อุปสรรคแพลตฟอร์มไทยสู่ระดับโลก: ทำไมเรายังไปไม่ถึง?
ในยุคที่โลกดิจิทัลขับเคลื่อนทุกอย่าง ประเทศไทยก็ไม่ได้น้อยหน้า การเติบโตของตลาด อีคอมเมิร์ซ และ บริการออนไลน์ พุ่งทะยานไม่หยุด โดยเฉพาะหลังโควิด-19 ที่พฤติกรรมคนเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
แต่เมื่อมองลึกลงไป... เราจะพบความจริงที่เจ็บปวด — ผู้เล่นใหญ่ ๆ ที่ครองตลาดกลับไม่ใช่ของไทยเองเลย!
Shopee
Lazada
Grab
TikTok Shop
ทั้งหมดเป็นต่างชาติที่เข้ามาครองส่วนแบ่งตลาดแบบเบ็ดเสร็จ
ปัญหาที่แท้จริงไม่ใช่ “เราไม่มีความสามารถ” แต่คือ “เราถูกกดทับด้วยโครงสร้าง”
1️⃣ ผู้เล่นต่างชาติใช้เงินมหาศาล ทำโปรโมชั่น ลด แลก แจก จนสร้างฐานผู้ใช้มหาศาล
2️⃣ เมื่อคนเริ่มติดแพลตฟอร์ม ➝ พวกเขาก็ปรับขึ้นค่าธรรมเนียม
3️⃣ ร้านค้าเล็ก ๆ ต้องแบกภาระ กำไรหด ในขณะที่ผู้บริโภคก็จ่ายแพงขึ้น
แล้ว สตาร์ทอัพไทย ล่ะ?
ความจริงคือ…เรายังติดกับดักใหญ่ 2 เรื่อง
บุคลากร – ไทยต้องการแรงงานดิจิทัล 20,000–30,000 คนต่อปี แต่ระบบการศึกษาผลิตได้ไม่ถึง 6,000
เงินทุน – กว่า 70% ของสตาร์ทอัพไทยล้มเหลวเพราะหาทุนต่อยอดไม่ได้ Series B+ ยิ่งแทบจะไม่มีใครลงทุน
นี่คือ วิกฤตสามเหลี่ยมเพชร
ไม่มีเงินทุน ➝ จ้างคนเก่งไม่ได้
ไม่มีคนเก่ง ➝ พัฒนาผลิตภัณฑ์ไม่ทัน
พัฒนาผลิตภัณฑ์ไม่ทัน ➝ สู้ยักษ์ใหญ่ไม่ได้
ปัญหาการผูกขาด ยังทำให้ร้านค้าเล็ก ๆ โดนกินส่วนแบ่งหนัก ตัวเลขค่าธรรมเนียม GP ของ Food Delivery สูงถึง 30–32%!!
ร้านค้าขาย 10,000 บาท ➝ เหลือจริงไม่ถึง 7,000 บาท
ผู้บริโภคก็ต้องจ่ายแพงขึ้น
แล้วเราจะไปต่ออย่างไร
ข้อเสนอสำคัญ
สร้างคนเก่งดิจิทัล ผ่านการศึกษาและอบรมใหม่ ๆ
ดึงดูดเงินทุน VC โดยเฉพาะ Series B+
รัฐต้องจริงจังกับการกำกับดูแลการผูกขาด
เปลี่ยนยุทธศาสตร์ ➝ ไม่จำเป็นต้องสู้แบบ “Super-App” แต่เจาะลึกเฉพาะทาง เช่น
Wongnai รีวิวร้านอาหาร
Flash Express โลจิสติกส์
ไทยมีโอกาสในหลายด้าน: เกษตร การท่องเที่ยว การแพทย์
ถ้าเราพัฒนาแพลตฟอร์มเฉพาะทางได้จริง ➝ เราจะสร้าง ยูนิคอร์น ไทยตัวใหม่ได้
อนาคตดิจิทัลไทย
ไม่ใช่แค่ “รักษาอาการ” ด้วยการคุมผูกขาด แต่ต้อง “สร้างภูมิคุ้มกัน” ด้วยการลงทุนในคน เงินทุน และนวัตกรรมที่แก้ปัญหาได้จริง
เพราะสุดท้ายแล้ว…
ไทยอาจไม่จำเป็นต้องมี Super-App ที่ครองโลก
แต่เราสามารถสร้างแพลตฟอร์มที่ เชี่ยวชาญ ลึก และแข็งแรง พอจะยืนในเวทีโลกได้อย่างภาคภูมิ
#ลุงเขียนหลานอ่าน
ในยุคที่โลกดิจิทัลขับเคลื่อนทุกอย่าง ประเทศไทยก็ไม่ได้น้อยหน้า การเติบโตของตลาด อีคอมเมิร์ซ และ บริการออนไลน์ พุ่งทะยานไม่หยุด โดยเฉพาะหลังโควิด-19 ที่พฤติกรรมคนเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
แต่เมื่อมองลึกลงไป... เราจะพบความจริงที่เจ็บปวด — ผู้เล่นใหญ่ ๆ ที่ครองตลาดกลับไม่ใช่ของไทยเองเลย!
Shopee
Lazada
Grab
TikTok Shop
ทั้งหมดเป็นต่างชาติที่เข้ามาครองส่วนแบ่งตลาดแบบเบ็ดเสร็จ
ปัญหาที่แท้จริงไม่ใช่ “เราไม่มีความสามารถ” แต่คือ “เราถูกกดทับด้วยโครงสร้าง”
1️⃣ ผู้เล่นต่างชาติใช้เงินมหาศาล ทำโปรโมชั่น ลด แลก แจก จนสร้างฐานผู้ใช้มหาศาล
2️⃣ เมื่อคนเริ่มติดแพลตฟอร์ม ➝ พวกเขาก็ปรับขึ้นค่าธรรมเนียม
3️⃣ ร้านค้าเล็ก ๆ ต้องแบกภาระ กำไรหด ในขณะที่ผู้บริโภคก็จ่ายแพงขึ้น
แล้ว สตาร์ทอัพไทย ล่ะ?
ความจริงคือ…เรายังติดกับดักใหญ่ 2 เรื่อง
บุคลากร – ไทยต้องการแรงงานดิจิทัล 20,000–30,000 คนต่อปี แต่ระบบการศึกษาผลิตได้ไม่ถึง 6,000
เงินทุน – กว่า 70% ของสตาร์ทอัพไทยล้มเหลวเพราะหาทุนต่อยอดไม่ได้ Series B+ ยิ่งแทบจะไม่มีใครลงทุน
นี่คือ วิกฤตสามเหลี่ยมเพชร
ไม่มีเงินทุน ➝ จ้างคนเก่งไม่ได้
ไม่มีคนเก่ง ➝ พัฒนาผลิตภัณฑ์ไม่ทัน
พัฒนาผลิตภัณฑ์ไม่ทัน ➝ สู้ยักษ์ใหญ่ไม่ได้
ปัญหาการผูกขาด ยังทำให้ร้านค้าเล็ก ๆ โดนกินส่วนแบ่งหนัก ตัวเลขค่าธรรมเนียม GP ของ Food Delivery สูงถึง 30–32%!!
ร้านค้าขาย 10,000 บาท ➝ เหลือจริงไม่ถึง 7,000 บาท
ผู้บริโภคก็ต้องจ่ายแพงขึ้น
แล้วเราจะไปต่ออย่างไร
ข้อเสนอสำคัญ
สร้างคนเก่งดิจิทัล ผ่านการศึกษาและอบรมใหม่ ๆ
ดึงดูดเงินทุน VC โดยเฉพาะ Series B+
รัฐต้องจริงจังกับการกำกับดูแลการผูกขาด
เปลี่ยนยุทธศาสตร์ ➝ ไม่จำเป็นต้องสู้แบบ “Super-App” แต่เจาะลึกเฉพาะทาง เช่น
Wongnai รีวิวร้านอาหาร
Flash Express โลจิสติกส์
ไทยมีโอกาสในหลายด้าน: เกษตร การท่องเที่ยว การแพทย์
ถ้าเราพัฒนาแพลตฟอร์มเฉพาะทางได้จริง ➝ เราจะสร้าง ยูนิคอร์น ไทยตัวใหม่ได้
อนาคตดิจิทัลไทย
ไม่ใช่แค่ “รักษาอาการ” ด้วยการคุมผูกขาด แต่ต้อง “สร้างภูมิคุ้มกัน” ด้วยการลงทุนในคน เงินทุน และนวัตกรรมที่แก้ปัญหาได้จริง
เพราะสุดท้ายแล้ว…
ไทยอาจไม่จำเป็นต้องมี Super-App ที่ครองโลก
แต่เราสามารถสร้างแพลตฟอร์มที่ เชี่ยวชาญ ลึก และแข็งแรง พอจะยืนในเวทีโลกได้อย่างภาคภูมิ
#ลุงเขียนหลานอ่าน
🌏 อุปสรรคแพลตฟอร์มไทยสู่ระดับโลก: ทำไมเรายังไปไม่ถึง?
ในยุคที่โลกดิจิทัลขับเคลื่อนทุกอย่าง 🇹🇭 ประเทศไทยก็ไม่ได้น้อยหน้า การเติบโตของตลาด อีคอมเมิร์ซ และ บริการออนไลน์ พุ่งทะยานไม่หยุด 🚀 โดยเฉพาะหลังโควิด-19 ที่พฤติกรรมคนเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง 🛒📱
แต่เมื่อมองลึกลงไป... เราจะพบความจริงที่เจ็บปวด 💔 — ผู้เล่นใหญ่ ๆ ที่ครองตลาดกลับไม่ใช่ของไทยเองเลย!
Shopee 🟠
Lazada 🔵
Grab 🟢
TikTok Shop 🎥
ทั้งหมดเป็นต่างชาติที่เข้ามาครองส่วนแบ่งตลาดแบบเบ็ดเสร็จ 😮
🔥 ปัญหาที่แท้จริงไม่ใช่ “เราไม่มีความสามารถ” แต่คือ “เราถูกกดทับด้วยโครงสร้าง”
1️⃣ ผู้เล่นต่างชาติใช้เงินมหาศาล 💰 ทำโปรโมชั่น ลด แลก แจก จนสร้างฐานผู้ใช้มหาศาล
2️⃣ เมื่อคนเริ่มติดแพลตฟอร์ม ➝ พวกเขาก็ปรับขึ้นค่าธรรมเนียม 💸
3️⃣ ร้านค้าเล็ก ๆ ต้องแบกภาระ กำไรหด ✂️ ในขณะที่ผู้บริโภคก็จ่ายแพงขึ้น
👨💻 แล้ว สตาร์ทอัพไทย ล่ะ?
ความจริงคือ…เรายังติดกับดักใหญ่ 2 เรื่อง
⚡ บุคลากร – ไทยต้องการแรงงานดิจิทัล 20,000–30,000 คนต่อปี แต่ระบบการศึกษาผลิตได้ไม่ถึง 6,000 😵
⚡ เงินทุน – กว่า 70% ของสตาร์ทอัพไทยล้มเหลวเพราะหาทุนต่อยอดไม่ได้ ❌ Series B+ ยิ่งแทบจะไม่มีใครลงทุน
นี่คือ วิกฤตสามเหลี่ยมเพชร 💎
➡️ ไม่มีเงินทุน ➝ จ้างคนเก่งไม่ได้
➡️ ไม่มีคนเก่ง ➝ พัฒนาผลิตภัณฑ์ไม่ทัน
➡️ พัฒนาผลิตภัณฑ์ไม่ทัน ➝ สู้ยักษ์ใหญ่ไม่ได้
⚖️ ปัญหาการผูกขาด ยังทำให้ร้านค้าเล็ก ๆ โดนกินส่วนแบ่งหนัก 🥲 ตัวเลขค่าธรรมเนียม GP ของ Food Delivery สูงถึง 30–32%!!
ร้านค้าขาย 10,000 บาท ➝ เหลือจริงไม่ถึง 7,000 บาท 🥲
ผู้บริโภคก็ต้องจ่ายแพงขึ้น 🍔📦
✨ แล้วเราจะไปต่ออย่างไร ‼️‼️⁉️❓
💡 ข้อเสนอสำคัญ
✅ สร้างคนเก่งดิจิทัล 👩💻 ผ่านการศึกษาและอบรมใหม่ ๆ
✅ ดึงดูดเงินทุน VC 💵 โดยเฉพาะ Series B+
✅ รัฐต้องจริงจังกับการกำกับดูแลการผูกขาด ⚖️
✅ เปลี่ยนยุทธศาสตร์ ➝ ไม่จำเป็นต้องสู้แบบ “Super-App” แต่เจาะลึกเฉพาะทาง เช่น
🗝️ Wongnai 🍜 รีวิวร้านอาหาร
🗝️Flash Express 📦 โลจิสติกส์
🌱 ไทยมีโอกาสในหลายด้าน: เกษตร 🍍 การท่องเที่ยว 🏝️ การแพทย์ 💊
ถ้าเราพัฒนาแพลตฟอร์มเฉพาะทางได้จริง ➝ เราจะสร้าง ยูนิคอร์น ไทยตัวใหม่ได้ 🦄
🔮 อนาคตดิจิทัลไทย
ไม่ใช่แค่ “รักษาอาการ” ด้วยการคุมผูกขาด แต่ต้อง “สร้างภูมิคุ้มกัน” ด้วยการลงทุนในคน 💪 เงินทุน 💰 และนวัตกรรมที่แก้ปัญหาได้จริง
เพราะสุดท้ายแล้ว…
🇹🇭 ไทยอาจไม่จำเป็นต้องมี Super-App ที่ครองโลก
แต่เราสามารถสร้างแพลตฟอร์มที่ เชี่ยวชาญ ลึก และแข็งแรง พอจะยืนในเวทีโลกได้อย่างภาคภูมิ 🌏✨
#ลุงเขียนหลานอ่าน
0 Comments
0 Shares
116 Views
0 Reviews