“Chaos Ransomware กลับมาในเวอร์ชัน C++ — ลบไฟล์ขนาดใหญ่, ขโมย Bitcoin แบบเงียบ ๆ และทำลายระบบอย่างรุนแรง”

FortiGuard Labs ตรวจพบการพัฒนาใหม่ของมัลแวร์ Chaos Ransomware ซึ่งเปลี่ยนจากภาษา .NET มาเป็น C++ เป็นครั้งแรกในปี 2025 โดยเวอร์ชันใหม่นี้มีชื่อว่า Chaos-C++ และมาพร้อมกับกลยุทธ์ที่รุนแรงและซับซ้อนมากขึ้น ไม่เพียงแค่เข้ารหัสไฟล์เพื่อเรียกค่าไถ่ แต่ยังลบไฟล์ขนาดใหญ่โดยตรง และขโมยข้อมูล Bitcoin จาก clipboard ของผู้ใช้แบบเงียบ ๆ

การโจมตีเริ่มต้นด้วยโปรแกรมปลอมชื่อ “System Optimizer v2.1” ที่แสดงข้อความหลอกว่าเป็นการปรับแต่งระบบ แต่เบื้องหลังกลับติดตั้ง payload ของ Chaos โดยใช้เทคนิคซ่อนหน้าต่างและบันทึกกิจกรรมไว้ในไฟล์ sysopt.log เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ

เมื่อมัลแวร์ตรวจพบสิทธิ์ระดับ admin มันจะรันคำสั่งลบระบบสำรอง เช่น shadow copy, recovery catalog และการตั้งค่าการบูต เพื่อป้องกันไม่ให้เหยื่อกู้คืนข้อมูลได้

Chaos-C++ ใช้กลยุทธ์ 3 ระดับในการจัดการไฟล์:
1️⃣ ไฟล์ ≤ 50MB: เข้ารหัสเต็มรูปแบบ
2️⃣ ไฟล์ 50MB–1.3GB: ข้ามไปเพื่อเพิ่มความเร็ว
3️⃣ ไฟล์ > 1.3GB: ลบเนื้อหาโดยตรงแบบไม่สามารถกู้คืนได้

ในด้านการเข้ารหัส หากระบบมี Windows CryptoAPI จะใช้ AES-256-CFB พร้อมการสร้างคีย์ผ่าน SHA-256 แต่หากไม่มี จะ fallback ไปใช้ XOR ซึ่งอ่อนแอกว่าแต่ยังทำงานได้

ฟีเจอร์ใหม่ที่น่ากลัวคือ clipboard hijacking — Chaos จะตรวจสอบ clipboard หากพบที่อยู่ Bitcoin จะเปลี่ยนเป็น wallet ของผู้โจมตีทันที ทำให้เหยื่อที่พยายามจ่ายค่าไถ่หรือทำธุรกรรมอื่น ๆ อาจส่งเงินไปยังผู้โจมตีโดยไม่รู้ตัว

ข้อมูลสำคัญจากข่าว
Chaos Ransomware เวอร์ชันใหม่เขียนด้วยภาษา C++ เป็นครั้งแรก
ใช้โปรแกรมปลอมชื่อ “System Optimizer v2.1” เพื่อหลอกให้ติดตั้ง
บันทึกกิจกรรมไว้ในไฟล์ sysopt.log เพื่อสร้าง forensic footprint
ตรวจสอบสิทธิ์ admin โดยสร้างไฟล์ทดสอบที่ C:\WINDOWS\test.tmp
รันคำสั่งลบระบบสำรอง เช่น shadow copy และ recovery catalog
กลยุทธ์จัดการไฟล์: เข้ารหัส, ข้าม, และลบเนื้อหาโดยตรง
ใช้ AES-256-CFB หากมี CryptoAPI หรือ fallback เป็น XOR
เปลี่ยนชื่อไฟล์เป็น .chaos หลังเข้ารหัส
Hijack clipboard เพื่อขโมย Bitcoin โดยเปลี่ยนที่อยู่เป็น wallet ของผู้โจมตี
เป้าหมายหลักคือผู้ใช้ Windows ที่มีไฟล์ขนาดใหญ่และใช้ cryptocurrency

ข้อมูลเสริมจากภายนอก
Chaos เวอร์ชันก่อนหน้า เช่น BlackSnake และ Lucky_Gh0$t ใช้ .NET และมีพฤติกรรมคล้ายกัน
Clipboard hijacking เคยพบในมัลแวร์เช่น Agent Tesla และ RedLine Stealer
การลบไฟล์ขนาดใหญ่โดยตรงเป็นกลยุทธ์ที่พบได้น้อยใน ransomware ทั่วไป
การใช้ CreateProcessA() กับ CREATE_NO_WINDOW เป็นเทคนิคหลบการตรวจจับ
การใช้ mutex เพื่อป้องกันการรันหลาย instance เป็นเทคนิคที่พบในมัลแวร์ระดับสูง

คำเตือนและข้อจำกัด
Chaos-C++ สามารถลบไฟล์ขนาดใหญ่โดยไม่สามารถกู้คืนได้
การ hijack clipboard ทำให้ผู้ใช้สูญเสีย Bitcoin โดยไม่รู้ตัว
การ fallback ไปใช้ XOR ทำให้การเข้ารหัสอ่อนแอแต่ยังทำงานได้
การลบระบบสำรองทำให้ไม่สามารถใช้ recovery tools ได้
การปลอมตัวเป็นโปรแกรมปรับแต่งระบบทำให้ผู้ใช้หลงเชื่อได้ง่าย

https://securityonline.info/chaos-ransomware-evolves-to-c-uses-destructive-extortion-to-delete-large-files-and-hijack-bitcoin-clipboard/
🧨 “Chaos Ransomware กลับมาในเวอร์ชัน C++ — ลบไฟล์ขนาดใหญ่, ขโมย Bitcoin แบบเงียบ ๆ และทำลายระบบอย่างรุนแรง” FortiGuard Labs ตรวจพบการพัฒนาใหม่ของมัลแวร์ Chaos Ransomware ซึ่งเปลี่ยนจากภาษา .NET มาเป็น C++ เป็นครั้งแรกในปี 2025 โดยเวอร์ชันใหม่นี้มีชื่อว่า Chaos-C++ และมาพร้อมกับกลยุทธ์ที่รุนแรงและซับซ้อนมากขึ้น ไม่เพียงแค่เข้ารหัสไฟล์เพื่อเรียกค่าไถ่ แต่ยังลบไฟล์ขนาดใหญ่โดยตรง และขโมยข้อมูล Bitcoin จาก clipboard ของผู้ใช้แบบเงียบ ๆ การโจมตีเริ่มต้นด้วยโปรแกรมปลอมชื่อ “System Optimizer v2.1” ที่แสดงข้อความหลอกว่าเป็นการปรับแต่งระบบ แต่เบื้องหลังกลับติดตั้ง payload ของ Chaos โดยใช้เทคนิคซ่อนหน้าต่างและบันทึกกิจกรรมไว้ในไฟล์ sysopt.log เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ เมื่อมัลแวร์ตรวจพบสิทธิ์ระดับ admin มันจะรันคำสั่งลบระบบสำรอง เช่น shadow copy, recovery catalog และการตั้งค่าการบูต เพื่อป้องกันไม่ให้เหยื่อกู้คืนข้อมูลได้ Chaos-C++ ใช้กลยุทธ์ 3 ระดับในการจัดการไฟล์: 1️⃣ ไฟล์ ≤ 50MB: เข้ารหัสเต็มรูปแบบ 2️⃣ ไฟล์ 50MB–1.3GB: ข้ามไปเพื่อเพิ่มความเร็ว 3️⃣ ไฟล์ > 1.3GB: ลบเนื้อหาโดยตรงแบบไม่สามารถกู้คืนได้ ในด้านการเข้ารหัส หากระบบมี Windows CryptoAPI จะใช้ AES-256-CFB พร้อมการสร้างคีย์ผ่าน SHA-256 แต่หากไม่มี จะ fallback ไปใช้ XOR ซึ่งอ่อนแอกว่าแต่ยังทำงานได้ ฟีเจอร์ใหม่ที่น่ากลัวคือ clipboard hijacking — Chaos จะตรวจสอบ clipboard หากพบที่อยู่ Bitcoin จะเปลี่ยนเป็น wallet ของผู้โจมตีทันที ทำให้เหยื่อที่พยายามจ่ายค่าไถ่หรือทำธุรกรรมอื่น ๆ อาจส่งเงินไปยังผู้โจมตีโดยไม่รู้ตัว ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Chaos Ransomware เวอร์ชันใหม่เขียนด้วยภาษา C++ เป็นครั้งแรก ➡️ ใช้โปรแกรมปลอมชื่อ “System Optimizer v2.1” เพื่อหลอกให้ติดตั้ง ➡️ บันทึกกิจกรรมไว้ในไฟล์ sysopt.log เพื่อสร้าง forensic footprint ➡️ ตรวจสอบสิทธิ์ admin โดยสร้างไฟล์ทดสอบที่ C:\WINDOWS\test.tmp ➡️ รันคำสั่งลบระบบสำรอง เช่น shadow copy และ recovery catalog ➡️ กลยุทธ์จัดการไฟล์: เข้ารหัส, ข้าม, และลบเนื้อหาโดยตรง ➡️ ใช้ AES-256-CFB หากมี CryptoAPI หรือ fallback เป็น XOR ➡️ เปลี่ยนชื่อไฟล์เป็น .chaos หลังเข้ารหัส ➡️ Hijack clipboard เพื่อขโมย Bitcoin โดยเปลี่ยนที่อยู่เป็น wallet ของผู้โจมตี ➡️ เป้าหมายหลักคือผู้ใช้ Windows ที่มีไฟล์ขนาดใหญ่และใช้ cryptocurrency ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Chaos เวอร์ชันก่อนหน้า เช่น BlackSnake และ Lucky_Gh0$t ใช้ .NET และมีพฤติกรรมคล้ายกัน ➡️ Clipboard hijacking เคยพบในมัลแวร์เช่น Agent Tesla และ RedLine Stealer ➡️ การลบไฟล์ขนาดใหญ่โดยตรงเป็นกลยุทธ์ที่พบได้น้อยใน ransomware ทั่วไป ➡️ การใช้ CreateProcessA() กับ CREATE_NO_WINDOW เป็นเทคนิคหลบการตรวจจับ ➡️ การใช้ mutex เพื่อป้องกันการรันหลาย instance เป็นเทคนิคที่พบในมัลแวร์ระดับสูง ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ Chaos-C++ สามารถลบไฟล์ขนาดใหญ่โดยไม่สามารถกู้คืนได้ ⛔ การ hijack clipboard ทำให้ผู้ใช้สูญเสีย Bitcoin โดยไม่รู้ตัว ⛔ การ fallback ไปใช้ XOR ทำให้การเข้ารหัสอ่อนแอแต่ยังทำงานได้ ⛔ การลบระบบสำรองทำให้ไม่สามารถใช้ recovery tools ได้ ⛔ การปลอมตัวเป็นโปรแกรมปรับแต่งระบบทำให้ผู้ใช้หลงเชื่อได้ง่าย https://securityonline.info/chaos-ransomware-evolves-to-c-uses-destructive-extortion-to-delete-large-files-and-hijack-bitcoin-clipboard/
SECURITYONLINE.INFO
Chaos Ransomware Evolves to C++, Uses Destructive Extortion to Delete Large Files and Hijack Bitcoin Clipboard
FortiGuard uncovered Chaos-C++, a dangerous new ransomware strain. It deletes file content over 1.3 GB and uses clipboard hijacking to steal Bitcoin during payments.
0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 17 มุมมอง 0 รีวิว