“ข่าวที่เราเสพ กับความจริงที่เราตายจาก — เมื่อสื่อพูดถึงสิ่งที่สะเทือนใจ มากกว่าสิ่งที่พรากชีวิตคนส่วนใหญ่”
บทความจาก Our World in Data วิเคราะห์อย่างลึกซึ้งถึงความไม่สมดุลระหว่าง “สิ่งที่สื่อรายงาน” กับ “สิ่งที่คนเสียชีวิตจากจริง ๆ” โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ซึ่งพบว่าข่าวส่วนใหญ่มักเน้นไปที่เหตุการณ์รุนแรง เช่น ฆาตกรรมหรือก่อการร้าย ทั้งที่สาเหตุการเสียชีวิตหลักกลับเป็นโรคเรื้อรังอย่างโรคหัวใจและมะเร็ง
การศึกษานี้ใช้ข้อมูลจาก CDC และ Media Cloud โดยเปรียบเทียบสัดส่วนของสาเหตุการตายกับจำนวนบทความข่าวจากสื่อใหญ่ 3 แห่ง ได้แก่ New York Times, Washington Post และ Fox News ในปี 2023 ผลลัพธ์ชี้ชัดว่า:
โรคหัวใจและมะเร็ง คิดเป็น 56% ของการเสียชีวิต แต่ได้รับพื้นที่ข่าวเพียง 7%
ในทางกลับกัน การฆาตกรรมและก่อการร้าย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนการตายเพียงเล็กน้อย กลับได้รับความสนใจจากสื่อมากถึงครึ่งหนึ่งของข่าวทั้งหมด
บทความยังชี้ให้เห็นว่า ความไม่สมดุลนี้ไม่ได้เกิดจากอคติทางการเมืองของสื่อ แต่เป็นเพราะธรรมชาติของข่าวที่เน้น “สิ่งใหม่และสะเทือนอารมณ์” มากกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ทุกวัน เช่น โรคเรื้อรัง
การศึกษานี้ใช้ข้อมูลจาก CDC และ Media Cloud
เปรียบเทียบสาเหตุการตายกับการรายงานข่าวในสหรัฐฯ ปี 2023
โรคหัวใจและมะเร็งเป็นสาเหตุการตายหลัก (56%)
แต่ได้รับพื้นที่ข่าวเพียง 7%
การฆาตกรรมและก่อการร้ายได้รับพื้นที่ข่าวมากเกินจริง
ฆาตกรรมถูกพูดถึงมากกว่าความเป็นจริงถึง 43 เท่า
ก่อการร้ายมากกว่าความเป็นจริงถึง 18,000 เท่า
ความแตกต่างระหว่างสื่อสายซ้าย-ขวาไม่มากนัก
ทุกสื่อให้ความสำคัญกับเหตุการณ์รุนแรงมากกว่าสาเหตุเรื้อรัง
สื่อมักเลือกนำเสนอสิ่งที่ “ใหม่และสะเทือนใจ”
เช่น ฆาตกรรม, อุบัติเหตุ, หรือภัยพิบัติ
ผู้คนมักเข้าใจผิดว่าข่าวสะท้อนความเป็นจริง
ส่งผลให้ประเมินความเสี่ยงในชีวิตผิดพลาด
การเสพข่าวที่ไม่สมดุลอาจทำให้เกิด “ภาพลวงตา” ของความเสี่ยง
เช่น กลัวการก่อการร้ายมากกว่ามะเร็ง ทั้งที่โอกาสตายน้อยกว่ามาก
ความเข้าใจผิดนี้ส่งผลต่อการกำหนดนโยบายและการจัดสรรทรัพยากร
เช่น ทุ่มงบให้กับการรักษาความปลอดภัยมากกว่าสาธารณสุข
การรายงานข่าวที่เน้นอารมณ์มากกว่าสถิติ
อาจทำให้ประชาชนวิตกเกินจริงและขาดความเข้าใจในปัญหาสาธารณสุข
การไม่พูดถึงโรคเรื้อรังในข่าว
ทำให้ผู้คนไม่ตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันและดูแลสุขภาพ
https://ourworldindata.org/does-the-news-reflect-what-we-die-from
บทความจาก Our World in Data วิเคราะห์อย่างลึกซึ้งถึงความไม่สมดุลระหว่าง “สิ่งที่สื่อรายงาน” กับ “สิ่งที่คนเสียชีวิตจากจริง ๆ” โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ซึ่งพบว่าข่าวส่วนใหญ่มักเน้นไปที่เหตุการณ์รุนแรง เช่น ฆาตกรรมหรือก่อการร้าย ทั้งที่สาเหตุการเสียชีวิตหลักกลับเป็นโรคเรื้อรังอย่างโรคหัวใจและมะเร็ง
การศึกษานี้ใช้ข้อมูลจาก CDC และ Media Cloud โดยเปรียบเทียบสัดส่วนของสาเหตุการตายกับจำนวนบทความข่าวจากสื่อใหญ่ 3 แห่ง ได้แก่ New York Times, Washington Post และ Fox News ในปี 2023 ผลลัพธ์ชี้ชัดว่า:
โรคหัวใจและมะเร็ง คิดเป็น 56% ของการเสียชีวิต แต่ได้รับพื้นที่ข่าวเพียง 7%
ในทางกลับกัน การฆาตกรรมและก่อการร้าย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนการตายเพียงเล็กน้อย กลับได้รับความสนใจจากสื่อมากถึงครึ่งหนึ่งของข่าวทั้งหมด
บทความยังชี้ให้เห็นว่า ความไม่สมดุลนี้ไม่ได้เกิดจากอคติทางการเมืองของสื่อ แต่เป็นเพราะธรรมชาติของข่าวที่เน้น “สิ่งใหม่และสะเทือนอารมณ์” มากกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ทุกวัน เช่น โรคเรื้อรัง
การศึกษานี้ใช้ข้อมูลจาก CDC และ Media Cloud
เปรียบเทียบสาเหตุการตายกับการรายงานข่าวในสหรัฐฯ ปี 2023
โรคหัวใจและมะเร็งเป็นสาเหตุการตายหลัก (56%)
แต่ได้รับพื้นที่ข่าวเพียง 7%
การฆาตกรรมและก่อการร้ายได้รับพื้นที่ข่าวมากเกินจริง
ฆาตกรรมถูกพูดถึงมากกว่าความเป็นจริงถึง 43 เท่า
ก่อการร้ายมากกว่าความเป็นจริงถึง 18,000 เท่า
ความแตกต่างระหว่างสื่อสายซ้าย-ขวาไม่มากนัก
ทุกสื่อให้ความสำคัญกับเหตุการณ์รุนแรงมากกว่าสาเหตุเรื้อรัง
สื่อมักเลือกนำเสนอสิ่งที่ “ใหม่และสะเทือนใจ”
เช่น ฆาตกรรม, อุบัติเหตุ, หรือภัยพิบัติ
ผู้คนมักเข้าใจผิดว่าข่าวสะท้อนความเป็นจริง
ส่งผลให้ประเมินความเสี่ยงในชีวิตผิดพลาด
การเสพข่าวที่ไม่สมดุลอาจทำให้เกิด “ภาพลวงตา” ของความเสี่ยง
เช่น กลัวการก่อการร้ายมากกว่ามะเร็ง ทั้งที่โอกาสตายน้อยกว่ามาก
ความเข้าใจผิดนี้ส่งผลต่อการกำหนดนโยบายและการจัดสรรทรัพยากร
เช่น ทุ่มงบให้กับการรักษาความปลอดภัยมากกว่าสาธารณสุข
การรายงานข่าวที่เน้นอารมณ์มากกว่าสถิติ
อาจทำให้ประชาชนวิตกเกินจริงและขาดความเข้าใจในปัญหาสาธารณสุข
การไม่พูดถึงโรคเรื้อรังในข่าว
ทำให้ผู้คนไม่ตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันและดูแลสุขภาพ
https://ourworldindata.org/does-the-news-reflect-what-we-die-from
📰 “ข่าวที่เราเสพ กับความจริงที่เราตายจาก — เมื่อสื่อพูดถึงสิ่งที่สะเทือนใจ มากกว่าสิ่งที่พรากชีวิตคนส่วนใหญ่”
บทความจาก Our World in Data วิเคราะห์อย่างลึกซึ้งถึงความไม่สมดุลระหว่าง “สิ่งที่สื่อรายงาน” กับ “สิ่งที่คนเสียชีวิตจากจริง ๆ” โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ซึ่งพบว่าข่าวส่วนใหญ่มักเน้นไปที่เหตุการณ์รุนแรง เช่น ฆาตกรรมหรือก่อการร้าย ทั้งที่สาเหตุการเสียชีวิตหลักกลับเป็นโรคเรื้อรังอย่างโรคหัวใจและมะเร็ง
การศึกษานี้ใช้ข้อมูลจาก CDC และ Media Cloud โดยเปรียบเทียบสัดส่วนของสาเหตุการตายกับจำนวนบทความข่าวจากสื่อใหญ่ 3 แห่ง ได้แก่ New York Times, Washington Post และ Fox News ในปี 2023 ผลลัพธ์ชี้ชัดว่า:
✝️ โรคหัวใจและมะเร็ง คิดเป็น 56% ของการเสียชีวิต แต่ได้รับพื้นที่ข่าวเพียง 7%
✝️ ในทางกลับกัน การฆาตกรรมและก่อการร้าย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนการตายเพียงเล็กน้อย กลับได้รับความสนใจจากสื่อมากถึงครึ่งหนึ่งของข่าวทั้งหมด
บทความยังชี้ให้เห็นว่า ความไม่สมดุลนี้ไม่ได้เกิดจากอคติทางการเมืองของสื่อ แต่เป็นเพราะธรรมชาติของข่าวที่เน้น “สิ่งใหม่และสะเทือนอารมณ์” มากกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ทุกวัน เช่น โรคเรื้อรัง
✅ การศึกษานี้ใช้ข้อมูลจาก CDC และ Media Cloud
➡️ เปรียบเทียบสาเหตุการตายกับการรายงานข่าวในสหรัฐฯ ปี 2023
✅ โรคหัวใจและมะเร็งเป็นสาเหตุการตายหลัก (56%)
➡️ แต่ได้รับพื้นที่ข่าวเพียง 7%
✅ การฆาตกรรมและก่อการร้ายได้รับพื้นที่ข่าวมากเกินจริง
➡️ ฆาตกรรมถูกพูดถึงมากกว่าความเป็นจริงถึง 43 เท่า
➡️ ก่อการร้ายมากกว่าความเป็นจริงถึง 18,000 เท่า
✅ ความแตกต่างระหว่างสื่อสายซ้าย-ขวาไม่มากนัก
➡️ ทุกสื่อให้ความสำคัญกับเหตุการณ์รุนแรงมากกว่าสาเหตุเรื้อรัง
✅ สื่อมักเลือกนำเสนอสิ่งที่ “ใหม่และสะเทือนใจ”
➡️ เช่น ฆาตกรรม, อุบัติเหตุ, หรือภัยพิบัติ
✅ ผู้คนมักเข้าใจผิดว่าข่าวสะท้อนความเป็นจริง
➡️ ส่งผลให้ประเมินความเสี่ยงในชีวิตผิดพลาด
‼️ การเสพข่าวที่ไม่สมดุลอาจทำให้เกิด “ภาพลวงตา” ของความเสี่ยง
⛔ เช่น กลัวการก่อการร้ายมากกว่ามะเร็ง ทั้งที่โอกาสตายน้อยกว่ามาก
‼️ ความเข้าใจผิดนี้ส่งผลต่อการกำหนดนโยบายและการจัดสรรทรัพยากร
⛔ เช่น ทุ่มงบให้กับการรักษาความปลอดภัยมากกว่าสาธารณสุข
‼️ การรายงานข่าวที่เน้นอารมณ์มากกว่าสถิติ
⛔ อาจทำให้ประชาชนวิตกเกินจริงและขาดความเข้าใจในปัญหาสาธารณสุข
‼️ การไม่พูดถึงโรคเรื้อรังในข่าว
⛔ ทำให้ผู้คนไม่ตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันและดูแลสุขภาพ
https://ourworldindata.org/does-the-news-reflect-what-we-die-from
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
32 มุมมอง
0 รีวิว