“พบช่องโหว่ร้ายแรงใน IBM Security Verify Access — ผู้ใช้ทั่วไปสามารถยกระดับสิทธิ์เป็น root ได้ทันที!”
IBM ได้ออกประกาศเตือนถึงช่องโหว่ความปลอดภัยระดับวิกฤตในผลิตภัณฑ์ด้านการจัดการสิทธิ์เข้าถึงขององค์กร ได้แก่ IBM Security Verify Access และ IBM Verify Identity Access โดยช่องโหว่ที่ร้ายแรงที่สุดคือ CVE-2025-36356 ซึ่งมีคะแนน CVSS สูงถึง 9.3/10 และเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ที่ผ่านการยืนยันตัวตนแล้วสามารถยกระดับสิทธิ์เป็น root ได้ทันที
ช่องโหว่นี้เกิดจากการจัดการสิทธิ์ที่ผิดพลาดในระบบ ซึ่งทำให้บางกระบวนการภายในผลิตภัณฑ์ทำงานด้วยสิทธิ์สูงเกินความจำเป็น (violating least privilege principle) ส่งผลให้ผู้โจมตีสามารถควบคุมระบบได้ทั้งหมด รวมถึงฐานข้อมูลผู้ใช้และนโยบายการเข้าถึง
นอกจากนั้นยังมีช่องโหว่อื่นที่เกี่ยวข้อง ได้แก่
CVE-2025-36355: เปิดช่องให้ผู้ใช้ที่ผ่านการยืนยันสามารถรันสคริปต์จากภายนอกระบบได้
CVE-2025-36354: เปิดช่องให้ผู้ใช้ที่ยังไม่ได้ยืนยันตัวตนสามารถรันคำสั่งด้วยสิทธิ์ระดับต่ำได้
ช่องโหว่ทั้งหมดส่งผลกระทบต่อทั้งเวอร์ชัน container และ appliance ของผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะในเวอร์ชัน 10.0.0.0 – 10.0.9.0-IF2 และ 11.0.0.0 – 11.0.1.0 ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในองค์กรขนาดใหญ่ เช่น ธนาคาร หน่วยงานรัฐบาล และบริษัท Fortune 500
IBM ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 10.0.9.0-IF3 และ 11.0.1.0-IF1 พร้อมแนะนำให้ผู้ดูแลระบบอัปเดตทันทีผ่าน IBM Fix Central หรือ container registry เพื่อป้องกันการถูกโจมตีในระบบที่ใช้งานจริง
ข้อมูลสำคัญจากข่าว
ช่องโหว่ CVE-2025-36356 เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ทั่วไปยกระดับสิทธิ์เป็น root
เกิดจากการจัดการสิทธิ์ที่ผิดพลาดในระบบของ IBM Security Verify Access
คะแนน CVSS สูงถึง 9.3/10 ถือเป็นระดับวิกฤต
ส่งผลกระทบต่อทั้ง container และ appliance deployment
เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ 10.0.0.0 – 10.0.9.0-IF2 และ 11.0.0.0 – 11.0.1.0
IBM ออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 10.0.9.0-IF3 และ 11.0.1.0-IF1
ช่องโหว่อื่นที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ CVE-2025-36355 และ CVE-2025-36354
ผู้ดูแลระบบสามารถอัปเดตผ่าน IBM Fix Central หรือ container registry
ข้อมูลเสริมจากภายนอก
IBM Security Verify Access เป็นระบบจัดการสิทธิ์เข้าถึงที่ใช้ในองค์กรขนาดใหญ่ทั่วโลก
ช่องโหว่แบบ privilege escalation สามารถนำไปสู่การควบคุมระบบทั้งหมด
หลัก least privilege คือแนวทางสำคัญในการออกแบบระบบที่ปลอดภัย
การรันสคริปต์จากภายนอกอาจเปิดช่องให้เกิดการโจมตีแบบ client-side injection
การตรวจสอบ input ที่ไม่รัดกุมอาจนำไปสู่การรันคำสั่งโดยไม่ได้รับอนุญาต
https://securityonline.info/critical-flaw-cve-2025-36356-cvss-9-3-in-ibm-security-verify-access-allows-root-privilege-escalation/
IBM ได้ออกประกาศเตือนถึงช่องโหว่ความปลอดภัยระดับวิกฤตในผลิตภัณฑ์ด้านการจัดการสิทธิ์เข้าถึงขององค์กร ได้แก่ IBM Security Verify Access และ IBM Verify Identity Access โดยช่องโหว่ที่ร้ายแรงที่สุดคือ CVE-2025-36356 ซึ่งมีคะแนน CVSS สูงถึง 9.3/10 และเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ที่ผ่านการยืนยันตัวตนแล้วสามารถยกระดับสิทธิ์เป็น root ได้ทันที
ช่องโหว่นี้เกิดจากการจัดการสิทธิ์ที่ผิดพลาดในระบบ ซึ่งทำให้บางกระบวนการภายในผลิตภัณฑ์ทำงานด้วยสิทธิ์สูงเกินความจำเป็น (violating least privilege principle) ส่งผลให้ผู้โจมตีสามารถควบคุมระบบได้ทั้งหมด รวมถึงฐานข้อมูลผู้ใช้และนโยบายการเข้าถึง
นอกจากนั้นยังมีช่องโหว่อื่นที่เกี่ยวข้อง ได้แก่
CVE-2025-36355: เปิดช่องให้ผู้ใช้ที่ผ่านการยืนยันสามารถรันสคริปต์จากภายนอกระบบได้
CVE-2025-36354: เปิดช่องให้ผู้ใช้ที่ยังไม่ได้ยืนยันตัวตนสามารถรันคำสั่งด้วยสิทธิ์ระดับต่ำได้
ช่องโหว่ทั้งหมดส่งผลกระทบต่อทั้งเวอร์ชัน container และ appliance ของผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะในเวอร์ชัน 10.0.0.0 – 10.0.9.0-IF2 และ 11.0.0.0 – 11.0.1.0 ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในองค์กรขนาดใหญ่ เช่น ธนาคาร หน่วยงานรัฐบาล และบริษัท Fortune 500
IBM ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 10.0.9.0-IF3 และ 11.0.1.0-IF1 พร้อมแนะนำให้ผู้ดูแลระบบอัปเดตทันทีผ่าน IBM Fix Central หรือ container registry เพื่อป้องกันการถูกโจมตีในระบบที่ใช้งานจริง
ข้อมูลสำคัญจากข่าว
ช่องโหว่ CVE-2025-36356 เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ทั่วไปยกระดับสิทธิ์เป็น root
เกิดจากการจัดการสิทธิ์ที่ผิดพลาดในระบบของ IBM Security Verify Access
คะแนน CVSS สูงถึง 9.3/10 ถือเป็นระดับวิกฤต
ส่งผลกระทบต่อทั้ง container และ appliance deployment
เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ 10.0.0.0 – 10.0.9.0-IF2 และ 11.0.0.0 – 11.0.1.0
IBM ออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 10.0.9.0-IF3 และ 11.0.1.0-IF1
ช่องโหว่อื่นที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ CVE-2025-36355 และ CVE-2025-36354
ผู้ดูแลระบบสามารถอัปเดตผ่าน IBM Fix Central หรือ container registry
ข้อมูลเสริมจากภายนอก
IBM Security Verify Access เป็นระบบจัดการสิทธิ์เข้าถึงที่ใช้ในองค์กรขนาดใหญ่ทั่วโลก
ช่องโหว่แบบ privilege escalation สามารถนำไปสู่การควบคุมระบบทั้งหมด
หลัก least privilege คือแนวทางสำคัญในการออกแบบระบบที่ปลอดภัย
การรันสคริปต์จากภายนอกอาจเปิดช่องให้เกิดการโจมตีแบบ client-side injection
การตรวจสอบ input ที่ไม่รัดกุมอาจนำไปสู่การรันคำสั่งโดยไม่ได้รับอนุญาต
https://securityonline.info/critical-flaw-cve-2025-36356-cvss-9-3-in-ibm-security-verify-access-allows-root-privilege-escalation/
🔐 “พบช่องโหว่ร้ายแรงใน IBM Security Verify Access — ผู้ใช้ทั่วไปสามารถยกระดับสิทธิ์เป็น root ได้ทันที!”
IBM ได้ออกประกาศเตือนถึงช่องโหว่ความปลอดภัยระดับวิกฤตในผลิตภัณฑ์ด้านการจัดการสิทธิ์เข้าถึงขององค์กร ได้แก่ IBM Security Verify Access และ IBM Verify Identity Access โดยช่องโหว่ที่ร้ายแรงที่สุดคือ CVE-2025-36356 ซึ่งมีคะแนน CVSS สูงถึง 9.3/10 และเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ที่ผ่านการยืนยันตัวตนแล้วสามารถยกระดับสิทธิ์เป็น root ได้ทันที
ช่องโหว่นี้เกิดจากการจัดการสิทธิ์ที่ผิดพลาดในระบบ ซึ่งทำให้บางกระบวนการภายในผลิตภัณฑ์ทำงานด้วยสิทธิ์สูงเกินความจำเป็น (violating least privilege principle) ส่งผลให้ผู้โจมตีสามารถควบคุมระบบได้ทั้งหมด รวมถึงฐานข้อมูลผู้ใช้และนโยบายการเข้าถึง
นอกจากนั้นยังมีช่องโหว่อื่นที่เกี่ยวข้อง ได้แก่
🔰 CVE-2025-36355: เปิดช่องให้ผู้ใช้ที่ผ่านการยืนยันสามารถรันสคริปต์จากภายนอกระบบได้
🔰 CVE-2025-36354: เปิดช่องให้ผู้ใช้ที่ยังไม่ได้ยืนยันตัวตนสามารถรันคำสั่งด้วยสิทธิ์ระดับต่ำได้
ช่องโหว่ทั้งหมดส่งผลกระทบต่อทั้งเวอร์ชัน container และ appliance ของผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะในเวอร์ชัน 10.0.0.0 – 10.0.9.0-IF2 และ 11.0.0.0 – 11.0.1.0 ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในองค์กรขนาดใหญ่ เช่น ธนาคาร หน่วยงานรัฐบาล และบริษัท Fortune 500
IBM ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 10.0.9.0-IF3 และ 11.0.1.0-IF1 พร้อมแนะนำให้ผู้ดูแลระบบอัปเดตทันทีผ่าน IBM Fix Central หรือ container registry เพื่อป้องกันการถูกโจมตีในระบบที่ใช้งานจริง
✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว
➡️ ช่องโหว่ CVE-2025-36356 เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ทั่วไปยกระดับสิทธิ์เป็น root
➡️ เกิดจากการจัดการสิทธิ์ที่ผิดพลาดในระบบของ IBM Security Verify Access
➡️ คะแนน CVSS สูงถึง 9.3/10 ถือเป็นระดับวิกฤต
➡️ ส่งผลกระทบต่อทั้ง container และ appliance deployment
➡️ เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ 10.0.0.0 – 10.0.9.0-IF2 และ 11.0.0.0 – 11.0.1.0
➡️ IBM ออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 10.0.9.0-IF3 และ 11.0.1.0-IF1
➡️ ช่องโหว่อื่นที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ CVE-2025-36355 และ CVE-2025-36354
➡️ ผู้ดูแลระบบสามารถอัปเดตผ่าน IBM Fix Central หรือ container registry
✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก
➡️ IBM Security Verify Access เป็นระบบจัดการสิทธิ์เข้าถึงที่ใช้ในองค์กรขนาดใหญ่ทั่วโลก
➡️ ช่องโหว่แบบ privilege escalation สามารถนำไปสู่การควบคุมระบบทั้งหมด
➡️ หลัก least privilege คือแนวทางสำคัญในการออกแบบระบบที่ปลอดภัย
➡️ การรันสคริปต์จากภายนอกอาจเปิดช่องให้เกิดการโจมตีแบบ client-side injection
➡️ การตรวจสอบ input ที่ไม่รัดกุมอาจนำไปสู่การรันคำสั่งโดยไม่ได้รับอนุญาต
https://securityonline.info/critical-flaw-cve-2025-36356-cvss-9-3-in-ibm-security-verify-access-allows-root-privilege-escalation/
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
69 มุมมอง
0 รีวิว