• “สวีเดนเตรียมเปิดใช้ระบบจ่ายเงินด้วยบัตรแบบออฟไลน์ภายในปี 2026 — รับมือวิกฤตดิจิทัลด้วยความพร้อมระดับชาติ”

    ในประเทศที่แทบจะไร้เงินสดอย่างสวีเดน การพึ่งพาระบบดิจิทัลในการชำระเงินกลายเป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน เช่น ระบบอินเทอร์เน็ตล่มหรือการโจมตีไซเบอร์ ความสามารถในการจ่ายเงินอาจกลายเป็นปัญหาระดับชาติ ล่าสุดธนาคารกลางสวีเดน (Riksbank) ได้ประกาศความร่วมมือกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในตลาดการชำระเงิน เพื่อผลักดันให้ระบบ “จ่ายเงินด้วยบัตรแบบออฟไลน์” ใช้งานได้จริงภายในวันที่ 1 กรกฎาคม 2026

    ระบบนี้จะช่วยให้ประชาชนสามารถใช้บัตรเดบิตหรือเครดิตในการซื้อสินค้าจำเป็น เช่น อาหาร ยา และน้ำมัน แม้ในกรณีที่ระบบสื่อสารข้อมูลล่ม โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการเสริมความมั่นคงของระบบการเงินและความพร้อมรับมือภัยพิบัติ

    การดำเนินงานนี้ครอบคลุมทั้งผู้ออกบัตร, เครือข่ายบัตร, ผู้รับชำระเงิน, ผู้ค้าปลีก และ Riksbank โดยจะมีการปรับปรุงกฎระเบียบและนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ เช่น การตั้งค่าข้อมูลล่วงหน้าในบัตร, การใช้ PIN แบบออฟไลน์ และการตรวจสอบยอดเงินแบบ local cache

    ผู้ว่าการธนาคารกลาง Erik Thedéen กล่าวว่าการที่หลายฝ่ายร่วมมือกันแม้ไม่อยู่ภายใต้ข้อบังคับโดยตรง ถือเป็นสัญญาณบวกของความรับผิดชอบร่วมกันเพื่อความมั่นคงของประเทศ และหลังจากวันที่ 1 กรกฎาคม 2026 Riksbank จะขยายการรองรับไปยังช่องทางการชำระเงินอื่น ๆ เช่น e-wallet และ mobile payments

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Riksbank ประกาศให้ระบบจ่ายเงินด้วยบัตรแบบออฟไลน์ใช้งานได้ภายในวันที่ 1 กรกฎาคม 2026
    ระบบนี้ช่วยให้ประชาชนสามารถซื้อสินค้าจำเป็นแม้ไม่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
    ครอบคลุมสินค้าจำเป็น เช่น อาหาร ยา และน้ำมัน
    ผู้มีส่วนร่วม ได้แก่ ผู้ออกบัตร, เครือข่ายบัตร, ผู้รับชำระเงิน, ผู้ค้าปลีก และ Riksbank
    มีการปรับปรุงกฎระเบียบและนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ เช่น PIN ออฟไลน์ และ local cache
    Riksbank จะขยายการรองรับไปยังช่องทางอื่นหลังปี 2026 เช่น e-wallet และ mobile payments
    ผู้ว่าการธนาคารกลางชื่นชมความร่วมมือของภาคเอกชนแม้ไม่อยู่ภายใต้ข้อบังคับ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ระบบออฟไลน์สามารถใช้เทคโนโลยี EMV ที่ตั้งค่าข้อมูลล่วงหน้าในบัตร
    บัตรบางประเภทสามารถเก็บยอดเงินล่วงหน้าเพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉิน
    ประเทศอื่น เช่น เนเธอร์แลนด์ และสิงคโปร์ กำลังทดลองระบบจ่ายเงินออฟไลน์ในระดับเมือง
    การจ่ายเงินแบบออฟไลน์ช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีไซเบอร์หรือการล่มของระบบคลาวด์
    การเตรียมความพร้อมด้านการเงินถือเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติในยุโรป

    คำเตือนและข้อจำกัด
    ระบบออฟไลน์อาจมีข้อจำกัดด้านจำนวนธุรกรรมต่อวันหรือยอดเงินสูงสุด
    หากไม่มีการอัปเดตข้อมูลบัตรอย่างสม่ำเสมอ อาจเกิดปัญหาในการตรวจสอบยอดเงิน
    การใช้ระบบออฟไลน์ต้องมีการฝึกอบรมพนักงานร้านค้าและการปรับระบบ POS
    ความปลอดภัยของข้อมูลในระบบออฟไลน์อาจต่ำกว่าระบบออนไลน์ หากไม่มีการเข้ารหัสที่ดี
    การพึ่งพาบัตรมากเกินไปอาจทำให้กลุ่มที่ไม่มีบัตรหรือไม่ใช้ดิจิทัลถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

    https://www.riksbank.se/en-gb/press-and-published/notices-and-press-releases/press-releases/2025/offline-card-payments-should-be-possible-no-later-than-1-july-2026/
    💳 “สวีเดนเตรียมเปิดใช้ระบบจ่ายเงินด้วยบัตรแบบออฟไลน์ภายในปี 2026 — รับมือวิกฤตดิจิทัลด้วยความพร้อมระดับชาติ” ในประเทศที่แทบจะไร้เงินสดอย่างสวีเดน การพึ่งพาระบบดิจิทัลในการชำระเงินกลายเป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน เช่น ระบบอินเทอร์เน็ตล่มหรือการโจมตีไซเบอร์ ความสามารถในการจ่ายเงินอาจกลายเป็นปัญหาระดับชาติ ล่าสุดธนาคารกลางสวีเดน (Riksbank) ได้ประกาศความร่วมมือกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในตลาดการชำระเงิน เพื่อผลักดันให้ระบบ “จ่ายเงินด้วยบัตรแบบออฟไลน์” ใช้งานได้จริงภายในวันที่ 1 กรกฎาคม 2026 ระบบนี้จะช่วยให้ประชาชนสามารถใช้บัตรเดบิตหรือเครดิตในการซื้อสินค้าจำเป็น เช่น อาหาร ยา และน้ำมัน แม้ในกรณีที่ระบบสื่อสารข้อมูลล่ม โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการเสริมความมั่นคงของระบบการเงินและความพร้อมรับมือภัยพิบัติ การดำเนินงานนี้ครอบคลุมทั้งผู้ออกบัตร, เครือข่ายบัตร, ผู้รับชำระเงิน, ผู้ค้าปลีก และ Riksbank โดยจะมีการปรับปรุงกฎระเบียบและนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ เช่น การตั้งค่าข้อมูลล่วงหน้าในบัตร, การใช้ PIN แบบออฟไลน์ และการตรวจสอบยอดเงินแบบ local cache ผู้ว่าการธนาคารกลาง Erik Thedéen กล่าวว่าการที่หลายฝ่ายร่วมมือกันแม้ไม่อยู่ภายใต้ข้อบังคับโดยตรง ถือเป็นสัญญาณบวกของความรับผิดชอบร่วมกันเพื่อความมั่นคงของประเทศ และหลังจากวันที่ 1 กรกฎาคม 2026 Riksbank จะขยายการรองรับไปยังช่องทางการชำระเงินอื่น ๆ เช่น e-wallet และ mobile payments ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Riksbank ประกาศให้ระบบจ่ายเงินด้วยบัตรแบบออฟไลน์ใช้งานได้ภายในวันที่ 1 กรกฎาคม 2026 ➡️ ระบบนี้ช่วยให้ประชาชนสามารถซื้อสินค้าจำเป็นแม้ไม่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ➡️ ครอบคลุมสินค้าจำเป็น เช่น อาหาร ยา และน้ำมัน ➡️ ผู้มีส่วนร่วม ได้แก่ ผู้ออกบัตร, เครือข่ายบัตร, ผู้รับชำระเงิน, ผู้ค้าปลีก และ Riksbank ➡️ มีการปรับปรุงกฎระเบียบและนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ เช่น PIN ออฟไลน์ และ local cache ➡️ Riksbank จะขยายการรองรับไปยังช่องทางอื่นหลังปี 2026 เช่น e-wallet และ mobile payments ➡️ ผู้ว่าการธนาคารกลางชื่นชมความร่วมมือของภาคเอกชนแม้ไม่อยู่ภายใต้ข้อบังคับ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ระบบออฟไลน์สามารถใช้เทคโนโลยี EMV ที่ตั้งค่าข้อมูลล่วงหน้าในบัตร ➡️ บัตรบางประเภทสามารถเก็บยอดเงินล่วงหน้าเพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉิน ➡️ ประเทศอื่น เช่น เนเธอร์แลนด์ และสิงคโปร์ กำลังทดลองระบบจ่ายเงินออฟไลน์ในระดับเมือง ➡️ การจ่ายเงินแบบออฟไลน์ช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีไซเบอร์หรือการล่มของระบบคลาวด์ ➡️ การเตรียมความพร้อมด้านการเงินถือเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติในยุโรป ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ ระบบออฟไลน์อาจมีข้อจำกัดด้านจำนวนธุรกรรมต่อวันหรือยอดเงินสูงสุด ⛔ หากไม่มีการอัปเดตข้อมูลบัตรอย่างสม่ำเสมอ อาจเกิดปัญหาในการตรวจสอบยอดเงิน ⛔ การใช้ระบบออฟไลน์ต้องมีการฝึกอบรมพนักงานร้านค้าและการปรับระบบ POS ⛔ ความปลอดภัยของข้อมูลในระบบออฟไลน์อาจต่ำกว่าระบบออนไลน์ หากไม่มีการเข้ารหัสที่ดี ⛔ การพึ่งพาบัตรมากเกินไปอาจทำให้กลุ่มที่ไม่มีบัตรหรือไม่ใช้ดิจิทัลถูกทิ้งไว้ข้างหลัง https://www.riksbank.se/en-gb/press-and-published/notices-and-press-releases/press-releases/2025/offline-card-payments-should-be-possible-no-later-than-1-july-2026/
    0 Comments 0 Shares 212 Views 0 Reviews
  • “ญี่ปุ่นอุดหนุนเรือวางสายเคเบิลใต้น้ำให้ NEC — ป้องกันความมั่นคงจากภัยไซเบอร์และการก่อวินาศกรรมในทะเลลึก”

    รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศอุดหนุนเงินสูงสุดถึงครึ่งหนึ่งของราคาซื้อเรือวางสายเคเบิลใต้น้ำให้กับบริษัท NEC ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ติดตั้งสายเคเบิลใต้น้ำรายใหญ่ที่สุดในเอเชีย โดยแต่ละลำมีมูลค่าประมาณ 300 ล้านดอลลาร์ การตัดสินใจครั้งนี้เกิดจากความกังวลด้านความมั่นคงระดับชาติ หลังเกิดเหตุการณ์ตัดสายเคเบิลใต้น้ำหลายครั้งทั่วโลกในช่วงปีที่ผ่านมา

    NEC เคยติดตั้งสายเคเบิลใต้น้ำมากกว่า 400,000 กิโลเมตรทั่วโลก แต่ไม่มีเรือเป็นของตัวเอง ต้องเช่าเรือจากบริษัทนอร์เวย์และบริษัทญี่ปุ่น เช่น NTT และ KDDI ซึ่งสามารถทำงานได้เฉพาะในน่านน้ำภูมิภาค ไม่สามารถเดินทางข้ามมหาสมุทรได้ ทำให้การตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉุกเฉินล่าช้า

    การอุดหนุนนี้เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์หลายครั้ง เช่น สายเคเบิลระหว่างฟินแลนด์–สวีเดนถูกตัดในเดือนพฤศจิกายน 2024 และสายเคเบิลระหว่างสหรัฐฯ–ไต้หวันถูกสงสัยว่าถูกเรือจีนทำให้เสียหายในเดือนมกราคม 2025 ซึ่งสร้างความเสียหายต่อการสื่อสารระหว่างประเทศอย่างรุนแรง

    รัฐบาลญี่ปุ่นมองว่าการไม่มีเรือเป็นของตัวเองคือ “ความเสี่ยงด้านความมั่นคง” และการพึ่งพาบริษัทต่างชาติอาจเปิดช่องให้เกิดการสอดแนมหรือก่อวินาศกรรมได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะเมื่อสายเคเบิลใต้น้ำส่วนใหญ่ถูกวางในน่านน้ำสากล ซึ่งการทำลายไม่ถือเป็นการประกาศสงครามโดยตรง

    แม้ NEC จะยอมรับว่าการมีเรือเป็นของตัวเองคือ “ต้นทุนคงที่มหาศาล” แต่ในช่วงที่ตลาดเคเบิลใต้น้ำกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว การลงทุนนี้อาจคุ้มค่าในระยะยาว และช่วยให้ญี่ปุ่นมีความสามารถในการป้องกันโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารที่สำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    รัฐบาลญี่ปุ่นจะอุดหนุนสูงสุดครึ่งหนึ่งของราคาซื้อเรือวางสายเคเบิลใต้น้ำให้ NEC
    เรือแต่ละลำมีมูลค่าประมาณ 300 ล้านดอลลาร์
    NEC เป็นผู้ติดตั้งสายเคเบิลใต้น้ำรายใหญ่ที่สุดในเอเชีย แต่ไม่มีเรือเป็นของตัวเอง
    ปัจจุบัน NEC เช่าเรือจากบริษัทนอร์เวย์และญี่ปุ่น ซึ่งจำกัดการใช้งานเฉพาะในภูมิภาค

    เหตุผลด้านความมั่นคง
    เกิดเหตุการณ์ตัดสายเคเบิลใต้น้ำหลายครั้ง เช่น ฟินแลนด์–สวีเดน และสหรัฐฯ–ไต้หวัน
    สายเคเบิลใต้น้ำส่วนใหญ่ถูกวางในน่านน้ำสากล ทำให้การทำลายไม่ถือเป็นสงคราม
    การไม่มีเรือเป็นของตัวเองทำให้ NEC ตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉุกเฉินได้ช้า
    รัฐบาลมองว่าเป็น “ความเสี่ยงด้านความมั่นคงระดับชาติ”

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    คู่แข่งของ NEC เช่น SubCom (สหรัฐฯ), Alcatel Submarine Networks (ฝรั่งเศส), และ HMN Tech (จีน) ต่างมีเรือเป็นของตัวเอง
    จีนวางสายเคเบิลใต้น้ำหลายหมื่นกิโลเมตรทั่วโลกในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
    NEC เชี่ยวชาญด้านสายเคเบิลหุ้มเกราะที่ทนต่อการก่อวินาศกรรม
    ตลาดเคเบิลใต้น้ำในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

    https://www.tomshardware.com/networking/japan-to-subsidize-undersea-cable-vessels-over-very-serious-national-security-concerns-will-front-up-to-half-the-cost-for-usd300-million-vessels-bought-by-nec
    🌊 “ญี่ปุ่นอุดหนุนเรือวางสายเคเบิลใต้น้ำให้ NEC — ป้องกันความมั่นคงจากภัยไซเบอร์และการก่อวินาศกรรมในทะเลลึก” รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศอุดหนุนเงินสูงสุดถึงครึ่งหนึ่งของราคาซื้อเรือวางสายเคเบิลใต้น้ำให้กับบริษัท NEC ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ติดตั้งสายเคเบิลใต้น้ำรายใหญ่ที่สุดในเอเชีย โดยแต่ละลำมีมูลค่าประมาณ 300 ล้านดอลลาร์ การตัดสินใจครั้งนี้เกิดจากความกังวลด้านความมั่นคงระดับชาติ หลังเกิดเหตุการณ์ตัดสายเคเบิลใต้น้ำหลายครั้งทั่วโลกในช่วงปีที่ผ่านมา NEC เคยติดตั้งสายเคเบิลใต้น้ำมากกว่า 400,000 กิโลเมตรทั่วโลก แต่ไม่มีเรือเป็นของตัวเอง ต้องเช่าเรือจากบริษัทนอร์เวย์และบริษัทญี่ปุ่น เช่น NTT และ KDDI ซึ่งสามารถทำงานได้เฉพาะในน่านน้ำภูมิภาค ไม่สามารถเดินทางข้ามมหาสมุทรได้ ทำให้การตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉุกเฉินล่าช้า การอุดหนุนนี้เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์หลายครั้ง เช่น สายเคเบิลระหว่างฟินแลนด์–สวีเดนถูกตัดในเดือนพฤศจิกายน 2024 และสายเคเบิลระหว่างสหรัฐฯ–ไต้หวันถูกสงสัยว่าถูกเรือจีนทำให้เสียหายในเดือนมกราคม 2025 ซึ่งสร้างความเสียหายต่อการสื่อสารระหว่างประเทศอย่างรุนแรง รัฐบาลญี่ปุ่นมองว่าการไม่มีเรือเป็นของตัวเองคือ “ความเสี่ยงด้านความมั่นคง” และการพึ่งพาบริษัทต่างชาติอาจเปิดช่องให้เกิดการสอดแนมหรือก่อวินาศกรรมได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะเมื่อสายเคเบิลใต้น้ำส่วนใหญ่ถูกวางในน่านน้ำสากล ซึ่งการทำลายไม่ถือเป็นการประกาศสงครามโดยตรง แม้ NEC จะยอมรับว่าการมีเรือเป็นของตัวเองคือ “ต้นทุนคงที่มหาศาล” แต่ในช่วงที่ตลาดเคเบิลใต้น้ำกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว การลงทุนนี้อาจคุ้มค่าในระยะยาว และช่วยให้ญี่ปุ่นมีความสามารถในการป้องกันโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารที่สำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ รัฐบาลญี่ปุ่นจะอุดหนุนสูงสุดครึ่งหนึ่งของราคาซื้อเรือวางสายเคเบิลใต้น้ำให้ NEC ➡️ เรือแต่ละลำมีมูลค่าประมาณ 300 ล้านดอลลาร์ ➡️ NEC เป็นผู้ติดตั้งสายเคเบิลใต้น้ำรายใหญ่ที่สุดในเอเชีย แต่ไม่มีเรือเป็นของตัวเอง ➡️ ปัจจุบัน NEC เช่าเรือจากบริษัทนอร์เวย์และญี่ปุ่น ซึ่งจำกัดการใช้งานเฉพาะในภูมิภาค ✅ เหตุผลด้านความมั่นคง ➡️ เกิดเหตุการณ์ตัดสายเคเบิลใต้น้ำหลายครั้ง เช่น ฟินแลนด์–สวีเดน และสหรัฐฯ–ไต้หวัน ➡️ สายเคเบิลใต้น้ำส่วนใหญ่ถูกวางในน่านน้ำสากล ทำให้การทำลายไม่ถือเป็นสงคราม ➡️ การไม่มีเรือเป็นของตัวเองทำให้ NEC ตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉุกเฉินได้ช้า ➡️ รัฐบาลมองว่าเป็น “ความเสี่ยงด้านความมั่นคงระดับชาติ” ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ คู่แข่งของ NEC เช่น SubCom (สหรัฐฯ), Alcatel Submarine Networks (ฝรั่งเศส), และ HMN Tech (จีน) ต่างมีเรือเป็นของตัวเอง ➡️ จีนวางสายเคเบิลใต้น้ำหลายหมื่นกิโลเมตรทั่วโลกในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ➡️ NEC เชี่ยวชาญด้านสายเคเบิลหุ้มเกราะที่ทนต่อการก่อวินาศกรรม ➡️ ตลาดเคเบิลใต้น้ำในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว https://www.tomshardware.com/networking/japan-to-subsidize-undersea-cable-vessels-over-very-serious-national-security-concerns-will-front-up-to-half-the-cost-for-usd300-million-vessels-bought-by-nec
    0 Comments 0 Shares 284 Views 0 Reviews
  • สุดสลด! เหตุ BM-21 เขมร โจมตี 5 จุด 'คนไทย' ดับ 8 ราย ตร. ทหาร ดับเพลิง เร่งปฏิบัติหน้าที่ แจ้งประชาชนเร่งอพยพ
    https://www.thai-tai.tv/news/20496/
    .
    #กันทรลักษ์ #ศรีสะเกษ #BM21 #ชายแดนไทยกัมพูชา #ผู้เสียชีวิต #เหตุการณ์ฉุกเฉิน #อพยพประชาชน #สถานีตำรวจภูธรกันทรลักษ์
    สุดสลด! เหตุ BM-21 เขมร โจมตี 5 จุด 'คนไทย' ดับ 8 ราย ตร. ทหาร ดับเพลิง เร่งปฏิบัติหน้าที่ แจ้งประชาชนเร่งอพยพ https://www.thai-tai.tv/news/20496/ . #กันทรลักษ์ #ศรีสะเกษ #BM21 #ชายแดนไทยกัมพูชา #ผู้เสียชีวิต #เหตุการณ์ฉุกเฉิน #อพยพประชาชน #สถานีตำรวจภูธรกันทรลักษ์
    0 Comments 0 Shares 188 Views 0 Reviews
  • แอปพลิเคชันสำหรับ **การติดต่อสื่อสารโดยไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ต (เน็ต)** ส่วนใหญ่ใช้เทคโนโลยี **Bluetooth, ระบบ Mesh Network (เครือข่ายใยแมงมุม) หรือสัญญาณวิทยุ** แทนการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตปกติ นี่คือตัวเลือกที่น่าสนใจ:

    ### 1. **Bridgefy (บลูทูธ + Mesh Network)**
    - **วิธีทำงาน**: เชื่อมต่อผ่าน **บลูทูธ** ในระยะใกล้ (~100 เมตร) หรือส่งต่อข้อความแบบ **Mesh Network** ในพื้นที่กว้าง (เช่น ในคอนเสิร์ตหรือชุมชน) โดยไม่ใช้เน็ต
    - **เหมาะกับ**: พื้นที่คนเยอะ, งานกิจกรรมกลางแจ้ง, ภัยพิบัติที่สัญญาณขาด
    - **ระบบ**: iOS/Android
    - **ข้อควรรู้**: ต้องมีคนใช้แอปในบริเวณนั้นเพื่อส่งต่อข้อความ

    ### 2. **FireChat (Mesh Network)**
    - **วิธีทำงาน**: สร้างเครือข่ายเฉพาะกิจผ่าน **บลูทูธ/Wi-Fi Direct** โดยอุปกรณ์รอบตัวช่วยส่งข้อความแบบลูกโซ่
    - **เหมาะกับ**: เหตุการณ์ฉุกเฉิน, พื้นที่ห่างไกล
    - **ระบบ**: iOS/Android

    ### 3. **Briar (บลูทูธ/Wi-Fi Direct + Tor)**
    - **วิธีทำงาน**: เน้น **ความเป็นส่วนตัวสูง** เชื่อมต่อผ่านบลูทูธ/Wi-Fi Direct หรือใช้ Tor เมื่อมีเน็ต
    - **เหมาะกับ**: ผู้ต้องการความปลอดภัย, นักกิจกรรม
    - **ระบบ**: Android เท่านั้น

    ### 4. **Walkie-Talkie แบบดิจิทัล**
    - **เช่น Zello**: ทำงานผ่าน **สัญญาณมือถือพื้นฐาน (2G/3G/4G)** แบบไม่กินเน็ต (ใช้เครือข่ายเสียงปกติ) แต่ต้องมีสัญญาณโทรศัพท์
    - **เหมาะกับ**: สถานที่สัญญาณอ่อน แต่ยังพอโทรออกได้

    ### 5. **แอป SMS/ข้อความธรรมดา**
    - **เช่น Google Messages, Signal**: ส่ง **SMS แบบไม่ใช้เน็ต** ได้ (เฉพาะข้อความล้วน) แต่ต้องมีสัญญาณเครือข่ายมือถือ

    ---

    ### สถานการณ์ที่แนะนำให้ใช้:
    - **ไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต แต่มีคนจำนวนมากในพื้นที่**: Bridgefy, FireChat
    - **เน้นความเป็นส่วนตัว/ความปลอดภัย**: Briar
    - **มีสัญญาณโทรศัพท์พื้นฐาน (แต่ไม่มีเน็ต)**: Zello หรือ SMS
    - **การสื่อสารระยะใกล้สุด**: เชื่อมต่อบลูทูธแบบ **Device to Device** (เช่น แชร์ไฟล์ผ่าน ShareIt โดยไม่ใช้เน็ต)

    > **ข้อจำกัด**: แอปเหล่านี้มักมี **ระยะส่งสัญญาณสั้น** (100 เมตร) และต้องการ **ผู้ใช้จำนวนมากในพื้นที่** เพื่อขยายเครือข่ายให้มีประสิทธิภาพ

    เลือกใช้ตามสภาพแวดล้อมและอุปกรณ์ของคุณนะครับ!
    แอปพลิเคชันสำหรับ **การติดต่อสื่อสารโดยไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ต (เน็ต)** ส่วนใหญ่ใช้เทคโนโลยี **Bluetooth, ระบบ Mesh Network (เครือข่ายใยแมงมุม) หรือสัญญาณวิทยุ** แทนการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตปกติ นี่คือตัวเลือกที่น่าสนใจ: ### 1. **Bridgefy (บลูทูธ + Mesh Network)** - **วิธีทำงาน**: เชื่อมต่อผ่าน **บลูทูธ** ในระยะใกล้ (~100 เมตร) หรือส่งต่อข้อความแบบ **Mesh Network** ในพื้นที่กว้าง (เช่น ในคอนเสิร์ตหรือชุมชน) โดยไม่ใช้เน็ต - **เหมาะกับ**: พื้นที่คนเยอะ, งานกิจกรรมกลางแจ้ง, ภัยพิบัติที่สัญญาณขาด - **ระบบ**: iOS/Android - **ข้อควรรู้**: ต้องมีคนใช้แอปในบริเวณนั้นเพื่อส่งต่อข้อความ ### 2. **FireChat (Mesh Network)** - **วิธีทำงาน**: สร้างเครือข่ายเฉพาะกิจผ่าน **บลูทูธ/Wi-Fi Direct** โดยอุปกรณ์รอบตัวช่วยส่งข้อความแบบลูกโซ่ - **เหมาะกับ**: เหตุการณ์ฉุกเฉิน, พื้นที่ห่างไกล - **ระบบ**: iOS/Android ### 3. **Briar (บลูทูธ/Wi-Fi Direct + Tor)** - **วิธีทำงาน**: เน้น **ความเป็นส่วนตัวสูง** เชื่อมต่อผ่านบลูทูธ/Wi-Fi Direct หรือใช้ Tor เมื่อมีเน็ต - **เหมาะกับ**: ผู้ต้องการความปลอดภัย, นักกิจกรรม - **ระบบ**: Android เท่านั้น ### 4. **Walkie-Talkie แบบดิจิทัล** - **เช่น Zello**: ทำงานผ่าน **สัญญาณมือถือพื้นฐาน (2G/3G/4G)** แบบไม่กินเน็ต (ใช้เครือข่ายเสียงปกติ) แต่ต้องมีสัญญาณโทรศัพท์ - **เหมาะกับ**: สถานที่สัญญาณอ่อน แต่ยังพอโทรออกได้ ### 5. **แอป SMS/ข้อความธรรมดา** - **เช่น Google Messages, Signal**: ส่ง **SMS แบบไม่ใช้เน็ต** ได้ (เฉพาะข้อความล้วน) แต่ต้องมีสัญญาณเครือข่ายมือถือ --- ### สถานการณ์ที่แนะนำให้ใช้: - **ไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต แต่มีคนจำนวนมากในพื้นที่**: Bridgefy, FireChat - **เน้นความเป็นส่วนตัว/ความปลอดภัย**: Briar - **มีสัญญาณโทรศัพท์พื้นฐาน (แต่ไม่มีเน็ต)**: Zello หรือ SMS - **การสื่อสารระยะใกล้สุด**: เชื่อมต่อบลูทูธแบบ **Device to Device** (เช่น แชร์ไฟล์ผ่าน ShareIt โดยไม่ใช้เน็ต) > ⚠️ **ข้อจำกัด**: แอปเหล่านี้มักมี **ระยะส่งสัญญาณสั้น** (100 เมตร) และต้องการ **ผู้ใช้จำนวนมากในพื้นที่** เพื่อขยายเครือข่ายให้มีประสิทธิภาพ เลือกใช้ตามสภาพแวดล้อมและอุปกรณ์ของคุณนะครับ! 😊
    0 Comments 0 Shares 398 Views 0 Reviews
  • เห็นมั้ยรอดจริงๆ.,เอาเขาไม่ลงหรอก,มีdeep stateระดับโลกค้ำประกันไว้,ตัวสำคัญในการเล่นบทบาทมากมายในไทยและอาจทั่วอาเชียน,แม้13มิย.มาถึงก็รอด,มีมุกมาพิศดารมาอีกล่ะ,แพะแกะรับไปเต็มๆอีกล่ะ,หรืออาจมีเหตุการณ์ฉุกเฉินมาตัดตอนอีกล่ะ.
    https://youtube.com/watch?v=txBGh6me-xk&si=sjA0Se9ZLiaA9Lfw
    เห็นมั้ยรอดจริงๆ.,เอาเขาไม่ลงหรอก,มีdeep stateระดับโลกค้ำประกันไว้,ตัวสำคัญในการเล่นบทบาทมากมายในไทยและอาจทั่วอาเชียน,แม้13มิย.มาถึงก็รอด,มีมุกมาพิศดารมาอีกล่ะ,แพะแกะรับไปเต็มๆอีกล่ะ,หรืออาจมีเหตุการณ์ฉุกเฉินมาตัดตอนอีกล่ะ. https://youtube.com/watch?v=txBGh6me-xk&si=sjA0Se9ZLiaA9Lfw
    0 Comments 0 Shares 147 Views 0 Reviews
  • หลังจากที่ TikTok ถูกแบนในสหรัฐฯ เด็กและวัยรุ่นจำนวนมากได้โทรไปที่ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 911 เพื่อแสดงความรักและความคิดถึงต่อแอปนี้! TikTok ถูกแบนเนื่องจากเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ และรัฐบาลสหรัฐฯ ได้เสนอให้ ByteDance ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ TikTok โอนความเป็นเจ้าของให้กับบริษัทในสหรัฐฯ แต่ ByteDance ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้

    การแบน TikTok ทำให้ผู้ใช้ โดยเฉพาะเด็กและวัยรุ่น รู้สึกเสียใจและหันไปโทรหา 911 เพื่อแสดงความรักต่อแอปนี้ TikTok ไม่ได้เป็นเพียงแค่แอปโซเชียลมีเดีย แต่ยังเป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมและชุมชนดิจิทัลที่มีผู้ใช้หลายล้านคนที่แชร์เรื่องราวและประสบการณ์ต่างๆ

    การโทรหา 911 เพื่อแสดงความรักต่อ TikTok เป็นการเตือนให้เห็นถึงความสำคัญของการให้ความรู้แก่ผู้ใช้เกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรฉุกเฉินอย่างถูกต้อง การใช้ 911 ในกรณีที่ไม่ฉุกเฉินอาจทำให้การตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉุกเฉินจริง ๆ ล่าช้าและอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตของผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ

    https://wccftech.com/teens-call-911-to-express-love-for-tiktok/
    หลังจากที่ TikTok ถูกแบนในสหรัฐฯ เด็กและวัยรุ่นจำนวนมากได้โทรไปที่ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 911 เพื่อแสดงความรักและความคิดถึงต่อแอปนี้! TikTok ถูกแบนเนื่องจากเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ และรัฐบาลสหรัฐฯ ได้เสนอให้ ByteDance ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ TikTok โอนความเป็นเจ้าของให้กับบริษัทในสหรัฐฯ แต่ ByteDance ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ การแบน TikTok ทำให้ผู้ใช้ โดยเฉพาะเด็กและวัยรุ่น รู้สึกเสียใจและหันไปโทรหา 911 เพื่อแสดงความรักต่อแอปนี้ TikTok ไม่ได้เป็นเพียงแค่แอปโซเชียลมีเดีย แต่ยังเป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมและชุมชนดิจิทัลที่มีผู้ใช้หลายล้านคนที่แชร์เรื่องราวและประสบการณ์ต่างๆ การโทรหา 911 เพื่อแสดงความรักต่อ TikTok เป็นการเตือนให้เห็นถึงความสำคัญของการให้ความรู้แก่ผู้ใช้เกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรฉุกเฉินอย่างถูกต้อง การใช้ 911 ในกรณีที่ไม่ฉุกเฉินอาจทำให้การตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉุกเฉินจริง ๆ ล่าช้าและอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตของผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ https://wccftech.com/teens-call-911-to-express-love-for-tiktok/
    WCCFTECH.COM
    Teens And Children Have Been Calling 911 Call Centers To Express Their Love For TikTok Following Its Ban In The United States
    Following the TikTok ban in the United States, teens and children are calling 911 call centers to express their love to the platform.
    0 Comments 0 Shares 295 Views 0 Reviews