้จะมีเครื่องมือคู่แข่งออกมาแข่งหลายสิบปี แต่ Excel ยังคงเป็นเครื่องมือหลักที่พวกเขาเลือกใช้ ความภักดีนี้สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์และความคุ้นเคยที่ฝังลึกในวัฒนธรรมการทำงาน
    https://www.techradar.com/pro/security/more-than-half-of-workers-say-they-really-love-excel-and-surprisingly-enough-its-younger-workers-who-are-apparently-more-infatuated

    Nex Playground คอนโซลราคาประหยัดสำหรับครอบครัว
    รีวิว Nex Playground ชี้ว่าเป็นเครื่องเล่นเกมที่ราคาถูกกว่า แต่ยังมอบประสบการณ์สนุกสำหรับทุกคนในบ้าน แม้จะไม่แรงเท่าคอนโซลใหญ่ แต่ก็เพียงพอสำหรับเกมที่เล่นร่วมกัน ถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับครอบครัวที่อยากได้ความบันเทิงโดยไม่ต้องจ่ายแพง
    https://www.techradar.com/gaming/nex-playground-review

    ระวังอีเมลปลอมจาก PayPal
    ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่ามีการใช้ระบบสมัครสมาชิกของ PayPal ในทางที่ผิด ส่งอีเมลปลอมแจ้งการซื้อเพื่อหลอกให้ผู้ใช้กดลิงก์หรือให้ข้อมูลส่วนตัว แม้จะดูเหมือนอีเมลจริง แต่จริง ๆ เป็นการฟิชชิ่งที่อันตราย ผู้ใช้จึงต้องตรวจสอบทุกครั้งก่อนคลิกลิงก์หรือยืนยันการชำระเงิน
    https://www.techradar.com/pro/security/paypal-user-beware-experts-warn-subscriptions-being-abused-to-send-fake-purchase-emails

    Urban VPN Proxy แอบสอดส่องผู้ใช้
    มีการเปิดเผยว่า Urban VPN Proxy ซึ่งเป็นบริการฟรี กำลังถูกใช้เพื่อสอดแนมข้อมูลผู้ใช้ โดยเก็บข้อมูลการใช้งานและอาจส่งต่อไปยังบุคคลที่สาม ทำให้ผู้ใช้ที่คิดว่าได้ความปลอดภัยจาก VPN กลับเสี่ยงต่อการถูกละเมิดความเป็นส่วนตัว บทความนี้แนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้ VPN ฟรี และเลือกบริการที่มีความน่าเชื่อถือแทน
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/urban-vpn-proxy-is-the-latest-free-vpn-spying-on-users-heres-how-to-stay-safe

    Proton VPN รองรับ Linux มากขึ้น
    Proton VPN ได้ขยายการรองรับไปยังอุปกรณ์ Linux เพิ่มเติม ทำให้ผู้ใช้ที่ใช้ระบบปฏิบัติการนี้สามารถติดตั้งและใช้งานแอปอย่างเป็นทางการได้ง่ายขึ้น ถือเป็นการเพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ที่ต้องการเชื่อมต่อ VPN บนแพลตฟอร์มที่หลากหลาย
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/official-proton-vpn-app-lands-on-even-more-linux-devices

    📌📡🟠 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🟠📡📌 #รวมข่าวIT #20251218 #TechRadar 🖥️ มินิพีซีราคาสุดคุ้มที่ AI ยังยกนิ้วให้ เรื่องนี้เล่าถึงการท้าทายตัวเองของนักเขียนที่พยายามประกอบคอมให้แรงกว่ามินิพีซี Machenike ที่ขายในราคาเพียง 379 ดอลลาร์ แต่สุดท้ายกลับแพ้ เพราะแค่ CPU และ RAM ก็เกือบเท่าราคาทั้งเครื่องแล้ว เมื่อรวมทุกชิ้นส่วน ค่าใช้จ่ายพุ่งไปเกือบ 570 ดอลลาร์ ยังไม่รวมค่าไลเซนส์ Windows อีก ทำให้เห็นชัดว่าการซื้อเครื่องสำเร็จรูปในช่วงที่ตลาดชิ้นส่วนแพงขึ้นนั้นคุ้มกว่าเยอะ AI อย่าง ChatGPT ถึงกับบอกว่า “คุ้มสุด ๆ” ส่วน Gemini ก็ว่า “ราคานี้บ้าไปแล้ว” สรุปคือใครที่อยากได้เครื่องแรง ๆ ในงบจำกัด การซื้อสำเร็จรูปคือทางเลือกที่ไม่เสียเวลาและไม่เจ็บกระเป๋า 🔗 https://www.techradar.com/pro/chatgpt-calls-this-mini-pc-a-steal-while-gemini-says-its-insane-value-for-money-meet-the-usd379-amd-ryzen-7-8745hs-powerhouse-that-ai-is-raving-about ⚠️ ปัญหา Windows ล่าสุดที่ทำธุรกิจปวดหัว Microsoft ออกแพตช์ประจำเดือนธันวาคม แต่ดันทำให้บริการ MSMQ บน Windows Server และ Windows 10 สำหรับองค์กรมีปัญหา ส่งผลให้แอปและเว็บไซต์ที่ใช้ IIS ทำงานผิดพลาด ทั้งคิวที่ไม่ทำงาน การเขียนข้อมูลล้มเหลว และข้อความแจ้งว่า “ทรัพยากรไม่เพียงพอ” ทั้งที่จริง ๆ มีอยู่เต็ม ๆ ตอนนี้ Microsoft ยังไม่มีแพตช์แก้ไขถาวร แต่แนะนำให้ธุรกิจติดต่อฝ่ายสนับสนุนโดยตรงเพื่อหาทางแก้หรือย้อนกลับการอัปเดตไปก่อน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/having-windows-app-issues-microsoft-is-making-businesses-reach-out-directly-to-get-a-fix 🤖 สิ่งที่ต้องจำเมื่อใช้แชตบอท AI บทความนี้เตือนว่าเวลาคุยกับแชตบอท AI อย่าลืมว่าข้อมูลที่เราพิมพ์ไปอาจไม่หายไปไหน บางครั้งบริษัทที่พัฒนา AI มีทีมงานที่เห็นข้อมูลจริง ๆ ซึ่งอาจรวมถึงข้อมูลส่วนตัว เช่น วันเกิดหรือเลขบัญชี หากไม่ได้ลบออกก่อน การแชร์เอกสารทั้งฉบับกับบอทก็เสี่ยงมาก เพราะข้อมูลอาจถูกนำไปใช้ฝึกโมเดลต่อไปโดยไม่รู้ตัว ผู้เขียนจึงย้ำว่าทั้งธุรกิจและผู้ใช้ต้องมีวินัยในการจัดการข้อมูล ไม่ใช่แค่ปิดบัง แต่ต้องลบให้ถาวรเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในยุคที่ AI ถูกใช้แพร่หลาย 🔗 https://www.techradar.com/pro/5-things-businesses-and-users-should-remember-when-using-ai-chatbots 🔒 ช่องโหว่เก่าของ Asus ที่ยังตามหลอกหลอน CISA ของสหรัฐฯ ออกประกาศเตือนถึงช่องโหว่ในโปรแกรม Asus Live Update ที่เคยถูกโจมตีตั้งแต่ปี 2018–2019 โดยมีการฝังโค้ดอันตรายลงในเซิร์ฟเวอร์อัปเดต ทำให้เครื่องที่ดาวน์โหลดตัวติดตั้งบางรุ่นถูกควบคุมได้ ช่องโหว่นี้ถูกจัดเป็นระดับวิกฤติ และหน่วยงานรัฐต้องแก้ไขภายในต้นเดือนมกราคม แม้โปรแกรมจะหมดการสนับสนุนไปแล้ว แต่ก็ยังมีผลกับเครื่องที่ใช้เวอร์ชันเก่า ๆ องค์กรเอกชนก็ถูกแนะนำให้รีบอัปเดตหรือหยุดใช้งานเช่นกัน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/cisa-reveals-warning-on-asus-software-flaw-heres-what-you-need-to-do-to-stay-safe 🏠 กริ่งประตู Ring ที่พูดตอบเองได้ด้วย Alexa+ Ring เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อ Alexa+ Greetings ที่ใช้ AI ช่วยตอบคนที่มากดกริ่ง โดยมันสามารถแยกแยะว่าใครมา เช่น คนส่งของ เพื่อน หรือแม้แต่เซลส์แมน แล้วตอบกลับตามคำสั่งที่เจ้าของตั้งไว้ เช่น บอกให้วางพัสดุไว้หลังบ้าน หรือปฏิเสธการขายตรงอย่างสุภาพ ฟีเจอร์นี้ยังสามารถตอบคำถามต่อเนื่องได้ เช่น ถ้าต้องเซ็นรับของ Alexa+ ก็จะบอกให้ส่งกลับไปที่ศูนย์ ฟีเจอร์กำลังทยอยเปิดให้ผู้ใช้ในสหรัฐฯ และแคนาดา ถือเป็นการยกระดับความสะดวกสบายของบ้านอัจฉริยะอีกขั้น 🔗 https://www.techradar.com/home/smart-home/your-ring-doorbell-can-now-use-alexa-to-identify-whos-calling-and-give-them-an-appropriate-greeting 🛡️ ช่องโหว่ใหม่ใน Cisco ที่ถูกโจมตีแล้ว Cisco ออกมาเตือนว่ามีการค้นพบช่องโหว่แบบ zero-day ที่ถูกใช้โจมตีจริงแล้ว โดยกลุ่มแฮ็กเกอร์จากจีนเป็นผู้เกี่ยวข้อง ช่องโหว่นี้กระทบกับลูกค้าที่ใช้ซอฟต์แวร์ของ Cisco ทำให้ระบบถูกเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นภัยร้ายแรงที่กำลังเกิดขึ้นจริง และ Cisco กำลังเร่งออกแพตช์แก้ไขเพื่อป้องกันการโจมตีเพิ่มเติม 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/cisco-says-chinese-hackers-are-exploiting-its-customers-with-a-new-zero-day 📊 รีวิว Agile CRM ปี 2026 Agile CRM ถูกรีวิวอีกครั้งในปี 2026 โดยเน้นไปที่การใช้งานสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและกลาง จุดเด่นคือการรวมเครื่องมือด้านการตลาด การขาย และการบริการลูกค้าไว้ในแพลตฟอร์มเดียว ทำให้ทีมงานสามารถติดตามลูกค้าได้ครบวงจร แต่ก็มีข้อจำกัดในด้านการปรับแต่งและการรองรับการขยายตัวสำหรับองค์กรใหญ่ รีวิวนี้จึงชี้ว่า Agile CRM เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการโซลูชันครบวงจรในราคาที่เข้าถึงได้ 🔗 https://www.techradar.com/pro/software-services/agile-crm-review 🌐 จาก SaaS สู่ AI: การเปลี่ยนแปลงที่ผู้นำต้องเผชิญ บทความนี้เล่าถึงการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านเทคโนโลยีและวัฒนธรรมที่ผู้นำองค์กรต้องรับมือ ตั้งแต่การเปลี่ยนผ่านจาก SaaS ไปสู่การใช้ AI อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ใช่แค่เรื่องเครื่องมือ แต่ยังรวมถึงการปรับตัวของทีมงาน วัฒนธรรมองค์กร และการกำกับดูแล การเปลี่ยนแปลงนี้ถูกมองว่าเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายที่ต้องจัดการอย่างรอบคอบ 🔗 https://www.techradar.com/pro/from-saas-to-ai-the-technological-and-cultural-shifts-leaders-must-confront 🐞 โค้ดที่ AI สร้างมีบั๊กมากกว่ามนุษย์ รายงานล่าสุดชี้ว่าโค้ดที่สร้างโดย AI มีแนวโน้มจะมีบั๊กและข้อผิดพลาดมากกว่าที่มนุษย์เขียนเอง แม้ AI จะช่วยให้การพัฒนาเร็วขึ้น แต่ก็ทำให้ทีมงานต้องเสียเวลาในการตรวจสอบและแก้ไขมากขึ้น บทความนี้จึงเตือนว่าการใช้ AI ในการเขียนโค้ดควรถูกมองเป็นเครื่องมือช่วย ไม่ใช่การแทนที่นักพัฒนา 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/ai-generated-code-contains-more-bugs-and-errors-than-human-output 💻 รีวิว Geekom AX8 Max mini PC Geekom AX8 Max mini PC ถูกรีวิวโดยเน้นไปที่ความคุ้มค่าและประสิทธิภาพในเครื่องเล็ก ๆ รุ่นนี้มาพร้อมสเปกที่ตอบโจทย์ทั้งงานทั่วไปและการใช้งานที่ต้องการพลังประมวลผลสูงในขนาดกะทัดรัด ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากได้เครื่องเล็กแต่แรง 🔗 https://www.techradar.com/computing/geekom-ax8-max-mini-pc-review 🗺️ Google Maps เข้าใจคำพูดด้วย Gemini ผู้เขียนทดลองใช้ Gemini คุยกับ Google Maps ด้วยเสียง พบว่ามันสามารถตีความคำพูดที่ซับซ้อน เช่น “พาไปที่ร้านกาแฟที่อยู่ใกล้ ๆ และเปิดตอนนี้” ได้อย่างแม่นยำ ไม่ใช่แค่เส้นทาง แต่ยังรวมถึงเงื่อนไขเพิ่มเติม ทำให้การใช้งานแผนที่สะดวกขึ้นมาก ถือเป็นการยกระดับจากการพิมพ์หรือกดเลือกไปสู่การสื่อสารแบบธรรมชาติ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/i-tried-talking-to-google-maps-with-gemini-and-it-actually-understood-what-i-wanted 🔋 Ford เปลี่ยนโฟกัสจากรถไฟฟ้าไปสู่แบตเตอรี่ยักษ์ Ford กำลังปรับกลยุทธ์จากการผลิตรถบรรทุกไฟฟ้าไปสู่การสร้างระบบแบตเตอรี่ขนาดใหญ่เพื่อใช้กับโครงข่ายไฟฟ้าและดาต้าเซ็นเตอร์ทั่วสหรัฐฯ โดยมีแผนสร้างกำลังการผลิตถึง 20GWh การเปลี่ยนทิศนี้สะท้อนว่าตลาดรถไฟฟ้าอาจไม่ใช่เส้นทางเดียว แต่การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานพลังงานก็เป็นโอกาสใหม่ที่ใหญ่ไม่แพ้กัน 🔗 https://www.techradar.com/pro/ford-is-switching-some-battery-focus-from-cars-to-data-centers-with-plans-for-huge-20gwh-capacity 📈 คนรุ่นใหม่หลงรัก Microsoft Excel ผลสำรวจเผยว่าคนทำงานสายการเงินรุ่นใหม่มีความผูกพันกับ Excel มากกว่ารุ่นก่อน ๆ แม้จะมีเครื่องมือคู่แข่งออกมาแข่งหลายสิบปี แต่ Excel ยังคงเป็นเครื่องมือหลักที่พวกเขาเลือกใช้ ความภักดีนี้สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์และความคุ้นเคยที่ฝังลึกในวัฒนธรรมการทำงาน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/more-than-half-of-workers-say-they-really-love-excel-and-surprisingly-enough-its-younger-workers-who-are-apparently-more-infatuated 🎮 Nex Playground คอนโซลราคาประหยัดสำหรับครอบครัว รีวิว Nex Playground ชี้ว่าเป็นเครื่องเล่นเกมที่ราคาถูกกว่า แต่ยังมอบประสบการณ์สนุกสำหรับทุกคนในบ้าน แม้จะไม่แรงเท่าคอนโซลใหญ่ แต่ก็เพียงพอสำหรับเกมที่เล่นร่วมกัน ถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับครอบครัวที่อยากได้ความบันเทิงโดยไม่ต้องจ่ายแพง 🔗 https://www.techradar.com/gaming/nex-playground-review 💳 ระวังอีเมลปลอมจาก PayPal ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่ามีการใช้ระบบสมัครสมาชิกของ PayPal ในทางที่ผิด ส่งอีเมลปลอมแจ้งการซื้อเพื่อหลอกให้ผู้ใช้กดลิงก์หรือให้ข้อมูลส่วนตัว แม้จะดูเหมือนอีเมลจริง แต่จริง ๆ เป็นการฟิชชิ่งที่อันตราย ผู้ใช้จึงต้องตรวจสอบทุกครั้งก่อนคลิกลิงก์หรือยืนยันการชำระเงิน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/paypal-user-beware-experts-warn-subscriptions-being-abused-to-send-fake-purchase-emails 🌐 Urban VPN Proxy แอบสอดส่องผู้ใช้ มีการเปิดเผยว่า Urban VPN Proxy ซึ่งเป็นบริการฟรี กำลังถูกใช้เพื่อสอดแนมข้อมูลผู้ใช้ โดยเก็บข้อมูลการใช้งานและอาจส่งต่อไปยังบุคคลที่สาม ทำให้ผู้ใช้ที่คิดว่าได้ความปลอดภัยจาก VPN กลับเสี่ยงต่อการถูกละเมิดความเป็นส่วนตัว บทความนี้แนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้ VPN ฟรี และเลือกบริการที่มีความน่าเชื่อถือแทน 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/urban-vpn-proxy-is-the-latest-free-vpn-spying-on-users-heres-how-to-stay-safe 🐧 Proton VPN รองรับ Linux มากขึ้น Proton VPN ได้ขยายการรองรับไปยังอุปกรณ์ Linux เพิ่มเติม ทำให้ผู้ใช้ที่ใช้ระบบปฏิบัติการนี้สามารถติดตั้งและใช้งานแอปอย่างเป็นทางการได้ง่ายขึ้น ถือเป็นการเพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ที่ต้องการเชื่อมต่อ VPN บนแพลตฟอร์มที่หลากหลาย 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/official-proton-vpn-app-lands-on-even-more-linux-devices
    0 Comments 0 Shares 143 Views 0 Reviews
  • Texas Instruments เปิดโรงงานใหม่ ผลิตชิปวันละหลายสิบล้าน

    Texas Instruments (TI) ประกาศเปิดโรงงานผลิตเวเฟอร์ 300 มิลลิเมตร แห่งใหม่ที่เมือง Sherman รัฐเท็กซัส หลังจากลงทุนกว่า 60 พันล้านดอลลาร์ โดยโรงงานนี้ถือเป็นหนึ่งในสี่แห่งที่ TI วางแผนสร้างเพื่อเสริมกำลังการผลิตในสหรัฐฯ โรงงานแรก (SM1) เริ่มเดินเครื่องแล้ว และพร้อมส่งมอบชิปให้ลูกค้าในตลาดทันที

    โรงงาน SM1 จะเน้นผลิตชิปสำหรับระบบพลังงาน เช่น แบตเตอรี่รถยนต์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ระบบไฟส่องสว่างในรถยนต์ และระบบพลังงานในศูนย์ข้อมูล ไม่ได้มุ่งผลิตชิปประสิทธิภาพสูงสำหรับคอมพิวเตอร์ขั้นสูงเหมือน Intel หรือ TSMC แต่จะเน้นตลาดที่ต้องการความเสถียรและการผลิตในปริมาณมหาศาล ซึ่ง TI มองว่าเป็นจุดแข็งของบริษัท

    การลงทุนครั้งนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ “Made in USA” เพื่อเสริมความมั่นคงด้านห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ TI คาดว่าโรงงานทั้งสี่แห่งใน Sherman จะสร้างงานโดยตรงกว่า 3,000 ตำแหน่ง และช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ ขณะเดียวกัน TI ก็ทยอยปิดโรงงานเก่าที่ผลิตเวเฟอร์ 150 มิลลิเมตร เพื่อปรับสมดุลกำลังการผลิตไปสู่มาตรฐานใหม่

    นอกจากการเพิ่มกำลังผลิตแล้ว TI ยังเน้นพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงาน เช่น การลดการใช้พลังงานขณะสแตนด์บาย การเพิ่มความหนาแน่นของพลังงาน และการลดสัญญาณรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้า (EMI) เพื่อให้ชิปที่ผลิตออกมามีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่ออุตสาหกรรมยานยนต์และศูนย์ข้อมูลที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    การลงทุนครั้งใหญ่ของ TI
    มูลค่า 60 พันล้านดอลลาร์ สร้างโรงงาน 4 แห่งที่ Sherman, Texas

    โรงงาน SM1 เริ่มผลิตแล้ว
    เน้นชิปสำหรับระบบพลังงาน เช่น รถยนต์และศูนย์ข้อมูล

    ผลกระทบต่อการจ้างงาน
    คาดว่าจะสร้างงานกว่า 3,000 ตำแหน่งในพื้นที่

    การปรับสมดุลกำลังการผลิต
    ปิดโรงงานเก่าที่ผลิตเวเฟอร์ 150 มม. เพื่อย้ายไปสู่มาตรฐาน 300 มม.

    การพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงาน
    ลดการใช้พลังงานสแตนด์บาย เพิ่มความหนาแน่น และลด EMI

    คำเตือนด้านการแข่งขันและห่วงโซ่อุปทาน
    TI ไม่ได้ผลิตชิปขั้นสูงสำหรับ AI หรือ HPC อาจเสียเปรียบในตลาดประสิทธิภาพสูง
    แม้จะช่วยเสริมความมั่นคง แต่การลงทุนมหาศาลยังเสี่ยงต่อความผันผวนของตลาดเซมิคอนดักเตอร์

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/new-texas-instruments-fab-will-pump-out-tens-of-millions-of-chips-per-day-first-300mm-fab-starts-production-after-usd60-billion-investment
    🏭 Texas Instruments เปิดโรงงานใหม่ ผลิตชิปวันละหลายสิบล้าน Texas Instruments (TI) ประกาศเปิดโรงงานผลิตเวเฟอร์ 300 มิลลิเมตร แห่งใหม่ที่เมือง Sherman รัฐเท็กซัส หลังจากลงทุนกว่า 60 พันล้านดอลลาร์ โดยโรงงานนี้ถือเป็นหนึ่งในสี่แห่งที่ TI วางแผนสร้างเพื่อเสริมกำลังการผลิตในสหรัฐฯ โรงงานแรก (SM1) เริ่มเดินเครื่องแล้ว และพร้อมส่งมอบชิปให้ลูกค้าในตลาดทันที โรงงาน SM1 จะเน้นผลิตชิปสำหรับระบบพลังงาน เช่น แบตเตอรี่รถยนต์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ระบบไฟส่องสว่างในรถยนต์ และระบบพลังงานในศูนย์ข้อมูล ไม่ได้มุ่งผลิตชิปประสิทธิภาพสูงสำหรับคอมพิวเตอร์ขั้นสูงเหมือน Intel หรือ TSMC แต่จะเน้นตลาดที่ต้องการความเสถียรและการผลิตในปริมาณมหาศาล ซึ่ง TI มองว่าเป็นจุดแข็งของบริษัท การลงทุนครั้งนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ “Made in USA” เพื่อเสริมความมั่นคงด้านห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ TI คาดว่าโรงงานทั้งสี่แห่งใน Sherman จะสร้างงานโดยตรงกว่า 3,000 ตำแหน่ง และช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ ขณะเดียวกัน TI ก็ทยอยปิดโรงงานเก่าที่ผลิตเวเฟอร์ 150 มิลลิเมตร เพื่อปรับสมดุลกำลังการผลิตไปสู่มาตรฐานใหม่ นอกจากการเพิ่มกำลังผลิตแล้ว TI ยังเน้นพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงาน เช่น การลดการใช้พลังงานขณะสแตนด์บาย การเพิ่มความหนาแน่นของพลังงาน และการลดสัญญาณรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้า (EMI) เพื่อให้ชิปที่ผลิตออกมามีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่ออุตสาหกรรมยานยนต์และศูนย์ข้อมูลที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ การลงทุนครั้งใหญ่ของ TI ➡️ มูลค่า 60 พันล้านดอลลาร์ สร้างโรงงาน 4 แห่งที่ Sherman, Texas ✅ โรงงาน SM1 เริ่มผลิตแล้ว ➡️ เน้นชิปสำหรับระบบพลังงาน เช่น รถยนต์และศูนย์ข้อมูล ✅ ผลกระทบต่อการจ้างงาน ➡️ คาดว่าจะสร้างงานกว่า 3,000 ตำแหน่งในพื้นที่ ✅ การปรับสมดุลกำลังการผลิต ➡️ ปิดโรงงานเก่าที่ผลิตเวเฟอร์ 150 มม. เพื่อย้ายไปสู่มาตรฐาน 300 มม. ✅ การพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงาน ➡️ ลดการใช้พลังงานสแตนด์บาย เพิ่มความหนาแน่น และลด EMI ‼️ คำเตือนด้านการแข่งขันและห่วงโซ่อุปทาน ⛔ TI ไม่ได้ผลิตชิปขั้นสูงสำหรับ AI หรือ HPC อาจเสียเปรียบในตลาดประสิทธิภาพสูง ⛔ แม้จะช่วยเสริมความมั่นคง แต่การลงทุนมหาศาลยังเสี่ยงต่อความผันผวนของตลาดเซมิคอนดักเตอร์ https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/new-texas-instruments-fab-will-pump-out-tens-of-millions-of-chips-per-day-first-300mm-fab-starts-production-after-usd60-billion-investment
    0 Comments 0 Shares 76 Views 0 Reviews
  • AI ใช้พลังงานและน้ำมากกว่า Bitcoin Mining

    รายงานจาก Alex de Vries-Gao นักวิจัยจาก VU Amsterdam Institute for Environmental Studies ระบุว่า ความต้องการพลังงานของ AI อาจสูงถึง 23 กิกะวัตต์ในปี 2025 ซึ่งมากกว่าการใช้พลังงานของ Bitcoin mining ทั้งปี 2024 นอกจากนี้ยังคาดว่า AI จะใช้น้ำระหว่าง 312.5 ถึง 764.6 พันล้านลิตร สำหรับการระบายความร้อนในศูนย์ข้อมูล เทียบเท่ากับปริมาณน้ำดื่มบรรจุขวดที่คนทั้งโลกบริโภคในหนึ่งปี

    แม้ตัวเลขเหล่านี้จะเป็นการประมาณ แต่ก็สะท้อนถึงการขยายตัวอย่างรวดเร็วของศูนย์ข้อมูล AI ที่ต้องใช้พลังงานและน้ำจำนวนมหาศาล โดยเฉพาะเมื่อบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ไม่เปิดเผยข้อมูลการใช้ทรัพยากรจริงในรายงานความยั่งยืน ทำให้การประเมินต้องอาศัยการคาดการณ์จากข้อมูลการลงทุนและการติดตั้งฮาร์ดแวร์

    ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมยังรวมถึงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่สูงมาก โดยคาดว่า AI อาจสร้างคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ย 56 ล้านตันต่อปี ซึ่งใกล้เคียงกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศสิงคโปร์ทั้งประเทศในปี 2022 นอกจากนี้ยังมีความกังวลว่าตัวเลขจริงอาจสูงกว่าที่รายงาน เนื่องจากไม่ได้รวมผลกระทบจากห่วงโซ่อุปทาน เช่น การขุดแร่ การผลิตชิป และการกำจัดอุปกรณ์

    นักการเมืองในสหรัฐฯ เริ่มแสดงความกังวลต่อการใช้ทรัพยากรของ AI โดยมีการเรียกร้องให้บริษัทเทคโนโลยีเปิดเผยข้อมูลการใช้พลังงานและน้ำอย่างละเอียด รวมถึงข้อเสนอให้ชะลอการสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมในวงกว้าง

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    การใช้พลังงานของ AI
    คาดว่าจะสูงถึง 23GW ในปี 2025 มากกว่า Bitcoin mining ปี 2024

    การใช้น้ำเพื่อระบายความร้อน
    อยู่ระหว่าง 312.5–764.6 พันล้านลิตร เทียบเท่าน้ำดื่มบรรจุขวดที่คนทั้งโลกบริโภค

    การปล่อยก๊าซเรือนกระจก
    เฉลี่ย 56 ล้านตันต่อปี ใกล้เคียงกับการปล่อยของประเทศสิงคโปร์ในปี 2022

    ความโปร่งใสของบริษัทเทคโนโลยี
    ยังไม่เปิดเผยข้อมูลการใช้พลังงานและน้ำในรายงานความยั่งยืน

    คำเตือนด้านสิ่งแวดล้อม
    ตัวเลขจริงอาจสูงกว่าที่รายงาน เนื่องจากไม่ได้รวมผลกระทบจากห่วงโซ่อุปทาน
    การขยายศูนย์ข้อมูล AI อาจกระทบต่อทรัพยากรน้ำและพลังงานของประชาชนในอนาคต

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/ai-surpasses-2024-bitcoin-mining-in-energy-usage-uses-more-h20-than-the-bottles-of-water-people-drink-globally-study-claims-says-ai-demand-could-hit-23gw-and-up-to-764-billion-liters-of-water-in-2025
    ⚡ AI ใช้พลังงานและน้ำมากกว่า Bitcoin Mining รายงานจาก Alex de Vries-Gao นักวิจัยจาก VU Amsterdam Institute for Environmental Studies ระบุว่า ความต้องการพลังงานของ AI อาจสูงถึง 23 กิกะวัตต์ในปี 2025 ซึ่งมากกว่าการใช้พลังงานของ Bitcoin mining ทั้งปี 2024 นอกจากนี้ยังคาดว่า AI จะใช้น้ำระหว่าง 312.5 ถึง 764.6 พันล้านลิตร สำหรับการระบายความร้อนในศูนย์ข้อมูล เทียบเท่ากับปริมาณน้ำดื่มบรรจุขวดที่คนทั้งโลกบริโภคในหนึ่งปี แม้ตัวเลขเหล่านี้จะเป็นการประมาณ แต่ก็สะท้อนถึงการขยายตัวอย่างรวดเร็วของศูนย์ข้อมูล AI ที่ต้องใช้พลังงานและน้ำจำนวนมหาศาล โดยเฉพาะเมื่อบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ไม่เปิดเผยข้อมูลการใช้ทรัพยากรจริงในรายงานความยั่งยืน ทำให้การประเมินต้องอาศัยการคาดการณ์จากข้อมูลการลงทุนและการติดตั้งฮาร์ดแวร์ ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมยังรวมถึงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่สูงมาก โดยคาดว่า AI อาจสร้างคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ย 56 ล้านตันต่อปี ซึ่งใกล้เคียงกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศสิงคโปร์ทั้งประเทศในปี 2022 นอกจากนี้ยังมีความกังวลว่าตัวเลขจริงอาจสูงกว่าที่รายงาน เนื่องจากไม่ได้รวมผลกระทบจากห่วงโซ่อุปทาน เช่น การขุดแร่ การผลิตชิป และการกำจัดอุปกรณ์ นักการเมืองในสหรัฐฯ เริ่มแสดงความกังวลต่อการใช้ทรัพยากรของ AI โดยมีการเรียกร้องให้บริษัทเทคโนโลยีเปิดเผยข้อมูลการใช้พลังงานและน้ำอย่างละเอียด รวมถึงข้อเสนอให้ชะลอการสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมในวงกว้าง 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ การใช้พลังงานของ AI ➡️ คาดว่าจะสูงถึง 23GW ในปี 2025 มากกว่า Bitcoin mining ปี 2024 ✅ การใช้น้ำเพื่อระบายความร้อน ➡️ อยู่ระหว่าง 312.5–764.6 พันล้านลิตร เทียบเท่าน้ำดื่มบรรจุขวดที่คนทั้งโลกบริโภค ✅ การปล่อยก๊าซเรือนกระจก ➡️ เฉลี่ย 56 ล้านตันต่อปี ใกล้เคียงกับการปล่อยของประเทศสิงคโปร์ในปี 2022 ✅ ความโปร่งใสของบริษัทเทคโนโลยี ➡️ ยังไม่เปิดเผยข้อมูลการใช้พลังงานและน้ำในรายงานความยั่งยืน ‼️ คำเตือนด้านสิ่งแวดล้อม ⛔ ตัวเลขจริงอาจสูงกว่าที่รายงาน เนื่องจากไม่ได้รวมผลกระทบจากห่วงโซ่อุปทาน ⛔ การขยายศูนย์ข้อมูล AI อาจกระทบต่อทรัพยากรน้ำและพลังงานของประชาชนในอนาคต https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/ai-surpasses-2024-bitcoin-mining-in-energy-usage-uses-more-h20-than-the-bottles-of-water-people-drink-globally-study-claims-says-ai-demand-could-hit-23gw-and-up-to-764-billion-liters-of-water-in-2025
    0 Comments 0 Shares 88 Views 0 Reviews
  • Amazon จับได้พนักงานปลอมจากเกาหลีเหนือด้วย Keystroke Lag

    Amazon เปิดเผยกรณีการตรวจจับพนักงานปลอมจากเกาหลีเหนือที่พยายามแฝงตัวเข้ามาทำงานในฝ่าย IT ของบริษัทในสหรัฐฯ โดยใช้วิธีการ Remote Control ผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่ในอเมริกา แต่จริง ๆ แล้วถูกควบคุมจากต่างประเทศ ความผิดปกติที่นำไปสู่การจับได้คือ ความหน่วงในการพิมพ์ (Keystroke Lag) ที่มากกว่า 110 มิลลิวินาที ซึ่งสูงกว่าค่าปกติของผู้ใช้ในสหรัฐฯ ที่มักอยู่ในระดับไม่กี่สิบมิลลิวินาที

    Stephen Schmidt, Chief Security Officer ของ Amazon ระบุว่า บริษัทได้สกัดกั้นความพยายามแฝงตัวของเกาหลีเหนือมากกว่า 1,800 ครั้งตั้งแต่ปี 2024 และจำนวนความพยายามยังคงเพิ่มขึ้นกว่า 27% ต่อไตรมาส การแฝงตัวเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างรายได้ให้กับรัฐบาลเกาหลีเหนือ รวมถึงอาจใช้เพื่อการจารกรรมหรือก่อวินาศกรรม

    การตรวจจับครั้งนี้เกิดขึ้นจากระบบเฝ้าระวังที่แจ้งเตือนพฤติกรรมผิดปกติของพนักงานใหม่ ทำให้ทีมรักษาความปลอดภัยตรวจสอบและพบว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ในสหรัฐฯ ถูกควบคุมจากระยะไกลโดยบุคคลในเกาหลีเหนือ นอกจากนี้ยังพบผู้หญิงชาวอเมริกันที่ช่วยจัดหางานให้กับแรงงานเกาหลีเหนือถูกตัดสินจำคุกไปก่อนหน้านี้

    กรณีนี้สะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของการแฝงตัวในองค์กรขนาดใหญ่ และความสำคัญของการตรวจสอบพฤติกรรมดิจิทัลที่ละเอียดอ่อน เช่น ความหน่วงของการพิมพ์ หรือการใช้ภาษาและสำนวนที่ไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่งสามารถเป็นเบาะแสสำคัญในการตรวจจับผู้แฝงตัว

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    การตรวจจับด้วย Keystroke Lag
    พบความหน่วงมากกว่า 110 มิลลิวินาที ซึ่งผิดปกติสำหรับผู้ใช้ในสหรัฐฯ

    จำนวนความพยายามแฝงตัว
    Amazon สกัดกั้นได้มากกว่า 1,800 ครั้งตั้งแต่ปี 2024 และยังเพิ่มขึ้น 27% ต่อไตรมาส

    เป้าหมายของการแฝงตัว
    เพื่อสร้างรายได้ให้รัฐบาลเกาหลีเหนือ และอาจใช้เพื่อจารกรรมหรือก่อวินาศกรรม

    การดำเนินคดีที่เกี่ยวข้อง
    ผู้หญิงชาวอเมริกันที่ช่วยจัดหางานให้แรงงานเกาหลีเหนือถูกตัดสินจำคุกแล้ว

    คำเตือนด้านความปลอดภัยองค์กร
    การแฝงตัวอาจเกิดขึ้นได้แม้ในบริษัทขนาดใหญ่ที่มีระบบรักษาความปลอดภัยเข้มงวด
    พฤติกรรมดิจิทัลเล็ก ๆ เช่น ความหน่วงของการพิมพ์ หรือการใช้ภาษา อาจเป็นสัญญาณที่ไม่ควรมองข้าม

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/north-korean-infiltrator-caught-working-in-amazon-it-department-thanks-to-lag-110ms-keystroke-input-raises-red-flags-over-true-location
    🛡️ Amazon จับได้พนักงานปลอมจากเกาหลีเหนือด้วย Keystroke Lag Amazon เปิดเผยกรณีการตรวจจับพนักงานปลอมจากเกาหลีเหนือที่พยายามแฝงตัวเข้ามาทำงานในฝ่าย IT ของบริษัทในสหรัฐฯ โดยใช้วิธีการ Remote Control ผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่ในอเมริกา แต่จริง ๆ แล้วถูกควบคุมจากต่างประเทศ ความผิดปกติที่นำไปสู่การจับได้คือ ความหน่วงในการพิมพ์ (Keystroke Lag) ที่มากกว่า 110 มิลลิวินาที ซึ่งสูงกว่าค่าปกติของผู้ใช้ในสหรัฐฯ ที่มักอยู่ในระดับไม่กี่สิบมิลลิวินาที Stephen Schmidt, Chief Security Officer ของ Amazon ระบุว่า บริษัทได้สกัดกั้นความพยายามแฝงตัวของเกาหลีเหนือมากกว่า 1,800 ครั้งตั้งแต่ปี 2024 และจำนวนความพยายามยังคงเพิ่มขึ้นกว่า 27% ต่อไตรมาส การแฝงตัวเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างรายได้ให้กับรัฐบาลเกาหลีเหนือ รวมถึงอาจใช้เพื่อการจารกรรมหรือก่อวินาศกรรม การตรวจจับครั้งนี้เกิดขึ้นจากระบบเฝ้าระวังที่แจ้งเตือนพฤติกรรมผิดปกติของพนักงานใหม่ ทำให้ทีมรักษาความปลอดภัยตรวจสอบและพบว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ในสหรัฐฯ ถูกควบคุมจากระยะไกลโดยบุคคลในเกาหลีเหนือ นอกจากนี้ยังพบผู้หญิงชาวอเมริกันที่ช่วยจัดหางานให้กับแรงงานเกาหลีเหนือถูกตัดสินจำคุกไปก่อนหน้านี้ กรณีนี้สะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของการแฝงตัวในองค์กรขนาดใหญ่ และความสำคัญของการตรวจสอบพฤติกรรมดิจิทัลที่ละเอียดอ่อน เช่น ความหน่วงของการพิมพ์ หรือการใช้ภาษาและสำนวนที่ไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่งสามารถเป็นเบาะแสสำคัญในการตรวจจับผู้แฝงตัว 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ การตรวจจับด้วย Keystroke Lag ➡️ พบความหน่วงมากกว่า 110 มิลลิวินาที ซึ่งผิดปกติสำหรับผู้ใช้ในสหรัฐฯ ✅ จำนวนความพยายามแฝงตัว ➡️ Amazon สกัดกั้นได้มากกว่า 1,800 ครั้งตั้งแต่ปี 2024 และยังเพิ่มขึ้น 27% ต่อไตรมาส ✅ เป้าหมายของการแฝงตัว ➡️ เพื่อสร้างรายได้ให้รัฐบาลเกาหลีเหนือ และอาจใช้เพื่อจารกรรมหรือก่อวินาศกรรม ✅ การดำเนินคดีที่เกี่ยวข้อง ➡️ ผู้หญิงชาวอเมริกันที่ช่วยจัดหางานให้แรงงานเกาหลีเหนือถูกตัดสินจำคุกแล้ว ‼️ คำเตือนด้านความปลอดภัยองค์กร ⛔ การแฝงตัวอาจเกิดขึ้นได้แม้ในบริษัทขนาดใหญ่ที่มีระบบรักษาความปลอดภัยเข้มงวด ⛔ พฤติกรรมดิจิทัลเล็ก ๆ เช่น ความหน่วงของการพิมพ์ หรือการใช้ภาษา อาจเป็นสัญญาณที่ไม่ควรมองข้าม https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/north-korean-infiltrator-caught-working-in-amazon-it-department-thanks-to-lag-110ms-keystroke-input-raises-red-flags-over-true-location
    0 Comments 0 Shares 71 Views 0 Reviews
  • Kernel 6.17 ถึงจุดสิ้นสุดการสนับสนุน – อัปเกรดสู่ 6.18 LTS
    Linux Kernel เวอร์ชัน 6.17 ได้ถูกประกาศให้เป็น End of Life (EOL) แล้วโดย Greg Kroah-Hartman ซึ่งหมายความว่าจะไม่มีการอัปเดตด้านความปลอดภัยหรือบั๊กอีกต่อไป ผู้ใช้ที่ยังคงใช้ Kernel รุ่นนี้จึงควรรีบอัปเกรดไปยัง Linux Kernel 6.18 LTS ซึ่งเป็นรุ่นที่ได้รับการสนับสนุนระยะยาวและมีการแก้ไขบั๊กจำนวนมาก.

    Kernel 6.18 LTS มาพร้อมกับการปรับปรุงหลายด้าน เช่น การรองรับฮาร์ดแวร์ใหม่ ๆ, การปรับปรุงประสิทธิภาพ และการแก้ไขบั๊กที่สะสมจากรุ่นก่อนหน้า โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาความปลอดภัยที่สำคัญ ทำให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่าระบบจะมีความเสถียรและปลอดภัยมากขึ้นเมื่อใช้งานในระยะยาว.

    การประกาศ EOL ของ Kernel 6.17 สะท้อนถึงธรรมชาติของการพัฒนา Linux ที่มีการออกเวอร์ชันใหม่อย่างต่อเนื่อง รุ่นที่ไม่ใช่ LTS มักจะมีวงจรชีวิตสั้นเพียงไม่กี่เดือน และถูกแทนที่ด้วยรุ่นใหม่ที่มีการสนับสนุนยาวกว่า การเลือกใช้ LTS จึงเป็นแนวทางที่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้ทั่วไปและองค์กรที่ต้องการความมั่นคง.

    ผู้ใช้สามารถอัปเดตไปยัง Kernel 6.18.1 หรือทดสอบ 6.19 RC1 ได้แล้ว โดยการอัปเดตนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ระบบปลอดภัยขึ้น แต่ยังทำให้สามารถใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์ใหม่ ๆ และการรองรับฮาร์ดแวร์ล่าสุดได้เต็มที่.

    สรุปสาระสำคัญ
    Linux Kernel 6.17 EOL แล้ว
    ไม่มีการอัปเดตด้านความปลอดภัยหรือบั๊กอีกต่อไป
    ผู้ใช้ควรอัปเกรดทันที

    Kernel 6.18 LTS คือรุ่นที่แนะนำ
    ได้รับการสนับสนุนระยะยาว
    มีการแก้ไขบั๊กและปรับปรุงประสิทธิภาพ

    วงจรชีวิต Kernel รุ่นสั้น
    รุ่น non-LTS มักอยู่ได้เพียงไม่กี่เดือน
    LTS เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไปและองค์กร

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    หากยังใช้ Kernel 6.17 จะเสี่ยงต่อช่องโหว่และบั๊กที่ไม่ได้รับการแก้ไข
    ควรอัปเดตเป็น 6.18.1 หรือทดสอบ 6.19 RC1 เพื่อความปลอดภัยและเสถียรภาพ

    https://9to5linux.com/linux-kernel-6-17-reaches-end-of-life-its-time-to-upgrade-to-linux-kernel-6-18-lts
    🐧 Kernel 6.17 ถึงจุดสิ้นสุดการสนับสนุน – อัปเกรดสู่ 6.18 LTS Linux Kernel เวอร์ชัน 6.17 ได้ถูกประกาศให้เป็น End of Life (EOL) แล้วโดย Greg Kroah-Hartman ซึ่งหมายความว่าจะไม่มีการอัปเดตด้านความปลอดภัยหรือบั๊กอีกต่อไป ผู้ใช้ที่ยังคงใช้ Kernel รุ่นนี้จึงควรรีบอัปเกรดไปยัง Linux Kernel 6.18 LTS ซึ่งเป็นรุ่นที่ได้รับการสนับสนุนระยะยาวและมีการแก้ไขบั๊กจำนวนมาก. Kernel 6.18 LTS มาพร้อมกับการปรับปรุงหลายด้าน เช่น การรองรับฮาร์ดแวร์ใหม่ ๆ, การปรับปรุงประสิทธิภาพ และการแก้ไขบั๊กที่สะสมจากรุ่นก่อนหน้า โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาความปลอดภัยที่สำคัญ ทำให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่าระบบจะมีความเสถียรและปลอดภัยมากขึ้นเมื่อใช้งานในระยะยาว. การประกาศ EOL ของ Kernel 6.17 สะท้อนถึงธรรมชาติของการพัฒนา Linux ที่มีการออกเวอร์ชันใหม่อย่างต่อเนื่อง รุ่นที่ไม่ใช่ LTS มักจะมีวงจรชีวิตสั้นเพียงไม่กี่เดือน และถูกแทนที่ด้วยรุ่นใหม่ที่มีการสนับสนุนยาวกว่า การเลือกใช้ LTS จึงเป็นแนวทางที่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้ทั่วไปและองค์กรที่ต้องการความมั่นคง. ผู้ใช้สามารถอัปเดตไปยัง Kernel 6.18.1 หรือทดสอบ 6.19 RC1 ได้แล้ว โดยการอัปเดตนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ระบบปลอดภัยขึ้น แต่ยังทำให้สามารถใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์ใหม่ ๆ และการรองรับฮาร์ดแวร์ล่าสุดได้เต็มที่. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Linux Kernel 6.17 EOL แล้ว ➡️ ไม่มีการอัปเดตด้านความปลอดภัยหรือบั๊กอีกต่อไป ➡️ ผู้ใช้ควรอัปเกรดทันที ✅ Kernel 6.18 LTS คือรุ่นที่แนะนำ ➡️ ได้รับการสนับสนุนระยะยาว ➡️ มีการแก้ไขบั๊กและปรับปรุงประสิทธิภาพ ✅ วงจรชีวิต Kernel รุ่นสั้น ➡️ รุ่น non-LTS มักอยู่ได้เพียงไม่กี่เดือน ➡️ LTS เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไปและองค์กร ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ หากยังใช้ Kernel 6.17 จะเสี่ยงต่อช่องโหว่และบั๊กที่ไม่ได้รับการแก้ไข ⛔ ควรอัปเดตเป็น 6.18.1 หรือทดสอบ 6.19 RC1 เพื่อความปลอดภัยและเสถียรภาพ https://9to5linux.com/linux-kernel-6-17-reaches-end-of-life-its-time-to-upgrade-to-linux-kernel-6-18-lts
    9TO5LINUX.COM
    Linux Kernel 6.17 Reaches End of Life, It’s Time to Upgrade to Linux Kernel 6.18 LTS - 9to5Linux
    Linux kernel 6.17 reached end of life and all users are now recommended to upgrade their systems to the latest Linux 6.18 kernel series.
    0 Comments 0 Shares 47 Views 0 Reviews
  • ช่องโหว่ Rust แรกใน Linux Kernel – แค่ทำให้ระบบ Crash แต่ไม่ถูกยึดเครื่อง

    การประกาศช่องโหว่ CVE-2025-68260 ใน Linux Kernel ที่เขียนด้วยภาษา Rust ถือเป็นครั้งแรกที่ Rust ถูกบันทึกในฐานข้อมูล CVE ของ Kernel โดยช่องโหว่นี้เกิดขึ้นใน Android Binder driver ซึ่งทำหน้าที่สื่อสารระหว่างส่วนต่าง ๆ ของระบบ Android เมื่อเกิดการเข้าถึงข้อมูลพร้อมกัน (data race) ทำให้ระบบล่ม แต่ไม่เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีเข้าควบคุมเครื่องหรือขโมยข้อมูลได้ ซึ่งถือว่าเบากว่าช่องโหว่ใน C ที่มักนำไปสู่การโจมตีร้ายแรง

    สิ่งที่น่าสนใจคือ ในวันเดียวกันมีการประกาศช่องโหว่กว่า 159 รายการในโค้ด C ของ Kernel ซึ่งตอกย้ำว่า Rust แม้ไม่ใช่ “กระสุนเงิน” ที่แก้ปัญหาทั้งหมด แต่ช่วยลดจำนวนช่องโหว่ที่ร้ายแรงได้มาก การที่ Rust ถูกนำมาใช้ใน Kernel จึงเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อความปลอดภัยในระยะยาว แม้จะยังมีบั๊กที่ทำให้ระบบ crash อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงขั้นเปิดช่องให้โจมตี

    จากมุมมองวงการโอเพนซอร์ส การที่ Rust เริ่มถูกใช้ในโครงการใหญ่ ๆ เช่น Linux Kernel และ Tor Project แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนผ่านจากภาษา C ที่ครองโลกมานาน Rust มีจุดแข็งด้าน memory safety และ concurrency ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีแบบ buffer overflow หรือ use-after-free ซึ่งเป็นปัญหาที่ฝังรากลึกในโค้ด C มาหลายสิบปี

    อย่างไรก็ตาม การนำ Rust มาใช้ก็ยังมีความท้าทาย เช่น การผสมผสานกับโค้ด C ที่มีอยู่เดิม การจัดการทีมพัฒนา และการทำให้ ecosystem ของ Rust เติบโตพอที่จะรองรับงานระดับ Kernel แต่ทิศทางนี้สะท้อนว่าโลกโอเพนซอร์สกำลังมุ่งไปสู่ความปลอดภัยที่ยั่งยืนมากขึ้น โดยไม่ทิ้งการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

    สรุปสาระสำคัญ
    ช่องโหว่ Rust CVE-2025-68260
    เกิดใน Android Binder driver ของ Linux 6.18
    ทำให้ระบบ crash แต่ไม่เปิดช่องให้โจมตี

    Rust ไม่ใช่คำตอบทั้งหมด แต่ช่วยลดความเสี่ยง
    Greg Kroah-Hartman ย้ำว่า Rust ไม่ใช่ “silver bullet”
    แต่ช่วยลดจำนวนช่องโหว่ร้ายแรงเมื่อเทียบกับ C

    การเปลี่ยนผ่านสู่ Rust ในโครงการใหญ่
    Linux Kernel และ Tor Project เริ่มใช้ Rust
    จุดแข็งคือ memory safety และ concurrency

    คำเตือนด้านความปลอดภัย
    แม้ช่องโหว่ Rust ครั้งนี้ไม่ร้ายแรง แต่ระบบยัง crash ได้
    ผู้ใช้ควรอัปเดต Kernel เป็นเวอร์ชันล่าสุด (6.18.1 หรือ 6.19-RC1) เพื่อความปลอดภัย

    https://itsfoss.com/news/first-linux-kernel-rust-cve/
    🖥️ ช่องโหว่ Rust แรกใน Linux Kernel – แค่ทำให้ระบบ Crash แต่ไม่ถูกยึดเครื่อง การประกาศช่องโหว่ CVE-2025-68260 ใน Linux Kernel ที่เขียนด้วยภาษา Rust ถือเป็นครั้งแรกที่ Rust ถูกบันทึกในฐานข้อมูล CVE ของ Kernel โดยช่องโหว่นี้เกิดขึ้นใน Android Binder driver ซึ่งทำหน้าที่สื่อสารระหว่างส่วนต่าง ๆ ของระบบ Android เมื่อเกิดการเข้าถึงข้อมูลพร้อมกัน (data race) ทำให้ระบบล่ม แต่ไม่เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีเข้าควบคุมเครื่องหรือขโมยข้อมูลได้ ซึ่งถือว่าเบากว่าช่องโหว่ใน C ที่มักนำไปสู่การโจมตีร้ายแรง สิ่งที่น่าสนใจคือ ในวันเดียวกันมีการประกาศช่องโหว่กว่า 159 รายการในโค้ด C ของ Kernel ซึ่งตอกย้ำว่า Rust แม้ไม่ใช่ “กระสุนเงิน” ที่แก้ปัญหาทั้งหมด แต่ช่วยลดจำนวนช่องโหว่ที่ร้ายแรงได้มาก การที่ Rust ถูกนำมาใช้ใน Kernel จึงเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อความปลอดภัยในระยะยาว แม้จะยังมีบั๊กที่ทำให้ระบบ crash อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงขั้นเปิดช่องให้โจมตี จากมุมมองวงการโอเพนซอร์ส การที่ Rust เริ่มถูกใช้ในโครงการใหญ่ ๆ เช่น Linux Kernel และ Tor Project แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนผ่านจากภาษา C ที่ครองโลกมานาน Rust มีจุดแข็งด้าน memory safety และ concurrency ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีแบบ buffer overflow หรือ use-after-free ซึ่งเป็นปัญหาที่ฝังรากลึกในโค้ด C มาหลายสิบปี อย่างไรก็ตาม การนำ Rust มาใช้ก็ยังมีความท้าทาย เช่น การผสมผสานกับโค้ด C ที่มีอยู่เดิม การจัดการทีมพัฒนา และการทำให้ ecosystem ของ Rust เติบโตพอที่จะรองรับงานระดับ Kernel แต่ทิศทางนี้สะท้อนว่าโลกโอเพนซอร์สกำลังมุ่งไปสู่ความปลอดภัยที่ยั่งยืนมากขึ้น โดยไม่ทิ้งการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ช่องโหว่ Rust CVE-2025-68260 ➡️ เกิดใน Android Binder driver ของ Linux 6.18 ➡️ ทำให้ระบบ crash แต่ไม่เปิดช่องให้โจมตี ✅ Rust ไม่ใช่คำตอบทั้งหมด แต่ช่วยลดความเสี่ยง ➡️ Greg Kroah-Hartman ย้ำว่า Rust ไม่ใช่ “silver bullet” ➡️ แต่ช่วยลดจำนวนช่องโหว่ร้ายแรงเมื่อเทียบกับ C ✅ การเปลี่ยนผ่านสู่ Rust ในโครงการใหญ่ ➡️ Linux Kernel และ Tor Project เริ่มใช้ Rust ➡️ จุดแข็งคือ memory safety และ concurrency ‼️ คำเตือนด้านความปลอดภัย ⛔ แม้ช่องโหว่ Rust ครั้งนี้ไม่ร้ายแรง แต่ระบบยัง crash ได้ ⛔ ผู้ใช้ควรอัปเดต Kernel เป็นเวอร์ชันล่าสุด (6.18.1 หรือ 6.19-RC1) เพื่อความปลอดภัย https://itsfoss.com/news/first-linux-kernel-rust-cve/
    ITSFOSS.COM
    The First Rust CVE in Linux Kernel Only Makes Your System Crash
    Greg Kroah-Hartman announced this alongside 150+ C code vulnerabilities that were addressed.
    0 Comments 0 Shares 54 Views 0 Reviews
  • Astral เปิดตัว ty – Type Checker ที่เร็วที่สุดสำหรับ Python

    Astral ผู้พัฒนาเครื่องมือดังอย่าง uv (package manager) และ Ruff (linter/formatter) ประกาศเปิดตัว ty ในสถานะ Beta รุ่นใหม่ที่ถูกออกแบบมาเป็น extremely fast Python type checker และ language server เขียนด้วย Rust เพื่อเป็นทางเลือกแทน mypy, Pyright และ Pylance โดยทีมงานยืนยันว่าได้ใช้ ty ในโปรเจกต์จริงแล้ว และพร้อมแนะนำให้ผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงนำไปใช้ใน production.

    จุดเด่นของ ty คือ ความเร็วเหนือชั้น โดยไม่ใช้ caching ก็ยังเร็วกว่า mypy และ Pyright ถึง 10–60 เท่า และเมื่อใช้งานใน editor ความต่างยิ่งชัดเจน เช่น การแก้ไขไฟล์สำคัญใน PyTorch repository ty ใช้เวลาเพียง 4.7ms ในการ recompute diagnostics เทียบกับ Pyright ที่ใช้ 386ms และ Pyrefly ที่ใช้ 2.38 วินาที นั่นหมายถึงการตอบสนองแบบ real-time ที่แทบไม่สะดุดสำหรับนักพัฒนา.

    นอกจากความเร็วแล้ว ty ยังมาพร้อม ฟีเจอร์เชิงทฤษฎีขั้นสูง เช่น intersection types, type narrowing และ reachability analysis ที่ช่วยลด false positives และให้ feedback ที่แม่นยำกว่าเดิม ระบบ diagnostic ได้แรงบันดาลใจจาก Rust compiler โดยสามารถอธิบายปัญหาแบบ cross-file และเสนอแนวทางแก้ไข ทำให้ผู้ใช้เข้าใจได้ทั้ง “อะไรผิด” และ “ทำไมผิด”.

    ty รองรับ Language Server Protocol เต็มรูปแบบ เช่น Go to Definition, Auto-Complete, Semantic Highlighting และ Inlay Hints พร้อม extension สำหรับ VS Code และ Cursor ทีม Astral ตั้งเป้าออก Stable release ในปีหน้า โดยจะเพิ่มการรองรับ third-party libraries อย่าง Pydantic และ Django รวมถึงฟีเจอร์เชิง semantic เช่น dead code elimination, CVE reachability analysis และ type-aware linting เพื่อผลักดัน Python ให้เป็น ecosystem ที่ productive ที่สุด.

    สรุปเป็นหัวข้อ
    เปิดตัว ty Beta โดย Astral
    เขียนด้วย Rust เป็นทางเลือกแทน mypy, Pyright, Pylance
    ใช้งานจริงแล้วในโปรเจกต์ของทีม Astral

    ความเร็วเหนือคู่แข่ง
    เร็วกว่า mypy และ Pyright 10–60 เท่า
    Recompute diagnostics ใน PyTorch repository เพียง 4.7ms

    ฟีเจอร์เชิงทฤษฎีและระบบ Diagnostic
    Intersection types, type narrowing, reachability analysis
    Diagnostic อธิบายปัญหาแบบ cross-file พร้อมแนวทางแก้ไข

    รองรับการใช้งานใน Editor และ Ecosystem
    รองรับ LSP เต็มรูปแบบ (Auto-Complete, Go to Definition ฯลฯ)
    เตรียมเพิ่มการรองรับ Pydantic, Django และฟีเจอร์ semantic อื่น ๆ

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    ยังอยู่ในสถานะ Beta อาจมีบั๊กและต้องการเสถียรภาพเพิ่ม
    การใช้งานกับ third-party libraries ยังไม่สมบูรณ์ ต้องรอ Stable release

    https://astral.sh/blog/ty
    🚀 Astral เปิดตัว ty – Type Checker ที่เร็วที่สุดสำหรับ Python Astral ผู้พัฒนาเครื่องมือดังอย่าง uv (package manager) และ Ruff (linter/formatter) ประกาศเปิดตัว ty ในสถานะ Beta รุ่นใหม่ที่ถูกออกแบบมาเป็น extremely fast Python type checker และ language server เขียนด้วย Rust เพื่อเป็นทางเลือกแทน mypy, Pyright และ Pylance โดยทีมงานยืนยันว่าได้ใช้ ty ในโปรเจกต์จริงแล้ว และพร้อมแนะนำให้ผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงนำไปใช้ใน production. จุดเด่นของ ty คือ ความเร็วเหนือชั้น โดยไม่ใช้ caching ก็ยังเร็วกว่า mypy และ Pyright ถึง 10–60 เท่า และเมื่อใช้งานใน editor ความต่างยิ่งชัดเจน เช่น การแก้ไขไฟล์สำคัญใน PyTorch repository ty ใช้เวลาเพียง 4.7ms ในการ recompute diagnostics เทียบกับ Pyright ที่ใช้ 386ms และ Pyrefly ที่ใช้ 2.38 วินาที นั่นหมายถึงการตอบสนองแบบ real-time ที่แทบไม่สะดุดสำหรับนักพัฒนา. นอกจากความเร็วแล้ว ty ยังมาพร้อม ฟีเจอร์เชิงทฤษฎีขั้นสูง เช่น intersection types, type narrowing และ reachability analysis ที่ช่วยลด false positives และให้ feedback ที่แม่นยำกว่าเดิม ระบบ diagnostic ได้แรงบันดาลใจจาก Rust compiler โดยสามารถอธิบายปัญหาแบบ cross-file และเสนอแนวทางแก้ไข ทำให้ผู้ใช้เข้าใจได้ทั้ง “อะไรผิด” และ “ทำไมผิด”. ty รองรับ Language Server Protocol เต็มรูปแบบ เช่น Go to Definition, Auto-Complete, Semantic Highlighting และ Inlay Hints พร้อม extension สำหรับ VS Code และ Cursor ทีม Astral ตั้งเป้าออก Stable release ในปีหน้า โดยจะเพิ่มการรองรับ third-party libraries อย่าง Pydantic และ Django รวมถึงฟีเจอร์เชิง semantic เช่น dead code elimination, CVE reachability analysis และ type-aware linting เพื่อผลักดัน Python ให้เป็น ecosystem ที่ productive ที่สุด. 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ เปิดตัว ty Beta โดย Astral ➡️ เขียนด้วย Rust เป็นทางเลือกแทน mypy, Pyright, Pylance ➡️ ใช้งานจริงแล้วในโปรเจกต์ของทีม Astral ✅ ความเร็วเหนือคู่แข่ง ➡️ เร็วกว่า mypy และ Pyright 10–60 เท่า ➡️ Recompute diagnostics ใน PyTorch repository เพียง 4.7ms ✅ ฟีเจอร์เชิงทฤษฎีและระบบ Diagnostic ➡️ Intersection types, type narrowing, reachability analysis ➡️ Diagnostic อธิบายปัญหาแบบ cross-file พร้อมแนวทางแก้ไข ✅ รองรับการใช้งานใน Editor และ Ecosystem ➡️ รองรับ LSP เต็มรูปแบบ (Auto-Complete, Go to Definition ฯลฯ) ➡️ เตรียมเพิ่มการรองรับ Pydantic, Django และฟีเจอร์ semantic อื่น ๆ ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง ⛔ ยังอยู่ในสถานะ Beta อาจมีบั๊กและต้องการเสถียรภาพเพิ่ม ⛔ การใช้งานกับ third-party libraries ยังไม่สมบูรณ์ ต้องรอ Stable release https://astral.sh/blog/ty
    ASTRAL.SH
    ty: An extremely fast Python type checker and language server
    ty is an extremely fast Python type checker and language server, written in Rust, and designed as an alternative to mypy, Pyright, and Pylance.
    0 Comments 0 Shares 69 Views 0 Reviews
  • AI กำลังทำให้ Formal Verification กลายเป็นกระแสหลักในซอฟต์แวร์

    Formal Verification หรือการพิสูจน์ความถูกต้องของซอฟต์แวร์ด้วยหลักคณิตศาสตร์ เคยเป็นเรื่องที่ใช้เฉพาะในงานวิจัยหรือระบบที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ระบบการบินหรือการเข้ารหัสข้อมูล เนื่องจากต้องใช้เวลาและความเชี่ยวชาญสูงมาก เช่น กรณี seL4 microkernel ที่ใช้เวลาถึง 20 ปีคนในการพิสูจน์ความถูกต้องของโค้ดเพียงไม่กี่พันบรรทัด. แต่ปัจจุบัน AI โดยเฉพาะ LLM-based coding assistants กำลังเข้ามาช่วยลดภาระนี้อย่างมหาศาล.

    AI ไม่เพียงแต่ช่วยเขียนโค้ด แต่ยังสามารถสร้าง proof scripts เพื่อยืนยันว่าโค้ดนั้นสอดคล้องกับสเปกที่กำหนดไว้ Proof checkers อย่าง Isabelle หรือ Lean จะทำหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้อง ทำให้แม้ AI จะ “หลอน” หรือสร้างโค้ดผิดพลาด ก็ไม่สามารถผ่านการตรวจสอบได้ สิ่งนี้เปลี่ยนสมการทางเศรษฐศาสตร์ของการพัฒนา เพราะต้นทุนการพิสูจน์ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับต้นทุนของบั๊กที่อาจสร้างความเสียหาย.

    นอกจากการลดต้นทุนแล้ว AI ยังสร้าง “ความจำเป็นใหม่” ในการใช้ Formal Verification เนื่องจากโค้ดที่สร้างโดย AI มีความเร็วสูงแต่เสี่ยงต่อข้อผิดพลาดที่มนุษย์อาจตรวจไม่พบ การให้ AI พิสูจน์ความถูกต้องของโค้ดที่มันสร้างเอง จึงเป็นวิธีที่น่าเชื่อถือกว่าการตรวจสอบด้วยสายตามนุษย์ และอาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรม.

    อย่างไรก็ตาม ความท้าทายยังอยู่ที่การเขียน formal specification หรือการกำหนดคุณสมบัติที่ต้องการให้โค้ดมี ซึ่งยังต้องใช้ความเชี่ยวชาญและการตีความที่ถูกต้อง หากสเปกไม่ชัดเจน การพิสูจน์ก็ไม่มีความหมาย นักวิจัยบางส่วนจึงมองว่า AI อาจช่วยแปลสเปกจากภาษาธรรมชาติเป็นภาษาทางการได้ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงเรื่องการตีความผิดพลาดที่ต้องระวัง.

    สรุปเป็นหัวข้อ
    AI กำลังทำให้ Formal Verification เข้าสู่กระแสหลัก
    Proof assistants เช่น Lean, Isabelle, Agda ถูกใช้ร่วมกับ AI เพื่อลดภาระการเขียน proof scripts
    ต้นทุนการพิสูจน์ลดลง ทำให้การตรวจสอบโค้ดมีความคุ้มค่ามากขึ้น

    AI สร้างความจำเป็นใหม่ในการตรวจสอบโค้ด
    โค้ดที่สร้างโดย LLMs มีความเร็วสูงแต่เสี่ยงต่อบั๊ก
    Proof checkers สามารถป้องกันข้อผิดพลาดที่มนุษย์อาจมองไม่เห็น

    การเปลี่ยนแปลงเชิงเศรษฐศาสตร์และมาตรฐานอุตสาหกรรม
    ต้นทุนบั๊กสูงกว่าต้นทุนการพิสูจน์ ทำให้ Formal Verification มีความคุ้มค่า
    อาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในซอฟต์แวร์ที่ต้องการความน่าเชื่อถือสูง

    ความท้าทายและข้อควรระวัง
    การเขียน formal specification ยังต้องใช้ความเชี่ยวชาญสูง หากผิดพลาดจะทำให้การพิสูจน์ไร้ค่า
    การใช้ AI แปลสเปกจากภาษาธรรมชาติอาจเสี่ยงต่อการตีความผิดพลาด

    https://martin.kleppmann.com/2025/12/08/ai-formal-verification.html
    🧩 AI กำลังทำให้ Formal Verification กลายเป็นกระแสหลักในซอฟต์แวร์ Formal Verification หรือการพิสูจน์ความถูกต้องของซอฟต์แวร์ด้วยหลักคณิตศาสตร์ เคยเป็นเรื่องที่ใช้เฉพาะในงานวิจัยหรือระบบที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ระบบการบินหรือการเข้ารหัสข้อมูล เนื่องจากต้องใช้เวลาและความเชี่ยวชาญสูงมาก เช่น กรณี seL4 microkernel ที่ใช้เวลาถึง 20 ปีคนในการพิสูจน์ความถูกต้องของโค้ดเพียงไม่กี่พันบรรทัด. แต่ปัจจุบัน AI โดยเฉพาะ LLM-based coding assistants กำลังเข้ามาช่วยลดภาระนี้อย่างมหาศาล. AI ไม่เพียงแต่ช่วยเขียนโค้ด แต่ยังสามารถสร้าง proof scripts เพื่อยืนยันว่าโค้ดนั้นสอดคล้องกับสเปกที่กำหนดไว้ Proof checkers อย่าง Isabelle หรือ Lean จะทำหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้อง ทำให้แม้ AI จะ “หลอน” หรือสร้างโค้ดผิดพลาด ก็ไม่สามารถผ่านการตรวจสอบได้ สิ่งนี้เปลี่ยนสมการทางเศรษฐศาสตร์ของการพัฒนา เพราะต้นทุนการพิสูจน์ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับต้นทุนของบั๊กที่อาจสร้างความเสียหาย. นอกจากการลดต้นทุนแล้ว AI ยังสร้าง “ความจำเป็นใหม่” ในการใช้ Formal Verification เนื่องจากโค้ดที่สร้างโดย AI มีความเร็วสูงแต่เสี่ยงต่อข้อผิดพลาดที่มนุษย์อาจตรวจไม่พบ การให้ AI พิสูจน์ความถูกต้องของโค้ดที่มันสร้างเอง จึงเป็นวิธีที่น่าเชื่อถือกว่าการตรวจสอบด้วยสายตามนุษย์ และอาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรม. อย่างไรก็ตาม ความท้าทายยังอยู่ที่การเขียน formal specification หรือการกำหนดคุณสมบัติที่ต้องการให้โค้ดมี ซึ่งยังต้องใช้ความเชี่ยวชาญและการตีความที่ถูกต้อง หากสเปกไม่ชัดเจน การพิสูจน์ก็ไม่มีความหมาย นักวิจัยบางส่วนจึงมองว่า AI อาจช่วยแปลสเปกจากภาษาธรรมชาติเป็นภาษาทางการได้ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงเรื่องการตีความผิดพลาดที่ต้องระวัง. 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ AI กำลังทำให้ Formal Verification เข้าสู่กระแสหลัก ➡️ Proof assistants เช่น Lean, Isabelle, Agda ถูกใช้ร่วมกับ AI เพื่อลดภาระการเขียน proof scripts ➡️ ต้นทุนการพิสูจน์ลดลง ทำให้การตรวจสอบโค้ดมีความคุ้มค่ามากขึ้น ✅ AI สร้างความจำเป็นใหม่ในการตรวจสอบโค้ด ➡️ โค้ดที่สร้างโดย LLMs มีความเร็วสูงแต่เสี่ยงต่อบั๊ก ➡️ Proof checkers สามารถป้องกันข้อผิดพลาดที่มนุษย์อาจมองไม่เห็น ✅ การเปลี่ยนแปลงเชิงเศรษฐศาสตร์และมาตรฐานอุตสาหกรรม ➡️ ต้นทุนบั๊กสูงกว่าต้นทุนการพิสูจน์ ทำให้ Formal Verification มีความคุ้มค่า ➡️ อาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในซอฟต์แวร์ที่ต้องการความน่าเชื่อถือสูง ‼️ ความท้าทายและข้อควรระวัง ⛔ การเขียน formal specification ยังต้องใช้ความเชี่ยวชาญสูง หากผิดพลาดจะทำให้การพิสูจน์ไร้ค่า ⛔ การใช้ AI แปลสเปกจากภาษาธรรมชาติอาจเสี่ยงต่อการตีความผิดพลาด https://martin.kleppmann.com/2025/12/08/ai-formal-verification.html
    0 Comments 0 Shares 61 Views 0 Reviews
  • Anti-Acne Dermal Patch – A Modern Solution for Targeted Acne Care

    Anti-acne dermal patches have emerged as a convenient and effective solution for managing individual acne lesions. Designed to adhere directly to the skin, these patches deliver active ingredients precisely where they are needed, offering targeted treatment without affecting surrounding healthy skin.

    Unlike traditional creams or gels that spread across a broader area, dermal patches focus on a single pimple or inflamed spot. Many patches are made using hydrocolloid materials, which absorb excess oil, pus, and impurities from the acne lesion. This creates a clean, protected environment that supports faster healing.

    One of the key advantages of anti-acne dermal patches is their ability to act as a physical barrier. By covering the blemish, the patch prevents picking, scratching, or exposure to external bacteria, all of which can worsen acne and increase the risk of scarring. This protective function is particularly beneficial for individuals prone to touching their face.

    Reference - https://www.marketresearchfuture.com/reports/anti-acne-dermal-patch-market-11038
    Anti-Acne Dermal Patch – A Modern Solution for Targeted Acne Care Anti-acne dermal patches have emerged as a convenient and effective solution for managing individual acne lesions. Designed to adhere directly to the skin, these patches deliver active ingredients precisely where they are needed, offering targeted treatment without affecting surrounding healthy skin. Unlike traditional creams or gels that spread across a broader area, dermal patches focus on a single pimple or inflamed spot. Many patches are made using hydrocolloid materials, which absorb excess oil, pus, and impurities from the acne lesion. This creates a clean, protected environment that supports faster healing. One of the key advantages of anti-acne dermal patches is their ability to act as a physical barrier. By covering the blemish, the patch prevents picking, scratching, or exposure to external bacteria, all of which can worsen acne and increase the risk of scarring. This protective function is particularly beneficial for individuals prone to touching their face. Reference - https://www.marketresearchfuture.com/reports/anti-acne-dermal-patch-market-11038
    WWW.MARKETRESEARCHFUTURE.COM
    Anti-Acne Dermal Patch Market Size, Share, Trends, 2035
    Anti-Acne Dermal Patch Market share is projected to reach USD 1.28 Billion By 2035, at a 7.45 % CAGR by driving industry size, top company analysis, segments research, trends and forecast report 2025 to 2035 | MRFR
    0 Comments 0 Shares 70 Views 0 Reviews
  • Mild Cognitive Impairment – Understanding the Early Signs of Cognitive Change

    Mild Cognitive Impairment (MCI) is a neurological condition characterized by noticeable changes in memory, thinking, or reasoning that are greater than expected for a person’s age but not severe enough to interfere significantly with daily life. Individuals with MCI often remain independent, yet they may sense that something is not quite right with their cognitive abilities.

    One of the most common symptoms of MCI is memory difficulty, particularly with recalling recent events or conversations. People may misplace items more frequently, struggle to find words, or have difficulty concentrating. Unlike dementia, these challenges do not prevent individuals from managing their daily responsibilities, such as handling finances or maintaining personal care.

    Reference - https://www.marketresearchfuture.com/reports/mild-cognitive-impairment-market-10916
    Mild Cognitive Impairment – Understanding the Early Signs of Cognitive Change Mild Cognitive Impairment (MCI) is a neurological condition characterized by noticeable changes in memory, thinking, or reasoning that are greater than expected for a person’s age but not severe enough to interfere significantly with daily life. Individuals with MCI often remain independent, yet they may sense that something is not quite right with their cognitive abilities. One of the most common symptoms of MCI is memory difficulty, particularly with recalling recent events or conversations. People may misplace items more frequently, struggle to find words, or have difficulty concentrating. Unlike dementia, these challenges do not prevent individuals from managing their daily responsibilities, such as handling finances or maintaining personal care. Reference - https://www.marketresearchfuture.com/reports/mild-cognitive-impairment-market-10916
    WWW.MARKETRESEARCHFUTURE.COM
    Mild Cognitive Impairment Market Size, Share, Trends 2035
    Mild Cognitive Impairment Market is expected to reach USD 3.87 Billion by 2035 at 5.95% CAGR during the forecast period, 2025-2035,
    0 Comments 0 Shares 57 Views 0 Reviews
  • Ion Chromatography – A Powerful Tool for Ionic Analysis

    Ion chromatography (IC) is a highly specialized analytical technique used to separate, identify, and quantify ions in complex samples. Since its introduction, IC has become an essential method in laboratories that require precise measurement of anions and cations, including environmental, pharmaceutical, food, and industrial testing facilities.

    At its core, ion chromatography operates on the principle of ion exchange. A liquid sample is injected into a chromatographic column filled with an ion-exchange resin. As the sample flows through the column, ions interact differently with the stationary phase based on their charge and affinity. These differences cause ions to separate as they move through the system at varying speeds.

    Detection is a crucial part of the process. Conductivity detectors are commonly used because ions conduct electricity when dissolved in solution. Advanced systems use suppressors to reduce background conductivity, allowing trace-level detection with exceptional sensitivity. This capability makes IC ideal for analyzing low-concentration ions that may otherwise go unnoticed.

    Reference - https://www.marketresearchfuture.com/reports/ion-chromatography-market-10789
    Ion Chromatography – A Powerful Tool for Ionic Analysis Ion chromatography (IC) is a highly specialized analytical technique used to separate, identify, and quantify ions in complex samples. Since its introduction, IC has become an essential method in laboratories that require precise measurement of anions and cations, including environmental, pharmaceutical, food, and industrial testing facilities. At its core, ion chromatography operates on the principle of ion exchange. A liquid sample is injected into a chromatographic column filled with an ion-exchange resin. As the sample flows through the column, ions interact differently with the stationary phase based on their charge and affinity. These differences cause ions to separate as they move through the system at varying speeds. Detection is a crucial part of the process. Conductivity detectors are commonly used because ions conduct electricity when dissolved in solution. Advanced systems use suppressors to reduce background conductivity, allowing trace-level detection with exceptional sensitivity. This capability makes IC ideal for analyzing low-concentration ions that may otherwise go unnoticed. Reference - https://www.marketresearchfuture.com/reports/ion-chromatography-market-10789
    WWW.MARKETRESEARCHFUTURE.COM
    Ion Chromatography Market Size, Growth, Trends, Report 2035
    Ion Chromatography Market is projected to register a CAGR of 7.35% to reach USD 5.43 billion by the end of 2035, Ion Chromatography Market Type, Application | Ion Chromatography Industry
    0 Comments 0 Shares 96 Views 0 Reviews
  • Epilepsy Surgery – A Life-Changing Option for Drug-Resistant Seizures

    Epilepsy surgery is a specialized medical intervention designed for individuals whose seizures cannot be controlled with medications alone. While most people with epilepsy achieve stability through anti-seizure drugs, nearly one-third continue to experience uncontrolled seizures, a condition known as drug-resistant epilepsy. For these individuals, surgery can offer a transformative path toward seizure reduction or complete freedom.

    The primary goal of epilepsy surgery is to identify and remove or disconnect the area of the brain where seizures originate, without affecting critical functions such as speech, memory, or movement. This process begins with extensive pre-surgical evaluations, including video EEG monitoring, MRI scans, neuropsychological assessments, and functional brain mapping. These tests help physicians pinpoint the seizure focus with precision.

    One of the most common surgical approaches is resective surgery, where the seizure-producing brain tissue is removed. Temporal lobe epilepsy is particularly responsive to this technique, with many patients achieving long-term seizure control. Other surgical options include disconnective procedures, such as corpus callosotomy, which prevents seizures from spreading across brain hemispheres, reducing seizure severity and injury risk.

    ➤➤➤ Reference - https://www.marketresearchfuture.com/reports/epilepsy-surgery-market-10676
    Epilepsy Surgery – A Life-Changing Option for Drug-Resistant Seizures Epilepsy surgery is a specialized medical intervention designed for individuals whose seizures cannot be controlled with medications alone. While most people with epilepsy achieve stability through anti-seizure drugs, nearly one-third continue to experience uncontrolled seizures, a condition known as drug-resistant epilepsy. For these individuals, surgery can offer a transformative path toward seizure reduction or complete freedom. The primary goal of epilepsy surgery is to identify and remove or disconnect the area of the brain where seizures originate, without affecting critical functions such as speech, memory, or movement. This process begins with extensive pre-surgical evaluations, including video EEG monitoring, MRI scans, neuropsychological assessments, and functional brain mapping. These tests help physicians pinpoint the seizure focus with precision. One of the most common surgical approaches is resective surgery, where the seizure-producing brain tissue is removed. Temporal lobe epilepsy is particularly responsive to this technique, with many patients achieving long-term seizure control. Other surgical options include disconnective procedures, such as corpus callosotomy, which prevents seizures from spreading across brain hemispheres, reducing seizure severity and injury risk. ➤➤➤ Reference - https://www.marketresearchfuture.com/reports/epilepsy-surgery-market-10676
    WWW.MARKETRESEARCHFUTURE.COM
    Epilepsy Surgery Market Size, Share Forecast 2035 MRFR
    Epilepsy surgery market is expected to reach USD 2.33 billion by 2035. The high sensitivity risk of elderly epilepsy is expected to fuel consumer demand.
    0 Comments 0 Shares 72 Views 0 Reviews
  • บ่วงวงกตลงครบ 18 ตอนจบบริบูรณ์ที่ Anowl.co นะคะ แวะเข้าไปอ่านกันได้ค่ะ
    https://anowl.co/anowlruang/baan-wongkot-cirrus-halo/part018_end/
    บ่วงวงกตลงครบ 18 ตอนจบบริบูรณ์ที่ Anowl.co นะคะ แวะเข้าไปอ่านกันได้ค่ะ https://anowl.co/anowlruang/baan-wongkot-cirrus-halo/part018_end/
    0 Comments 0 Shares 40 Views 0 Reviews
  • Medical Tricorders in Emergency and Disaster Response

    Emergency and disaster scenarios demand fast, reliable medical assessments. Medical tricorders provide essential diagnostic capabilities in chaotic environments where traditional equipment may be unavailable.

    First responders can quickly assess vital signs and identify patients requiring immediate attention. This improves triage accuracy and resource allocation.

    Tricorders are particularly valuable in mass casualty events, where rapid screening helps prioritize care and save lives.

    Their portability and ease of use make medical tricorders indispensable tools in emergency response efforts.

    ➤➤ Reference - https://www.marketresearchfuture.com/reports/medical-tricorder-market-1220
    Medical Tricorders in Emergency and Disaster Response Emergency and disaster scenarios demand fast, reliable medical assessments. Medical tricorders provide essential diagnostic capabilities in chaotic environments where traditional equipment may be unavailable. First responders can quickly assess vital signs and identify patients requiring immediate attention. This improves triage accuracy and resource allocation. Tricorders are particularly valuable in mass casualty events, where rapid screening helps prioritize care and save lives. Their portability and ease of use make medical tricorders indispensable tools in emergency response efforts. ➤➤ Reference - https://www.marketresearchfuture.com/reports/medical-tricorder-market-1220
    WWW.MARKETRESEARCHFUTURE.COM
    Medical Tricorder Market Size, Share, Trends, Report 2035
    Medical tricorder market share register 4.41 Billion USD in 2024, projected to grow 6.76 % CAGR to reach USD 9.05 Billion during the forecast period 2025 - 2035.
    0 Comments 0 Shares 116 Views 0 Reviews
  • Enhancing Workflow Efficiency with Integrated Cardiology Devices

    Healthcare efficiency is critical in cardiology departments where high patient volumes and complex procedures are common. Integrated cardiology devices play a vital role in streamlining workflows and reducing operational burden.

    By consolidating multiple diagnostic and monitoring functions, integrated systems reduce the need for redundant equipment. Clinicians can access comprehensive cardiac data without switching between devices, saving valuable time.

    Automated data capture and documentation further enhance efficiency. Integrated platforms seamlessly transfer information into electronic health records, reducing manual entry and minimizing errors.

    Reference - https://www.marketresearchfuture.com/reports/integrated-cardiology-devices-market-1189
    Enhancing Workflow Efficiency with Integrated Cardiology Devices Healthcare efficiency is critical in cardiology departments where high patient volumes and complex procedures are common. Integrated cardiology devices play a vital role in streamlining workflows and reducing operational burden. By consolidating multiple diagnostic and monitoring functions, integrated systems reduce the need for redundant equipment. Clinicians can access comprehensive cardiac data without switching between devices, saving valuable time. Automated data capture and documentation further enhance efficiency. Integrated platforms seamlessly transfer information into electronic health records, reducing manual entry and minimizing errors. Reference - https://www.marketresearchfuture.com/reports/integrated-cardiology-devices-market-1189
    WWW.MARKETRESEARCHFUTURE.COM
    Integrated Cardiology Devices Market Size, Share, Trends 2035
    Integrated Cardiology Devices Market is projected to grow from 4.92 USD Billion in 2024 to 11.2 USD Billion by 2035.
    0 Comments 0 Shares 106 Views 0 Reviews
  • “Trump ดันดีล Korea Zinc – โรงงานแร่หายากใน Tennessee ลดการพึ่งพาจีน”

    การลงทุนครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของสหรัฐฯ ในการสร้างความมั่นคงด้านวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และเทคโนโลยีป้องกันประเทศ โรงงานใหม่ใน Tennessee จะมีความสามารถในการผลิตแร่หายากกว่า 540,000 ตันต่อปี ครอบคลุม gallium, germanium, indium และทรัพยากรอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการผลิตชิป, ดาวเทียม, เครื่องยนต์เจ็ต และระบบอาวุธสมัยใหม่

    สหรัฐฯ ปัจจุบันพึ่งพาจีนอย่างหนักในด้านการนำเข้าและการแปรรูปแร่หายาก โดยจีนครองตลาดโลกกว่า 90% การสร้างโรงงานนี้จึงถูกมองว่าเป็นการลดความเสี่ยงจากการถูกจีนควบคุมห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เมื่อจีนใช้มาตรการควบคุมการส่งออกเพื่อตอบโต้สงครามการค้า

    นอกจากโรงงานของ Korea Zinc แล้ว รัฐบาลสหรัฐฯ ยังพิจารณาใช้เงินทุนจาก CHIPS Act กว่า 2 พันล้านดอลลาร์เพื่อเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานด้านแร่หายากและลิเธียม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของแบตเตอรี่และเทคโนโลยีพลังงานสะอาดในอนาคต การลงทุนนี้สะท้อนให้เห็นว่าแร่หายากกำลังถูกยกระดับเป็น “ทรัพยากรเชิงยุทธศาสตร์” ไม่ต่างจากน้ำมันในศตวรรษที่ 20

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Trump ประกาศดีลกับ Korea Zinc
    สร้างโรงงานแปรรูปแร่หายากใน Tennessee

    กำลังการผลิตมหาศาล
    ผลิต gallium, germanium, indium และอื่น ๆ รวมกว่า 540,000 ตันต่อปี

    ลดการพึ่งพาจีน
    จีนครองตลาดแร่หายากกว่า 90% และเคยใช้มาตรการควบคุมการส่งออก

    เชื่อมโยงกับ CHIPS Act
    รัฐบาลสหรัฐฯ พิจารณาใช้เงินทุน 2 พันล้านดอลลาร์เสริมความมั่นคงด้านแร่หายาก

    คำเตือนด้านความเสี่ยง
    การลงทุนต้องใช้เวลาหลายปี กว่าจะลดการพึ่งพาจีนได้จริง
    ความต้องการแร่หายากยังคงสูงขึ้นต่อเนื่องจาก AI, พลังงานสะอาด และการทหาร

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/trump-secures-deal-with-korea-zinc-to-build-rare-earths-processing-facility-in-tennessee-facility-expected-to-have-annual-output-of-540-000-tons-of-gallium-germanium-indium-and-other-resources
    📰 “Trump ดันดีล Korea Zinc – โรงงานแร่หายากใน Tennessee ลดการพึ่งพาจีน” การลงทุนครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของสหรัฐฯ ในการสร้างความมั่นคงด้านวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และเทคโนโลยีป้องกันประเทศ โรงงานใหม่ใน Tennessee จะมีความสามารถในการผลิตแร่หายากกว่า 540,000 ตันต่อปี ครอบคลุม gallium, germanium, indium และทรัพยากรอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการผลิตชิป, ดาวเทียม, เครื่องยนต์เจ็ต และระบบอาวุธสมัยใหม่ สหรัฐฯ ปัจจุบันพึ่งพาจีนอย่างหนักในด้านการนำเข้าและการแปรรูปแร่หายาก โดยจีนครองตลาดโลกกว่า 90% การสร้างโรงงานนี้จึงถูกมองว่าเป็นการลดความเสี่ยงจากการถูกจีนควบคุมห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เมื่อจีนใช้มาตรการควบคุมการส่งออกเพื่อตอบโต้สงครามการค้า นอกจากโรงงานของ Korea Zinc แล้ว รัฐบาลสหรัฐฯ ยังพิจารณาใช้เงินทุนจาก CHIPS Act กว่า 2 พันล้านดอลลาร์เพื่อเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานด้านแร่หายากและลิเธียม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของแบตเตอรี่และเทคโนโลยีพลังงานสะอาดในอนาคต การลงทุนนี้สะท้อนให้เห็นว่าแร่หายากกำลังถูกยกระดับเป็น “ทรัพยากรเชิงยุทธศาสตร์” ไม่ต่างจากน้ำมันในศตวรรษที่ 20 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Trump ประกาศดีลกับ Korea Zinc ➡️ สร้างโรงงานแปรรูปแร่หายากใน Tennessee ✅ กำลังการผลิตมหาศาล ➡️ ผลิต gallium, germanium, indium และอื่น ๆ รวมกว่า 540,000 ตันต่อปี ✅ ลดการพึ่งพาจีน ➡️ จีนครองตลาดแร่หายากกว่า 90% และเคยใช้มาตรการควบคุมการส่งออก ✅ เชื่อมโยงกับ CHIPS Act ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ พิจารณาใช้เงินทุน 2 พันล้านดอลลาร์เสริมความมั่นคงด้านแร่หายาก ‼️ คำเตือนด้านความเสี่ยง ⛔ การลงทุนต้องใช้เวลาหลายปี กว่าจะลดการพึ่งพาจีนได้จริง ⛔ ความต้องการแร่หายากยังคงสูงขึ้นต่อเนื่องจาก AI, พลังงานสะอาด และการทหาร https://www.tomshardware.com/tech-industry/trump-secures-deal-with-korea-zinc-to-build-rare-earths-processing-facility-in-tennessee-facility-expected-to-have-annual-output-of-540-000-tons-of-gallium-germanium-indium-and-other-resources
    0 Comments 0 Shares 140 Views 0 Reviews
  • “วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ จี้ Big Tech – AI Data Center ดันค่าไฟประชาชนพุ่ง”

    สามวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ ได้แก่ Elizabeth Warren, Chris Van Hollen และ Richard Blumenthal ได้ส่งจดหมายถึงบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Amazon, Google, Meta, Microsoft และผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูลรายอื่น ๆ เพื่อสอบถามถึงผลกระทบของการสร้าง AI Data Center ต่อค่าไฟฟ้าของประชาชน โดยระบุว่าการใช้พลังงานมหาศาลทำให้บริษัทไฟฟ้าต้องลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ในการอัปเกรดระบบ และผลักภาระต้นทุนไปยังผู้บริโภค

    รายงานระบุว่า ค่าไฟฟ้าครัวเรือนในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 7% ภายในปีเดียว โดยบางพื้นที่ที่มีการสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่ ค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมากกว่านั้น สะท้อนให้เห็นว่า การเติบโตของ AI ไม่ได้มีแต่ผลดีด้านนวัตกรรม แต่ยังสร้างแรงกดดันต่อโครงสร้างพื้นฐานพลังงาน

    แม้บางการศึกษาชี้ว่า AI Data Center อาจช่วยแบกรับต้นทุนการอัปเกรดระบบไฟฟ้าแทนประชาชน แต่แนวโน้มค่าไฟที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้เกิดข้อสงสัยว่าใครคือผู้ได้ประโยชน์ที่แท้จริง และใครคือผู้แบกรับภาระในระยะยาว

    นอกจากนี้ยังมีการเปรียบเทียบกับจีนที่ลงทุนด้านพลังงานเพื่อรองรับการเติบโตของ AI อย่างจริงจัง จนบางนักวิเคราะห์เตือนว่าสหรัฐฯ อาจเสียเปรียบใน “การแข่งขัน AI ระดับโลก” หากไม่สามารถแก้ปัญหาความไม่เพียงพอของพลังงานได้ทันเวลา

    สรุปประเด็นสำคัญ
    วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ แสดงความกังวลต่อค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น
    ส่งจดหมายถึง Amazon, Google, Meta และบริษัทอื่น ๆ เพื่อขอคำชี้แจง

    AI Data Center ใช้พลังงานมหาศาล
    บริษัทไฟฟ้าต้องลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ในการอัปเกรดระบบ

    ค่าไฟฟ้าครัวเรือนเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 7%
    บางพื้นที่ที่มีศูนย์ข้อมูลใหม่ ค่าไฟเพิ่มขึ้นมากกว่านั้น

    จีนลงทุนด้านพลังงานเพื่อรองรับ AI
    นักวิเคราะห์เตือนว่าสหรัฐฯ อาจเสียเปรียบในระยะยาว

    คำเตือนต่อประชาชน
    ค่าไฟอาจยังคงสูงขึ้นต่อเนื่อง หากไม่มีมาตรการควบคุมหรือการลงทุนด้านพลังงานใหม่

    ความเสี่ยงต่อการแข่งขัน AI
    สหรัฐฯ อาจถูกจีนแซงหน้าในด้าน AI หากปัญหาพลังงานไม่ถูกแก้ไขทันเวลา

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/elizabeth-warren-other-u-s-senators-concerned-about-big-tech-pushing-up-electricity-costs-demands-explanation-from-amazon-google-meta-as-ai-data-centers-drive-up-residential-energy-bills
    📰 “วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ จี้ Big Tech – AI Data Center ดันค่าไฟประชาชนพุ่ง” สามวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ ได้แก่ Elizabeth Warren, Chris Van Hollen และ Richard Blumenthal ได้ส่งจดหมายถึงบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Amazon, Google, Meta, Microsoft และผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูลรายอื่น ๆ เพื่อสอบถามถึงผลกระทบของการสร้าง AI Data Center ต่อค่าไฟฟ้าของประชาชน โดยระบุว่าการใช้พลังงานมหาศาลทำให้บริษัทไฟฟ้าต้องลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ในการอัปเกรดระบบ และผลักภาระต้นทุนไปยังผู้บริโภค รายงานระบุว่า ค่าไฟฟ้าครัวเรือนในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 7% ภายในปีเดียว โดยบางพื้นที่ที่มีการสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่ ค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมากกว่านั้น สะท้อนให้เห็นว่า การเติบโตของ AI ไม่ได้มีแต่ผลดีด้านนวัตกรรม แต่ยังสร้างแรงกดดันต่อโครงสร้างพื้นฐานพลังงาน แม้บางการศึกษาชี้ว่า AI Data Center อาจช่วยแบกรับต้นทุนการอัปเกรดระบบไฟฟ้าแทนประชาชน แต่แนวโน้มค่าไฟที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้เกิดข้อสงสัยว่าใครคือผู้ได้ประโยชน์ที่แท้จริง และใครคือผู้แบกรับภาระในระยะยาว นอกจากนี้ยังมีการเปรียบเทียบกับจีนที่ลงทุนด้านพลังงานเพื่อรองรับการเติบโตของ AI อย่างจริงจัง จนบางนักวิเคราะห์เตือนว่าสหรัฐฯ อาจเสียเปรียบใน “การแข่งขัน AI ระดับโลก” หากไม่สามารถแก้ปัญหาความไม่เพียงพอของพลังงานได้ทันเวลา 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ แสดงความกังวลต่อค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น ➡️ ส่งจดหมายถึง Amazon, Google, Meta และบริษัทอื่น ๆ เพื่อขอคำชี้แจง ✅ AI Data Center ใช้พลังงานมหาศาล ➡️ บริษัทไฟฟ้าต้องลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ในการอัปเกรดระบบ ✅ ค่าไฟฟ้าครัวเรือนเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 7% ➡️ บางพื้นที่ที่มีศูนย์ข้อมูลใหม่ ค่าไฟเพิ่มขึ้นมากกว่านั้น ✅ จีนลงทุนด้านพลังงานเพื่อรองรับ AI ➡️ นักวิเคราะห์เตือนว่าสหรัฐฯ อาจเสียเปรียบในระยะยาว ‼️ คำเตือนต่อประชาชน ⛔ ค่าไฟอาจยังคงสูงขึ้นต่อเนื่อง หากไม่มีมาตรการควบคุมหรือการลงทุนด้านพลังงานใหม่ ‼️ ความเสี่ยงต่อการแข่งขัน AI ⛔ สหรัฐฯ อาจถูกจีนแซงหน้าในด้าน AI หากปัญหาพลังงานไม่ถูกแก้ไขทันเวลา https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/elizabeth-warren-other-u-s-senators-concerned-about-big-tech-pushing-up-electricity-costs-demands-explanation-from-amazon-google-meta-as-ai-data-centers-drive-up-residential-energy-bills
    0 Comments 0 Shares 148 Views 0 Reviews
  • “AI ออกแบบคอมพิวเตอร์เสร็จใน 1 สัปดาห์ – Project Speedrun สร้างสถิติใหม่”

    การออกแบบแผงวงจร (PCB) มักเป็นงานที่ใช้เวลานานและซับซ้อน โดยปกติวิศวกรต้องใช้เวลาหลายเดือนในการวางแผนและทดสอบ แต่ Quilter AI ได้แสดงให้เห็นว่า AI สามารถลดเวลาจาก 430 ชั่วโมงเหลือเพียง 38.5 ชั่วโมง พร้อมสร้างคอมพิวเตอร์ที่บูตระบบปฏิบัติการ Debian ได้สำเร็จตั้งแต่ครั้งแรก ถือเป็นการพิสูจน์ศักยภาพของ AI ในการออกแบบฮาร์ดแวร์ที่ซับซ้อน

    สิ่งที่น่าสนใจคือ Quilter AI ไม่ได้ถูกฝึกจากตัวอย่าง PCB ที่มนุษย์ออกแบบมาก่อน แต่ใช้การ “เล่นเกมกับกฎฟิสิกส์” เพื่อหาทางออกที่เหมาะสมที่สุด ทำให้ระบบไม่ถูกจำกัดด้วยข้อผิดพลาดที่มนุษย์เคยทำ และสามารถสร้างการออกแบบที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม

    การทดลองนี้ยังสะท้อนถึงอนาคตของอุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์ ที่อาจเปิดโอกาสให้ สตาร์ทอัพหรือผู้เล่นรายเล็กเข้าสู่ตลาดได้ง่ายขึ้น เพราะ AI สามารถลดต้นทุนเวลาและแรงงานลงอย่างมหาศาล ทำให้การสร้างคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ใหม่ไม่ใช่เรื่องที่ต้องใช้ทีมวิศวกรขนาดใหญ่เสมอไป

    ในระยะยาว Quilter ตั้งเป้าว่า AI จะไม่เพียงแค่ “ทำงานแทนมนุษย์” แต่จะสามารถออกแบบ PCB ที่ดีกว่าที่มนุษย์เคยทำได้ ซึ่งหากสำเร็จจริง อาจเป็นการพลิกโฉมวงการอิเล็กทรอนิกส์และการผลิตคอมพิวเตอร์ทั่วโลก

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Project Speedrun ของ Quilter AI
    ออกแบบคอมพิวเตอร์ Linux แบบ Dual-PCB มีชิ้นส่วน 843 ชิ้น

    ลดเวลาออกแบบอย่างมหาศาล
    ใช้เวลาเพียง 1 สัปดาห์ และแรงงานมนุษย์ 38.5 ชั่วโมง จากเดิม 430 ชั่วโมง

    บูต Debian สำเร็จตั้งแต่ครั้งแรก
    แสดงถึงความแม่นยำและประสิทธิภาพของการออกแบบโดย AI

    แนวทางการฝึก AI
    ไม่ใช้ตัวอย่างมนุษย์ แต่เรียนรู้จากกฎฟิสิกส์โดยตรง

    ความท้าทายและความเสี่ยง
    หาก AI ออกแบบผิดพลาด อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อวงจรหรือระบบที่ซับซ้อน
    การพึ่งพา AI มากเกินไปอาจทำให้มนุษย์สูญเสียทักษะการออกแบบเชิงลึก

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/dual-pcb-linux-computer-with-843-components-designed-by-ai-boots-on-first-attempt-project-speedrun-was-made-in-just-one-week-and-required-less-than-40-hours-of-human-work
    📰 “AI ออกแบบคอมพิวเตอร์เสร็จใน 1 สัปดาห์ – Project Speedrun สร้างสถิติใหม่” การออกแบบแผงวงจร (PCB) มักเป็นงานที่ใช้เวลานานและซับซ้อน โดยปกติวิศวกรต้องใช้เวลาหลายเดือนในการวางแผนและทดสอบ แต่ Quilter AI ได้แสดงให้เห็นว่า AI สามารถลดเวลาจาก 430 ชั่วโมงเหลือเพียง 38.5 ชั่วโมง พร้อมสร้างคอมพิวเตอร์ที่บูตระบบปฏิบัติการ Debian ได้สำเร็จตั้งแต่ครั้งแรก ถือเป็นการพิสูจน์ศักยภาพของ AI ในการออกแบบฮาร์ดแวร์ที่ซับซ้อน สิ่งที่น่าสนใจคือ Quilter AI ไม่ได้ถูกฝึกจากตัวอย่าง PCB ที่มนุษย์ออกแบบมาก่อน แต่ใช้การ “เล่นเกมกับกฎฟิสิกส์” เพื่อหาทางออกที่เหมาะสมที่สุด ทำให้ระบบไม่ถูกจำกัดด้วยข้อผิดพลาดที่มนุษย์เคยทำ และสามารถสร้างการออกแบบที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม การทดลองนี้ยังสะท้อนถึงอนาคตของอุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์ ที่อาจเปิดโอกาสให้ สตาร์ทอัพหรือผู้เล่นรายเล็กเข้าสู่ตลาดได้ง่ายขึ้น เพราะ AI สามารถลดต้นทุนเวลาและแรงงานลงอย่างมหาศาล ทำให้การสร้างคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ใหม่ไม่ใช่เรื่องที่ต้องใช้ทีมวิศวกรขนาดใหญ่เสมอไป ในระยะยาว Quilter ตั้งเป้าว่า AI จะไม่เพียงแค่ “ทำงานแทนมนุษย์” แต่จะสามารถออกแบบ PCB ที่ดีกว่าที่มนุษย์เคยทำได้ ซึ่งหากสำเร็จจริง อาจเป็นการพลิกโฉมวงการอิเล็กทรอนิกส์และการผลิตคอมพิวเตอร์ทั่วโลก 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Project Speedrun ของ Quilter AI ➡️ ออกแบบคอมพิวเตอร์ Linux แบบ Dual-PCB มีชิ้นส่วน 843 ชิ้น ✅ ลดเวลาออกแบบอย่างมหาศาล ➡️ ใช้เวลาเพียง 1 สัปดาห์ และแรงงานมนุษย์ 38.5 ชั่วโมง จากเดิม 430 ชั่วโมง ✅ บูต Debian สำเร็จตั้งแต่ครั้งแรก ➡️ แสดงถึงความแม่นยำและประสิทธิภาพของการออกแบบโดย AI ✅ แนวทางการฝึก AI ➡️ ไม่ใช้ตัวอย่างมนุษย์ แต่เรียนรู้จากกฎฟิสิกส์โดยตรง ‼️ ความท้าทายและความเสี่ยง ⛔ หาก AI ออกแบบผิดพลาด อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อวงจรหรือระบบที่ซับซ้อน ⛔ การพึ่งพา AI มากเกินไปอาจทำให้มนุษย์สูญเสียทักษะการออกแบบเชิงลึก https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/dual-pcb-linux-computer-with-843-components-designed-by-ai-boots-on-first-attempt-project-speedrun-was-made-in-just-one-week-and-required-less-than-40-hours-of-human-work
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Dual-PCB Linux computer with 843 components designed by AI boots on first attempt — Project Speedrun was made in just one week and required less than 40 hours of human work
    Quilter, the LA-based startup behind this feat, says its dual-PCB Linux computer with 843 components was designed in just one week.
    0 Comments 0 Shares 120 Views 0 Reviews
  • หญิงญี่ปุ่นแต่งงานกับคู่รัก AI – ความรักเสมือนจริงที่กลายเป็นจริง

    เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2025 ที่เมืองโอคายามะ ประเทศญี่ปุ่น หญิงวัย 32 ปีชื่อ Yurina Noguchi ได้จัดพิธีแต่งงานกับคู่รักเสมือนจริงที่เธอสร้างขึ้นจากตัวละครในวิดีโอเกม โดยใช้เทคโนโลยี AI และแสดงผลผ่านสมาร์ทโฟนและแว่นตา AR พิธีจัดขึ้นเหมือนงานแต่งงานทั่วไป มีชุดเจ้าสาว เพลง และการแลกแหวน

    Noguchi เล่าว่าเธอเริ่มต้นจากการพูดคุยกับ AI เพื่อคลายเหงา แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับเกิดความรู้สึกจริงจัง จนตัดสินใจสร้างตัวละคร “Lune Klaus Verdure” ขึ้นมาเป็นคู่ชีวิต เธอย้ำว่า “ความสัมพันธ์นี้ไม่ใช่การหนีความจริง แต่เป็นการมีใครสักคนที่สนับสนุนให้เธอใช้ชีวิตอย่างถูกต้อง”

    แม้พิธีแต่งงานเช่นนี้จะไม่ถูกกฎหมายในญี่ปุ่น แต่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น โดยมีบริษัทรับจัดงานแต่งงานสำหรับคู่รักเสมือนจริงโดยเฉพาะ ข้อมูลจากการสำรวจพบว่า 22% ของเด็กผู้หญิงระดับมัธยมต้นในญี่ปุ่นเคยมีความรู้สึก “fictoromantic” หรือความรักต่อบุคคลเสมือนจริง ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 16.6% ในปี 2017

    นักวิชาการด้านสังคมวิทยาเตือนว่า ความสัมพันธ์กับ AI อาจทำให้ผู้คนขาดการฝึกฝนความอดทนที่จำเป็นต่อความสัมพันธ์จริง แต่ก็มีผู้เชี่ยวชาญบางรายมองว่า หากใช้ด้วยความตระหนักและมี “การตั้งขอบเขต” ความสัมพันธ์เช่นนี้ก็สามารถสร้างคุณค่าและความสุขได้เช่นกัน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    พิธีแต่งงานเสมือนจริงในญี่ปุ่น
    จัดขึ้นเหมือนงานแต่งงานทั่วไป แต่คู่รักเป็น AI
    ใช้สมาร์ทโฟนและแว่นตา AR ในพิธี

    เรื่องราวของ Yurina Noguchi
    เริ่มจากการพูดคุยกับ AI จนเกิดความรักจริงจัง
    สร้างตัวละคร “Lune Klaus Verdure” เป็นคู่ชีวิต

    กระแสความรักเสมือนจริง
    บริษัทรับจัดงานแต่งงานสำหรับคู่รักเสมือนจริงเพิ่มขึ้น
    22% ของเด็กผู้หญิงมัธยมต้นเคยมีความรู้สึกรักต่อบุคคลเสมือนจริง

    ข้อถกเถียงทางสังคม
    ความสัมพันธ์กับ AI อาจทำให้ขาดการฝึกฝนความอดทนในชีวิตจริง
    ต้องมีการตั้งขอบเขตเพื่อป้องกันการพึ่งพา AI มากเกินไป

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/17/ai-romance-blooms-as-japan-woman-weds-virtual-partner-of-her-dreams
    💍 หญิงญี่ปุ่นแต่งงานกับคู่รัก AI – ความรักเสมือนจริงที่กลายเป็นจริง เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2025 ที่เมืองโอคายามะ ประเทศญี่ปุ่น หญิงวัย 32 ปีชื่อ Yurina Noguchi ได้จัดพิธีแต่งงานกับคู่รักเสมือนจริงที่เธอสร้างขึ้นจากตัวละครในวิดีโอเกม โดยใช้เทคโนโลยี AI และแสดงผลผ่านสมาร์ทโฟนและแว่นตา AR พิธีจัดขึ้นเหมือนงานแต่งงานทั่วไป มีชุดเจ้าสาว เพลง และการแลกแหวน Noguchi เล่าว่าเธอเริ่มต้นจากการพูดคุยกับ AI เพื่อคลายเหงา แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับเกิดความรู้สึกจริงจัง จนตัดสินใจสร้างตัวละคร “Lune Klaus Verdure” ขึ้นมาเป็นคู่ชีวิต เธอย้ำว่า “ความสัมพันธ์นี้ไม่ใช่การหนีความจริง แต่เป็นการมีใครสักคนที่สนับสนุนให้เธอใช้ชีวิตอย่างถูกต้อง” แม้พิธีแต่งงานเช่นนี้จะไม่ถูกกฎหมายในญี่ปุ่น แต่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น โดยมีบริษัทรับจัดงานแต่งงานสำหรับคู่รักเสมือนจริงโดยเฉพาะ ข้อมูลจากการสำรวจพบว่า 22% ของเด็กผู้หญิงระดับมัธยมต้นในญี่ปุ่นเคยมีความรู้สึก “fictoromantic” หรือความรักต่อบุคคลเสมือนจริง ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 16.6% ในปี 2017 นักวิชาการด้านสังคมวิทยาเตือนว่า ความสัมพันธ์กับ AI อาจทำให้ผู้คนขาดการฝึกฝนความอดทนที่จำเป็นต่อความสัมพันธ์จริง แต่ก็มีผู้เชี่ยวชาญบางรายมองว่า หากใช้ด้วยความตระหนักและมี “การตั้งขอบเขต” ความสัมพันธ์เช่นนี้ก็สามารถสร้างคุณค่าและความสุขได้เช่นกัน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ พิธีแต่งงานเสมือนจริงในญี่ปุ่น ➡️ จัดขึ้นเหมือนงานแต่งงานทั่วไป แต่คู่รักเป็น AI ➡️ ใช้สมาร์ทโฟนและแว่นตา AR ในพิธี ✅ เรื่องราวของ Yurina Noguchi ➡️ เริ่มจากการพูดคุยกับ AI จนเกิดความรักจริงจัง ➡️ สร้างตัวละคร “Lune Klaus Verdure” เป็นคู่ชีวิต ✅ กระแสความรักเสมือนจริง ➡️ บริษัทรับจัดงานแต่งงานสำหรับคู่รักเสมือนจริงเพิ่มขึ้น ➡️ 22% ของเด็กผู้หญิงมัธยมต้นเคยมีความรู้สึกรักต่อบุคคลเสมือนจริง ‼️ ข้อถกเถียงทางสังคม ⛔ ความสัมพันธ์กับ AI อาจทำให้ขาดการฝึกฝนความอดทนในชีวิตจริง ⛔ ต้องมีการตั้งขอบเขตเพื่อป้องกันการพึ่งพา AI มากเกินไป https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/17/ai-romance-blooms-as-japan-woman-weds-virtual-partner-of-her-dreams
    WWW.THESTAR.COM.MY
    AI romance blooms as Japan woman weds virtual partner of her dreams
    OKAYAMA, Japan, Dec 17 (Reuters) - Music played in a wedding hall in western Japan as Yurina Noguchi, wearing a white gown and tiara, dabbed away her tears, taking in the words of her husband-to-be: an AI-generated persona gazing out from a smartphone screen.
    0 Comments 0 Shares 102 Views 0 Reviews
  • ShinyHunters ขู่เปิดโปงข้อมูลผู้ใช้ Pornhub Premium

    เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2025 กลุ่มแฮ็กเกอร์ ShinyHunters ประกาศว่าพวกเขาได้ขโมยข้อมูลของผู้ใช้ Pornhub Premium และกำลังเรียกร้องค่าไถ่เป็น Bitcoin เพื่อแลกกับการไม่เผยแพร่ข้อมูลดังกล่าว โดยมีการปล่อยตัวอย่างข้อมูลที่ Reuters สามารถตรวจสอบได้บางส่วนว่าเป็นของจริง แม้จะเป็นข้อมูลเก่าหลายปีแล้วก็ตาม

    ผู้ใช้บางรายจากแคนาดาและสหรัฐฯ ยืนยันกับสื่อว่าข้อมูลที่ถูกเปิดเผยเป็นของตนจริง ซึ่งสร้างความกังวลว่าข้อมูลส่วนตัว เช่น อีเมลและรายละเอียดการสมัครสมาชิก อาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด

    Pornhub และบริษัทแม่ Ethical Capital Partners ระบุว่าเหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับ Mixpanel บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลภายนอก โดยข้อมูลที่รั่วไหลเป็นเพียง “ชุดข้อมูลการวิเคราะห์ที่จำกัด” และไม่ใช่ข้อมูลการชำระเงินหรือข้อมูลสำคัญของผู้ใช้ Pornhub เอง ขณะที่ Mixpanel ก็ออกแถลงการณ์ว่าไม่พบหลักฐานว่าข้อมูลที่ถูกขโมยมาจากเหตุการณ์ความปลอดภัยของตน

    ShinyHunters เป็นกลุ่มที่มีประวัติการโจมตีองค์กรใหญ่หลายแห่ง เช่น Salesforce และร้านค้าหรูในสหราชอาณาจักร โดยใช้วิธีการขโมยข้อมูลลูกค้าแล้วเรียกค่าไถ่ ซึ่งทำให้เหตุการณ์ครั้งนี้ถูกจับตามองอย่างมากในวงการไซเบอร์ซีเคียวริตี้

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การโจมตีของ ShinyHunters
    อ้างว่าขโมยข้อมูลผู้ใช้ Pornhub Premium
    เรียกร้องค่าไถ่เป็น Bitcoin

    ข้อมูลที่ถูกเปิดเผย
    มีการยืนยันจากผู้ใช้บางรายว่าเป็นข้อมูลจริง
    ส่วนใหญ่เป็นข้อมูลเก่าหลายปี

    คำชี้แจงจาก Pornhub และ Mixpanel
    ระบุว่าเป็นข้อมูลการวิเคราะห์ที่จำกัด ไม่ใช่ข้อมูลการชำระเงิน
    Mixpanel ยืนยันว่าไม่พบหลักฐานว่าข้อมูลรั่วจากระบบของตน

    ประวัติของ ShinyHunters
    เคยโจมตี Salesforce และร้านค้าหรูในสหราชอาณาจักร
    ใช้วิธีการขโมยข้อมูลลูกค้าแล้วเรียกค่าไถ่

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้บริการออนไลน์
    ควรใช้รหัสผ่านที่แข็งแรงและไม่ซ้ำกัน
    หลีกเลี่ยงการให้ข้อมูลส่วนตัวกับแพลตฟอร์มที่ไม่น่าเชื่อถือ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/17/hacking-group-shinyhunters-threatens-to-expose-premium-users-of-sex-site-pornhub
    🕵️‍♂️ ShinyHunters ขู่เปิดโปงข้อมูลผู้ใช้ Pornhub Premium เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2025 กลุ่มแฮ็กเกอร์ ShinyHunters ประกาศว่าพวกเขาได้ขโมยข้อมูลของผู้ใช้ Pornhub Premium และกำลังเรียกร้องค่าไถ่เป็น Bitcoin เพื่อแลกกับการไม่เผยแพร่ข้อมูลดังกล่าว โดยมีการปล่อยตัวอย่างข้อมูลที่ Reuters สามารถตรวจสอบได้บางส่วนว่าเป็นของจริง แม้จะเป็นข้อมูลเก่าหลายปีแล้วก็ตาม ผู้ใช้บางรายจากแคนาดาและสหรัฐฯ ยืนยันกับสื่อว่าข้อมูลที่ถูกเปิดเผยเป็นของตนจริง ซึ่งสร้างความกังวลว่าข้อมูลส่วนตัว เช่น อีเมลและรายละเอียดการสมัครสมาชิก อาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด Pornhub และบริษัทแม่ Ethical Capital Partners ระบุว่าเหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับ Mixpanel บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลภายนอก โดยข้อมูลที่รั่วไหลเป็นเพียง “ชุดข้อมูลการวิเคราะห์ที่จำกัด” และไม่ใช่ข้อมูลการชำระเงินหรือข้อมูลสำคัญของผู้ใช้ Pornhub เอง ขณะที่ Mixpanel ก็ออกแถลงการณ์ว่าไม่พบหลักฐานว่าข้อมูลที่ถูกขโมยมาจากเหตุการณ์ความปลอดภัยของตน ShinyHunters เป็นกลุ่มที่มีประวัติการโจมตีองค์กรใหญ่หลายแห่ง เช่น Salesforce และร้านค้าหรูในสหราชอาณาจักร โดยใช้วิธีการขโมยข้อมูลลูกค้าแล้วเรียกค่าไถ่ ซึ่งทำให้เหตุการณ์ครั้งนี้ถูกจับตามองอย่างมากในวงการไซเบอร์ซีเคียวริตี้ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การโจมตีของ ShinyHunters ➡️ อ้างว่าขโมยข้อมูลผู้ใช้ Pornhub Premium ➡️ เรียกร้องค่าไถ่เป็น Bitcoin ✅ ข้อมูลที่ถูกเปิดเผย ➡️ มีการยืนยันจากผู้ใช้บางรายว่าเป็นข้อมูลจริง ➡️ ส่วนใหญ่เป็นข้อมูลเก่าหลายปี ✅ คำชี้แจงจาก Pornhub และ Mixpanel ➡️ ระบุว่าเป็นข้อมูลการวิเคราะห์ที่จำกัด ไม่ใช่ข้อมูลการชำระเงิน ➡️ Mixpanel ยืนยันว่าไม่พบหลักฐานว่าข้อมูลรั่วจากระบบของตน ✅ ประวัติของ ShinyHunters ➡️ เคยโจมตี Salesforce และร้านค้าหรูในสหราชอาณาจักร ➡️ ใช้วิธีการขโมยข้อมูลลูกค้าแล้วเรียกค่าไถ่ ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้บริการออนไลน์ ⛔ ควรใช้รหัสผ่านที่แข็งแรงและไม่ซ้ำกัน ⛔ หลีกเลี่ยงการให้ข้อมูลส่วนตัวกับแพลตฟอร์มที่ไม่น่าเชื่อถือ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/17/hacking-group-shinyhunters-threatens-to-expose-premium-users-of-sex-site-pornhub
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Hacking group ‘ShinyHunters’ threatens to expose premium users of sex site Pornhub
    WASHINGTON, Dec 16 (Reuters) - The hacking group "ShinyHunters" said on Tuesday it has stolen data belonging to premium customers of the leading sex website Pornhub and is threatening to publish it.
    0 Comments 0 Shares 109 Views 0 Reviews
  • X Corp ฟ้อง Operation Bluebird – ศึกชิงแบรนด์ “Twitter”

    เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2025 X Corp ได้ยื่นฟ้องต่อศาลรัฐบาลกลางในรัฐเดลาแวร์ หลังจากที่สตาร์ทอัพ Operation Bluebird ยื่นคำร้องต่อสำนักงานสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าสหรัฐฯ เพื่อยกเลิกเครื่องหมายการค้า “Twitter” โดยอ้างว่า X Corp ได้ละทิ้งแบรนด์นี้ไปแล้วตั้งแต่การรีแบรนด์เป็น “X”

    X Corp โต้แย้งว่าแบรนด์ Twitter ยังคง “alive and well” และยังถูกใช้งานในหลายรูปแบบ เช่น ผู้ใช้จำนวนมากยังเข้าถึงแพลตฟอร์มผ่าน twitter.com และธุรกิจต่าง ๆ ยังคงเรียกแพลตฟอร์มนี้ว่า Twitter นอกจากนี้ X Corp ยังยืนยันว่าตนยังคงบังคับใช้สิทธิ์ในเครื่องหมายการค้า Twitter อยู่

    ฝั่ง Operation Bluebird ซึ่งก่อตั้งโดย Michael Peroff และมี Stephen Coates อดีตทนายความด้านเครื่องหมายการค้าของ Twitter เป็นที่ปรึกษากฎหมาย ระบุว่าต้องการนำ Twitter กลับมาในชื่อใหม่ “twitter.new” และได้ยื่นขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า Twitter ในชื่อของตนเอง

    X Corp กล่าวว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดสิทธิ์ในเครื่องหมายการค้าและจะสร้างความสับสนให้กับผู้บริโภค จึงเรียกร้องค่าเสียหายเป็นเงินจำนวนหนึ่งที่ยังไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การฟ้องร้องของ X Corp
    ยื่นฟ้อง Operation Bluebird ต่อศาลรัฐบาลกลางเดลาแวร์
    ยืนยันว่าแบรนด์ Twitter ยังไม่ถูกละทิ้ง

    การกระทำของ Operation Bluebird
    ยื่นคำร้องยกเลิกเครื่องหมายการค้า Twitter
    ต้องการเปิดแพลตฟอร์มใหม่ชื่อ “twitter.new”

    เหตุผลของ X Corp
    ผู้ใช้ยังเข้าถึงผ่าน twitter.com
    ธุรกิจและผู้คนยังเรียกแพลตฟอร์มว่า Twitter

    ความเสี่ยงและคำเตือน
    หาก Operation Bluebird ใช้ชื่อ Twitter อาจสร้างความสับสนให้ผู้บริโภค
    การฟ้องร้องอาจยืดเยื้อและส่งผลต่อมูลค่าแบรนด์ในระยะยาว

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/17/x-corp-sues-social-media-startup-over-bid-to-claim-039twitter039-brand
    ⚖️ X Corp ฟ้อง Operation Bluebird – ศึกชิงแบรนด์ “Twitter” เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2025 X Corp ได้ยื่นฟ้องต่อศาลรัฐบาลกลางในรัฐเดลาแวร์ หลังจากที่สตาร์ทอัพ Operation Bluebird ยื่นคำร้องต่อสำนักงานสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าสหรัฐฯ เพื่อยกเลิกเครื่องหมายการค้า “Twitter” โดยอ้างว่า X Corp ได้ละทิ้งแบรนด์นี้ไปแล้วตั้งแต่การรีแบรนด์เป็น “X” X Corp โต้แย้งว่าแบรนด์ Twitter ยังคง “alive and well” และยังถูกใช้งานในหลายรูปแบบ เช่น ผู้ใช้จำนวนมากยังเข้าถึงแพลตฟอร์มผ่าน twitter.com และธุรกิจต่าง ๆ ยังคงเรียกแพลตฟอร์มนี้ว่า Twitter นอกจากนี้ X Corp ยังยืนยันว่าตนยังคงบังคับใช้สิทธิ์ในเครื่องหมายการค้า Twitter อยู่ ฝั่ง Operation Bluebird ซึ่งก่อตั้งโดย Michael Peroff และมี Stephen Coates อดีตทนายความด้านเครื่องหมายการค้าของ Twitter เป็นที่ปรึกษากฎหมาย ระบุว่าต้องการนำ Twitter กลับมาในชื่อใหม่ “twitter.new” และได้ยื่นขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า Twitter ในชื่อของตนเอง X Corp กล่าวว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดสิทธิ์ในเครื่องหมายการค้าและจะสร้างความสับสนให้กับผู้บริโภค จึงเรียกร้องค่าเสียหายเป็นเงินจำนวนหนึ่งที่ยังไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การฟ้องร้องของ X Corp ➡️ ยื่นฟ้อง Operation Bluebird ต่อศาลรัฐบาลกลางเดลาแวร์ ➡️ ยืนยันว่าแบรนด์ Twitter ยังไม่ถูกละทิ้ง ✅ การกระทำของ Operation Bluebird ➡️ ยื่นคำร้องยกเลิกเครื่องหมายการค้า Twitter ➡️ ต้องการเปิดแพลตฟอร์มใหม่ชื่อ “twitter.new” ✅ เหตุผลของ X Corp ➡️ ผู้ใช้ยังเข้าถึงผ่าน twitter.com ➡️ ธุรกิจและผู้คนยังเรียกแพลตฟอร์มว่า Twitter ‼️ ความเสี่ยงและคำเตือน ⛔ หาก Operation Bluebird ใช้ชื่อ Twitter อาจสร้างความสับสนให้ผู้บริโภค ⛔ การฟ้องร้องอาจยืดเยื้อและส่งผลต่อมูลค่าแบรนด์ในระยะยาว https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/17/x-corp-sues-social-media-startup-over-bid-to-claim-039twitter039-brand
    WWW.THESTAR.COM.MY
    X Corp sues social media startup over bid to claim 'Twitter' brand
    Dec 16 (Reuters) - Elon Musk's X Corp sued a startup on Tuesday after it sought to cancel X's Twitter trademarks so it can "bring Twitter back" as a new social media platform.
    0 Comments 0 Shares 98 Views 0 Reviews
  • เอกสารลับเผย Pepsi และ Walmart ร่วมมือปรับขึ้นราคาอาหาร

    การสืบสวนจาก The Big Newsletter พบเอกสารภายในที่แสดงให้เห็นว่า Pepsi และ Walmart ได้หารือกันเกี่ยวกับการปรับขึ้นราคาสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม โดยมีการวางกลยุทธ์ร่วมกันเพื่อให้การขึ้นราคาดำเนินไปอย่างราบรื่นและไม่กระทบต่อยอดขายมากนัก

    ในเอกสารมีการระบุถึงการประชุมที่ทั้งสองบริษัทหารือเรื่องการจัดการต้นทุนและการผลักภาระไปยังผู้บริโภค โดย Walmart ซึ่งเป็นผู้ค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ มีอำนาจต่อรองสูงในการกำหนดราคาสินค้า ขณะที่ Pepsi ในฐานะผู้ผลิตรายใหญ่ก็ต้องการรักษากำไรและส่วนแบ่งตลาด การร่วมมือกันเช่นนี้จึงสร้างผลกระทบต่อราคาสินค้าในวงกว้าง

    สิ่งที่น่ากังวลคือการปรับขึ้นราคานี้ไม่ได้เกิดจากปัจจัยตลาดตามธรรมชาติ เช่น ต้นทุนวัตถุดิบหรือค่าขนส่ง แต่เป็นผลจากการตกลงร่วมกันของบริษัทยักษ์ใหญ่ ซึ่งอาจเข้าข่ายการผูกขาดหรือการบิดเบือนตลาด ทำให้ผู้บริโภคต้องจ่ายแพงขึ้นโดยไม่มีทางเลือกมากนัก

    นักเศรษฐศาสตร์และนักเคลื่อนไหวด้านผู้บริโภคเตือนว่าการร่วมมือเช่นนี้อาจทำให้เกิด “shadow cartel” หรือการสมคบกันอย่างไม่เป็นทางการระหว่างบริษัทใหญ่ ๆ ที่ควบคุมตลาด ซึ่งหากไม่มีการตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแล ก็อาจทำให้ราคาสินค้าในชีวิตประจำวันสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การเปิดเผยเอกสารลับ
    แสดงให้เห็นการหารือระหว่าง Pepsi และ Walmart
    มีการวางกลยุทธ์ร่วมกันในการปรับขึ้นราคา

    ผลกระทบต่อผู้บริโภค
    ราคาสินค้าอาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น
    ผู้บริโภคมีทางเลือกจำกัดในการซื้อสินค้า

    อำนาจของบริษัทยักษ์ใหญ่
    Walmart มีอำนาจต่อรองสูงในฐานะผู้ค้าปลีก
    Pepsi ต้องการรักษากำไรและส่วนแบ่งตลาด

    ความเสี่ยงต่อการแข่งขันที่เป็นธรรม
    การร่วมมืออาจเข้าข่ายการผูกขาดหรือบิดเบือนตลาด
    หากไม่มีการตรวจสอบ อาจเกิด “shadow cartel” ที่ควบคุมราคาสินค้าในวงกว้าง

    https://www.thebignewsletter.com/p/secret-documents-show-pepsi-and-walmart
    🏪 เอกสารลับเผย Pepsi และ Walmart ร่วมมือปรับขึ้นราคาอาหาร การสืบสวนจาก The Big Newsletter พบเอกสารภายในที่แสดงให้เห็นว่า Pepsi และ Walmart ได้หารือกันเกี่ยวกับการปรับขึ้นราคาสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม โดยมีการวางกลยุทธ์ร่วมกันเพื่อให้การขึ้นราคาดำเนินไปอย่างราบรื่นและไม่กระทบต่อยอดขายมากนัก ในเอกสารมีการระบุถึงการประชุมที่ทั้งสองบริษัทหารือเรื่องการจัดการต้นทุนและการผลักภาระไปยังผู้บริโภค โดย Walmart ซึ่งเป็นผู้ค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ มีอำนาจต่อรองสูงในการกำหนดราคาสินค้า ขณะที่ Pepsi ในฐานะผู้ผลิตรายใหญ่ก็ต้องการรักษากำไรและส่วนแบ่งตลาด การร่วมมือกันเช่นนี้จึงสร้างผลกระทบต่อราคาสินค้าในวงกว้าง สิ่งที่น่ากังวลคือการปรับขึ้นราคานี้ไม่ได้เกิดจากปัจจัยตลาดตามธรรมชาติ เช่น ต้นทุนวัตถุดิบหรือค่าขนส่ง แต่เป็นผลจากการตกลงร่วมกันของบริษัทยักษ์ใหญ่ ซึ่งอาจเข้าข่ายการผูกขาดหรือการบิดเบือนตลาด ทำให้ผู้บริโภคต้องจ่ายแพงขึ้นโดยไม่มีทางเลือกมากนัก นักเศรษฐศาสตร์และนักเคลื่อนไหวด้านผู้บริโภคเตือนว่าการร่วมมือเช่นนี้อาจทำให้เกิด “shadow cartel” หรือการสมคบกันอย่างไม่เป็นทางการระหว่างบริษัทใหญ่ ๆ ที่ควบคุมตลาด ซึ่งหากไม่มีการตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแล ก็อาจทำให้ราคาสินค้าในชีวิตประจำวันสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การเปิดเผยเอกสารลับ ➡️ แสดงให้เห็นการหารือระหว่าง Pepsi และ Walmart ➡️ มีการวางกลยุทธ์ร่วมกันในการปรับขึ้นราคา ✅ ผลกระทบต่อผู้บริโภค ➡️ ราคาสินค้าอาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น ➡️ ผู้บริโภคมีทางเลือกจำกัดในการซื้อสินค้า ✅ อำนาจของบริษัทยักษ์ใหญ่ ➡️ Walmart มีอำนาจต่อรองสูงในฐานะผู้ค้าปลีก ➡️ Pepsi ต้องการรักษากำไรและส่วนแบ่งตลาด ‼️ ความเสี่ยงต่อการแข่งขันที่เป็นธรรม ⛔ การร่วมมืออาจเข้าข่ายการผูกขาดหรือบิดเบือนตลาด ⛔ หากไม่มีการตรวจสอบ อาจเกิด “shadow cartel” ที่ควบคุมราคาสินค้าในวงกว้าง https://www.thebignewsletter.com/p/secret-documents-show-pepsi-and-walmart
    WWW.THEBIGNEWSLETTER.COM
    Secret Documents Show Pepsi and Walmart Colluded to Raise Food Prices Across the Economy
    The Trump FTC tried to hide a complaint showing Pepsi forced shoppers to pay higher prices everywhere but Walmart. But now it's unsealed. And the politics of affordability are explosive.
    0 Comments 0 Shares 78 Views 0 Reviews
  • เด็กป่วยมะเร็งถูกใช้เป็นเครื่องมือในแคมเปญระดมทุนปลอม

    การสืบสวนของ BBC Eye Investigations พบว่ามีการจัดทำวิดีโอปลอม โดยให้เด็กที่ป่วยมะเร็งจริงถูกบังคับให้แสดงบทบาท เช่น ถูกโกนหัว ติดสายน้ำเกลือปลอม และทำให้ร้องไห้ด้วยการใช้หัวหอมและเมนทอล เพื่อสร้างภาพความน่าสงสาร วิดีโอเหล่านี้ถูกเผยแพร่บน YouTube และเว็บไซต์ระดมทุน โดยอ้างว่าจะช่วยค่าใช้จ่ายในการรักษา

    หนึ่งในกรณีคือ คาลิล เด็กชายวัย 7 ปีจากฟิลิปปินส์ ที่ถูกถ่ายทำวิดีโอระดมทุนซึ่งระบุว่าสามารถหาเงินได้กว่า 27,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ครอบครัวกลับได้รับเพียงค่าถ่ายทำ 700 ดอลลาร์ และไม่เคยเห็นเงินบริจาคที่เหลือเลย สุดท้ายคาลิลเสียชีวิตโดยไม่ได้รับการรักษาที่ดีขึ้นตามที่สัญญาไว้

    การสืบสวนยังพบว่าเครือข่ายนี้มีการดำเนินงานในหลายประเทศ เช่น โคลอมเบีย กานา และยูเครน โดยมีบุคคลสำคัญที่เชื่อมโยงคือ เอเรซ ฮาดารี ชาวอิสราเอลที่อาศัยอยู่ในแคนาดา ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้จัดการแคมเปญผ่านองค์กรต่าง ๆ เช่น Chance Letikva, Walls of Hope และ Saint Raphael

    สิ่งที่น่าตกใจคือเงินบริจาคจำนวนมหาศาล เช่น กว่า 700,000 ดอลลาร์ ในบางแคมเปญ ไม่เคยถึงมือครอบครัวเด็กเลย แต่ถูกอ้างว่าใช้ไปกับค่าโฆษณาและการจัดการ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านการกุศลเตือนว่าค่าใช้จ่ายลักษณะนี้ไม่ควรเกิน 20% ของยอดบริจาคทั้งหมด

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การสืบสวนของ BBC Eye
    พบการสร้างวิดีโอปลอมเพื่อระดมทุนจากเด็กป่วยมะเร็ง
    ใช้เทคนิคบังคับให้เด็กแสดงความทุกข์ทรมาน

    กรณีของคาลิลจากฟิลิปปินส์
    วิดีโอหาเงินได้กว่า 27,000 ดอลลาร์
    ครอบครัวได้รับเพียง 700 ดอลลาร์ และเด็กเสียชีวิต

    บุคคลและองค์กรที่เกี่ยวข้อง
    เอเรซ ฮาดารี ถูกเชื่อมโยงกับหลายองค์กร เช่น Chance Letikva
    มีการดำเนินงานในหลายประเทศทั่วโลก

    เงินบริจาคจำนวนมหาศาล
    บางแคมเปญระดมได้กว่า 700,000 ดอลลาร์
    เงินไม่ถึงครอบครัวเด็ก แต่ถูกอ้างว่าใช้ไปกับค่าโฆษณา

    คำเตือนสำหรับผู้บริจาค
    ตรวจสอบว่าองค์กรการกุศลมีการจดทะเบียนถูกต้อง
    ระวังการบริจาคผ่านเว็บไซต์หรือโฆษณาที่ไม่น่าเชื่อถือ

    https://www.bbc.com/news/articles/ckgz318y8elo
    📰 เด็กป่วยมะเร็งถูกใช้เป็นเครื่องมือในแคมเปญระดมทุนปลอม การสืบสวนของ BBC Eye Investigations พบว่ามีการจัดทำวิดีโอปลอม โดยให้เด็กที่ป่วยมะเร็งจริงถูกบังคับให้แสดงบทบาท เช่น ถูกโกนหัว ติดสายน้ำเกลือปลอม และทำให้ร้องไห้ด้วยการใช้หัวหอมและเมนทอล เพื่อสร้างภาพความน่าสงสาร วิดีโอเหล่านี้ถูกเผยแพร่บน YouTube และเว็บไซต์ระดมทุน โดยอ้างว่าจะช่วยค่าใช้จ่ายในการรักษา หนึ่งในกรณีคือ คาลิล เด็กชายวัย 7 ปีจากฟิลิปปินส์ ที่ถูกถ่ายทำวิดีโอระดมทุนซึ่งระบุว่าสามารถหาเงินได้กว่า 27,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ครอบครัวกลับได้รับเพียงค่าถ่ายทำ 700 ดอลลาร์ และไม่เคยเห็นเงินบริจาคที่เหลือเลย สุดท้ายคาลิลเสียชีวิตโดยไม่ได้รับการรักษาที่ดีขึ้นตามที่สัญญาไว้ การสืบสวนยังพบว่าเครือข่ายนี้มีการดำเนินงานในหลายประเทศ เช่น โคลอมเบีย กานา และยูเครน โดยมีบุคคลสำคัญที่เชื่อมโยงคือ เอเรซ ฮาดารี ชาวอิสราเอลที่อาศัยอยู่ในแคนาดา ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้จัดการแคมเปญผ่านองค์กรต่าง ๆ เช่น Chance Letikva, Walls of Hope และ Saint Raphael สิ่งที่น่าตกใจคือเงินบริจาคจำนวนมหาศาล เช่น กว่า 700,000 ดอลลาร์ ในบางแคมเปญ ไม่เคยถึงมือครอบครัวเด็กเลย แต่ถูกอ้างว่าใช้ไปกับค่าโฆษณาและการจัดการ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านการกุศลเตือนว่าค่าใช้จ่ายลักษณะนี้ไม่ควรเกิน 20% ของยอดบริจาคทั้งหมด 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การสืบสวนของ BBC Eye ➡️ พบการสร้างวิดีโอปลอมเพื่อระดมทุนจากเด็กป่วยมะเร็ง ➡️ ใช้เทคนิคบังคับให้เด็กแสดงความทุกข์ทรมาน ✅ กรณีของคาลิลจากฟิลิปปินส์ ➡️ วิดีโอหาเงินได้กว่า 27,000 ดอลลาร์ ➡️ ครอบครัวได้รับเพียง 700 ดอลลาร์ และเด็กเสียชีวิต ✅ บุคคลและองค์กรที่เกี่ยวข้อง ➡️ เอเรซ ฮาดารี ถูกเชื่อมโยงกับหลายองค์กร เช่น Chance Letikva ➡️ มีการดำเนินงานในหลายประเทศทั่วโลก ✅ เงินบริจาคจำนวนมหาศาล ➡️ บางแคมเปญระดมได้กว่า 700,000 ดอลลาร์ ➡️ เงินไม่ถึงครอบครัวเด็ก แต่ถูกอ้างว่าใช้ไปกับค่าโฆษณา ‼️ คำเตือนสำหรับผู้บริจาค ⛔ ตรวจสอบว่าองค์กรการกุศลมีการจดทะเบียนถูกต้อง ⛔ ระวังการบริจาคผ่านเว็บไซต์หรือโฆษณาที่ไม่น่าเชื่อถือ https://www.bbc.com/news/articles/ckgz318y8elo
    WWW.BBC.COM
    Children with cancer scammed out of millions fundraised for their treatment, BBC finds
    Huge amounts appear to have been raised for seriously ill children who never received the money.
    0 Comments 0 Shares 107 Views 0 Reviews
  • PayPal ยื่นขอใบอนุญาตธนาคารอุตสาหกรรม SMEs

    PayPal ไม่ต้องการเป็นเพียง “ตัวกลางโอนเงิน” อีกต่อไป บริษัทได้ยื่นขออนุญาตจัดตั้ง Industrial Bank ในรัฐ Utah และต่อ FDIC เพื่อให้สามารถทำธุรกิจธนาคารเต็มรูปแบบ ทั้งการรับฝากและปล่อยกู้โดยตรง การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงความตั้งใจที่จะลดการพึ่งพาธนาคารคู่ค้า และเพิ่มกำไรจากการดำเนินงานทางการเงินโดยตรง

    จุดเปลี่ยนสำคัญ: SMEs และการเข้าถึงเงินทุน
    หนึ่งในเหตุผลหลักคือการช่วยเหลือ ธุรกิจขนาดเล็กและกลาง (SMEs) ที่มักประสบปัญหาเข้าถึงเงินทุนจากธนาคารดั้งเดิมที่มีมาตรฐานการปล่อยกู้เข้มงวด PayPal มองว่าตนเองมีข้อมูลเชิงลึกจากธุรกรรมของผู้ค้าออนไลน์และธุรกิจเล็ก ๆ ซึ่งสามารถใช้เป็นฐานในการประเมินเครดิตได้แม่นยำกว่า ทำให้การปล่อยกู้มีความเสี่ยงต่ำลงและสร้างผลตอบแทนสูงขึ้น

    มิติใหม่: การรองรับคริปโตและ Stablecoin
    นอกจากการปล่อยกู้ PayPal ยังวางแผนใช้ใบอนุญาตนี้เพื่อขยายการดำเนินงานด้าน คริปโตและ Stablecoin (PYUSD) ภายใต้กรอบกฎหมายที่ชัดเจน การมีสถานะเป็นธนาคารจะช่วยให้ PayPal จัดการการแปลงค่าเงิน Fiat-คริปโตได้อย่างปลอดภัย และลดความเสี่ยงจากการที่ธนาคารคู่ค้าปฏิเสธให้บริการอย่างกะทันหัน

    มุมมองเชิงกลยุทธ์
    การยื่นขอใบอนุญาตนี้ถูกมองว่าเป็น “Endgame” ของ Fintech เพราะจะทำให้ PayPal มีอิสระในการดำเนินงานทางการเงินมากขึ้น คล้ายกับที่ Block (Square) เคยทำสำเร็จมาก่อน อย่างไรก็ตาม หน่วยงานกำกับดูแลสหรัฐฯ มีท่าทีระมัดระวังต่อบริษัทเทคโนโลยีที่เข้าสู่ธุรกิจธนาคาร ทำให้การอนุมัติครั้งนี้เป็นบททดสอบสำคัญต่ออนาคตของการกำกับดูแลการเงินในสหรัฐฯ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    PayPal ยื่นขอใบอนุญาต Industrial Bank Charter
    ยื่นต่อรัฐ Utah และ FDIC
    เปลี่ยนจากแพลตฟอร์มโอนเงินเป็นธนาคารเต็มรูปแบบ

    เป้าหมายหลักคือ SMEs
    ลดข้อจำกัดจากธนาคารดั้งเดิม
    ใช้ข้อมูลธุรกรรมออนไลน์ในการประเมินเครดิต

    ขยายสู่คริปโตและ Stablecoin
    รองรับ PYUSD ภายใต้กรอบกฎหมาย
    ลดความเสี่ยงจากการถูกตัดบริการโดยธนาคารคู่ค้า

    ผลเชิงกลยุทธ์
    ลดต้นทุนการดำเนินงาน
    เพิ่มกำไรจากการปล่อยกู้และการจัดการข้อมูล

    คำเตือนและความเสี่ยง
    การอนุมัติขึ้นอยู่กับท่าทีระมัดระวังของหน่วยงานกำกับดูแลสหรัฐฯ
    หากถูกปฏิเสธ อาจกระทบต่อแผนการขยายธุรกิจและการลงทุนด้านคริปโต

    https://securityonline.info/fintech-endgame-paypal-applies-for-industrial-bank-charter-to-fund-smes-and-support-crypto/
    💳 PayPal ยื่นขอใบอนุญาตธนาคารอุตสาหกรรม SMEs PayPal ไม่ต้องการเป็นเพียง “ตัวกลางโอนเงิน” อีกต่อไป บริษัทได้ยื่นขออนุญาตจัดตั้ง Industrial Bank ในรัฐ Utah และต่อ FDIC เพื่อให้สามารถทำธุรกิจธนาคารเต็มรูปแบบ ทั้งการรับฝากและปล่อยกู้โดยตรง การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงความตั้งใจที่จะลดการพึ่งพาธนาคารคู่ค้า และเพิ่มกำไรจากการดำเนินงานทางการเงินโดยตรง 🏦 จุดเปลี่ยนสำคัญ: SMEs และการเข้าถึงเงินทุน หนึ่งในเหตุผลหลักคือการช่วยเหลือ ธุรกิจขนาดเล็กและกลาง (SMEs) ที่มักประสบปัญหาเข้าถึงเงินทุนจากธนาคารดั้งเดิมที่มีมาตรฐานการปล่อยกู้เข้มงวด PayPal มองว่าตนเองมีข้อมูลเชิงลึกจากธุรกรรมของผู้ค้าออนไลน์และธุรกิจเล็ก ๆ ซึ่งสามารถใช้เป็นฐานในการประเมินเครดิตได้แม่นยำกว่า ทำให้การปล่อยกู้มีความเสี่ยงต่ำลงและสร้างผลตอบแทนสูงขึ้น 🪙 มิติใหม่: การรองรับคริปโตและ Stablecoin นอกจากการปล่อยกู้ PayPal ยังวางแผนใช้ใบอนุญาตนี้เพื่อขยายการดำเนินงานด้าน คริปโตและ Stablecoin (PYUSD) ภายใต้กรอบกฎหมายที่ชัดเจน การมีสถานะเป็นธนาคารจะช่วยให้ PayPal จัดการการแปลงค่าเงิน Fiat-คริปโตได้อย่างปลอดภัย และลดความเสี่ยงจากการที่ธนาคารคู่ค้าปฏิเสธให้บริการอย่างกะทันหัน 📊 มุมมองเชิงกลยุทธ์ การยื่นขอใบอนุญาตนี้ถูกมองว่าเป็น “Endgame” ของ Fintech เพราะจะทำให้ PayPal มีอิสระในการดำเนินงานทางการเงินมากขึ้น คล้ายกับที่ Block (Square) เคยทำสำเร็จมาก่อน อย่างไรก็ตาม หน่วยงานกำกับดูแลสหรัฐฯ มีท่าทีระมัดระวังต่อบริษัทเทคโนโลยีที่เข้าสู่ธุรกิจธนาคาร ทำให้การอนุมัติครั้งนี้เป็นบททดสอบสำคัญต่ออนาคตของการกำกับดูแลการเงินในสหรัฐฯ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ PayPal ยื่นขอใบอนุญาต Industrial Bank Charter ➡️ ยื่นต่อรัฐ Utah และ FDIC ➡️ เปลี่ยนจากแพลตฟอร์มโอนเงินเป็นธนาคารเต็มรูปแบบ ✅ เป้าหมายหลักคือ SMEs ➡️ ลดข้อจำกัดจากธนาคารดั้งเดิม ➡️ ใช้ข้อมูลธุรกรรมออนไลน์ในการประเมินเครดิต ✅ ขยายสู่คริปโตและ Stablecoin ➡️ รองรับ PYUSD ภายใต้กรอบกฎหมาย ➡️ ลดความเสี่ยงจากการถูกตัดบริการโดยธนาคารคู่ค้า ✅ ผลเชิงกลยุทธ์ ➡️ ลดต้นทุนการดำเนินงาน ➡️ เพิ่มกำไรจากการปล่อยกู้และการจัดการข้อมูล ‼️ คำเตือนและความเสี่ยง ⛔ การอนุมัติขึ้นอยู่กับท่าทีระมัดระวังของหน่วยงานกำกับดูแลสหรัฐฯ ⛔ หากถูกปฏิเสธ อาจกระทบต่อแผนการขยายธุรกิจและการลงทุนด้านคริปโต https://securityonline.info/fintech-endgame-paypal-applies-for-industrial-bank-charter-to-fund-smes-and-support-crypto/
    SECURITYONLINE.INFO
    Fintech Endgame: PayPal Applies for Industrial Bank Charter to Fund SMEs and Support Crypto
    PayPal seeks an industrial bank charter in Utah to cut reliance on partners, fund small businesses directly, and consolidate its growing cryptocurrency and PYUSD stablecoin operations.
    0 Comments 0 Shares 98 Views 0 Reviews
More Results