ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 6

“ข่างลือ ข่าวลวง”
ตอน 6
เมื่อเจ้าชาย บิน นาเยฟ ขึ้นมารับตำแหน่งรัฐมนตรีมหาดไทยแทนพ่อ เขาพยายามหาวิธีที่จะลดจำนวนผู้ก่อการร้าย โดยใช้นโยบายฟื้นฟูมากกว่า นโยบายลงโทษ
ผู้ก่อการร้ายที่ถูกจับกุมมีประมาณ 3,500 คน และส่วนใหญ่เป็นพวกอัลไคดา ในระหว่างถูกคุมขัง “นักโทษ” จะได้รับการดูแลอย่างดี มีที่พักอาศัยที่ไม่เหมือนเป็นคุก มีญาติมาเยี่ยม ออกไปร่วมงานของครอบครัวได้ ส่วนญาติก็ได้รับการดูแลด้านที่อยู่อาศัย การกินอยู่ดีขึ้น ทั้งนี้ เพื่อให้ครอบครัวเป็นผู้กล่อมเกลาลูกหลานตัวเอง ให้กลับมาเห็นชอบจากการหลงผิด
อเมริกาไม่ชอบวิธีการนี้เลย สื่ออเมริกาโจมตีนโยบายนี้อย่างรุนแรง
แต่ในขณะเดียวกัน ในเรื่องเกี่ยวกับศาสนา บิน นาเยฟ ก็ไม่ต่างกับพ่อ เขาใช้นโยบาย เข้มงวด เช่นเดียวกับพ่อ โดย ถือว่าผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามคำสอนของศาสนา คือผู้ก่อการร้ายต่อราชอาณาจักรซาอุดิอารเบีย
….เหมือนอเมริกากำลังบอกว่า กับ อัลไคดาที่เคร่งศาสนา แม้จะก่อการร้าย ซาอุดิอารเบีย ปฏิบัติอย่างหนึ่ง แต่กับ ผู้ที่ไม่เคร่งศาสนา ซาอุดิอารเบีย มองเป็นผู้ก่อการร้าย…
อเมริกาบอกว่า เรื่องการเข้มงวดแบบนี้ กำลังเป็นประเด็นที่ทำให้อเมริกาและชาติตะวันตกที่เป็นประชาธิปไตยตั้งคำถามว่า การกดขี่ทางความคิด การกำจัดสิทธิในการแสดงความเห็นนั้น เหมาะสมหรือไม่ สำหรับผู้ที่อเมริกาจะนับเป็นเพื่อนด้วย …
นอกจากนี้ หนังสือพิมพ์ the Economist ยังเรียกร้องให้อเมริกาเลิกทำธุรกิจกับซาอุดิอารเบียได้แล้ว และอเมริกาควรจะเอาจริงกับการเรียกร้องให้ซาอุดิอารเบีย มีความโปร่งใสในการบริหารบ้านเมืองด้วย ในบทบรรณาธิการของ the Economist ที่เขียนหลังจากที่กษัตริย์ ซาลมาน ขึ้นครองราชย์สดๆ ชื่อ ” An Unholy Pact” บอกว่า การโอบอุ้มพวกวะฮาบี อย่างที่ราชวงศ์ซาอูดกำลังทำอยู่ ไม่ใช่เป็นอันตรายต่อโลกภายนอกเท่านั้น แต่ยังเป็นอันตรายต่อราชวงศ์เองอีกด้วย
ที่ไปส่งเสริมพวกหัวรุนแรงอย่างนั้น (extremism)
…เรื่องนี้ คงไม่ต้องขยายกันมาก ผมว่า เราคุ้นเคยกันดี กับความกร่าง ความเสือก ของสื่ออเมริกา เวลาเขียนเรื่องเกี่ยวกับในบ้านคนอื่น อเมริกาไม่เคยให้เกียรติเพื่อน ไม่ว่าเพื่อนคนไหน …
อเมริกาบอกว่า โอบามา สนับสนุนซาอุดิอารเบีย อย่างเต็มที่มาตลอด และเป็นประเทศแรกในตะวันออกกลางที่เขามาเยี่ยม หลังจากได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานาธิบดี แต่โอบามาบอกว่า ขณะที่ซาอุดิอารเบียอ้างว่า กำลังถูกคุกคามจากเรื่องนอกบ้าน โดยเฉพาะเรื่องอิหร่าน แต่ดูเหมือนเรื่องคุกคามในบ้านอาจจะร้ายแรงกว่า และการที่ซาอุดิอารเบีย ไม่ให้ความสนใจกับวัยรุ่นในประเทศ ที่มีเป็นจำนวนมากและว่างงาน และมีความเชื่อที่จะนำไปสู่การทำลาย เป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง และเขาจะต้องพูดผู้นำประเทศอย่างจริงจังแล้ว เพื่อให้ซาอุดิอารเบีย มีนโยบายปกครองประเทศ ที่มีเสรีภาพมากกว่านี้
….เหมือนเป็นคำเตือนที่ดี ของเพื่อนที่หวังดี ต่อซาอุดิอารเบีย ….อเมริกา ดีอย่างนั้นเขียวหรือ….หรืออเมริกา กำลังคิดอะไร
แต่กษัตริย์ซาลมาน ก็ดูเหมือนไม่ฟังอเมริกา และกลับยิ่งขยับเข้าไปใกล้กับ
วะฮาบีมากขึ้น กษัตริย์ซาลมาน มีสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มวะฮาบี มานานกว่า 50 ปี ในช่วงที่เขาเป็นผู้ว่าการนครริยาร์ด ตั้งแต่มีพลเมืองประมาณ 2 แสนคน บัดนี้ มีมากถึง 7 ล้านคน แต่นครริยาร์ด ก็ยังเป็นเมืองที่เคร่งศาสนาที่สุด อย่างไม่เปลี่ยนแปลง
สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
22 ต.ค. 2558
ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 6 “ข่างลือ ข่าวลวง” ตอน 6 เมื่อเจ้าชาย บิน นาเยฟ ขึ้นมารับตำแหน่งรัฐมนตรีมหาดไทยแทนพ่อ เขาพยายามหาวิธีที่จะลดจำนวนผู้ก่อการร้าย โดยใช้นโยบายฟื้นฟูมากกว่า นโยบายลงโทษ ผู้ก่อการร้ายที่ถูกจับกุมมีประมาณ 3,500 คน และส่วนใหญ่เป็นพวกอัลไคดา ในระหว่างถูกคุมขัง “นักโทษ” จะได้รับการดูแลอย่างดี มีที่พักอาศัยที่ไม่เหมือนเป็นคุก มีญาติมาเยี่ยม ออกไปร่วมงานของครอบครัวได้ ส่วนญาติก็ได้รับการดูแลด้านที่อยู่อาศัย การกินอยู่ดีขึ้น ทั้งนี้ เพื่อให้ครอบครัวเป็นผู้กล่อมเกลาลูกหลานตัวเอง ให้กลับมาเห็นชอบจากการหลงผิด อเมริกาไม่ชอบวิธีการนี้เลย สื่ออเมริกาโจมตีนโยบายนี้อย่างรุนแรง แต่ในขณะเดียวกัน ในเรื่องเกี่ยวกับศาสนา บิน นาเยฟ ก็ไม่ต่างกับพ่อ เขาใช้นโยบาย เข้มงวด เช่นเดียวกับพ่อ โดย ถือว่าผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามคำสอนของศาสนา คือผู้ก่อการร้ายต่อราชอาณาจักรซาอุดิอารเบีย ….เหมือนอเมริกากำลังบอกว่า กับ อัลไคดาที่เคร่งศาสนา แม้จะก่อการร้าย ซาอุดิอารเบีย ปฏิบัติอย่างหนึ่ง แต่กับ ผู้ที่ไม่เคร่งศาสนา ซาอุดิอารเบีย มองเป็นผู้ก่อการร้าย… อเมริกาบอกว่า เรื่องการเข้มงวดแบบนี้ กำลังเป็นประเด็นที่ทำให้อเมริกาและชาติตะวันตกที่เป็นประชาธิปไตยตั้งคำถามว่า การกดขี่ทางความคิด การกำจัดสิทธิในการแสดงความเห็นนั้น เหมาะสมหรือไม่ สำหรับผู้ที่อเมริกาจะนับเป็นเพื่อนด้วย … นอกจากนี้ หนังสือพิมพ์ the Economist ยังเรียกร้องให้อเมริกาเลิกทำธุรกิจกับซาอุดิอารเบียได้แล้ว และอเมริกาควรจะเอาจริงกับการเรียกร้องให้ซาอุดิอารเบีย มีความโปร่งใสในการบริหารบ้านเมืองด้วย ในบทบรรณาธิการของ the Economist ที่เขียนหลังจากที่กษัตริย์ ซาลมาน ขึ้นครองราชย์สดๆ ชื่อ ” An Unholy Pact” บอกว่า การโอบอุ้มพวกวะฮาบี อย่างที่ราชวงศ์ซาอูดกำลังทำอยู่ ไม่ใช่เป็นอันตรายต่อโลกภายนอกเท่านั้น แต่ยังเป็นอันตรายต่อราชวงศ์เองอีกด้วย ที่ไปส่งเสริมพวกหัวรุนแรงอย่างนั้น (extremism) …เรื่องนี้ คงไม่ต้องขยายกันมาก ผมว่า เราคุ้นเคยกันดี กับความกร่าง ความเสือก ของสื่ออเมริกา เวลาเขียนเรื่องเกี่ยวกับในบ้านคนอื่น อเมริกาไม่เคยให้เกียรติเพื่อน ไม่ว่าเพื่อนคนไหน … อเมริกาบอกว่า โอบามา สนับสนุนซาอุดิอารเบีย อย่างเต็มที่มาตลอด และเป็นประเทศแรกในตะวันออกกลางที่เขามาเยี่ยม หลังจากได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานาธิบดี แต่โอบามาบอกว่า ขณะที่ซาอุดิอารเบียอ้างว่า กำลังถูกคุกคามจากเรื่องนอกบ้าน โดยเฉพาะเรื่องอิหร่าน แต่ดูเหมือนเรื่องคุกคามในบ้านอาจจะร้ายแรงกว่า และการที่ซาอุดิอารเบีย ไม่ให้ความสนใจกับวัยรุ่นในประเทศ ที่มีเป็นจำนวนมากและว่างงาน และมีความเชื่อที่จะนำไปสู่การทำลาย เป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง และเขาจะต้องพูดผู้นำประเทศอย่างจริงจังแล้ว เพื่อให้ซาอุดิอารเบีย มีนโยบายปกครองประเทศ ที่มีเสรีภาพมากกว่านี้ ….เหมือนเป็นคำเตือนที่ดี ของเพื่อนที่หวังดี ต่อซาอุดิอารเบีย ….อเมริกา ดีอย่างนั้นเขียวหรือ….หรืออเมริกา กำลังคิดอะไร แต่กษัตริย์ซาลมาน ก็ดูเหมือนไม่ฟังอเมริกา และกลับยิ่งขยับเข้าไปใกล้กับ วะฮาบีมากขึ้น กษัตริย์ซาลมาน มีสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มวะฮาบี มานานกว่า 50 ปี ในช่วงที่เขาเป็นผู้ว่าการนครริยาร์ด ตั้งแต่มีพลเมืองประมาณ 2 แสนคน บัดนี้ มีมากถึง 7 ล้านคน แต่นครริยาร์ด ก็ยังเป็นเมืองที่เคร่งศาสนาที่สุด อย่างไม่เปลี่ยนแปลง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 22 ต.ค. 2558
0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 รีวิว