“ดาวเทียม Starlink ตกทุกวัน — นักวิทยาศาสตร์เตือนภัยเงียบจากขยะอวกาศและผลกระทบต่อชั้นบรรยากาศ”
ในปี 2025 นี้ นักดาราศาสตร์จาก Harvard–Smithsonian Center for Astrophysics อย่าง Dr. Jonathan McDowell เปิดเผยว่า “มีดาวเทียม Starlink ตกกลับสู่โลกวันละ 1–2 ดวง และอาจเพิ่มเป็น 5 ดวงต่อวันในอนาคต” เนื่องจากอายุการใช้งานเฉลี่ยของดาวเทียมเหล่านี้อยู่ที่ประมาณ 5 ปี ก่อนจะถูกลดวงโคจรและเผาไหม้ในชั้นบรรยากาศ
แม้ SpaceX จะออกแบบให้ดาวเทียม Starlink เผาไหม้หมดก่อนถึงพื้นโลก แต่ก็มีบางกรณีที่ชิ้นส่วนหลงเหลือ เช่น แคปซูล Dragon ที่เคยตกลงในพื้นที่ห่างไกลของ North Carolina ซึ่ง NASA ยืนยันว่าเป็นเศษซากจากภารกิจจริง
ปัจจุบันมีดาวเทียมในวงโคจรต่ำ (LEO) ประมาณ 12,000 ดวง โดย 8,500 ดวงเป็นของ Starlink และมีแผนจะเพิ่มเป็น 30,000 ดวงในไม่กี่ปีข้างหน้า ขณะที่บริษัทอื่น เช่น Amazon Kuiper และ ESpace ก็มีแผนส่งดาวเทียมหลายหมื่นดวงเช่นกัน รวมถึงจีนที่มีแผนสร้างระบบสื่อสารอิสระในอวกาศ
นอกจากดาวเทียม ยังมีเศษขยะอวกาศขนาดเซนติเมตรอีกกว่า 1 ล้านชิ้นที่ไม่สามารถติดตามได้ ซึ่งอาจเป็นตัวจุดชนวนให้เกิด “Kessler Syndrome” หรือปรากฏการณ์ที่การชนกันของวัตถุในอวกาศทำให้เกิดเศษซากเพิ่มขึ้นแบบลูกโซ่ จนวงโคจรกลายเป็นพื้นที่อันตราย
แม้การตกของ Starlink จะไม่เป็นอันตรายโดยตรงต่อมนุษย์ แต่นักวิทยาศาสตร์เริ่มกังวลถึงผลกระทบต่อชั้นบรรยากาศ เช่น อนุภาคอะลูมิเนียมออกไซด์ที่เกิดจากการเผาไหม้ ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงเคมีและอุณหภูมิของชั้นบรรยากาศในระยะยาว
ข้อมูลสำคัญจากข่าว
มีดาวเทียม Starlink ตกกลับสู่โลกวันละ 1–2 ดวงในปี 2025
คาดว่าอาจเพิ่มเป็น 5 ดวงต่อวันเมื่อมีการส่งดาวเทียมเพิ่ม
อายุการใช้งานเฉลี่ยของดาวเทียมคือ 5 ปี ก่อนถูกลดวงโคจรและเผาไหม้
ปัจจุบันมีดาวเทียมในวงโคจรต่ำประมาณ 12,000 ดวง โดย 8,500 ดวงเป็นของ Starlink
บริษัทอื่น เช่น Amazon Kuiper และจีน มีแผนส่งดาวเทียมหลายหมื่นดวง
มีเศษขยะอวกาศขนาดเซนติเมตรกว่า 1 ล้านชิ้นที่ไม่สามารถติดตามได้
Starlink ออกแบบให้เผาไหม้หมดก่อนถึงพื้นโลก แต่บางชิ้นส่วนอาจตกถึงพื้น
NASA ยืนยันว่ามีชิ้นส่วนจากแคปซูล Dragon ตกลงใน North Carolina
นักวิทยาศาสตร์เริ่มศึกษาผลกระทบจากอนุภาคอะลูมิเนียมออกไซด์ต่อชั้นบรรยากาศ
ข้อมูลเสริมจากภายนอก
Kessler Syndrome คือปรากฏการณ์ที่การชนกันของวัตถุในอวกาศทำให้เกิดเศษซากเพิ่มขึ้นแบบลูกโซ่
การเผาไหม้ในชั้นบรรยากาศเกิดที่ระดับประมาณ 40 ไมล์เหนือพื้นโลก
ดาวเทียม Starlink มีขนาดประมาณ 30 เมตร และหนักถึง 1 ตัน
การแยกแยะดาวเทียมกับอุกกาบาตในท้องฟ้าทำได้จากความเร็วและทิศทางการเคลื่อนที่
การควบคุมการตกของดาวเทียมยังเป็น “การช่วยเหลือแบบไม่สามารถควบคุมได้เต็มที่”
https://www.tomshardware.com/networking/concerns-grow-after-spate-of-social-media-posts-showing-spacex-starlink-satellites-burning-in-the-sky-we-are-currently-seeing-a-couple-of-satellite-re-entries-a-day-says-respected-astrophysicist
ในปี 2025 นี้ นักดาราศาสตร์จาก Harvard–Smithsonian Center for Astrophysics อย่าง Dr. Jonathan McDowell เปิดเผยว่า “มีดาวเทียม Starlink ตกกลับสู่โลกวันละ 1–2 ดวง และอาจเพิ่มเป็น 5 ดวงต่อวันในอนาคต” เนื่องจากอายุการใช้งานเฉลี่ยของดาวเทียมเหล่านี้อยู่ที่ประมาณ 5 ปี ก่อนจะถูกลดวงโคจรและเผาไหม้ในชั้นบรรยากาศ
แม้ SpaceX จะออกแบบให้ดาวเทียม Starlink เผาไหม้หมดก่อนถึงพื้นโลก แต่ก็มีบางกรณีที่ชิ้นส่วนหลงเหลือ เช่น แคปซูล Dragon ที่เคยตกลงในพื้นที่ห่างไกลของ North Carolina ซึ่ง NASA ยืนยันว่าเป็นเศษซากจากภารกิจจริง
ปัจจุบันมีดาวเทียมในวงโคจรต่ำ (LEO) ประมาณ 12,000 ดวง โดย 8,500 ดวงเป็นของ Starlink และมีแผนจะเพิ่มเป็น 30,000 ดวงในไม่กี่ปีข้างหน้า ขณะที่บริษัทอื่น เช่น Amazon Kuiper และ ESpace ก็มีแผนส่งดาวเทียมหลายหมื่นดวงเช่นกัน รวมถึงจีนที่มีแผนสร้างระบบสื่อสารอิสระในอวกาศ
นอกจากดาวเทียม ยังมีเศษขยะอวกาศขนาดเซนติเมตรอีกกว่า 1 ล้านชิ้นที่ไม่สามารถติดตามได้ ซึ่งอาจเป็นตัวจุดชนวนให้เกิด “Kessler Syndrome” หรือปรากฏการณ์ที่การชนกันของวัตถุในอวกาศทำให้เกิดเศษซากเพิ่มขึ้นแบบลูกโซ่ จนวงโคจรกลายเป็นพื้นที่อันตราย
แม้การตกของ Starlink จะไม่เป็นอันตรายโดยตรงต่อมนุษย์ แต่นักวิทยาศาสตร์เริ่มกังวลถึงผลกระทบต่อชั้นบรรยากาศ เช่น อนุภาคอะลูมิเนียมออกไซด์ที่เกิดจากการเผาไหม้ ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงเคมีและอุณหภูมิของชั้นบรรยากาศในระยะยาว
ข้อมูลสำคัญจากข่าว
มีดาวเทียม Starlink ตกกลับสู่โลกวันละ 1–2 ดวงในปี 2025
คาดว่าอาจเพิ่มเป็น 5 ดวงต่อวันเมื่อมีการส่งดาวเทียมเพิ่ม
อายุการใช้งานเฉลี่ยของดาวเทียมคือ 5 ปี ก่อนถูกลดวงโคจรและเผาไหม้
ปัจจุบันมีดาวเทียมในวงโคจรต่ำประมาณ 12,000 ดวง โดย 8,500 ดวงเป็นของ Starlink
บริษัทอื่น เช่น Amazon Kuiper และจีน มีแผนส่งดาวเทียมหลายหมื่นดวง
มีเศษขยะอวกาศขนาดเซนติเมตรกว่า 1 ล้านชิ้นที่ไม่สามารถติดตามได้
Starlink ออกแบบให้เผาไหม้หมดก่อนถึงพื้นโลก แต่บางชิ้นส่วนอาจตกถึงพื้น
NASA ยืนยันว่ามีชิ้นส่วนจากแคปซูล Dragon ตกลงใน North Carolina
นักวิทยาศาสตร์เริ่มศึกษาผลกระทบจากอนุภาคอะลูมิเนียมออกไซด์ต่อชั้นบรรยากาศ
ข้อมูลเสริมจากภายนอก
Kessler Syndrome คือปรากฏการณ์ที่การชนกันของวัตถุในอวกาศทำให้เกิดเศษซากเพิ่มขึ้นแบบลูกโซ่
การเผาไหม้ในชั้นบรรยากาศเกิดที่ระดับประมาณ 40 ไมล์เหนือพื้นโลก
ดาวเทียม Starlink มีขนาดประมาณ 30 เมตร และหนักถึง 1 ตัน
การแยกแยะดาวเทียมกับอุกกาบาตในท้องฟ้าทำได้จากความเร็วและทิศทางการเคลื่อนที่
การควบคุมการตกของดาวเทียมยังเป็น “การช่วยเหลือแบบไม่สามารถควบคุมได้เต็มที่”
https://www.tomshardware.com/networking/concerns-grow-after-spate-of-social-media-posts-showing-spacex-starlink-satellites-burning-in-the-sky-we-are-currently-seeing-a-couple-of-satellite-re-entries-a-day-says-respected-astrophysicist
🌌 “ดาวเทียม Starlink ตกทุกวัน — นักวิทยาศาสตร์เตือนภัยเงียบจากขยะอวกาศและผลกระทบต่อชั้นบรรยากาศ”
ในปี 2025 นี้ นักดาราศาสตร์จาก Harvard–Smithsonian Center for Astrophysics อย่าง Dr. Jonathan McDowell เปิดเผยว่า “มีดาวเทียม Starlink ตกกลับสู่โลกวันละ 1–2 ดวง และอาจเพิ่มเป็น 5 ดวงต่อวันในอนาคต” เนื่องจากอายุการใช้งานเฉลี่ยของดาวเทียมเหล่านี้อยู่ที่ประมาณ 5 ปี ก่อนจะถูกลดวงโคจรและเผาไหม้ในชั้นบรรยากาศ
แม้ SpaceX จะออกแบบให้ดาวเทียม Starlink เผาไหม้หมดก่อนถึงพื้นโลก แต่ก็มีบางกรณีที่ชิ้นส่วนหลงเหลือ เช่น แคปซูล Dragon ที่เคยตกลงในพื้นที่ห่างไกลของ North Carolina ซึ่ง NASA ยืนยันว่าเป็นเศษซากจากภารกิจจริง
ปัจจุบันมีดาวเทียมในวงโคจรต่ำ (LEO) ประมาณ 12,000 ดวง โดย 8,500 ดวงเป็นของ Starlink และมีแผนจะเพิ่มเป็น 30,000 ดวงในไม่กี่ปีข้างหน้า ขณะที่บริษัทอื่น เช่น Amazon Kuiper และ ESpace ก็มีแผนส่งดาวเทียมหลายหมื่นดวงเช่นกัน รวมถึงจีนที่มีแผนสร้างระบบสื่อสารอิสระในอวกาศ
นอกจากดาวเทียม ยังมีเศษขยะอวกาศขนาดเซนติเมตรอีกกว่า 1 ล้านชิ้นที่ไม่สามารถติดตามได้ ซึ่งอาจเป็นตัวจุดชนวนให้เกิด “Kessler Syndrome” หรือปรากฏการณ์ที่การชนกันของวัตถุในอวกาศทำให้เกิดเศษซากเพิ่มขึ้นแบบลูกโซ่ จนวงโคจรกลายเป็นพื้นที่อันตราย
แม้การตกของ Starlink จะไม่เป็นอันตรายโดยตรงต่อมนุษย์ แต่นักวิทยาศาสตร์เริ่มกังวลถึงผลกระทบต่อชั้นบรรยากาศ เช่น อนุภาคอะลูมิเนียมออกไซด์ที่เกิดจากการเผาไหม้ ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงเคมีและอุณหภูมิของชั้นบรรยากาศในระยะยาว
✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว
➡️ มีดาวเทียม Starlink ตกกลับสู่โลกวันละ 1–2 ดวงในปี 2025
➡️ คาดว่าอาจเพิ่มเป็น 5 ดวงต่อวันเมื่อมีการส่งดาวเทียมเพิ่ม
➡️ อายุการใช้งานเฉลี่ยของดาวเทียมคือ 5 ปี ก่อนถูกลดวงโคจรและเผาไหม้
➡️ ปัจจุบันมีดาวเทียมในวงโคจรต่ำประมาณ 12,000 ดวง โดย 8,500 ดวงเป็นของ Starlink
➡️ บริษัทอื่น เช่น Amazon Kuiper และจีน มีแผนส่งดาวเทียมหลายหมื่นดวง
➡️ มีเศษขยะอวกาศขนาดเซนติเมตรกว่า 1 ล้านชิ้นที่ไม่สามารถติดตามได้
➡️ Starlink ออกแบบให้เผาไหม้หมดก่อนถึงพื้นโลก แต่บางชิ้นส่วนอาจตกถึงพื้น
➡️ NASA ยืนยันว่ามีชิ้นส่วนจากแคปซูล Dragon ตกลงใน North Carolina
➡️ นักวิทยาศาสตร์เริ่มศึกษาผลกระทบจากอนุภาคอะลูมิเนียมออกไซด์ต่อชั้นบรรยากาศ
✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก
➡️ Kessler Syndrome คือปรากฏการณ์ที่การชนกันของวัตถุในอวกาศทำให้เกิดเศษซากเพิ่มขึ้นแบบลูกโซ่
➡️ การเผาไหม้ในชั้นบรรยากาศเกิดที่ระดับประมาณ 40 ไมล์เหนือพื้นโลก
➡️ ดาวเทียม Starlink มีขนาดประมาณ 30 เมตร และหนักถึง 1 ตัน
➡️ การแยกแยะดาวเทียมกับอุกกาบาตในท้องฟ้าทำได้จากความเร็วและทิศทางการเคลื่อนที่
➡️ การควบคุมการตกของดาวเทียมยังเป็น “การช่วยเหลือแบบไม่สามารถควบคุมได้เต็มที่”
https://www.tomshardware.com/networking/concerns-grow-after-spate-of-social-media-posts-showing-spacex-starlink-satellites-burning-in-the-sky-we-are-currently-seeing-a-couple-of-satellite-re-entries-a-day-says-respected-astrophysicist
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
45 มุมมอง
0 รีวิว