บทวิจารณ์วิเคราะห์น่าสนใจจากเพจเฟซบุ๊ก“ลุงชูเต่า นั่งรถบางคัน”เกี่ยวกับประเด็นร้อน เรื่องการที่ The Icon ใช้สกุลเงินดิจิตอล เช่น USDT ไปให้พวกเทวดานั้น หลายคนที่ไม่ได้เล่นใน Defi ระดับลึกมากอาจไม่เข้าใจทั้งหมดว่ามันจะตามยากถึงยากที่สุด บางทีอาจอยู่ในระดับที่ตามไม่ได้มาจากสาเหตุใดกันบ้าง ไหนว่าโปร่งใส ตรวจสอบได้

เริ่มแรกเอาแบบระดับใน Exchange ก่อน

1.คำว่า โปร่งใส ตรวจสอบได้ มันคือ การบอกว่า มีการโอนเงินนี้จริงนะ สำเร็จเรียบร้อย จากกระเป๋าต้นทางไปกระเป๋าปลายทาง แต่มันไม่ได้บอกว่ากระเป๋านี้คือใคร ???

2.การ KYC ของ Exchange พอจะช่วยได้ระบุได้ว่า wallet ที่ถ้าเค้าโอนมาเข้า Exchange แต่ถ้าผมเป็นพวกรับเงินเทา เงินมืด ผมก็คงไม่เลือกเสี่ยงโอนมาในที่ๆระบุตัวตนผมได้หรอก

3.การโอนไขว้ไปมาระหว่าง Exchange ระดับเบอร์ต้นๆกับปลายๆ ก็ทำให้ยากต่อการขอข้อมูลระบุตัวตน โอนเข้าไปโอนออกมาอีก wallet ฟอก wallet ผ่าน Exchange นี้ไม่นับเข้าเป็น USDT ออกมาเป็น USDC , เข้าเป็น USDT เชน ETH ออกมาเป็น USDT เชน OP

4.บัญชีที่เปิดใช้ใน Exchange ก็ไม่รู้ว่าเป็นแค่บัญชีม้าระดับไหน เผลอๆเป็นคนตายแล้วอีกต่างหาก

ถัดมาถ้าเป็นระดับ Defi ละ
1.เลือกใช้ Bridge อาจแปลงจาก USDT เชน OP ไปเป็น Sui คือแปลงแบบ swap ซื้อขายแลกเปลี่ยนเหรียญหนึ่งไปเป็นอีกเหรียญหนึ่ง

2.ใช้พวกเชน Privacy อันนี้จะเป็นเชนที่มีความเป็นส่วนตัวสูง ถูกออกแบบมาให้จำกัดการเข้าถึงข้อมูลเฉพาะผู้ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ข้อมูลธุรกรรมและผู้ใช้งานจะไม่ถูกเปิดเผยให้บุคคลภายนอกเห็น การติดตามก็เป็นไปไม่ได้เลย ส่วนตัวผมไม่เคยเล่นจึงไม่รู้ลึกมาก แต่คิดว่าไม่ได้รับความนิยมเท่าไร เนื่องจากสุดท้ายมันก็ต้องโอนไปขายบน Exchange อยู่ดี แล้วมันก็พอมองออกว่าใครใช้น่าจะไม่เทาก็มืดอยู่

3.ข้อนี้จะน่ากลัวสุด อยู่ในระดับสิ้นหวังกันไปเลย คือ ใช้ ทอร์นาโด หมุนปั่น
หลักการมันคือ การที่เค้าเอา USDT ไปแปลงเป็น ETH ก่อน ถัดจากนั้นเค้าก็จะเอาไปฝากในแพทฟอร์มปั่น โดยมันจะมีการให้ฝากเป็นจำนวนคงที่ เช่น 1 ETH , 10 ETH , 100 ETH ถ้าเรามีอยู่ 549 ETH ก็ค่อยๆซอยไม้ฝากเข้าไป ซึ่งสมมติพอฝากเข้าไป 100 ETH แล้ว เราก็จะได้เลขรหัสเหมือนตั๋วสัญญาแลกเงิน เพื่อนำมาขึ้นเงิน 99 ETH (1 ETH ค่า Fees) อาจฝากวันนี้แต่อีก 3 ปีข้างหน้าค่อยมาเอาก็ได้ ใครที่พอมองภาพออกจะเห็นได้ว่าแล้วถ้ามีคนมาใช้งานแพทฟอร์มนี้เป็นร้อยๆคนต่อวันละ จะเกิดอะไรขึ้น มันก็คือการฟอกจนไม่รู้ว่าเงิน USDT ที่มีปัญหาจากคดีนี้ไปอยู่ที่ wallet ไหนแล้ว มันคือการตัดเส้นทาง wallet แรกเริ่มเดิมทีออกจากการติดตามไปเลย เช่น เราอาจตามคดี The Icon นี้ แต่เห็น wallet อีกเจ้าเพิ่งถอน 99 ETH จากระบบไป เค้าเอาไปขายบน Exchange แต่จริงๆแล้วอาจเป็นเงินค้ายาของประเทศอื่นซักที่ ไปติดตามก็ดันไม่ใช่คดีเราอีก สารพัดจะปัญหาในการสืบสวน ถัดมาสิ่งที่เป็นปัญหายังไม่จบ ใช่ว่าคนที่ฝาก ETH เข้าไปจะมีแต่พวกเงินมืด มันก็คือคนธรรมดาอย่างพวกเรานี้ละฝากเข้าไปช่วยระบบอีก เพราะมันได้ค่า Fees ที่เกิดขึ้นจากการปั่นในแต่ละครั้งด้วย จับคนพวกนี้ไปก็เหมือนคนธรรมดา จริงๆน่าจะจับข้อหาช่วยฟอกเงินแต่มันคนประเทศไหนอีกละ ผมว่านะถ้าเค้าเอาไปปั่น ยอมได้เลย เสียเวลาตาม ขนาดเป็นคดีระดับโลก มีคนทั้งโลกช่วยตามโอกาสตามได้อาจไม่ 0% แต่ต่ำ 1%

สรุปก็คือ ถ้าพวกเทวดหรือแก๊ง call ใช้เงินดิจิตอลในการหลบ ความเป็นไปได้ที่จะติดตามเงินต่อจากนี้มันยากมากๆ ถ้าจะทำการแก้มันต้องเป็นวาระระดับโลก แล้วผมก็คิดว่าพวกนั้นน่าจะมีความรู้หรือเส้นทางการหลบ สูงกว่าที่ผมรู้ไปอีก

ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/iDUmRiSSPwHgEret/?mibextid=CTbP7E

#Thaitimes
บทวิจารณ์วิเคราะห์น่าสนใจจากเพจเฟซบุ๊ก“ลุงชูเต่า นั่งรถบางคัน”เกี่ยวกับประเด็นร้อน เรื่องการที่ The Icon ใช้สกุลเงินดิจิตอล เช่น USDT ไปให้พวกเทวดานั้น หลายคนที่ไม่ได้เล่นใน Defi ระดับลึกมากอาจไม่เข้าใจทั้งหมดว่ามันจะตามยากถึงยากที่สุด บางทีอาจอยู่ในระดับที่ตามไม่ได้มาจากสาเหตุใดกันบ้าง ไหนว่าโปร่งใส ตรวจสอบได้ เริ่มแรกเอาแบบระดับใน Exchange ก่อน 1.คำว่า โปร่งใส ตรวจสอบได้ มันคือ การบอกว่า มีการโอนเงินนี้จริงนะ สำเร็จเรียบร้อย จากกระเป๋าต้นทางไปกระเป๋าปลายทาง แต่มันไม่ได้บอกว่ากระเป๋านี้คือใคร ??? 2.การ KYC ของ Exchange พอจะช่วยได้ระบุได้ว่า wallet ที่ถ้าเค้าโอนมาเข้า Exchange แต่ถ้าผมเป็นพวกรับเงินเทา เงินมืด ผมก็คงไม่เลือกเสี่ยงโอนมาในที่ๆระบุตัวตนผมได้หรอก 3.การโอนไขว้ไปมาระหว่าง Exchange ระดับเบอร์ต้นๆกับปลายๆ ก็ทำให้ยากต่อการขอข้อมูลระบุตัวตน โอนเข้าไปโอนออกมาอีก wallet ฟอก wallet ผ่าน Exchange นี้ไม่นับเข้าเป็น USDT ออกมาเป็น USDC , เข้าเป็น USDT เชน ETH ออกมาเป็น USDT เชน OP 4.บัญชีที่เปิดใช้ใน Exchange ก็ไม่รู้ว่าเป็นแค่บัญชีม้าระดับไหน เผลอๆเป็นคนตายแล้วอีกต่างหาก ถัดมาถ้าเป็นระดับ Defi ละ 1.เลือกใช้ Bridge อาจแปลงจาก USDT เชน OP ไปเป็น Sui คือแปลงแบบ swap ซื้อขายแลกเปลี่ยนเหรียญหนึ่งไปเป็นอีกเหรียญหนึ่ง 2.ใช้พวกเชน Privacy อันนี้จะเป็นเชนที่มีความเป็นส่วนตัวสูง ถูกออกแบบมาให้จำกัดการเข้าถึงข้อมูลเฉพาะผู้ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ข้อมูลธุรกรรมและผู้ใช้งานจะไม่ถูกเปิดเผยให้บุคคลภายนอกเห็น การติดตามก็เป็นไปไม่ได้เลย ส่วนตัวผมไม่เคยเล่นจึงไม่รู้ลึกมาก แต่คิดว่าไม่ได้รับความนิยมเท่าไร เนื่องจากสุดท้ายมันก็ต้องโอนไปขายบน Exchange อยู่ดี แล้วมันก็พอมองออกว่าใครใช้น่าจะไม่เทาก็มืดอยู่ 3.ข้อนี้จะน่ากลัวสุด อยู่ในระดับสิ้นหวังกันไปเลย คือ ใช้ ทอร์นาโด หมุนปั่น หลักการมันคือ การที่เค้าเอา USDT ไปแปลงเป็น ETH ก่อน ถัดจากนั้นเค้าก็จะเอาไปฝากในแพทฟอร์มปั่น โดยมันจะมีการให้ฝากเป็นจำนวนคงที่ เช่น 1 ETH , 10 ETH , 100 ETH ถ้าเรามีอยู่ 549 ETH ก็ค่อยๆซอยไม้ฝากเข้าไป ซึ่งสมมติพอฝากเข้าไป 100 ETH แล้ว เราก็จะได้เลขรหัสเหมือนตั๋วสัญญาแลกเงิน เพื่อนำมาขึ้นเงิน 99 ETH (1 ETH ค่า Fees) อาจฝากวันนี้แต่อีก 3 ปีข้างหน้าค่อยมาเอาก็ได้ ใครที่พอมองภาพออกจะเห็นได้ว่าแล้วถ้ามีคนมาใช้งานแพทฟอร์มนี้เป็นร้อยๆคนต่อวันละ จะเกิดอะไรขึ้น มันก็คือการฟอกจนไม่รู้ว่าเงิน USDT ที่มีปัญหาจากคดีนี้ไปอยู่ที่ wallet ไหนแล้ว มันคือการตัดเส้นทาง wallet แรกเริ่มเดิมทีออกจากการติดตามไปเลย เช่น เราอาจตามคดี The Icon นี้ แต่เห็น wallet อีกเจ้าเพิ่งถอน 99 ETH จากระบบไป เค้าเอาไปขายบน Exchange แต่จริงๆแล้วอาจเป็นเงินค้ายาของประเทศอื่นซักที่ ไปติดตามก็ดันไม่ใช่คดีเราอีก สารพัดจะปัญหาในการสืบสวน ถัดมาสิ่งที่เป็นปัญหายังไม่จบ ใช่ว่าคนที่ฝาก ETH เข้าไปจะมีแต่พวกเงินมืด มันก็คือคนธรรมดาอย่างพวกเรานี้ละฝากเข้าไปช่วยระบบอีก เพราะมันได้ค่า Fees ที่เกิดขึ้นจากการปั่นในแต่ละครั้งด้วย จับคนพวกนี้ไปก็เหมือนคนธรรมดา จริงๆน่าจะจับข้อหาช่วยฟอกเงินแต่มันคนประเทศไหนอีกละ ผมว่านะถ้าเค้าเอาไปปั่น ยอมได้เลย เสียเวลาตาม ขนาดเป็นคดีระดับโลก มีคนทั้งโลกช่วยตามโอกาสตามได้อาจไม่ 0% แต่ต่ำ 1% สรุปก็คือ ถ้าพวกเทวดหรือแก๊ง call ใช้เงินดิจิตอลในการหลบ ความเป็นไปได้ที่จะติดตามเงินต่อจากนี้มันยากมากๆ ถ้าจะทำการแก้มันต้องเป็นวาระระดับโลก แล้วผมก็คิดว่าพวกนั้นน่าจะมีความรู้หรือเส้นทางการหลบ สูงกว่าที่ผมรู้ไปอีก ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/iDUmRiSSPwHgEret/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
Like
2
2 Comments 0 Shares 515 Views 0 Reviews