“TikTok เปิดตัวฟิลเตอร์ AI: ผู้ใช้เลือกได้ว่าจะเห็นมากหรือน้อย”
TikTok ได้เพิ่มตัวเลือกใหม่ในเมนู Manage Topics ให้ผู้ใช้สามารถปรับระดับการแสดงคอนเทนต์ที่สร้างด้วย AI ได้ตามต้องการ โดยใช้ระบบสไลเดอร์ที่เลือกได้ตั้งแต่ “เห็นน้อยมาก” ไปจนถึง “เห็นมากขึ้น” ซึ่งถือเป็นการให้สิทธิ์ผู้ใช้ในการควบคุมประสบการณ์การใช้งาน แทนที่จะถูกแพลตฟอร์มจำกัดโดยอัตโนมัติ
เพื่อให้การกรองและการติดฉลากมีประสิทธิภาพมากขึ้น TikTok กำลังทดสอบการใช้ Invisible Watermarking สำหรับวิดีโอที่สร้างด้วยเครื่องมือ AI ของแพลตฟอร์มเอง เช่น AI Editor Pro หรือที่อัปโหลดพร้อมกับ C2PA Content Credentials วิธีนี้ช่วยให้การระบุคอนเทนต์ AI ยากต่อการลบหรือแก้ไขเมื่อถูกแชร์ซ้ำบนแพลตฟอร์มอื่น
นอกจากนี้ TikTok ยังบังคับให้ผู้สร้างคอนเทนต์ที่สมจริงด้วย AI ต้องติดฉลาก หากตรวจพบว่ามีการละเมิด เช่น ไม่ติดฉลาก จะถูกลดการเข้าถึงอย่างหนัก (reach suppression) ถึง 73% ภายใน 48 ชั่วโมง และอาจได้รับการลงโทษทางบัญชี เช่น การเตือนหรือการแบนชั่วคราว
อีกหนึ่งความเคลื่อนไหวคือการจัดตั้ง AI Literacy Fund มูลค่า 2 ล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนองค์กรไม่แสวงหากำไร เช่น Girls Who Code ในการสร้างเนื้อหาการศึกษาเกี่ยวกับความปลอดภัยและการระบุคอนเทนต์ AI ซึ่งสะท้อนถึงความพยายามของ TikTok ในการสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นต่อผู้ใช้
สรุปเป็นหัวข้อ
ฟีเจอร์ AI Content Filter
ผู้ใช้ปรับระดับการเห็นคอนเทนต์ AI ได้ด้วยสไลเดอร์
เลือกได้ตั้งแต่ “เห็นน้อยมาก” ถึง “เห็นมากขึ้น”
Invisible Watermarking
ใช้กับวิดีโอที่สร้างด้วย AI Editor Pro
ทำให้การลบฉลากหรือแก้ไขยากขึ้นเมื่อแชร์ซ้ำ
การบังคับติดฉลากและบทลงโทษ
คอนเทนต์ AI สมจริงต้องติดฉลาก
หากไม่ติดฉลากจะถูกลดการเข้าถึงถึง 73% และอาจถูกลงโทษบัญชี
AI Literacy Fund
มูลค่า 2 ล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนการศึกษาเรื่อง AI
ร่วมมือกับองค์กรไม่แสวงหากำไร เช่น Girls Who Code
ข้อกังวลและความท้าทาย
การตรวจจับคอนเทนต์ AI อาจไม่สมบูรณ์ 100%
ความเสี่ยงที่ผู้สร้างหาวิธีหลบเลี่ยงการติดฉลาก
https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/25/tiktok-is-getting-a-new-filter-for-ai-how-does-it-work
TikTok ได้เพิ่มตัวเลือกใหม่ในเมนู Manage Topics ให้ผู้ใช้สามารถปรับระดับการแสดงคอนเทนต์ที่สร้างด้วย AI ได้ตามต้องการ โดยใช้ระบบสไลเดอร์ที่เลือกได้ตั้งแต่ “เห็นน้อยมาก” ไปจนถึง “เห็นมากขึ้น” ซึ่งถือเป็นการให้สิทธิ์ผู้ใช้ในการควบคุมประสบการณ์การใช้งาน แทนที่จะถูกแพลตฟอร์มจำกัดโดยอัตโนมัติ
เพื่อให้การกรองและการติดฉลากมีประสิทธิภาพมากขึ้น TikTok กำลังทดสอบการใช้ Invisible Watermarking สำหรับวิดีโอที่สร้างด้วยเครื่องมือ AI ของแพลตฟอร์มเอง เช่น AI Editor Pro หรือที่อัปโหลดพร้อมกับ C2PA Content Credentials วิธีนี้ช่วยให้การระบุคอนเทนต์ AI ยากต่อการลบหรือแก้ไขเมื่อถูกแชร์ซ้ำบนแพลตฟอร์มอื่น
นอกจากนี้ TikTok ยังบังคับให้ผู้สร้างคอนเทนต์ที่สมจริงด้วย AI ต้องติดฉลาก หากตรวจพบว่ามีการละเมิด เช่น ไม่ติดฉลาก จะถูกลดการเข้าถึงอย่างหนัก (reach suppression) ถึง 73% ภายใน 48 ชั่วโมง และอาจได้รับการลงโทษทางบัญชี เช่น การเตือนหรือการแบนชั่วคราว
อีกหนึ่งความเคลื่อนไหวคือการจัดตั้ง AI Literacy Fund มูลค่า 2 ล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนองค์กรไม่แสวงหากำไร เช่น Girls Who Code ในการสร้างเนื้อหาการศึกษาเกี่ยวกับความปลอดภัยและการระบุคอนเทนต์ AI ซึ่งสะท้อนถึงความพยายามของ TikTok ในการสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นต่อผู้ใช้
สรุปเป็นหัวข้อ
ฟีเจอร์ AI Content Filter
ผู้ใช้ปรับระดับการเห็นคอนเทนต์ AI ได้ด้วยสไลเดอร์
เลือกได้ตั้งแต่ “เห็นน้อยมาก” ถึง “เห็นมากขึ้น”
Invisible Watermarking
ใช้กับวิดีโอที่สร้างด้วย AI Editor Pro
ทำให้การลบฉลากหรือแก้ไขยากขึ้นเมื่อแชร์ซ้ำ
การบังคับติดฉลากและบทลงโทษ
คอนเทนต์ AI สมจริงต้องติดฉลาก
หากไม่ติดฉลากจะถูกลดการเข้าถึงถึง 73% และอาจถูกลงโทษบัญชี
AI Literacy Fund
มูลค่า 2 ล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนการศึกษาเรื่อง AI
ร่วมมือกับองค์กรไม่แสวงหากำไร เช่น Girls Who Code
ข้อกังวลและความท้าทาย
การตรวจจับคอนเทนต์ AI อาจไม่สมบูรณ์ 100%
ความเสี่ยงที่ผู้สร้างหาวิธีหลบเลี่ยงการติดฉลาก
https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/25/tiktok-is-getting-a-new-filter-for-ai-how-does-it-work
🎭 “TikTok เปิดตัวฟิลเตอร์ AI: ผู้ใช้เลือกได้ว่าจะเห็นมากหรือน้อย”
TikTok ได้เพิ่มตัวเลือกใหม่ในเมนู Manage Topics ให้ผู้ใช้สามารถปรับระดับการแสดงคอนเทนต์ที่สร้างด้วย AI ได้ตามต้องการ โดยใช้ระบบสไลเดอร์ที่เลือกได้ตั้งแต่ “เห็นน้อยมาก” ไปจนถึง “เห็นมากขึ้น” ซึ่งถือเป็นการให้สิทธิ์ผู้ใช้ในการควบคุมประสบการณ์การใช้งาน แทนที่จะถูกแพลตฟอร์มจำกัดโดยอัตโนมัติ
เพื่อให้การกรองและการติดฉลากมีประสิทธิภาพมากขึ้น TikTok กำลังทดสอบการใช้ Invisible Watermarking สำหรับวิดีโอที่สร้างด้วยเครื่องมือ AI ของแพลตฟอร์มเอง เช่น AI Editor Pro หรือที่อัปโหลดพร้อมกับ C2PA Content Credentials วิธีนี้ช่วยให้การระบุคอนเทนต์ AI ยากต่อการลบหรือแก้ไขเมื่อถูกแชร์ซ้ำบนแพลตฟอร์มอื่น
นอกจากนี้ TikTok ยังบังคับให้ผู้สร้างคอนเทนต์ที่สมจริงด้วย AI ต้องติดฉลาก หากตรวจพบว่ามีการละเมิด เช่น ไม่ติดฉลาก จะถูกลดการเข้าถึงอย่างหนัก (reach suppression) ถึง 73% ภายใน 48 ชั่วโมง และอาจได้รับการลงโทษทางบัญชี เช่น การเตือนหรือการแบนชั่วคราว
อีกหนึ่งความเคลื่อนไหวคือการจัดตั้ง AI Literacy Fund มูลค่า 2 ล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนองค์กรไม่แสวงหากำไร เช่น Girls Who Code ในการสร้างเนื้อหาการศึกษาเกี่ยวกับความปลอดภัยและการระบุคอนเทนต์ AI ซึ่งสะท้อนถึงความพยายามของ TikTok ในการสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นต่อผู้ใช้
📌 สรุปเป็นหัวข้อ
✅ ฟีเจอร์ AI Content Filter
➡️ ผู้ใช้ปรับระดับการเห็นคอนเทนต์ AI ได้ด้วยสไลเดอร์
➡️ เลือกได้ตั้งแต่ “เห็นน้อยมาก” ถึง “เห็นมากขึ้น”
✅ Invisible Watermarking
➡️ ใช้กับวิดีโอที่สร้างด้วย AI Editor Pro
➡️ ทำให้การลบฉลากหรือแก้ไขยากขึ้นเมื่อแชร์ซ้ำ
✅ การบังคับติดฉลากและบทลงโทษ
➡️ คอนเทนต์ AI สมจริงต้องติดฉลาก
➡️ หากไม่ติดฉลากจะถูกลดการเข้าถึงถึง 73% และอาจถูกลงโทษบัญชี
✅ AI Literacy Fund
➡️ มูลค่า 2 ล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนการศึกษาเรื่อง AI
➡️ ร่วมมือกับองค์กรไม่แสวงหากำไร เช่น Girls Who Code
‼️ ข้อกังวลและความท้าทาย
⛔ การตรวจจับคอนเทนต์ AI อาจไม่สมบูรณ์ 100%
⛔ ความเสี่ยงที่ผู้สร้างหาวิธีหลบเลี่ยงการติดฉลาก
https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/25/tiktok-is-getting-a-new-filter-for-ai-how-does-it-work
0 Comments
0 Shares
32 Views
0 Reviews