มันน่าจะใกล้ถึง จุดระเบิด เต็มที!!!...สำหรับความเป็นไปของโลกทุกวันนี้ ไม่ว่าจะดูจากแนวรบยุโรปตะวันออก ตะวันออกกลาง หรือแม้แต่ทะเลจีนใต้ก็ตามที แต่สำหรับ บ้านเรา นั้น ใครต่อใครดูๆ จะหันไปสนใจหนักไปทางเรื่องดิไอค่ง ไอคอน เรื่องบอสโน่น บอสนี่ซะเป็นหลัก ส่วนจะก่อให้เกิดประโยชน์โพดผลต่อส่วนรวม ต่อสังคมมาก-น้อยขนาดไหน อันนั้นคงต้องว่าไปตาม รสนิยม ของใคร-ของมันก็แล้วกัน...

แต่สำหรับผู้ที่รักบ้าน-รักเมือง ห่วงบ้าน-ห่วงเมือง...ก็น่าที่จะเริ่มคิดๆ เอาไว้ก่อนล่วงหน้า ว่าโอกาสที่ ผลกระทบ ต่างๆ นานา มันจะอุบัติขึ้นมาในรูปไหน? แบบไหน? ควรที่จะเตรียมตัวรับมือ รับสภาพ กันในลักษณะไหน? อย่างไร? เพราะเอาแค่เฉพาะ ราคาน้ำมัน ที่อาจเตลิดเปิดเปิงไปเป็นร้อยๆ ดอลลาร์

120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อย่างที่ใครๆ เขาว่า แค่นี้ก็น่าจะรากเขียว-รากเหลือง อ้วกแตก-อ้วกแตน ไปพอสมควรแล้ว แต่ก็อย่างที่เคยมีผู้อุปมา-อุปไมยถึงความเป็นไปของสังคมไทย ของ ระบบ-ระบอบ ในบ้านเมือง ที่อาจไม่ต่างไปจากกองฟืนแห้งๆ ที่ถูกวางสุมเอาไว้ทั่วทุกซอก ทุกมุม โอกาสที่ ประกายไฟ จากไฟสงคราม มันจะกลายเป็นตัวจุดปะทุให้แต่ละสิ่ง-แต่ละอย่าง ต้องมีอัน เตร๊งเตรง...เตร่งต๋อย ไฟไหม้มูลฝอยดังพรึ่บบ์บ์บ์ ก็ใช่ว่าจะไม่มีเอาเสียเลย...

โดยสิ่งที่ต้องถือว่าเป็น สิ่งสำคัญ เอามากๆ ไม่ว่าสำหรับบ้านไหน-เมืองไหน ในการรับมือกับผลกระทบต่างๆ นานา ก็คงหนีไม่พ้นไปจากความร่วมมือ-ร่วมใจ หรือสิ่งที่ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 9 ท่านทรงเรียกว่า ความรู้รัก-สามัคคี นั่นเอง และเป็นสิ่งที่คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้เลย ว่าค่อนข้างจะเหือดหาย แห้งแล้ง เอามากๆ สำหรับสังคมไทย โดยเฉพาะนับแต่ช่วง ทศวรรษแห่งความมืดมน หรือเมื่อกว่าสิบๆ ปีที่แล้วเป็นต้นมา ยิ่งเมื่อต้องเจอกับความ ก้าวหน้า-ก้าวไกล ทางเทคโนโลยี ที่สามารถฉีกกระชากสังคมแต่ละสังคม ให้ย่อยแยก แตกกระจาย ไปเป็นชิ้นๆ เกิด ช่องว่างระหว่างวัย ชนิดต่อยังไงก็แทบต่อไม่ติด โอกาสที่จะร่วมแรง-ร่วมใจ ก้าวผ่าน วิกฤต ในแต่ละช่วง แต่ละระยะ มันจึงออกจะยากเย็น แสนเข็ญ อยู่พอสมควร...

และด้วยเหตุเท่าที่ผ่านมา...จะโดยเพราะ ตบะ-บารมี ของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 9 หรือ พระสยามเทวาธิราช ก็แล้วแต่จะคิด หลายต่อหลายวิกฤต จึงถูกคลี่คลาย ผ่อนคลาย จากหนักไปเป็นเบา ได้อย่างน่าทึ่ง น่าประทับใจเอามากๆ ชนิดแม้แต่คนต่างบ้าน-ต่างเมือง ยังอด อัศจรรย์ใจ ต่อความยืดหยุ่น ประนีประนอม แห่ง ความเป็นไทย ภายในสังคมไทย ขึ้นมาไม่ได้ โดยเฉพาะการให้ความยอมรับ การยินยอม พร้อมใจ ต่อ ศูนย์รวมจิตใจ ที่อุบัติขึ้นมาโดย พระบารมี ไม่ใช่ด้วย พระราชอำนาจ และได้ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญในการคลี่คลายวิกฤตต่างๆ นานา ได้อย่างเป็นมรรค เป็นผล...

แต่เมื่อสิ่งเหล่านี้ต้องสิ้นสุด ยุติ ลงไปตาม กฎเกณฑ์แห่งธรรมชาติ ...อะไร??? ที่จะเข้ามาเป็นสิ่งทดแทน เป็นตัวช่วยประคับประคอง ในแต่ละห้วง แต่ละระยะ ที่เกิดวิกฤต อันนี้นี่แหละ...ที่คงต้องช่วยกันคิด ช่วยกันตระเตรียมรับมือเอาไว้ในแต่ละด้าน โดยไม่ว่าสิ่งเหล่านั้นมันจะออกไปทาง อนุรักษนิยม หรือ เสรีนิยม ก็ตาม แต่ถ้าสามารถช่วยประคับประคอง ช่วยคลี่คลายวิกฤตแต่ละรูป แต่ละแบบ ย่อมต้องถือเป็นสิ่งที่มีคุณค่า มีราคา ไปด้วยกันทั้งนั้น อันเป็นสิ่งที่บรรดาผู้รักบ้านรักเมือง ห่วงบ้าน ห่วงเมือง ทั้งหลาย ไม่ควรคิดที่จะปฏิเสธ...

การสร้าง ความรู้รัก-สามัคคี ภายใต้สังคมสมัยใหม่ ที่เต็มไปด้วยความย่อยแยก แตกกระจาย ย่อมเป็นอะไรที่ยากเย็น แสนเข็ญ เอามากๆ และยิ่งภายใต้ภาวะวิกฤตที่เข้ามากระหน่ำ ซ้ำเติม ยิ่งแทบทำให้ไม่เห็นทางออก-ทางไป เอาเลยก็ว่าได้ แต่ก็นั่นแหละ...ด้วยเหตุเพราะมีแต่สิ่งนี้เท่านั้น ที่พอจะช่วยผ่อนหนักเป็นเบา ช่วยประคับประคองสังคมแต่ละสังคมให้พอรอดพ้นปากเหยี่ยว-ปากกาได้มั่ง ดังนั้น...ไม่ว่าจะยากขนาดไหน ไม่ว่ายังแทบมองไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ แต่ถ้ามุ่งมั่น และเพียรพยายาม พร้อมที่จะสืบทอด ต่อยอด ในสิ่งที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านทรงได้บำเพ็ญเพียร ได้ทรงแสดงให้เห็นเป็นแบบอย่าง ตัวอย่าง ไว้แล้ว อย่างน้อย...ก็น่าจะพอช่วยให้บ้านเมืองไม่ถึงกับต้อง แตกสลาย ลงไปต่อหน้า-ต่อตา.

https://www.thaipost.net/columnist-people/676550/

#Thaitimes
มันน่าจะใกล้ถึง จุดระเบิด เต็มที!!!...สำหรับความเป็นไปของโลกทุกวันนี้ ไม่ว่าจะดูจากแนวรบยุโรปตะวันออก ตะวันออกกลาง หรือแม้แต่ทะเลจีนใต้ก็ตามที แต่สำหรับ บ้านเรา นั้น ใครต่อใครดูๆ จะหันไปสนใจหนักไปทางเรื่องดิไอค่ง ไอคอน เรื่องบอสโน่น บอสนี่ซะเป็นหลัก ส่วนจะก่อให้เกิดประโยชน์โพดผลต่อส่วนรวม ต่อสังคมมาก-น้อยขนาดไหน อันนั้นคงต้องว่าไปตาม รสนิยม ของใคร-ของมันก็แล้วกัน... แต่สำหรับผู้ที่รักบ้าน-รักเมือง ห่วงบ้าน-ห่วงเมือง...ก็น่าที่จะเริ่มคิดๆ เอาไว้ก่อนล่วงหน้า ว่าโอกาสที่ ผลกระทบ ต่างๆ นานา มันจะอุบัติขึ้นมาในรูปไหน? แบบไหน? ควรที่จะเตรียมตัวรับมือ รับสภาพ กันในลักษณะไหน? อย่างไร? เพราะเอาแค่เฉพาะ ราคาน้ำมัน ที่อาจเตลิดเปิดเปิงไปเป็นร้อยๆ ดอลลาร์ 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อย่างที่ใครๆ เขาว่า แค่นี้ก็น่าจะรากเขียว-รากเหลือง อ้วกแตก-อ้วกแตน ไปพอสมควรแล้ว แต่ก็อย่างที่เคยมีผู้อุปมา-อุปไมยถึงความเป็นไปของสังคมไทย ของ ระบบ-ระบอบ ในบ้านเมือง ที่อาจไม่ต่างไปจากกองฟืนแห้งๆ ที่ถูกวางสุมเอาไว้ทั่วทุกซอก ทุกมุม โอกาสที่ ประกายไฟ จากไฟสงคราม มันจะกลายเป็นตัวจุดปะทุให้แต่ละสิ่ง-แต่ละอย่าง ต้องมีอัน เตร๊งเตรง...เตร่งต๋อย ไฟไหม้มูลฝอยดังพรึ่บบ์บ์บ์ ก็ใช่ว่าจะไม่มีเอาเสียเลย... โดยสิ่งที่ต้องถือว่าเป็น สิ่งสำคัญ เอามากๆ ไม่ว่าสำหรับบ้านไหน-เมืองไหน ในการรับมือกับผลกระทบต่างๆ นานา ก็คงหนีไม่พ้นไปจากความร่วมมือ-ร่วมใจ หรือสิ่งที่ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 9 ท่านทรงเรียกว่า ความรู้รัก-สามัคคี นั่นเอง และเป็นสิ่งที่คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้เลย ว่าค่อนข้างจะเหือดหาย แห้งแล้ง เอามากๆ สำหรับสังคมไทย โดยเฉพาะนับแต่ช่วง ทศวรรษแห่งความมืดมน หรือเมื่อกว่าสิบๆ ปีที่แล้วเป็นต้นมา ยิ่งเมื่อต้องเจอกับความ ก้าวหน้า-ก้าวไกล ทางเทคโนโลยี ที่สามารถฉีกกระชากสังคมแต่ละสังคม ให้ย่อยแยก แตกกระจาย ไปเป็นชิ้นๆ เกิด ช่องว่างระหว่างวัย ชนิดต่อยังไงก็แทบต่อไม่ติด โอกาสที่จะร่วมแรง-ร่วมใจ ก้าวผ่าน วิกฤต ในแต่ละช่วง แต่ละระยะ มันจึงออกจะยากเย็น แสนเข็ญ อยู่พอสมควร... และด้วยเหตุเท่าที่ผ่านมา...จะโดยเพราะ ตบะ-บารมี ของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 9 หรือ พระสยามเทวาธิราช ก็แล้วแต่จะคิด หลายต่อหลายวิกฤต จึงถูกคลี่คลาย ผ่อนคลาย จากหนักไปเป็นเบา ได้อย่างน่าทึ่ง น่าประทับใจเอามากๆ ชนิดแม้แต่คนต่างบ้าน-ต่างเมือง ยังอด อัศจรรย์ใจ ต่อความยืดหยุ่น ประนีประนอม แห่ง ความเป็นไทย ภายในสังคมไทย ขึ้นมาไม่ได้ โดยเฉพาะการให้ความยอมรับ การยินยอม พร้อมใจ ต่อ ศูนย์รวมจิตใจ ที่อุบัติขึ้นมาโดย พระบารมี ไม่ใช่ด้วย พระราชอำนาจ และได้ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญในการคลี่คลายวิกฤตต่างๆ นานา ได้อย่างเป็นมรรค เป็นผล... แต่เมื่อสิ่งเหล่านี้ต้องสิ้นสุด ยุติ ลงไปตาม กฎเกณฑ์แห่งธรรมชาติ ...อะไร??? ที่จะเข้ามาเป็นสิ่งทดแทน เป็นตัวช่วยประคับประคอง ในแต่ละห้วง แต่ละระยะ ที่เกิดวิกฤต อันนี้นี่แหละ...ที่คงต้องช่วยกันคิด ช่วยกันตระเตรียมรับมือเอาไว้ในแต่ละด้าน โดยไม่ว่าสิ่งเหล่านั้นมันจะออกไปทาง อนุรักษนิยม หรือ เสรีนิยม ก็ตาม แต่ถ้าสามารถช่วยประคับประคอง ช่วยคลี่คลายวิกฤตแต่ละรูป แต่ละแบบ ย่อมต้องถือเป็นสิ่งที่มีคุณค่า มีราคา ไปด้วยกันทั้งนั้น อันเป็นสิ่งที่บรรดาผู้รักบ้านรักเมือง ห่วงบ้าน ห่วงเมือง ทั้งหลาย ไม่ควรคิดที่จะปฏิเสธ... การสร้าง ความรู้รัก-สามัคคี ภายใต้สังคมสมัยใหม่ ที่เต็มไปด้วยความย่อยแยก แตกกระจาย ย่อมเป็นอะไรที่ยากเย็น แสนเข็ญ เอามากๆ และยิ่งภายใต้ภาวะวิกฤตที่เข้ามากระหน่ำ ซ้ำเติม ยิ่งแทบทำให้ไม่เห็นทางออก-ทางไป เอาเลยก็ว่าได้ แต่ก็นั่นแหละ...ด้วยเหตุเพราะมีแต่สิ่งนี้เท่านั้น ที่พอจะช่วยผ่อนหนักเป็นเบา ช่วยประคับประคองสังคมแต่ละสังคมให้พอรอดพ้นปากเหยี่ยว-ปากกาได้มั่ง ดังนั้น...ไม่ว่าจะยากขนาดไหน ไม่ว่ายังแทบมองไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ แต่ถ้ามุ่งมั่น และเพียรพยายาม พร้อมที่จะสืบทอด ต่อยอด ในสิ่งที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านทรงได้บำเพ็ญเพียร ได้ทรงแสดงให้เห็นเป็นแบบอย่าง ตัวอย่าง ไว้แล้ว อย่างน้อย...ก็น่าจะพอช่วยให้บ้านเมืองไม่ถึงกับต้อง แตกสลาย ลงไปต่อหน้า-ต่อตา. https://www.thaipost.net/columnist-people/676550/ #Thaitimes
WWW.THAIPOST.NET
ศูนย์รวมจิตใจในยาม 'วิกฤต'
มันน่าจะใกล้ถึง จุดระเบิด เต็มที!!!...สำหรับความเป็นไปของโลกทุกวันนี้ ไม่ว่าจะดูจากแนวรบยุโรปตะวันออก ตะวันออกกลาง หรือแม้แต่ทะเลจีนใต้ก็ตามที แต่สำหรับ บ้านเรา
0 Comments 0 Shares 319 Views 0 Reviews