แฮร์ริส-ทรัมป์ขนเซเลบขึ้นเวทีช่วยหาเสียง โดยต่างฝ่ายโจมตีกันเรื่องความอึด และเรียกร้องผู้ลงคะแนนล่วงหน้าในรัฐสมรภูมิโหวตให้ตนเองในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่สูสีที่สุดเท่าที่เคยมีมา
.
ในการหาเสียงที่ดีทรอยต์ และแอตแลนตา รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ชวนป็อปสตาร์ ลิซโซ และอัชเชอร์ขึ้นเวทีอุ่นเครื่องให้ฝูงชน พร้อมโจมตีโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งในศึกชิงทำเนียบขาวจากพรรครีพับลิกันว่า อ่อนระโหยโรยแรงและไร้สติ
.
อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ท้าทายคำกล่าวหาดังกล่าวด้วยการปราศรัยมาราธอนในเพนซิลเวเนีย ขณะที่อีลอน มัสก์ นักธุรกิจชื่อดัง ช่วยหาเสียงให้ทรัมป์ในเมืองอื่นในรัฐเดียวกัน
.
แคนดิเดตทั้งคู่ต่อสู้กันดุเดือดในทุกด้านเพื่อแย่งชิงการสนับสนุนในการแข่งขันที่โพลบ่งชี้ว่า คู่คี่สูสีกันมากขณะที่เหลือเวลาอีกไม่ถึง 3 สัปดาห์จะถึงวันเลือกตั้ง
.
แฮร์ริสประกาศกับผู้มีสิทธิออกเสียงในดีทรอยต์ว่า แคมเปญหาเสียงของทรัมป์ทำลายตัวเอง พร้อมย้ำว่า จะลงทุนในชนชั้นแรงงานและชนชั้นกลาง และเสริมว่า สิ่งที่วัดความแข็งแกร่งของผู้นำที่แท้จริงไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเราพยายามเอาชนะใคร แต่ขึ้นอยู่กับว่าใครที่เราจะสนับสนุน
.
ต่อมาระหว่างหาเสียงที่แอตแลนตา แฮร์ริสกล่าวหาทรัมป์ วัย 78 ปี หนีการดีเบตและยกเลิกการให้สัมภาษณ์เพราะหมดแรง พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า เวลาที่ต้องตอบคำถามหรือปราศรัยในการหาเสียง ทรัมป์มักพูดเรื่อยเปื่อยนอกสคริปต์ ซึ่งไม่ใช่เป็นการร้อยเรียงข้อความอย่างที่เจ้าตัวพยายามแก้ต่าง แต่เป็นการพูดจาเลื่อนเปื้อนไร้สาระ
.
ลิซโซที่ไปขึ้นเวทีสนับสนุนแฮร์ริส กล่าวกับฝูงชนว่า ทุกคนสมควรมีประธานาธิบดีที่รับฟัง เคารพสิทธิในการประท้วง และเข้าใจว่า งานของตัวเองคือการรับใช้ประชาชน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่แฮร์ริสนำเสนอ ก่อนทิ้งท้ายว่า อเมริกายิ่งกว่าพร้อมที่จะมีประธานาธิบดีหญิง
.
ขณะที่อัชเชอร์ หนึ่งในศิลปินแถวหน้าของเมืองแอตแลนตา ประกาศฝากความหวังกับฝูงชนในการนำแฮร์ริสเข้าสู่เส้นชัยในรัฐจอร์เจีย
.
ทางด้านทรัมป์เริ่มการหาเสียงด้วยการปราศรัยยาวเหยียดนานกว่า 90 นาที ซึ่งเริ่มต้นด้วยการพูดคนเดียวเกี่ยวกับอาร์โนลด์ ปาล์มเมอร์ นักกอล์ฟที่ถูกนำชื่อมาตั้งเป็นชื่อสนามบินในเมืองลาโทรบ รัฐเพนซิเวเนีย ที่ตัวเขากำลังหาเสียงอยู่
.
หลังจากนั้นทรัมป์จึงเริ่มพฤติกรรมเดิมคือพูดไปเรื่อยที่รวมถึงการโจมตีผู้อพยพ การใส่ร้ายแฮร์ริส และการกล่าวอ้างเท็จซ้ำๆ เกี่ยวกับการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 นอกจากนั้น ทรัมป์ยังพยายามดึงดูดชนชั้นกลางด้วยการนำพนักงานโรงงานเหล็กกล้าหลายคนขึ้นเวที
.
อดีตประธานาธิบดีผู้นี้ยังย้ำความสำคัญของตัวแทนคณะผู้เลือกตั้งในรัฐเพนซิลเวเนียที่มีต่อการเลือกตั้งทั้งหมดโดยประกาศว่า ถ้าชนะที่เพนซิลเวเนียก็จะชนะการเลือกตั้งทั้งประเทศ
.
สำหรับมัสก์ที่ออกมารับรองทรัมป์เมื่อเดือนกรกฎาคม ประกาศที่เมืองแฮร์ริสเบิร์ก ว่าจะสุ่มแจกเงินสดวันละ 1 ล้านดอลลาร์จนถึงวันที่ 5 พ.ย. ซึ่งเป็นวันเลือกตั้ง ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ลงชื่อสนับสนุนคำร้องออนไลน์สนับสนุนรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ของอเมริกา พีเอซี ซึ่งเป็นองค์กรการเมืองที่เขาตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนการหาเสียงของทรัมป์
.
ทั้งแฮร์ริส และทรัมป์ยังใช้เวลาในรัฐสมรภูมิสำคัญที่เริ่มการเลือกตั้งล่วงหน้าแล้ว แฮร์ริสนั้นเห็นสัญญาณแง่บวกในการผลักดันผู้สนับสนุนให้ลงคะแนนล่วงหน้าโดยเร็วที่สุดที่เป็นไปได้ เพื่อเป็นปราการป้องกันความได้เปรียบของรีพับลิกันในบรรดาผู้ลงคะแนนในวันเลือกตั้ง
.
จากข้อมูลของห้องปฏิบัติการการเลือกตั้งมหาวิทยาลัยฟลอริดา มีผู้กาบัตรเลือกตั้งเกือบ 12 ล้านคนในวันศุกร์ (18 ต.ค.) หรือประมาณ 1 ใน 3 ของผู้มีสิทธิออกเสียงใน 7 รัฐสมรภูมิที่คาดว่า จะชี้ขาดการเลือกตั้ง
.
ข้อมูลยังระบุว่า รัฐจอร์เจียทำลายสถิติ ขณะที่นอร์ธแคโรไลนารายงานว่า จำนวนผู้กาบัตรในวันพฤหัสบดี (17 ต.ค.) ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งล่วงหน้าวันแรก มากกว่าเมื่อปี 2020 ที่การระบาดของโควิดทำให้ประชาชนพากันไปเลือกตั้งล่วงหน้าเพิ่มขึ้น
.
อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000101217
..............
Sondhi X
แฮร์ริส-ทรัมป์ขนเซเลบขึ้นเวทีช่วยหาเสียง โดยต่างฝ่ายโจมตีกันเรื่องความอึด และเรียกร้องผู้ลงคะแนนล่วงหน้าในรัฐสมรภูมิโหวตให้ตนเองในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่สูสีที่สุดเท่าที่เคยมีมา . ในการหาเสียงที่ดีทรอยต์ และแอตแลนตา รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ชวนป็อปสตาร์ ลิซโซ และอัชเชอร์ขึ้นเวทีอุ่นเครื่องให้ฝูงชน พร้อมโจมตีโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งในศึกชิงทำเนียบขาวจากพรรครีพับลิกันว่า อ่อนระโหยโรยแรงและไร้สติ . อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ท้าทายคำกล่าวหาดังกล่าวด้วยการปราศรัยมาราธอนในเพนซิลเวเนีย ขณะที่อีลอน มัสก์ นักธุรกิจชื่อดัง ช่วยหาเสียงให้ทรัมป์ในเมืองอื่นในรัฐเดียวกัน . แคนดิเดตทั้งคู่ต่อสู้กันดุเดือดในทุกด้านเพื่อแย่งชิงการสนับสนุนในการแข่งขันที่โพลบ่งชี้ว่า คู่คี่สูสีกันมากขณะที่เหลือเวลาอีกไม่ถึง 3 สัปดาห์จะถึงวันเลือกตั้ง . แฮร์ริสประกาศกับผู้มีสิทธิออกเสียงในดีทรอยต์ว่า แคมเปญหาเสียงของทรัมป์ทำลายตัวเอง พร้อมย้ำว่า จะลงทุนในชนชั้นแรงงานและชนชั้นกลาง และเสริมว่า สิ่งที่วัดความแข็งแกร่งของผู้นำที่แท้จริงไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเราพยายามเอาชนะใคร แต่ขึ้นอยู่กับว่าใครที่เราจะสนับสนุน . ต่อมาระหว่างหาเสียงที่แอตแลนตา แฮร์ริสกล่าวหาทรัมป์ วัย 78 ปี หนีการดีเบตและยกเลิกการให้สัมภาษณ์เพราะหมดแรง พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า เวลาที่ต้องตอบคำถามหรือปราศรัยในการหาเสียง ทรัมป์มักพูดเรื่อยเปื่อยนอกสคริปต์ ซึ่งไม่ใช่เป็นการร้อยเรียงข้อความอย่างที่เจ้าตัวพยายามแก้ต่าง แต่เป็นการพูดจาเลื่อนเปื้อนไร้สาระ . ลิซโซที่ไปขึ้นเวทีสนับสนุนแฮร์ริส กล่าวกับฝูงชนว่า ทุกคนสมควรมีประธานาธิบดีที่รับฟัง เคารพสิทธิในการประท้วง และเข้าใจว่า งานของตัวเองคือการรับใช้ประชาชน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่แฮร์ริสนำเสนอ ก่อนทิ้งท้ายว่า อเมริกายิ่งกว่าพร้อมที่จะมีประธานาธิบดีหญิง . ขณะที่อัชเชอร์ หนึ่งในศิลปินแถวหน้าของเมืองแอตแลนตา ประกาศฝากความหวังกับฝูงชนในการนำแฮร์ริสเข้าสู่เส้นชัยในรัฐจอร์เจีย . ทางด้านทรัมป์เริ่มการหาเสียงด้วยการปราศรัยยาวเหยียดนานกว่า 90 นาที ซึ่งเริ่มต้นด้วยการพูดคนเดียวเกี่ยวกับอาร์โนลด์ ปาล์มเมอร์ นักกอล์ฟที่ถูกนำชื่อมาตั้งเป็นชื่อสนามบินในเมืองลาโทรบ รัฐเพนซิเวเนีย ที่ตัวเขากำลังหาเสียงอยู่ . หลังจากนั้นทรัมป์จึงเริ่มพฤติกรรมเดิมคือพูดไปเรื่อยที่รวมถึงการโจมตีผู้อพยพ การใส่ร้ายแฮร์ริส และการกล่าวอ้างเท็จซ้ำๆ เกี่ยวกับการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 นอกจากนั้น ทรัมป์ยังพยายามดึงดูดชนชั้นกลางด้วยการนำพนักงานโรงงานเหล็กกล้าหลายคนขึ้นเวที . อดีตประธานาธิบดีผู้นี้ยังย้ำความสำคัญของตัวแทนคณะผู้เลือกตั้งในรัฐเพนซิลเวเนียที่มีต่อการเลือกตั้งทั้งหมดโดยประกาศว่า ถ้าชนะที่เพนซิลเวเนียก็จะชนะการเลือกตั้งทั้งประเทศ . สำหรับมัสก์ที่ออกมารับรองทรัมป์เมื่อเดือนกรกฎาคม ประกาศที่เมืองแฮร์ริสเบิร์ก ว่าจะสุ่มแจกเงินสดวันละ 1 ล้านดอลลาร์จนถึงวันที่ 5 พ.ย. ซึ่งเป็นวันเลือกตั้ง ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ลงชื่อสนับสนุนคำร้องออนไลน์สนับสนุนรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ของอเมริกา พีเอซี ซึ่งเป็นองค์กรการเมืองที่เขาตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนการหาเสียงของทรัมป์ . ทั้งแฮร์ริส และทรัมป์ยังใช้เวลาในรัฐสมรภูมิสำคัญที่เริ่มการเลือกตั้งล่วงหน้าแล้ว แฮร์ริสนั้นเห็นสัญญาณแง่บวกในการผลักดันผู้สนับสนุนให้ลงคะแนนล่วงหน้าโดยเร็วที่สุดที่เป็นไปได้ เพื่อเป็นปราการป้องกันความได้เปรียบของรีพับลิกันในบรรดาผู้ลงคะแนนในวันเลือกตั้ง . จากข้อมูลของห้องปฏิบัติการการเลือกตั้งมหาวิทยาลัยฟลอริดา มีผู้กาบัตรเลือกตั้งเกือบ 12 ล้านคนในวันศุกร์ (18 ต.ค.) หรือประมาณ 1 ใน 3 ของผู้มีสิทธิออกเสียงใน 7 รัฐสมรภูมิที่คาดว่า จะชี้ขาดการเลือกตั้ง . ข้อมูลยังระบุว่า รัฐจอร์เจียทำลายสถิติ ขณะที่นอร์ธแคโรไลนารายงานว่า จำนวนผู้กาบัตรในวันพฤหัสบดี (17 ต.ค.) ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งล่วงหน้าวันแรก มากกว่าเมื่อปี 2020 ที่การระบาดของโควิดทำให้ประชาชนพากันไปเลือกตั้งล่วงหน้าเพิ่มขึ้น . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000101217 .............. Sondhi X
Like
2
0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 845 มุมมอง 0 รีวิว