คุณไม่ได้หมดไฟ… คุณกำลัง “ขาดความหมายในชีวิต” อยู่ต่างหาก
บทความของ Neil Thanedar เปิดด้วยแนวคิดจาก Viktor Frankl และ Nietzsche ว่า “ความหมาย” คือเชื้อเพลิงที่แท้จริงของมนุษย์ ไม่ใช่ความสะดวกสบายหรือความสำเร็จภายนอก เขาอธิบายว่าคนจำนวนมากในยุคนี้ไม่ได้หมดไฟเพราะทำงานหนักเกินไป แต่เพราะทำงานที่ “ไม่สำคัญพอ” ต่อหัวใจของตัวเอง แม้จะมีบ้านดี ๆ รายได้ดี และชีวิตที่ดูสมบูรณ์แบบ แต่กลับรู้สึกว่างเปล่า เหมือนกำลังใช้ชีวิตของคนอื่นแทนชีวิตของตัวเอง
Thanedar ชี้ว่าความรู้สึก “ติดอยู่ในความธรรมดา” เกิดจากการที่เราเลิกฟังเสียงในใจตั้งแต่วัยเด็ก—เสียงที่เคยบอกว่าเราอยากเป็นอะไร อยากสร้างอะไร อยากเปลี่ยนโลกแบบไหน แต่เมื่อโตขึ้น เราถูกสังคม ความกลัว และความคาดหวังทำให้เสียงนั้นเงียบลง เขาเล่าว่าตัวเองเคยอยากเป็นประธานาธิบดี นักบินอวกาศ และผู้รักษาประตูฮอกกี้ ก่อนจะถูกล้อจนเลิกฝันไปหลายปี
เมื่อเขากลับมาฟังเสียงนั้นอีกครั้ง เขาพบว่าความหมายสูงสุดของเขาคือ “ช่วยคนอื่นค้นหาความหมายของตัวเอง” และ “เป็นตัวอย่างของการไล่ตามความยิ่งใหญ่” นั่นทำให้เขาเปลี่ยนเส้นทางจากธุรกิจห้องแล็บสู่การทำงานด้านการเมืองและการสร้างโครงการ Positive Politics ที่เขาเชื่อว่าจะสร้างผลกระทบระดับระบบได้จริง
ท้ายที่สุด เขาย้ำว่าทั้งวัฒนธรรม “ทำงานหนัก 100 ชั่วโมง” และวัฒนธรรม “ทำงานให้น้อยที่สุด” ต่างก็พลาดประเด็นสำคัญ เพราะคำตอบไม่ได้อยู่ที่จำนวนชั่วโมงทำงาน แต่อยู่ที่ว่า “งานนั้นมีความหมายกับคุณแค่ไหน” ถ้าคุณทำงานที่ใช่ คุณจะรู้สึกหิว—หิวที่จะสร้าง หิวที่จะเติบโต หิวที่จะทำสิ่งสำคัญ ไม่ใช่หมดไฟ แต่เป็นการกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
สรุปประเด็นสำคัญ
คุณไม่ได้หมดไฟ แต่กำลังขาดความหมาย
ความเหนื่อยล้าหลายอย่างคือ “existential vacuum” ตามแนวคิดของ Viktor Frankl
ชีวิตที่สะดวกสบายแต่ไร้ความหมายทำให้รู้สึกติดอยู่ในความธรรมดา
เสียงในใจวัยเด็กคือเบาะแสของความหมาย
ความฝันวัยเด็กสะท้อนตัวตนที่แท้จริง
สังคมและความกลัวทำให้เสียงนี้เงียบลงเมื่อโตขึ้น
ความหมายสูงสุดคือการไล่ตามศักยภาพของตัวเอง
Thanedar เปลี่ยนเส้นทางจากธุรกิจสู่การเมืองเพื่อทำงานที่มีผลกระทบมากกว่า
เขาเชื่อว่าความหมายคือการสร้าง “meta solutions” ที่สร้างผลลัพธ์ต่อเนื่อง
สิ่งที่ต้องระวัง
การไล่ตามความสะดวกสบายมากเกินไปทำให้สับสนระหว่าง “สบาย” กับ “เติมเต็ม”
การทำงานที่ไม่สำคัญต่อหัวใจจะทำให้รู้สึกหมดไฟแม้จะไม่เหนื่อย
การไม่ฟังเสียงในใจนานเกินไปทำให้หลงทางในเส้นทางอาชีพและชีวิต
https://neilthanedar.com/youre-not-burnt-out-youre-existentially-starving/
บทความของ Neil Thanedar เปิดด้วยแนวคิดจาก Viktor Frankl และ Nietzsche ว่า “ความหมาย” คือเชื้อเพลิงที่แท้จริงของมนุษย์ ไม่ใช่ความสะดวกสบายหรือความสำเร็จภายนอก เขาอธิบายว่าคนจำนวนมากในยุคนี้ไม่ได้หมดไฟเพราะทำงานหนักเกินไป แต่เพราะทำงานที่ “ไม่สำคัญพอ” ต่อหัวใจของตัวเอง แม้จะมีบ้านดี ๆ รายได้ดี และชีวิตที่ดูสมบูรณ์แบบ แต่กลับรู้สึกว่างเปล่า เหมือนกำลังใช้ชีวิตของคนอื่นแทนชีวิตของตัวเอง
Thanedar ชี้ว่าความรู้สึก “ติดอยู่ในความธรรมดา” เกิดจากการที่เราเลิกฟังเสียงในใจตั้งแต่วัยเด็ก—เสียงที่เคยบอกว่าเราอยากเป็นอะไร อยากสร้างอะไร อยากเปลี่ยนโลกแบบไหน แต่เมื่อโตขึ้น เราถูกสังคม ความกลัว และความคาดหวังทำให้เสียงนั้นเงียบลง เขาเล่าว่าตัวเองเคยอยากเป็นประธานาธิบดี นักบินอวกาศ และผู้รักษาประตูฮอกกี้ ก่อนจะถูกล้อจนเลิกฝันไปหลายปี
เมื่อเขากลับมาฟังเสียงนั้นอีกครั้ง เขาพบว่าความหมายสูงสุดของเขาคือ “ช่วยคนอื่นค้นหาความหมายของตัวเอง” และ “เป็นตัวอย่างของการไล่ตามความยิ่งใหญ่” นั่นทำให้เขาเปลี่ยนเส้นทางจากธุรกิจห้องแล็บสู่การทำงานด้านการเมืองและการสร้างโครงการ Positive Politics ที่เขาเชื่อว่าจะสร้างผลกระทบระดับระบบได้จริง
ท้ายที่สุด เขาย้ำว่าทั้งวัฒนธรรม “ทำงานหนัก 100 ชั่วโมง” และวัฒนธรรม “ทำงานให้น้อยที่สุด” ต่างก็พลาดประเด็นสำคัญ เพราะคำตอบไม่ได้อยู่ที่จำนวนชั่วโมงทำงาน แต่อยู่ที่ว่า “งานนั้นมีความหมายกับคุณแค่ไหน” ถ้าคุณทำงานที่ใช่ คุณจะรู้สึกหิว—หิวที่จะสร้าง หิวที่จะเติบโต หิวที่จะทำสิ่งสำคัญ ไม่ใช่หมดไฟ แต่เป็นการกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
สรุปประเด็นสำคัญ
คุณไม่ได้หมดไฟ แต่กำลังขาดความหมาย
ความเหนื่อยล้าหลายอย่างคือ “existential vacuum” ตามแนวคิดของ Viktor Frankl
ชีวิตที่สะดวกสบายแต่ไร้ความหมายทำให้รู้สึกติดอยู่ในความธรรมดา
เสียงในใจวัยเด็กคือเบาะแสของความหมาย
ความฝันวัยเด็กสะท้อนตัวตนที่แท้จริง
สังคมและความกลัวทำให้เสียงนี้เงียบลงเมื่อโตขึ้น
ความหมายสูงสุดคือการไล่ตามศักยภาพของตัวเอง
Thanedar เปลี่ยนเส้นทางจากธุรกิจสู่การเมืองเพื่อทำงานที่มีผลกระทบมากกว่า
เขาเชื่อว่าความหมายคือการสร้าง “meta solutions” ที่สร้างผลลัพธ์ต่อเนื่อง
สิ่งที่ต้องระวัง
การไล่ตามความสะดวกสบายมากเกินไปทำให้สับสนระหว่าง “สบาย” กับ “เติมเต็ม”
การทำงานที่ไม่สำคัญต่อหัวใจจะทำให้รู้สึกหมดไฟแม้จะไม่เหนื่อย
การไม่ฟังเสียงในใจนานเกินไปทำให้หลงทางในเส้นทางอาชีพและชีวิต
https://neilthanedar.com/youre-not-burnt-out-youre-existentially-starving/
🌟 คุณไม่ได้หมดไฟ… คุณกำลัง “ขาดความหมายในชีวิต” อยู่ต่างหาก
บทความของ Neil Thanedar เปิดด้วยแนวคิดจาก Viktor Frankl และ Nietzsche ว่า “ความหมาย” คือเชื้อเพลิงที่แท้จริงของมนุษย์ ไม่ใช่ความสะดวกสบายหรือความสำเร็จภายนอก เขาอธิบายว่าคนจำนวนมากในยุคนี้ไม่ได้หมดไฟเพราะทำงานหนักเกินไป แต่เพราะทำงานที่ “ไม่สำคัญพอ” ต่อหัวใจของตัวเอง แม้จะมีบ้านดี ๆ รายได้ดี และชีวิตที่ดูสมบูรณ์แบบ แต่กลับรู้สึกว่างเปล่า เหมือนกำลังใช้ชีวิตของคนอื่นแทนชีวิตของตัวเอง
Thanedar ชี้ว่าความรู้สึก “ติดอยู่ในความธรรมดา” เกิดจากการที่เราเลิกฟังเสียงในใจตั้งแต่วัยเด็ก—เสียงที่เคยบอกว่าเราอยากเป็นอะไร อยากสร้างอะไร อยากเปลี่ยนโลกแบบไหน แต่เมื่อโตขึ้น เราถูกสังคม ความกลัว และความคาดหวังทำให้เสียงนั้นเงียบลง เขาเล่าว่าตัวเองเคยอยากเป็นประธานาธิบดี นักบินอวกาศ และผู้รักษาประตูฮอกกี้ ก่อนจะถูกล้อจนเลิกฝันไปหลายปี
เมื่อเขากลับมาฟังเสียงนั้นอีกครั้ง เขาพบว่าความหมายสูงสุดของเขาคือ “ช่วยคนอื่นค้นหาความหมายของตัวเอง” และ “เป็นตัวอย่างของการไล่ตามความยิ่งใหญ่” นั่นทำให้เขาเปลี่ยนเส้นทางจากธุรกิจห้องแล็บสู่การทำงานด้านการเมืองและการสร้างโครงการ Positive Politics ที่เขาเชื่อว่าจะสร้างผลกระทบระดับระบบได้จริง
ท้ายที่สุด เขาย้ำว่าทั้งวัฒนธรรม “ทำงานหนัก 100 ชั่วโมง” และวัฒนธรรม “ทำงานให้น้อยที่สุด” ต่างก็พลาดประเด็นสำคัญ เพราะคำตอบไม่ได้อยู่ที่จำนวนชั่วโมงทำงาน แต่อยู่ที่ว่า “งานนั้นมีความหมายกับคุณแค่ไหน” ถ้าคุณทำงานที่ใช่ คุณจะรู้สึกหิว—หิวที่จะสร้าง หิวที่จะเติบโต หิวที่จะทำสิ่งสำคัญ ไม่ใช่หมดไฟ แต่เป็นการกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
📌 สรุปประเด็นสำคัญ
✅ คุณไม่ได้หมดไฟ แต่กำลังขาดความหมาย
➡️ ความเหนื่อยล้าหลายอย่างคือ “existential vacuum” ตามแนวคิดของ Viktor Frankl
➡️ ชีวิตที่สะดวกสบายแต่ไร้ความหมายทำให้รู้สึกติดอยู่ในความธรรมดา
✅ เสียงในใจวัยเด็กคือเบาะแสของความหมาย
➡️ ความฝันวัยเด็กสะท้อนตัวตนที่แท้จริง
➡️ สังคมและความกลัวทำให้เสียงนี้เงียบลงเมื่อโตขึ้น
✅ ความหมายสูงสุดคือการไล่ตามศักยภาพของตัวเอง
➡️ Thanedar เปลี่ยนเส้นทางจากธุรกิจสู่การเมืองเพื่อทำงานที่มีผลกระทบมากกว่า
➡️ เขาเชื่อว่าความหมายคือการสร้าง “meta solutions” ที่สร้างผลลัพธ์ต่อเนื่อง
‼️ สิ่งที่ต้องระวัง
⛔ การไล่ตามความสะดวกสบายมากเกินไปทำให้สับสนระหว่าง “สบาย” กับ “เติมเต็ม”
⛔ การทำงานที่ไม่สำคัญต่อหัวใจจะทำให้รู้สึกหมดไฟแม้จะไม่เหนื่อย
⛔ การไม่ฟังเสียงในใจนานเกินไปทำให้หลงทางในเส้นทางอาชีพและชีวิต
https://neilthanedar.com/youre-not-burnt-out-youre-existentially-starving/
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
25 มุมมอง
0 รีวิว