Samsung พลิกเกมตลาด HBM แซง Micron หลังโชว์ศักยภาพ HBM3E และ HBM4
หลังจากช่วงต้นปี 2025 ที่ Samsung ดูเหมือนจะตามหลังคู่แข่งในตลาด HBM แต่การปรับโครงสร้างภายในและการเร่งพัฒนาเทคโนโลยีอย่างจริงจังทำให้บริษัทสามารถกลับมาทวงพื้นที่ได้สำเร็จ โดยเฉพาะเมื่อ AMD และ NVIDIA เริ่มหันมาใช้กระบวนการผลิต HBM3E และ HBM4 ของ Samsung ซึ่งเป็นสัญญาณว่าผู้ผลิตรายใหญ่ในอุตสาหกรรม AI เริ่มให้ความเชื่อมั่นในเทคโนโลยีของบริษัทมากขึ้น
ในไตรมาส 3 ปี 2025 Samsung สามารถทำยอดขาย HBM จนมีส่วนแบ่งตลาด 22% แซงหน้า Micron แม้ยังตามหลัง SK hynix อยู่ แต่ก็ถือเป็นการฟื้นตัวครั้งใหญ่จากปีที่แล้วที่ส่วนแบ่งเคยอยู่ที่ 40% ก่อนจะร่วงลงอย่างหนัก การกลับมาครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ตลาด DRAM และ HBM ทั่วโลกกำลังเผชิญภาวะขาดแคลน ทำให้ผู้ผลิตที่สามารถเพิ่มกำลังผลิตได้ทันกลายเป็นผู้ได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ทันที
ความได้เปรียบสำคัญของ Samsung คือความเร็ว pin speed ของ HBM4 ที่สูงที่สุดในอุตสาหกรรม รวมถึงแผนการตั้งราคาที่แข่งขันได้ ซึ่งช่วยดึงดูดลูกค้ารายใหญ่ที่ต้องการหน่วยความจำสำหรับงาน AI ขนาดใหญ่ เช่น NVIDIA Rubin และ AMD Instinct MI400 ที่จะเปิดตัวในปี 2026 การที่ Samsung สามารถตอบโจทย์ทั้งด้านเทคโนโลยีและราคา ทำให้บริษัทกลับมาเป็นผู้เล่นที่น่ากลัวในตลาดนี้อีกครั้ง
เมื่อเข้าสู่ปี 2026 ผลลัพธ์ของการลงทุนด้าน HBM จะยิ่งชัดเจนขึ้น เพราะผลิตภัณฑ์ที่ใช้ HBM4 จะเริ่มเข้าสู่ตลาดจำนวนมาก นี่อาจเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ Samsung กลับมาท้าทาย SK hynix อย่างจริงจังในตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วจากความต้องการด้าน AI, LLM, และระบบประมวลผลความเร็วสูงทั่วโลก
สรุปประเด็นสำคัญแบบ
Samsung ฟื้นตัวในตลาด HBM
ส่วนแบ่งตลาด Q3 2025 ขึ้นมาที่ 22% แซง Micron
การปรับนโยบายภายในและเร่งพัฒนาเทคโนโลยีช่วยให้กลับมามีบทบาทอีกครั้ง
การดึงลูกค้ารายใหญ่กลับมา
AMD และ NVIDIA เริ่มใช้ HBM3E และ HBM4 ของ Samsung
ความเร็ว pin speed ของ HBM4 สูงที่สุดในอุตสาหกรรม ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
บริบทตลาด HBM และ DRAM
ตลาดกำลังขาดแคลนอย่างหนัก ทำให้ผู้ผลิตที่เพิ่มกำลังผลิตได้มีความได้เปรียบ
ความต้องการจาก AI และ Data Center พุ่งสูงต่อเนื่องทั่วโลก
ผลกระทบเชิงกลยุทธ์
Samsung มีโอกาสกลับมาท้าทาย SK hynix ในปี 2026
การตั้งราคาที่แข่งขันได้ช่วยดึงลูกค้าระดับองค์กรกลับมา
ประเด็นเสี่ยงและคำเตือนที่ควรจับตา
ความเสี่ยงด้านซัพพลายเชน
ความต้องการ HBM สูงกว่ากำลังผลิตรวมของ Samsung, SK hynix และ Micron อาจทำให้เกิดคอขวดต่อเนื่อง
ความท้าทายด้านการแข่งขัน
SK hynix ยังคงเป็นผู้นำตลาด และอาจเร่งเปิดตัว HBM4E เพื่อตอบโต้
หาก Samsungไม่สามารถรักษาคุณภาพและ yield rate ของ HBM4 ได้ อาจเสียโมเมนตัมอีกครั้ง
https://wccftech.com/the-tables-are-turning-for-samsung-in-the-hbm-market/
หลังจากช่วงต้นปี 2025 ที่ Samsung ดูเหมือนจะตามหลังคู่แข่งในตลาด HBM แต่การปรับโครงสร้างภายในและการเร่งพัฒนาเทคโนโลยีอย่างจริงจังทำให้บริษัทสามารถกลับมาทวงพื้นที่ได้สำเร็จ โดยเฉพาะเมื่อ AMD และ NVIDIA เริ่มหันมาใช้กระบวนการผลิต HBM3E และ HBM4 ของ Samsung ซึ่งเป็นสัญญาณว่าผู้ผลิตรายใหญ่ในอุตสาหกรรม AI เริ่มให้ความเชื่อมั่นในเทคโนโลยีของบริษัทมากขึ้น
ในไตรมาส 3 ปี 2025 Samsung สามารถทำยอดขาย HBM จนมีส่วนแบ่งตลาด 22% แซงหน้า Micron แม้ยังตามหลัง SK hynix อยู่ แต่ก็ถือเป็นการฟื้นตัวครั้งใหญ่จากปีที่แล้วที่ส่วนแบ่งเคยอยู่ที่ 40% ก่อนจะร่วงลงอย่างหนัก การกลับมาครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ตลาด DRAM และ HBM ทั่วโลกกำลังเผชิญภาวะขาดแคลน ทำให้ผู้ผลิตที่สามารถเพิ่มกำลังผลิตได้ทันกลายเป็นผู้ได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ทันที
ความได้เปรียบสำคัญของ Samsung คือความเร็ว pin speed ของ HBM4 ที่สูงที่สุดในอุตสาหกรรม รวมถึงแผนการตั้งราคาที่แข่งขันได้ ซึ่งช่วยดึงดูดลูกค้ารายใหญ่ที่ต้องการหน่วยความจำสำหรับงาน AI ขนาดใหญ่ เช่น NVIDIA Rubin และ AMD Instinct MI400 ที่จะเปิดตัวในปี 2026 การที่ Samsung สามารถตอบโจทย์ทั้งด้านเทคโนโลยีและราคา ทำให้บริษัทกลับมาเป็นผู้เล่นที่น่ากลัวในตลาดนี้อีกครั้ง
เมื่อเข้าสู่ปี 2026 ผลลัพธ์ของการลงทุนด้าน HBM จะยิ่งชัดเจนขึ้น เพราะผลิตภัณฑ์ที่ใช้ HBM4 จะเริ่มเข้าสู่ตลาดจำนวนมาก นี่อาจเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ Samsung กลับมาท้าทาย SK hynix อย่างจริงจังในตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วจากความต้องการด้าน AI, LLM, และระบบประมวลผลความเร็วสูงทั่วโลก
สรุปประเด็นสำคัญแบบ
Samsung ฟื้นตัวในตลาด HBM
ส่วนแบ่งตลาด Q3 2025 ขึ้นมาที่ 22% แซง Micron
การปรับนโยบายภายในและเร่งพัฒนาเทคโนโลยีช่วยให้กลับมามีบทบาทอีกครั้ง
การดึงลูกค้ารายใหญ่กลับมา
AMD และ NVIDIA เริ่มใช้ HBM3E และ HBM4 ของ Samsung
ความเร็ว pin speed ของ HBM4 สูงที่สุดในอุตสาหกรรม ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
บริบทตลาด HBM และ DRAM
ตลาดกำลังขาดแคลนอย่างหนัก ทำให้ผู้ผลิตที่เพิ่มกำลังผลิตได้มีความได้เปรียบ
ความต้องการจาก AI และ Data Center พุ่งสูงต่อเนื่องทั่วโลก
ผลกระทบเชิงกลยุทธ์
Samsung มีโอกาสกลับมาท้าทาย SK hynix ในปี 2026
การตั้งราคาที่แข่งขันได้ช่วยดึงลูกค้าระดับองค์กรกลับมา
ประเด็นเสี่ยงและคำเตือนที่ควรจับตา
ความเสี่ยงด้านซัพพลายเชน
ความต้องการ HBM สูงกว่ากำลังผลิตรวมของ Samsung, SK hynix และ Micron อาจทำให้เกิดคอขวดต่อเนื่อง
ความท้าทายด้านการแข่งขัน
SK hynix ยังคงเป็นผู้นำตลาด และอาจเร่งเปิดตัว HBM4E เพื่อตอบโต้
หาก Samsungไม่สามารถรักษาคุณภาพและ yield rate ของ HBM4 ได้ อาจเสียโมเมนตัมอีกครั้ง
https://wccftech.com/the-tables-are-turning-for-samsung-in-the-hbm-market/
🚀 Samsung พลิกเกมตลาด HBM แซง Micron หลังโชว์ศักยภาพ HBM3E และ HBM4
หลังจากช่วงต้นปี 2025 ที่ Samsung ดูเหมือนจะตามหลังคู่แข่งในตลาด HBM แต่การปรับโครงสร้างภายในและการเร่งพัฒนาเทคโนโลยีอย่างจริงจังทำให้บริษัทสามารถกลับมาทวงพื้นที่ได้สำเร็จ โดยเฉพาะเมื่อ AMD และ NVIDIA เริ่มหันมาใช้กระบวนการผลิต HBM3E และ HBM4 ของ Samsung ซึ่งเป็นสัญญาณว่าผู้ผลิตรายใหญ่ในอุตสาหกรรม AI เริ่มให้ความเชื่อมั่นในเทคโนโลยีของบริษัทมากขึ้น
ในไตรมาส 3 ปี 2025 Samsung สามารถทำยอดขาย HBM จนมีส่วนแบ่งตลาด 22% แซงหน้า Micron แม้ยังตามหลัง SK hynix อยู่ แต่ก็ถือเป็นการฟื้นตัวครั้งใหญ่จากปีที่แล้วที่ส่วนแบ่งเคยอยู่ที่ 40% ก่อนจะร่วงลงอย่างหนัก การกลับมาครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ตลาด DRAM และ HBM ทั่วโลกกำลังเผชิญภาวะขาดแคลน ทำให้ผู้ผลิตที่สามารถเพิ่มกำลังผลิตได้ทันกลายเป็นผู้ได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ทันที
ความได้เปรียบสำคัญของ Samsung คือความเร็ว pin speed ของ HBM4 ที่สูงที่สุดในอุตสาหกรรม รวมถึงแผนการตั้งราคาที่แข่งขันได้ ซึ่งช่วยดึงดูดลูกค้ารายใหญ่ที่ต้องการหน่วยความจำสำหรับงาน AI ขนาดใหญ่ เช่น NVIDIA Rubin และ AMD Instinct MI400 ที่จะเปิดตัวในปี 2026 การที่ Samsung สามารถตอบโจทย์ทั้งด้านเทคโนโลยีและราคา ทำให้บริษัทกลับมาเป็นผู้เล่นที่น่ากลัวในตลาดนี้อีกครั้ง
เมื่อเข้าสู่ปี 2026 ผลลัพธ์ของการลงทุนด้าน HBM จะยิ่งชัดเจนขึ้น เพราะผลิตภัณฑ์ที่ใช้ HBM4 จะเริ่มเข้าสู่ตลาดจำนวนมาก นี่อาจเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ Samsung กลับมาท้าทาย SK hynix อย่างจริงจังในตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วจากความต้องการด้าน AI, LLM, และระบบประมวลผลความเร็วสูงทั่วโลก
📌 สรุปประเด็นสำคัญแบบ
✅ Samsung ฟื้นตัวในตลาด HBM
➡️ ส่วนแบ่งตลาด Q3 2025 ขึ้นมาที่ 22% แซง Micron
➡️ การปรับนโยบายภายในและเร่งพัฒนาเทคโนโลยีช่วยให้กลับมามีบทบาทอีกครั้ง
✅ การดึงลูกค้ารายใหญ่กลับมา
➡️ AMD และ NVIDIA เริ่มใช้ HBM3E และ HBM4 ของ Samsung
➡️ ความเร็ว pin speed ของ HBM4 สูงที่สุดในอุตสาหกรรม ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
✅ บริบทตลาด HBM และ DRAM
➡️ ตลาดกำลังขาดแคลนอย่างหนัก ทำให้ผู้ผลิตที่เพิ่มกำลังผลิตได้มีความได้เปรียบ
➡️ ความต้องการจาก AI และ Data Center พุ่งสูงต่อเนื่องทั่วโลก
✅ ผลกระทบเชิงกลยุทธ์
➡️ Samsung มีโอกาสกลับมาท้าทาย SK hynix ในปี 2026
➡️ การตั้งราคาที่แข่งขันได้ช่วยดึงลูกค้าระดับองค์กรกลับมา
⚠️ ประเด็นเสี่ยงและคำเตือนที่ควรจับตา
‼️ ความเสี่ยงด้านซัพพลายเชน
⛔ ความต้องการ HBM สูงกว่ากำลังผลิตรวมของ Samsung, SK hynix และ Micron อาจทำให้เกิดคอขวดต่อเนื่อง
‼️ ความท้าทายด้านการแข่งขัน
⛔ SK hynix ยังคงเป็นผู้นำตลาด และอาจเร่งเปิดตัว HBM4E เพื่อตอบโต้
⛔ หาก Samsungไม่สามารถรักษาคุณภาพและ yield rate ของ HBM4 ได้ อาจเสียโมเมนตัมอีกครั้ง
https://wccftech.com/the-tables-are-turning-for-samsung-in-the-hbm-market/
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
17 มุมมอง
0 รีวิว