โรคอาเจียนจากกัญชา: ปรากฏการณ์ใหม่ในสหรัฐฯ
ข่าวนี้เล่าถึง Cannabinoid Hyperemesis Syndrome (CHS) หรืออาการอาเจียนรุนแรงที่เชื่อมโยงกับการใช้กัญชาเรื้อรัง ซึ่งกำลังพบมากขึ้นในสหรัฐฯ โดยเฉพาะในช่วงหลังปี 2020
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Illinois Chicago พบว่า จำนวนผู้ป่วย CHS ที่เข้าห้องฉุกเฉินเพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่า ระหว่างปี 2016–2022 จาก 4 รายต่อประชากร 100,000 คน เป็น 22 รายต่อประชากร 100,000 คน แม้ยังถือว่าเป็นโรคหายาก แต่การเพิ่มขึ้นนี้สะท้อนถึงความสำคัญที่สังคมและวงการแพทย์ต้องจับตามอง
ลักษณะและอาการของ CHS
CHS มักเกิดในผู้ใช้กัญชาเป็นเวลาหลายปี โดยเริ่มจากอาการคลื่นไส้หรือปวดท้องในตอนเช้า ก่อนจะพัฒนาเป็น อาการอาเจียนรุนแรงและต่อเนื่อง หลังใช้กัญชา อาการอาจคงอยู่หลายวันและทำให้ผู้ป่วยต้องเข้ารับการรักษาซ้ำ ๆ ที่น่าสนใจคือ การอาบน้ำร้อนหรืออาบน้ำอุ่นสามารถบรรเทาอาการได้ชั่วคราว แต่การหยุดใช้กัญชาคือวิธีที่ช่วยแก้ปัญหาได้จริง
ปัจจัยที่ทำให้เพิ่มขึ้น
ช่วงการระบาด COVID-19 (2020–2021) ถูกมองว่าเป็นตัวเร่งให้ CHS เพิ่มขึ้น เนื่องจากความเครียด การแยกตัว และการใช้กัญชามากขึ้น นักวิจัยยังตั้งข้อสังเกตว่า การรับรู้และการวินิจฉัยที่ดีขึ้น ก็อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ตัวเลขเพิ่มขึ้น ไม่ใช่เพียงการใช้กัญชาที่มากขึ้นเท่านั้น
ความท้าทายในการวินิจฉัย
CHS มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็น cyclical vomiting syndrome (CVS) ซึ่งมีวิธีรักษาต่างกัน ทำให้ผู้ป่วยบางรายต้องเข้ารับการรักษาหลายครั้งกว่าจะได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง บางรายถึงขั้นถูกกล่าวหาว่า “แกล้งทำ” อาการ ทั้งที่จริงแล้วเป็นโรคที่มีอยู่จริงและกำลังได้รับการยอมรับมากขึ้นในวงการแพทย์
สรุปประเด็นสำคัญ
การเพิ่มขึ้นของผู้ป่วย CHS ในสหรัฐฯ
จาก 4 รายต่อ 100,000 คน (2016) เป็น 22 รายต่อ 100,000 คน (2022)
พบมากในภูมิภาคตะวันตกและตะวันออกเฉียงเหนือ
ลักษณะอาการของ CHS
คลื่นไส้ ปวดท้อง และอาเจียนรุนแรง
อาบน้ำร้อนช่วยบรรเทาอาการชั่วคราว แต่การหยุดใช้กัญชาคือวิธีรักษา
ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง
การใช้กัญชาเรื้อรัง โดยเฉพาะในคนอายุน้อย
ความเครียดและการใช้กัญชาเพิ่มขึ้นช่วง COVID-19
ความท้าทายในการวินิจฉัย
มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็น cyclical vomiting syndrome
ผู้ป่วยบางรายต้องเข้ารับการรักษาหลายครั้งกว่าจะได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง
https://www.sciencealert.com/vomiting-syndrome-linked-to-cannabis-is-on-the-rise-in-the-us
ข่าวนี้เล่าถึง Cannabinoid Hyperemesis Syndrome (CHS) หรืออาการอาเจียนรุนแรงที่เชื่อมโยงกับการใช้กัญชาเรื้อรัง ซึ่งกำลังพบมากขึ้นในสหรัฐฯ โดยเฉพาะในช่วงหลังปี 2020
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Illinois Chicago พบว่า จำนวนผู้ป่วย CHS ที่เข้าห้องฉุกเฉินเพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่า ระหว่างปี 2016–2022 จาก 4 รายต่อประชากร 100,000 คน เป็น 22 รายต่อประชากร 100,000 คน แม้ยังถือว่าเป็นโรคหายาก แต่การเพิ่มขึ้นนี้สะท้อนถึงความสำคัญที่สังคมและวงการแพทย์ต้องจับตามอง
ลักษณะและอาการของ CHS
CHS มักเกิดในผู้ใช้กัญชาเป็นเวลาหลายปี โดยเริ่มจากอาการคลื่นไส้หรือปวดท้องในตอนเช้า ก่อนจะพัฒนาเป็น อาการอาเจียนรุนแรงและต่อเนื่อง หลังใช้กัญชา อาการอาจคงอยู่หลายวันและทำให้ผู้ป่วยต้องเข้ารับการรักษาซ้ำ ๆ ที่น่าสนใจคือ การอาบน้ำร้อนหรืออาบน้ำอุ่นสามารถบรรเทาอาการได้ชั่วคราว แต่การหยุดใช้กัญชาคือวิธีที่ช่วยแก้ปัญหาได้จริง
ปัจจัยที่ทำให้เพิ่มขึ้น
ช่วงการระบาด COVID-19 (2020–2021) ถูกมองว่าเป็นตัวเร่งให้ CHS เพิ่มขึ้น เนื่องจากความเครียด การแยกตัว และการใช้กัญชามากขึ้น นักวิจัยยังตั้งข้อสังเกตว่า การรับรู้และการวินิจฉัยที่ดีขึ้น ก็อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ตัวเลขเพิ่มขึ้น ไม่ใช่เพียงการใช้กัญชาที่มากขึ้นเท่านั้น
ความท้าทายในการวินิจฉัย
CHS มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็น cyclical vomiting syndrome (CVS) ซึ่งมีวิธีรักษาต่างกัน ทำให้ผู้ป่วยบางรายต้องเข้ารับการรักษาหลายครั้งกว่าจะได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง บางรายถึงขั้นถูกกล่าวหาว่า “แกล้งทำ” อาการ ทั้งที่จริงแล้วเป็นโรคที่มีอยู่จริงและกำลังได้รับการยอมรับมากขึ้นในวงการแพทย์
สรุปประเด็นสำคัญ
การเพิ่มขึ้นของผู้ป่วย CHS ในสหรัฐฯ
จาก 4 รายต่อ 100,000 คน (2016) เป็น 22 รายต่อ 100,000 คน (2022)
พบมากในภูมิภาคตะวันตกและตะวันออกเฉียงเหนือ
ลักษณะอาการของ CHS
คลื่นไส้ ปวดท้อง และอาเจียนรุนแรง
อาบน้ำร้อนช่วยบรรเทาอาการชั่วคราว แต่การหยุดใช้กัญชาคือวิธีรักษา
ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง
การใช้กัญชาเรื้อรัง โดยเฉพาะในคนอายุน้อย
ความเครียดและการใช้กัญชาเพิ่มขึ้นช่วง COVID-19
ความท้าทายในการวินิจฉัย
มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็น cyclical vomiting syndrome
ผู้ป่วยบางรายต้องเข้ารับการรักษาหลายครั้งกว่าจะได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง
https://www.sciencealert.com/vomiting-syndrome-linked-to-cannabis-is-on-the-rise-in-the-us
🚨 โรคอาเจียนจากกัญชา: ปรากฏการณ์ใหม่ในสหรัฐฯ
ข่าวนี้เล่าถึง Cannabinoid Hyperemesis Syndrome (CHS) หรืออาการอาเจียนรุนแรงที่เชื่อมโยงกับการใช้กัญชาเรื้อรัง ซึ่งกำลังพบมากขึ้นในสหรัฐฯ โดยเฉพาะในช่วงหลังปี 2020
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Illinois Chicago พบว่า จำนวนผู้ป่วย CHS ที่เข้าห้องฉุกเฉินเพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่า ระหว่างปี 2016–2022 จาก 4 รายต่อประชากร 100,000 คน เป็น 22 รายต่อประชากร 100,000 คน แม้ยังถือว่าเป็นโรคหายาก แต่การเพิ่มขึ้นนี้สะท้อนถึงความสำคัญที่สังคมและวงการแพทย์ต้องจับตามอง
🧑⚕️ ลักษณะและอาการของ CHS
CHS มักเกิดในผู้ใช้กัญชาเป็นเวลาหลายปี โดยเริ่มจากอาการคลื่นไส้หรือปวดท้องในตอนเช้า ก่อนจะพัฒนาเป็น อาการอาเจียนรุนแรงและต่อเนื่อง หลังใช้กัญชา อาการอาจคงอยู่หลายวันและทำให้ผู้ป่วยต้องเข้ารับการรักษาซ้ำ ๆ ที่น่าสนใจคือ การอาบน้ำร้อนหรืออาบน้ำอุ่นสามารถบรรเทาอาการได้ชั่วคราว แต่การหยุดใช้กัญชาคือวิธีที่ช่วยแก้ปัญหาได้จริง
📈 ปัจจัยที่ทำให้เพิ่มขึ้น
ช่วงการระบาด COVID-19 (2020–2021) ถูกมองว่าเป็นตัวเร่งให้ CHS เพิ่มขึ้น เนื่องจากความเครียด การแยกตัว และการใช้กัญชามากขึ้น นักวิจัยยังตั้งข้อสังเกตว่า การรับรู้และการวินิจฉัยที่ดีขึ้น ก็อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ตัวเลขเพิ่มขึ้น ไม่ใช่เพียงการใช้กัญชาที่มากขึ้นเท่านั้น
⚠️ ความท้าทายในการวินิจฉัย
CHS มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็น cyclical vomiting syndrome (CVS) ซึ่งมีวิธีรักษาต่างกัน ทำให้ผู้ป่วยบางรายต้องเข้ารับการรักษาหลายครั้งกว่าจะได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง บางรายถึงขั้นถูกกล่าวหาว่า “แกล้งทำ” อาการ ทั้งที่จริงแล้วเป็นโรคที่มีอยู่จริงและกำลังได้รับการยอมรับมากขึ้นในวงการแพทย์
📌 สรุปประเด็นสำคัญ
✅ การเพิ่มขึ้นของผู้ป่วย CHS ในสหรัฐฯ
➡️ จาก 4 รายต่อ 100,000 คน (2016) เป็น 22 รายต่อ 100,000 คน (2022)
➡️ พบมากในภูมิภาคตะวันตกและตะวันออกเฉียงเหนือ
✅ ลักษณะอาการของ CHS
➡️ คลื่นไส้ ปวดท้อง และอาเจียนรุนแรง
➡️ อาบน้ำร้อนช่วยบรรเทาอาการชั่วคราว แต่การหยุดใช้กัญชาคือวิธีรักษา
✅ ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง
➡️ การใช้กัญชาเรื้อรัง โดยเฉพาะในคนอายุน้อย
➡️ ความเครียดและการใช้กัญชาเพิ่มขึ้นช่วง COVID-19
‼️ ความท้าทายในการวินิจฉัย
⛔ มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็น cyclical vomiting syndrome
⛔ ผู้ป่วยบางรายต้องเข้ารับการรักษาหลายครั้งกว่าจะได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง
https://www.sciencealert.com/vomiting-syndrome-linked-to-cannabis-is-on-the-rise-in-the-us
0 Comments
0 Shares
8 Views
0 Reviews