"5 ซีพียูยอดนิยมที่หมดอายุในปี 2025"
ในโลกคอมพิวเตอร์ที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว ซีพียูที่เคยทรงพลังกลับกลายเป็น “ล้าสมัย” ภายในเวลาไม่กี่ปี บทความจาก SlashGear ระบุว่าในปี 2025 มีหลายรุ่นที่ถูกจัดว่าไม่เหมาะกับการใช้งานสมัยใหม่อีกต่อไป แม้ยังสามารถทำงานได้ แต่การขาดการสนับสนุนซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการใหม่ทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อปัญหาความปลอดภัยและประสิทธิภาพ.
หนึ่งในกรณีที่น่าสนใจคือ Intel Core รุ่นที่ 14 ที่เปิดตัวในปี 2023 แต่เพียงสองปีต่อมาก็ถูกลดการสนับสนุน GPU ในตัวลงเหลือเพียงการแก้ไขบั๊กและอัปเดตความปลอดภัยทุก 3 เดือน นอกจากนี้ยังไม่มีการรองรับเกมใหม่แบบ Day 0 อีกต่อไป ทำให้ผู้เล่นเกมอาจพบปัญหากับเกมรุ่นล่าสุด แม้ตัวซีพียูยังคงทำงานได้ดีหากใช้การ์ดจอแยก.
Intel รุ่นที่ 7 และเก่ากว่า ก็ถูกจัดว่าเป็นซีพียูที่หมดอายุ เนื่องจากไม่รองรับ Windows 11 ที่ต้องการ TPM 2.0 และเมื่อ Windows 10 สิ้นสุดการสนับสนุนในเดือนตุลาคม 2025 ผู้ใช้ที่ยังใช้ซีพียูเหล่านี้จะเสี่ยงต่อช่องโหว่ความปลอดภัยที่ไม่ได้รับการแก้ไขอีกต่อไป.
ฝั่ง AMD ก็มีปัญหาเช่นกัน โดย Ryzen รุ่นแรก (2017) และ Ryzen 2000 ไม่สามารถรองรับ Windows 11 ได้ แม้ยังมีประสิทธิภาพดี แต่การหมดอายุของ Windows 10 ทำให้ผู้ใช้ต้องเลือกว่าจะอัปเกรดซีพียูหรือเปลี่ยนไปใช้ Linux แทน ขณะที่ Threadripper 1000 และ 2000 ก็ถูกตัดการสนับสนุนจากซอฟต์แวร์ Ryzen Master ทำให้ไม่สามารถใช้ฟีเจอร์ใหม่ ๆ ได้อีกต่อไป
สรุปสาระสำคัญ
Intel Core รุ่นที่ 14 (2023)
GPU ในตัวถูกลดการสนับสนุนเหลือเฉพาะอัปเดตความปลอดภัย
ไม่มีการรองรับเกมใหม่แบบ Day 0
Intel Core รุ่นที่ 7 และเก่ากว่า
ไม่รองรับ Windows 11 เนื่องจากขาด TPM 2.0
Windows 10 หมดอายุในปี 2025 ทำให้เสี่ยงต่อช่องโหว่
AMD Ryzen รุ่นแรก (2017)
ไม่รองรับ Windows 11 แม้ยังมีประสิทธิภาพ
ใช้งานต่อได้หากเปลี่ยนไปใช้ Linux
AMD Ryzen 2000 และบางรุ่น Ryzen 3000
ขาดคุณสมบัติที่ Windows 11 ต้องการ
สามารถอัปเกรดเป็น Ryzen 3000 หรือ 5000 ได้หากเมนบอร์ดรองรับ
AMD Threadripper 1000 และ 2000
ไม่รองรับ Windows 11
ถูกตัดการสนับสนุนจาก Ryzen Master
คำเตือนด้านความปลอดภัย
การใช้ซีพียูที่ไม่รองรับ Windows 11 เสี่ยงต่อช่องโหว่ที่ไม่ได้รับการแก้ไข
คำเตือนด้านการลงทุน
การซื้อคอมพิวเตอร์ใหม่ที่ใช้ซีพียูรุ่นเก่าอาจทำให้เสียเงินโดยไม่คุ้มค่า เพราะหมดอายุเร็ว
https://www.slashgear.com/2032348/popular-cpu-too-old-2025/
ในโลกคอมพิวเตอร์ที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว ซีพียูที่เคยทรงพลังกลับกลายเป็น “ล้าสมัย” ภายในเวลาไม่กี่ปี บทความจาก SlashGear ระบุว่าในปี 2025 มีหลายรุ่นที่ถูกจัดว่าไม่เหมาะกับการใช้งานสมัยใหม่อีกต่อไป แม้ยังสามารถทำงานได้ แต่การขาดการสนับสนุนซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการใหม่ทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อปัญหาความปลอดภัยและประสิทธิภาพ.
หนึ่งในกรณีที่น่าสนใจคือ Intel Core รุ่นที่ 14 ที่เปิดตัวในปี 2023 แต่เพียงสองปีต่อมาก็ถูกลดการสนับสนุน GPU ในตัวลงเหลือเพียงการแก้ไขบั๊กและอัปเดตความปลอดภัยทุก 3 เดือน นอกจากนี้ยังไม่มีการรองรับเกมใหม่แบบ Day 0 อีกต่อไป ทำให้ผู้เล่นเกมอาจพบปัญหากับเกมรุ่นล่าสุด แม้ตัวซีพียูยังคงทำงานได้ดีหากใช้การ์ดจอแยก.
Intel รุ่นที่ 7 และเก่ากว่า ก็ถูกจัดว่าเป็นซีพียูที่หมดอายุ เนื่องจากไม่รองรับ Windows 11 ที่ต้องการ TPM 2.0 และเมื่อ Windows 10 สิ้นสุดการสนับสนุนในเดือนตุลาคม 2025 ผู้ใช้ที่ยังใช้ซีพียูเหล่านี้จะเสี่ยงต่อช่องโหว่ความปลอดภัยที่ไม่ได้รับการแก้ไขอีกต่อไป.
ฝั่ง AMD ก็มีปัญหาเช่นกัน โดย Ryzen รุ่นแรก (2017) และ Ryzen 2000 ไม่สามารถรองรับ Windows 11 ได้ แม้ยังมีประสิทธิภาพดี แต่การหมดอายุของ Windows 10 ทำให้ผู้ใช้ต้องเลือกว่าจะอัปเกรดซีพียูหรือเปลี่ยนไปใช้ Linux แทน ขณะที่ Threadripper 1000 และ 2000 ก็ถูกตัดการสนับสนุนจากซอฟต์แวร์ Ryzen Master ทำให้ไม่สามารถใช้ฟีเจอร์ใหม่ ๆ ได้อีกต่อไป
สรุปสาระสำคัญ
Intel Core รุ่นที่ 14 (2023)
GPU ในตัวถูกลดการสนับสนุนเหลือเฉพาะอัปเดตความปลอดภัย
ไม่มีการรองรับเกมใหม่แบบ Day 0
Intel Core รุ่นที่ 7 และเก่ากว่า
ไม่รองรับ Windows 11 เนื่องจากขาด TPM 2.0
Windows 10 หมดอายุในปี 2025 ทำให้เสี่ยงต่อช่องโหว่
AMD Ryzen รุ่นแรก (2017)
ไม่รองรับ Windows 11 แม้ยังมีประสิทธิภาพ
ใช้งานต่อได้หากเปลี่ยนไปใช้ Linux
AMD Ryzen 2000 และบางรุ่น Ryzen 3000
ขาดคุณสมบัติที่ Windows 11 ต้องการ
สามารถอัปเกรดเป็น Ryzen 3000 หรือ 5000 ได้หากเมนบอร์ดรองรับ
AMD Threadripper 1000 และ 2000
ไม่รองรับ Windows 11
ถูกตัดการสนับสนุนจาก Ryzen Master
คำเตือนด้านความปลอดภัย
การใช้ซีพียูที่ไม่รองรับ Windows 11 เสี่ยงต่อช่องโหว่ที่ไม่ได้รับการแก้ไข
คำเตือนด้านการลงทุน
การซื้อคอมพิวเตอร์ใหม่ที่ใช้ซีพียูรุ่นเก่าอาจทำให้เสียเงินโดยไม่คุ้มค่า เพราะหมดอายุเร็ว
https://www.slashgear.com/2032348/popular-cpu-too-old-2025/
📰 "5 ซีพียูยอดนิยมที่หมดอายุในปี 2025"
ในโลกคอมพิวเตอร์ที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว ซีพียูที่เคยทรงพลังกลับกลายเป็น “ล้าสมัย” ภายในเวลาไม่กี่ปี บทความจาก SlashGear ระบุว่าในปี 2025 มีหลายรุ่นที่ถูกจัดว่าไม่เหมาะกับการใช้งานสมัยใหม่อีกต่อไป แม้ยังสามารถทำงานได้ แต่การขาดการสนับสนุนซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการใหม่ทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อปัญหาความปลอดภัยและประสิทธิภาพ.
หนึ่งในกรณีที่น่าสนใจคือ Intel Core รุ่นที่ 14 ที่เปิดตัวในปี 2023 แต่เพียงสองปีต่อมาก็ถูกลดการสนับสนุน GPU ในตัวลงเหลือเพียงการแก้ไขบั๊กและอัปเดตความปลอดภัยทุก 3 เดือน นอกจากนี้ยังไม่มีการรองรับเกมใหม่แบบ Day 0 อีกต่อไป ทำให้ผู้เล่นเกมอาจพบปัญหากับเกมรุ่นล่าสุด แม้ตัวซีพียูยังคงทำงานได้ดีหากใช้การ์ดจอแยก.
Intel รุ่นที่ 7 และเก่ากว่า ก็ถูกจัดว่าเป็นซีพียูที่หมดอายุ เนื่องจากไม่รองรับ Windows 11 ที่ต้องการ TPM 2.0 และเมื่อ Windows 10 สิ้นสุดการสนับสนุนในเดือนตุลาคม 2025 ผู้ใช้ที่ยังใช้ซีพียูเหล่านี้จะเสี่ยงต่อช่องโหว่ความปลอดภัยที่ไม่ได้รับการแก้ไขอีกต่อไป.
ฝั่ง AMD ก็มีปัญหาเช่นกัน โดย Ryzen รุ่นแรก (2017) และ Ryzen 2000 ไม่สามารถรองรับ Windows 11 ได้ แม้ยังมีประสิทธิภาพดี แต่การหมดอายุของ Windows 10 ทำให้ผู้ใช้ต้องเลือกว่าจะอัปเกรดซีพียูหรือเปลี่ยนไปใช้ Linux แทน ขณะที่ Threadripper 1000 และ 2000 ก็ถูกตัดการสนับสนุนจากซอฟต์แวร์ Ryzen Master ทำให้ไม่สามารถใช้ฟีเจอร์ใหม่ ๆ ได้อีกต่อไป
📌 สรุปสาระสำคัญ
✅ Intel Core รุ่นที่ 14 (2023)
➡️ GPU ในตัวถูกลดการสนับสนุนเหลือเฉพาะอัปเดตความปลอดภัย
➡️ ไม่มีการรองรับเกมใหม่แบบ Day 0
✅ Intel Core รุ่นที่ 7 และเก่ากว่า
➡️ ไม่รองรับ Windows 11 เนื่องจากขาด TPM 2.0
➡️ Windows 10 หมดอายุในปี 2025 ทำให้เสี่ยงต่อช่องโหว่
✅ AMD Ryzen รุ่นแรก (2017)
➡️ ไม่รองรับ Windows 11 แม้ยังมีประสิทธิภาพ
➡️ ใช้งานต่อได้หากเปลี่ยนไปใช้ Linux
✅ AMD Ryzen 2000 และบางรุ่น Ryzen 3000
➡️ ขาดคุณสมบัติที่ Windows 11 ต้องการ
➡️ สามารถอัปเกรดเป็น Ryzen 3000 หรือ 5000 ได้หากเมนบอร์ดรองรับ
✅ AMD Threadripper 1000 และ 2000
➡️ ไม่รองรับ Windows 11
➡️ ถูกตัดการสนับสนุนจาก Ryzen Master
‼️ คำเตือนด้านความปลอดภัย
⛔ การใช้ซีพียูที่ไม่รองรับ Windows 11 เสี่ยงต่อช่องโหว่ที่ไม่ได้รับการแก้ไข
‼️ คำเตือนด้านการลงทุน
⛔ การซื้อคอมพิวเตอร์ใหม่ที่ใช้ซีพียูรุ่นเก่าอาจทำให้เสียเงินโดยไม่คุ้มค่า เพราะหมดอายุเร็ว
https://www.slashgear.com/2032348/popular-cpu-too-old-2025/
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
39 มุมมอง
0 รีวิว