อ่านเอาเรื่อง Ep.78: ไซบีเรีย
ความในตอนที่แล้วได้เล่าไปถึงเรื่องท่อก๊าซไซบีเรียที่รัสเซียต่อท่อส่งมาขายให้จีน ผมก็เกิดสงสัยขึ้นว่า “ไซบีเรียนี่อยู่ตรงไหนกันแน่?”
ในความคิดแรก ผมคิดแค่ว่าไซบีเรียคงเป็นจังหวัดหรือมณฑลหนึ่งในรัสเซีย แต่ปรากฏว่าไม่ใช่แฮะ ไซบีเรียนั้นคือแผ่นดินขนาดยักษ์ที่ถือเป็น 80% ของประเทศรัสเซียเลย
ถ้าพูดเอาง่ายก็คือ รัสเซียนั้นเป็นประเทศที่ครอบคลุมสองทวีปคือยุโรปและเอเซีย ซึ่งแบ่งกันด้วยเทือกเขาอูราล ฝั่งซ้ายของเทือกเขาอูราลเป็นฝั่งยุโรปครับ เมืองใหญ่ๆเช่น มอสโคว หรือ เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และที่ทำการรัฐบาลรัสเซียอยู่ฝั่งนี้
ส่วนฝั่งขวาของอูราลเป็นฝั่งเอเซียครับ ซึ่งแผ่นดินรัสเซียทั้งหมดในฝั่งเอเซียนี่แหละครับที่เราเรียกว่า “ไซบีเรีย” กว้างใหญ่ไพศาลประมาณ 13 ล้านตร.กม.
ไซบีเรียนั้นใหญ่กว่าประเทศไทยราวๆ 10 เท่าครับ
.
.
.
เมื่อเราย้อนเวลาไปประมาณ 150 ปีที่แล้ว ไซบีเรียนั้นเป็นพื้นที่หนาวเหน็บและทุรกันดารมาก รัฐบาลของพระเจ้าซาร์ไม่ค่อยได้ให้ความใส่ใจมากเท่าไรเพราะถือเป็นแผ่นดินไกลโพ้น
ในเวลานั้นเมืองของรัสเซียที่อยู่ไกลสุดฝั่งตะวันออกมีอยู่สองเมืองชื่อว่า “วลาดิวอสสต็อก” กับ “คาบารอฟ” ซึ่งอยู่ติดกับดินแดนของจีนที่เรียกว่า “แมนจูเรีย” ครับ
ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับรัสเซียในยุคนั้น ก็คือไม่ได้รักกันแต่ก็ไม่ได้เป็นศัตรูกันครับ อยู่เป็นเพื่อนบ้านกันไปยังงั้นแหละ ชาวไซบีเรียบางส่วนก็หน้าตาคล้ายคนจีน แถมบางกลุ่มยังคิดว่าตัวเองอยู่ในแผ่นดินของจักรพรรดิจีนอยู่เลย
แต่เมื่อเข้าสู่ยุคล่าอาณานิคม อันมีทั้งอังกฤษ โปรตุเกส และสเปน เข้ามามีอิทธิพลในเอเซีย รัสเซียก็เลยเริ่มกังวลถึงความปลอดภัยของดินแดนตัวเองที่อยู่ใกล้ๆจีน คือ เมืองวลาดิวอสต็อก
ในเวลานั้น เครื่องมือสำคัญอันหนึ่งที่ฝรั่งเขาใช้รุกรานแผ่นดินอื่นคือ “ทางรถไฟ” ครับ
อเมริกาใช้การก่อสร้างรางรถไฟเพื่อขยายรุกคืบไปยึดครองอเมริกาฝั่งตะวันตก ชื่อว่า “ทางรถไฟสายทรานส์คอนติเนนทัล"
อังกฤษก็ใช้วิธีเดียวกันในการรุกคืบแผ่นดินแคนาดาฝั่งตะวันตก คือ สร้างรางรถไฟชื่อว่า ”แคเนเดี้ยน แปซิฟิก เรลเวย์“
รัสเซียเกรงว่าเมื่ออังกฤษยึดครองแคนาดาฝั่งตะวันตก (แถวๆแวนคูเวอร์) เสร็จแล้ว ก็จะเอาทหารนั่งเรือต่อมายังเอเซียและมาวุ่นวายกับดินแดนรัสเซียฝั่งเอเซียเข้า
โครงการอภิมหาโปรเจคท์สร้างทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียจึงกำเนิดขึ้นในปี 1881
เป้าหมายของรัสเซียคือ เพื่อให้กองทัพรัสเซียขนส่งทหารและยุทโธปกรณ์ไปยังเมืองวลาดิวอสต็อกให้ได้โดยเร็วเมื่อเกิดสงคราม
ต้องขอเล่าก่อนว่า แต่ดั้งเดิมนั้นการเดินทางจากเมืองมอสโควไปยังตะวันออกของรัสเซีย ควีนคัทรินมหาราชินีแห่งรัสเซียได้เคยสร้างถนนยาวนับหมื่นกิโลเมตรไว้แล้ว แต่ก็ผุพังไปเพราะไม่มีการบำรุงรักษา
ต่อมาคนรัสเซียจึงใช้การล่องเรือไปตามแม่น้ำ แต่ก็ทำได้จำกัดเพราะไซบีเรียนั้นหนาวเหน็บหฤโหดมาก แม่น้ำแข็งจนเป็นน้ำแข็งถึงปีละ 8 เดือน
ในเบื้องแรกรัฐบาลรัสเซียก็เห็นพ้องต้องกันว่า ถึงเวลาที่ควรจะสร้างทางรถไฟทอดข้ามไซบีเรียกัน แต่ปรากฏว่ารัฐมนตรีคมนาคมกับรัฐมนตรีคลังทะเลาะกันอยู่เป็นปี เพราะต่างฝ่ายต่างอยากจะให้ทางรถไฟวิ่งผ่านในพื้นที่ของตัวเอง
พระเจ้าซาร์ทนไม่ไหวจึงเขียนจดหมายไปสั่งรัฐบาลว่า “หยุดทะเลาะกันได้แล้ว เราต้องสร้างทางรถไฟทรานส์ไซบีเรียเดี๋ยวนี้”
การทะเลาะกันจึงยุติลงและเริ่มก่อสร้างโดยทันที
.
.
.
การก่อสร้างนั้นเต็มไปด้วยความยากลำบาก เพราะต้องผ่านภูมิประเทศที่กันดาร มีการเจาะภูเขา สร้างสะพานข้ามแม่น้ำหลายสาย ลงหุบเขา รวมถึงต้องสร้างโรงหลอมเหล็กตามไปเป็นระยะๆ
แต่กระนั้นก็ยังหาเหล็กได้ไม่พอ จนต้องสั่งซื้อเพิ่มจากโปแลนด์ อังกฤษและอเมริกา
ส่วนแรงงานนั้นก็หลากหลาย มีตั้งแต่แรงงานรับจ้างไปจนถึงนักโทษที่เกณฑ์มา
ทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียเส้นแรกนั้น มีบางส่วนที่ตัดผ่านแผ่นดินแมนจูเรียที่รัสเซียเช่าจากรัฐบาลจีน แต่เมื่อสร้างเสร็จปุ๊บ การณ์กลับกลายเป็นว่ามีคนจีนก่อหวอดประท้วง จนรัสเซียกับจีนต้องบาดหมางกัน
และญี่ปุ่นเปิดฉากก่อสงครามกับรัสเซีย ซึ่งเรารู้จักกันในชื่อของ Russo-Japanese war จนกองทัพเรือรัสเซียฝั่งแปซิฟิกย่อยยับ
รัสเซียจึงเห็นว่าการสร้างทางรถไฟบางส่วนในแผ่นดินจีนนั้นไม่ตอบโจทย์ความมั่นคง รัสเซียจึงทิ้งรางรถไฟทั้งหมดในแมนจูเรีย แล้วพัฒนาเปลี่ยนเส้นทางให้รางรถไฟทั้งหมดวิ่งในแผ่นดินรัสเซีย และขยายจากรางเดี่ยวเป็นรางคู่ด้วย
ทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียจึงสำเร็จได้ในปี 1916
ชนรัสเซียนั้นเขาภูมิใจในทางรถไฟสายนี้มาก แต่ไม่ใช่ที่รางรถไฟนะครับ เพราะความมหัศจรรย์ที่แท้ของทรานส์ไซบีเรียคือ “สะพาน”
วิศวกรรมการก่อสร้างสะพานตลอดเส้นทางทรานส์ไซบีเรียนั้นหลากหลายมาก สะพานบางแห่งสูงถึง 64 เมตร บางช่วงทอดข้ามแม่น้ำที่ยาวถึง 2.6 กิโลเมตร
เรียกกันว่า “Amur Miracle"
อ้อ....ลืมบอกไปว่า ทางรถไฟทรานส์ไซบีเรียนั้นยาวถึง 9,500 กิโลเมตรครับ
.
.
.
เมื่อทรานส์ไซบีเรียสร้างเสร็จปุ๊บ รัฐบาลรัสเซียก็พยายามชักชวนให้คนไปอาศัยอยู่ที่ไซบีเรีย โดยแถมโปรโมชั่นให้เพียบเช่น กู้เงินได้ง่าย, งดเก็บภาษี 10 ปี, รักษาพยาบาลฟรี, ลูกหลานเรียนฟรี, มีเงินอุดหนุนมากมายจากรัฐ
ผู้คนจึงทยอยหลั่งไหลไปไซบีเรีย ประชากรจึงเพิ่มจากหลักหมื่น ไปสู่หลักแสนและหลักล้านในที่สุด
ทุกวันนี้ภูมิภาคไซบีเรียมีคนอาศัยอยู่ประมาณ 37 ล้านคน
และกลายเป็นภูมิภาคสำคัญ เพราะมีทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอยู่ใต้แผ่นดินไซบีเรียมหาศาล
…เอามาเล่าสู่กันฟังครับ…
นัทแนะ
ความในตอนที่แล้วได้เล่าไปถึงเรื่องท่อก๊าซไซบีเรียที่รัสเซียต่อท่อส่งมาขายให้จีน ผมก็เกิดสงสัยขึ้นว่า “ไซบีเรียนี่อยู่ตรงไหนกันแน่?”
ในความคิดแรก ผมคิดแค่ว่าไซบีเรียคงเป็นจังหวัดหรือมณฑลหนึ่งในรัสเซีย แต่ปรากฏว่าไม่ใช่แฮะ ไซบีเรียนั้นคือแผ่นดินขนาดยักษ์ที่ถือเป็น 80% ของประเทศรัสเซียเลย
ถ้าพูดเอาง่ายก็คือ รัสเซียนั้นเป็นประเทศที่ครอบคลุมสองทวีปคือยุโรปและเอเซีย ซึ่งแบ่งกันด้วยเทือกเขาอูราล ฝั่งซ้ายของเทือกเขาอูราลเป็นฝั่งยุโรปครับ เมืองใหญ่ๆเช่น มอสโคว หรือ เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และที่ทำการรัฐบาลรัสเซียอยู่ฝั่งนี้
ส่วนฝั่งขวาของอูราลเป็นฝั่งเอเซียครับ ซึ่งแผ่นดินรัสเซียทั้งหมดในฝั่งเอเซียนี่แหละครับที่เราเรียกว่า “ไซบีเรีย” กว้างใหญ่ไพศาลประมาณ 13 ล้านตร.กม.
ไซบีเรียนั้นใหญ่กว่าประเทศไทยราวๆ 10 เท่าครับ
.
.
.
เมื่อเราย้อนเวลาไปประมาณ 150 ปีที่แล้ว ไซบีเรียนั้นเป็นพื้นที่หนาวเหน็บและทุรกันดารมาก รัฐบาลของพระเจ้าซาร์ไม่ค่อยได้ให้ความใส่ใจมากเท่าไรเพราะถือเป็นแผ่นดินไกลโพ้น
ในเวลานั้นเมืองของรัสเซียที่อยู่ไกลสุดฝั่งตะวันออกมีอยู่สองเมืองชื่อว่า “วลาดิวอสสต็อก” กับ “คาบารอฟ” ซึ่งอยู่ติดกับดินแดนของจีนที่เรียกว่า “แมนจูเรีย” ครับ
ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับรัสเซียในยุคนั้น ก็คือไม่ได้รักกันแต่ก็ไม่ได้เป็นศัตรูกันครับ อยู่เป็นเพื่อนบ้านกันไปยังงั้นแหละ ชาวไซบีเรียบางส่วนก็หน้าตาคล้ายคนจีน แถมบางกลุ่มยังคิดว่าตัวเองอยู่ในแผ่นดินของจักรพรรดิจีนอยู่เลย
แต่เมื่อเข้าสู่ยุคล่าอาณานิคม อันมีทั้งอังกฤษ โปรตุเกส และสเปน เข้ามามีอิทธิพลในเอเซีย รัสเซียก็เลยเริ่มกังวลถึงความปลอดภัยของดินแดนตัวเองที่อยู่ใกล้ๆจีน คือ เมืองวลาดิวอสต็อก
ในเวลานั้น เครื่องมือสำคัญอันหนึ่งที่ฝรั่งเขาใช้รุกรานแผ่นดินอื่นคือ “ทางรถไฟ” ครับ
อเมริกาใช้การก่อสร้างรางรถไฟเพื่อขยายรุกคืบไปยึดครองอเมริกาฝั่งตะวันตก ชื่อว่า “ทางรถไฟสายทรานส์คอนติเนนทัล"
อังกฤษก็ใช้วิธีเดียวกันในการรุกคืบแผ่นดินแคนาดาฝั่งตะวันตก คือ สร้างรางรถไฟชื่อว่า ”แคเนเดี้ยน แปซิฟิก เรลเวย์“
รัสเซียเกรงว่าเมื่ออังกฤษยึดครองแคนาดาฝั่งตะวันตก (แถวๆแวนคูเวอร์) เสร็จแล้ว ก็จะเอาทหารนั่งเรือต่อมายังเอเซียและมาวุ่นวายกับดินแดนรัสเซียฝั่งเอเซียเข้า
โครงการอภิมหาโปรเจคท์สร้างทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียจึงกำเนิดขึ้นในปี 1881
เป้าหมายของรัสเซียคือ เพื่อให้กองทัพรัสเซียขนส่งทหารและยุทโธปกรณ์ไปยังเมืองวลาดิวอสต็อกให้ได้โดยเร็วเมื่อเกิดสงคราม
ต้องขอเล่าก่อนว่า แต่ดั้งเดิมนั้นการเดินทางจากเมืองมอสโควไปยังตะวันออกของรัสเซีย ควีนคัทรินมหาราชินีแห่งรัสเซียได้เคยสร้างถนนยาวนับหมื่นกิโลเมตรไว้แล้ว แต่ก็ผุพังไปเพราะไม่มีการบำรุงรักษา
ต่อมาคนรัสเซียจึงใช้การล่องเรือไปตามแม่น้ำ แต่ก็ทำได้จำกัดเพราะไซบีเรียนั้นหนาวเหน็บหฤโหดมาก แม่น้ำแข็งจนเป็นน้ำแข็งถึงปีละ 8 เดือน
ในเบื้องแรกรัฐบาลรัสเซียก็เห็นพ้องต้องกันว่า ถึงเวลาที่ควรจะสร้างทางรถไฟทอดข้ามไซบีเรียกัน แต่ปรากฏว่ารัฐมนตรีคมนาคมกับรัฐมนตรีคลังทะเลาะกันอยู่เป็นปี เพราะต่างฝ่ายต่างอยากจะให้ทางรถไฟวิ่งผ่านในพื้นที่ของตัวเอง
พระเจ้าซาร์ทนไม่ไหวจึงเขียนจดหมายไปสั่งรัฐบาลว่า “หยุดทะเลาะกันได้แล้ว เราต้องสร้างทางรถไฟทรานส์ไซบีเรียเดี๋ยวนี้”
การทะเลาะกันจึงยุติลงและเริ่มก่อสร้างโดยทันที
.
.
.
การก่อสร้างนั้นเต็มไปด้วยความยากลำบาก เพราะต้องผ่านภูมิประเทศที่กันดาร มีการเจาะภูเขา สร้างสะพานข้ามแม่น้ำหลายสาย ลงหุบเขา รวมถึงต้องสร้างโรงหลอมเหล็กตามไปเป็นระยะๆ
แต่กระนั้นก็ยังหาเหล็กได้ไม่พอ จนต้องสั่งซื้อเพิ่มจากโปแลนด์ อังกฤษและอเมริกา
ส่วนแรงงานนั้นก็หลากหลาย มีตั้งแต่แรงงานรับจ้างไปจนถึงนักโทษที่เกณฑ์มา
ทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียเส้นแรกนั้น มีบางส่วนที่ตัดผ่านแผ่นดินแมนจูเรียที่รัสเซียเช่าจากรัฐบาลจีน แต่เมื่อสร้างเสร็จปุ๊บ การณ์กลับกลายเป็นว่ามีคนจีนก่อหวอดประท้วง จนรัสเซียกับจีนต้องบาดหมางกัน
และญี่ปุ่นเปิดฉากก่อสงครามกับรัสเซีย ซึ่งเรารู้จักกันในชื่อของ Russo-Japanese war จนกองทัพเรือรัสเซียฝั่งแปซิฟิกย่อยยับ
รัสเซียจึงเห็นว่าการสร้างทางรถไฟบางส่วนในแผ่นดินจีนนั้นไม่ตอบโจทย์ความมั่นคง รัสเซียจึงทิ้งรางรถไฟทั้งหมดในแมนจูเรีย แล้วพัฒนาเปลี่ยนเส้นทางให้รางรถไฟทั้งหมดวิ่งในแผ่นดินรัสเซีย และขยายจากรางเดี่ยวเป็นรางคู่ด้วย
ทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียจึงสำเร็จได้ในปี 1916
ชนรัสเซียนั้นเขาภูมิใจในทางรถไฟสายนี้มาก แต่ไม่ใช่ที่รางรถไฟนะครับ เพราะความมหัศจรรย์ที่แท้ของทรานส์ไซบีเรียคือ “สะพาน”
วิศวกรรมการก่อสร้างสะพานตลอดเส้นทางทรานส์ไซบีเรียนั้นหลากหลายมาก สะพานบางแห่งสูงถึง 64 เมตร บางช่วงทอดข้ามแม่น้ำที่ยาวถึง 2.6 กิโลเมตร
เรียกกันว่า “Amur Miracle"
อ้อ....ลืมบอกไปว่า ทางรถไฟทรานส์ไซบีเรียนั้นยาวถึง 9,500 กิโลเมตรครับ
.
.
.
เมื่อทรานส์ไซบีเรียสร้างเสร็จปุ๊บ รัฐบาลรัสเซียก็พยายามชักชวนให้คนไปอาศัยอยู่ที่ไซบีเรีย โดยแถมโปรโมชั่นให้เพียบเช่น กู้เงินได้ง่าย, งดเก็บภาษี 10 ปี, รักษาพยาบาลฟรี, ลูกหลานเรียนฟรี, มีเงินอุดหนุนมากมายจากรัฐ
ผู้คนจึงทยอยหลั่งไหลไปไซบีเรีย ประชากรจึงเพิ่มจากหลักหมื่น ไปสู่หลักแสนและหลักล้านในที่สุด
ทุกวันนี้ภูมิภาคไซบีเรียมีคนอาศัยอยู่ประมาณ 37 ล้านคน
และกลายเป็นภูมิภาคสำคัญ เพราะมีทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอยู่ใต้แผ่นดินไซบีเรียมหาศาล
…เอามาเล่าสู่กันฟังครับ…
นัทแนะ
อ่านเอาเรื่อง Ep.78: ไซบีเรีย
ความในตอนที่แล้วได้เล่าไปถึงเรื่องท่อก๊าซไซบีเรียที่รัสเซียต่อท่อส่งมาขายให้จีน ผมก็เกิดสงสัยขึ้นว่า “ไซบีเรียนี่อยู่ตรงไหนกันแน่?”
ในความคิดแรก ผมคิดแค่ว่าไซบีเรียคงเป็นจังหวัดหรือมณฑลหนึ่งในรัสเซีย แต่ปรากฏว่าไม่ใช่แฮะ ไซบีเรียนั้นคือแผ่นดินขนาดยักษ์ที่ถือเป็น 80% ของประเทศรัสเซียเลย
ถ้าพูดเอาง่ายก็คือ รัสเซียนั้นเป็นประเทศที่ครอบคลุมสองทวีปคือยุโรปและเอเซีย ซึ่งแบ่งกันด้วยเทือกเขาอูราล ฝั่งซ้ายของเทือกเขาอูราลเป็นฝั่งยุโรปครับ เมืองใหญ่ๆเช่น มอสโคว หรือ เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และที่ทำการรัฐบาลรัสเซียอยู่ฝั่งนี้
ส่วนฝั่งขวาของอูราลเป็นฝั่งเอเซียครับ ซึ่งแผ่นดินรัสเซียทั้งหมดในฝั่งเอเซียนี่แหละครับที่เราเรียกว่า “ไซบีเรีย” กว้างใหญ่ไพศาลประมาณ 13 ล้านตร.กม.
ไซบีเรียนั้นใหญ่กว่าประเทศไทยราวๆ 10 เท่าครับ
.
.
.
เมื่อเราย้อนเวลาไปประมาณ 150 ปีที่แล้ว ไซบีเรียนั้นเป็นพื้นที่หนาวเหน็บและทุรกันดารมาก รัฐบาลของพระเจ้าซาร์ไม่ค่อยได้ให้ความใส่ใจมากเท่าไรเพราะถือเป็นแผ่นดินไกลโพ้น
ในเวลานั้นเมืองของรัสเซียที่อยู่ไกลสุดฝั่งตะวันออกมีอยู่สองเมืองชื่อว่า “วลาดิวอสสต็อก” กับ “คาบารอฟ” ซึ่งอยู่ติดกับดินแดนของจีนที่เรียกว่า “แมนจูเรีย” ครับ
ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับรัสเซียในยุคนั้น ก็คือไม่ได้รักกันแต่ก็ไม่ได้เป็นศัตรูกันครับ อยู่เป็นเพื่อนบ้านกันไปยังงั้นแหละ ชาวไซบีเรียบางส่วนก็หน้าตาคล้ายคนจีน แถมบางกลุ่มยังคิดว่าตัวเองอยู่ในแผ่นดินของจักรพรรดิจีนอยู่เลย
แต่เมื่อเข้าสู่ยุคล่าอาณานิคม อันมีทั้งอังกฤษ โปรตุเกส และสเปน เข้ามามีอิทธิพลในเอเซีย รัสเซียก็เลยเริ่มกังวลถึงความปลอดภัยของดินแดนตัวเองที่อยู่ใกล้ๆจีน คือ เมืองวลาดิวอสต็อก
ในเวลานั้น เครื่องมือสำคัญอันหนึ่งที่ฝรั่งเขาใช้รุกรานแผ่นดินอื่นคือ “ทางรถไฟ” ครับ
อเมริกาใช้การก่อสร้างรางรถไฟเพื่อขยายรุกคืบไปยึดครองอเมริกาฝั่งตะวันตก ชื่อว่า “ทางรถไฟสายทรานส์คอนติเนนทัล"
อังกฤษก็ใช้วิธีเดียวกันในการรุกคืบแผ่นดินแคนาดาฝั่งตะวันตก คือ สร้างรางรถไฟชื่อว่า ”แคเนเดี้ยน แปซิฟิก เรลเวย์“
รัสเซียเกรงว่าเมื่ออังกฤษยึดครองแคนาดาฝั่งตะวันตก (แถวๆแวนคูเวอร์) เสร็จแล้ว ก็จะเอาทหารนั่งเรือต่อมายังเอเซียและมาวุ่นวายกับดินแดนรัสเซียฝั่งเอเซียเข้า
โครงการอภิมหาโปรเจคท์สร้างทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียจึงกำเนิดขึ้นในปี 1881
เป้าหมายของรัสเซียคือ เพื่อให้กองทัพรัสเซียขนส่งทหารและยุทโธปกรณ์ไปยังเมืองวลาดิวอสต็อกให้ได้โดยเร็วเมื่อเกิดสงคราม
ต้องขอเล่าก่อนว่า แต่ดั้งเดิมนั้นการเดินทางจากเมืองมอสโควไปยังตะวันออกของรัสเซีย ควีนคัทรินมหาราชินีแห่งรัสเซียได้เคยสร้างถนนยาวนับหมื่นกิโลเมตรไว้แล้ว แต่ก็ผุพังไปเพราะไม่มีการบำรุงรักษา
ต่อมาคนรัสเซียจึงใช้การล่องเรือไปตามแม่น้ำ แต่ก็ทำได้จำกัดเพราะไซบีเรียนั้นหนาวเหน็บหฤโหดมาก แม่น้ำแข็งจนเป็นน้ำแข็งถึงปีละ 8 เดือน
ในเบื้องแรกรัฐบาลรัสเซียก็เห็นพ้องต้องกันว่า ถึงเวลาที่ควรจะสร้างทางรถไฟทอดข้ามไซบีเรียกัน แต่ปรากฏว่ารัฐมนตรีคมนาคมกับรัฐมนตรีคลังทะเลาะกันอยู่เป็นปี เพราะต่างฝ่ายต่างอยากจะให้ทางรถไฟวิ่งผ่านในพื้นที่ของตัวเอง
พระเจ้าซาร์ทนไม่ไหวจึงเขียนจดหมายไปสั่งรัฐบาลว่า “หยุดทะเลาะกันได้แล้ว เราต้องสร้างทางรถไฟทรานส์ไซบีเรียเดี๋ยวนี้”
การทะเลาะกันจึงยุติลงและเริ่มก่อสร้างโดยทันที
.
.
.
การก่อสร้างนั้นเต็มไปด้วยความยากลำบาก เพราะต้องผ่านภูมิประเทศที่กันดาร มีการเจาะภูเขา สร้างสะพานข้ามแม่น้ำหลายสาย ลงหุบเขา รวมถึงต้องสร้างโรงหลอมเหล็กตามไปเป็นระยะๆ
แต่กระนั้นก็ยังหาเหล็กได้ไม่พอ จนต้องสั่งซื้อเพิ่มจากโปแลนด์ อังกฤษและอเมริกา
ส่วนแรงงานนั้นก็หลากหลาย มีตั้งแต่แรงงานรับจ้างไปจนถึงนักโทษที่เกณฑ์มา
ทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียเส้นแรกนั้น มีบางส่วนที่ตัดผ่านแผ่นดินแมนจูเรียที่รัสเซียเช่าจากรัฐบาลจีน แต่เมื่อสร้างเสร็จปุ๊บ การณ์กลับกลายเป็นว่ามีคนจีนก่อหวอดประท้วง จนรัสเซียกับจีนต้องบาดหมางกัน
และญี่ปุ่นเปิดฉากก่อสงครามกับรัสเซีย ซึ่งเรารู้จักกันในชื่อของ Russo-Japanese war จนกองทัพเรือรัสเซียฝั่งแปซิฟิกย่อยยับ
รัสเซียจึงเห็นว่าการสร้างทางรถไฟบางส่วนในแผ่นดินจีนนั้นไม่ตอบโจทย์ความมั่นคง รัสเซียจึงทิ้งรางรถไฟทั้งหมดในแมนจูเรีย แล้วพัฒนาเปลี่ยนเส้นทางให้รางรถไฟทั้งหมดวิ่งในแผ่นดินรัสเซีย และขยายจากรางเดี่ยวเป็นรางคู่ด้วย
ทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียจึงสำเร็จได้ในปี 1916
ชนรัสเซียนั้นเขาภูมิใจในทางรถไฟสายนี้มาก แต่ไม่ใช่ที่รางรถไฟนะครับ เพราะความมหัศจรรย์ที่แท้ของทรานส์ไซบีเรียคือ “สะพาน”
วิศวกรรมการก่อสร้างสะพานตลอดเส้นทางทรานส์ไซบีเรียนั้นหลากหลายมาก สะพานบางแห่งสูงถึง 64 เมตร บางช่วงทอดข้ามแม่น้ำที่ยาวถึง 2.6 กิโลเมตร
เรียกกันว่า “Amur Miracle"
อ้อ....ลืมบอกไปว่า ทางรถไฟทรานส์ไซบีเรียนั้นยาวถึง 9,500 กิโลเมตรครับ
.
.
.
เมื่อทรานส์ไซบีเรียสร้างเสร็จปุ๊บ รัฐบาลรัสเซียก็พยายามชักชวนให้คนไปอาศัยอยู่ที่ไซบีเรีย โดยแถมโปรโมชั่นให้เพียบเช่น กู้เงินได้ง่าย, งดเก็บภาษี 10 ปี, รักษาพยาบาลฟรี, ลูกหลานเรียนฟรี, มีเงินอุดหนุนมากมายจากรัฐ
ผู้คนจึงทยอยหลั่งไหลไปไซบีเรีย ประชากรจึงเพิ่มจากหลักหมื่น ไปสู่หลักแสนและหลักล้านในที่สุด
ทุกวันนี้ภูมิภาคไซบีเรียมีคนอาศัยอยู่ประมาณ 37 ล้านคน
และกลายเป็นภูมิภาคสำคัญ เพราะมีทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอยู่ใต้แผ่นดินไซบีเรียมหาศาล
…เอามาเล่าสู่กันฟังครับ…
นัทแนะ