• ตอน 18
    อเมริกาคิดจะทำอะไร ต้องแน่ใจว่าคุมสถานการณ์ คุมเกมได้เบ็ดเสร็จ เมื่อได้เลือกไทยแลนด์แดนสวรรค์ เป็นแหล่งประทับทรง เพื่อเอาไว้จับจ้อง เตรียมต่อกรกับจีน ถึงจะไม่เป็นงานช้างแบบสู้กับคอมมี่ ตรงไปตรงมา แต่สู้กับอาเฮียตาตี่ที่ กำลังเนื้อหอม แถมจิ๊กโก๋๋ก็ทิ้งสาวไทยไปนาน จะกลับเข้ามาก็ต้องดูดีๆ เสียเชิงอาเฮียนี่มันรับไม่ได้จริงๆ นะ
    และโปรดอย่าลืมสันดานเดิมของจิ๊กโก๋๋นักเลงนักล้วง อเมริกาไม่เคยตีตั๋วใบเดียว ไม่เคยเล่นไพ่หน้าเดียว
    จากรายงานของซีไอเอ ที่เดินสายกันให้ควักไขว้ ออกอาการว่า จิ๊กโก๋๋คิดหนัก จะเลือกใครเป็นร่างทรงดี สมัยสู้คอมมี่ จอมพลคนแปลกเป็นนายก อเมริกาก็สนับสนุน 2 นายพล เอาไว้เป็นตัวเลือกคือ นายพลเผ่า กับ นายพลสฤษดิ์ ทั้งฟูมทั้งฟัก ทั้ง 2 นายพล อยากได้อะไรก็ประเคนให้ทั้งคู่ รอดูจนแน่ใจแล้วก็เคาะโป๊ก หวยออกที่นายพลสฤษดิ์ ให้เป็นผู้นำคนต่อไปของประเทศไทยแลนด์ ภายใต้การชักใยของสหรัฐ
    คราวนี้ก็เหมือนกัน อเมริกามีตัวเลือกแยะขึ้น แต่ยากขึ้น
    มองด้านความแน่นอน สัมพันธ์เก่ามีมาต่อเนื่องกว่า 50 ปี ก็มีกลุ่มนักวิ่งผลัด แต่สมัยนี้จะไปชักใย ให้ขยับขาซ้ายย้ายขาขวา อย่างเมื่อก่อนมันไม่ได้แล้วนะ ก็ดันไปตั้ง Doctrine ของตัวเองสนับสนุนประชาธิปไตยให้บานแฉ่ง แล้วถ้าเอาพี่ทหารนักวิ่งผลัดมา ป.ว. เป็นร่างทรงน่ะ ชาวบ้านเขามินินทาเอาหรือจ๊ะ ว่า ปากว่าตาขยิบ
    จะเป็นตัวเลือกหรือเปล่ายังไม่รู้ แต่เพื่อให่แน่ใจว่านักวิ่งพลัดไม่นอกใจ ปลายปี พ.ศ. 2555/ค.ศ.2012 พี่เบิ้มก็ส่งนายลีออน เพนเนตต้า (Leon Pennetta) รมว กลาโหม มานั่งจับเข่า คุณพี่สุกำพล รมว กลาโหมของไทยตอนนั้น
    อย่าลืมนะ สมันน้อย เราอุ้มเจ้าลงเปลเห่กล่อมมากว่า 50 ปีแล้ว สมันน้อยจะไปเห็นคนอื่นดีกว่าเราได้ยังไง ว่าแล้วจากจับเข่า ก็เปลี่ยนเป็นจับมือสมันน้อย แปะโป้งทำสัญญา ซึ่งแปลงเขียนเป็นแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วม (แหม! อีลูกช่างตะแบง กลัวจะเป็นหนังสือสัญญา ตามมาตรา ม190 ของรัฐธรรมนูญไง) ว่า ด้วยการเป็นหุ้นส่วนร่วมด้านความมั่นคงในศตวรรษที่ 21 ฮั่นแน่ โจ๋งครึ่มจริงๆ
    ไอ้นี่ มันเป็นการส่งสารข้าม(หัว) ไปถึงอาเฮียนี่หว่า ว่านี่เด็กของข้า ลื้ออย่ามาแหยม!
    หลังจากกำชับนักวิ่งพลัดไม่ให้แตกแถวแล้ว คราวนี้ก็ต้องมาดูนักการเมือง ที่จะใช้บริการ ซึ่งตอนนี้ก็มีอยู่ 2 พรรคใหญ่ ระหว่างพรรคแมลงสาบกับพรรคของเหลี่ยมร้าย เอาไงดีล่ะ จิ๊กโก๋๋คิดไม่ตก
    พรรคแมลงสาบนี่ จิ๊กโก๋๋รู้จักดี ตั้งกะสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ปู่เสนีย์เป็นหัวหน้าเสรีไทยฝ่ายสหรัฐ พรรคนี้เคยคิดอย่างไร ทำอย่างไร ตั้งแต่สมัยสงครามโลก เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น สมเป็นพรรคแมลงสาปจริง ๆ หัวสมองอยู่ในกระป๋องสี่เหลี่ยม แก้ไม่หาย อุตส่าห์ปั๊ดตะนา เปลี่ยนหัวหน้าพรรคมาจนเดี๋ยวนี้ได้ good boyหน้าหล่อสายอังกฤษ
    แต่มันก็คิดเป็น ทำเป็น แบบจวนสอบได้ ซะเกือบทุกเรื่อง ขนาดแม่ยกยังลุ้นซะจนจะ ล.ด หลายตลบแล้วจิ๊กโก๋๋จะรับไหวเหร๊อ แต่มันก็ว่าง่ายดีนะ ดูตอนกู้เงิน IMF แล้วกัน 5 5 5 พวกไอรวยมาแยะนะ อ้ายน้อย
    ไม่เอาแมลงสาบแล้วจะเอาใคร
    ก็พรรคของเหลี่ยมร้ายไง เหลี่ยมร้ายไม่สนใจอาณาเขต เหลี่ยมร้ายไม่สนใจพรมแดน เหลี่ยมร้ายไม่สนใจขนบธรรมเนียมประเพณี เหลี่ยมร้ายไม่รู้จักความดีงาม เหลี่ยมร้ายไม่รู้จักคุณค่าของ สถาบัน เหลี่ยมร้ายรู้จักแต่อำนาจ การโกหก การโกงทุกรูปแบบ และทุน ทุน ทุน ไม่ว่าจะเป็น ทุนนิยมเสรี ทุนในชาติ ทุนข้ามชาติ ประชานิยม ฯลฯ ล้วนเป็นเรื่องที่เหลี่ยมรัก เหลี่ยมโปรดทั้งนั้น อืม! น่าสนใจ ความคิดคล้ายๆ กับผู้ใดหนอ
    แถม เหลี่ยมก็เคยปลาบปลื้ม จนลืมตน วิ่งไปเชิญ วิ่งไปซบคุณพ่อจิ๊กโก๋๋ มาหลายหน คุณจิ๊กโก๋๋ตัวลูก จอมกร่าง ยิ่งแล้วใหญ่ เหลี่ยมนับเป็นเพื่อนเลยนะ ลองไปหา cable ทูตอเมริกา (ที่วิกิลีกส์ Wikileaks ขวัญใจผม อภินันทนาการแก่ชาวโลก)
    มันรายงานออกมาจ้อยๆ ว่า เหลี่ยมร้าย ปลื้มจิ๊กโก๋๋ขนาดไหน โดนดุ โดนเตือนก็ไปฟ้องคุณพ่ออเมริกันทุกครั้ง แหม ตัวอยู่ไทย แต่ใจเป็นของคุณพ่อจิ๊กโก๋๋หมดแล้ว แบบนี้ไม่เลือกเป็นร่างทรงก็ใจจืดไปหน่อยนะ…
    แต่จิ๊กโก๋๋ไม่โง่ จะใช้คนอย่างเหลี่ยมร้าย มันต้องป้อนด้วย อำนาจและเงินไปตลอด แล้วมันเกิดทำใหญ่คับเกินฟ้า ชาวประชารับไม่ได้ (ก็กำลังชุมนุมขับไล่โค่นล้มอยู่นี่ไง) จิ๊กโก๋๋ จะควบคุมไหวหรือ เอ๊ะ หรือจะเข้าทาง!
    ดูประธานาธิบดีมากอส พระเจ้าชาห์แห่งอิหร่าน มูบารักของอียิปต์ ฯลฯ เป็นตัวอย่างแล้วกัน เด็กสร้างของ จิ๊กโก๋๋ทั้งนั้น ถึงจุดหนึ่งหมดประโยชน์หรือคุมไม่ได้ จิ๊กโก๋๋ก็จัดการเก็บฉาก ให้กลับบ้านเก่ากันแทบไม่ทัน บางคนแทบไม่มีเวลาแต่งศพให้สวย
    ถ้าเหลี่ยมร้ายบังเอิญโชคดี ได้อ่านนิทานเรื่องนี้ ก็อ่านตอนนี้หลายๆ เที่ยวหน่อยนะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนกัน ยังไงก็คนเคยเห็นหน้า (ทางจอทีวี ฮา) มาหลายหน แต่หนหลังๆ นี้ บอกกันไม่อ้อมค้อมนะ ดูทุเรศ จริงๆ
    บอกได้เลยว่า การประทับทรงไทยแลนด์ของจิ๊กโก๋๋ครั้งนี้ ไม่ง่ายสะดวกโยธินเหมือนสมัยสงคราม เวียต นาม คราวนั้นบ้านเรายังไม่มีกีฬาสี และสถานการณ์ก็สร้างไว้ชัดเจน ถูกเขาขู่ว่า ถ้าไม่สู้คอมมี่ พวกยูก็อาจไม่มีแผ่น ดินเหลือให้นั่งชนไก่
    แต่ตอนนี้กะตอนนู้น มันไม่เหมือนกันนะ คราวนี้ถ้าขู่ว่าจะให้เลือก ระหว่างจิ๊กโก๋๋ผมทอง กับอาเฮียตาตี่ มันก็ไม่ง่ายนะพี่เบิ้ม ระวังมันจะพลิกล็อก
    คนไทยน่ะ นับดีๆ เผลอๆ มีกว่าครึ่งประเทศ ที่มีเชื้อสายจีนปนอยู่ ถึงแม้เขาจะไปฟอกผิวขาวทำตาโต แต่เชื้อไขข้างใน มันก็ยังเชื้อสายจีนปน ถึงเวลาตรุษจีน ก็เอาเป็ดเอาไก่ไปไหว้เจ้าปิดถนนฉลองกัน แล้วใจคอยูจะให้เขาตัดขาดจากอาม้า อาก๋ง เขาง่าย ๆ หรือ จิ๊กโก๋๋คิดให้ดีๆ
    คราวนี้ถ้าจิ๊กโก๋๋คิดว่า ซอยนี้ต้องเป็นของกูคนเดียว ไม่ให้ใครเข้ามายุ่งด้วย บอกได้คำเดียวว่าเหนื่อย เหนื่อยทั้งจิ๊กโก๋๋ และเหนื่อยทั้งสมันน้อย อเมริกาเหนื่อยอย่างไร สมัยต่อสู้กับระบอบคอมมิวนิสต์ มันขู่ให้เรากลัวว่า ระบอบคอมมิวนิสต์เป็นภัยต่อประชาธิปไตย ประชาชนไม่มีสิทธิเป็นเจ้าของทรัพย์สิน ทุกอย่างตกเป็นของรัฐ แค่นี้นายทุนเศรษฐีบ้านเราก็หน้าตก หูตูบกันหมดแล้ว ทุกคนต้องทำงานให้คอมมูน เพื่อความเท่าเทียมกัน ไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะ คนไทยเคยอยู่สบายๆ เช้าอยากลุกก็ลุก ไม่อยากก็นอนจนตะวันตรงท้ายทอย แล้วค่อยขยับก้นย้ายออกมา ก็ไม่มีใครว่า แล้วถ้าเป็นคอมมูน มันจะมาทำท่านอนบิดขี้เกียจอย่างนี้ได้เหรอ
    ขู่แบบนี้เข้าไปทุกวัน พออเมริกาบอกว่า ไอจะกำจัดระบอบนี้ให้ออกไปจากภูมิภาคนี้ ชาวเราก็มองเขาเหมือนเทวดามาโปรด
    แต่ตอนนี้ไม่มีผีคอมมี่ให้สร้างแล้ว ของจริงที่ไทยแลนด์ควรมองคือ อาเฮียตาตี่ ไม่ได้เดินย้ายพุงมาคนเดียว แต่เกี่ยวแขนมากับเพื่อนอีกหลายพันล้านคน ในนามของ BRICS จำได้ไหม บราซิล (Brazil) รัสเซีย (Russia) อินเดีย (India) จีน (China) และแอฟริกาใต้ (South Africa) รวมทั้งหมด เกือบ สามพันล้านคน ตลาดใหญ่นะ
    แถมตอนนี้อาเฮียฟิตจัด ตั้งกลุ่มเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Cooperation Organization) หรือ SCO กับพี่ใหญ่รัสเซียและประเทศแถบรัสเซีย ที่จีนมีอาณาเขตติดต่อกันอยู่ แปลว่าถ้าอเมริกาจะมองว่าจีนเป็นศัตรู ต้องรวมเพื่อนของศัตรู เข้าไปด้วย เข้าใจไหม
    แต่ของจริงอเมริกา มองจีนอย่างไร มีระบุไว้ในเอกสาร The National Strategy Forum Review ปี ค.ศ.2011 ว่า สัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐ ในศตวรรษที่ 21 นับว่าเป็นสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่สำคัญที่สุดในโลก ส่วนหนึ่งสืบเนื่องมาจากการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของจีน และการเสื่อมถอยจากการเป็นผู้นำสุดยอด ของสหรัฐในต่างประเทศ ประกอบกับการที่จีน กำลังพยายามขยายบทบาทในเอเชียแปซิฟิก โดยใช่ว่าจะเห็นพ้องกับนโยบายของสหรัฐเสมอไป ที่สำคัญดูเหมือนว่ากระแสความไม่ไว้ใจและไม่เข้าใจระหว่างประเทศทั้ง 2 จะสูงขึ้นเป็นลำดับอ่านแล้วเป็นงง
    พูดภาษาจิ๊กโก๋๋ ให้เข้าใจง่ายๆดีกว่า สรุปว่า ไอ้จิ๊กโก๋๋มันแสดงอาการหวงรางหญ้า หวงกระดูก

    คนเล่านิทาน
     ตอน 18 อเมริกาคิดจะทำอะไร ต้องแน่ใจว่าคุมสถานการณ์ คุมเกมได้เบ็ดเสร็จ เมื่อได้เลือกไทยแลนด์แดนสวรรค์ เป็นแหล่งประทับทรง เพื่อเอาไว้จับจ้อง เตรียมต่อกรกับจีน ถึงจะไม่เป็นงานช้างแบบสู้กับคอมมี่ ตรงไปตรงมา แต่สู้กับอาเฮียตาตี่ที่ กำลังเนื้อหอม แถมจิ๊กโก๋๋ก็ทิ้งสาวไทยไปนาน จะกลับเข้ามาก็ต้องดูดีๆ เสียเชิงอาเฮียนี่มันรับไม่ได้จริงๆ นะ และโปรดอย่าลืมสันดานเดิมของจิ๊กโก๋๋นักเลงนักล้วง อเมริกาไม่เคยตีตั๋วใบเดียว ไม่เคยเล่นไพ่หน้าเดียว จากรายงานของซีไอเอ ที่เดินสายกันให้ควักไขว้ ออกอาการว่า จิ๊กโก๋๋คิดหนัก จะเลือกใครเป็นร่างทรงดี สมัยสู้คอมมี่ จอมพลคนแปลกเป็นนายก อเมริกาก็สนับสนุน 2 นายพล เอาไว้เป็นตัวเลือกคือ นายพลเผ่า กับ นายพลสฤษดิ์ ทั้งฟูมทั้งฟัก ทั้ง 2 นายพล อยากได้อะไรก็ประเคนให้ทั้งคู่ รอดูจนแน่ใจแล้วก็เคาะโป๊ก หวยออกที่นายพลสฤษดิ์ ให้เป็นผู้นำคนต่อไปของประเทศไทยแลนด์ ภายใต้การชักใยของสหรัฐ คราวนี้ก็เหมือนกัน อเมริกามีตัวเลือกแยะขึ้น แต่ยากขึ้น มองด้านความแน่นอน สัมพันธ์เก่ามีมาต่อเนื่องกว่า 50 ปี ก็มีกลุ่มนักวิ่งผลัด แต่สมัยนี้จะไปชักใย ให้ขยับขาซ้ายย้ายขาขวา อย่างเมื่อก่อนมันไม่ได้แล้วนะ ก็ดันไปตั้ง Doctrine ของตัวเองสนับสนุนประชาธิปไตยให้บานแฉ่ง แล้วถ้าเอาพี่ทหารนักวิ่งผลัดมา ป.ว. เป็นร่างทรงน่ะ ชาวบ้านเขามินินทาเอาหรือจ๊ะ ว่า ปากว่าตาขยิบ จะเป็นตัวเลือกหรือเปล่ายังไม่รู้ แต่เพื่อให่แน่ใจว่านักวิ่งพลัดไม่นอกใจ ปลายปี พ.ศ. 2555/ค.ศ.2012 พี่เบิ้มก็ส่งนายลีออน เพนเนตต้า (Leon Pennetta) รมว กลาโหม มานั่งจับเข่า คุณพี่สุกำพล รมว กลาโหมของไทยตอนนั้น อย่าลืมนะ สมันน้อย เราอุ้มเจ้าลงเปลเห่กล่อมมากว่า 50 ปีแล้ว สมันน้อยจะไปเห็นคนอื่นดีกว่าเราได้ยังไง ว่าแล้วจากจับเข่า ก็เปลี่ยนเป็นจับมือสมันน้อย แปะโป้งทำสัญญา ซึ่งแปลงเขียนเป็นแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วม (แหม! อีลูกช่างตะแบง กลัวจะเป็นหนังสือสัญญา ตามมาตรา ม190 ของรัฐธรรมนูญไง) ว่า ด้วยการเป็นหุ้นส่วนร่วมด้านความมั่นคงในศตวรรษที่ 21 ฮั่นแน่ โจ๋งครึ่มจริงๆ ไอ้นี่ มันเป็นการส่งสารข้าม(หัว) ไปถึงอาเฮียนี่หว่า ว่านี่เด็กของข้า ลื้ออย่ามาแหยม! หลังจากกำชับนักวิ่งพลัดไม่ให้แตกแถวแล้ว คราวนี้ก็ต้องมาดูนักการเมือง ที่จะใช้บริการ ซึ่งตอนนี้ก็มีอยู่ 2 พรรคใหญ่ ระหว่างพรรคแมลงสาบกับพรรคของเหลี่ยมร้าย เอาไงดีล่ะ จิ๊กโก๋๋คิดไม่ตก พรรคแมลงสาบนี่ จิ๊กโก๋๋รู้จักดี ตั้งกะสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ปู่เสนีย์เป็นหัวหน้าเสรีไทยฝ่ายสหรัฐ พรรคนี้เคยคิดอย่างไร ทำอย่างไร ตั้งแต่สมัยสงครามโลก เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น สมเป็นพรรคแมลงสาปจริง ๆ หัวสมองอยู่ในกระป๋องสี่เหลี่ยม แก้ไม่หาย อุตส่าห์ปั๊ดตะนา เปลี่ยนหัวหน้าพรรคมาจนเดี๋ยวนี้ได้ good boyหน้าหล่อสายอังกฤษ แต่มันก็คิดเป็น ทำเป็น แบบจวนสอบได้ ซะเกือบทุกเรื่อง ขนาดแม่ยกยังลุ้นซะจนจะ ล.ด หลายตลบแล้วจิ๊กโก๋๋จะรับไหวเหร๊อ แต่มันก็ว่าง่ายดีนะ ดูตอนกู้เงิน IMF แล้วกัน 5 5 5 พวกไอรวยมาแยะนะ อ้ายน้อย ไม่เอาแมลงสาบแล้วจะเอาใคร ก็พรรคของเหลี่ยมร้ายไง เหลี่ยมร้ายไม่สนใจอาณาเขต เหลี่ยมร้ายไม่สนใจพรมแดน เหลี่ยมร้ายไม่สนใจขนบธรรมเนียมประเพณี เหลี่ยมร้ายไม่รู้จักความดีงาม เหลี่ยมร้ายไม่รู้จักคุณค่าของ สถาบัน เหลี่ยมร้ายรู้จักแต่อำนาจ การโกหก การโกงทุกรูปแบบ และทุน ทุน ทุน ไม่ว่าจะเป็น ทุนนิยมเสรี ทุนในชาติ ทุนข้ามชาติ ประชานิยม ฯลฯ ล้วนเป็นเรื่องที่เหลี่ยมรัก เหลี่ยมโปรดทั้งนั้น อืม! น่าสนใจ ความคิดคล้ายๆ กับผู้ใดหนอ แถม เหลี่ยมก็เคยปลาบปลื้ม จนลืมตน วิ่งไปเชิญ วิ่งไปซบคุณพ่อจิ๊กโก๋๋ มาหลายหน คุณจิ๊กโก๋๋ตัวลูก จอมกร่าง ยิ่งแล้วใหญ่ เหลี่ยมนับเป็นเพื่อนเลยนะ ลองไปหา cable ทูตอเมริกา (ที่วิกิลีกส์ Wikileaks ขวัญใจผม อภินันทนาการแก่ชาวโลก) มันรายงานออกมาจ้อยๆ ว่า เหลี่ยมร้าย ปลื้มจิ๊กโก๋๋ขนาดไหน โดนดุ โดนเตือนก็ไปฟ้องคุณพ่ออเมริกันทุกครั้ง แหม ตัวอยู่ไทย แต่ใจเป็นของคุณพ่อจิ๊กโก๋๋หมดแล้ว แบบนี้ไม่เลือกเป็นร่างทรงก็ใจจืดไปหน่อยนะ… แต่จิ๊กโก๋๋ไม่โง่ จะใช้คนอย่างเหลี่ยมร้าย มันต้องป้อนด้วย อำนาจและเงินไปตลอด แล้วมันเกิดทำใหญ่คับเกินฟ้า ชาวประชารับไม่ได้ (ก็กำลังชุมนุมขับไล่โค่นล้มอยู่นี่ไง) จิ๊กโก๋๋ จะควบคุมไหวหรือ เอ๊ะ หรือจะเข้าทาง! ดูประธานาธิบดีมากอส พระเจ้าชาห์แห่งอิหร่าน มูบารักของอียิปต์ ฯลฯ เป็นตัวอย่างแล้วกัน เด็กสร้างของ จิ๊กโก๋๋ทั้งนั้น ถึงจุดหนึ่งหมดประโยชน์หรือคุมไม่ได้ จิ๊กโก๋๋ก็จัดการเก็บฉาก ให้กลับบ้านเก่ากันแทบไม่ทัน บางคนแทบไม่มีเวลาแต่งศพให้สวย ถ้าเหลี่ยมร้ายบังเอิญโชคดี ได้อ่านนิทานเรื่องนี้ ก็อ่านตอนนี้หลายๆ เที่ยวหน่อยนะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนกัน ยังไงก็คนเคยเห็นหน้า (ทางจอทีวี ฮา) มาหลายหน แต่หนหลังๆ นี้ บอกกันไม่อ้อมค้อมนะ ดูทุเรศ จริงๆ บอกได้เลยว่า การประทับทรงไทยแลนด์ของจิ๊กโก๋๋ครั้งนี้ ไม่ง่ายสะดวกโยธินเหมือนสมัยสงคราม เวียต นาม คราวนั้นบ้านเรายังไม่มีกีฬาสี และสถานการณ์ก็สร้างไว้ชัดเจน ถูกเขาขู่ว่า ถ้าไม่สู้คอมมี่ พวกยูก็อาจไม่มีแผ่น ดินเหลือให้นั่งชนไก่ แต่ตอนนี้กะตอนนู้น มันไม่เหมือนกันนะ คราวนี้ถ้าขู่ว่าจะให้เลือก ระหว่างจิ๊กโก๋๋ผมทอง กับอาเฮียตาตี่ มันก็ไม่ง่ายนะพี่เบิ้ม ระวังมันจะพลิกล็อก คนไทยน่ะ นับดีๆ เผลอๆ มีกว่าครึ่งประเทศ ที่มีเชื้อสายจีนปนอยู่ ถึงแม้เขาจะไปฟอกผิวขาวทำตาโต แต่เชื้อไขข้างใน มันก็ยังเชื้อสายจีนปน ถึงเวลาตรุษจีน ก็เอาเป็ดเอาไก่ไปไหว้เจ้าปิดถนนฉลองกัน แล้วใจคอยูจะให้เขาตัดขาดจากอาม้า อาก๋ง เขาง่าย ๆ หรือ จิ๊กโก๋๋คิดให้ดีๆ คราวนี้ถ้าจิ๊กโก๋๋คิดว่า ซอยนี้ต้องเป็นของกูคนเดียว ไม่ให้ใครเข้ามายุ่งด้วย บอกได้คำเดียวว่าเหนื่อย เหนื่อยทั้งจิ๊กโก๋๋ และเหนื่อยทั้งสมันน้อย อเมริกาเหนื่อยอย่างไร สมัยต่อสู้กับระบอบคอมมิวนิสต์ มันขู่ให้เรากลัวว่า ระบอบคอมมิวนิสต์เป็นภัยต่อประชาธิปไตย ประชาชนไม่มีสิทธิเป็นเจ้าของทรัพย์สิน ทุกอย่างตกเป็นของรัฐ แค่นี้นายทุนเศรษฐีบ้านเราก็หน้าตก หูตูบกันหมดแล้ว ทุกคนต้องทำงานให้คอมมูน เพื่อความเท่าเทียมกัน ไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะ คนไทยเคยอยู่สบายๆ เช้าอยากลุกก็ลุก ไม่อยากก็นอนจนตะวันตรงท้ายทอย แล้วค่อยขยับก้นย้ายออกมา ก็ไม่มีใครว่า แล้วถ้าเป็นคอมมูน มันจะมาทำท่านอนบิดขี้เกียจอย่างนี้ได้เหรอ ขู่แบบนี้เข้าไปทุกวัน พออเมริกาบอกว่า ไอจะกำจัดระบอบนี้ให้ออกไปจากภูมิภาคนี้ ชาวเราก็มองเขาเหมือนเทวดามาโปรด แต่ตอนนี้ไม่มีผีคอมมี่ให้สร้างแล้ว ของจริงที่ไทยแลนด์ควรมองคือ อาเฮียตาตี่ ไม่ได้เดินย้ายพุงมาคนเดียว แต่เกี่ยวแขนมากับเพื่อนอีกหลายพันล้านคน ในนามของ BRICS จำได้ไหม บราซิล (Brazil) รัสเซีย (Russia) อินเดีย (India) จีน (China) และแอฟริกาใต้ (South Africa) รวมทั้งหมด เกือบ สามพันล้านคน ตลาดใหญ่นะ แถมตอนนี้อาเฮียฟิตจัด ตั้งกลุ่มเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Cooperation Organization) หรือ SCO กับพี่ใหญ่รัสเซียและประเทศแถบรัสเซีย ที่จีนมีอาณาเขตติดต่อกันอยู่ แปลว่าถ้าอเมริกาจะมองว่าจีนเป็นศัตรู ต้องรวมเพื่อนของศัตรู เข้าไปด้วย เข้าใจไหม แต่ของจริงอเมริกา มองจีนอย่างไร มีระบุไว้ในเอกสาร The National Strategy Forum Review ปี ค.ศ.2011 ว่า สัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐ ในศตวรรษที่ 21 นับว่าเป็นสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่สำคัญที่สุดในโลก ส่วนหนึ่งสืบเนื่องมาจากการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของจีน และการเสื่อมถอยจากการเป็นผู้นำสุดยอด ของสหรัฐในต่างประเทศ ประกอบกับการที่จีน กำลังพยายามขยายบทบาทในเอเชียแปซิฟิก โดยใช่ว่าจะเห็นพ้องกับนโยบายของสหรัฐเสมอไป ที่สำคัญดูเหมือนว่ากระแสความไม่ไว้ใจและไม่เข้าใจระหว่างประเทศทั้ง 2 จะสูงขึ้นเป็นลำดับอ่านแล้วเป็นงง พูดภาษาจิ๊กโก๋๋ ให้เข้าใจง่ายๆดีกว่า สรุปว่า ไอ้จิ๊กโก๋๋มันแสดงอาการหวงรางหญ้า หวงกระดูก คนเล่านิทาน
    1 Comments 0 Shares 452 Views 0 Reviews
  • #มะลิฉัตรบัว ช่วงนี้ จะมีดอกไม้หอมๆ ถวายพระ ตี้จู้ และอาป๊า อาม๊า อากง อาโผว ได้ตลอดทั้งสัปดาห์

    #กาแฟยามเช้าหอมกรุ่นอยู่เสมอ
    #มะลิฉัตรบัว ช่วงนี้ จะมีดอกไม้หอมๆ ถวายพระ ตี้จู้ และอาป๊า อาม๊า อากง อาโผว ได้ตลอดทั้งสัปดาห์ #กาแฟยามเช้าหอมกรุ่นอยู่เสมอ
    0 Comments 0 Shares 307 Views 0 Reviews
  • ร้านโจ๊กท้ายบ้าน(เจ้าเก่า) ควบคุมการผลิตโดยอาม่า #สมุทรปราการ #อร่อยบอกต่อ #ร้านดีบอกต่อ #อร่อย #หิว #กิน #พาชิม #ชวนชิม #กินเก่ง #กินอะไรดี #food #thaifood #thailand #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    ร้านโจ๊กท้ายบ้าน(เจ้าเก่า) ควบคุมการผลิตโดยอาม่า🤣 #สมุทรปราการ #อร่อยบอกต่อ #ร้านดีบอกต่อ #อร่อย #หิว #กิน #พาชิม #ชวนชิม #กินเก่ง #กินอะไรดี #food #thaifood #thailand #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    0 Comments 0 Shares 821 Views 9 0 Reviews
  • เมื่อวาน ครบรอบอีกปีในการจากลา ทั้งอาม่า อาโผ่ รู้ว่าหลานไม่ชอบยุ่งยาก เสียเดือนเดียวกัน ต่างกันแค่วันที่และปีพ.ศ.

    #บันทึกในความทรงจำ
    เมื่อวาน ครบรอบอีกปีในการจากลา ทั้งอาม่า อาโผ่ รู้ว่าหลานไม่ชอบยุ่งยาก เสียเดือนเดียวกัน ต่างกันแค่วันที่และปีพ.ศ. #บันทึกในความทรงจำ
    0 Comments 0 Shares 415 Views 0 Reviews
  • เที่ยว #มาเก๊า โคตรฟิน 3วัน 2คืน
    ทัวร์ไม่ลงร้าน

    🗓 จำนวนวัน 3 วัน 2 คืน
    ✈ NX-แอร์มาเก๊า
    พักโรงแรม

    โบสถ์เซนต์พอล
    ศาลเจ้านาจา
    เซนาโด้ สแคว์
    ย่าน COTAI
    วัดเจ้าแม่กวนอิม
    เจ้าแม่กวนอิมริมทะเล
    วัดอาม่า

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21ปี ">https://eTravelWay.com
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire
    https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    : 021166395

    #ทัวร์มาเก๊า #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    เที่ยว #มาเก๊า โคตรฟิน 3วัน 2คืน 🥰🔥 ทัวร์ไม่ลงร้าน🤑 🗓 จำนวนวัน 3 วัน 2 คืน ✈ NX-แอร์มาเก๊า 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐⭐ 📍 โบสถ์เซนต์พอล 📍 ศาลเจ้านาจา 📍 เซนาโด้ สแคว์ 📍 ย่าน COTAI 📍 วัดเจ้าแม่กวนอิม 📍 เจ้าแม่กวนอิมริมทะเล 📍 วัดอาม่า รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์มาเก๊า #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 Comments 0 Shares 752 Views 19 0 Reviews
  • สมัยที่ผมยังเด็ก...

    หลายวันมานี้
    ความเย็นของอากาศยามเช้าเริ่มหายไป
    เป็นสัญญานว่าฤดูหนาวกำลังจากไป

    อากาศยามเช้าเริ่มร้อนมากขึ้น และมันคงจะทวีความร้อนแรง มากขึ้นไป

    ฤดูร้อน....เดินทางมาถึงแล้ว...

    ....................

    ในสมัยที่ผมยังเด็กนั้น
    ในต้นฤดูร้อนแบบนี้

    ตลิ่งริมแม่นำ้โขง ที่แม่บ้านเคยลงไปปลูกหอม กระเทียม คะน้า ก็เริ่มจะทิ้งร้าง อาจจะมีก็เพียง ต้นมะเขือที่เจริญเติบโตมาจาก แม่บ้านมักจะโยน มะเขือเน่าๆ ออกไปทางหน้าต่างครัว พอได้นำ้ได้แดด ก็เติบโต ออกผลให้ได้พอเก็บกิน

    แปลงปลูกผักคงเหลือแต่ต้นข้าวโพด ที่หักฝักแล้ว ยืนต้นตาย
    สุมทุมพุ่มไม้ วัชพืชต่างๆ ต่างแย่งขึ้นกัน จนสูงท่วมหัว

    บ่อยครั้ง ที่ผมมักจะไปนั่งเล่น ดูนก ดูไม้ไปเรื่อย ผมสังเกตเห็นนกกระจอกบ้าน ตัวเล็กๆ มันมักจะมาส่งทะเลาะกัน เสียงดัง โวยวาย แย่งเศษเมล็ดข้าวโพดที่แห้งคาต้น...

    ผมเกิดความคิดแว่บหนึ่งขึ้นมาในหัว

    ผมอยากจะจับนกพวกนี้มาเลี้ยงไว้ที่บ้าน...

    ผมเริ่มคิดวิธีการที่จะจับนกเหล่านั้น
    ผมคิดอยู่หลายวิธี และหลายวัน จนผมได้วิธีการที่คิดว่า จับนกได้แน่นอน....

    ผมเห็นพื้นที่ว่าง ข้างๆ บาร์ปริ้นซ์ (บาร์ปริ๊นซ์ ปัจจุบันคือ ร้านสุขโขสโมสร) จะมีกองอิฐแดง ที่มีคนทิ้งไว้หลายก้อน

    อิฐแดงสมัยก่อนนั้น ก้อนจะมีขนาดใหญ่กว่าอิฐแดงปัจจุบันมากนัก เรียกว่าแต่ละก้อน ความยาวเกือบๆ ฟุตเลยทีเดียว ทั้งหนาทั้งหนัก

    ผมสังเกตดูว่าอิฐแดงนี้ไม่น่าจะมีเจ้าของ เพราะมันถูกทิ้งไว้นานแล้ว คิดได้ดังนั้น ผมก็เริ่มทะยอย ขนอิฐแดง 4-5 ก้อน มาเก็บไว้ "บ้านผี" ข้างบ้านผม

    "บ้านผี" ที่ว่านี้ อยู่ติดกับบาร์ปริ้นซ์ ด้านทิศใต้ ซึ่งผนังด้านหนึ่งของบ้านผีนี้ ติดกับบ้านของผม

    ที่ผมเรียกบ้านผี เพราะว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านร้าง ผมกับพี่น้องมักจะเอาตาแนบกับรอยแตก บนผนังไม้ เพื่อดูว่าในบ้านมีอะไร แต่ก็ไม่มีอะไร เรียกกันไปตามจินตนาการแห่งวัยเด็ก...

    ผมขนมากองหน้าบ้านผี จนหาเวลาเหมาะๆ ช่วงที่อาม่า แม่ แม่บ้าน ไม่ทันสังเกต ผมเริ่มทะยอยขนอิฐแดงนี้ ลงไปชั้นล่างของบ้าน คือแถวๆครัว ตรงห้องเก็บเครื่องมือและผลผลิตทางการเกษตร

    บ้านของผมนั้น จะมีประตูแนวราบ ที่เปิดขึ้นเพื้อลงไปสู่ตลิ่ง ด้านล่าง ผมทะยอยขนก้อนอิฐลงไปที่แปลงผักทิ้งร้าง

    ผมเลือกเอาชัยภูมิเหมาะๆ สำหรับตั้ง "กับดักนกกระจอกบ้าน" ของผม

    หลายๆวันที่ผมเฝ้าดูพฤติกรรมของนกว่าจะลงมาจิกกินเศษข้าวโพด ตรงไหน บริเวณไหนที่นกลงมากที่สุด ผมจะเริ่มตรงนั้น...

    ผมเริ่มใช้อิฐแดง วางสันด้านยาวไปบนพื้นดิน โดยเรียงเหมือนคอกสี่เหลี่ยมเล็กๆ

    ด้านหนึ่งของด้านสี่เหลี่ยมนี้ ผมใช้อิฐแดงอีกก้อนวางพาดให้เป็นทรงหมาแหงน และแน่นอน ผมได้เตรียมไ้่ม้ไผ่ ที่เหลาแบนๆ ที่ใช้สานเพื่อทำภาชนะบรรจุถ่านไม้ ที่แม่ผม พาเรียกว่า "กระทอถ่าน" ลงมาด้วย
    ผมใช้ไม่ไผ่นี้เป็นตัวคำ้อิฐก้อนนี้ไว้

    ผมกลับขึ้นไปบนบ้านอย่างเงียบๆ แล้วกลับลงมาด้วยของบางอย่างในกระเป๋ากางเกง

    ผมเอากาวลาเท็กซ์ ลงมา พร้อมกับข้าวสาร1กำมือน้อยๆ

    ผมใช้กาวลาเท็กซ์ ทาที่ไม้ไผ่แบนๆด้านที่เปิดออกไปหานก แล้วผมเอาข้าวสาร มาโรยบนไม้ไผ่

    ไม่นาน ข้าวสาร จำนวนหนึ่งก็ติดบนไม้ไผ่
    ในความคิดตอนนั้น...

    ถ้านกลงมาหาของกิน พอมันเห็นข้าวสารที่ติดบนไม้ไผ่ มันจะต้องจิกแต่ข้าวสารนั้นถูกติดกาวไว้ มันต้องออกแรงจิก พอมันจิกแรงๆเข้า ไม้ไผ่ที่คำ้อิฐก็จะล้ม อิฐก็จะลงมาปิดคอกที่ผมสร้างไว้

    ผมตระเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อย ในช่วงสายของวันนั้น

    บ่ายวันนั้นทั้งวัน ผมแทบไม่ทำอะไรเลย นอกจากลงไปเฝ้าดูห่างๆว่าอิฐก้อนนั้นมันปิดลงมาหรือยัง ....?

    ผมเฝ้าอยู่ จนเย็น ก็ต้องขึ้นบ้าน เพราะอาม่า ตามตัวแล้ว
    ผมอาบนำ้ทานข้าวเย็นด้วยใจที่พะวงไปถึงกับดักผม ตลอดเวลา

    จวบจนความมืดมาเยือน...
    คืนนั้น ผมหลับไปด้วยหัวใจที่กระวนกระวายที่สุด..

    ...............

    ผมตื่นแต่เช้าก่อนฟ้าสาง บรรยากาศรอบตัวยังเต็มไปด้วยความมืด
    นอนรอเวลาฟ้าสว่างด้วยใจจดจ่อ...
    จนฟ้าสว่าง....

    ผมแอบลงไปส่องดูตรงกับดักของผม...

    อิฐก้อนบน ถูกปิดลงมาแล้ว....!!!!!

    ทั้งดีใจระคนตื่นเต้น ว่าจะมีนกกี่ตัวในนั้น

    ผมรอจน กินข้าวเช้าแล้ว ซึ่งปกติ ผมจะออกไปวิ่งเล่น อาม่าก็ไม่ได้สนใจอะไร

    ผมแอบลงไปที่วางกับดัก พร้อมกับ ตะกร้าพลาสติกมีตาถี่และฝาปิด นัยว่าจะได้เอานกใส่ตะกร้านี้ ขึ้นบ้าน

    ผมค่อยๆเดินเข้าไปที่กับดักผมพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัว หูก็คอยฟังเสียงนกในกับดัก แต่....

    ไม่มีเสียงนก
    "มันคงยังไม่ตื่น.."
    ในใจก็คิดไปต่างๆนานา แต่ที่แน่นอนคือ วันนี้ได้เลี้ยงนกแน่นอนแล้ว...

    ผมค่อยๆขยับอิฐให้เป็นช่อง แล้วล้วงมือลงไปในกับดักอิฐแดงของผม....

    ผมสัมผัสอะไรบางอย่าง แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่นก แน่นอน
    มือไวเท่าความคิด !!!!

    ผมทลายกับดักผมทันที
    หนูตัวเขื่องพุ่งสวนออกจากกับดัก...

    มันคงเข้าไปหาเศษอาหาร หรือข้าวสารกิน เลยติดกับดักนั้น

    ผมทิ้งตัวลงนั้นกับพื้นดินริมตลิ่ง จนคลายความตกใจ
    ผมค่อยๆกลับขึ้นบ้าน พร้อมกับล้างเท้าเอาเศษดินออก....

    ผมเริ่มต้นฤดูร้อนในปีนั้นด้วยความตื่นเต้น และมันกลายเป็นความทรงจำ ที่ตรึงอยู่ในใจของผม ตั้งแต่นั้น...เป็นต้นมา...

    .......................

    ทุกๆครั้งที่ผมผ่านไปที่ตลิ่งริมแม่นำ้ มองเห็นแปลงผักรกร้าง วัชพืชสูงท่วมหัว

    ผมมักจะคิดถึงฤดูร้อนและความสนุกของชีวิตในวัยเด็กของผมอยู่เสมอ...
    .
    .
    .
    ฤดูร้อนและความสนุกของชีวิตวัยเด็ก ที่ไม่เคยหวนกลับมาอีกเลย....

    .........................

    "กับดัก"
    เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ 5 มีนาคม 2560 ที่เพจ
    ' ล ม ห ว น '
    สมัยที่ผมยังเด็ก... หลายวันมานี้ ความเย็นของอากาศยามเช้าเริ่มหายไป เป็นสัญญานว่าฤดูหนาวกำลังจากไป อากาศยามเช้าเริ่มร้อนมากขึ้น และมันคงจะทวีความร้อนแรง มากขึ้นไป ฤดูร้อน....เดินทางมาถึงแล้ว... .................... ในสมัยที่ผมยังเด็กนั้น ในต้นฤดูร้อนแบบนี้ ตลิ่งริมแม่นำ้โขง ที่แม่บ้านเคยลงไปปลูกหอม กระเทียม คะน้า ก็เริ่มจะทิ้งร้าง อาจจะมีก็เพียง ต้นมะเขือที่เจริญเติบโตมาจาก แม่บ้านมักจะโยน มะเขือเน่าๆ ออกไปทางหน้าต่างครัว พอได้นำ้ได้แดด ก็เติบโต ออกผลให้ได้พอเก็บกิน แปลงปลูกผักคงเหลือแต่ต้นข้าวโพด ที่หักฝักแล้ว ยืนต้นตาย สุมทุมพุ่มไม้ วัชพืชต่างๆ ต่างแย่งขึ้นกัน จนสูงท่วมหัว บ่อยครั้ง ที่ผมมักจะไปนั่งเล่น ดูนก ดูไม้ไปเรื่อย ผมสังเกตเห็นนกกระจอกบ้าน ตัวเล็กๆ มันมักจะมาส่งทะเลาะกัน เสียงดัง โวยวาย แย่งเศษเมล็ดข้าวโพดที่แห้งคาต้น... ผมเกิดความคิดแว่บหนึ่งขึ้นมาในหัว ผมอยากจะจับนกพวกนี้มาเลี้ยงไว้ที่บ้าน... ผมเริ่มคิดวิธีการที่จะจับนกเหล่านั้น ผมคิดอยู่หลายวิธี และหลายวัน จนผมได้วิธีการที่คิดว่า จับนกได้แน่นอน.... ผมเห็นพื้นที่ว่าง ข้างๆ บาร์ปริ้นซ์ (บาร์ปริ๊นซ์ ปัจจุบันคือ ร้านสุขโขสโมสร) จะมีกองอิฐแดง ที่มีคนทิ้งไว้หลายก้อน อิฐแดงสมัยก่อนนั้น ก้อนจะมีขนาดใหญ่กว่าอิฐแดงปัจจุบันมากนัก เรียกว่าแต่ละก้อน ความยาวเกือบๆ ฟุตเลยทีเดียว ทั้งหนาทั้งหนัก ผมสังเกตดูว่าอิฐแดงนี้ไม่น่าจะมีเจ้าของ เพราะมันถูกทิ้งไว้นานแล้ว คิดได้ดังนั้น ผมก็เริ่มทะยอย ขนอิฐแดง 4-5 ก้อน มาเก็บไว้ "บ้านผี" ข้างบ้านผม "บ้านผี" ที่ว่านี้ อยู่ติดกับบาร์ปริ้นซ์ ด้านทิศใต้ ซึ่งผนังด้านหนึ่งของบ้านผีนี้ ติดกับบ้านของผม ที่ผมเรียกบ้านผี เพราะว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านร้าง ผมกับพี่น้องมักจะเอาตาแนบกับรอยแตก บนผนังไม้ เพื่อดูว่าในบ้านมีอะไร แต่ก็ไม่มีอะไร เรียกกันไปตามจินตนาการแห่งวัยเด็ก... ผมขนมากองหน้าบ้านผี จนหาเวลาเหมาะๆ ช่วงที่อาม่า แม่ แม่บ้าน ไม่ทันสังเกต ผมเริ่มทะยอยขนอิฐแดงนี้ ลงไปชั้นล่างของบ้าน คือแถวๆครัว ตรงห้องเก็บเครื่องมือและผลผลิตทางการเกษตร บ้านของผมนั้น จะมีประตูแนวราบ ที่เปิดขึ้นเพื้อลงไปสู่ตลิ่ง ด้านล่าง ผมทะยอยขนก้อนอิฐลงไปที่แปลงผักทิ้งร้าง ผมเลือกเอาชัยภูมิเหมาะๆ สำหรับตั้ง "กับดักนกกระจอกบ้าน" ของผม หลายๆวันที่ผมเฝ้าดูพฤติกรรมของนกว่าจะลงมาจิกกินเศษข้าวโพด ตรงไหน บริเวณไหนที่นกลงมากที่สุด ผมจะเริ่มตรงนั้น... ผมเริ่มใช้อิฐแดง วางสันด้านยาวไปบนพื้นดิน โดยเรียงเหมือนคอกสี่เหลี่ยมเล็กๆ ด้านหนึ่งของด้านสี่เหลี่ยมนี้ ผมใช้อิฐแดงอีกก้อนวางพาดให้เป็นทรงหมาแหงน และแน่นอน ผมได้เตรียมไ้่ม้ไผ่ ที่เหลาแบนๆ ที่ใช้สานเพื่อทำภาชนะบรรจุถ่านไม้ ที่แม่ผม พาเรียกว่า "กระทอถ่าน" ลงมาด้วย ผมใช้ไม่ไผ่นี้เป็นตัวคำ้อิฐก้อนนี้ไว้ ผมกลับขึ้นไปบนบ้านอย่างเงียบๆ แล้วกลับลงมาด้วยของบางอย่างในกระเป๋ากางเกง ผมเอากาวลาเท็กซ์ ลงมา พร้อมกับข้าวสาร1กำมือน้อยๆ ผมใช้กาวลาเท็กซ์ ทาที่ไม้ไผ่แบนๆด้านที่เปิดออกไปหานก แล้วผมเอาข้าวสาร มาโรยบนไม้ไผ่ ไม่นาน ข้าวสาร จำนวนหนึ่งก็ติดบนไม้ไผ่ ในความคิดตอนนั้น... ถ้านกลงมาหาของกิน พอมันเห็นข้าวสารที่ติดบนไม้ไผ่ มันจะต้องจิกแต่ข้าวสารนั้นถูกติดกาวไว้ มันต้องออกแรงจิก พอมันจิกแรงๆเข้า ไม้ไผ่ที่คำ้อิฐก็จะล้ม อิฐก็จะลงมาปิดคอกที่ผมสร้างไว้ ผมตระเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อย ในช่วงสายของวันนั้น บ่ายวันนั้นทั้งวัน ผมแทบไม่ทำอะไรเลย นอกจากลงไปเฝ้าดูห่างๆว่าอิฐก้อนนั้นมันปิดลงมาหรือยัง ....? ผมเฝ้าอยู่ จนเย็น ก็ต้องขึ้นบ้าน เพราะอาม่า ตามตัวแล้ว ผมอาบนำ้ทานข้าวเย็นด้วยใจที่พะวงไปถึงกับดักผม ตลอดเวลา จวบจนความมืดมาเยือน... คืนนั้น ผมหลับไปด้วยหัวใจที่กระวนกระวายที่สุด.. ............... ผมตื่นแต่เช้าก่อนฟ้าสาง บรรยากาศรอบตัวยังเต็มไปด้วยความมืด นอนรอเวลาฟ้าสว่างด้วยใจจดจ่อ... จนฟ้าสว่าง.... ผมแอบลงไปส่องดูตรงกับดักของผม... อิฐก้อนบน ถูกปิดลงมาแล้ว....!!!!! ทั้งดีใจระคนตื่นเต้น ว่าจะมีนกกี่ตัวในนั้น ผมรอจน กินข้าวเช้าแล้ว ซึ่งปกติ ผมจะออกไปวิ่งเล่น อาม่าก็ไม่ได้สนใจอะไร ผมแอบลงไปที่วางกับดัก พร้อมกับ ตะกร้าพลาสติกมีตาถี่และฝาปิด นัยว่าจะได้เอานกใส่ตะกร้านี้ ขึ้นบ้าน ผมค่อยๆเดินเข้าไปที่กับดักผมพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัว หูก็คอยฟังเสียงนกในกับดัก แต่.... ไม่มีเสียงนก "มันคงยังไม่ตื่น.." ในใจก็คิดไปต่างๆนานา แต่ที่แน่นอนคือ วันนี้ได้เลี้ยงนกแน่นอนแล้ว... ผมค่อยๆขยับอิฐให้เป็นช่อง แล้วล้วงมือลงไปในกับดักอิฐแดงของผม.... ผมสัมผัสอะไรบางอย่าง แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่นก แน่นอน มือไวเท่าความคิด !!!! ผมทลายกับดักผมทันที หนูตัวเขื่องพุ่งสวนออกจากกับดัก... มันคงเข้าไปหาเศษอาหาร หรือข้าวสารกิน เลยติดกับดักนั้น ผมทิ้งตัวลงนั้นกับพื้นดินริมตลิ่ง จนคลายความตกใจ ผมค่อยๆกลับขึ้นบ้าน พร้อมกับล้างเท้าเอาเศษดินออก.... ผมเริ่มต้นฤดูร้อนในปีนั้นด้วยความตื่นเต้น และมันกลายเป็นความทรงจำ ที่ตรึงอยู่ในใจของผม ตั้งแต่นั้น...เป็นต้นมา... ....................... ทุกๆครั้งที่ผมผ่านไปที่ตลิ่งริมแม่นำ้ มองเห็นแปลงผักรกร้าง วัชพืชสูงท่วมหัว ผมมักจะคิดถึงฤดูร้อนและความสนุกของชีวิตในวัยเด็กของผมอยู่เสมอ... . . . ฤดูร้อนและความสนุกของชีวิตวัยเด็ก ที่ไม่เคยหวนกลับมาอีกเลย.... ......................... "กับดัก" เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ 5 มีนาคม 2560 ที่เพจ ' ล ม ห ว น '
    0 Comments 0 Shares 1006 Views 0 Reviews
  • นึกถึง #หมูหวาน สมัยเด็กๆ ที่อาม่าทำ แต่ใช้ส่วน สามชั้น เด็กอ่ะเนอะ ก็จะหม่ำแต่ส่วนเนื้อ หนังกับไขมันเขี่ยทิ้งเป็นประจำ จนโดนอาม่าดุ

    วันก่อนเห็นมีลง #บะเต็ง ว่าใช้ส่วนสันคอได้ ครั้งนี้ เลยลองดู .. ฟินดีแท้

    #ดึกแล้วโพสต์รูปของกินได้
    นึกถึง #หมูหวาน สมัยเด็กๆ ที่อาม่าทำ แต่ใช้ส่วน สามชั้น เด็กอ่ะเนอะ ก็จะหม่ำแต่ส่วนเนื้อ หนังกับไขมันเขี่ยทิ้งเป็นประจำ จนโดนอาม่าดุ วันก่อนเห็นมีลง #บะเต็ง ว่าใช้ส่วนสันคอได้ ครั้งนี้ เลยลองดู .. ฟินดีแท้ #ดึกแล้วโพสต์รูปของกินได้
    0 Comments 0 Shares 496 Views 0 Reviews
  • ทำเอาเพื่อนๆ ในวงการบันเทิงและแฟนคลับพากันส่งกำลังใจและร่วมไว้อาลัยเป็นจำนวนมาก หลังนักร้อง "โตโน่ ภาคิน" ที่ได้ออกมาเผยข่าวเศร้า สูญเสียอาม่าอันเป็นที่รัก จากไปอย่างสงบ ในวัย 106 ปี

    โดย "โตโน่" ได้โพสต์ภาพของอาม่า พร้อมเขียนข้อความอาลัยไว้ว่า "หลับให้สบายในโลกนี้ แล้วคอยคุ้มครองโน่จากบนฟ้านะครับม่า

    เลือดของอาม่า เลือดของอาป๊าอยู่ในตัวโน่ คอยเป็นพลัง คอยเป็นกำลังใจ คอยย้ำเตือน ให้โน่มีความมุ่งมั่น ความอดทน ในการทำสิ่งต่างๆให้สำเร็จ ทั้งเรื่องของส่วนรวม และเรื่องส่วนตัวนะครับม่า”

    ขอบคุณสำหรับไข่เจียว ผักกาดดอง กุนเชียงทอด ในตอนที่โน่เป็นเด็กนะครับ บ๊ายบายครับ อาม่า BYE BYE อาม่าฮวย แซ่เตียว อายุ 106 ปี”

    #MGROnline #โตโน่
    ทำเอาเพื่อนๆ ในวงการบันเทิงและแฟนคลับพากันส่งกำลังใจและร่วมไว้อาลัยเป็นจำนวนมาก หลังนักร้อง "โตโน่ ภาคิน" ที่ได้ออกมาเผยข่าวเศร้า สูญเสียอาม่าอันเป็นที่รัก จากไปอย่างสงบ ในวัย 106 ปี • โดย "โตโน่" ได้โพสต์ภาพของอาม่า พร้อมเขียนข้อความอาลัยไว้ว่า "หลับให้สบายในโลกนี้ แล้วคอยคุ้มครองโน่จากบนฟ้านะครับม่า • เลือดของอาม่า เลือดของอาป๊าอยู่ในตัวโน่ คอยเป็นพลัง คอยเป็นกำลังใจ คอยย้ำเตือน ให้โน่มีความมุ่งมั่น ความอดทน ในการทำสิ่งต่างๆให้สำเร็จ ทั้งเรื่องของส่วนรวม และเรื่องส่วนตัวนะครับม่า” • ขอบคุณสำหรับไข่เจียว ผักกาดดอง กุนเชียงทอด ในตอนที่โน่เป็นเด็กนะครับ บ๊ายบายครับ อาม่า BYE BYE อาม่าฮวย แซ่เตียว อายุ 106 ปี” • #MGROnline #โตโน่
    0 Comments 0 Shares 772 Views 0 Reviews
  • หดหู่กับประเทศชาติจริงๆนักการเมืองจ้องหาแต่ผลประโยชน์ขายชาติขายแผ่นดินกิน อดหยากปากแห้งกันมานานออกกฎหมายให้สัญชาติไทยกันง่ายๆต่างด้าวก็ขนกันเข้ามาเดี๋ยวก็ขึ้นทะเบียนในไทยได้ทำกันอย่างเสรีไม่เกรงกลัวใครทั้งนั้นประเทศชาติไม่วินาศคราวนี้แล้วจะคราวไหนกันล่ะ แอปต่างชาติก็เข้ามากอบโกยเงินออกนอกประเทศโดยออฟฟิตในไทยก็ไม่มีไม่ต้องมีภาษีไม่ต้องรับผิดชอบอินโดฯเขายังออกกฎหมายช่วยปชช.ของเขาเลยแต่ไทยให้เข้ามาเลยเสรี#พวกแอปขายของตามช่องทางต่างๆเสียภาษีให้ไทยบ้างไหม"สนง"ในไทยไม่มีคนไทยเสียหายร้องเรียนใครได้ไม่มี #ช่องที่อุตส่าห์ปั้นมาวันดีคืนดีโดนขโมยช่องไปหน้าตาเฉยรายงานปัญหากี่ร้อยครั้งก็เงียบเราองก็รู้ว่าใครแฮกช่องไปส่งหลักฐานให้เงียบสนิทเพราะมันทำเองเราเห็นแล้วว่ามีคนเข้ามาด้วยอุปกรณ์อื่น...คุณอาสนธิคะพัฒนาแอปขึ้นมาเพื่อเป็นแอบขายของๆคนไทยแล้วมีร้านค้าต่างๆเข้าใช้บริการแอปๆก็จะสามารถเก็บรายได้ๆและอยู่ในประเทศเราเอง ขนาดเซเว่นในอินโดฯยังต้องปิดเลยเพราะเขาชาตินิยมแต่คนไทยนิยมแต่ของนอกมีผลไม้อาหารปนเปื้อนสารเคมีมากมายกินตายผ่อนส่ง"มะ..."ถามหา:ช่องที่ปั้นมาจนคนรู้จักอยู่ๆเอาของเราเฉยเจ้าของช่องได้แต่มองตาปริบๆทำอะไรไม่ได้ร้องเรียนไม่ได้ไม่มีใครรับเรื่อง ส่งรายงานหลายร้อยฉับบเงียบๆๆๆ.."อ.สนธิทำเถอะนะคะคนจีนรุ่นใหม่นี้เห็นแก่ตัวไม่เหมือนรุ่นอาม่า,อากง แต่ก่อนแล้วที่จะรักแผ่นดินที่อยู่ ดูซิพม่า,เขมร,ลาว,จีน.เข้ามาแย่งอาชีพคนไทยเป็นเจ้าของกิจการกันกฎหมายทำอะไรไม่ได้เลยรองรับเขาอีก"ทรัมป์ขึ้นมาเตรียมเนรเทศต่างชาติออกแล้วยุโรปเขาก็ไม่เอาพลเมืองเขาต่อต้านแต่"รบ.ไทยเข้ามาๆๆเต็มที่เพื่ออะไร"รพ.รัฐบุคคลกรทางแพทย์ต้องให้บริการต่างด้าวมากว่าคนไทยเสียอีกตอนนี้ก็ทำถ้าจะเสียดินแดนอีกวิญญาณปู่จะร้องไอลูกหลานจัญไร
    หดหู่กับประเทศชาติจริงๆนักการเมืองจ้องหาแต่ผลประโยชน์ขายชาติขายแผ่นดินกิน อดหยากปากแห้งกันมานานออกกฎหมายให้สัญชาติไทยกันง่ายๆต่างด้าวก็ขนกันเข้ามาเดี๋ยวก็ขึ้นทะเบียนในไทยได้ทำกันอย่างเสรีไม่เกรงกลัวใครทั้งนั้นประเทศชาติไม่วินาศคราวนี้แล้วจะคราวไหนกันล่ะ แอปต่างชาติก็เข้ามากอบโกยเงินออกนอกประเทศโดยออฟฟิตในไทยก็ไม่มีไม่ต้องมีภาษีไม่ต้องรับผิดชอบอินโดฯเขายังออกกฎหมายช่วยปชช.ของเขาเลยแต่ไทยให้เข้ามาเลยเสรี#พวกแอปขายของตามช่องทางต่างๆเสียภาษีให้ไทยบ้างไหม"สนง"ในไทยไม่มีคนไทยเสียหายร้องเรียนใครได้ไม่มี #ช่องที่อุตส่าห์ปั้นมาวันดีคืนดีโดนขโมยช่องไปหน้าตาเฉยรายงานปัญหากี่ร้อยครั้งก็เงียบเราองก็รู้ว่าใครแฮกช่องไปส่งหลักฐานให้เงียบสนิทเพราะมันทำเองเราเห็นแล้วว่ามีคนเข้ามาด้วยอุปกรณ์อื่น...คุณอาสนธิคะพัฒนาแอปขึ้นมาเพื่อเป็นแอบขายของๆคนไทยแล้วมีร้านค้าต่างๆเข้าใช้บริการแอปๆก็จะสามารถเก็บรายได้ๆและอยู่ในประเทศเราเอง ขนาดเซเว่นในอินโดฯยังต้องปิดเลยเพราะเขาชาตินิยมแต่คนไทยนิยมแต่ของนอกมีผลไม้อาหารปนเปื้อนสารเคมีมากมายกินตายผ่อนส่ง"มะ..."ถามหา:ช่องที่ปั้นมาจนคนรู้จักอยู่ๆเอาของเราเฉยเจ้าของช่องได้แต่มองตาปริบๆทำอะไรไม่ได้ร้องเรียนไม่ได้ไม่มีใครรับเรื่อง ส่งรายงานหลายร้อยฉับบเงียบๆๆๆ.."อ.สนธิทำเถอะนะคะคนจีนรุ่นใหม่นี้เห็นแก่ตัวไม่เหมือนรุ่นอาม่า,อากง แต่ก่อนแล้วที่จะรักแผ่นดินที่อยู่ ดูซิพม่า,เขมร,ลาว,จีน.เข้ามาแย่งอาชีพคนไทยเป็นเจ้าของกิจการกันกฎหมายทำอะไรไม่ได้เลยรองรับเขาอีก"ทรัมป์ขึ้นมาเตรียมเนรเทศต่างชาติออกแล้วยุโรปเขาก็ไม่เอาพลเมืองเขาต่อต้านแต่"รบ.ไทยเข้ามาๆๆเต็มที่เพื่ออะไร"รพ.รัฐบุคคลกรทางแพทย์ต้องให้บริการต่างด้าวมากว่าคนไทยเสียอีกตอนนี้ก็ทำถ้าจะเสียดินแดนอีก👉วิญญาณปู่จะร้องไอลูกหลานจัญไร👎🖤👹🔥
    Angry
    1
    0 Comments 0 Shares 862 Views 0 Reviews
  • หดหู่กับประเทศชาติจริงๆนักการเมืองจ้องหาแต่ผลประโยชน์ขายชาติขายแผ่นดินกินอดหยากปากแห้งกันมานานออกกฎหมายให้สัญชาติไทยกันง่ายๆต่างด้าวก็ขนกันเข้ามาเดี๋ยวก็ขึ้นทะเบียนในไทยได้ทำกันอย่างเสรีไม่เกรงกลัวใครทั้งนั้นประเทศชาติไม่วินาศคราวนี้แล้วจะคราวไหนกันล่ะ แอปต่างชาติก็เข้ามากอบโกยเงินออกนอกประเทศโดยออฟฟิตในไทยด็ไม่ต้องมีภาษีไม่ต้องรับผิดชอบอินโดฯเขายังออกกฎหมายช่วยปชช.ของเขาเลยแต่ไทยไม่เข้ามาเลยเสรี#พวกแอปขายของตามช่องทางต่างๆเสียภาษีให้ไทยบ้างไหม"สนง"ในไทยไม่มีคนไทยเสียหายร้องเรียนใครได้ไม่มี #ช่องที่อุตส่าห์ปั้นมาวันดีคืนดีโดนขโมยช่องไปหน้าตาเฉยรายงานปัญหากี่ร้อยครั้งก็เงียบเราองก็รู้ว่าใครแฮกช่องไปส่งหลักฐานให้เงียบสนิทเพราะมันทำเองเราเห็นแล้วว่ามีคนเข้ามาด้วยอุปกรณ์อื่น...คุณอาสนธิคะพัฒนาแอปขึ้นมาเพื่อเป็นแอบขายของๆคนไทยแล้วมีร้านค้าต่างๆเข้าใช้บริการแอปๆก็จะสามารถเก็บรายได้ๆและอยู่ในประเทศเราเอง ขนาดเซเว่นในอินโดฯยังต้องปิดเลยเพราะชาตินิยมแต่คนไทยนิยมแต่ของนอกมีผลไม้อาหารปนเปื้อนสารเคมีมากมายกินตายผ่อนส่ง"มะ..."ถามหา:ช่องที่ปั้นมาจนคนรู้จักอยู่ๆเอาของเราเฉยเจ้าของช่องได้แต่มองตาปริบๆทำอะไรไม่ได้ร้องเรียนไม่ได้ไม่มีใครรับเรื่อง ส่งรายงานหลายร้อยฉับบเงียบๆๆๆ.."อ.สนธิทำเถอะนะคะคนจีนรุ่นใหม่นี้เห็นแก่ตัวไม่เหมือนรุ่นอาม่า,อากง แต่ก่อนแล้วที่จะรักแผ่นดินที่อยู่ ดูซิพม่า,เขมร,ลาว,จีน.เข้ามาแย่งอาชีพคนไทยเป็นเจ้าของกิจการกันกฎหมายอะไรรองรับอยู่"ทรัมป์ขึ้นมาเตรียมเนรเทศต่างชาติออกแล้วยุโรปเขาก็ไม่เอาพลเมืองเขาต่อต้านแต่"รบ.ไทยเข้ามาๆๆเต็มที่เพื่ออะไร"รพ.รัฐบุคคลกรทางแพทย์ต้องให้บริการต่างด้าวมากว่าคนไทยเสียอีกตอนนี้ก็ทำถ้าจะเสียดินแดนอีกวิญญาณปู่จะร้องไอลูกหลานจัญไร
    หดหู่กับประเทศชาติจริงๆนักการเมืองจ้องหาแต่ผลประโยชน์ขายชาติขายแผ่นดินกินอดหยากปากแห้งกันมานานออกกฎหมายให้สัญชาติไทยกันง่ายๆต่างด้าวก็ขนกันเข้ามาเดี๋ยวก็ขึ้นทะเบียนในไทยได้ทำกันอย่างเสรีไม่เกรงกลัวใครทั้งนั้นประเทศชาติไม่วินาศคราวนี้แล้วจะคราวไหนกันล่ะ แอปต่างชาติก็เข้ามากอบโกยเงินออกนอกประเทศโดยออฟฟิตในไทยด็ไม่ต้องมีภาษีไม่ต้องรับผิดชอบอินโดฯเขายังออกกฎหมายช่วยปชช.ของเขาเลยแต่ไทยไม่เข้ามาเลยเสรี#พวกแอปขายของตามช่องทางต่างๆเสียภาษีให้ไทยบ้างไหม"สนง"ในไทยไม่มีคนไทยเสียหายร้องเรียนใครได้ไม่มี #ช่องที่อุตส่าห์ปั้นมาวันดีคืนดีโดนขโมยช่องไปหน้าตาเฉยรายงานปัญหากี่ร้อยครั้งก็เงียบเราองก็รู้ว่าใครแฮกช่องไปส่งหลักฐานให้เงียบสนิทเพราะมันทำเองเราเห็นแล้วว่ามีคนเข้ามาด้วยอุปกรณ์อื่น...คุณอาสนธิคะพัฒนาแอปขึ้นมาเพื่อเป็นแอบขายของๆคนไทยแล้วมีร้านค้าต่างๆเข้าใช้บริการแอปๆก็จะสามารถเก็บรายได้ๆและอยู่ในประเทศเราเอง ขนาดเซเว่นในอินโดฯยังต้องปิดเลยเพราะชาตินิยมแต่คนไทยนิยมแต่ของนอกมีผลไม้อาหารปนเปื้อนสารเคมีมากมายกินตายผ่อนส่ง"มะ..."ถามหา:ช่องที่ปั้นมาจนคนรู้จักอยู่ๆเอาของเราเฉยเจ้าของช่องได้แต่มองตาปริบๆทำอะไรไม่ได้ร้องเรียนไม่ได้ไม่มีใครรับเรื่อง ส่งรายงานหลายร้อยฉับบเงียบๆๆๆ.."อ.สนธิทำเถอะนะคะคนจีนรุ่นใหม่นี้เห็นแก่ตัวไม่เหมือนรุ่นอาม่า,อากง แต่ก่อนแล้วที่จะรักแผ่นดินที่อยู่ ดูซิพม่า,เขมร,ลาว,จีน.เข้ามาแย่งอาชีพคนไทยเป็นเจ้าของกิจการกันกฎหมายอะไรรองรับอยู่"ทรัมป์ขึ้นมาเตรียมเนรเทศต่างชาติออกแล้วยุโรปเขาก็ไม่เอาพลเมืองเขาต่อต้านแต่"รบ.ไทยเข้ามาๆๆเต็มที่เพื่ออะไร"รพ.รัฐบุคคลกรทางแพทย์ต้องให้บริการต่างด้าวมากว่าคนไทยเสียอีกตอนนี้ก็ทำถ้าจะเสียดินแดนอีก👉วิญญาณปู่จะร้องไอลูกหลานจัญไร👎🖤👹🔥
    Sad
    1
    0 Comments 0 Shares 856 Views 0 Reviews
  • #นี่แหละเรียกว่าทักมาแบบไม่ดูแหดดูตี๋
    ทักมาแบบนี้ ก็ไม่ต่างกับ
    เมิงเอาม้าไปขายใน สน แหละ อิห่านจิก
    แต่ละมื้อแต่ละเดย์ มาเป็นพันกว่าเรื่อง
    อิฉัด!
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    #นี่แหละเรียกว่าทักมาแบบไม่ดูแหดดูตี๋ ทักมาแบบนี้ ก็ไม่ต่างกับ เมิงเอาม้าไปขายใน สน แหละ อิห่านจิก แต่ละมื้อแต่ละเดย์ มาเป็นพันกว่าเรื่อง อิฉัด! #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    Like
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 546 Views 0 Reviews
  • เรือนเพชร ร้านสุกี้โบราณ สไตล์จีนแท้ๆ ในตำนาน ที่เราอยากจะแนะนำให้ทุกคนได้ลอง! ความพิเศษของที่นี่อยู่ตรงน้ำจิ้มรสเด็ด สูตรลับ ที่ส่งต่อมาตั้งแต่รุ่นองกง อาม่า จนถึงปัจจุบัน บอกเลยว่าเด็ด! รวมไปถึงเมนูอื่นๆ ก็มีให้เลือกหลากหลาย เรียกได้ว่าเป็นร้านสุกี้โบราณที่ควรไปโดนสักครั้ง รับรองจะติดใจแน่นอนค่ะ

    พิกัด : https://goo.gl/maps/2KuVqZPTcNGe1ENh7
    ที่อยู่ : 1903 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ ถ.เพชรบุรี กรุงเทพฯ
    เปิดบริการ : 10.00 - 21.30 น.
    โทร : 0-2314-5047

    #อาหารอร่อย #กินสาระนัวร์ #Thaitimes
    เรือนเพชร ร้านสุกี้โบราณ สไตล์จีนแท้ๆ ในตำนาน ที่เราอยากจะแนะนำให้ทุกคนได้ลอง! ความพิเศษของที่นี่อยู่ตรงน้ำจิ้มรสเด็ด สูตรลับ ที่ส่งต่อมาตั้งแต่รุ่นองกง อาม่า จนถึงปัจจุบัน บอกเลยว่าเด็ด! รวมไปถึงเมนูอื่นๆ ก็มีให้เลือกหลากหลาย เรียกได้ว่าเป็นร้านสุกี้โบราณที่ควรไปโดนสักครั้ง รับรองจะติดใจแน่นอนค่ะ พิกัด : https://goo.gl/maps/2KuVqZPTcNGe1ENh7 ที่อยู่ : 1903 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ ถ.เพชรบุรี กรุงเทพฯ เปิดบริการ : 10.00 - 21.30 น. โทร : 0-2314-5047 #อาหารอร่อย #กินสาระนัวร์ #Thaitimes
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 684 Views 0 Reviews
  • ดูกี่ครั้งก็ยังสะเทือนอารมณ์
    พรุ่งนี้เข้าสู่ช่วงเทศกาลกินเจแล้ว

    #เทศกาลกินเจ
    #อาม่า
    #thaitimes
    #หลานม่า
    ดูกี่ครั้งก็ยังสะเทือนอารมณ์ พรุ่งนี้เข้าสู่ช่วงเทศกาลกินเจแล้ว #เทศกาลกินเจ #อาม่า #thaitimes #หลานม่า
    Like
    Love
    3
    0 Comments 1 Shares 712 Views 168 0 Reviews
  • สมัยที่ผมยังเด็ก...

    ในละแวกบ้าน...
    ตึกที่หลังใหญ่สุดแถวนั้น ก็คงจะเป็น "คูย่งล้ง" เป็นตึกที่ผมฝันอยู่ตลอดว่า ถ้าวันหนึ่งได้ขึ้นไปชั้นบนสุด (ตอนนั้น ยังไม่รู้จักคำว่า ดาดฟ้า) แล้วได้มองลงมายังด้านล่าง คงจะแจ่ม น่าดู...

    ตึกนี้ ดูแปลกตา ดูมี"อะไร" มากกว่าตึกแถวในสมัยนั้น
    ผมมีโอกาสได้พูดคุย สอบถาม กับทายาทรุ่นที่3 ของตึกนี้ ได้ความว่า อาคารหลังนี้ ออกแบบโดยสถาปนิก ซึ่งเป็น "อา" ของเจ้าของตึก ซึ่งจบ สถาปัตยกรรมศาสตร์ จากลาดกระบัง .....

    เหมือนที่ผมคิดเลย ว่า อาคารถึงมี ครีบ มีพื้นที่เปิดโล่งกลางตัวบ้าน เพื่อนำแสงธรรมชาติมาให้ความสว่างแก่ภายในอาคาร...

    ถัด"คูย่งล้ง"มาทางเหนือ ตอนนี้ เป็นร้าน บาร์บีกริลล์
    เมื่อก่อนนี้ ส่วนตรงนี้จะเป็นตรอก ลึกเข้าไปข้างใน....

    ในตรอกนี้ มีครอบครับหนึ่ง สามีชื่อแอ้ เมียชื่อ จัน
    ครอบครัวนี้มีอาชีพตัดผ้า เย็บผ้า และเลี้ยงหมู
    เมื่อก่อนนั้น ในตรอกนั้น จะมีโรงหมูด้วย

    ในยามที่เด็กๆ รุ่นราวคราวเดียวกับผม จะไปตกปลาริมตลิ่ง พวกเราก็จะไปขุดเอาไส้เดือนแดงแถวๆโรงหมู เพื่อเอาไปเกี่ยวเบ็ด

    เมื่อเป็นโรงหมู ก็แน่ละครับ กลิ่นตลบอบอวล ไปทั้งย่าน ยิ่งเวลาหน้าฝน อากาศชื้นๆนะครับ ไม่ต้องไปพูดถึงเลย...

    แถวปากตรอกเลี้ยงหมู เคยมีร้านอาหาร ชื่อ"มุ่ยสูน" ไปเปิดอยู่พักนึง
    ร้านนี้ จำหน่ายอาหารจีน อาหารตามสั่ง คงพอจะเทียบได้กับร้านอาหารระดับเหลาได้ เพราะในเวลานั้นร้านอาหารตามสั่งไม่ได้มีดาษดื่นแบบทุกวันนี้

    ร้าน "มุ่ยสูน" นี้ เคยมาเปิด ตรงหัวมุม ที่เป็นร้าน "เตี๋ยวเต็มโต๊ะ" ในปัจจุบัน อยู่พักหนึ่ง

    "มุ่ยสูน" ตรงหัวมุมนี้ เป็นร้านที่ทำให้ผมรู้จัก "เบียร์สิงห์" เป็นครั้งแรกในชีวิต....
    .
    .
    ในปีนั้น ...
    ผมอยู่ชั้น ป3.หรือ ป4.นี่แหละ..

    ปกติแล้วครอบครัวคนจีน มักจะมีประเพณีไหว้บรรพบุรุษ
    ปีนั้น ญาติๆ ทางแม่ ก็มารวมตัวไหว้บรรพบุรุษที่บ้านที่ผมอยู่ เพราะอาม่า เป็นศูนย์กลางของลูกๆ
    พอไหว้เสร็จก็จะเอาอาหารเหล่านั้น มาทานร่วมกัน
    เด็กก็โต๊ะหนึ่ง...
    ผู้ใหญ่ก็โต๊ะหนึ่ง...

    แต่..ผมกลับไม่ได้ไปนั่งทาน
    ผมไปเดินเตร็ดเตร่แถวๆโต๊ะผู้ใหญ่ ญาติๆก็กินไป คุยไป

    คราวนี้ ลุงของผม คือ "ลุงสว่าง" ซึ่งผมเรียกแกว่า "กู๋หว่าง"
    เห็นผมวนเวียนแถวนั้นเลยบอกว่า

    "เฮ้ย ป้อม ลื้อเดินไปซื้อเบียร์ให้อั๊วหน่อย เอาเบียร์สิงห์นะ 2ขวด "
    พร้อมเอาเงินขยุ้มนึง ยัดใส่มือผม
    ผมก็เดินข้ามตรงไปร้าน "มุ่ยสูน" หัวมุมถนน พร้อมซื้อเบียร์สิงห์ตามสั่ง

    ผมยังจำได้...
    ระหว่างหิ้วเบียร์ เดินกลับบ้าน ต้องผ่านร้าน "คูย่งล้ง"
    ด้วยความที่ว่ายังเด็ก ไม่ประสา เดินไปก็เขย่าถุงใส่เบียร์ไป
    จนเถ้าแก่ "คูย่งล้ง" เห็นเข้า เลยร้องเตือนว่า

    "อย่าเขย่านะ เดี๋ยวตอน เปิด มันจะพุ่งออกมา"
    ผมเลยค่อยๆ ประคองเบียร์2ขวด นั้นจนส่งถึงมือ "กู๋หว่าง" พร้อมตังทอน

    แล้วผมก็หันหลัง เพื่อจะไปเล่นกะพี่น้อง เด็กๆ..

    "เดี๋ยวก่อน"
    กู๋หว่างเรียกผม
    "เอาเงินทอนไปกินขนม"....

    โอ้โห!
    ผมนี่ลิงโลดเลยทีเดียว เงิน10กว่า 20บาทสมัย30กว่าปีก่อน นี่ มันเยอะมาก!
    ยิ่งในความรู้สึกของเด็กน้อยที่ได้เงินไปโรงเรียนวันละ2บาท...
    อย่างผม...

    ผมจำได้ว่า...
    ตั้งแต่ปีนั้น เป็นต้นมา ผมวนเวียน รอวิ่งซืี้อเบียร์ ให้ "กู๋หว่าง" ตลอด ....
    จนเข้าไปเรียนหนังสือที่กรุงเทพ...

    ความทรงจำเกี่ยวกับละแวกบ้านของผม
    ก็ค่อยๆจางลง
    ตามวันเวลาที่ผ่านไป....
    สมัยที่ผมยังเด็ก... ในละแวกบ้าน... ตึกที่หลังใหญ่สุดแถวนั้น ก็คงจะเป็น "คูย่งล้ง" เป็นตึกที่ผมฝันอยู่ตลอดว่า ถ้าวันหนึ่งได้ขึ้นไปชั้นบนสุด (ตอนนั้น ยังไม่รู้จักคำว่า ดาดฟ้า) แล้วได้มองลงมายังด้านล่าง คงจะแจ่ม น่าดู... ตึกนี้ ดูแปลกตา ดูมี"อะไร" มากกว่าตึกแถวในสมัยนั้น ผมมีโอกาสได้พูดคุย สอบถาม กับทายาทรุ่นที่3 ของตึกนี้ ได้ความว่า อาคารหลังนี้ ออกแบบโดยสถาปนิก ซึ่งเป็น "อา" ของเจ้าของตึก ซึ่งจบ สถาปัตยกรรมศาสตร์ จากลาดกระบัง ..... เหมือนที่ผมคิดเลย ว่า อาคารถึงมี ครีบ มีพื้นที่เปิดโล่งกลางตัวบ้าน เพื่อนำแสงธรรมชาติมาให้ความสว่างแก่ภายในอาคาร... ถัด"คูย่งล้ง"มาทางเหนือ ตอนนี้ เป็นร้าน บาร์บีกริลล์ เมื่อก่อนนี้ ส่วนตรงนี้จะเป็นตรอก ลึกเข้าไปข้างใน.... ในตรอกนี้ มีครอบครับหนึ่ง สามีชื่อแอ้ เมียชื่อ จัน ครอบครัวนี้มีอาชีพตัดผ้า เย็บผ้า และเลี้ยงหมู เมื่อก่อนนั้น ในตรอกนั้น จะมีโรงหมูด้วย ในยามที่เด็กๆ รุ่นราวคราวเดียวกับผม จะไปตกปลาริมตลิ่ง พวกเราก็จะไปขุดเอาไส้เดือนแดงแถวๆโรงหมู เพื่อเอาไปเกี่ยวเบ็ด เมื่อเป็นโรงหมู ก็แน่ละครับ กลิ่นตลบอบอวล ไปทั้งย่าน ยิ่งเวลาหน้าฝน อากาศชื้นๆนะครับ ไม่ต้องไปพูดถึงเลย... แถวปากตรอกเลี้ยงหมู เคยมีร้านอาหาร ชื่อ"มุ่ยสูน" ไปเปิดอยู่พักนึง ร้านนี้ จำหน่ายอาหารจีน อาหารตามสั่ง คงพอจะเทียบได้กับร้านอาหารระดับเหลาได้ เพราะในเวลานั้นร้านอาหารตามสั่งไม่ได้มีดาษดื่นแบบทุกวันนี้ ร้าน "มุ่ยสูน" นี้ เคยมาเปิด ตรงหัวมุม ที่เป็นร้าน "เตี๋ยวเต็มโต๊ะ" ในปัจจุบัน อยู่พักหนึ่ง "มุ่ยสูน" ตรงหัวมุมนี้ เป็นร้านที่ทำให้ผมรู้จัก "เบียร์สิงห์" เป็นครั้งแรกในชีวิต.... . . ในปีนั้น ... ผมอยู่ชั้น ป3.หรือ ป4.นี่แหละ.. ปกติแล้วครอบครัวคนจีน มักจะมีประเพณีไหว้บรรพบุรุษ ปีนั้น ญาติๆ ทางแม่ ก็มารวมตัวไหว้บรรพบุรุษที่บ้านที่ผมอยู่ เพราะอาม่า เป็นศูนย์กลางของลูกๆ พอไหว้เสร็จก็จะเอาอาหารเหล่านั้น มาทานร่วมกัน เด็กก็โต๊ะหนึ่ง... ผู้ใหญ่ก็โต๊ะหนึ่ง... แต่..ผมกลับไม่ได้ไปนั่งทาน ผมไปเดินเตร็ดเตร่แถวๆโต๊ะผู้ใหญ่ ญาติๆก็กินไป คุยไป คราวนี้ ลุงของผม คือ "ลุงสว่าง" ซึ่งผมเรียกแกว่า "กู๋หว่าง" เห็นผมวนเวียนแถวนั้นเลยบอกว่า "เฮ้ย ป้อม ลื้อเดินไปซื้อเบียร์ให้อั๊วหน่อย เอาเบียร์สิงห์นะ 2ขวด " พร้อมเอาเงินขยุ้มนึง ยัดใส่มือผม ผมก็เดินข้ามตรงไปร้าน "มุ่ยสูน" หัวมุมถนน พร้อมซื้อเบียร์สิงห์ตามสั่ง ผมยังจำได้... ระหว่างหิ้วเบียร์ เดินกลับบ้าน ต้องผ่านร้าน "คูย่งล้ง" ด้วยความที่ว่ายังเด็ก ไม่ประสา เดินไปก็เขย่าถุงใส่เบียร์ไป จนเถ้าแก่ "คูย่งล้ง" เห็นเข้า เลยร้องเตือนว่า "อย่าเขย่านะ เดี๋ยวตอน เปิด มันจะพุ่งออกมา" ผมเลยค่อยๆ ประคองเบียร์2ขวด นั้นจนส่งถึงมือ "กู๋หว่าง" พร้อมตังทอน แล้วผมก็หันหลัง เพื่อจะไปเล่นกะพี่น้อง เด็กๆ.. "เดี๋ยวก่อน" กู๋หว่างเรียกผม "เอาเงินทอนไปกินขนม".... โอ้โห! ผมนี่ลิงโลดเลยทีเดียว เงิน10กว่า 20บาทสมัย30กว่าปีก่อน นี่ มันเยอะมาก! ยิ่งในความรู้สึกของเด็กน้อยที่ได้เงินไปโรงเรียนวันละ2บาท... อย่างผม... ผมจำได้ว่า... ตั้งแต่ปีนั้น เป็นต้นมา ผมวนเวียน รอวิ่งซืี้อเบียร์ ให้ "กู๋หว่าง" ตลอด .... จนเข้าไปเรียนหนังสือที่กรุงเทพ... ความทรงจำเกี่ยวกับละแวกบ้านของผม ก็ค่อยๆจางลง ตามวันเวลาที่ผ่านไป....
    Like
    3
    2 Comments 0 Shares 941 Views 0 Reviews
  • สมัยที่ผมยังเด็ก...

    บ้านที่ผมอาศัยอยู่ กับร้านของเตี่ย อยู่ห่างจากกันไม่ไกลนัก ข้างๆร้านของเตี่ย (กรุงเทพอาภรณ์) นั้น เป็นร้านเก่าแก่ของเมืองนครพนม..

    " ร้าน ไทยสามัคคี"

    ครับ ร้านที่เป็นแลนด์มาร์คของเมืองนครพนม ตั้งอยู่หลัง หอนาฬิกา จังหวัดนครพนม ระหว่างถนนสุนทรวิจิตร กับถนนศรีเทพ
    ร้านไทยสามัคคี นั้น มีชื่อจีนกำกับบนป้ายร้าน ว่า "ฮั่วเพ้ง..."

    ร้านนี้ มีหน้าร้าน2ฟากถนนตามที่ได้เอ่ยไปข้างต้น
    ฟากหนึ่งฝั่ง ถนนศรีเทพ จะเป็นร้านอาหารตามสั่ง พูดถึงร้านอาหารตามสั่ง เราๆท่านๆในปัจจุบันอาจจะรู้สึกเฉยๆ แต่สมัยนั้น ร้านอาหารตามสั่งไม่ได้มีดาษดื่นเช่นทุกวันนี้ ผมยังจำได้เสมอว่า ข้าวผัดหมูจานแรกพร้อมพริกนำ้ปลาถ้วยเล็กๆนั้น มันอร่อยเพียงใด...

    แค่เตี่ยบอกว่า"ไปสั่งข้าวร้านข้างๆมากิน!" เท่านั้นแหละครับ เหมือนถูกหวยเลย!ผมจำได้เสมอ ถึงพ่อครัว2คน ที่ผลัดกัน ผัดอาหาร คนหนึ่งชื่อ ยงค์ หรือ ย้ง นี่แหละ!! คนนี้เสียชีวิตไปไม่นาน ...

    ส่วนอีกคนนั้น ผมเรียกตามเตี่ยผมว่า "เฮียอ่าง" ผมมักจะเลือกไปสั่งอาหารตอนเฮียอ่างอยู่หน้าเตา เพราะรู้สึกว่า เฮียอ่างผัดอร่อยกว่า
    ปัจจุบัน เฮียอ่าง ได้มาเปิดร้านขายสลากกินแบ่งรัฐบาล อยู่ถนนเฟื่องนคร ชื่อร้านคือ "โชควิทยา"

    ส่วนอีกฟากถนนสุนทรวิจิตรนั้น จะเป็นส่วนของร้านกาแฟ ร้านกาแฟนี้ ในสมัยเมื่อ 40 ปีที่แล้วนั้น มักจะมี ข้าราชการน้อยใหญ่มานั่งกินกาแฟ ไข่ลวก ทุกๆเช้า ภาพหนึ่งที่เห็นตอนเช้า ควันไฟจากเตาต้มนำ้ร้อนนั้น อ้อยอิ่งกระทบแสงแดดยามเช้า พร้อมกับกลิ่นกาแฟหอมๆที่ลอยมากับลมอ่อนๆ

    ผมมักจะขอตังอาม่าของผมไปซื้อ นมเย็น ที่ร้านประจำ คนชงนั้นถ้าจำไม่ผิด จะเป็นเจ้าของร้านตัวเล็กๆ หวีผมเสยพร้อมนำ้มันใส่ผม เรียบแปร้...

    คนรุ่นผมน่าจะคุ้นเคยกับการชงกาแฟ หรืออะไรก็ตามใส่กระป๋องนม แล้วเอาเชือกฟางร้อยรูบนฝากระป๋อง ซึ่งผมมักจะบอกคนชงว่า "ชงใส่กระป๋องให้ด้วย..."และผมยังคิดถึงหม้อต้มนำ้เพื่อชงกาแฟที่ทำด้วยทองแดง ไม่ก็ทองเหลืองทรงโบราณอยู่เสมอ...

    อีกภาพที่คุ้นตามากๆ สำหรับ "ร้านไทยสามัคคี" คือ หลังหอนาฬิกา จะมีที่นั่ง ทำด้วยหินขัดเป็นแนวยาวสีครีมเข้มๆ ที่นั่งนี้ จะเต็มไปด้วยคนถีบสามล้อ ที่ไปนั่งเฝ้านอนเฝ้า รอฟังผลหวยออก ซึ่งแน่นอน บริเวณนั้นก็จะเต็มไปด้วยรถสามล้อเช่นกัน...

    ระหว่างที่รอฟังหวย นั้น ถ้าหวยออกตัวไหน เจ้าของร้าน ก็จะเอากระดานสังกะสี ของเป๊บซี่ มาเขียนเลขที่ออกด้วยชอล์กสีขาว ออกตัวไหน ก็จะมีเสียงฮือฮา ของสมาคมสามล้อถีบในบริเวณนั้นเป็นระยะๆ จวบจน "หวยออกครบ" แปลว่า สมาคมย่อยๆนั้น ก็สลายไปพร้อมๆ กับเสียงบ่นพึมพำ ที่ค่อยๆจางลง.....
    จางลง.....
    สมัยที่ผมยังเด็ก... บ้านที่ผมอาศัยอยู่ กับร้านของเตี่ย อยู่ห่างจากกันไม่ไกลนัก ข้างๆร้านของเตี่ย (กรุงเทพอาภรณ์) นั้น เป็นร้านเก่าแก่ของเมืองนครพนม.. " ร้าน ไทยสามัคคี" ครับ ร้านที่เป็นแลนด์มาร์คของเมืองนครพนม ตั้งอยู่หลัง หอนาฬิกา จังหวัดนครพนม ระหว่างถนนสุนทรวิจิตร กับถนนศรีเทพ ร้านไทยสามัคคี นั้น มีชื่อจีนกำกับบนป้ายร้าน ว่า "ฮั่วเพ้ง..." ร้านนี้ มีหน้าร้าน2ฟากถนนตามที่ได้เอ่ยไปข้างต้น ฟากหนึ่งฝั่ง ถนนศรีเทพ จะเป็นร้านอาหารตามสั่ง พูดถึงร้านอาหารตามสั่ง เราๆท่านๆในปัจจุบันอาจจะรู้สึกเฉยๆ แต่สมัยนั้น ร้านอาหารตามสั่งไม่ได้มีดาษดื่นเช่นทุกวันนี้ ผมยังจำได้เสมอว่า ข้าวผัดหมูจานแรกพร้อมพริกนำ้ปลาถ้วยเล็กๆนั้น มันอร่อยเพียงใด... แค่เตี่ยบอกว่า"ไปสั่งข้าวร้านข้างๆมากิน!" เท่านั้นแหละครับ เหมือนถูกหวยเลย!ผมจำได้เสมอ ถึงพ่อครัว2คน ที่ผลัดกัน ผัดอาหาร คนหนึ่งชื่อ ยงค์ หรือ ย้ง นี่แหละ!! คนนี้เสียชีวิตไปไม่นาน ... ส่วนอีกคนนั้น ผมเรียกตามเตี่ยผมว่า "เฮียอ่าง" ผมมักจะเลือกไปสั่งอาหารตอนเฮียอ่างอยู่หน้าเตา เพราะรู้สึกว่า เฮียอ่างผัดอร่อยกว่า ปัจจุบัน เฮียอ่าง ได้มาเปิดร้านขายสลากกินแบ่งรัฐบาล อยู่ถนนเฟื่องนคร ชื่อร้านคือ "โชควิทยา" ส่วนอีกฟากถนนสุนทรวิจิตรนั้น จะเป็นส่วนของร้านกาแฟ ร้านกาแฟนี้ ในสมัยเมื่อ 40 ปีที่แล้วนั้น มักจะมี ข้าราชการน้อยใหญ่มานั่งกินกาแฟ ไข่ลวก ทุกๆเช้า ภาพหนึ่งที่เห็นตอนเช้า ควันไฟจากเตาต้มนำ้ร้อนนั้น อ้อยอิ่งกระทบแสงแดดยามเช้า พร้อมกับกลิ่นกาแฟหอมๆที่ลอยมากับลมอ่อนๆ ผมมักจะขอตังอาม่าของผมไปซื้อ นมเย็น ที่ร้านประจำ คนชงนั้นถ้าจำไม่ผิด จะเป็นเจ้าของร้านตัวเล็กๆ หวีผมเสยพร้อมนำ้มันใส่ผม เรียบแปร้... คนรุ่นผมน่าจะคุ้นเคยกับการชงกาแฟ หรืออะไรก็ตามใส่กระป๋องนม แล้วเอาเชือกฟางร้อยรูบนฝากระป๋อง ซึ่งผมมักจะบอกคนชงว่า "ชงใส่กระป๋องให้ด้วย..."และผมยังคิดถึงหม้อต้มนำ้เพื่อชงกาแฟที่ทำด้วยทองแดง ไม่ก็ทองเหลืองทรงโบราณอยู่เสมอ... อีกภาพที่คุ้นตามากๆ สำหรับ "ร้านไทยสามัคคี" คือ หลังหอนาฬิกา จะมีที่นั่ง ทำด้วยหินขัดเป็นแนวยาวสีครีมเข้มๆ ที่นั่งนี้ จะเต็มไปด้วยคนถีบสามล้อ ที่ไปนั่งเฝ้านอนเฝ้า รอฟังผลหวยออก ซึ่งแน่นอน บริเวณนั้นก็จะเต็มไปด้วยรถสามล้อเช่นกัน... ระหว่างที่รอฟังหวย นั้น ถ้าหวยออกตัวไหน เจ้าของร้าน ก็จะเอากระดานสังกะสี ของเป๊บซี่ มาเขียนเลขที่ออกด้วยชอล์กสีขาว ออกตัวไหน ก็จะมีเสียงฮือฮา ของสมาคมสามล้อถีบในบริเวณนั้นเป็นระยะๆ จวบจน "หวยออกครบ" แปลว่า สมาคมย่อยๆนั้น ก็สลายไปพร้อมๆ กับเสียงบ่นพึมพำ ที่ค่อยๆจางลง..... จางลง.....
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 1208 Views 0 Reviews
  • สมัยที่ผมยังเด็ก...

       บ้านไม้เก่าแก่หลังหนึ่ง ตั้งอยู่ริมน้ำสายใหญ่ เป็นบ้านไม้ที่ทีอายุร่วม 80 ปี ด้านหน้าบ้าน ติดถนนเลียบริมนำ้ หันไปทางทิศ ตะวันตก ส่วนหลังบ้าน ติดแม่นำสายใหญ่ และแน่นอน ฉันเองก็เติบโตขึ้นมา ในบ้านหลังนี้ ครอบครัวของเราอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้มานาน ตั้งแต่อาก๋ง อาม่า รวมถึงพ่อ แม่ และพี่น้องของฉันด้วย

    มันเป็นบ้านไม้ ชั้นเดียวเป็นเรื่องปกติที่ บ้านไม้อายุขนาดนี้ คงไม่มีการจัดแบ่ง พื้นที่ใช้สอยได้ดีนัก ตัวบ้านแบ่งเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ โดยเป็นโถง ขนาดพอสมควร ซึ่งปัจจุบัน คงจะเรียกกันตามภาษาฝรั่งว่า ลิฟวิ่งรูม ก็คงจะำงบึได้ แต่เอาเถอะไม่ว่าจะเรียกอย่างไร มันก็เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของฉันมาตลอด 10 กว่าปี ของการเติบโตในบ้านหลังนั้น แต่น่าจะเป็นเรื่องตลกที่บ้านโบราณจะมี ลิฟวิ่งรูม ชิ้นที่2
    เนื่องจากว่าพื้นที่ๆถัดจากโถง ลงไป1 ก้าว มันเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ ชิ้นที่ 2 พวกเราได้ใช้พื้นที่นี้ เป็นส่วนทานอาหาร สำหรับอาม่าใช้เป็น ห้องสมุด และสำหรับแม่ มันกลายเป็น พื้นที่เย็บปักถักร้อย และทำงานอื่นๆ พูดถึงพื้นที่ทานอาหารแล้ว น่าจะเป็นส่วนรับประทานอาหารที่สวยที่สุดในโลก...
       เพราะทุกมื้อเช้าของพวกเราจะต้องทานอาหารเช้าไปพร้อมกับ แสงอ่อนๆของอาทิตย์ยามเช้า แต่ อาจจะเป็นเพราะว่าฉันยังเด็ก เกินกว่าจะมองเห็นความสวยงามของธรรมชาติ ฉันเองกลับคิดว่า มันแย่จังที่มีแสงแดดมาแยงตายามเช้าและมันยังร้อนมากอีกด้วย...

    สุดพื้นที่อเนกประสงค์ เป็นหน้าต่างกระจก กรอบบานเป็นไม้ วางเรียงกันไปตลอดแนวของตัวบ้าน และส่วนริมหน้าต่างนี่เอง ถ้ามองออกไปที่หน้าต่างจะมองเห็น แม่น้ำสายใหญ่ ถัดจากหน้าต่างออกไป จะเป็นส่วนของระเบียง ซึ่งกลายเป็น สวนดอกไม้ลอยฟ้า ของอาม่าฉันเอง
    ภายในตัวบ้าน ด้านซ้ายมือของทางเดินจะเป็นส่วนที่ฉัน หวาดกลัวที่สุด ฉันเรียกมันว่า ห้องมืด จริงๆแล้วมันก็เป็นแค่ ห้อง อย่าเรียกว่า ห้องดีกว่า น่าจะเป็นพื้นที่เก็บของ เพียงแต่ว่าทุกครั้งที่ ฉันได้เข้าไปนั้น น้อยครั้งเหลือเกินที่จะมีการเปิดไฟส่องสว่าง ทำให้ในความรู้สึกของเด็กน้อยอย่างฉัน รู้สึกหวาดกลัวทุกครั้งที่เฉียดใกล้ ถ้าเดินผ่านส่วนห้องมืดไป ติดกันนั้นจะเป็นห้องนอนของอาม่า ซึ่งยาวไปจนสุดตัวบ้านติดริมน้ำแต่ แต่ห้องอาม่าจะถูกแบ่งช่วงสุดท้ายเป็นห้องเก็บของเล็กๆจะมีตู้กับข้าว อาหารแห้ง และเป็นพื้นที่ทางสัญจร ไปที่ที่สำหรับตากผ้า ริมหน้าต่าง และยังมีส่วนของห้องนอนแม่บ้านซึ่งอยู่ติดกับห้องมืด

    ทางด้านขวา ของตัวบ้านส่วนแรกจะเป็น ห้องเก็บของ(อีกแล้ว) ซึ่งแต่เดิม ห้องส่วนนี้ เคยเป็นห้องนอนของ บีเอ 2 ห้อง แล้วต่อมาก็เลยกลายมาเป็นห้องเก็บของ
    เข้ามาก็เป็นห้องนอน ของพ่อ และแม่ ของฉัน ถัดมาก็เป็นส่วนของห้องนอนเด็กๆ
    และสุดท้ายก็เป็น ส่วนของห้องน้ำ

    คงจะงงแล้วสิว่าห้องครัวอยู่ตรงไหน มันอยู่ชั้นล่างครับ ไม่ผิดแน่ครับ ชั้นล่างแน่นอน !
    อ้าว ไหนบอกว่าเป็นบ้านชั้นเดียวไงหละ!!!

        คือมันเป็นอย่างนี้ บังเอิญว่า บ้านหลังนี้อยู่ริมแม่น้ำ ดังนั้น ตัวบ้านจริงๆเป็นบ้านชั้นเดียว แต่มีการต่อเติม บนส่วนของตลิ่ง นานวันเข้าเลยกลายเป็นส่วนถาวร ของบ้านไป ชั้นล่างนี้แหละ เป็นส่วนครัว และส่วนเก็บอุปกรณ์ และผลิตผลทางการเกษตร

         ส่วนพื้นที่ใช้สอยนี้ ในส่วนตัวของฉันคิดว่า บ้านที่อยู่ริมน้ำน่าจะมีแทบทุกบ้าน เหตุเพราะว่าหลังผ่านฤดูน้ำหลากแล้ว ช่วงน้ำลด น้ำจะพาเอาดินที่อุดม มาทับถมที่ตลิ่ง แล้วตลิ่งแถวบ้านฉันก็เป็นตลิ่งที่ค่อนข้างกว้าง หลังช่วงออกพรรษาแล้ว ลมหนาวเริ่มโชยมาก็จะเห็นชาวบ้านลงไปทำสวน ปลูกผัก กันอยู่ครึกโครม ซึ่งบ้านของฉันก็รวมอยู่ในนั้นด้วย.....
    สมัยที่ผมยังเด็ก...    บ้านไม้เก่าแก่หลังหนึ่ง ตั้งอยู่ริมน้ำสายใหญ่ เป็นบ้านไม้ที่ทีอายุร่วม 80 ปี ด้านหน้าบ้าน ติดถนนเลียบริมนำ้ หันไปทางทิศ ตะวันตก ส่วนหลังบ้าน ติดแม่นำสายใหญ่ และแน่นอน ฉันเองก็เติบโตขึ้นมา ในบ้านหลังนี้ ครอบครัวของเราอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้มานาน ตั้งแต่อาก๋ง อาม่า รวมถึงพ่อ แม่ และพี่น้องของฉันด้วย มันเป็นบ้านไม้ ชั้นเดียวเป็นเรื่องปกติที่ บ้านไม้อายุขนาดนี้ คงไม่มีการจัดแบ่ง พื้นที่ใช้สอยได้ดีนัก ตัวบ้านแบ่งเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ โดยเป็นโถง ขนาดพอสมควร ซึ่งปัจจุบัน คงจะเรียกกันตามภาษาฝรั่งว่า ลิฟวิ่งรูม ก็คงจะำงบึได้ แต่เอาเถอะไม่ว่าจะเรียกอย่างไร มันก็เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของฉันมาตลอด 10 กว่าปี ของการเติบโตในบ้านหลังนั้น แต่น่าจะเป็นเรื่องตลกที่บ้านโบราณจะมี ลิฟวิ่งรูม ชิ้นที่2 เนื่องจากว่าพื้นที่ๆถัดจากโถง ลงไป1 ก้าว มันเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ ชิ้นที่ 2 พวกเราได้ใช้พื้นที่นี้ เป็นส่วนทานอาหาร สำหรับอาม่าใช้เป็น ห้องสมุด และสำหรับแม่ มันกลายเป็น พื้นที่เย็บปักถักร้อย และทำงานอื่นๆ พูดถึงพื้นที่ทานอาหารแล้ว น่าจะเป็นส่วนรับประทานอาหารที่สวยที่สุดในโลก...    เพราะทุกมื้อเช้าของพวกเราจะต้องทานอาหารเช้าไปพร้อมกับ แสงอ่อนๆของอาทิตย์ยามเช้า แต่ อาจจะเป็นเพราะว่าฉันยังเด็ก เกินกว่าจะมองเห็นความสวยงามของธรรมชาติ ฉันเองกลับคิดว่า มันแย่จังที่มีแสงแดดมาแยงตายามเช้าและมันยังร้อนมากอีกด้วย... สุดพื้นที่อเนกประสงค์ เป็นหน้าต่างกระจก กรอบบานเป็นไม้ วางเรียงกันไปตลอดแนวของตัวบ้าน และส่วนริมหน้าต่างนี่เอง ถ้ามองออกไปที่หน้าต่างจะมองเห็น แม่น้ำสายใหญ่ ถัดจากหน้าต่างออกไป จะเป็นส่วนของระเบียง ซึ่งกลายเป็น สวนดอกไม้ลอยฟ้า ของอาม่าฉันเอง ภายในตัวบ้าน ด้านซ้ายมือของทางเดินจะเป็นส่วนที่ฉัน หวาดกลัวที่สุด ฉันเรียกมันว่า ห้องมืด จริงๆแล้วมันก็เป็นแค่ ห้อง อย่าเรียกว่า ห้องดีกว่า น่าจะเป็นพื้นที่เก็บของ เพียงแต่ว่าทุกครั้งที่ ฉันได้เข้าไปนั้น น้อยครั้งเหลือเกินที่จะมีการเปิดไฟส่องสว่าง ทำให้ในความรู้สึกของเด็กน้อยอย่างฉัน รู้สึกหวาดกลัวทุกครั้งที่เฉียดใกล้ ถ้าเดินผ่านส่วนห้องมืดไป ติดกันนั้นจะเป็นห้องนอนของอาม่า ซึ่งยาวไปจนสุดตัวบ้านติดริมน้ำแต่ แต่ห้องอาม่าจะถูกแบ่งช่วงสุดท้ายเป็นห้องเก็บของเล็กๆจะมีตู้กับข้าว อาหารแห้ง และเป็นพื้นที่ทางสัญจร ไปที่ที่สำหรับตากผ้า ริมหน้าต่าง และยังมีส่วนของห้องนอนแม่บ้านซึ่งอยู่ติดกับห้องมืด ทางด้านขวา ของตัวบ้านส่วนแรกจะเป็น ห้องเก็บของ(อีกแล้ว) ซึ่งแต่เดิม ห้องส่วนนี้ เคยเป็นห้องนอนของ บีเอ 2 ห้อง แล้วต่อมาก็เลยกลายมาเป็นห้องเก็บของ เข้ามาก็เป็นห้องนอน ของพ่อ และแม่ ของฉัน ถัดมาก็เป็นส่วนของห้องนอนเด็กๆ และสุดท้ายก็เป็น ส่วนของห้องน้ำ คงจะงงแล้วสิว่าห้องครัวอยู่ตรงไหน มันอยู่ชั้นล่างครับ ไม่ผิดแน่ครับ ชั้นล่างแน่นอน ! อ้าว ไหนบอกว่าเป็นบ้านชั้นเดียวไงหละ!!!     คือมันเป็นอย่างนี้ บังเอิญว่า บ้านหลังนี้อยู่ริมแม่น้ำ ดังนั้น ตัวบ้านจริงๆเป็นบ้านชั้นเดียว แต่มีการต่อเติม บนส่วนของตลิ่ง นานวันเข้าเลยกลายเป็นส่วนถาวร ของบ้านไป ชั้นล่างนี้แหละ เป็นส่วนครัว และส่วนเก็บอุปกรณ์ และผลิตผลทางการเกษตร      ส่วนพื้นที่ใช้สอยนี้ ในส่วนตัวของฉันคิดว่า บ้านที่อยู่ริมน้ำน่าจะมีแทบทุกบ้าน เหตุเพราะว่าหลังผ่านฤดูน้ำหลากแล้ว ช่วงน้ำลด น้ำจะพาเอาดินที่อุดม มาทับถมที่ตลิ่ง แล้วตลิ่งแถวบ้านฉันก็เป็นตลิ่งที่ค่อนข้างกว้าง หลังช่วงออกพรรษาแล้ว ลมหนาวเริ่มโชยมาก็จะเห็นชาวบ้านลงไปทำสวน ปลูกผัก กันอยู่ครึกโครม ซึ่งบ้านของฉันก็รวมอยู่ในนั้นด้วย.....
    0 Comments 0 Shares 861 Views 0 Reviews
  • งานงิ้วประจำปีไหว้ปึงเถ่ากงอาม่าตะพานหิน ณ บริเวณสนามหน้าที่ว่าการอำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร ระหว่างวันที่ 23 - 31 ธันวาคม พ.ศ. 2567
    งานงิ้วประจำปีไหว้ปึงเถ่ากงอาม่าตะพานหิน ณ บริเวณสนามหน้าที่ว่าการอำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร ระหว่างวันที่ 23 - 31 ธันวาคม พ.ศ. 2567
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 273 Views 0 Reviews
  • หนังอาม่า ปลูกฝังคุณธรรมและกตัญญู ไปพันล้านแล้วนะ หนังส้งทรีนเนรคุณแผ่นดินได้ไปเท่าไหร่ ได้ข่าวว่าถอดออกทุกโรงแล้วนะ #คิงส์โพธิ์แดง
    หนังอาม่า ปลูกฝังคุณธรรมและกตัญญู ไปพันล้านแล้วนะ หนังส้งทรีนเนรคุณแผ่นดินได้ไปเท่าไหร่ ได้ข่าวว่าถอดออกทุกโรงแล้วนะ #คิงส์โพธิ์แดง
    0 Comments 0 Shares 319 Views 0 Reviews