“AI และโซเชียลมีเดีย กำลังทำให้สมองเสื่อมคุณภาพ (‘Brain Rot’)”
งานวิจัยจาก Wharton และ MIT พบว่า การใช้ AI Chatbot และ AI Search Tools ทำให้ผู้ใช้ผลิตเนื้อหาที่ ซ้ำซากและไร้ความลึก เมื่อเทียบกับการค้นหาข้อมูลแบบดั้งเดิม เช่น Google Search ผู้ใช้ที่พึ่งพา AI มักไม่สามารถจดจำสิ่งที่เขียนเองได้ และมีการทำงานของสมองต่ำกว่าอย่างเห็นได้ชัด
คำว่า “Brain Rot” ถูก Oxford English Dictionary ยกให้เป็นคำแห่งปี 2024 หมายถึงสภาวะที่สมองเสื่อมคุณภาพจากการเสพคอนเทนต์สั้น ๆ เช่น TikTok และ Instagram ซึ่งทำให้ผู้ใช้ติดการเลื่อนหน้าจอโดยไม่สร้างการเรียนรู้เชิงลึก ปัญหานี้ยิ่งรุนแรงขึ้นเมื่อผนวกกับการใช้ AI ที่ทำให้การค้นคว้ากลายเป็นกระบวนการแบบ Passive
ข้อมูลจากการสอบ National Assessment of Educational Progress (NAEP) ในสหรัฐฯ ชี้ว่า คะแนนการอ่านของนักเรียนมัธยมต้นและปลายตกต่ำที่สุดในรอบหลายปีหลังโควิด-19 ซึ่งนักวิจัยเชื่อว่ามีความเชื่อมโยงกับการใช้โซเชียลมีเดียและการพึ่งพา AI ในการเรียนรู้
แม้จะมีข้อกังวล แต่ผู้เชี่ยวชาญเสนอแนวทางว่า การใช้ AI อย่างมีสติ เช่น เริ่มต้นด้วยการคิดเองก่อน แล้วใช้ AI เพื่อตรวจสอบหรือปรับปรุงงาน จะช่วยให้สมองยังคงทำงานเชิงรุก และลดผลกระทบของ “Brain Rot” ได้
สรุปสาระสำคัญ
ผลการวิจัยเกี่ยวกับ AI
ผู้ใช้ Chatbot ผลิตเนื้อหาที่ซ้ำซากและไร้ความลึก
การทำงานของสมองลดลงเมื่อพึ่งพา AI
ผู้ใช้ไม่สามารถจดจำสิ่งที่เขียนเองได้
ผลกระทบจากโซเชียลมีเดีย
TikTok และ Instagram ทำให้ผู้ใช้ติดคอนเทนต์สั้น ๆ
“Brain Rot” ถูกยกเป็นคำแห่งปี 2024
การเสพคอนเทนต์แบบ Passive ลดการเรียนรู้เชิงลึก
ผลต่อเยาวชนและการศึกษา
คะแนนการอ่านของนักเรียนสหรัฐฯ ตกต่ำที่สุดในรอบหลายปี
นักวิจัยเชื่อว่ามีความเชื่อมโยงกับการใช้โซเชียลมีเดียและ AI
คำเตือนจากบทความ
การพึ่งพา AI และโซเชียลมีเดียมากเกินไปอาจทำให้สมองเสื่อมคุณภาพ
เยาวชนเสี่ยงต่อการสูญเสียทักษะการคิดวิเคราะห์และการจดจำ
หากไม่ปรับการใช้เทคโนโลยี อาจกระทบต่อระบบการศึกษาและคุณภาพแรงงานในอนาคต
https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/17/how-ai-and-social-media-contribute-to-brain-rot
งานวิจัยจาก Wharton และ MIT พบว่า การใช้ AI Chatbot และ AI Search Tools ทำให้ผู้ใช้ผลิตเนื้อหาที่ ซ้ำซากและไร้ความลึก เมื่อเทียบกับการค้นหาข้อมูลแบบดั้งเดิม เช่น Google Search ผู้ใช้ที่พึ่งพา AI มักไม่สามารถจดจำสิ่งที่เขียนเองได้ และมีการทำงานของสมองต่ำกว่าอย่างเห็นได้ชัด
คำว่า “Brain Rot” ถูก Oxford English Dictionary ยกให้เป็นคำแห่งปี 2024 หมายถึงสภาวะที่สมองเสื่อมคุณภาพจากการเสพคอนเทนต์สั้น ๆ เช่น TikTok และ Instagram ซึ่งทำให้ผู้ใช้ติดการเลื่อนหน้าจอโดยไม่สร้างการเรียนรู้เชิงลึก ปัญหานี้ยิ่งรุนแรงขึ้นเมื่อผนวกกับการใช้ AI ที่ทำให้การค้นคว้ากลายเป็นกระบวนการแบบ Passive
ข้อมูลจากการสอบ National Assessment of Educational Progress (NAEP) ในสหรัฐฯ ชี้ว่า คะแนนการอ่านของนักเรียนมัธยมต้นและปลายตกต่ำที่สุดในรอบหลายปีหลังโควิด-19 ซึ่งนักวิจัยเชื่อว่ามีความเชื่อมโยงกับการใช้โซเชียลมีเดียและการพึ่งพา AI ในการเรียนรู้
แม้จะมีข้อกังวล แต่ผู้เชี่ยวชาญเสนอแนวทางว่า การใช้ AI อย่างมีสติ เช่น เริ่มต้นด้วยการคิดเองก่อน แล้วใช้ AI เพื่อตรวจสอบหรือปรับปรุงงาน จะช่วยให้สมองยังคงทำงานเชิงรุก และลดผลกระทบของ “Brain Rot” ได้
สรุปสาระสำคัญ
ผลการวิจัยเกี่ยวกับ AI
ผู้ใช้ Chatbot ผลิตเนื้อหาที่ซ้ำซากและไร้ความลึก
การทำงานของสมองลดลงเมื่อพึ่งพา AI
ผู้ใช้ไม่สามารถจดจำสิ่งที่เขียนเองได้
ผลกระทบจากโซเชียลมีเดีย
TikTok และ Instagram ทำให้ผู้ใช้ติดคอนเทนต์สั้น ๆ
“Brain Rot” ถูกยกเป็นคำแห่งปี 2024
การเสพคอนเทนต์แบบ Passive ลดการเรียนรู้เชิงลึก
ผลต่อเยาวชนและการศึกษา
คะแนนการอ่านของนักเรียนสหรัฐฯ ตกต่ำที่สุดในรอบหลายปี
นักวิจัยเชื่อว่ามีความเชื่อมโยงกับการใช้โซเชียลมีเดียและ AI
คำเตือนจากบทความ
การพึ่งพา AI และโซเชียลมีเดียมากเกินไปอาจทำให้สมองเสื่อมคุณภาพ
เยาวชนเสี่ยงต่อการสูญเสียทักษะการคิดวิเคราะห์และการจดจำ
หากไม่ปรับการใช้เทคโนโลยี อาจกระทบต่อระบบการศึกษาและคุณภาพแรงงานในอนาคต
https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/17/how-ai-and-social-media-contribute-to-brain-rot
🧠 “AI และโซเชียลมีเดีย กำลังทำให้สมองเสื่อมคุณภาพ (‘Brain Rot’)”
งานวิจัยจาก Wharton และ MIT พบว่า การใช้ AI Chatbot และ AI Search Tools ทำให้ผู้ใช้ผลิตเนื้อหาที่ ซ้ำซากและไร้ความลึก เมื่อเทียบกับการค้นหาข้อมูลแบบดั้งเดิม เช่น Google Search ผู้ใช้ที่พึ่งพา AI มักไม่สามารถจดจำสิ่งที่เขียนเองได้ และมีการทำงานของสมองต่ำกว่าอย่างเห็นได้ชัด
คำว่า “Brain Rot” ถูก Oxford English Dictionary ยกให้เป็นคำแห่งปี 2024 หมายถึงสภาวะที่สมองเสื่อมคุณภาพจากการเสพคอนเทนต์สั้น ๆ เช่น TikTok และ Instagram ซึ่งทำให้ผู้ใช้ติดการเลื่อนหน้าจอโดยไม่สร้างการเรียนรู้เชิงลึก ปัญหานี้ยิ่งรุนแรงขึ้นเมื่อผนวกกับการใช้ AI ที่ทำให้การค้นคว้ากลายเป็นกระบวนการแบบ Passive
ข้อมูลจากการสอบ National Assessment of Educational Progress (NAEP) ในสหรัฐฯ ชี้ว่า คะแนนการอ่านของนักเรียนมัธยมต้นและปลายตกต่ำที่สุดในรอบหลายปีหลังโควิด-19 ซึ่งนักวิจัยเชื่อว่ามีความเชื่อมโยงกับการใช้โซเชียลมีเดียและการพึ่งพา AI ในการเรียนรู้
แม้จะมีข้อกังวล แต่ผู้เชี่ยวชาญเสนอแนวทางว่า การใช้ AI อย่างมีสติ เช่น เริ่มต้นด้วยการคิดเองก่อน แล้วใช้ AI เพื่อตรวจสอบหรือปรับปรุงงาน จะช่วยให้สมองยังคงทำงานเชิงรุก และลดผลกระทบของ “Brain Rot” ได้
📌 สรุปสาระสำคัญ
✅ ผลการวิจัยเกี่ยวกับ AI
➡️ ผู้ใช้ Chatbot ผลิตเนื้อหาที่ซ้ำซากและไร้ความลึก
➡️ การทำงานของสมองลดลงเมื่อพึ่งพา AI
➡️ ผู้ใช้ไม่สามารถจดจำสิ่งที่เขียนเองได้
✅ ผลกระทบจากโซเชียลมีเดีย
➡️ TikTok และ Instagram ทำให้ผู้ใช้ติดคอนเทนต์สั้น ๆ
➡️ “Brain Rot” ถูกยกเป็นคำแห่งปี 2024
➡️ การเสพคอนเทนต์แบบ Passive ลดการเรียนรู้เชิงลึก
✅ ผลต่อเยาวชนและการศึกษา
➡️ คะแนนการอ่านของนักเรียนสหรัฐฯ ตกต่ำที่สุดในรอบหลายปี
➡️ นักวิจัยเชื่อว่ามีความเชื่อมโยงกับการใช้โซเชียลมีเดียและ AI
‼️ คำเตือนจากบทความ
⛔ การพึ่งพา AI และโซเชียลมีเดียมากเกินไปอาจทำให้สมองเสื่อมคุณภาพ
⛔ เยาวชนเสี่ยงต่อการสูญเสียทักษะการคิดวิเคราะห์และการจดจำ
⛔ หากไม่ปรับการใช้เทคโนโลยี อาจกระทบต่อระบบการศึกษาและคุณภาพแรงงานในอนาคต
https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/17/how-ai-and-social-media-contribute-to-brain-rot
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
39 มุมมอง
0 รีวิว