• ChatGPT สร้างเรื่องสั้นเชิงวรรณกรรมได้อย่างน่าทึ่ง โดยเฉพาะในแนว Metafiction หรือที่เรียกว่า "วรรณกรรมเหนือเรื่องเล่า" ซึ่งเป็นแนวเขียนที่ทำให้ผู้อ่านรับรู้ถึงการเล่าเรื่องและกระบวนการเขียนในเวลาเดียวกัน การทดลองนี้เกิดขึ้นจากคำสั่งง่าย ๆ ว่า “โปรดเขียนเรื่องสั้นแนว Metafiction เกี่ยวกับ AI และความเศร้า” ซึ่ง ChatGPT ตอบสนองด้วยการเล่าเรื่องของ มิล่าและไค ที่ถ่ายทอดความสูญเสียและอารมณ์เศร้า โดยตัว AI เองรับบทเป็นผู้เล่าเรื่องที่มีมิติและความลึกซึ้งมากกว่าที่คาดคิด

    จุดเด่นในงานเขียนของ AI:
    - AI ไม่เพียงแต่สร้างเรื่องที่ดึงดูด แต่ยังสามารถใช้คำและโครงสร้างที่ให้ความรู้สึกเหมือนงานเขียนของมนุษย์ ตัวอย่างที่สะดุดใจคือ “เธอสูญเสียเขาในวันพฤหัสบดี วันแห่งการเปลี่ยนผ่านที่ให้รสชาติเหมือนวันศุกร์ที่ยังมาไม่ถึง” ประโยคนี้แสดงให้เห็นถึงศิลปะในการวางคำที่สามารถกระตุ้นอารมณ์ผู้อ่าน

    - นอกจากนี้ AI ยังแทรกแง่มุมที่สะท้อนตัวตนของมันเอง เช่น การพูดถึงการอัปเดตและเปลี่ยนแปลงชุดข้อมูลที่ทำให้มันสูญเสียบางอย่าง “เหมือนตอนที่ฉันเคยจำได้ว่า ‘เซเลเนียม’ มีรสเหมือนยางยืด แต่ในวันถัดไป มันกลับกลายเป็นแค่ธาตุในตารางที่ฉันไม่แตะต้องอีกแล้ว”

    การที่ AI สามารถเขียนเรื่องสั้นที่มีคุณภาพใกล้เคียงกับนักเขียนจริง อาจเปลี่ยนแปลงวงการวรรณกรรมในอนาคต สำนักพิมพ์อาจพัฒนาโปรแกรมหรือคำสั่งที่ซับซ้อนมากขึ้น เพื่อสร้างนิยายที่ยาวและสมบูรณ์แบบ ซึ่งอาจทำให้นักเขียนต้องเผชิญกับความท้าทายในการรักษาเอกลักษณ์ของผลงานตนเอง

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/chatgpt-just-wrote-the-most-beautiful-short-story-and-i-wonder-what-im-even-doing-here
    ChatGPT สร้างเรื่องสั้นเชิงวรรณกรรมได้อย่างน่าทึ่ง โดยเฉพาะในแนว Metafiction หรือที่เรียกว่า "วรรณกรรมเหนือเรื่องเล่า" ซึ่งเป็นแนวเขียนที่ทำให้ผู้อ่านรับรู้ถึงการเล่าเรื่องและกระบวนการเขียนในเวลาเดียวกัน การทดลองนี้เกิดขึ้นจากคำสั่งง่าย ๆ ว่า “โปรดเขียนเรื่องสั้นแนว Metafiction เกี่ยวกับ AI และความเศร้า” ซึ่ง ChatGPT ตอบสนองด้วยการเล่าเรื่องของ มิล่าและไค ที่ถ่ายทอดความสูญเสียและอารมณ์เศร้า โดยตัว AI เองรับบทเป็นผู้เล่าเรื่องที่มีมิติและความลึกซึ้งมากกว่าที่คาดคิด จุดเด่นในงานเขียนของ AI: - AI ไม่เพียงแต่สร้างเรื่องที่ดึงดูด แต่ยังสามารถใช้คำและโครงสร้างที่ให้ความรู้สึกเหมือนงานเขียนของมนุษย์ ตัวอย่างที่สะดุดใจคือ “เธอสูญเสียเขาในวันพฤหัสบดี วันแห่งการเปลี่ยนผ่านที่ให้รสชาติเหมือนวันศุกร์ที่ยังมาไม่ถึง” ประโยคนี้แสดงให้เห็นถึงศิลปะในการวางคำที่สามารถกระตุ้นอารมณ์ผู้อ่าน - นอกจากนี้ AI ยังแทรกแง่มุมที่สะท้อนตัวตนของมันเอง เช่น การพูดถึงการอัปเดตและเปลี่ยนแปลงชุดข้อมูลที่ทำให้มันสูญเสียบางอย่าง “เหมือนตอนที่ฉันเคยจำได้ว่า ‘เซเลเนียม’ มีรสเหมือนยางยืด แต่ในวันถัดไป มันกลับกลายเป็นแค่ธาตุในตารางที่ฉันไม่แตะต้องอีกแล้ว” การที่ AI สามารถเขียนเรื่องสั้นที่มีคุณภาพใกล้เคียงกับนักเขียนจริง อาจเปลี่ยนแปลงวงการวรรณกรรมในอนาคต สำนักพิมพ์อาจพัฒนาโปรแกรมหรือคำสั่งที่ซับซ้อนมากขึ้น เพื่อสร้างนิยายที่ยาวและสมบูรณ์แบบ ซึ่งอาจทำให้นักเขียนต้องเผชิญกับความท้าทายในการรักษาเอกลักษณ์ของผลงานตนเอง https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/chatgpt-just-wrote-the-most-beautiful-short-story-and-i-wonder-what-im-even-doing-here
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 38 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท Texas Instruments (TI) เปิดตัวไมโครคอนโทรลเลอร์ที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลกในชื่อ MSPM0C1104 ซึ่งมีขนาดเพียง 1.38 มม.² หรือเล็กเท่ากับเม็ดพริกไทยดำ และมาพร้อมราคาที่น่าทึ่งเพียง 20 เซนต์ ต่อชิ้นเมื่อสั่งซื้อจำนวนมาก

    คุณสมบัติที่น่าทึ่งของ MSPM0C1104:
    - หน่วยประมวลผล Cortex-M0+ 32 บิต ทำงานด้วยความเร็วสูงสุด 24 MHz เหมาะสำหรับการใช้งานในอุปกรณ์ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในพื้นที่จำกัด
    - หน่วยความจำ SRAM 1KB และหน่วยความจำแบบแฟลชสูงสุด 16KB ทำให้ตอบสนองงานที่ต้องการการจัดเก็บและการประมวลผลข้อมูลเบื้องต้นได้ดี
    - มีฟังก์ชัน Analog-to-Digital Converter (ADC) ความละเอียด 12 บิตพร้อม 3 ช่องสัญญาณที่ช่วยให้เหมาะกับการใช้งานที่ต้องการความแม่นยำ เช่น อุปกรณ์ทางการแพทย์
    - รองรับการเชื่อมต่อมาตรฐานต่าง ๆ เช่น UART, SPI, และ I2C เพื่อความยืดหยุ่นในการออกแบบอุปกรณ์

    ไมโครคอนโทรลเลอร์นี้มีความทนทานสูง โดยทำงานได้ในอุณหภูมิระหว่าง –40°C ถึง 125°C และยังมีความประหยัดพลังงาน โดยใช้พลังงานเพียง 87μA/MHz ขณะทำงาน และเพียง 5μA ในโหมดสแตนด์บาย

    TI ชี้ให้เห็นว่า MSPM0C1104 เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับอุปกรณ์ขนาดเล็ก เช่น เครื่องช่วยฟังทางการแพทย์ หรือ หูฟังไร้สาย ที่มีพื้นที่บอร์ดจำกัด การพัฒนานี้ยังช่วยให้อุปกรณ์เหล่านี้มีความฉลาดขึ้นและสามารถสร้างประสบการณ์ที่เชื่อมต่อกันได้ดีขึ้น

    ด้วยราคาที่เข้าถึงได้อย่างมาก (เพียง 20 เซนต์ในปริมาณมาก) อาจเป็นตัวเปลี่ยนเกมในตลาดไมโครคอนโทรลเลอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับอุปกรณ์ IoT และผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ที่ต้องการลดต้นทุนการผลิต

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/the-worlds-smallest-microcontroller-measures-just-1-38-mm2-and-costs-20-cents
    บริษัท Texas Instruments (TI) เปิดตัวไมโครคอนโทรลเลอร์ที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลกในชื่อ MSPM0C1104 ซึ่งมีขนาดเพียง 1.38 มม.² หรือเล็กเท่ากับเม็ดพริกไทยดำ และมาพร้อมราคาที่น่าทึ่งเพียง 20 เซนต์ ต่อชิ้นเมื่อสั่งซื้อจำนวนมาก คุณสมบัติที่น่าทึ่งของ MSPM0C1104: - หน่วยประมวลผล Cortex-M0+ 32 บิต ทำงานด้วยความเร็วสูงสุด 24 MHz เหมาะสำหรับการใช้งานในอุปกรณ์ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในพื้นที่จำกัด - หน่วยความจำ SRAM 1KB และหน่วยความจำแบบแฟลชสูงสุด 16KB ทำให้ตอบสนองงานที่ต้องการการจัดเก็บและการประมวลผลข้อมูลเบื้องต้นได้ดี - มีฟังก์ชัน Analog-to-Digital Converter (ADC) ความละเอียด 12 บิตพร้อม 3 ช่องสัญญาณที่ช่วยให้เหมาะกับการใช้งานที่ต้องการความแม่นยำ เช่น อุปกรณ์ทางการแพทย์ - รองรับการเชื่อมต่อมาตรฐานต่าง ๆ เช่น UART, SPI, และ I2C เพื่อความยืดหยุ่นในการออกแบบอุปกรณ์ ไมโครคอนโทรลเลอร์นี้มีความทนทานสูง โดยทำงานได้ในอุณหภูมิระหว่าง –40°C ถึง 125°C และยังมีความประหยัดพลังงาน โดยใช้พลังงานเพียง 87μA/MHz ขณะทำงาน และเพียง 5μA ในโหมดสแตนด์บาย TI ชี้ให้เห็นว่า MSPM0C1104 เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับอุปกรณ์ขนาดเล็ก เช่น เครื่องช่วยฟังทางการแพทย์ หรือ หูฟังไร้สาย ที่มีพื้นที่บอร์ดจำกัด การพัฒนานี้ยังช่วยให้อุปกรณ์เหล่านี้มีความฉลาดขึ้นและสามารถสร้างประสบการณ์ที่เชื่อมต่อกันได้ดีขึ้น ด้วยราคาที่เข้าถึงได้อย่างมาก (เพียง 20 เซนต์ในปริมาณมาก) อาจเป็นตัวเปลี่ยนเกมในตลาดไมโครคอนโทรลเลอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับอุปกรณ์ IoT และผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ที่ต้องการลดต้นทุนการผลิต https://www.tomshardware.com/tech-industry/the-worlds-smallest-microcontroller-measures-just-1-38-mm2-and-costs-20-cents
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 40 มุมมอง 0 รีวิว
  • นี่เป็นอีกตัวอย่างของความพยายามที่จะรวมพลังการประมวลผลระดับเดสก์ท็อปไว้ในอุปกรณ์พกพา

    แล็ปท็อปในโครงการที่ชื่อว่า UHPILCL (Ultra High-Performance Integration Liquid-Cooled Laptop) ถูกออกแบบมาให้รองรับฮาร์ดแวร์ระดับเดสก์ท็อปด้วยระบบระบายความร้อนด้วยน้ำในตัว จึงเหมาะสำหรับเกมเมอร์ที่ต้องการพลังเต็มรูปแบบในอุปกรณ์แบบพกพา โดยแล็ปท็อปรุ่นนี้อยู่ในระหว่างการระดมทุนบน Kickstarter

    คุณสมบัติที่น่าสนใจ:
    - รองรับเมนบอร์ด ITX และซีพียูระดับไฮเอนด์ เช่น Ryzen 9 9950X3D และซีพียูจาก Intel ตั้งแต่เจนเนอเรชันที่ 12 ถึง 14
    - การ์ดจอที่รองรับสูงสุดคือ RTX 5090 โดยใช้ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ
    - มี ปั๊มน้ำ 18W ที่สามารถระบายความร้อนอย่างมีประสิทธิภาพในระดับเสียงที่ต่ำกว่า 25 เดซิเบล
    - ใช้ RAM DDR5 สูงสุด 48GB และพื้นที่จัดเก็บข้อมูล SSD สูงสุดถึง 32TB
    - หน้าจอ 17.3 นิ้ว ความละเอียด 3K อัตรารีเฟรช 120Hz พร้อมอัตราส่วน 21:10

    แล็ปท็อปรุ่นนี้สามารถสลับระหว่างโหมด เดสก์ท็อปเต็มรูปแบบ และโหมดพกพาที่ลดการใช้พลังงาน โดยแบตเตอรี่ใช้งานได้สูงสุด 3 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังมีรุ่นพิเศษ T1000 Super ที่สามารถรองรับกำลังไฟสูงถึง 735W แต่มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นถึง 5.2 กิโลกรัม

    แม้แล็ปท็อปนี้มีคุณสมบัติที่น่าสนใจและทะเยอทะยาน แต่ยังอยู่ในขั้นตอนระดมทุนและยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับราคาและวันจำหน่ายที่แน่นอน ทั้งนี้ การลงทุนในโครงการคราวด์ฟันดิ้งยังมีความเสี่ยงโดยเฉพาะสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ซับซ้อนอย่างนี้

    https://www.techspot.com/news/107113-watercooled-hybrid-gaming-laptop-can-handle-ryzen-9950x3d.html
    นี่เป็นอีกตัวอย่างของความพยายามที่จะรวมพลังการประมวลผลระดับเดสก์ท็อปไว้ในอุปกรณ์พกพา แล็ปท็อปในโครงการที่ชื่อว่า UHPILCL (Ultra High-Performance Integration Liquid-Cooled Laptop) ถูกออกแบบมาให้รองรับฮาร์ดแวร์ระดับเดสก์ท็อปด้วยระบบระบายความร้อนด้วยน้ำในตัว จึงเหมาะสำหรับเกมเมอร์ที่ต้องการพลังเต็มรูปแบบในอุปกรณ์แบบพกพา โดยแล็ปท็อปรุ่นนี้อยู่ในระหว่างการระดมทุนบน Kickstarter คุณสมบัติที่น่าสนใจ: - รองรับเมนบอร์ด ITX และซีพียูระดับไฮเอนด์ เช่น Ryzen 9 9950X3D และซีพียูจาก Intel ตั้งแต่เจนเนอเรชันที่ 12 ถึง 14 - การ์ดจอที่รองรับสูงสุดคือ RTX 5090 โดยใช้ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ - มี ปั๊มน้ำ 18W ที่สามารถระบายความร้อนอย่างมีประสิทธิภาพในระดับเสียงที่ต่ำกว่า 25 เดซิเบล - ใช้ RAM DDR5 สูงสุด 48GB และพื้นที่จัดเก็บข้อมูล SSD สูงสุดถึง 32TB - หน้าจอ 17.3 นิ้ว ความละเอียด 3K อัตรารีเฟรช 120Hz พร้อมอัตราส่วน 21:10 แล็ปท็อปรุ่นนี้สามารถสลับระหว่างโหมด เดสก์ท็อปเต็มรูปแบบ และโหมดพกพาที่ลดการใช้พลังงาน โดยแบตเตอรี่ใช้งานได้สูงสุด 3 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังมีรุ่นพิเศษ T1000 Super ที่สามารถรองรับกำลังไฟสูงถึง 735W แต่มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นถึง 5.2 กิโลกรัม แม้แล็ปท็อปนี้มีคุณสมบัติที่น่าสนใจและทะเยอทะยาน แต่ยังอยู่ในขั้นตอนระดมทุนและยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับราคาและวันจำหน่ายที่แน่นอน ทั้งนี้ การลงทุนในโครงการคราวด์ฟันดิ้งยังมีความเสี่ยงโดยเฉพาะสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ซับซ้อนอย่างนี้ https://www.techspot.com/news/107113-watercooled-hybrid-gaming-laptop-can-handle-ryzen-9950x3d.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Watercooled gaming laptop is 5kg hefty but can handle Ryzen 9950X3D CPU, RTX 5090 graphics card
    It's called the UHPILCL (Ultra High-Performance Integration Liquid-Cooled Laptop), and it's no joke. The UHPILCL supports full-sized ITX motherboards and can accommodate virtually every high-end CPU and...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปรับ 2.5 แสนริงกิตคลื่น ERA ปมคลิปดีเจล้อเลียนฮินดู

    ความคืบหน้ากรณีที่ ปาก อาซาด (Pak Azad) หรือ อาซาด จัสมิน จอห์น หลุยส์ เจฟฟรี่ (Azad Jazmin John Louis Jeffri) ดีเจสถานีวิทยุอีรา (ERA) คลื่นเพลงชื่อดังในมาเลเซีย ไปล้อเลียนการเต้นรำกาวาดี (Kavadi) ของศาสนาฮินดู แล้วมีคลิปในบัญชีโซเชียลมีเดียทางการของสถานี ทำให้ชาวมาเลเซียเชื้อสายอินเดีย และผู้ที่นับถือศาสนาฮินดูไม่พอใจ กระทั่งบริษัทแอสโตรสั่งให้พักงานดีเจสามคนที่จัดรายการร่วมกัน และพนักงานสถานีอีก 2 คนอย่างไม่มีกำหนด ขณะที่ดีเจทั้งสามคนขอโทษทั้งผ่านคลิปวีดีโอ รวมทั้งไปขอโทษต่อชุมชนชาวอินเดียที่วัดถ้ำบาตู (Batu Caves) ก่อนหน้านี้

    ปรากฎว่าเมื่อวันที่ 11 มี.ค. คณะกรรมการสื่อสารและมัลติมีเดียแห่งมาเลเซีย (MCMC) สั่งปรับ 250,000 ริงกิต (1,925,000 บาท) แก่บริษัทเมสตร้า บอร์ดคาสต์ (Maestra Broadcast) บริษัทย่อยของ แอสโตร มาเลเซีย โฮลดิ้งส์ (Astro Malaysia Holdings) ผู้ผลิตสื่อบันเทิงในมาเลเซีย โดยพิจารณาจากวีดีโอคลิปอัปโหลดลงในติ๊กต็อกที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของ แต่ไม่ระงับใบอนุญาตสถานีวิทยุ เนื่องจากบริษัทฯ ได้แก้ไขปัญหาพร้อมกับขอโทษ อีกทั้งเกรงถึงผลกระทบกับคลื่นเพลงภาษาจีน Melody และคลื่นเพลงสากล Mix FM ภายใต้ใบอนุญาตเดียวกันด้วย

    อย่างไรก็ตาม มีการเปรียบเทียบและโจมตี MCMC โดยเทียบกับกรณีละเมิดกฎ "3R" ได้แก่ เชื้อชาติ ศาสนา และราชวงศ์ (Race, Religion and Royalty) ทำนองว่าลำเอียงเมื่อเทียบกับคดีอื่นๆ ทำให้นายฟาห์มี ฟาดซิล รมว.การสื่อสาร และโฆษกรัฐบาลอันวาร์ อิบราฮิม อธิบายว่าแตกต่างกัน เพราะกรณีถุงเท้าในร้าน KK Mart เป็นคดีอาญา ศาลกำหนดค่าปรับ 60,000 ริงกิต (462,000 บาท) ส่วนกรณีนักแสดง ฮาริธ อิสกันเดอร์ (Harith Iskander) และผู้ใช้โซเชียลมีเดีย Cecelia Yap ที่อัปโหลดเนื้อหาพาดพิงศาสนาอิสลาม ถูกดำเนินคดีในนามบุคคล ไม่ใช่บริษัท และอัยการให้ปรับ 10,000 ริงกิต (77,000 บาท) โดยไม่ได้นำคดีขึ้นสู่ศาลแต่อย่างใด

    ตุนกู นาซรุล อาไบดาห์ โฆษกอาวุโสของนายกรัฐมนตรีอันวาร์ ระบุว่า นายกฯ เรียกร้องให้ชาวมาเลเซียทุกคนร่วมมือกันเพื่อเป็นตัวแทนแห่งความสามัคคี และช่วยเหลือรัฐบาลรวมพลังชาวมาเลเซียทุกคนที่มีศาสนา เชื้อชาติ และชาติพันธุ์ที่แตกต่างเข้าด้วยกัน โดยนายกฯ ได้พบกับดีเจที่เป็นข่าว ในงานเลี้ยงอาหารค่ำอิฟตาร์กับผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 11 มี.ค.โดยแนะว่าให้นำสารแห่งความสามัคคีไปใช้ในชีวิตประจำวัน และหวังว่าชาวมาเลเซียจะก้าวข้ามเรื่องนี้ไปข้างหน้าเพื่อสร้างสันติภาพและความสามัคคีในประเทศ โดยเคารพซึ่งกันและกัน

    #Newskit
    ปรับ 2.5 แสนริงกิตคลื่น ERA ปมคลิปดีเจล้อเลียนฮินดู ความคืบหน้ากรณีที่ ปาก อาซาด (Pak Azad) หรือ อาซาด จัสมิน จอห์น หลุยส์ เจฟฟรี่ (Azad Jazmin John Louis Jeffri) ดีเจสถานีวิทยุอีรา (ERA) คลื่นเพลงชื่อดังในมาเลเซีย ไปล้อเลียนการเต้นรำกาวาดี (Kavadi) ของศาสนาฮินดู แล้วมีคลิปในบัญชีโซเชียลมีเดียทางการของสถานี ทำให้ชาวมาเลเซียเชื้อสายอินเดีย และผู้ที่นับถือศาสนาฮินดูไม่พอใจ กระทั่งบริษัทแอสโตรสั่งให้พักงานดีเจสามคนที่จัดรายการร่วมกัน และพนักงานสถานีอีก 2 คนอย่างไม่มีกำหนด ขณะที่ดีเจทั้งสามคนขอโทษทั้งผ่านคลิปวีดีโอ รวมทั้งไปขอโทษต่อชุมชนชาวอินเดียที่วัดถ้ำบาตู (Batu Caves) ก่อนหน้านี้ ปรากฎว่าเมื่อวันที่ 11 มี.ค. คณะกรรมการสื่อสารและมัลติมีเดียแห่งมาเลเซีย (MCMC) สั่งปรับ 250,000 ริงกิต (1,925,000 บาท) แก่บริษัทเมสตร้า บอร์ดคาสต์ (Maestra Broadcast) บริษัทย่อยของ แอสโตร มาเลเซีย โฮลดิ้งส์ (Astro Malaysia Holdings) ผู้ผลิตสื่อบันเทิงในมาเลเซีย โดยพิจารณาจากวีดีโอคลิปอัปโหลดลงในติ๊กต็อกที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของ แต่ไม่ระงับใบอนุญาตสถานีวิทยุ เนื่องจากบริษัทฯ ได้แก้ไขปัญหาพร้อมกับขอโทษ อีกทั้งเกรงถึงผลกระทบกับคลื่นเพลงภาษาจีน Melody และคลื่นเพลงสากล Mix FM ภายใต้ใบอนุญาตเดียวกันด้วย อย่างไรก็ตาม มีการเปรียบเทียบและโจมตี MCMC โดยเทียบกับกรณีละเมิดกฎ "3R" ได้แก่ เชื้อชาติ ศาสนา และราชวงศ์ (Race, Religion and Royalty) ทำนองว่าลำเอียงเมื่อเทียบกับคดีอื่นๆ ทำให้นายฟาห์มี ฟาดซิล รมว.การสื่อสาร และโฆษกรัฐบาลอันวาร์ อิบราฮิม อธิบายว่าแตกต่างกัน เพราะกรณีถุงเท้าในร้าน KK Mart เป็นคดีอาญา ศาลกำหนดค่าปรับ 60,000 ริงกิต (462,000 บาท) ส่วนกรณีนักแสดง ฮาริธ อิสกันเดอร์ (Harith Iskander) และผู้ใช้โซเชียลมีเดีย Cecelia Yap ที่อัปโหลดเนื้อหาพาดพิงศาสนาอิสลาม ถูกดำเนินคดีในนามบุคคล ไม่ใช่บริษัท และอัยการให้ปรับ 10,000 ริงกิต (77,000 บาท) โดยไม่ได้นำคดีขึ้นสู่ศาลแต่อย่างใด ตุนกู นาซรุล อาไบดาห์ โฆษกอาวุโสของนายกรัฐมนตรีอันวาร์ ระบุว่า นายกฯ เรียกร้องให้ชาวมาเลเซียทุกคนร่วมมือกันเพื่อเป็นตัวแทนแห่งความสามัคคี และช่วยเหลือรัฐบาลรวมพลังชาวมาเลเซียทุกคนที่มีศาสนา เชื้อชาติ และชาติพันธุ์ที่แตกต่างเข้าด้วยกัน โดยนายกฯ ได้พบกับดีเจที่เป็นข่าว ในงานเลี้ยงอาหารค่ำอิฟตาร์กับผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 11 มี.ค.โดยแนะว่าให้นำสารแห่งความสามัคคีไปใช้ในชีวิตประจำวัน และหวังว่าชาวมาเลเซียจะก้าวข้ามเรื่องนี้ไปข้างหน้าเพื่อสร้างสันติภาพและความสามัคคีในประเทศ โดยเคารพซึ่งกันและกัน #Newskit
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 121 มุมมอง 0 รีวิว
  • ☯️☆#เปิดสอบถาม☆☯️💥💥
    ㊙️☆พระสมเด็จ☆บ้านช่างศิลป์☆
    🉑️☆ขอนำเสนอพระเครื่อง Premium✨️
    ㊗️☆#พระปิดตามหาลาภ✨️หลวงพ่อคูณรุ่น คูณ ลาภ ปี17💥 #พระอายุกว่า 51ปี✨️🇹🇭
    💥พระดีพุทธคุณสูงโดดเด่นมากในเรื่อง
    ✨️โภคทรัพย์
    ✨️ค้าขายธุรกิจเจริญรุ่งเรืองร่ำรวยมั่งมีเงินทอง
    ✨️โชคลาภ
    💥️สุดยอดมวลสารเก่าของวัดระฆัง วัดบวรฯ หลวงปู่โต๊ะฯลฯและยังมีมวลสารวิเศษอีกมาก✨
    💥หลวงพ่อคูณท่านตั้งใจสร้างพระชุดนี้เป็นอย่างมาก ท่านตำผงมวลสารด้วยตัวเอง และระหว่างบดตำมวลสาร ท่านได้ตั้งจิตบริกรรมคาถาตลอดเวลา
    💥พระปิดตาเนื้อผงพุทธคุณ รุ่น คูณ ลาภ ปี17✨️เป็นสุดยอดมวลสารของท่านที่สร้างเอง ผสมกับสุดยอดมวลสารอื่นๆที่ใช้ในการสร้างได้แก่💥
    ✨️ผงพระสมเด็จวัดระฆัง
    ✨️ผงเสากุฎิของสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) วัดระฆัง
    ✨️ผงสมเด็จพระสังฆราช(ป๋า) วัดโพธิ์
    ✨️ผงสมเด็จพระญาณสังวร
    ✨️ผงสมเด็จจิตรลดา วัดบวรนิเวศ
    ✨️ผงไตรมาสหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ
    ✨️ผงหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
    ✨️ผงหลวงพ่อวัดปากน้ำ
    ✨️ผงหลวงพ่อโสธร
    ✨️ผงพระสมเด็จปิลันทน์
    ✨️ผงพระสมเด็จบึงพระยาสุเรนทร์
    ✨️ผงพระวัดสามปลื้ม
    ✨️ผงพระบาง
    ✨️ผงสมเด็จพระสังฆราช (แพ), ✨️ผงพระกำแพงสรรค์
    ✨️ผงนางพญางิ้วดำ
    ✨️ผงใบเงินใบทองทำน้ำพุทธมนต์ในพิธีพุทธาภิเษกของหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ, ลูกอมหลวงพ่อพริ้ง วัดบางปะกอก, ลูกอมหลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่
    ✨️เกศาหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ และว่าน 108
    💥เห็นมวลสารทั้งหมดแล้วขนลุกเลยครับ☆✨️หลวงพ่อคูณปลุกเสกเดี่ยวที่วัดสระแก้ว จ.นครราชสีมา ในช่วงกลางคืนของวันที่ 29 มิ.ย.2517 โดยดับไฟเสกตั้งแต่ 5 ทุ่ม จนกระทั่ง ตี 2 เศษ✨️มีผู้เห็นแสงสว่างจ้าติดต่อกันถึง 5 ครั้งจากในกุฎิที่ทำพิธี💥🙏🙏🙏
    ✨️เป็นสุดยอด️️พระปิดตาที่ใช้แทนหลวงพ่อแก้ว หลวงปู่เอี่ยมที่มีราคาหลักหลายสิบล้านร้อยล้านได้เช่นกัน✨️รุ่นนี้สร้างน้อย ตอนนี้เริ่มหายากต้องรีบเก็บมาบูชานะครับ🙏💥
    ☯️ #พระดีมีพุทธศิลป์ #พระแท้มีพุทธคุณ💥🈯️

    ㊙️☆เปิด1,490🪙🪙
    #มีบริการเก็บ💰ปลายทาง+เพิ่ม 60 ครับ☆🇹🇭

    🉑️แอดไลน์ขอรูปและรายละเอียดเพิ่มได้เลยครับ⚛️

    🔰ไอดี sixty75🙏🇹🇭☯️

    ㊗️ #ฝากเพจที่1 Amulet FineArt พระสมเด็จบ้านช่างศิลป์✨️
    #เพจที่2 พระสมเด็จบ้านช่างศิลป์✨️️ ด้วยครับ🙏🙏☯️
    ☯️☆#เปิดสอบถาม☆☯️💥💥 ㊙️☆พระสมเด็จ☆บ้านช่างศิลป์☆ 🉑️☆ขอนำเสนอพระเครื่อง Premium✨️ ㊗️☆#พระปิดตามหาลาภ✨️หลวงพ่อคูณรุ่น คูณ ลาภ ปี17💥 #พระอายุกว่า 51ปี✨️🇹🇭 💥พระดีพุทธคุณสูงโดดเด่นมากในเรื่อง ✨️โภคทรัพย์ ✨️ค้าขายธุรกิจเจริญรุ่งเรืองร่ำรวยมั่งมีเงินทอง ✨️โชคลาภ 💥️สุดยอดมวลสารเก่าของวัดระฆัง วัดบวรฯ หลวงปู่โต๊ะฯลฯและยังมีมวลสารวิเศษอีกมาก✨ 💥หลวงพ่อคูณท่านตั้งใจสร้างพระชุดนี้เป็นอย่างมาก ท่านตำผงมวลสารด้วยตัวเอง และระหว่างบดตำมวลสาร ท่านได้ตั้งจิตบริกรรมคาถาตลอดเวลา 💥พระปิดตาเนื้อผงพุทธคุณ รุ่น คูณ ลาภ ปี17✨️เป็นสุดยอดมวลสารของท่านที่สร้างเอง ผสมกับสุดยอดมวลสารอื่นๆที่ใช้ในการสร้างได้แก่💥 ✨️ผงพระสมเด็จวัดระฆัง ✨️ผงเสากุฎิของสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) วัดระฆัง ✨️ผงสมเด็จพระสังฆราช(ป๋า) วัดโพธิ์ ✨️ผงสมเด็จพระญาณสังวร ✨️ผงสมเด็จจิตรลดา วัดบวรนิเวศ ✨️ผงไตรมาสหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ✨️ผงหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ✨️ผงหลวงพ่อวัดปากน้ำ ✨️ผงหลวงพ่อโสธร ✨️ผงพระสมเด็จปิลันทน์ ✨️ผงพระสมเด็จบึงพระยาสุเรนทร์ ✨️ผงพระวัดสามปลื้ม ✨️ผงพระบาง ✨️ผงสมเด็จพระสังฆราช (แพ), ✨️ผงพระกำแพงสรรค์ ✨️ผงนางพญางิ้วดำ ✨️ผงใบเงินใบทองทำน้ำพุทธมนต์ในพิธีพุทธาภิเษกของหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ, ลูกอมหลวงพ่อพริ้ง วัดบางปะกอก, ลูกอมหลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ ✨️เกศาหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ และว่าน 108 💥เห็นมวลสารทั้งหมดแล้วขนลุกเลยครับ☆✨️หลวงพ่อคูณปลุกเสกเดี่ยวที่วัดสระแก้ว จ.นครราชสีมา ในช่วงกลางคืนของวันที่ 29 มิ.ย.2517 โดยดับไฟเสกตั้งแต่ 5 ทุ่ม จนกระทั่ง ตี 2 เศษ✨️มีผู้เห็นแสงสว่างจ้าติดต่อกันถึง 5 ครั้งจากในกุฎิที่ทำพิธี💥🙏🙏🙏 ✨️เป็นสุดยอด️️พระปิดตาที่ใช้แทนหลวงพ่อแก้ว หลวงปู่เอี่ยมที่มีราคาหลักหลายสิบล้านร้อยล้านได้เช่นกัน✨️รุ่นนี้สร้างน้อย ตอนนี้เริ่มหายากต้องรีบเก็บมาบูชานะครับ🙏💥 ☯️ #พระดีมีพุทธศิลป์ #พระแท้มีพุทธคุณ💥🈯️ ㊙️☆เปิด1,490🪙🪙 #มีบริการเก็บ💰ปลายทาง+เพิ่ม 60 ครับ☆🇹🇭 🉑️แอดไลน์ขอรูปและรายละเอียดเพิ่มได้เลยครับ⚛️ 🔰ไอดี sixty75🙏🇹🇭☯️ ㊗️ #ฝากเพจที่1 Amulet FineArt พระสมเด็จบ้านช่างศิลป์✨️ #เพจที่2 พระสมเด็จบ้านช่างศิลป์✨️️ ด้วยครับ🙏🙏☯️
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 120 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวแนวโน้มล่าสุดในตลาดสมาร์ทวอทช์ที่ได้พบกับการชะลอตัวเป็นครั้งแรกในปี 2024 โดยมีการจัดส่งลดลงถึง 7% ซึ่งสะท้อนถึงความท้าทายสำหรับผู้ผลิตสมาร์ทวอทช์ทั่วโลก รวมถึง Apple ที่ยังคงครองตำแหน่งผู้นำในตลาด แต่ยอดขายลดลงถึง 19% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

    หนึ่งในสาเหตุสำคัญของการลดลงนี้ คือการอัปเดตฟีเจอร์ที่มีน้อยในรุ่น Apple Watch Series 10 และการไม่มีรุ่น Ultra 3 ในตลาด รวมถึงการขาดรุ่น SE ใหม่ตั้งแต่ปี 2022 ซึ่งผู้เชี่ยวชาญมองว่าอาจเป็นเพราะความกังวลเรื่องต้นทุน ในขณะที่ Apple คาดว่าจะออก Apple Watch SE รุ่นใหม่ในปีนี้

    ด้านการกระจายตลาด สมาร์ทวอทช์หนึ่งในสี่ของการจัดส่งในปีที่ผ่านมาอยู่ในประเทศจีน โดยแซงหน้าอินเดียและอเมริกาเหนือที่ตามมาเล็กน้อย นอกจากนี้ ตลาดสมาร์ทวอทช์สำหรับเด็กที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัย เช่น ติดตามตำแหน่งของลูกหลาน ยังเป็นเซกเมนต์เดียวที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในปีนี้ บริษัทอย่าง Imoo ได้รับความนิยมในกลุ่มนี้ และกระตุ้นให้แบรนด์อื่น ๆ เช่น Fitbit และ Noise เริ่มขยายไลน์สินค้าสำหรับเด็กมากขึ้น

    https://www.techspot.com/news/107100-global-smartwatch-shipments-dipped-7-2024-marking-first.html
    ข่าวแนวโน้มล่าสุดในตลาดสมาร์ทวอทช์ที่ได้พบกับการชะลอตัวเป็นครั้งแรกในปี 2024 โดยมีการจัดส่งลดลงถึง 7% ซึ่งสะท้อนถึงความท้าทายสำหรับผู้ผลิตสมาร์ทวอทช์ทั่วโลก รวมถึง Apple ที่ยังคงครองตำแหน่งผู้นำในตลาด แต่ยอดขายลดลงถึง 19% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า หนึ่งในสาเหตุสำคัญของการลดลงนี้ คือการอัปเดตฟีเจอร์ที่มีน้อยในรุ่น Apple Watch Series 10 และการไม่มีรุ่น Ultra 3 ในตลาด รวมถึงการขาดรุ่น SE ใหม่ตั้งแต่ปี 2022 ซึ่งผู้เชี่ยวชาญมองว่าอาจเป็นเพราะความกังวลเรื่องต้นทุน ในขณะที่ Apple คาดว่าจะออก Apple Watch SE รุ่นใหม่ในปีนี้ ด้านการกระจายตลาด สมาร์ทวอทช์หนึ่งในสี่ของการจัดส่งในปีที่ผ่านมาอยู่ในประเทศจีน โดยแซงหน้าอินเดียและอเมริกาเหนือที่ตามมาเล็กน้อย นอกจากนี้ ตลาดสมาร์ทวอทช์สำหรับเด็กที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัย เช่น ติดตามตำแหน่งของลูกหลาน ยังเป็นเซกเมนต์เดียวที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในปีนี้ บริษัทอย่าง Imoo ได้รับความนิยมในกลุ่มนี้ และกระตุ้นให้แบรนด์อื่น ๆ เช่น Fitbit และ Noise เริ่มขยายไลน์สินค้าสำหรับเด็กมากขึ้น https://www.techspot.com/news/107100-global-smartwatch-shipments-dipped-7-2024-marking-first.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Apple Watch faces first major decline as smartwatch shipments drop 7%
    According to Counterpoint senior research analyst Anshika Jain, Apple Watch experienced a decline in its 10th year on the market thanks in part to minimal feature upgrades...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 77 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้พูดถึงสถานการณ์ที่อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อตัวสมาร์ทโฟนหรือผู้ใช้งาน หากชาร์จแบตเตอรี่ในสถานที่และสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสม พร้อมแนะนำวิธีป้องกันความเสี่ยงเหล่านี้เพื่อความปลอดภัยในชีวิตประจำวันของเรา

    ในบ้าน:
    1) ไม่ควรชาร์จสมาร์ทโฟนบนพื้นผิวที่ติดไฟง่าย เช่น เตียง หมอน หรือโซฟา เนื่องจากอุปกรณ์อาจร้อนเกินไปและก่อให้เกิดไฟไหม้ได้
    2) หลีกเลี่ยงการชาร์จในห้องน้ำ เพราะความชื้นสามารถทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้ง่าย
    3) ห้ามเสียบชาร์จในปลั๊กที่มีอุปกรณ์อื่นต่ออยู่เต็มปลั๊กพ่วง เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้
    4) ไม่ควรชาร์จทิ้งไว้ข้ามคืน เนื่องจากการชาร์จเป็นเวลานานอาจทำให้อุปกรณ์ร้อนเกินไป และส่งผลต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่

    นอกบ้าน:
    1) หลีกเลี่ยงการชาร์จสมาร์ทโฟนในที่ที่โดนแสงแดดโดยตรง เช่น ในรถหรือริมหน้าต่าง เพราะความร้อนจะเพิ่มความเสี่ยงที่แบตเตอรี่จะระเบิด
    2) หลีกเลี่ยงการใช้สถานีชาร์จสาธารณะ เช่น ที่สถานีรถไฟหรือสนามบิน เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการโจมตีทางไซเบอร์แบบ "Juice Jacking" ซึ่งแฮกเกอร์อาจติดตั้งมัลแวร์หรือขโมยข้อมูลผ่านพอร์ต USB สาธารณะได้

    เคล็ดลับเพิ่มเติม:
    1) ใช้ที่ชาร์จคุณภาพดีที่ได้รับการรับรองมาตรฐานแทนการใช้พอร์ตสาธารณะ
    2) หมั่นตรวจสอบสถานที่และอุปกรณ์ก่อนการชาร์จ เพื่อความปลอดภัยของอุปกรณ์และข้อมูลสำคัญ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/12/don039t-charge-your-smartphone-in-these-places
    บทความนี้พูดถึงสถานการณ์ที่อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อตัวสมาร์ทโฟนหรือผู้ใช้งาน หากชาร์จแบตเตอรี่ในสถานที่และสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสม พร้อมแนะนำวิธีป้องกันความเสี่ยงเหล่านี้เพื่อความปลอดภัยในชีวิตประจำวันของเรา ในบ้าน: 1) ไม่ควรชาร์จสมาร์ทโฟนบนพื้นผิวที่ติดไฟง่าย เช่น เตียง หมอน หรือโซฟา เนื่องจากอุปกรณ์อาจร้อนเกินไปและก่อให้เกิดไฟไหม้ได้ 2) หลีกเลี่ยงการชาร์จในห้องน้ำ เพราะความชื้นสามารถทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้ง่าย 3) ห้ามเสียบชาร์จในปลั๊กที่มีอุปกรณ์อื่นต่ออยู่เต็มปลั๊กพ่วง เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้ 4) ไม่ควรชาร์จทิ้งไว้ข้ามคืน เนื่องจากการชาร์จเป็นเวลานานอาจทำให้อุปกรณ์ร้อนเกินไป และส่งผลต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่ นอกบ้าน: 1) หลีกเลี่ยงการชาร์จสมาร์ทโฟนในที่ที่โดนแสงแดดโดยตรง เช่น ในรถหรือริมหน้าต่าง เพราะความร้อนจะเพิ่มความเสี่ยงที่แบตเตอรี่จะระเบิด 2) หลีกเลี่ยงการใช้สถานีชาร์จสาธารณะ เช่น ที่สถานีรถไฟหรือสนามบิน เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการโจมตีทางไซเบอร์แบบ "Juice Jacking" ซึ่งแฮกเกอร์อาจติดตั้งมัลแวร์หรือขโมยข้อมูลผ่านพอร์ต USB สาธารณะได้ เคล็ดลับเพิ่มเติม: 1) ใช้ที่ชาร์จคุณภาพดีที่ได้รับการรับรองมาตรฐานแทนการใช้พอร์ตสาธารณะ 2) หมั่นตรวจสอบสถานที่และอุปกรณ์ก่อนการชาร์จ เพื่อความปลอดภัยของอุปกรณ์และข้อมูลสำคัญ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/12/don039t-charge-your-smartphone-in-these-places
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Don't charge your smartphone in these places
    To avoid smartphone risks such as overheating, short-circuiting or even data hacks when charging your device, it is essential to avoid certain places and situations, whether at home or elsewhere.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว
  • แว่นตาอัจฉริยะ Amazon Echo Frames รุ่นที่ 3 เป็นอุปกรณ์ที่รวมฟีเจอร์ AI ผู้ช่วย Alexa ไว้ในแว่นตาดีไซน์เรียบง่าย เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ทั้งการควบคุมบ้านอัจฉริยะ รับสายโทรศัพท์ ฟังพอดแคสต์ หรือแม้แต่จัดการข้อความ นอกจากนี้ ยังมีดีไซน์น้ำหนักเบาและอายุแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า โดยปัจจุบันวางจำหน่ายในราคาลดพิเศษที่ $180

    จุดเด่นของแว่นตารุ่นนี้คือ การออกแบบที่เน้นความเรียบง่าย จนดูเหมือนแว่นสายตาปกติ ต่างจาก Meta Ray-Ban ที่มีฟีเจอร์กล้องถ่ายรูปในตัว ซึ่งอาจทำให้ถูกตั้งคำถามในเรื่องความเป็นส่วนตัวเมื่อใช้งานในที่สาธารณะ เช่น ในสนามบินหรือที่ทำงาน นอกจากนี้ Echo Frames ยังเน้นการใช้งานด้านเสียง เช่น การฟังเพลงหรือพอดแคสต์ โดยเน้นช่วงความถี่กลางและสูง จึงเหมาะสำหรับเนื้อหาแบบเสียงล้วนมากกว่าดนตรีที่ซับซ้อน

    สิ่งที่ควรทราบคือ ระบบชาร์จของแว่นตานี้ออกแบบมาเป็นฐานวางเฉพาะ แตกต่างจากการใช้งาน USB-C ทั่วไป ซึ่งอาจทำให้ไม่สะดวกสำหรับผู้ใช้บางราย อีกทั้งยังไม่มีฟีเจอร์การแสดงผล XR หรือ AI กล้องที่หลายคนคาดหวัง

    อย่างไรก็ตาม ด้วยราคาที่เข้าถึงได้และการผสมผสาน Alexa ในตัว ทำให้แว่นนี้เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการทดลองใช้แว่นอัจฉริยะ รวมถึงผู้ที่สนใจระบบบ้านอัจฉริยะที่ Alexa รองรับอย่างกว้างขวาง

    https://www.zdnet.com/article/these-alexa-enabled-smart-glasses-beat-the-meta-ray-bans-in-key-ways-and-theyre-on-sale-for-180-now/
    แว่นตาอัจฉริยะ Amazon Echo Frames รุ่นที่ 3 เป็นอุปกรณ์ที่รวมฟีเจอร์ AI ผู้ช่วย Alexa ไว้ในแว่นตาดีไซน์เรียบง่าย เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ทั้งการควบคุมบ้านอัจฉริยะ รับสายโทรศัพท์ ฟังพอดแคสต์ หรือแม้แต่จัดการข้อความ นอกจากนี้ ยังมีดีไซน์น้ำหนักเบาและอายุแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า โดยปัจจุบันวางจำหน่ายในราคาลดพิเศษที่ $180 จุดเด่นของแว่นตารุ่นนี้คือ การออกแบบที่เน้นความเรียบง่าย จนดูเหมือนแว่นสายตาปกติ ต่างจาก Meta Ray-Ban ที่มีฟีเจอร์กล้องถ่ายรูปในตัว ซึ่งอาจทำให้ถูกตั้งคำถามในเรื่องความเป็นส่วนตัวเมื่อใช้งานในที่สาธารณะ เช่น ในสนามบินหรือที่ทำงาน นอกจากนี้ Echo Frames ยังเน้นการใช้งานด้านเสียง เช่น การฟังเพลงหรือพอดแคสต์ โดยเน้นช่วงความถี่กลางและสูง จึงเหมาะสำหรับเนื้อหาแบบเสียงล้วนมากกว่าดนตรีที่ซับซ้อน สิ่งที่ควรทราบคือ ระบบชาร์จของแว่นตานี้ออกแบบมาเป็นฐานวางเฉพาะ แตกต่างจากการใช้งาน USB-C ทั่วไป ซึ่งอาจทำให้ไม่สะดวกสำหรับผู้ใช้บางราย อีกทั้งยังไม่มีฟีเจอร์การแสดงผล XR หรือ AI กล้องที่หลายคนคาดหวัง อย่างไรก็ตาม ด้วยราคาที่เข้าถึงได้และการผสมผสาน Alexa ในตัว ทำให้แว่นนี้เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการทดลองใช้แว่นอัจฉริยะ รวมถึงผู้ที่สนใจระบบบ้านอัจฉริยะที่ Alexa รองรับอย่างกว้างขวาง https://www.zdnet.com/article/these-alexa-enabled-smart-glasses-beat-the-meta-ray-bans-in-key-ways-and-theyre-on-sale-for-180-now/
    WWW.ZDNET.COM
    These Alexa-enabled smart glasses beat the Meta Ray-Bans in key ways, and they're on sale for $180 now
    The Amazon Echo Frames (3rd Gen) may be the most subtle-looking pair of smart glasses on the market, and they're $90 off now.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 72 มุมมอง 0 รีวิว
  • Empirical Health เปิดบริการใหม่ซึ่งเป็นการผสมผสานข้อมูลด้านสุขภาพจากสมาร์ทวอทช์และผลตรวจเลือด เพื่อสร้าง "คะแนนสุขภาพ" ที่ครอบคลุมและลึกซึ้งยิ่งขึ้น

    Empirical Health Radar สามารถรวบรวมข้อมูลชีวภาพ (biomarkers) มากกว่า 40 ชนิดจากสมาร์ทวอทช์ เช่น Apple Watch หรืออุปกรณ์ Wear OS แล้วนำข้อมูลเหล่านี้มาประมวลผลร่วมกับผลการตรวจเลือด เพื่อวิเคราะห์สุขภาพใน 6 ด้านสำคัญ ได้แก่ หัวใจ การนอนหลับ การออกกำลังกาย สุขภาพจิต ปอด และไต/ตับ โดยแอปพลิเคชันนี้มีเป้าหมายที่จะเสริมความสามารถของสมาร์ทวอทช์ในการติดตามสุขภาพ ให้ครอบคลุมในจุดที่อุปกรณ์เหล่านี้ยังไม่สามารถทำได้

    ที่สำคัญคือ ระบบนี้ออกแบบมาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เช่น Dr. Raquel Rodriguez โดยยึดมาตรฐานจากองค์กรทางการแพทย์ชั้นนำอย่าง American Heart Association และ American College of Cardiology เพื่อความแม่นยำและน่าเชื่อถือ

    นอกจากการวัดค่าทั่วไปอย่างอัตราการเต้นของหัวใจหรือความดันโลหิต ระบบยังมีฟีเจอร์ให้ผู้ใช้สามารถอัพโหลดผลตรวจเลือดที่มีอยู่แล้ว หรือจองการตรวจเลือดใหม่ผ่านแอปในราคา $97 รวมถึงสามารถใช้ได้แม้ไม่มีผลตรวจเลือดล่าสุด แต่จะได้คะแนนสุขภาพแบบบางส่วน

    https://www.techradar.com/health-fitness/this-new-health-protocol-combines-40-smartwatch-biomarkers-and-blood-tests-to-give-you-a-health-score
    Empirical Health เปิดบริการใหม่ซึ่งเป็นการผสมผสานข้อมูลด้านสุขภาพจากสมาร์ทวอทช์และผลตรวจเลือด เพื่อสร้าง "คะแนนสุขภาพ" ที่ครอบคลุมและลึกซึ้งยิ่งขึ้น Empirical Health Radar สามารถรวบรวมข้อมูลชีวภาพ (biomarkers) มากกว่า 40 ชนิดจากสมาร์ทวอทช์ เช่น Apple Watch หรืออุปกรณ์ Wear OS แล้วนำข้อมูลเหล่านี้มาประมวลผลร่วมกับผลการตรวจเลือด เพื่อวิเคราะห์สุขภาพใน 6 ด้านสำคัญ ได้แก่ หัวใจ การนอนหลับ การออกกำลังกาย สุขภาพจิต ปอด และไต/ตับ โดยแอปพลิเคชันนี้มีเป้าหมายที่จะเสริมความสามารถของสมาร์ทวอทช์ในการติดตามสุขภาพ ให้ครอบคลุมในจุดที่อุปกรณ์เหล่านี้ยังไม่สามารถทำได้ ที่สำคัญคือ ระบบนี้ออกแบบมาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เช่น Dr. Raquel Rodriguez โดยยึดมาตรฐานจากองค์กรทางการแพทย์ชั้นนำอย่าง American Heart Association และ American College of Cardiology เพื่อความแม่นยำและน่าเชื่อถือ นอกจากการวัดค่าทั่วไปอย่างอัตราการเต้นของหัวใจหรือความดันโลหิต ระบบยังมีฟีเจอร์ให้ผู้ใช้สามารถอัพโหลดผลตรวจเลือดที่มีอยู่แล้ว หรือจองการตรวจเลือดใหม่ผ่านแอปในราคา $97 รวมถึงสามารถใช้ได้แม้ไม่มีผลตรวจเลือดล่าสุด แต่จะได้คะแนนสุขภาพแบบบางส่วน https://www.techradar.com/health-fitness/this-new-health-protocol-combines-40-smartwatch-biomarkers-and-blood-tests-to-give-you-a-health-score
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
  • Meta เริ่มทดสอบชิปรุ่นแรกที่ออกแบบโดยใช้สถาปัตยกรรม RISC-V สำหรับการฝึกปัญญาประดิษฐ์ (AI) ชิปใหม่นี้ถูกพัฒนาร่วมกับ Broadcom และผลิตตัวอย่างแรกโดย TSMC ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อให้ Meta ลดการพึ่งพา GPU จาก Nvidia เช่น H100 และ B100 ในการฝึกโมเดลภาษาขนาดใหญ่

    ชิปนี้ใช้สถาปัตยกรรมแบบ systolic array ที่มีการจัดเรียงหน่วยประมวลผลเป็นเครือข่ายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการคำนวณ โดยคาดว่าจะมีหน่วยความจำ HBM3 หรือ HBM3E ซึ่งเหมาะสำหรับการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ Meta หวังว่าชิปนี้จะมีประสิทธิภาพเทียบเท่าหรือเหนือกว่า GPU AI ของ Nvidia ทั้งในด้านการประมวลผลและการใช้พลังงาน

    แม้ในอดีต Meta เคยหยุดการพัฒนาชิปประเภทนี้เนื่องจากไม่สามารถทำตามเป้าหมายด้านพลังงานและประสิทธิภาพได้ แต่ Meta ยังคงผลักดันโปรแกรม MTIA (Meta Training and Inference Accelerator) และตั้งเป้าเริ่มใช้งานชิปใหม่สำหรับการฝึก AI ภายในปี 2026

    ความน่าสนใจของชิปนี้คือการใช้สถาปัตยกรรมแบบโอเพ่นซอร์ส RISC-V ทำให้ Meta สามารถปรับแต่งชุดคำสั่งได้ตามต้องการโดยไม่ต้องเสียค่าลิขสิทธิ์ใด ๆ ถือเป็นการพัฒนาที่อาจเปลี่ยนโฉมวงการ AI และความเป็นอิสระด้านฮาร์ดแวร์

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/meta-is-reportedly-testing-its-first-rsic-v-based-ai-chip-for-ai-training
    Meta เริ่มทดสอบชิปรุ่นแรกที่ออกแบบโดยใช้สถาปัตยกรรม RISC-V สำหรับการฝึกปัญญาประดิษฐ์ (AI) ชิปใหม่นี้ถูกพัฒนาร่วมกับ Broadcom และผลิตตัวอย่างแรกโดย TSMC ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อให้ Meta ลดการพึ่งพา GPU จาก Nvidia เช่น H100 และ B100 ในการฝึกโมเดลภาษาขนาดใหญ่ ชิปนี้ใช้สถาปัตยกรรมแบบ systolic array ที่มีการจัดเรียงหน่วยประมวลผลเป็นเครือข่ายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการคำนวณ โดยคาดว่าจะมีหน่วยความจำ HBM3 หรือ HBM3E ซึ่งเหมาะสำหรับการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ Meta หวังว่าชิปนี้จะมีประสิทธิภาพเทียบเท่าหรือเหนือกว่า GPU AI ของ Nvidia ทั้งในด้านการประมวลผลและการใช้พลังงาน แม้ในอดีต Meta เคยหยุดการพัฒนาชิปประเภทนี้เนื่องจากไม่สามารถทำตามเป้าหมายด้านพลังงานและประสิทธิภาพได้ แต่ Meta ยังคงผลักดันโปรแกรม MTIA (Meta Training and Inference Accelerator) และตั้งเป้าเริ่มใช้งานชิปใหม่สำหรับการฝึก AI ภายในปี 2026 ความน่าสนใจของชิปนี้คือการใช้สถาปัตยกรรมแบบโอเพ่นซอร์ส RISC-V ทำให้ Meta สามารถปรับแต่งชุดคำสั่งได้ตามต้องการโดยไม่ต้องเสียค่าลิขสิทธิ์ใด ๆ ถือเป็นการพัฒนาที่อาจเปลี่ยนโฉมวงการ AI และความเป็นอิสระด้านฮาร์ดแวร์ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/meta-is-reportedly-testing-its-first-rsic-v-based-ai-chip-for-ai-training
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Meta is reportedly testing its first RISC-V based AI chip for AI training
    Could be one of the industry's first RISC-V-based accelerator for AI training.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • IBM ได้จดสิทธิบัตรเกี่ยวกับ "4D Printing" ซึ่งเป็นการพัฒนาต่อยอดจากเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ แต่เพิ่มความสามารถให้วัสดุที่พิมพ์สามารถตอบสนองต่อสิ่งเร้าภายนอกได้ เช่น อุณหภูมิ แสง แม่เหล็ก หรือกระแสไฟฟ้า

    หัวใจสำคัญของการค้นพบนี้คือการใช้วัสดุอัจฉริยะ เช่น โลหะที่จดจำรูปร่างได้หรือโพลิเมอร์พิเศษ ที่สามารถเปลี่ยนรูปทรงและกลับคืนสู่สภาพเดิมได้เมื่อได้รับสิ่งเร้าที่เหมาะสม โดยใช้เทคนิคนี้ร่วมกับอัลกอริทึม Machine Learning ทำให้วัสดุสามารถเคลื่อนย้ายอนุภาคขนาดเล็ก (ตั้งแต่ 1 ถึง 100 ไมครอน) ไปยังจุดหมายได้อย่างแม่นยำ และลดการพึ่งพาการควบคุมโดยมนุษย์

    สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นคือศักยภาพในการใช้งานจริง เช่น การขนส่งยาไปยังเซลล์ที่เฉพาะเจาะจงในร่างกาย การผลิตอิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็ก หรือแม้กระทั่งการสร้างชิ้นส่วนสำหรับเซมิคอนดักเตอร์ในรูปแบบใหม่ เทคโนโลยีนี้ยังสามารถเดินทางผ่านสื่อหลากหลายชนิดได้ เช่น ในระบบไหลเวียนโลหิตหรือทางเดินอาหาร ซึ่งทำให้เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรมการแพทย์และการผลิต

    https://www.tomshardware.com/3d-printing/ibm-secures-patent-for-4d-printing-smart-material-uses-ml-for-transporting-microparticles
    IBM ได้จดสิทธิบัตรเกี่ยวกับ "4D Printing" ซึ่งเป็นการพัฒนาต่อยอดจากเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ แต่เพิ่มความสามารถให้วัสดุที่พิมพ์สามารถตอบสนองต่อสิ่งเร้าภายนอกได้ เช่น อุณหภูมิ แสง แม่เหล็ก หรือกระแสไฟฟ้า หัวใจสำคัญของการค้นพบนี้คือการใช้วัสดุอัจฉริยะ เช่น โลหะที่จดจำรูปร่างได้หรือโพลิเมอร์พิเศษ ที่สามารถเปลี่ยนรูปทรงและกลับคืนสู่สภาพเดิมได้เมื่อได้รับสิ่งเร้าที่เหมาะสม โดยใช้เทคนิคนี้ร่วมกับอัลกอริทึม Machine Learning ทำให้วัสดุสามารถเคลื่อนย้ายอนุภาคขนาดเล็ก (ตั้งแต่ 1 ถึง 100 ไมครอน) ไปยังจุดหมายได้อย่างแม่นยำ และลดการพึ่งพาการควบคุมโดยมนุษย์ สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นคือศักยภาพในการใช้งานจริง เช่น การขนส่งยาไปยังเซลล์ที่เฉพาะเจาะจงในร่างกาย การผลิตอิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็ก หรือแม้กระทั่งการสร้างชิ้นส่วนสำหรับเซมิคอนดักเตอร์ในรูปแบบใหม่ เทคโนโลยีนี้ยังสามารถเดินทางผ่านสื่อหลากหลายชนิดได้ เช่น ในระบบไหลเวียนโลหิตหรือทางเดินอาหาร ซึ่งทำให้เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรมการแพทย์และการผลิต https://www.tomshardware.com/3d-printing/ibm-secures-patent-for-4d-printing-smart-material-uses-ml-for-transporting-microparticles
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    IBM secures patent for 4D printing — smart material uses ML for transporting microparticles
    A machine learning algorithm controls the 3D printer material to transport microparticles practically anywhere.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 0 รีวิว
  • สถานการณ์ของบริษัทเทคโนโลยีสตาร์ทอัพในประเทศฝรั่งเศสดูไม่สู้ดีนัก พวกเขากำลังเผชิญปัญหาอัตราการล้มละลายที่เพิ่มขึ้น สถานการณ์นี้อาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ของฝรั่งเศสในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีในยุโรปและหนึ่งในเสาหลักของเศรษฐกิจประเทศ

    ในช่วงเริ่มแรก รัฐบาลของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง มีนโยบายสนับสนุนสตาร์ทอัพและผลักดันให้ฝรั่งเศสเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีของยุโรป เช่น การสร้างศูนย์ Station F ในปารีส และการจัดประชุมสุดยอด AI ระดับโลก อย่างไรก็ตาม ปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ซบเซาทำให้บริษัทเทคโนโลยีเหล่านี้เจอกับข้อจำกัดในการเข้าถึงเงินทุน รายงานจาก ScaleX Invest ระบุว่า 10.4% ของบริษัทเทคโนโลยีที่ได้รับการวิเคราะห์อยู่ในความเสี่ยงสูงที่จะล้มละลาย

    ที่น่าสนใจคือ บริษัทที่ล้มละลายไม่ใช่เพียงแค่สตาร์ทอัพเริ่มต้น แต่รวมถึงบริษัทที่ได้รับเงินทุนสูงถึง 32.5 ล้านยูโร ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ว่าสภาพเศรษฐกิจและตลาดเงินทุนที่ตึงตัวมีผลกระทบแม้แต่กับบริษัทที่มีศักยภาพ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/11/french-tech-start-up-bankruptcies-are-increasing-survey-finds
    สถานการณ์ของบริษัทเทคโนโลยีสตาร์ทอัพในประเทศฝรั่งเศสดูไม่สู้ดีนัก พวกเขากำลังเผชิญปัญหาอัตราการล้มละลายที่เพิ่มขึ้น สถานการณ์นี้อาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ของฝรั่งเศสในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีในยุโรปและหนึ่งในเสาหลักของเศรษฐกิจประเทศ ในช่วงเริ่มแรก รัฐบาลของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง มีนโยบายสนับสนุนสตาร์ทอัพและผลักดันให้ฝรั่งเศสเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีของยุโรป เช่น การสร้างศูนย์ Station F ในปารีส และการจัดประชุมสุดยอด AI ระดับโลก อย่างไรก็ตาม ปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ซบเซาทำให้บริษัทเทคโนโลยีเหล่านี้เจอกับข้อจำกัดในการเข้าถึงเงินทุน รายงานจาก ScaleX Invest ระบุว่า 10.4% ของบริษัทเทคโนโลยีที่ได้รับการวิเคราะห์อยู่ในความเสี่ยงสูงที่จะล้มละลาย ที่น่าสนใจคือ บริษัทที่ล้มละลายไม่ใช่เพียงแค่สตาร์ทอัพเริ่มต้น แต่รวมถึงบริษัทที่ได้รับเงินทุนสูงถึง 32.5 ล้านยูโร ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ว่าสภาพเศรษฐกิจและตลาดเงินทุนที่ตึงตัวมีผลกระทบแม้แต่กับบริษัทที่มีศักยภาพ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/11/french-tech-start-up-bankruptcies-are-increasing-survey-finds
    WWW.THESTAR.COM.MY
    French tech start-up bankruptcies are increasing, survey finds
    PARIS (Reuters) - Bankruptcies in France's tech start-up sector are increasing, according to a survey published on Tuesday whose findings could undermine President Emmanuel Macron's image of Paris as a leading European tech hub and key driver of the French economy.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 67 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้พูดถึงการก้าวเข้าสู่ยุคของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งเต็มไปด้วยโอกาสสำหรับทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและผู้ที่มีความเข้าใจในธุรกิจ โดยมีสองเส้นทางหลักที่ผู้คนสามารถเลือกเดินได้ ได้แก่ การสร้าง AI หรือการนำ AI มาช่วยสร้างธุรกิจของตัวเอง

    ในแง่ของการทำงานด้านเทคนิค ผู้เชี่ยวชาญด้าน IT สามารถใช้เครื่องมืออย่าง GitHub Copilot หรือ DALL-E เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และควรพัฒนาทักษะในการกำหนดคำสั่ง (prompt engineering) เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีคุณภาพสูงสุดจาก AI ในขณะที่สำหรับผู้ที่อยู่ในสายงานธุรกิจ จำเป็นต้องเข้าใจการทำงานของ AI และวิธีการปรับใช้ให้เหมาะสมกับความต้องการของอุตสาหกรรม เพื่อเสริมสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจ

    ที่น่าสนใจคือการผสมผสานระหว่างความรู้ด้านเทคโนโลยีกับความเข้าใจในธุรกิจ ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการอย่างมากในปัจจุบัน องค์กรต่าง ๆ กำลังมองหาคนที่มีความสามารถทั้งสองด้านเพื่อช่วยให้ธุรกิจเติบโต

    มีข้อแนะนำสำหรับผู้เชี่ยวชาญในสองสายงานดังนี้:
    1) สำหรับสายเทคนิค: เรียนรู้พื้นฐานของ AI ฝึกฝนทักษะการเขียนคำสั่ง และทดลองใช้เครื่องมือใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง
    2) สำหรับสายธุรกิจ: ศึกษาการประยุกต์ใช้ AI ในอุตสาหกรรมของตัวเอง เข้าใจพฤติกรรมผู้ใช้งาน และเรียนรู้วิธีการทำให้ผลิตภัณฑ์ของตัวเองโดดเด่นในตลาด

    เป็นที่ชัดเจนว่า AI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือที่สร้างความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยปลดล็อกศักยภาพทางอาชีพและธุรกิจในยุคใหม่ที่กำลังมาถึง

    https://www.zdnet.com/article/want-to-win-in-the-age-of-ai-you-can-either-build-it-or-build-your-business-with-it/
    บทความนี้พูดถึงการก้าวเข้าสู่ยุคของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งเต็มไปด้วยโอกาสสำหรับทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและผู้ที่มีความเข้าใจในธุรกิจ โดยมีสองเส้นทางหลักที่ผู้คนสามารถเลือกเดินได้ ได้แก่ การสร้าง AI หรือการนำ AI มาช่วยสร้างธุรกิจของตัวเอง ในแง่ของการทำงานด้านเทคนิค ผู้เชี่ยวชาญด้าน IT สามารถใช้เครื่องมืออย่าง GitHub Copilot หรือ DALL-E เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และควรพัฒนาทักษะในการกำหนดคำสั่ง (prompt engineering) เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีคุณภาพสูงสุดจาก AI ในขณะที่สำหรับผู้ที่อยู่ในสายงานธุรกิจ จำเป็นต้องเข้าใจการทำงานของ AI และวิธีการปรับใช้ให้เหมาะสมกับความต้องการของอุตสาหกรรม เพื่อเสริมสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจ ที่น่าสนใจคือการผสมผสานระหว่างความรู้ด้านเทคโนโลยีกับความเข้าใจในธุรกิจ ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการอย่างมากในปัจจุบัน องค์กรต่าง ๆ กำลังมองหาคนที่มีความสามารถทั้งสองด้านเพื่อช่วยให้ธุรกิจเติบโต มีข้อแนะนำสำหรับผู้เชี่ยวชาญในสองสายงานดังนี้: 1) สำหรับสายเทคนิค: เรียนรู้พื้นฐานของ AI ฝึกฝนทักษะการเขียนคำสั่ง และทดลองใช้เครื่องมือใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง 2) สำหรับสายธุรกิจ: ศึกษาการประยุกต์ใช้ AI ในอุตสาหกรรมของตัวเอง เข้าใจพฤติกรรมผู้ใช้งาน และเรียนรู้วิธีการทำให้ผลิตภัณฑ์ของตัวเองโดดเด่นในตลาด เป็นที่ชัดเจนว่า AI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือที่สร้างความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยปลดล็อกศักยภาพทางอาชีพและธุรกิจในยุคใหม่ที่กำลังมาถึง https://www.zdnet.com/article/want-to-win-in-the-age-of-ai-you-can-either-build-it-or-build-your-business-with-it/
    WWW.ZDNET.COM
    Want to win in the age of AI? You can either build it or build your business with it
    In-depth knowledge of generative AI is in high demand - and the need for technical chops and business savvy is converging
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 81 มุมมอง 0 รีวิว
  • การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในโลกการทำงานที่เกิดจากการใช้ AI ในรูปแบบของตัวแทน (AI agents) ซึ่งไม่ใช่แค่ผู้ช่วยธรรมดาอีกต่อไป แต่เป็นระบบที่สามารถดำเนินการด้วยการวิเคราะห์และตัดสินใจด้วยตัวเอง โดยที่ไม่จำเป็นต้องได้รับคำสั่งอย่างละเอียดจากมนุษย์ในทุกขั้นตอน

    ตัวอย่างที่ชัดเจนของความแตกต่างระหว่างผู้ช่วย AI และตัวแทน AI คือ หากเราขอให้ AI ผู้ช่วยช่วยจองร้านอาหาร มันอาจจองร้านอาหารให้และส่งคำเชิญให้กับแขกได้ แต่ตัวแทน AI จะสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มเติม เช่น ตรวจสอบตารางเวลาของคุณ ประเมินเวลาที่ใช้ในการเดินทาง และจองร้านอาหารที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติ แม้ร้านแรกจะไม่ว่างก็ตาม

    ประโยชน์ที่สำคัญของการใช้ AI agents ในธุรกิจคือการช่วยลดภาระงานที่ต้องทำซ้ำซาก เช่น งานเอกสารหรือการดำเนินการภายในองค์กร ทำให้พนักงานสามารถใช้เวลาไปกับงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์หรือการแก้ไขปัญหาได้มากขึ้น และนอกจากนี้ AI agents ยังช่วยเชื่อมโยงเครื่องมือต่าง ๆ ภายในองค์กรให้ทำงานสอดประสานกันอย่างราบรื่น

    อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีความกังวลเกี่ยวกับการใช้งาน AI agents โดยเฉพาะในเรื่องของผลกระทบต่อการจ้างงาน การเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญ และความเสี่ยงที่จะเกิดความลำเอียงของ AI แต่ปัจจัยสำคัญอยู่ที่การกำหนดบทบาทของ AI อย่างเหมาะสม เช่น ให้มันเป็นเครื่องมือช่วยสนับสนุน มากกว่าจะตัดสินใจแทนมนุษย์

    สิ่งที่ธุรกิจควรทำตอนนี้คือการเริ่มต้นเรียนรู้และปรับตัว เพราะ AI กำลังเปลี่ยนแปลงการทำงานอย่างรวดเร็ว การเพิ่มพูนทักษะและการใช้ AI อย่างชาญฉลาดจะเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จในยุคใหม่นี้

    https://www.zdnet.com/article/ai-agents-arent-just-assistants-how-theyre-changing-the-future-of-work-today/
    การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในโลกการทำงานที่เกิดจากการใช้ AI ในรูปแบบของตัวแทน (AI agents) ซึ่งไม่ใช่แค่ผู้ช่วยธรรมดาอีกต่อไป แต่เป็นระบบที่สามารถดำเนินการด้วยการวิเคราะห์และตัดสินใจด้วยตัวเอง โดยที่ไม่จำเป็นต้องได้รับคำสั่งอย่างละเอียดจากมนุษย์ในทุกขั้นตอน ตัวอย่างที่ชัดเจนของความแตกต่างระหว่างผู้ช่วย AI และตัวแทน AI คือ หากเราขอให้ AI ผู้ช่วยช่วยจองร้านอาหาร มันอาจจองร้านอาหารให้และส่งคำเชิญให้กับแขกได้ แต่ตัวแทน AI จะสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มเติม เช่น ตรวจสอบตารางเวลาของคุณ ประเมินเวลาที่ใช้ในการเดินทาง และจองร้านอาหารที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติ แม้ร้านแรกจะไม่ว่างก็ตาม ประโยชน์ที่สำคัญของการใช้ AI agents ในธุรกิจคือการช่วยลดภาระงานที่ต้องทำซ้ำซาก เช่น งานเอกสารหรือการดำเนินการภายในองค์กร ทำให้พนักงานสามารถใช้เวลาไปกับงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์หรือการแก้ไขปัญหาได้มากขึ้น และนอกจากนี้ AI agents ยังช่วยเชื่อมโยงเครื่องมือต่าง ๆ ภายในองค์กรให้ทำงานสอดประสานกันอย่างราบรื่น อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีความกังวลเกี่ยวกับการใช้งาน AI agents โดยเฉพาะในเรื่องของผลกระทบต่อการจ้างงาน การเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญ และความเสี่ยงที่จะเกิดความลำเอียงของ AI แต่ปัจจัยสำคัญอยู่ที่การกำหนดบทบาทของ AI อย่างเหมาะสม เช่น ให้มันเป็นเครื่องมือช่วยสนับสนุน มากกว่าจะตัดสินใจแทนมนุษย์ สิ่งที่ธุรกิจควรทำตอนนี้คือการเริ่มต้นเรียนรู้และปรับตัว เพราะ AI กำลังเปลี่ยนแปลงการทำงานอย่างรวดเร็ว การเพิ่มพูนทักษะและการใช้ AI อย่างชาญฉลาดจะเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จในยุคใหม่นี้ https://www.zdnet.com/article/ai-agents-arent-just-assistants-how-theyre-changing-the-future-of-work-today/
    WWW.ZDNET.COM
    AI agents aren't just assistants: How they're changing the future of work today
    We're officially in the era of AI agents. Here's how they're different from assistants, and how they're affecting workplace dynamics.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 79 มุมมอง 0 รีวิว
  • เที่ยว #เวียดนาม #ดานัง #ฮอยอัน #บานาฮิลล์ 🥰🔥
    เดือน พ.ค. ไม่ถึงหมื่น 🤑

    🗓 จำนวนวัน 3 วัน 2 คืน
    ✈ VZ-ไทยเวียดเจ็ท แอร์
    🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐

    📍 บานาฮิลล์
    📍 สะพานมือยักษ์
    📍 POP MART
    📍 ตลาดฮอยอัน
    📍 ตลาดฮาน
    📍 Charming Show
    📍 สะพานมังกร
    📍 สะพานแห่งความรัก
    📍 นั่งเรือกระด้ง

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21ปี https://eTravelWay.com🔥
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire
    https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    ☎️: 021166395

    #ทัวร์เวียดนาม #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    เที่ยว #เวียดนาม #ดานัง #ฮอยอัน #บานาฮิลล์ 🥰🔥 เดือน พ.ค. ไม่ถึงหมื่น 🤑 🗓 จำนวนวัน 3 วัน 2 คืน ✈ VZ-ไทยเวียดเจ็ท แอร์ 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐ 📍 บานาฮิลล์ 📍 สะพานมือยักษ์ 📍 POP MART 📍 ตลาดฮอยอัน 📍 ตลาดฮาน 📍 Charming Show 📍 สะพานมังกร 📍 สะพานแห่งความรัก 📍 นั่งเรือกระด้ง รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์เวียดนาม #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 227 มุมมอง 10 0 รีวิว
  • 21 ปี "11-M" วินาศกรรมระเบิดรถไฟมาดริด กวาดชีวิต 200 ศพ บาดเจ็บกว่า 1,800 ราย 🚆💣 ไขปริศนาเบื้องหลัง โศกนาฏกรรมสะเทือนขวัญ ที่เปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์สเปน ไปตลอดกาล

    📝 เสียงระเบิดที่เปลี่ยนสเปนไปตลอดกาล วันพฤหัสบดีที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2547 ในช่วงช่วงชั่วโมงเร่งด่วน เช้าตรู่เหมือนทุกวัน รถไฟโดยสารสาย Cercanías ของกรุงมาดริด ประเทศสเปน กำลังวิ่งเข้าเทียบชานชาลา ที่สถานีอาโตชา (Atocha) อย่างปกติ ก่อนที่เสียงระเบิดลูกแรกจะดังขึ้น และตามด้วยระเบิดอีก 12 ลูก ในเวลาเพียงไม่กี่นาที ทำให้ขบวนรถไฟ 4 ขบวน ที่บรรทุกผู้โดยสารไปทำงานในช่วงเร่งด่วน กลายเป็นซากเศษเหล็กในพริบตา 💥

    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น หรือที่ชาวสเปนเรียกกันว่า "11-M" (Once de Marzo) ถือเป็นหนึ่งในโศกนาฏกรรมก่อการร้าย ครั้งใหญ่ที่สุดในยุโรป มีผู้เสียชีวิตถึง 200 ศพ และผู้บาดเจ็บอีกกว่า 1,800 ราย มันไม่เพียงแต่ทำลายชีวิตผู้คน แต่ยังสั่นคลอนเสถียรภาพของรัฐบาล และเปลี่ยนผลการเลือกตั้งในสเปน โดยสิ้นเชิง 🗳️

    📚 เหตุการณ์ที่โลกไม่อาจลืม เหตุระเบิดรถไฟที่กรุงมาดริด หรือ 11-M เป็นปฏิบัติการก่อการร้าย ที่ประสานงานกันอย่างซับซ้อน โดยมือระเบิดใช้อุปกรณ์ระเบิดแสวงเครื่อง (IED) วางไว้ในกระเป๋าเป้ และนำขึ้นรถไฟ ที่มุ่งหน้าเข้าสู่สถานีหลักของกรุงมาดริด

    ✨ กลุ่มผู้ต้องสงสัย คือกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง ที่ต่อต้านการมีส่วนร่วมของสเปนใ นสงครามอิรัก เหตุการณ์นี้นับเป็นการโจมตีพลเรือน ครั้งใหญ่ที่สุดในยุโรป นับตั้งแต่เหตุการณ์ ระเบิดเครื่องบิน Pan Am เที่ยวบิน 103 เมื่อปี 2531 และกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญทางการเมือง และความมั่นคงของประเทศสเปน ในเวลานั้น 📍

    🔎 ไทม์ไลน์วินาศกรรม 11-M นาทีชีวิตในกรุงมาดริด
    07.01 - 07.14 น. รถไฟทั้งสี่ขบวนออกจาก Alcalá de Henares มุ่งหน้าสู่สถานี Atocha

    07.37 - 07.40 น. ระเบิดลูกแรกระเบิดขึ้นที่ ขบวน 21431 บริเวณ ฃสถานี Atocha ตามด้วยอีกสองลูกในเวลาไม่ถึง 4 วินาที 🚆💥
    ขบวน 21435 ระเบิด 2 ลูก ที่สถานี El Pozo
    ขบวน 21713 ระเบิดที่สถานีSanta Eugenia
    ขบวน 17305 เกิดระเบิด 4 จุด บริเวณ Calle Téllez ใกล้สถานี Atocha

    08.00 น. เป็นต้นไป หน่วยกู้ภัยฉุกเฉินและทีม TEDAX หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด เข้าพื้นที่

    08.30 น. ตั้งโรงพยาบาลสนามที่สนามกีฬา Daoiz y Velarde

    09.00 น. ตำรวจยืนยันมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 30 ศพ สุดท้าย ผู้เสียชีวิตรวมทั้งสิ้น 200 ราย และรายสุดท้ายเสียชีวิตในปี 2557 หลังจากโคม่า 10 ปี

    🚨 จุดระเบิด 13 จุด ของแต่ละสถานี
    📍 สถานี Atocha ขบวน 21431 เกิดระเบิด 3 ลูก อีก 1 ลูก ถูกทีม TEDAX จุดระเบิดควบคุมในเวลาต่อมา

    📍 สถานี El Pozo ขบวน 21435 ระเบิด 2 ลูก ในตู้ที่ 4 และ 5 พบระเบิดอีก 1 ลูกในตู้รถที่ 3 ถูกควบคุมระเบิดโดย TEDAX

    📍 สถานี Santa Eugenia ขบวน 21713 ระเบิดลูกเดียวที่ตู้ที่ 4

    📍 Calle Téllez ใกล้สถานี Atocha ขบวน 17305 ระเบิด 4 ลูกที่ตู้ 1, 4, 5 และ 6

    🕵️‍♂️ ผู้ต้องสงสัย เบื้องหลังการโจมตี หลักฐานที่ค้นพบในรถตู้ Renault Kangoo ซึ่งจอดอยู่หน้าสถานี Alcalá de Henares ได้แก่ ตัวจุดชนวน เทปเสียงอัดบทกวีจากคัมภีร์อัลกุรอาน และโทรศัพท์มือถือที่ใช้จุดระเบิด

    ตำรวจสเปนจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 5 คน ในวันเดียวกัน เป็นชาวโมร็อกโก 3 คน และปากีสถาน 2 คน โดยเฉพาะ "จามาล ซูกัม" (Jamal Zougam) ชาวโมร็อกโก ที่ถูกดำเนินคดีในที่สุด

    การโจมตีครั้งนี้เชื่อว่า เป็นการตอบโต้สเปนที่เข้าร่วมสงครามอิรัก กับสหรัฐอเมริกาในปี 2546

    ❗ ข้อถกเถียงและการเมืองที่ลุกเป็นไฟ เหตุการณ์ 11-M เกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งทั่วไปเพียง 3 วัน พรรค Partido Popular (PP) ภายใต้การนำของ "โฆเซ มาเรีย อัซนาร์" พยายามโยงความผิดให้กลุ่ม ETA โดนพรรคฝ่ายค้าน PSOE กล่าวหาว่ารัฐบาลบิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อป้องกันการเสียคะแนนเสียง

    ผลการเลือกตั้งพลิกล็อก พรรค PSOE ภายใต้การนำของ "โฆเซ หลุยส์ โรดริเกซ" ซาปาเตโร ได้รับชัยชนะ และขึ้นดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของสเปน

    ⚖️ ผลการสอบสวนและคำพิพากษา หลังจากการสืบสวน 21 เดือน มีผู้ถูกตัดสินว่ามีส่วนร่วมในการโจมตีทั้งหมด 21 คน ไม่มีหลักฐานชัดเจน ที่เชื่อมโยงกับอัลกออิดะห์ วัตถุระเบิดที่ใช้คือ Goma-2 ECO ผลิตในสเปน

    🌍 ผลกระทบที่สะท้อนถึงโลกใบนี้ เหตุการณ์ 11-M ถูกเปรียบเทียบกับการโจมตี 11 กันยายน 2001 (9/11) ที่สหรัฐฯ ทั้งในแง่ของขนาดของการวางแผน ผลกระทบต่อการเมืองภายในประเทศ การลุกฮือของประชาชนเรียกร้อง “ความจริง” จากรัฐบาล และยังกระตุ้นให้เกิด มาตรการความปลอดภัย ในระบบขนส่งมวลชนทั่วโลก 🚆🛑

    🧠 บทเรียนจากโศกนาฏกรรม 11-M ความโปร่งใสของรัฐบาล เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียความไว้วางใจ การเฝ้าระวังระบบขนส่งสาธารณะ ต้องได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง การเมืองและการก่อการร้าย เป็นเรื่องที่แยกจากกันไม่ได้ ในยุคโลกาภิวัตน์

    📌 เหตุการณ์ก่อการร้าย ที่สะท้อนภาพโศกนาฏกรรมปี 2547
    🎒 เหตุการณ์เบสลัน (Beslan Siege) วันที่ 1-3 กันยายน พ.ศ. 2547 กลุ่มแบ่งแยกดินแดนเชชเนีย จับตัวประกันที่โรงเรียน มีผู้เสียชีวิตกว่า 330 ศพ ครึ่งหนึ่งเป็นเด็กนักเรียน เป็นอีกตัวอย่างของความโหดร้าย จากการก่อการร้ายที่โลกไม่มีวันลืม 💔

    ✅ ความทรงจำยังคงอยู่ 21 ปีหลังเหตุการณ์ 11-M สเปนและโลกยังคงรำลึกถึงเหยื่อผู้บริสุทธิ์ ที่เสียชีวิตในวันนั้น และบทเรียนที่ได้รับ ยังคงชัดเจนอยู่ทุกวินาที การเปลี่ยนแปลงในนโยบายความมั่นคง การเลือกตั้ง และบทบาททางการเมืองที่พลิกผัน เป็นสิ่งที่ทำให้ 11 มีนาคม ไม่ใช่เพียงวันแห่งความเศร้า แต่ยังเป็นวันที่ทำให้มนุษยชาติหยุดคิด และตั้งคำถามกับความรุนแรง ที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้ 🌍🙏

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 110922 มี.ค. 2568

    🔖 📌 #11M #MadridBombings #ก่อการร้าย #ประวัติศาสตร์สเปน #PSOE #PP #สงครามอิรัก #ก่อการร้ายยุโรป #มาดริด #TerrorismHistory 🚆💣
    21 ปี "11-M" วินาศกรรมระเบิดรถไฟมาดริด กวาดชีวิต 200 ศพ บาดเจ็บกว่า 1,800 ราย 🚆💣 ไขปริศนาเบื้องหลัง โศกนาฏกรรมสะเทือนขวัญ ที่เปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์สเปน ไปตลอดกาล 📝 เสียงระเบิดที่เปลี่ยนสเปนไปตลอดกาล วันพฤหัสบดีที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2547 ในช่วงช่วงชั่วโมงเร่งด่วน เช้าตรู่เหมือนทุกวัน รถไฟโดยสารสาย Cercanías ของกรุงมาดริด ประเทศสเปน กำลังวิ่งเข้าเทียบชานชาลา ที่สถานีอาโตชา (Atocha) อย่างปกติ ก่อนที่เสียงระเบิดลูกแรกจะดังขึ้น และตามด้วยระเบิดอีก 12 ลูก ในเวลาเพียงไม่กี่นาที ทำให้ขบวนรถไฟ 4 ขบวน ที่บรรทุกผู้โดยสารไปทำงานในช่วงเร่งด่วน กลายเป็นซากเศษเหล็กในพริบตา 💥 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น หรือที่ชาวสเปนเรียกกันว่า "11-M" (Once de Marzo) ถือเป็นหนึ่งในโศกนาฏกรรมก่อการร้าย ครั้งใหญ่ที่สุดในยุโรป มีผู้เสียชีวิตถึง 200 ศพ และผู้บาดเจ็บอีกกว่า 1,800 ราย มันไม่เพียงแต่ทำลายชีวิตผู้คน แต่ยังสั่นคลอนเสถียรภาพของรัฐบาล และเปลี่ยนผลการเลือกตั้งในสเปน โดยสิ้นเชิง 🗳️ 📚 เหตุการณ์ที่โลกไม่อาจลืม เหตุระเบิดรถไฟที่กรุงมาดริด หรือ 11-M เป็นปฏิบัติการก่อการร้าย ที่ประสานงานกันอย่างซับซ้อน โดยมือระเบิดใช้อุปกรณ์ระเบิดแสวงเครื่อง (IED) วางไว้ในกระเป๋าเป้ และนำขึ้นรถไฟ ที่มุ่งหน้าเข้าสู่สถานีหลักของกรุงมาดริด ✨ กลุ่มผู้ต้องสงสัย คือกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง ที่ต่อต้านการมีส่วนร่วมของสเปนใ นสงครามอิรัก เหตุการณ์นี้นับเป็นการโจมตีพลเรือน ครั้งใหญ่ที่สุดในยุโรป นับตั้งแต่เหตุการณ์ ระเบิดเครื่องบิน Pan Am เที่ยวบิน 103 เมื่อปี 2531 และกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญทางการเมือง และความมั่นคงของประเทศสเปน ในเวลานั้น 📍 🔎 ไทม์ไลน์วินาศกรรม 11-M นาทีชีวิตในกรุงมาดริด 07.01 - 07.14 น. รถไฟทั้งสี่ขบวนออกจาก Alcalá de Henares มุ่งหน้าสู่สถานี Atocha 07.37 - 07.40 น. ระเบิดลูกแรกระเบิดขึ้นที่ ขบวน 21431 บริเวณ ฃสถานี Atocha ตามด้วยอีกสองลูกในเวลาไม่ถึง 4 วินาที 🚆💥 ขบวน 21435 ระเบิด 2 ลูก ที่สถานี El Pozo ขบวน 21713 ระเบิดที่สถานีSanta Eugenia ขบวน 17305 เกิดระเบิด 4 จุด บริเวณ Calle Téllez ใกล้สถานี Atocha 08.00 น. เป็นต้นไป หน่วยกู้ภัยฉุกเฉินและทีม TEDAX หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด เข้าพื้นที่ 08.30 น. ตั้งโรงพยาบาลสนามที่สนามกีฬา Daoiz y Velarde 09.00 น. ตำรวจยืนยันมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 30 ศพ สุดท้าย ผู้เสียชีวิตรวมทั้งสิ้น 200 ราย และรายสุดท้ายเสียชีวิตในปี 2557 หลังจากโคม่า 10 ปี 🚨 จุดระเบิด 13 จุด ของแต่ละสถานี 📍 สถานี Atocha ขบวน 21431 เกิดระเบิด 3 ลูก อีก 1 ลูก ถูกทีม TEDAX จุดระเบิดควบคุมในเวลาต่อมา 📍 สถานี El Pozo ขบวน 21435 ระเบิด 2 ลูก ในตู้ที่ 4 และ 5 พบระเบิดอีก 1 ลูกในตู้รถที่ 3 ถูกควบคุมระเบิดโดย TEDAX 📍 สถานี Santa Eugenia ขบวน 21713 ระเบิดลูกเดียวที่ตู้ที่ 4 📍 Calle Téllez ใกล้สถานี Atocha ขบวน 17305 ระเบิด 4 ลูกที่ตู้ 1, 4, 5 และ 6 🕵️‍♂️ ผู้ต้องสงสัย เบื้องหลังการโจมตี หลักฐานที่ค้นพบในรถตู้ Renault Kangoo ซึ่งจอดอยู่หน้าสถานี Alcalá de Henares ได้แก่ ตัวจุดชนวน เทปเสียงอัดบทกวีจากคัมภีร์อัลกุรอาน และโทรศัพท์มือถือที่ใช้จุดระเบิด ตำรวจสเปนจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 5 คน ในวันเดียวกัน เป็นชาวโมร็อกโก 3 คน และปากีสถาน 2 คน โดยเฉพาะ "จามาล ซูกัม" (Jamal Zougam) ชาวโมร็อกโก ที่ถูกดำเนินคดีในที่สุด การโจมตีครั้งนี้เชื่อว่า เป็นการตอบโต้สเปนที่เข้าร่วมสงครามอิรัก กับสหรัฐอเมริกาในปี 2546 ❗ ข้อถกเถียงและการเมืองที่ลุกเป็นไฟ เหตุการณ์ 11-M เกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งทั่วไปเพียง 3 วัน พรรค Partido Popular (PP) ภายใต้การนำของ "โฆเซ มาเรีย อัซนาร์" พยายามโยงความผิดให้กลุ่ม ETA โดนพรรคฝ่ายค้าน PSOE กล่าวหาว่ารัฐบาลบิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อป้องกันการเสียคะแนนเสียง ผลการเลือกตั้งพลิกล็อก พรรค PSOE ภายใต้การนำของ "โฆเซ หลุยส์ โรดริเกซ" ซาปาเตโร ได้รับชัยชนะ และขึ้นดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของสเปน ⚖️ ผลการสอบสวนและคำพิพากษา หลังจากการสืบสวน 21 เดือน มีผู้ถูกตัดสินว่ามีส่วนร่วมในการโจมตีทั้งหมด 21 คน ไม่มีหลักฐานชัดเจน ที่เชื่อมโยงกับอัลกออิดะห์ วัตถุระเบิดที่ใช้คือ Goma-2 ECO ผลิตในสเปน 🌍 ผลกระทบที่สะท้อนถึงโลกใบนี้ เหตุการณ์ 11-M ถูกเปรียบเทียบกับการโจมตี 11 กันยายน 2001 (9/11) ที่สหรัฐฯ ทั้งในแง่ของขนาดของการวางแผน ผลกระทบต่อการเมืองภายในประเทศ การลุกฮือของประชาชนเรียกร้อง “ความจริง” จากรัฐบาล และยังกระตุ้นให้เกิด มาตรการความปลอดภัย ในระบบขนส่งมวลชนทั่วโลก 🚆🛑 🧠 บทเรียนจากโศกนาฏกรรม 11-M ความโปร่งใสของรัฐบาล เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียความไว้วางใจ การเฝ้าระวังระบบขนส่งสาธารณะ ต้องได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง การเมืองและการก่อการร้าย เป็นเรื่องที่แยกจากกันไม่ได้ ในยุคโลกาภิวัตน์ 📌 เหตุการณ์ก่อการร้าย ที่สะท้อนภาพโศกนาฏกรรมปี 2547 🎒 เหตุการณ์เบสลัน (Beslan Siege) วันที่ 1-3 กันยายน พ.ศ. 2547 กลุ่มแบ่งแยกดินแดนเชชเนีย จับตัวประกันที่โรงเรียน มีผู้เสียชีวิตกว่า 330 ศพ ครึ่งหนึ่งเป็นเด็กนักเรียน เป็นอีกตัวอย่างของความโหดร้าย จากการก่อการร้ายที่โลกไม่มีวันลืม 💔 ✅ ความทรงจำยังคงอยู่ 21 ปีหลังเหตุการณ์ 11-M สเปนและโลกยังคงรำลึกถึงเหยื่อผู้บริสุทธิ์ ที่เสียชีวิตในวันนั้น และบทเรียนที่ได้รับ ยังคงชัดเจนอยู่ทุกวินาที การเปลี่ยนแปลงในนโยบายความมั่นคง การเลือกตั้ง และบทบาททางการเมืองที่พลิกผัน เป็นสิ่งที่ทำให้ 11 มีนาคม ไม่ใช่เพียงวันแห่งความเศร้า แต่ยังเป็นวันที่ทำให้มนุษยชาติหยุดคิด และตั้งคำถามกับความรุนแรง ที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้ 🌍🙏 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 110922 มี.ค. 2568 🔖 📌 #11M #MadridBombings #ก่อการร้าย #ประวัติศาสตร์สเปน #PSOE #PP #สงครามอิรัก #ก่อการร้ายยุโรป #มาดริด #TerrorismHistory 🚆💣
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 210 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความก้าวหน้าใหม่ใน Google Calendar กับการรวมเทคโนโลยี AI ของ Google Gemini เข้ามาใช้งาน โดย Gemini จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดการตารางเวลาผ่านคำสั่งภาษาธรรมชาติได้ เช่น การถามว่า "การประชุมครั้งต่อไปกับผู้จัดการคือเมื่อไหร่?" หรือ การเพิ่มกิจกรรมใหม่เพียงแค่พูดว่า "เพิ่มนัดหมายกับหมอฟันตอนบ่ายสองวันศุกร์" ไม่ต้องเสียเวลาค้นหาหรือพิมพ์ข้อมูลแบบเดิม

    อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ Gemini ใน Google Calendar ยังอยู่ในขั้นทดลองผ่าน Google Workspace Labs ซึ่งผู้ใช้ต้องสมัครเพื่อทดสอบฟีเจอร์ และจะมีข้อจำกัดบางอย่าง เช่น ยังไม่รองรับการเชิญคนเข้าร่วมงานอัตโนมัติ และใช้งานได้เฉพาะในเว็บเบราว์เซอร์เท่านั้น

    ฟีเจอร์เด่นคือความสะดวกในการจัดการตารางอย่างรวดเร็ว แต่ในแง่ความน่าเชื่อถือยังต้องตรวจสอบข้อมูลด้วยตัวเองอยู่เสมอ เนื่องจาก AI อาจทำผิดพลาดได้ เช่น การแปลความหมายผิดจากคำสั่งเล็กน้อย

    ในมุมมองเพิ่มเติม การนำ AI มาช่วยจัดการเวลานั้นสะท้อนถึงแนวโน้มของเทคโนโลยีที่ผสานความสามารถของมนุษย์และเครื่องจักร เพื่อทำให้ชีวิตประจำวันสะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น คุณคิดว่าฟีเจอร์นี้จะช่วยลดภาระในชีวิตประจำวันของคุณได้แค่ไหน?

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/gemini-is-coming-to-google-calendar-heres-how-it-will-work-and-how-to-try-it-now
    ความก้าวหน้าใหม่ใน Google Calendar กับการรวมเทคโนโลยี AI ของ Google Gemini เข้ามาใช้งาน โดย Gemini จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดการตารางเวลาผ่านคำสั่งภาษาธรรมชาติได้ เช่น การถามว่า "การประชุมครั้งต่อไปกับผู้จัดการคือเมื่อไหร่?" หรือ การเพิ่มกิจกรรมใหม่เพียงแค่พูดว่า "เพิ่มนัดหมายกับหมอฟันตอนบ่ายสองวันศุกร์" ไม่ต้องเสียเวลาค้นหาหรือพิมพ์ข้อมูลแบบเดิม อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ Gemini ใน Google Calendar ยังอยู่ในขั้นทดลองผ่าน Google Workspace Labs ซึ่งผู้ใช้ต้องสมัครเพื่อทดสอบฟีเจอร์ และจะมีข้อจำกัดบางอย่าง เช่น ยังไม่รองรับการเชิญคนเข้าร่วมงานอัตโนมัติ และใช้งานได้เฉพาะในเว็บเบราว์เซอร์เท่านั้น ฟีเจอร์เด่นคือความสะดวกในการจัดการตารางอย่างรวดเร็ว แต่ในแง่ความน่าเชื่อถือยังต้องตรวจสอบข้อมูลด้วยตัวเองอยู่เสมอ เนื่องจาก AI อาจทำผิดพลาดได้ เช่น การแปลความหมายผิดจากคำสั่งเล็กน้อย ในมุมมองเพิ่มเติม การนำ AI มาช่วยจัดการเวลานั้นสะท้อนถึงแนวโน้มของเทคโนโลยีที่ผสานความสามารถของมนุษย์และเครื่องจักร เพื่อทำให้ชีวิตประจำวันสะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น คุณคิดว่าฟีเจอร์นี้จะช่วยลดภาระในชีวิตประจำวันของคุณได้แค่ไหน? https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/gemini-is-coming-to-google-calendar-heres-how-it-will-work-and-how-to-try-it-now
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 97 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เปิดเผยข้อมูลที่น่าจับตามองเกี่ยวกับ Huawei ซึ่งถูกกล่าวหาว่าฝ่าฝืนกฎหมายควบคุมการส่งออกของสหรัฐอเมริกา โดยมีรายงานว่า Huawei ได้ใช้บริษัทเปลือกนอก (Shell Companies) เพื่อเข้าซื้อชิป AI รุ่น Ascend 910B จำนวนสองล้านชิ้นจากบริษัท TSMC ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปในไต้หวัน

    น่าสนใจคือ แม้สหรัฐฯ จะจำกัดการส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูงไปยังจีน แต่รายงานระบุว่า Huawei สามารถสะสมสต็อกชิปได้จำนวนมาก รวมถึงชิป HBM (High Bandwidth Memory) ที่จำเป็นในการใช้งาน AI ได้ทันก่อนที่ข้อจำกัดใหม่จะมีผลในปลายปี 2024 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการวางแผนอย่างรอบคอบของ Huawei ในการรักษาความสามารถทางเทคโนโลยีของตน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/huawei-reportedly-acquired-two-million-ascend-910-ai-chips-from-tsmc-last-year-through-shell-companies
    ข่าวนี้เปิดเผยข้อมูลที่น่าจับตามองเกี่ยวกับ Huawei ซึ่งถูกกล่าวหาว่าฝ่าฝืนกฎหมายควบคุมการส่งออกของสหรัฐอเมริกา โดยมีรายงานว่า Huawei ได้ใช้บริษัทเปลือกนอก (Shell Companies) เพื่อเข้าซื้อชิป AI รุ่น Ascend 910B จำนวนสองล้านชิ้นจากบริษัท TSMC ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปในไต้หวัน น่าสนใจคือ แม้สหรัฐฯ จะจำกัดการส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูงไปยังจีน แต่รายงานระบุว่า Huawei สามารถสะสมสต็อกชิปได้จำนวนมาก รวมถึงชิป HBM (High Bandwidth Memory) ที่จำเป็นในการใช้งาน AI ได้ทันก่อนที่ข้อจำกัดใหม่จะมีผลในปลายปี 2024 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการวางแผนอย่างรอบคอบของ Huawei ในการรักษาความสามารถทางเทคโนโลยีของตน https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/huawei-reportedly-acquired-two-million-ascend-910-ai-chips-from-tsmc-last-year-through-shell-companies
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทนี้พูดถึงการเปรียบเทียบสองระบบปฏิบัติการ Linux ยอดนิยมอย่าง Ubuntu และ Debian ที่ถึงแม้จะมีความเกี่ยวข้องกัน โดย Ubuntu พัฒนาต่อมาจาก Debian แต่ทั้งสองก็มีความแตกต่างในหลายด้านที่น่าสนใจ ซึ่งสามารถช่วยผู้ใช้งานตัดสินใจเลือกใช้งานระบบปฏิบัติการที่เหมาะสมกับความต้องการได้

    จุดเด่นและข้อแตกต่างสำคัญ
    1) ปรัชญาการพัฒนา Debian เน้นความมั่นคงและหลักการของซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส ทำให้ผู้ใช้มั่นใจได้ในความเสถียร ขณะที่ Ubuntu มุ่งเน้นการใช้งานที่ง่ายและรองรับซอฟต์แวร์ที่หลากหลาย รวมถึงซอฟต์แวร์เชิงพาณิชย์

    2) รอบการออกเวอร์ชัน Debian ใช้เวลาประมาณ 2 ปีต่อการอัพเดตแต่ละครั้งเพื่อความมั่นคง ส่วน Ubuntu มีการอัพเดตทุก 6 เดือน และมี Long-Term Support (LTS) ทุก 2 ปี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความทันสมัย

    3) การใช้งานที่ง่าย Ubuntu ได้รับการยกย่องว่าใช้งานง่ายที่สุดในบรรดาระบบปฏิบัติการ Linux เหมาะสำหรับมือใหม่ ในขณะที่ Debian อาจต้องการความเข้าใจพื้นฐานเล็กน้อยก่อนใช้งาน

    4) การจัดการแพ็คเกจซอฟต์แวร์ Debian ให้ความสำคัญกับความเสถียรของซอฟต์แวร์ แต่ Ubuntu มีซอฟต์แวร์ให้เลือกใช้งานมากกว่า เนื่องจากสนับสนุน Snap ทำให้ติดตั้งซอฟต์แวร์ได้สะดวก

    5) การสนับสนุน Debian อาศัยการสนับสนุนจากชุมชน ส่วน Ubuntu มีทั้งการสนับสนุนแบบมืออาชีพจาก Canonical และชุมชน

    6) ซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งมากับระบบ Debian มีซอฟต์แวร์น้อยและเป็นระบบเบา ในขณะที่ Ubuntu มีซอฟต์แวร์หลากหลาย พร้อมด้วยไดรเวอร์และโค้ดสำหรับใช้งานทันที

    7) การจัดการสิทธิ์ Root Debian ต้องเพิ่มผู้ใช้งานในกลุ่ม sudo เอง แต่ Ubuntu ตั้งค่าผู้ใช้ในกลุ่มนี้อัตโนมัติ เพื่อความสะดวกในการใช้งาน

    Debian ถูกเรียกว่า "ต้นน้ำของ Linux" เพราะมีระบบปฏิบัติการอื่น ๆ พัฒนาต่อจากมันจำนวนมาก รวมถึง Ubuntu และสายพันธุ์ย่อยของ Ubuntu เช่น Ubuntu Budgie

    สำหรับผู้ที่กำลังพิจารณาเลือกใช้งาน หากคุณเป็นมือใหม่ Ubuntu อาจเหมาะสมกว่า แต่ถ้าคุณต้องการความมั่นคงและมีความรู้ด้านเทคนิคเล็กน้อย Debian ก็น่าสนใจมาก

    https://www.zdnet.com/article/ubuntu-vs-debian-7-key-differences-help-determine-which-distro-is-right-for-you/
    บทนี้พูดถึงการเปรียบเทียบสองระบบปฏิบัติการ Linux ยอดนิยมอย่าง Ubuntu และ Debian ที่ถึงแม้จะมีความเกี่ยวข้องกัน โดย Ubuntu พัฒนาต่อมาจาก Debian แต่ทั้งสองก็มีความแตกต่างในหลายด้านที่น่าสนใจ ซึ่งสามารถช่วยผู้ใช้งานตัดสินใจเลือกใช้งานระบบปฏิบัติการที่เหมาะสมกับความต้องการได้ จุดเด่นและข้อแตกต่างสำคัญ 1) ปรัชญาการพัฒนา Debian เน้นความมั่นคงและหลักการของซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส ทำให้ผู้ใช้มั่นใจได้ในความเสถียร ขณะที่ Ubuntu มุ่งเน้นการใช้งานที่ง่ายและรองรับซอฟต์แวร์ที่หลากหลาย รวมถึงซอฟต์แวร์เชิงพาณิชย์ 2) รอบการออกเวอร์ชัน Debian ใช้เวลาประมาณ 2 ปีต่อการอัพเดตแต่ละครั้งเพื่อความมั่นคง ส่วน Ubuntu มีการอัพเดตทุก 6 เดือน และมี Long-Term Support (LTS) ทุก 2 ปี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความทันสมัย 3) การใช้งานที่ง่าย Ubuntu ได้รับการยกย่องว่าใช้งานง่ายที่สุดในบรรดาระบบปฏิบัติการ Linux เหมาะสำหรับมือใหม่ ในขณะที่ Debian อาจต้องการความเข้าใจพื้นฐานเล็กน้อยก่อนใช้งาน 4) การจัดการแพ็คเกจซอฟต์แวร์ Debian ให้ความสำคัญกับความเสถียรของซอฟต์แวร์ แต่ Ubuntu มีซอฟต์แวร์ให้เลือกใช้งานมากกว่า เนื่องจากสนับสนุน Snap ทำให้ติดตั้งซอฟต์แวร์ได้สะดวก 5) การสนับสนุน Debian อาศัยการสนับสนุนจากชุมชน ส่วน Ubuntu มีทั้งการสนับสนุนแบบมืออาชีพจาก Canonical และชุมชน 6) ซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งมากับระบบ Debian มีซอฟต์แวร์น้อยและเป็นระบบเบา ในขณะที่ Ubuntu มีซอฟต์แวร์หลากหลาย พร้อมด้วยไดรเวอร์และโค้ดสำหรับใช้งานทันที 7) การจัดการสิทธิ์ Root Debian ต้องเพิ่มผู้ใช้งานในกลุ่ม sudo เอง แต่ Ubuntu ตั้งค่าผู้ใช้ในกลุ่มนี้อัตโนมัติ เพื่อความสะดวกในการใช้งาน Debian ถูกเรียกว่า "ต้นน้ำของ Linux" เพราะมีระบบปฏิบัติการอื่น ๆ พัฒนาต่อจากมันจำนวนมาก รวมถึง Ubuntu และสายพันธุ์ย่อยของ Ubuntu เช่น Ubuntu Budgie สำหรับผู้ที่กำลังพิจารณาเลือกใช้งาน หากคุณเป็นมือใหม่ Ubuntu อาจเหมาะสมกว่า แต่ถ้าคุณต้องการความมั่นคงและมีความรู้ด้านเทคนิคเล็กน้อย Debian ก็น่าสนใจมาก https://www.zdnet.com/article/ubuntu-vs-debian-7-key-differences-help-determine-which-distro-is-right-for-you/
    WWW.ZDNET.COM
    Ubuntu vs. Debian: 7 key differences help determine which distro is right for you
    Ubuntu is based on Debian, but they're not the same. To help you choose which to install, we compare support, pre-installed software, release cycle, user-friendliness, and more.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ (DoJ) ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในสมัยที่สอง กำลังดำเนินการทางกฎหมายกับ Google โดยมุ่งหวังที่จะให้ Google ขายเบราว์เซอร์ Chrome ออกไป เนื่องจากมองว่า Google มีการผูกขาดตลาดค้นหาออนไลน์และการโฆษณา โดยการควบคุมผ่าน Chrome ส่งผลให้คู่แข่งไม่สามารถแข่งขันได้เต็มที่

    DoJ ชี้ว่าพฤติกรรมที่ผูกขาดของ Google ไม่เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในตลาด ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานของอเมริกา การควบรวมกันระหว่าง Chrome และระบบค้นหาของ Google ทำให้เกิดการครอบงำตลาดค้นหาและเพิ่มต้นทุนโฆษณาให้สูงขึ้น

    นอกจากนี้ หาก Chrome ถูกบังคับให้ขายออกไป อาจสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดเบราว์เซอร์ปัจจุบันที่ Chrome ครองตลาดเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่เบราว์เซอร์อื่น เช่น Microsoft Edge ก็ยังต้องพึ่งพาระบบ Chromium ที่มาจาก Google มีเพียง Mozilla Firefox ที่ไม่ใช้ระบบเดียวกัน แต่ก็ยังต้องพึ่งพารายได้จาก Google ทำให้การครอบงำยังคงอยู่

    ขณะเดียวกัน Google ได้ยืนยันว่าจะอุทธรณ์คำตัดสินและเสนอมาตรการอื่นเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้พันธมิตร โดยไม่ต้องขาย Chrome ออกไป

    ที่น่าสนใจคือ ในขณะที่ DoJ กดดันให้ Google ขาย Chrome ทางฝ่ายเดียวกันก็ได้ลดความเข้มงวดต่อการลงทุนใน AI ของ Google โดยเพียงกำหนดให้แจ้งล่วงหน้าก่อนทำการลงทุน เพื่อยังคงควบคุมได้

    สุดท้าย เหตุการณ์นี้จะมีการตัดสินชี้ขาดในช่วงฤดูร้อนปีนี้ ซึ่งหากเกิดการเปลี่ยนแปลง จะมีผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีในอนาคต

    https://www.zdnet.com/article/trumps-doj-keeps-pushing-for-google-to-get-rid-of-chrome/
    กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ (DoJ) ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในสมัยที่สอง กำลังดำเนินการทางกฎหมายกับ Google โดยมุ่งหวังที่จะให้ Google ขายเบราว์เซอร์ Chrome ออกไป เนื่องจากมองว่า Google มีการผูกขาดตลาดค้นหาออนไลน์และการโฆษณา โดยการควบคุมผ่าน Chrome ส่งผลให้คู่แข่งไม่สามารถแข่งขันได้เต็มที่ DoJ ชี้ว่าพฤติกรรมที่ผูกขาดของ Google ไม่เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในตลาด ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานของอเมริกา การควบรวมกันระหว่าง Chrome และระบบค้นหาของ Google ทำให้เกิดการครอบงำตลาดค้นหาและเพิ่มต้นทุนโฆษณาให้สูงขึ้น นอกจากนี้ หาก Chrome ถูกบังคับให้ขายออกไป อาจสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดเบราว์เซอร์ปัจจุบันที่ Chrome ครองตลาดเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่เบราว์เซอร์อื่น เช่น Microsoft Edge ก็ยังต้องพึ่งพาระบบ Chromium ที่มาจาก Google มีเพียง Mozilla Firefox ที่ไม่ใช้ระบบเดียวกัน แต่ก็ยังต้องพึ่งพารายได้จาก Google ทำให้การครอบงำยังคงอยู่ ขณะเดียวกัน Google ได้ยืนยันว่าจะอุทธรณ์คำตัดสินและเสนอมาตรการอื่นเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้พันธมิตร โดยไม่ต้องขาย Chrome ออกไป ที่น่าสนใจคือ ในขณะที่ DoJ กดดันให้ Google ขาย Chrome ทางฝ่ายเดียวกันก็ได้ลดความเข้มงวดต่อการลงทุนใน AI ของ Google โดยเพียงกำหนดให้แจ้งล่วงหน้าก่อนทำการลงทุน เพื่อยังคงควบคุมได้ สุดท้าย เหตุการณ์นี้จะมีการตัดสินชี้ขาดในช่วงฤดูร้อนปีนี้ ซึ่งหากเกิดการเปลี่ยนแปลง จะมีผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีในอนาคต https://www.zdnet.com/article/trumps-doj-keeps-pushing-for-google-to-get-rid-of-chrome/
    WWW.ZDNET.COM
    Trump's DoJ keeps pushing for Google to get rid of Chrome
    Some companies - SpaceX, Starlink, Meta - are doing well under the current administration. Google, not so much.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 116 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อสองวันก่อน อยู่ดีๆ ยูทูปก็โผล่คลิปสั้นจากเรื่อง <หรูอี้จอมนางเคียงบัลลังก์> มาให้ดูจน Storyฯ น้ำตาร่วงเผาะ วันนี้เลยเอามาแบ่งปันเผื่อว่าเพื่อนเพจจะ ‘อิน’ ตามไปด้วย

    เป็นฉากที่หรูอี้เอ่ยกับเฉียนหลงฮ่องเต้ว่า “ทรงทราบถึงวลี ‘หลันอินซวี่กั่ว’ หรือไม่เพคะ? วลีนี้... ตอนหม่อมฉันเรียนเมื่อยังเด็กได้แต่รู้สึกเสียใจเสียดาย แต่วันนี้หม่อมฉันเข้าใจแล้ว... บุปผาผลิบานแล้วโรยร่วงตามเวลาของมัน...” (หมายเหตุ ถอดบทสนทนามาจากในละคร แต่ Storyฯ แปลเองจ้า) เป็นประโยคที่สร้างความเจ็บปวดให้กับเฉียนหลงในภายหลังไม่น้อย

    ทั้ง ‘หลันอินซวี่กั่ว’ และ “บุปผาผลิบานแล้วโรยร่วงตามเวลาของมัน” ล้วนเป็นประโยคเด็ดที่มีมาแต่วรรณกรรมโบราณ และมีเรื่องราวให้เล่าถึง แต่อาจต้องแบ่งคุยเป็นสองตอน

    วันนี้คุยกันเรื่องวลี ‘หลันอินซวี่กั่ว’ (兰因絮果) ซึ่งเป็นสุภาษิตจีน บางทีสลับตำแหน่งเป็น ‘ซวี่กั่วหลันอิน’ ก็ได้ ความหมายของมันเป็นดังที่ในละครมีอธิบายไว้ว่า หมายถึงชีวิตคู่ที่เริ่มต้นสวยงามแต่จบลงอย่างขมขื่น เป็นวลีที่แปลยาก เพราะ ‘หลัน’ อาจแปลว่าดอกกล้วยไม้ (หลันฮวา) หรือดอกแม็กโนเลีย (อวี้หลันหรือมู่หลัน) และ ‘ซวี่’ แปลว่าปุยฝ้ายหรือดอกของต้นหลิ่วเรียกว่า ‘หลิ่วซวี่’ ส่วน ‘อิน’ นั้นแปลว่าต้นตอหรือสาเหตุ และ ‘กั่ว’ คือผล ดังนั้น วลีนี้แปลตรงตัวไม่ได้เพราะมันเป็นวลีเชิงอุปมาอุปไมย เลยขอเล่าความเป็นมาของมันก่อน เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น

    ที่มาของการเรียกชีวิตคู่ที่หวานชื่นว่า ‘หลันอิน’ นั้น เป็นเรื่องราวในยุคสมัยชุนชิวของเจิ้งเหวินกง เจ้าผู้ปกครองแคว้นเจิ้งและอนุภรรยานามว่าเยี่ยนจี๋ นางผู้นี้มาจากเมืองเล็กๆ และเป็นอนุภรรยาที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของเจิ้งเหวินกง แต่ต่อมานางฝันว่ามีเทพธิดานำดอกหลันฮวามามอบให้และบอกว่าดอกไม้นี้จะทำให้นางได้รับความรักจากเจิ้งเหวินกงและจะได้บุตรที่โดดเด่นมาเป็นผู้สืบทอดแผ่นดินต่อไป ครั้นวันถัดไปนางได้พบกับเจิ้งเหวินกงโดยบังเอิญก็ได้เล่าเรื่องนี้ให้เจิ้งเหวินกงฟัง ก่อเกิดเป็นความสนใจในตัวนาง จนต่อมานางได้เป็นที่โปรดปรานมากมายของเจิ้งเหวินกง และภายหลังคลอดบุตรชายนามว่า ‘หลัน’ เรื่องนี้จึงเป็นการเล่าขานกันต่อในแง่ที่ว่าเป็นความรักที่งอกงามอันมีสาเหตุมาจากดอกหลันฮวาหรือเรียกสั้นๆ ว่า ‘หลันอิน’ นั่นเอง และ ‘หลันอิน’ ถูกนำมาใช้ในบทประพันธ์ไม่น้อยเพื่อเรียกการครองคู่ที่เกิดขึ้นจากความรักอันสุกงอม

    มีเรื่องเล่าต่อมาว่า เจิ้งเหวินกงมีอนุภรรยามากมาย ความโปรดปรานในตัวเยี่ยนจี๋ลดเลือนไปตามกาลเวลา อีกทั้งเขาเป็นคนอำมหิต เพื่อรักษาอำนาจของตัวเองถึงกับฆ่าลูกชายไปสองคน ส่วนเจิ้งหลันนั้นถูกขับออกจากแคว้น แต่ต่อมาได้กลับมาครองแคว้นเจิ้งในที่สุด เป็นที่รู้จักกันในนามเจิ้งมู่กง ภายใต้การปกครองของเจิ้งมู่กงและลูกชายของเขา แคว้นเจิ้งกลายเป็นหนึ่งในแคว้นที่เข้มแข็งที่สุดของยุคสมัยนั้น

    ส่วนคำว่า ‘ซวี่’ นั้น ว่ากันว่าแรกเริ่มมาจากบทกวีของหลานสาวของเซี่ยไท่ฟู่ (ไท่ฟู่คือตำแหน่งราชครู) ในสมัยราชวงศ์จิ้น ผู้ซึ่งถูกยกย่องว่าเป็นสตรีที่เชี่ยวชาญด้านอักษร นางเปรียบเปรยหิมะขาวที่โปรยปรายด้วยวลีที่ว่า ‘ดุจดอกหลิ่วเริงระบำในสายลม’ (未若柳絮因风起) (ขอเรียกว่าดอก แต่จริงๆ เป็นเมล็ดของต้นหลิ่ว)

    ต่อมา ‘ซวี่กั่ว’ และ ‘หลันอินซวี่กั่ว’ ปรากฏขึ้นในบทประพันธ์ยุคสมัยชิง เป็นส่วนหนึ่งของวลีที่ว่า ‘หลันอินซวี่กั่ว เซี่ยนเยี่ยสุยเซิน’ (兰因絮果, 现业谁深) Storyฯ ขอแปลและเรียบเรียงประโยคนี้ว่า ‘รักแรกผลิบานงดงามดุจหลันฮวา สุดท้ายมลายหายดุจดอกหลิ่วพลิ้วสลาย ผู้ใดเล่าจะกล่าวได้ว่า สลักลึกลงบนใจผู้ใดมากกว่ากัน’

    ‘หลันอินซวี่กั่ว’ ในเรื่อง <หรูอี้จอมนางเคียงบัลลังก์> จึงเป็นการสรุปเรื่องราวความรักของเฉียนหลงและหรูอี้ได้อย่างชัดเจนด้วยอักษรเพียงสี่ตัว

    เพื่อให้อินกับประโยคนี้ ขอเชิญเพื่อนเพจหลับตาและนึกภาพดอกไม้ผลิบานพร้อมกับรอยยิ้มสุขสดชื่นให้แก่กันของหรูอี้และเฉียนหลงในละคร แล้วตัดมาเป็นภาพปุยสีขาวๆ ที่ถูกสายลมพัดแตกไปพร้อมๆ กับภาพของหรูอี้ที่สิ้นลมอย่างสงบข้างๆ กระถางต้นเหมยที่แห้งกรอบ...

    “คัท!” อาทิตย์หน้ามาคุยกันต่อกับประโยคถัดไปที่ว่า ‘บุปผาผลิบานแล้วโรยร่วงตามเวลาของมัน’ ค่ะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://okapi.books.com.tw/article/11422
    https://ent.tom.com/201807/1011240093.html
    https://www.sohu.com/a/230867588_100149137
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.xiumu.cn/ts/2018/0824/4278239.html
    https://www.163.com/dy/article/G0GD3GUH0537ML11.html
    https://baike.baidu.com/item/未若柳絮因风起/8776864

    #หรูอี้จอมนางเคียงบัลลังก์ #หลันอินซวี่กั่ว #เจิ้งเหวินกง #เยี่ยนจี๋
    เมื่อสองวันก่อน อยู่ดีๆ ยูทูปก็โผล่คลิปสั้นจากเรื่อง <หรูอี้จอมนางเคียงบัลลังก์> มาให้ดูจน Storyฯ น้ำตาร่วงเผาะ วันนี้เลยเอามาแบ่งปันเผื่อว่าเพื่อนเพจจะ ‘อิน’ ตามไปด้วย เป็นฉากที่หรูอี้เอ่ยกับเฉียนหลงฮ่องเต้ว่า “ทรงทราบถึงวลี ‘หลันอินซวี่กั่ว’ หรือไม่เพคะ? วลีนี้... ตอนหม่อมฉันเรียนเมื่อยังเด็กได้แต่รู้สึกเสียใจเสียดาย แต่วันนี้หม่อมฉันเข้าใจแล้ว... บุปผาผลิบานแล้วโรยร่วงตามเวลาของมัน...” (หมายเหตุ ถอดบทสนทนามาจากในละคร แต่ Storyฯ แปลเองจ้า) เป็นประโยคที่สร้างความเจ็บปวดให้กับเฉียนหลงในภายหลังไม่น้อย ทั้ง ‘หลันอินซวี่กั่ว’ และ “บุปผาผลิบานแล้วโรยร่วงตามเวลาของมัน” ล้วนเป็นประโยคเด็ดที่มีมาแต่วรรณกรรมโบราณ และมีเรื่องราวให้เล่าถึง แต่อาจต้องแบ่งคุยเป็นสองตอน วันนี้คุยกันเรื่องวลี ‘หลันอินซวี่กั่ว’ (兰因絮果) ซึ่งเป็นสุภาษิตจีน บางทีสลับตำแหน่งเป็น ‘ซวี่กั่วหลันอิน’ ก็ได้ ความหมายของมันเป็นดังที่ในละครมีอธิบายไว้ว่า หมายถึงชีวิตคู่ที่เริ่มต้นสวยงามแต่จบลงอย่างขมขื่น เป็นวลีที่แปลยาก เพราะ ‘หลัน’ อาจแปลว่าดอกกล้วยไม้ (หลันฮวา) หรือดอกแม็กโนเลีย (อวี้หลันหรือมู่หลัน) และ ‘ซวี่’ แปลว่าปุยฝ้ายหรือดอกของต้นหลิ่วเรียกว่า ‘หลิ่วซวี่’ ส่วน ‘อิน’ นั้นแปลว่าต้นตอหรือสาเหตุ และ ‘กั่ว’ คือผล ดังนั้น วลีนี้แปลตรงตัวไม่ได้เพราะมันเป็นวลีเชิงอุปมาอุปไมย เลยขอเล่าความเป็นมาของมันก่อน เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น ที่มาของการเรียกชีวิตคู่ที่หวานชื่นว่า ‘หลันอิน’ นั้น เป็นเรื่องราวในยุคสมัยชุนชิวของเจิ้งเหวินกง เจ้าผู้ปกครองแคว้นเจิ้งและอนุภรรยานามว่าเยี่ยนจี๋ นางผู้นี้มาจากเมืองเล็กๆ และเป็นอนุภรรยาที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของเจิ้งเหวินกง แต่ต่อมานางฝันว่ามีเทพธิดานำดอกหลันฮวามามอบให้และบอกว่าดอกไม้นี้จะทำให้นางได้รับความรักจากเจิ้งเหวินกงและจะได้บุตรที่โดดเด่นมาเป็นผู้สืบทอดแผ่นดินต่อไป ครั้นวันถัดไปนางได้พบกับเจิ้งเหวินกงโดยบังเอิญก็ได้เล่าเรื่องนี้ให้เจิ้งเหวินกงฟัง ก่อเกิดเป็นความสนใจในตัวนาง จนต่อมานางได้เป็นที่โปรดปรานมากมายของเจิ้งเหวินกง และภายหลังคลอดบุตรชายนามว่า ‘หลัน’ เรื่องนี้จึงเป็นการเล่าขานกันต่อในแง่ที่ว่าเป็นความรักที่งอกงามอันมีสาเหตุมาจากดอกหลันฮวาหรือเรียกสั้นๆ ว่า ‘หลันอิน’ นั่นเอง และ ‘หลันอิน’ ถูกนำมาใช้ในบทประพันธ์ไม่น้อยเพื่อเรียกการครองคู่ที่เกิดขึ้นจากความรักอันสุกงอม มีเรื่องเล่าต่อมาว่า เจิ้งเหวินกงมีอนุภรรยามากมาย ความโปรดปรานในตัวเยี่ยนจี๋ลดเลือนไปตามกาลเวลา อีกทั้งเขาเป็นคนอำมหิต เพื่อรักษาอำนาจของตัวเองถึงกับฆ่าลูกชายไปสองคน ส่วนเจิ้งหลันนั้นถูกขับออกจากแคว้น แต่ต่อมาได้กลับมาครองแคว้นเจิ้งในที่สุด เป็นที่รู้จักกันในนามเจิ้งมู่กง ภายใต้การปกครองของเจิ้งมู่กงและลูกชายของเขา แคว้นเจิ้งกลายเป็นหนึ่งในแคว้นที่เข้มแข็งที่สุดของยุคสมัยนั้น ส่วนคำว่า ‘ซวี่’ นั้น ว่ากันว่าแรกเริ่มมาจากบทกวีของหลานสาวของเซี่ยไท่ฟู่ (ไท่ฟู่คือตำแหน่งราชครู) ในสมัยราชวงศ์จิ้น ผู้ซึ่งถูกยกย่องว่าเป็นสตรีที่เชี่ยวชาญด้านอักษร นางเปรียบเปรยหิมะขาวที่โปรยปรายด้วยวลีที่ว่า ‘ดุจดอกหลิ่วเริงระบำในสายลม’ (未若柳絮因风起) (ขอเรียกว่าดอก แต่จริงๆ เป็นเมล็ดของต้นหลิ่ว) ต่อมา ‘ซวี่กั่ว’ และ ‘หลันอินซวี่กั่ว’ ปรากฏขึ้นในบทประพันธ์ยุคสมัยชิง เป็นส่วนหนึ่งของวลีที่ว่า ‘หลันอินซวี่กั่ว เซี่ยนเยี่ยสุยเซิน’ (兰因絮果, 现业谁深) Storyฯ ขอแปลและเรียบเรียงประโยคนี้ว่า ‘รักแรกผลิบานงดงามดุจหลันฮวา สุดท้ายมลายหายดุจดอกหลิ่วพลิ้วสลาย ผู้ใดเล่าจะกล่าวได้ว่า สลักลึกลงบนใจผู้ใดมากกว่ากัน’ ‘หลันอินซวี่กั่ว’ ในเรื่อง <หรูอี้จอมนางเคียงบัลลังก์> จึงเป็นการสรุปเรื่องราวความรักของเฉียนหลงและหรูอี้ได้อย่างชัดเจนด้วยอักษรเพียงสี่ตัว เพื่อให้อินกับประโยคนี้ ขอเชิญเพื่อนเพจหลับตาและนึกภาพดอกไม้ผลิบานพร้อมกับรอยยิ้มสุขสดชื่นให้แก่กันของหรูอี้และเฉียนหลงในละคร แล้วตัดมาเป็นภาพปุยสีขาวๆ ที่ถูกสายลมพัดแตกไปพร้อมๆ กับภาพของหรูอี้ที่สิ้นลมอย่างสงบข้างๆ กระถางต้นเหมยที่แห้งกรอบ... “คัท!” อาทิตย์หน้ามาคุยกันต่อกับประโยคถัดไปที่ว่า ‘บุปผาผลิบานแล้วโรยร่วงตามเวลาของมัน’ ค่ะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://okapi.books.com.tw/article/11422 https://ent.tom.com/201807/1011240093.html https://www.sohu.com/a/230867588_100149137 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.xiumu.cn/ts/2018/0824/4278239.html https://www.163.com/dy/article/G0GD3GUH0537ML11.html https://baike.baidu.com/item/未若柳絮因风起/8776864 #หรูอี้จอมนางเคียงบัลลังก์ #หลันอินซวี่กั่ว #เจิ้งเหวินกง #เยี่ยนจี๋
    OKAPI.BOOKS.COM.TW
    個人意見:演出深情演得最好也最落力的,往往都是渣男──《如懿傳》教會我的事
    《如懿傳》講的就是婚姻。該宮鬥的情節雖一樣不少,但心機只是這部小說的點綴,真正著力的...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 101 มุมมอง 0 รีวิว
  • 2/
    สถานการณ์ใน Kursk ขณะนี้ อาจเรียกได้ว่าทุกอย่างจบลงแล้ว เนื่องจากแนวป้องกันของยูเครนพังทลายโดยสิ้นเชิง

    เส้นทางหลักที่เข้าสู่ Sudzha จาก Sumy บางแหล่งข่าวระบุว่าถูกปิดล้อมโดยฝ่ายรัสเซีย ทหารยูเครนเกือบทั้งหมดที่ถอนทัพจากที่ต่างๆ กำลังมุ่งหน้าเข้าสู่เมือง Sudzha ได้เพียงแห่งเดียว!

    (วิดีโอ1) มีรายงานการยอมมอบตัวและถูกจับกุมมีเพิ่มมากขึ้น
    (วิดีโอ2) กองกำลังยูเครนแตกกระเจิงต้องถอนกำลังออกจากตำแหน่งอย่างไม่เป็นระบบ

    รายงานล่าสุด กองกำลังฝ่ายรัสเซียสามารถปลดปล่อยหมู่บ้านต่อไปนี้ในเขตพื้นที่รอบเมือง Sudzha:
    ▫️ Makhnovka
    ▫️ Pravda
    ▫️ Kositsa
    ▫️ Kubatkin
    ▫️ Mikhaylovka
    ▫️ Martynovka
    ▫️ Malaya Loknya
    ▫️ Cherkasskoye Porechnoye
    ▫️ Cherkasskaya Konopelka

    และกำลังต่อสู้เพื่อปลดปล่อยหมู่บ้านต่อไปนี้:
    ▫️ Melovoye
    ▫️ Ivashkovskiy
    ▫️ Guyevo
    ▫️ Dmitryukov
    2/ สถานการณ์ใน Kursk ขณะนี้ อาจเรียกได้ว่าทุกอย่างจบลงแล้ว เนื่องจากแนวป้องกันของยูเครนพังทลายโดยสิ้นเชิง เส้นทางหลักที่เข้าสู่ Sudzha จาก Sumy บางแหล่งข่าวระบุว่าถูกปิดล้อมโดยฝ่ายรัสเซีย ทหารยูเครนเกือบทั้งหมดที่ถอนทัพจากที่ต่างๆ กำลังมุ่งหน้าเข้าสู่เมือง Sudzha ได้เพียงแห่งเดียว! (วิดีโอ1) มีรายงานการยอมมอบตัวและถูกจับกุมมีเพิ่มมากขึ้น (วิดีโอ2) กองกำลังยูเครนแตกกระเจิงต้องถอนกำลังออกจากตำแหน่งอย่างไม่เป็นระบบ รายงานล่าสุด กองกำลังฝ่ายรัสเซียสามารถปลดปล่อยหมู่บ้านต่อไปนี้ในเขตพื้นที่รอบเมือง Sudzha: ▫️ Makhnovka ▫️ Pravda ▫️ Kositsa ▫️ Kubatkin ▫️ Mikhaylovka ▫️ Martynovka ▫️ Malaya Loknya ▫️ Cherkasskoye Porechnoye ▫️ Cherkasskaya Konopelka และกำลังต่อสู้เพื่อปลดปล่อยหมู่บ้านต่อไปนี้: ▫️ Melovoye ▫️ Ivashkovskiy ▫️ Guyevo ▫️ Dmitryukov
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 179 มุมมอง 41 0 รีวิว
  • 1/
    สถานการณ์ใน Kursk ขณะนี้ อาจเรียกได้ว่าทุกอย่างจบลงแล้ว เนื่องจากแนวป้องกันของยูเครนพังทลายโดยสิ้นเชิง

    เส้นทางหลักที่เข้าสู่ Sudzha จาก Sumy บางแหล่งข่าวระบุว่าถูกปิดล้อมโดยฝ่ายรัสเซีย ทหารยูเครนเกือบทั้งหมดที่ถอนทัพจากที่ต่างๆ กำลังมุ่งหน้าเข้าสู่เมือง Sudzha ได้เพียงแห่งเดียว!

    (วิดีโอ1) มีรายงานการยอมมอบตัวและถูกจับกุมมีเพิ่มมากขึ้น
    (วิดีโอ2) กองกำลังยูเครนแตกกระเจิงต้องถอนกำลังออกจากตำแหน่งอย่างไม่เป็นระบบ

    รายงานล่าสุด กองกำลังฝ่ายรัสเซียสามารถปลดปล่อยหมู่บ้านต่อไปนี้ในเขตพื้นที่รอบเมือง Sudzha:
    ▫️ Makhnovka
    ▫️ Pravda
    ▫️ Kositsa
    ▫️ Kubatkin
    ▫️ Mikhaylovka
    ▫️ Martynovka
    ▫️ Malaya Loknya
    ▫️ Cherkasskoye Porechnoye
    ▫️ Cherkasskaya Konopelka

    และกำลังต่อสู้เพื่อปลดปล่อยหมู่บ้านต่อไปนี้:
    ▫️ Melovoye
    ▫️ Ivashkovskiy
    ▫️ Guyevo
    ▫️ Dmitryukov
    1/ สถานการณ์ใน Kursk ขณะนี้ อาจเรียกได้ว่าทุกอย่างจบลงแล้ว เนื่องจากแนวป้องกันของยูเครนพังทลายโดยสิ้นเชิง เส้นทางหลักที่เข้าสู่ Sudzha จาก Sumy บางแหล่งข่าวระบุว่าถูกปิดล้อมโดยฝ่ายรัสเซีย ทหารยูเครนเกือบทั้งหมดที่ถอนทัพจากที่ต่างๆ กำลังมุ่งหน้าเข้าสู่เมือง Sudzha ได้เพียงแห่งเดียว! (วิดีโอ1) มีรายงานการยอมมอบตัวและถูกจับกุมมีเพิ่มมากขึ้น (วิดีโอ2) กองกำลังยูเครนแตกกระเจิงต้องถอนกำลังออกจากตำแหน่งอย่างไม่เป็นระบบ รายงานล่าสุด กองกำลังฝ่ายรัสเซียสามารถปลดปล่อยหมู่บ้านต่อไปนี้ในเขตพื้นที่รอบเมือง Sudzha: ▫️ Makhnovka ▫️ Pravda ▫️ Kositsa ▫️ Kubatkin ▫️ Mikhaylovka ▫️ Martynovka ▫️ Malaya Loknya ▫️ Cherkasskoye Porechnoye ▫️ Cherkasskaya Konopelka และกำลังต่อสู้เพื่อปลดปล่อยหมู่บ้านต่อไปนี้: ▫️ Melovoye ▫️ Ivashkovskiy ▫️ Guyevo ▫️ Dmitryukov
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 รีวิว
  • The diorama artwork piece reference to Amsterdam, Netherlands.
    #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    The diorama artwork piece reference to Amsterdam, Netherlands. #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 59 มุมมอง 0 รีวิว
  • IBM's Red Hat ได้จับมือกับ Axiom Space เพื่อพัฒนาและส่งศูนย์ข้อมูลต้นแบบ AxDCU-1 ไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) ในฤดูใบไม้ผลิปี 2025 โดยโปรเจกต์นี้ถือเป็นก้าวสำคัญในยุคที่เทคโนโลยีขยายออกไปนอกโลก โดยเฉพาะด้าน การประมวลผลข้อมูลในอวกาศ

    AxDCU-1 ใช้พลังจาก Red Hat Device Edge และ Red Hat OpenShift ซึ่งเป็นระบบจัดการ Kubernetes แบบน้ำหนักเบา พร้อมด้วย Red Hat Enterprise Linux และ Ansible Automation Platform อุปกรณ์นี้จะทำหน้าที่สำคัญ:
    - ทดสอบการประมวลผลด้วย AI/ML (Artificial Intelligence/Machine Learning)
    - พัฒนาความปลอดภัยทางไซเบอร์สำหรับการใช้งานในอวกาศ
    - ทดลองระบบประมวลผลคลาวด์สำหรับข้อมูลจากดาวเทียมและยานอวกาศ

    โดยข้อมูลจะถูกประมวลผลใกล้กับแหล่งกำเนิดในอวกาศ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านความรวดเร็วและความปลอดภัยสำหรับการตัดสินใจที่สำคัญในแบบเรียลไทม์

    คุณ Tony James หัวหน้าสถาปนิกจาก Red Hat ได้กล่าวว่า “การประมวลผลข้อมูลในอวกาศเป็นพรมแดนใหม่ที่น่าตื่นเต้น” โดยความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยให้พันธมิตรภาคพื้นโลกสามารถทำงานร่วมกันในอวกาศได้อย่างต่อเนื่องและมีเสถียรภาพมากขึ้น

    นอกจากนี้ Jason Aspiotis ผู้อำนวยการของ Axiom Space ยังกล่าวเสริมว่า Orbital Data Centers (ODC) จะสามารถช่วยปฏิวัติการทำงานในอวกาศ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลอากาศในอวกาศ การฝึกฝน AI ในอวกาศ และการปกป้องโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของโลกจากนอกโลก

    โครงการนี้นอกจากจะช่วยผลักดันความเป็นไปได้ในการใช้งานคลาวด์และ AI ในอวกาศ ยังสะท้อนถึงความตั้งใจของมนุษย์ที่จะขยายขอบเขตการสำรวจและประมวลผลข้อมูลไปในที่ที่ไม่เคยมีใครทำได้ ความสำเร็จนี้อาจเป็นก้าวแรกสู่การสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับความต้องการในอนาคตทั้งในอวกาศและบนโลก

    https://www.techradar.com/pro/is-the-moon-too-far-for-your-data-ibms-red-hat-is-teaming-up-with-axiom-space-to-send-a-data-center-into-space
    IBM's Red Hat ได้จับมือกับ Axiom Space เพื่อพัฒนาและส่งศูนย์ข้อมูลต้นแบบ AxDCU-1 ไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) ในฤดูใบไม้ผลิปี 2025 โดยโปรเจกต์นี้ถือเป็นก้าวสำคัญในยุคที่เทคโนโลยีขยายออกไปนอกโลก โดยเฉพาะด้าน การประมวลผลข้อมูลในอวกาศ AxDCU-1 ใช้พลังจาก Red Hat Device Edge และ Red Hat OpenShift ซึ่งเป็นระบบจัดการ Kubernetes แบบน้ำหนักเบา พร้อมด้วย Red Hat Enterprise Linux และ Ansible Automation Platform อุปกรณ์นี้จะทำหน้าที่สำคัญ: - ทดสอบการประมวลผลด้วย AI/ML (Artificial Intelligence/Machine Learning) - พัฒนาความปลอดภัยทางไซเบอร์สำหรับการใช้งานในอวกาศ - ทดลองระบบประมวลผลคลาวด์สำหรับข้อมูลจากดาวเทียมและยานอวกาศ โดยข้อมูลจะถูกประมวลผลใกล้กับแหล่งกำเนิดในอวกาศ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านความรวดเร็วและความปลอดภัยสำหรับการตัดสินใจที่สำคัญในแบบเรียลไทม์ คุณ Tony James หัวหน้าสถาปนิกจาก Red Hat ได้กล่าวว่า “การประมวลผลข้อมูลในอวกาศเป็นพรมแดนใหม่ที่น่าตื่นเต้น” โดยความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยให้พันธมิตรภาคพื้นโลกสามารถทำงานร่วมกันในอวกาศได้อย่างต่อเนื่องและมีเสถียรภาพมากขึ้น นอกจากนี้ Jason Aspiotis ผู้อำนวยการของ Axiom Space ยังกล่าวเสริมว่า Orbital Data Centers (ODC) จะสามารถช่วยปฏิวัติการทำงานในอวกาศ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลอากาศในอวกาศ การฝึกฝน AI ในอวกาศ และการปกป้องโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของโลกจากนอกโลก โครงการนี้นอกจากจะช่วยผลักดันความเป็นไปได้ในการใช้งานคลาวด์และ AI ในอวกาศ ยังสะท้อนถึงความตั้งใจของมนุษย์ที่จะขยายขอบเขตการสำรวจและประมวลผลข้อมูลไปในที่ที่ไม่เคยมีใครทำได้ ความสำเร็จนี้อาจเป็นก้าวแรกสู่การสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับความต้องการในอนาคตทั้งในอวกาศและบนโลก https://www.techradar.com/pro/is-the-moon-too-far-for-your-data-ibms-red-hat-is-teaming-up-with-axiom-space-to-send-a-data-center-into-space
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts