“Kyutai อธิบาย Neural Audio Codec – เสียงเข้า LLM ได้ยังไง? เจาะลึกเทคนิค RVQ, Tokenization และการบีบอัดแบบใหม่”

บทความจาก Kyutai.org พาเราเข้าใจว่า “เสียง” ซึ่งเป็นข้อมูลต่อเนื่องและซับซ้อน สามารถนำเข้าโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ได้อย่างไร โดยใช้เทคนิคที่เรียกว่า Neural Audio Codec ซึ่งเปลี่ยนเสียงให้กลายเป็น token ที่โมเดลสามารถเข้าใจได้เหมือนข้อความ

แนวคิดหลักคือการใช้ Residual Vector Quantization (RVQ) ซึ่งเป็นการบีบอัดเสียงแบบหลายชั้น โดยแต่ละชั้นจะลดความคลาดเคลื่อนของข้อมูลลงเรื่อย ๆ ทำให้สามารถแทนเสียงด้วย token ที่มีความแม่นยำสูงแต่ใช้พื้นที่น้อย

ตัวอย่างเช่น เสียงพูดหรือดนตรีจะถูกแปลงเป็น token แบบ (4,3) หรือ (16,21) ซึ่งหมายถึงใช้ 4 codebooks และ 3 levels ในการบีบอัด ซึ่งสามารถนำไปใช้กับโมเดล LLM ได้ทันที โดยไม่ต้องใช้ waveform จริง

Kyutai ยังอธิบายว่า token เสียงเหล่านี้สามารถนำไปใช้ในงานต่าง ๆ เช่น
การสังเคราะห์เสียงจากข้อความ
การแปลเสียงพูด
การวิเคราะห์อารมณ์จากเสียง
การสร้างเสียงใหม่จาก context ที่โมเดลเข้าใจ

นอกจากนี้ยังมีการเปรียบเทียบระหว่างการบีบอัดแบบ 1-level กับ 2-level ซึ่งพบว่าการเพิ่มระดับช่วยให้คุณภาพเสียงดีขึ้นอย่างชัดเจน แต่ก็แลกกับจำนวน token ที่มากขึ้น

แนวคิด Neural Audio Codec
เปลี่ยนเสียงเป็น token ที่ LLM เข้าใจได้
ใช้ Residual Vector Quantization (RVQ) แบบหลายชั้น
แทนเสียงด้วยโครงสร้างเช่น (4,3) หรือ (16,21)
ลดขนาดข้อมูลเสียงโดยยังรักษาคุณภาพไว้ได้

การใช้งาน token เสียงใน LLM
สังเคราะห์เสียงจากข้อความ
แปลเสียงพูดข้ามภาษา
วิเคราะห์อารมณ์หรือบริบทจากเสียง
สร้างเสียงใหม่จาก context ที่โมเดลเข้าใจ

ข้อดีของ RVQ แบบหลายระดับ
คุณภาพเสียงดีขึ้นเมื่อเพิ่มระดับการบีบอัด
ลดความคลาดเคลื่อนของข้อมูลเสียง
ใช้ token น้อยลงเมื่อบีบอัดอย่างมีประสิทธิภาพ
เหมาะกับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น ดนตรีหรือเสียงพูด

https://kyutai.org/next/codec-explainer
🎧 “Kyutai อธิบาย Neural Audio Codec – เสียงเข้า LLM ได้ยังไง? เจาะลึกเทคนิค RVQ, Tokenization และการบีบอัดแบบใหม่” บทความจาก Kyutai.org พาเราเข้าใจว่า “เสียง” ซึ่งเป็นข้อมูลต่อเนื่องและซับซ้อน สามารถนำเข้าโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ได้อย่างไร โดยใช้เทคนิคที่เรียกว่า Neural Audio Codec ซึ่งเปลี่ยนเสียงให้กลายเป็น token ที่โมเดลสามารถเข้าใจได้เหมือนข้อความ แนวคิดหลักคือการใช้ Residual Vector Quantization (RVQ) ซึ่งเป็นการบีบอัดเสียงแบบหลายชั้น โดยแต่ละชั้นจะลดความคลาดเคลื่อนของข้อมูลลงเรื่อย ๆ ทำให้สามารถแทนเสียงด้วย token ที่มีความแม่นยำสูงแต่ใช้พื้นที่น้อย ตัวอย่างเช่น เสียงพูดหรือดนตรีจะถูกแปลงเป็น token แบบ (4,3) หรือ (16,21) ซึ่งหมายถึงใช้ 4 codebooks และ 3 levels ในการบีบอัด ซึ่งสามารถนำไปใช้กับโมเดล LLM ได้ทันที โดยไม่ต้องใช้ waveform จริง Kyutai ยังอธิบายว่า token เสียงเหล่านี้สามารถนำไปใช้ในงานต่าง ๆ เช่น 🔊 การสังเคราะห์เสียงจากข้อความ 🔊 การแปลเสียงพูด 🔊 การวิเคราะห์อารมณ์จากเสียง 🔊 การสร้างเสียงใหม่จาก context ที่โมเดลเข้าใจ นอกจากนี้ยังมีการเปรียบเทียบระหว่างการบีบอัดแบบ 1-level กับ 2-level ซึ่งพบว่าการเพิ่มระดับช่วยให้คุณภาพเสียงดีขึ้นอย่างชัดเจน แต่ก็แลกกับจำนวน token ที่มากขึ้น ✅ แนวคิด Neural Audio Codec ➡️ เปลี่ยนเสียงเป็น token ที่ LLM เข้าใจได้ ➡️ ใช้ Residual Vector Quantization (RVQ) แบบหลายชั้น ➡️ แทนเสียงด้วยโครงสร้างเช่น (4,3) หรือ (16,21) ➡️ ลดขนาดข้อมูลเสียงโดยยังรักษาคุณภาพไว้ได้ ✅ การใช้งาน token เสียงใน LLM ➡️ สังเคราะห์เสียงจากข้อความ ➡️ แปลเสียงพูดข้ามภาษา ➡️ วิเคราะห์อารมณ์หรือบริบทจากเสียง ➡️ สร้างเสียงใหม่จาก context ที่โมเดลเข้าใจ ✅ ข้อดีของ RVQ แบบหลายระดับ ➡️ คุณภาพเสียงดีขึ้นเมื่อเพิ่มระดับการบีบอัด ➡️ ลดความคลาดเคลื่อนของข้อมูลเสียง ➡️ ใช้ token น้อยลงเมื่อบีบอัดอย่างมีประสิทธิภาพ ➡️ เหมาะกับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น ดนตรีหรือเสียงพูด https://kyutai.org/next/codec-explainer
KYUTAI.ORG
Neural audio codecs: how to get audio into LLMs
Why modeling audio is harder than text, and how to make it feasible with neural audio codecs.
0 Comments 0 Shares 37 Views 0 Reviews