ตลาดเสพติด: เมื่อการพนันกลายเป็นธุรกิจที่รัฐควรยึดคืนจากบริษัทเอกชน
บทความ “Addiction Markets” จาก The Big Newsletter ได้จุดประกายประเด็นร้อนแรงเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการพนันในสหรัฐฯ โดยเสนอแนวคิดที่ท้าทายระบบเดิม: ถึงเวลาหรือยังที่รัฐควรยึดอุตสาหกรรมการพนันกลับมาเป็นของสาธารณะ แทนที่จะปล่อยให้บริษัทเอกชนแสวงหากำไรจากความทุกข์ของผู้คน
การพนัน = ตลาดเสพติด ผู้เขียนเปรียบเทียบอุตสาหกรรมการพนันกับ “ตลาดเสพติด” (Addiction Markets) ซึ่งหมายถึงธุรกิจที่สร้างรายได้จากพฤติกรรมที่ควบคุมไม่ได้ เช่น การพนัน บุหรี่ แอลกอฮอล์ หรือแม้แต่โซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะในยุคที่การพนันออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็วผ่านแอปมือถือและโฆษณาแบบเจาะกลุ่ม
บริษัทพนันทำกำไรจากความพ่ายแพ้ของผู้เล่น โมเดลธุรกิจของบริษัทเหล่านี้คือการทำให้ผู้เล่น “เล่นต่อไปเรื่อยๆ” แม้จะเสียเงินไปมากแค่ไหนก็ตาม พวกเขาใช้เทคนิคทางจิตวิทยา เช่น การให้รางวัลเล็กๆ น้อยๆ การออกแบบ UX ที่กระตุ้นให้เล่นต่อ และการโฆษณาที่เจาะกลุ่มเป้าหมายที่เปราะบาง เช่น วัยรุ่นหรือผู้มีรายได้น้อย
แนวคิดใหม่: ให้รัฐเป็นผู้ดำเนินการ ผู้เขียนเสนอว่า หากรัฐเป็นผู้ควบคุมและดำเนินการอุตสาหกรรมนี้เอง:
รัฐสามารถจำกัดการโฆษณาและออกแบบระบบให้ลดความเสี่ยง
รายได้จากการพนันสามารถนำไปใช้ในบริการสาธารณะ เช่น การศึกษาและสุขภาพ
ลดแรงจูงใจในการทำให้ผู้คน “ติด” เพราะรัฐไม่มีเป้าหมายในการแสวงหากำไรสูงสุด
ตัวอย่างจากต่างประเทศ บางประเทศ เช่น ฟินแลนด์ และแคนาดาบางจังหวัด มีระบบการพนันที่รัฐเป็นเจ้าของ ซึ่งช่วยควบคุมอัตราการติดพนันได้ดีกว่าระบบเอกชน
อุตสาหกรรมการพนันคือ “ตลาดเสพติด”
สร้างรายได้จากพฤติกรรมที่ควบคุมไม่ได้ของผู้เล่น
บริษัทเอกชนมีแรงจูงใจให้ผู้เล่นติด
ใช้เทคนิคจิตวิทยา UX และโฆษณาเจาะกลุ่มเปราะบาง
แนวคิดใหม่: ให้รัฐเป็นผู้ดำเนินการ
ลดแรงจูงใจในการทำให้ผู้เล่นติด และนำรายได้กลับสู่สังคม
มีตัวอย่างจากต่างประเทศ
ฟินแลนด์และแคนาดาบางพื้นที่ใช้ระบบนี้ได้ผลดี
ความเสี่ยงจากระบบเอกชน
บริษัทมีเป้าหมายคือกำไร ไม่ใช่ความปลอดภัยของผู้เล่น
โฆษณาและเทคโนโลยีทำให้เข้าถึงง่ายเกินไป
โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและผู้มีรายได้น้อย
การติดพนันมีผลกระทบทางสังคมรุนแรง
เช่น หนี้สิน ความเครียด ความรุนแรงในครอบครัว และการฆ่าตัวตาย
https://www.thebignewsletter.com/p/addiction-markets-abolish-corporate
บทความ “Addiction Markets” จาก The Big Newsletter ได้จุดประกายประเด็นร้อนแรงเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการพนันในสหรัฐฯ โดยเสนอแนวคิดที่ท้าทายระบบเดิม: ถึงเวลาหรือยังที่รัฐควรยึดอุตสาหกรรมการพนันกลับมาเป็นของสาธารณะ แทนที่จะปล่อยให้บริษัทเอกชนแสวงหากำไรจากความทุกข์ของผู้คน
การพนัน = ตลาดเสพติด ผู้เขียนเปรียบเทียบอุตสาหกรรมการพนันกับ “ตลาดเสพติด” (Addiction Markets) ซึ่งหมายถึงธุรกิจที่สร้างรายได้จากพฤติกรรมที่ควบคุมไม่ได้ เช่น การพนัน บุหรี่ แอลกอฮอล์ หรือแม้แต่โซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะในยุคที่การพนันออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็วผ่านแอปมือถือและโฆษณาแบบเจาะกลุ่ม
บริษัทพนันทำกำไรจากความพ่ายแพ้ของผู้เล่น โมเดลธุรกิจของบริษัทเหล่านี้คือการทำให้ผู้เล่น “เล่นต่อไปเรื่อยๆ” แม้จะเสียเงินไปมากแค่ไหนก็ตาม พวกเขาใช้เทคนิคทางจิตวิทยา เช่น การให้รางวัลเล็กๆ น้อยๆ การออกแบบ UX ที่กระตุ้นให้เล่นต่อ และการโฆษณาที่เจาะกลุ่มเป้าหมายที่เปราะบาง เช่น วัยรุ่นหรือผู้มีรายได้น้อย
แนวคิดใหม่: ให้รัฐเป็นผู้ดำเนินการ ผู้เขียนเสนอว่า หากรัฐเป็นผู้ควบคุมและดำเนินการอุตสาหกรรมนี้เอง:
รัฐสามารถจำกัดการโฆษณาและออกแบบระบบให้ลดความเสี่ยง
รายได้จากการพนันสามารถนำไปใช้ในบริการสาธารณะ เช่น การศึกษาและสุขภาพ
ลดแรงจูงใจในการทำให้ผู้คน “ติด” เพราะรัฐไม่มีเป้าหมายในการแสวงหากำไรสูงสุด
ตัวอย่างจากต่างประเทศ บางประเทศ เช่น ฟินแลนด์ และแคนาดาบางจังหวัด มีระบบการพนันที่รัฐเป็นเจ้าของ ซึ่งช่วยควบคุมอัตราการติดพนันได้ดีกว่าระบบเอกชน
อุตสาหกรรมการพนันคือ “ตลาดเสพติด”
สร้างรายได้จากพฤติกรรมที่ควบคุมไม่ได้ของผู้เล่น
บริษัทเอกชนมีแรงจูงใจให้ผู้เล่นติด
ใช้เทคนิคจิตวิทยา UX และโฆษณาเจาะกลุ่มเปราะบาง
แนวคิดใหม่: ให้รัฐเป็นผู้ดำเนินการ
ลดแรงจูงใจในการทำให้ผู้เล่นติด และนำรายได้กลับสู่สังคม
มีตัวอย่างจากต่างประเทศ
ฟินแลนด์และแคนาดาบางพื้นที่ใช้ระบบนี้ได้ผลดี
ความเสี่ยงจากระบบเอกชน
บริษัทมีเป้าหมายคือกำไร ไม่ใช่ความปลอดภัยของผู้เล่น
โฆษณาและเทคโนโลยีทำให้เข้าถึงง่ายเกินไป
โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและผู้มีรายได้น้อย
การติดพนันมีผลกระทบทางสังคมรุนแรง
เช่น หนี้สิน ความเครียด ความรุนแรงในครอบครัว และการฆ่าตัวตาย
https://www.thebignewsletter.com/p/addiction-markets-abolish-corporate
🎰 ตลาดเสพติด: เมื่อการพนันกลายเป็นธุรกิจที่รัฐควรยึดคืนจากบริษัทเอกชน
บทความ “Addiction Markets” จาก The Big Newsletter ได้จุดประกายประเด็นร้อนแรงเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการพนันในสหรัฐฯ โดยเสนอแนวคิดที่ท้าทายระบบเดิม: ถึงเวลาหรือยังที่รัฐควรยึดอุตสาหกรรมการพนันกลับมาเป็นของสาธารณะ แทนที่จะปล่อยให้บริษัทเอกชนแสวงหากำไรจากความทุกข์ของผู้คน
🧠 การพนัน = ตลาดเสพติด ผู้เขียนเปรียบเทียบอุตสาหกรรมการพนันกับ “ตลาดเสพติด” (Addiction Markets) ซึ่งหมายถึงธุรกิจที่สร้างรายได้จากพฤติกรรมที่ควบคุมไม่ได้ เช่น การพนัน บุหรี่ แอลกอฮอล์ หรือแม้แต่โซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะในยุคที่การพนันออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็วผ่านแอปมือถือและโฆษณาแบบเจาะกลุ่ม
📈 บริษัทพนันทำกำไรจากความพ่ายแพ้ของผู้เล่น โมเดลธุรกิจของบริษัทเหล่านี้คือการทำให้ผู้เล่น “เล่นต่อไปเรื่อยๆ” แม้จะเสียเงินไปมากแค่ไหนก็ตาม พวกเขาใช้เทคนิคทางจิตวิทยา เช่น การให้รางวัลเล็กๆ น้อยๆ การออกแบบ UX ที่กระตุ้นให้เล่นต่อ และการโฆษณาที่เจาะกลุ่มเป้าหมายที่เปราะบาง เช่น วัยรุ่นหรือผู้มีรายได้น้อย
🏛️ แนวคิดใหม่: ให้รัฐเป็นผู้ดำเนินการ ผู้เขียนเสนอว่า หากรัฐเป็นผู้ควบคุมและดำเนินการอุตสาหกรรมนี้เอง:
💠 รัฐสามารถจำกัดการโฆษณาและออกแบบระบบให้ลดความเสี่ยง
💠 รายได้จากการพนันสามารถนำไปใช้ในบริการสาธารณะ เช่น การศึกษาและสุขภาพ
💠 ลดแรงจูงใจในการทำให้ผู้คน “ติด” เพราะรัฐไม่มีเป้าหมายในการแสวงหากำไรสูงสุด
📚 ตัวอย่างจากต่างประเทศ บางประเทศ เช่น ฟินแลนด์ และแคนาดาบางจังหวัด มีระบบการพนันที่รัฐเป็นเจ้าของ ซึ่งช่วยควบคุมอัตราการติดพนันได้ดีกว่าระบบเอกชน
✅ อุตสาหกรรมการพนันคือ “ตลาดเสพติด”
➡️ สร้างรายได้จากพฤติกรรมที่ควบคุมไม่ได้ของผู้เล่น
✅ บริษัทเอกชนมีแรงจูงใจให้ผู้เล่นติด
➡️ ใช้เทคนิคจิตวิทยา UX และโฆษณาเจาะกลุ่มเปราะบาง
✅ แนวคิดใหม่: ให้รัฐเป็นผู้ดำเนินการ
➡️ ลดแรงจูงใจในการทำให้ผู้เล่นติด และนำรายได้กลับสู่สังคม
✅ มีตัวอย่างจากต่างประเทศ
➡️ ฟินแลนด์และแคนาดาบางพื้นที่ใช้ระบบนี้ได้ผลดี
‼️ ความเสี่ยงจากระบบเอกชน
⛔ บริษัทมีเป้าหมายคือกำไร ไม่ใช่ความปลอดภัยของผู้เล่น
‼️ โฆษณาและเทคโนโลยีทำให้เข้าถึงง่ายเกินไป
⛔ โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและผู้มีรายได้น้อย
‼️ การติดพนันมีผลกระทบทางสังคมรุนแรง
⛔ เช่น หนี้สิน ความเครียด ความรุนแรงในครอบครัว และการฆ่าตัวตาย
https://www.thebignewsletter.com/p/addiction-markets-abolish-corporate
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
68 มุมมอง
0 รีวิว