• รองนายกฯ สุชาติ ชูความร่วมมือ ทส.-ซีพี แอ็กซ์ตร้าฯ หมุดหมายสำคัญสู่ Zero Food Waste ของประเทศไทย
    https://www.thai-tai.tv/news/22335/
    .
    #ไทยไท #สุชาติชมกลิ่น #ZeroFoodWaste #อาหารเพื่อสัตว์ป่า #เศรษฐกิจหมุนเวียน #NetZero

    รองนายกฯ สุชาติ ชูความร่วมมือ ทส.-ซีพี แอ็กซ์ตร้าฯ หมุดหมายสำคัญสู่ Zero Food Waste ของประเทศไทย https://www.thai-tai.tv/news/22335/ . #ไทยไท #สุชาติชมกลิ่น #ZeroFoodWaste #อาหารเพื่อสัตว์ป่า #เศรษฐกิจหมุนเวียน #NetZero
    0 Comments 0 Shares 16 Views 0 Reviews
  • “จากเถาองุ่นสู่ฟิล์มชีวภาพ — นักวิจัย SDSU เปลี่ยนเศษไม้ไร้ค่าให้กลายเป็นวัสดุทดแทนพลาสติกที่ย่อยสลายได้ใน 17 วัน”

    ในยุคที่พลาสติกกลายเป็นปัญหาระดับโลก นักวิจัยจาก South Dakota State University (SDSU) ได้ค้นพบวิธีใหม่ในการเปลี่ยนเศษไม้จากเถาองุ่นที่ถูกตัดทิ้งทุกปีให้กลายเป็นฟิล์มชีวภาพที่โปร่งใส แข็งแรง และย่อยสลายได้ในเวลาเพียง 17 วันในดิน งานวิจัยนี้นำโดยศาสตราจารย์ Srinivas Janaswamy จากภาควิชาวิทยาศาสตร์นมและอาหาร ร่วมกับทีมวิจัยที่รวมถึงนักศึกษาระดับปริญญาเอกและผู้เชี่ยวชาญด้านองุ่นจาก SDSU

    หัวใจของนวัตกรรมนี้คือ “เซลลูโลส” — สารชีวโมเลกุลที่พบมากที่สุดในธรรมชาติ ซึ่งมีอยู่ในผนังเซลล์ของพืชทุกชนิด โดยเฉพาะในเถาองุ่นที่มีความเข้มข้นของเซลลูโลสสูงและมีปริมาณน้ำต่ำ ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการผลิตฟิล์มชีวภาพ

    ทีมวิจัยใช้กระบวนการสกัดเซลลูโลสด้วยสารละลายด่างและสารฟอกขาว ก่อนนำไปละลายใน ZnCl₂ แล้วเติมแคลเซียมและกลีเซอรอลเพื่อสร้างฟิล์มที่มีความโปร่งใสถึง 84% และความแข็งแรงมากกว่าถุงพลาสติกทั่วไป โดยไม่ทิ้งสารตกค้างที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม

    ฟิล์มจากเถาองุ่นนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดปัญหาขยะพลาสติก แต่ยังเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับเศษวัสดุทางการเกษตรที่มักถูกเผาหรือทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนและการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน

    ข้อมูลสำคัญจากงานวิจัย
    ฟิล์มชีวภาพผลิตจากเซลลูโลสในเถาองุ่นที่ถูกตัดทิ้งทุกปี
    ย่อยสลายได้ภายใน 17 วันในดิน โดยไม่ทิ้งสารตกค้าง
    โปร่งใสระดับ 83.7–84.3% และมีแรงดึงสูงถึง 18.2 MPa
    แข็งแรงกว่าถุงพลาสติกทั่วไป และเหมาะสำหรับบรรจุภัณฑ์อาหาร

    กระบวนการผลิตและทีมวิจัย
    สกัดเซลลูโลสด้วย KOH และ NaClO₂ ก่อนละลายใน ZnCl₂
    เติมแคลเซียมและกลีเซอรอลเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและความแข็งแรง
    ทีมวิจัยประกอบด้วย Srinivas Janaswamy, Anne Fennell และนักศึกษาจาก SDSU และ Purdue
    ได้รับทุนสนับสนุนจาก USDA และ NSF เพื่อพัฒนาต่อยอด

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    เซลลูโลสเป็นองค์ประกอบหลักของฝ้ายและไม้ — ใช้ในสิ่งทอและกระดาษ
    ฟิล์มชีวภาพจากพืชสามารถลดการใช้พลาสติกจากน้ำมันดิบ
    เถาองุ่นมีเซลลูโลสสูงถึง 35% และมีน้ำต่ำ — เหมาะกับการแปรรูป
    การใช้เศษพืชในการผลิตวัสดุช่วยลดการเผาและการปล่อยคาร์บอน

    https://www.sdstate.edu/news/2025/08/can-grapevines-help-slow-plastic-waste-problem
    🍇 “จากเถาองุ่นสู่ฟิล์มชีวภาพ — นักวิจัย SDSU เปลี่ยนเศษไม้ไร้ค่าให้กลายเป็นวัสดุทดแทนพลาสติกที่ย่อยสลายได้ใน 17 วัน” ในยุคที่พลาสติกกลายเป็นปัญหาระดับโลก นักวิจัยจาก South Dakota State University (SDSU) ได้ค้นพบวิธีใหม่ในการเปลี่ยนเศษไม้จากเถาองุ่นที่ถูกตัดทิ้งทุกปีให้กลายเป็นฟิล์มชีวภาพที่โปร่งใส แข็งแรง และย่อยสลายได้ในเวลาเพียง 17 วันในดิน งานวิจัยนี้นำโดยศาสตราจารย์ Srinivas Janaswamy จากภาควิชาวิทยาศาสตร์นมและอาหาร ร่วมกับทีมวิจัยที่รวมถึงนักศึกษาระดับปริญญาเอกและผู้เชี่ยวชาญด้านองุ่นจาก SDSU หัวใจของนวัตกรรมนี้คือ “เซลลูโลส” — สารชีวโมเลกุลที่พบมากที่สุดในธรรมชาติ ซึ่งมีอยู่ในผนังเซลล์ของพืชทุกชนิด โดยเฉพาะในเถาองุ่นที่มีความเข้มข้นของเซลลูโลสสูงและมีปริมาณน้ำต่ำ ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการผลิตฟิล์มชีวภาพ ทีมวิจัยใช้กระบวนการสกัดเซลลูโลสด้วยสารละลายด่างและสารฟอกขาว ก่อนนำไปละลายใน ZnCl₂ แล้วเติมแคลเซียมและกลีเซอรอลเพื่อสร้างฟิล์มที่มีความโปร่งใสถึง 84% และความแข็งแรงมากกว่าถุงพลาสติกทั่วไป โดยไม่ทิ้งสารตกค้างที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ฟิล์มจากเถาองุ่นนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดปัญหาขยะพลาสติก แต่ยังเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับเศษวัสดุทางการเกษตรที่มักถูกเผาหรือทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนและการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน ✅ ข้อมูลสำคัญจากงานวิจัย ➡️ ฟิล์มชีวภาพผลิตจากเซลลูโลสในเถาองุ่นที่ถูกตัดทิ้งทุกปี ➡️ ย่อยสลายได้ภายใน 17 วันในดิน โดยไม่ทิ้งสารตกค้าง ➡️ โปร่งใสระดับ 83.7–84.3% และมีแรงดึงสูงถึง 18.2 MPa ➡️ แข็งแรงกว่าถุงพลาสติกทั่วไป และเหมาะสำหรับบรรจุภัณฑ์อาหาร ✅ กระบวนการผลิตและทีมวิจัย ➡️ สกัดเซลลูโลสด้วย KOH และ NaClO₂ ก่อนละลายใน ZnCl₂ ➡️ เติมแคลเซียมและกลีเซอรอลเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและความแข็งแรง ➡️ ทีมวิจัยประกอบด้วย Srinivas Janaswamy, Anne Fennell และนักศึกษาจาก SDSU และ Purdue ➡️ ได้รับทุนสนับสนุนจาก USDA และ NSF เพื่อพัฒนาต่อยอด ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ เซลลูโลสเป็นองค์ประกอบหลักของฝ้ายและไม้ — ใช้ในสิ่งทอและกระดาษ ➡️ ฟิล์มชีวภาพจากพืชสามารถลดการใช้พลาสติกจากน้ำมันดิบ ➡️ เถาองุ่นมีเซลลูโลสสูงถึง 35% และมีน้ำต่ำ — เหมาะกับการแปรรูป ➡️ การใช้เศษพืชในการผลิตวัสดุช่วยลดการเผาและการปล่อยคาร์บอน https://www.sdstate.edu/news/2025/08/can-grapevines-help-slow-plastic-waste-problem
    WWW.SDSTATE.EDU
    Can grapevines help slow the plastic waste problem?
    A new study from South Dakota State University reveals how grapevine canes can be converted into plastic-like material that is stronger than traditional plastic and will decompose in the environment in a relatively short amount of time.
    0 Comments 0 Shares 330 Views 0 Reviews
  • “TSMC เลี้ยงผึ้งผลิตน้ำผึ้ง ‘Ji Mi’ รอบโรงงาน — เมื่อเทคโนโลยีจับมือธรรมชาติ สร้างความยั่งยืนแบบหวานล้ำ”

    ใครจะคิดว่าโรงงานผลิตชิปที่ใหญ่ที่สุดในโลกจะกลายเป็นแหล่งผลิตน้ำผึ้ง? แต่ TSMC บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ยักษ์ใหญ่จากไต้หวันได้พิสูจน์แล้วว่า “ความยั่งยืน” ไม่ใช่แค่คำพูดสวยหรู แต่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่จับต้องได้ — และอร่อยด้วย

    ในงาน ‘2025 Asia Pacific Sustainability Expo’ TSMC ได้เปิดตัวน้ำผึ้งแบรนด์ “Ji Mi” ที่ผลิตจากรังผึ้งซึ่งตั้งอยู่รอบโรงงานของบริษัท โดยร่วมมือกับมหาวิทยาลัย Tunghai และกลุ่มผู้เลี้ยงผึ้งท้องถิ่น การกลับมาของผึ้งในพื้นที่โรงงานเกิดจากการฟื้นฟูพืชพรรณพื้นถิ่นที่เหมาะสมกับระบบนิเวศ ซึ่งเป็นผลจากการสำรวจสิ่งแวดล้อมอย่างละเอียด

    น้ำผึ้ง Ji Mi มีหลายรสชาติ ขึ้นอยู่กับชนิดของดอกไม้ที่ปลูกไว้รอบโรงงานแต่ละแห่ง นอกจากผึ้งแล้ว ยังมีสัญญาณอื่น ๆ ที่บ่งบอกว่าธรรมชาติกำลังฟื้นตัว เช่น การกลับมาของปลาท้องถิ่นอย่าง silver goby และแม้แต่หิ่งห้อย ซึ่งถือเป็นตัวชี้วัดความสะอาดของแหล่งน้ำในไต้หวันที่เข้มงวดมาก

    TSMC ยังเผยว่าการจัดการทรัพยากรน้ำในโรงงานใหม่สามารถรีไซเคิลได้มากกว่า 90% และมีอัตราการรีไซเคิลของเสียสูงถึง 97% โดยมีศูนย์ Zero Waste ในเมืองไถจงที่สามารถเปลี่ยนของเสียให้กลายเป็นวัตถุดิบอิเล็กทรอนิกส์ได้อีกครั้ง ถือเป็นการผลักดันเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างเป็นรูปธรรม

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/tsm-bee-tsmc-gets-into-the-honey-business-after-working-with-local-beekeepers-to-establish-hives-around-its-fabs
    🍯 “TSMC เลี้ยงผึ้งผลิตน้ำผึ้ง ‘Ji Mi’ รอบโรงงาน — เมื่อเทคโนโลยีจับมือธรรมชาติ สร้างความยั่งยืนแบบหวานล้ำ” ใครจะคิดว่าโรงงานผลิตชิปที่ใหญ่ที่สุดในโลกจะกลายเป็นแหล่งผลิตน้ำผึ้ง? แต่ TSMC บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ยักษ์ใหญ่จากไต้หวันได้พิสูจน์แล้วว่า “ความยั่งยืน” ไม่ใช่แค่คำพูดสวยหรู แต่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่จับต้องได้ — และอร่อยด้วย ในงาน ‘2025 Asia Pacific Sustainability Expo’ TSMC ได้เปิดตัวน้ำผึ้งแบรนด์ “Ji Mi” ที่ผลิตจากรังผึ้งซึ่งตั้งอยู่รอบโรงงานของบริษัท โดยร่วมมือกับมหาวิทยาลัย Tunghai และกลุ่มผู้เลี้ยงผึ้งท้องถิ่น การกลับมาของผึ้งในพื้นที่โรงงานเกิดจากการฟื้นฟูพืชพรรณพื้นถิ่นที่เหมาะสมกับระบบนิเวศ ซึ่งเป็นผลจากการสำรวจสิ่งแวดล้อมอย่างละเอียด น้ำผึ้ง Ji Mi มีหลายรสชาติ ขึ้นอยู่กับชนิดของดอกไม้ที่ปลูกไว้รอบโรงงานแต่ละแห่ง นอกจากผึ้งแล้ว ยังมีสัญญาณอื่น ๆ ที่บ่งบอกว่าธรรมชาติกำลังฟื้นตัว เช่น การกลับมาของปลาท้องถิ่นอย่าง silver goby และแม้แต่หิ่งห้อย ซึ่งถือเป็นตัวชี้วัดความสะอาดของแหล่งน้ำในไต้หวันที่เข้มงวดมาก TSMC ยังเผยว่าการจัดการทรัพยากรน้ำในโรงงานใหม่สามารถรีไซเคิลได้มากกว่า 90% และมีอัตราการรีไซเคิลของเสียสูงถึง 97% โดยมีศูนย์ Zero Waste ในเมืองไถจงที่สามารถเปลี่ยนของเสียให้กลายเป็นวัตถุดิบอิเล็กทรอนิกส์ได้อีกครั้ง ถือเป็นการผลักดันเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างเป็นรูปธรรม https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/tsm-bee-tsmc-gets-into-the-honey-business-after-working-with-local-beekeepers-to-establish-hives-around-its-fabs
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    TSM-Bee? TSMC gets into the honey business after working with local beekeepers to establish hives around its fabs
    TSMC branded honey is available in several flavors, depending on the flora around a particular fab.
    0 Comments 0 Shares 318 Views 0 Reviews
  • กาแฟแบรนด์เขมร คาเฟ่อเวจี ยึดหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เอากาแฟเหลือ น้ำแข็งเหลือจากแก้วอื่นมาใช้ต่อ ตามหลักบริโภคซากศพดั่งโลโก้ อีแร้งโลกันตร์
    #คิงส์โพธิ์แดง
    กาแฟแบรนด์เขมร คาเฟ่อเวจี ยึดหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เอากาแฟเหลือ น้ำแข็งเหลือจากแก้วอื่นมาใช้ต่อ ตามหลักบริโภคซากศพดั่งโลโก้ อีแร้งโลกันตร์ #คิงส์โพธิ์แดง
    0 Comments 0 Shares 243 Views 0 Reviews
  • จีนกำลังผลักดัน เศรษฐกิจหมุนเวียนในยุคพลังงานใหม่ โดยใช้ แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และเซลล์แสงอาทิตย์ที่หมดอายุ เป็นแหล่งทรัพยากรสำคัญในการรีไซเคิล

    บริษัทรีไซเคิลในจีน เช่น Ma Long’s recycling company กำลังสร้างกำไรจาก การสกัดลิเธียม, โคบอลต์ และนิกเกิล จากแบตเตอรี่ที่หมดอายุ ซึ่งช่วยให้จีนสามารถ ลดการพึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ ในขณะที่สงครามการค้ากับสหรัฐฯ ยังคงส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน

    จีนใช้แบตเตอรี่ EV และเซลล์แสงอาทิตย์ที่หมดอายุเป็นแหล่งทรัพยากรสำคัญ
    - ช่วยให้สามารถ รีไซเคิลลิเธียม, โคบอลต์ และนิกเกิล
    - ลดการพึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ

    บริษัทรีไซเคิลในจีนกำลังสร้างกำไรจากการสกัดวัสดุสำคัญ
    - เช่น Ma Long’s recycling company
    - ใช้เทคโนโลยีใหม่ในการ สกัดโลหะมีค่าและนำกลับมาใช้ใหม่

    ผลกระทบต่อความมั่นคงด้านทรัพยากรของจีน
    - ช่วยให้จีนสามารถ รักษาความมั่นคงด้านวัตถุดิบ
    - ลดผลกระทบจาก สงครามการค้ากับสหรัฐฯ

    แนวโน้มของการพัฒนาในอนาคต
    - อุตสาหกรรมรีไซเคิลอาจ เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
    - อาจช่วยให้จีน เป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนในยุคพลังงานใหม่

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/06/chinas-dying-ev-batteries-solar-cells-are-powering-a-circular-economy-in-new-energy-era
    จีนกำลังผลักดัน เศรษฐกิจหมุนเวียนในยุคพลังงานใหม่ โดยใช้ แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และเซลล์แสงอาทิตย์ที่หมดอายุ เป็นแหล่งทรัพยากรสำคัญในการรีไซเคิล บริษัทรีไซเคิลในจีน เช่น Ma Long’s recycling company กำลังสร้างกำไรจาก การสกัดลิเธียม, โคบอลต์ และนิกเกิล จากแบตเตอรี่ที่หมดอายุ ซึ่งช่วยให้จีนสามารถ ลดการพึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ ในขณะที่สงครามการค้ากับสหรัฐฯ ยังคงส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน ✅ จีนใช้แบตเตอรี่ EV และเซลล์แสงอาทิตย์ที่หมดอายุเป็นแหล่งทรัพยากรสำคัญ - ช่วยให้สามารถ รีไซเคิลลิเธียม, โคบอลต์ และนิกเกิล - ลดการพึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ ✅ บริษัทรีไซเคิลในจีนกำลังสร้างกำไรจากการสกัดวัสดุสำคัญ - เช่น Ma Long’s recycling company - ใช้เทคโนโลยีใหม่ในการ สกัดโลหะมีค่าและนำกลับมาใช้ใหม่ ✅ ผลกระทบต่อความมั่นคงด้านทรัพยากรของจีน - ช่วยให้จีนสามารถ รักษาความมั่นคงด้านวัตถุดิบ - ลดผลกระทบจาก สงครามการค้ากับสหรัฐฯ ✅ แนวโน้มของการพัฒนาในอนาคต - อุตสาหกรรมรีไซเคิลอาจ เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว - อาจช่วยให้จีน เป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนในยุคพลังงานใหม่ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/06/chinas-dying-ev-batteries-solar-cells-are-powering-a-circular-economy-in-new-energy-era
    WWW.THESTAR.COM.MY
    China’s dying EV batteries, solar cells are powering a circular economy in new-energy era
    Recycling critical materials such as lithium, cobalt and nickel are driving profits and shoring up China's resource security as trade war with US hits supply chains.
    0 Comments 0 Shares 585 Views 0 Reviews
  • การสร้างสมดุลของจักรวาลมนุษย์ชาติ (Human Universe) เป็นแนวคิดที่ซับซ้อน ครอบคลุมทั้งมิติทางสังคม สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และจิตวิญญาณ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนและความปรองดองร่วมกัน ต่อไปนี้คือแนวทางหลักที่อาจนำไปสู่การสร้างสมดุลดังกล่าว:

    ### 1. **สมดุลทางสิ่งแวดล้อม**
    - **เปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาด**: ลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล หันไปใช้พลังงานหมุนเวียน (เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ลม) และส่งเสริมเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ
    - **ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)**: ลดการผลิตของเสียโดยออกแบบระบบการใช้วัสดุใหม่ (Reuse-Recycle) และส่งเสริมการบริโภคอย่างรับผิดชอบ
    - **ปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ**: ฟื้นฟูระบบนิเวศ สร้างพื้นที่อนุรักษ์ และควบคุมการตัดไม้ทำลายป่า

    ### 2. **สมดุลทางสังคม**
    - **ลดความเหลื่อมล้ำ**: สร้างระบบสวัสดิการที่ทั่วถึง สนับสนุนการศึกษาและสุขภาพฟรีหรือราคาเข้าถึงได้ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ห่างไกล
    - **ส่งเสริมความเท่าเทียม**: ขจัดการเลือกปฏิบัติทางเพศ เชื้อชาติ ศาสนา และสถานะทางสังคม
    - **สร้างชุมชนเข้มแข็ง**: สนับสนุนการมีส่วนร่วมของท้องถิ่นในการตัดสินใจ และส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน

    ### 3. **สมดุลทางเศรษฐกิจ**
    - **เศรษฐกิจแบบกระจายศูนย์**: ลดการผูกขาดโดยบริษัทขนาดใหญ่ สนับสนุนธุรกิจท้องถิ่นและสตาร์ทอัพ
    - **วัดความเจริญด้วยดัชนีใหม่**: ไม่ใช้เพียง GDP แต่รวมถึงความสุขมวลรวม (Gross National Happiness) หรือดัชนีความยั่งยืน
    - **ภาษีโปรเกรสซีฟ**: เก็บภาษีจากกลุ่มรายได้สูงและบริษัทข้ามชาติเพื่อกระจายความมั่งคั่ง

    ### 4. **สมดุลทางเทคโนโลยี**
    - **จริยธรรมเทคโนโลยี**: ควบคุมการใช้ AI และข้อมูลส่วนตัวเพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิ
    - **เทคโนโลยีเพื่อสังคม**: พัฒนานวัตกรรมที่แก้ปัญหาสังคม เช่น เทคโนโลยีช่วยเกษตรกรหรือระบบสุขภาพดิจิทัล
    - **ลดช่องว่างดิจิทัล**: ให้ทุกคนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและความรู้ดิจิทัล

    ### 5. **สมดุลทางวัฒนธรรมและจิตวิญญาณ**
    - **เคารพความหลากหลาย**: ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น
    - **สร้างจิตสำนึกใหม่**: ปลูกฝังค่านิยมเช่นความพอเพียง (ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง) และความเชื่อมโยงกับธรรมชาติ
    - **ส่งเสริมสติและสุขภาพจิต**: บูรณาการ mindfulness ในการศึกษาและการทำงาน

    ### 6. **สมดุลทางการเมืองและการปกครอง**
    - **ประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม**: เปิดช่องทางให้ประชาชนมีส่วนร่วมนโยบายผ่าน Digital Platform
    - **ความร่วมมือระดับโลก**: เสริมสร้างองค์กรระหว่างประเทศเพื่อแก้ปัญหาร่วม เช่น ภาวะโลกร้อนหรือการค้ามนุษย์
    - **ต่อต้านการทุจริต**: สร้างระบบตรวจสอบที่โปร่งใส และส่งเสริมหลักนิติธรรม

    ### 7. **การศึกษาเพื่อการเปลี่ยนแปลง**
    - **เรียนรู้นอกกรอบ**: สอนทักษะศตวรรษที่ 21 เช่น การคิดวิเคราะห์ ความเห็นอกเห็นใจ (Empathy) และทักษะการอยู่ร่วมกัน
    - **การศึกษาเชิงบูรณาการ**: ผสมผสานความรู้ทางวิทยาศาสตร์กับศิลปะและมนุษยศาสตร์

    ### บทสรุป
    สมดุลของจักรวาลมนุษย์ชาติไม่ใช่สถานะที่ตายตัว แต่เป็นกระบวนการต่อเนื่องที่ต้องอาศัยการปรับตัว ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และการมองมนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศ ไม่ใช่ผู้ครอบครอง การสร้างสมดุลนี้ต้องเริ่มจาก "การเปลี่ยนแปลงภายใน" ของแต่ละคน สู่การขับเคลื่อนนโยบายระดับโลก พร้อมกันนั้น ต้องไม่ลืมว่าความหลากหลายทางความคิดและวัฒนธรรมคือพลังขับเคลื่อน ไม่ใช่สิ่งต้องกำจัด!
    การสร้างสมดุลของจักรวาลมนุษย์ชาติ (Human Universe) เป็นแนวคิดที่ซับซ้อน ครอบคลุมทั้งมิติทางสังคม สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และจิตวิญญาณ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนและความปรองดองร่วมกัน ต่อไปนี้คือแนวทางหลักที่อาจนำไปสู่การสร้างสมดุลดังกล่าว: ### 1. **สมดุลทางสิ่งแวดล้อม** - **เปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาด**: ลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล หันไปใช้พลังงานหมุนเวียน (เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ลม) และส่งเสริมเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ - **ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)**: ลดการผลิตของเสียโดยออกแบบระบบการใช้วัสดุใหม่ (Reuse-Recycle) และส่งเสริมการบริโภคอย่างรับผิดชอบ - **ปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ**: ฟื้นฟูระบบนิเวศ สร้างพื้นที่อนุรักษ์ และควบคุมการตัดไม้ทำลายป่า ### 2. **สมดุลทางสังคม** - **ลดความเหลื่อมล้ำ**: สร้างระบบสวัสดิการที่ทั่วถึง สนับสนุนการศึกษาและสุขภาพฟรีหรือราคาเข้าถึงได้ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ห่างไกล - **ส่งเสริมความเท่าเทียม**: ขจัดการเลือกปฏิบัติทางเพศ เชื้อชาติ ศาสนา และสถานะทางสังคม - **สร้างชุมชนเข้มแข็ง**: สนับสนุนการมีส่วนร่วมของท้องถิ่นในการตัดสินใจ และส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน ### 3. **สมดุลทางเศรษฐกิจ** - **เศรษฐกิจแบบกระจายศูนย์**: ลดการผูกขาดโดยบริษัทขนาดใหญ่ สนับสนุนธุรกิจท้องถิ่นและสตาร์ทอัพ - **วัดความเจริญด้วยดัชนีใหม่**: ไม่ใช้เพียง GDP แต่รวมถึงความสุขมวลรวม (Gross National Happiness) หรือดัชนีความยั่งยืน - **ภาษีโปรเกรสซีฟ**: เก็บภาษีจากกลุ่มรายได้สูงและบริษัทข้ามชาติเพื่อกระจายความมั่งคั่ง ### 4. **สมดุลทางเทคโนโลยี** - **จริยธรรมเทคโนโลยี**: ควบคุมการใช้ AI และข้อมูลส่วนตัวเพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิ - **เทคโนโลยีเพื่อสังคม**: พัฒนานวัตกรรมที่แก้ปัญหาสังคม เช่น เทคโนโลยีช่วยเกษตรกรหรือระบบสุขภาพดิจิทัล - **ลดช่องว่างดิจิทัล**: ให้ทุกคนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและความรู้ดิจิทัล ### 5. **สมดุลทางวัฒนธรรมและจิตวิญญาณ** - **เคารพความหลากหลาย**: ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น - **สร้างจิตสำนึกใหม่**: ปลูกฝังค่านิยมเช่นความพอเพียง (ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง) และความเชื่อมโยงกับธรรมชาติ - **ส่งเสริมสติและสุขภาพจิต**: บูรณาการ mindfulness ในการศึกษาและการทำงาน ### 6. **สมดุลทางการเมืองและการปกครอง** - **ประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม**: เปิดช่องทางให้ประชาชนมีส่วนร่วมนโยบายผ่าน Digital Platform - **ความร่วมมือระดับโลก**: เสริมสร้างองค์กรระหว่างประเทศเพื่อแก้ปัญหาร่วม เช่น ภาวะโลกร้อนหรือการค้ามนุษย์ - **ต่อต้านการทุจริต**: สร้างระบบตรวจสอบที่โปร่งใส และส่งเสริมหลักนิติธรรม ### 7. **การศึกษาเพื่อการเปลี่ยนแปลง** - **เรียนรู้นอกกรอบ**: สอนทักษะศตวรรษที่ 21 เช่น การคิดวิเคราะห์ ความเห็นอกเห็นใจ (Empathy) และทักษะการอยู่ร่วมกัน - **การศึกษาเชิงบูรณาการ**: ผสมผสานความรู้ทางวิทยาศาสตร์กับศิลปะและมนุษยศาสตร์ ### บทสรุป สมดุลของจักรวาลมนุษย์ชาติไม่ใช่สถานะที่ตายตัว แต่เป็นกระบวนการต่อเนื่องที่ต้องอาศัยการปรับตัว ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และการมองมนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศ ไม่ใช่ผู้ครอบครอง การสร้างสมดุลนี้ต้องเริ่มจาก "การเปลี่ยนแปลงภายใน" ของแต่ละคน สู่การขับเคลื่อนนโยบายระดับโลก พร้อมกันนั้น ต้องไม่ลืมว่าความหลากหลายทางความคิดและวัฒนธรรมคือพลังขับเคลื่อน ไม่ใช่สิ่งต้องกำจัด!
    0 Comments 0 Shares 966 Views 0 Reviews
  • การรีไซเคิลแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าได้รับความสนใจมากขึ้น มีการเปิดตัวโรงงานต้นแบบสำหรับการรีไซเคิลแบตเตอรี่ใน Trappes ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมีเป้าหมายที่จะดึงโลหะมีค่าจากแบตเตอรี่ที่ใช้แล้ว เพื่อนำกลับมาใช้ในกระบวนการผลิตใหม่ งานวิจัยจาก IDTechEx ได้เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับการใช้แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าในชีวิตที่สอง (Second-life) ตั้งแต่ปี 2025 ถึง 2035 โดยคาดว่าตลาดนี้อาจมีมูลค่าสูงถึง 4.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 18.66 พันล้านบาท) ภายในปี 2035

    แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ใช้งานในรถยนต์ไฟฟ้าสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ในงานที่ต้องการพลังงานต่ำกว่า เช่น การเก็บพลังงานในสถานีไฟฟ้าหรือการใช้งานในรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าและจักรยานไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่และส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน แม้ว่าทางทฤษฎีนี้จะเป็นที่น่าสนใจ แต่ยังคงมีความท้าทายทั้งทางเทคนิคและเศรษฐกิจ

    ประเทศจีนเป็นผู้นำในด้านการนำแบตเตอรี่กลับมาใช้ใหม่ โดยเฉพาะในการใช้งานเป็นพลังงานสำรอง ขณะที่ยุโรปและสหรัฐอเมริกายังคงอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาระบบการเก็บพลังงาน การรีไซเคิลโลหะหายากเป็นเรื่องท้าทายที่มีมิติทั้งทางสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ โดยภายใน 10 ปีข้างหน้า ลิเธียมที่รีไซเคิลในยุโรปอาจช่วยผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้มากกว่า 2 ล้านคัน

    นักวิจัยจาก University of Edinburgh กำลังทำงานเพื่อใช้แบคทีเรียในการดึงโลหะจากแบตเตอรี่ที่ใช้แล้ว แนวคิดนี้คือการใช้แบคทีเรียเพื่อรีไซเคิลวัสดุเหล่านี้ให้ได้มากที่สุด ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและกังหันลม

    ในภาพรวม การรีไซเคิลแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ากำลังเป็นเรื่องสำคัญที่มีความท้าทายหลากหลาย แต่ก็มีศักยภาพในการลดการขุดโลหะหายากและลดขยะสะสม หวังว่าข้อมูลนี้จะทำให้คุณได้มองเห็นภาพรวมของการพัฒนาและนวัตกรรมในวงการรีไซเคิลแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าได้ชัดเจนขึ้นนะครับ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/05/finding-ways-to-better-recycle-electric-car-batteries-in-the-future
    การรีไซเคิลแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าได้รับความสนใจมากขึ้น มีการเปิดตัวโรงงานต้นแบบสำหรับการรีไซเคิลแบตเตอรี่ใน Trappes ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมีเป้าหมายที่จะดึงโลหะมีค่าจากแบตเตอรี่ที่ใช้แล้ว เพื่อนำกลับมาใช้ในกระบวนการผลิตใหม่ งานวิจัยจาก IDTechEx ได้เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับการใช้แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าในชีวิตที่สอง (Second-life) ตั้งแต่ปี 2025 ถึง 2035 โดยคาดว่าตลาดนี้อาจมีมูลค่าสูงถึง 4.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 18.66 พันล้านบาท) ภายในปี 2035 แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ใช้งานในรถยนต์ไฟฟ้าสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ในงานที่ต้องการพลังงานต่ำกว่า เช่น การเก็บพลังงานในสถานีไฟฟ้าหรือการใช้งานในรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าและจักรยานไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่และส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน แม้ว่าทางทฤษฎีนี้จะเป็นที่น่าสนใจ แต่ยังคงมีความท้าทายทั้งทางเทคนิคและเศรษฐกิจ ประเทศจีนเป็นผู้นำในด้านการนำแบตเตอรี่กลับมาใช้ใหม่ โดยเฉพาะในการใช้งานเป็นพลังงานสำรอง ขณะที่ยุโรปและสหรัฐอเมริกายังคงอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาระบบการเก็บพลังงาน การรีไซเคิลโลหะหายากเป็นเรื่องท้าทายที่มีมิติทั้งทางสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ โดยภายใน 10 ปีข้างหน้า ลิเธียมที่รีไซเคิลในยุโรปอาจช่วยผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้มากกว่า 2 ล้านคัน นักวิจัยจาก University of Edinburgh กำลังทำงานเพื่อใช้แบคทีเรียในการดึงโลหะจากแบตเตอรี่ที่ใช้แล้ว แนวคิดนี้คือการใช้แบคทีเรียเพื่อรีไซเคิลวัสดุเหล่านี้ให้ได้มากที่สุด ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและกังหันลม ในภาพรวม การรีไซเคิลแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ากำลังเป็นเรื่องสำคัญที่มีความท้าทายหลากหลาย แต่ก็มีศักยภาพในการลดการขุดโลหะหายากและลดขยะสะสม หวังว่าข้อมูลนี้จะทำให้คุณได้มองเห็นภาพรวมของการพัฒนาและนวัตกรรมในวงการรีไซเคิลแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าได้ชัดเจนขึ้นนะครับ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/05/finding-ways-to-better-recycle-electric-car-batteries-in-the-future
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Finding ways to better recycle electric car batteries in the future
    The future recycling of electric car batteries raises a number of challenges, from the recovery of raw materials to their reuse. A study published by IDTechEx provides some answers.
    0 Comments 0 Shares 453 Views 0 Reviews
  • ไทยเป็นปลายทางขยะโลก!? (ตอน 2: ข้อมูลชี้...การนำเข้าขยะพุ่งและมีมากมายหลายชนิด)
    .
    จากกรณีพบขยะเทศบาลในตู้คอนเทนเนอร์สินค้าที่บริษัท เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นผู้นำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยที่มีการสำแดงว่าเป็นเศษกระดาษ เรื่องดังกล่าว กรมศุลกากรไม่ได้เปิดเผยสู่สาธารณะ แต่ด้วยข้อมูลที่เล็ดลอดออกมา ทำให้มีสื่อมวลชนบางสำนักหยิบมานำเสนอ เหตุการณ์ที่มีลักษณะเป็นการลักลอบนี้จึงได้เผยตัวสู่สาธารณะ
    .
    ในทางลึกมีข้อมูลว่า เฉพาะในรอบปีนี้ ซึ่งนับตามจำนวนเวลาก็คือประมาณ 7 เดือน มีการตรวจพบปัญหาลักษณะเดียวกันของผู้นำเข้ารายนี้มาแล้วถึง 3 ครั้ง
    .
    สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นมิติของการลักลอบ ซึ่งมักไม่มีการเปิดเผยข้อมูลออกมาอย่างชัดเจน ส่วนในมิติที่มีข้อมูลสถิติเป็นทางการ เพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศ ได้นำเสนอผ่านการแถลงข่าวร่วมกับกรรณิการ์ กิจติเวชกุล รองประธานกลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (FTA Watch) ในหัวข้อ “เมื่อขยะโลกหลั่งไหลเข้าไทย เราจะรอดพ้นจากสถานการณ์ดังกล่าวได้อย่างไร” เมื่อวันที่ 13 กันยายน ที่ผ่านมา ระบุว่า
    .
    “จากการติดตามปัญหาการส่งออกขยะในหมู่ประเทศสมาชิกของอียู (สหภาพยุโรป) ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา ได้มีการส่งขยะกลุ่มนี้เข้ามายังประเทศไทยสูงทีเดียว ประเทศไทยกลายเป็นปลายทางของการส่งออกขยะกระดาษและกระดาษแข็ง เป็นอันดับ 3 ในภูมิภาคนี้ รองจากอินโดนีเซียและเวียดนาม นอกจากนี้ไทยยังเป็นปลายทางอันดับ 4 ของขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่นำเข้าจากสหภาพยุโรป รองมาจากอินโดนีเซีย เวียดนาม และมาเลเซีย”
    .
    ตามสถิติของกรมศุลกากรที่เพ็ญโฉมค้นมานำเสนอ ไม่มีการแสดงปริมาณการนำเข้าของเสียเหล่านั้น แต่ได้แสดงเป็นมูลค่า ซึ่งในส่วนของเศษกระดาษมีมูลค่าสูงถึงระดับมากกว่า 10,000 ล้านบาทต่อปี ในขณะที่ประเภทส่วนประกอบทางไฟฟ้าของเครื่องจักรและอุปกรณ์ ที่เพ็ญโฉมบอกว่าเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์นั้น มูลค่าในแต่ละปีสูงประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท
    .
    “เราจะเห็นว่าการนำเข้าขยะกระดาษและขยะอิล็กทรอนิกส์ ซึ่งแม้ว่าประเทศไทยจะมีกฎหมายห้ามนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์แล้ว แต่ยังมีพิกัดหนึ่งที่เป็นตัวรวมของขยะอิเล็กทรอนิกส์หลายประเภทและเศษโลหะที่นำเข้ามา เศษพลาสติกบางอย่างที่ปนเข้ามาในพิกัด 8548 จะเห็นว่า ถ้าดูจากกราฟ สหรัฐอเมริกาคือประเทศที่ส่งออกขยะกลุ่มนี้มายังประเทศไทยสูงที่สุด ถ้าเทียบกับประเทศอื่นๆ”
    .
    ไม่เพียงพิกัด 8548 แต่พิกัด 4704 ที่เป็นรายการเศษกระดาษ คิดจากมูลค่าการนำเข้าสูงสุดก็มีต้นทางมาจากประเทศสหรัฐฯ เช่นเดียวกัน ส่วนลำดับรองลงมาได้แก่สหราชอาณาจักรและญี่ปุ่น ในขณะที่ประเทศลำดับรองที่ส่งออกขยะพิกัด 8548 มาไทยในมูลค่าที่สูงรองจากสหรัฐฯ ได้แก่จีนและญี่ปุ่น
    .
    นอกจากนั้น เพ็ญโฉมยังเปิดเผยข้อมูลในส่วนของขยะหรือกากของเสียอุตสาหกรรม โดยยกสถิติเกี่ยวกับเศษอะลูมิเนียมมานำเสนอด้วย
    .
    “อะลูมิเนียมดรอส ยกตัวอย่างปี 2560 - 2567 ประเทศไทยมีการนำเข้าอะลูมิเนียม ซึ่งตัวที่เป็นปัญหา ไม่ว่าจะกรณีที่พบที่วินโพรเสส นครปฐม และอีกหลายที่ เราจะเรียกว่า อะลูมิเนียมดรอส ซึ่งคือกากอะลูมิเนียม แต่เวลาแสดงพิกัดการนำเข้า จะเรียกว่าเป็นผงอะลูมีเนียม หรือเป็นเศษชิ้นส่วนอะลูมิเนียม พวกนี้สามารถนำเข้ามาได้ และมีการนำเข้าเยอะทีเดียว จากปี 2560 – 2567 เป็นปริมาณหลายล้านตัน
    .
    “อย่างการนำเข้ากาก/เศษอะลูมิเนียม ปี 67 จากมกราคม - มิถุนายน ครึ่งปี มีการนำเข้ามาถึง 335 ล้านกิโลกรัม หรืออย่างตัวผงและเกล็ดอะลูมิเนียม เพียงครึ่งปีนี้ก็นำเข้ามากว่า 580,000 กิโลกรัม แต่บางปีก็มีการนำเข้ามากกว่านั้น ซึ่งเราคิดว่า การนำเข้าผงอะลูมิเนียมจากปี 60-67 แนวโน้มมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คำถามว่า นำเข้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะอะไร อันนี้เราคิดว่าต้องย้อนมาดูนโยบายเรื่องการส่งเสริมกิจการรีไซเคิลและเศรษฐกิจหมุนเวียน”
    .
    อย่างไรก็ตาม สำหรับประเด็นมิตินโยบาย เราจะนำเสนอในตอนต่อๆ ไป
    ...
    ...
    เรียบเรียงโดย ปานรักษ์ วัฒกะวงศ์ มูลนิธิบูรณะนิเวศ

    อ่านตอนที่ 1 ไทยเป็นปลายทางขยะโลก!? (ตอน 1: ทวงถามความรับผิดชอบ กรณีนำเข้าเศษกระดาษ แต่มี “ขยะเทศบาล” ปนมาด้วย)
    https://shorturl.asia/k2SJG

    #Thaitimes
    ไทยเป็นปลายทางขยะโลก!? (ตอน 2: ข้อมูลชี้...การนำเข้าขยะพุ่งและมีมากมายหลายชนิด) . จากกรณีพบขยะเทศบาลในตู้คอนเทนเนอร์สินค้าที่บริษัท เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นผู้นำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยที่มีการสำแดงว่าเป็นเศษกระดาษ เรื่องดังกล่าว กรมศุลกากรไม่ได้เปิดเผยสู่สาธารณะ แต่ด้วยข้อมูลที่เล็ดลอดออกมา ทำให้มีสื่อมวลชนบางสำนักหยิบมานำเสนอ เหตุการณ์ที่มีลักษณะเป็นการลักลอบนี้จึงได้เผยตัวสู่สาธารณะ . ในทางลึกมีข้อมูลว่า เฉพาะในรอบปีนี้ ซึ่งนับตามจำนวนเวลาก็คือประมาณ 7 เดือน มีการตรวจพบปัญหาลักษณะเดียวกันของผู้นำเข้ารายนี้มาแล้วถึง 3 ครั้ง . สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นมิติของการลักลอบ ซึ่งมักไม่มีการเปิดเผยข้อมูลออกมาอย่างชัดเจน ส่วนในมิติที่มีข้อมูลสถิติเป็นทางการ เพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศ ได้นำเสนอผ่านการแถลงข่าวร่วมกับกรรณิการ์ กิจติเวชกุล รองประธานกลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (FTA Watch) ในหัวข้อ “เมื่อขยะโลกหลั่งไหลเข้าไทย เราจะรอดพ้นจากสถานการณ์ดังกล่าวได้อย่างไร” เมื่อวันที่ 13 กันยายน ที่ผ่านมา ระบุว่า . “จากการติดตามปัญหาการส่งออกขยะในหมู่ประเทศสมาชิกของอียู (สหภาพยุโรป) ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา ได้มีการส่งขยะกลุ่มนี้เข้ามายังประเทศไทยสูงทีเดียว ประเทศไทยกลายเป็นปลายทางของการส่งออกขยะกระดาษและกระดาษแข็ง เป็นอันดับ 3 ในภูมิภาคนี้ รองจากอินโดนีเซียและเวียดนาม นอกจากนี้ไทยยังเป็นปลายทางอันดับ 4 ของขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่นำเข้าจากสหภาพยุโรป รองมาจากอินโดนีเซีย เวียดนาม และมาเลเซีย” . ตามสถิติของกรมศุลกากรที่เพ็ญโฉมค้นมานำเสนอ ไม่มีการแสดงปริมาณการนำเข้าของเสียเหล่านั้น แต่ได้แสดงเป็นมูลค่า ซึ่งในส่วนของเศษกระดาษมีมูลค่าสูงถึงระดับมากกว่า 10,000 ล้านบาทต่อปี ในขณะที่ประเภทส่วนประกอบทางไฟฟ้าของเครื่องจักรและอุปกรณ์ ที่เพ็ญโฉมบอกว่าเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์นั้น มูลค่าในแต่ละปีสูงประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท . “เราจะเห็นว่าการนำเข้าขยะกระดาษและขยะอิล็กทรอนิกส์ ซึ่งแม้ว่าประเทศไทยจะมีกฎหมายห้ามนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์แล้ว แต่ยังมีพิกัดหนึ่งที่เป็นตัวรวมของขยะอิเล็กทรอนิกส์หลายประเภทและเศษโลหะที่นำเข้ามา เศษพลาสติกบางอย่างที่ปนเข้ามาในพิกัด 8548 จะเห็นว่า ถ้าดูจากกราฟ สหรัฐอเมริกาคือประเทศที่ส่งออกขยะกลุ่มนี้มายังประเทศไทยสูงที่สุด ถ้าเทียบกับประเทศอื่นๆ” . ไม่เพียงพิกัด 8548 แต่พิกัด 4704 ที่เป็นรายการเศษกระดาษ คิดจากมูลค่าการนำเข้าสูงสุดก็มีต้นทางมาจากประเทศสหรัฐฯ เช่นเดียวกัน ส่วนลำดับรองลงมาได้แก่สหราชอาณาจักรและญี่ปุ่น ในขณะที่ประเทศลำดับรองที่ส่งออกขยะพิกัด 8548 มาไทยในมูลค่าที่สูงรองจากสหรัฐฯ ได้แก่จีนและญี่ปุ่น . นอกจากนั้น เพ็ญโฉมยังเปิดเผยข้อมูลในส่วนของขยะหรือกากของเสียอุตสาหกรรม โดยยกสถิติเกี่ยวกับเศษอะลูมิเนียมมานำเสนอด้วย . “อะลูมิเนียมดรอส ยกตัวอย่างปี 2560 - 2567 ประเทศไทยมีการนำเข้าอะลูมิเนียม ซึ่งตัวที่เป็นปัญหา ไม่ว่าจะกรณีที่พบที่วินโพรเสส นครปฐม และอีกหลายที่ เราจะเรียกว่า อะลูมิเนียมดรอส ซึ่งคือกากอะลูมิเนียม แต่เวลาแสดงพิกัดการนำเข้า จะเรียกว่าเป็นผงอะลูมีเนียม หรือเป็นเศษชิ้นส่วนอะลูมิเนียม พวกนี้สามารถนำเข้ามาได้ และมีการนำเข้าเยอะทีเดียว จากปี 2560 – 2567 เป็นปริมาณหลายล้านตัน . “อย่างการนำเข้ากาก/เศษอะลูมิเนียม ปี 67 จากมกราคม - มิถุนายน ครึ่งปี มีการนำเข้ามาถึง 335 ล้านกิโลกรัม หรืออย่างตัวผงและเกล็ดอะลูมิเนียม เพียงครึ่งปีนี้ก็นำเข้ามากว่า 580,000 กิโลกรัม แต่บางปีก็มีการนำเข้ามากกว่านั้น ซึ่งเราคิดว่า การนำเข้าผงอะลูมิเนียมจากปี 60-67 แนวโน้มมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คำถามว่า นำเข้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะอะไร อันนี้เราคิดว่าต้องย้อนมาดูนโยบายเรื่องการส่งเสริมกิจการรีไซเคิลและเศรษฐกิจหมุนเวียน” . อย่างไรก็ตาม สำหรับประเด็นมิตินโยบาย เราจะนำเสนอในตอนต่อๆ ไป ... ... เรียบเรียงโดย ปานรักษ์ วัฒกะวงศ์ มูลนิธิบูรณะนิเวศ อ่านตอนที่ 1 ไทยเป็นปลายทางขยะโลก!? (ตอน 1: ทวงถามความรับผิดชอบ กรณีนำเข้าเศษกระดาษ แต่มี “ขยะเทศบาล” ปนมาด้วย) https://shorturl.asia/k2SJG #Thaitimes
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 946 Views 0 Reviews