“LMDE 7 ‘Gigi’ Beta เปิดตัวแล้ว — พลัง Debian 13 ผสาน Mint 22.2 พร้อมรองรับ Arrow Lake และ Raspberry Pi 5”
Linux Mint Debian Edition หรือ LMDE 7 รหัส “Gigi” ได้เปิดตัวเวอร์ชัน Beta อย่างเป็นทางการ โดยเป็นการผสานความเสถียรของ Debian 13 “Trixie” เข้ากับความเป็นมิตรของ Linux Mint 22.2 “Zara” เพื่อสร้างระบบปฏิบัติการที่พร้อมใช้งานแม้ในวันที่ Ubuntu หายไปจากโลก
LMDE ถูกออกแบบมาเพื่อให้ Linux Mint สามารถดำรงอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่ง Ubuntu โดยใช้ฐานแพ็กเกจจาก Debian ซึ่งมีความเสถียรสูงและเหมาะกับการใช้งานระยะยาว โดยเวอร์ชันใหม่นี้ใช้ Linux Kernel 6.12 ที่รองรับฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่อย่าง Intel Arrow Lake, Lunar Lake, AMD RDNA 4 และ Raspberry Pi 5 ได้ดีขึ้น
ในด้านซอฟต์แวร์ LMDE 7 ได้รับการอัปเกรดจาก Mint 22.2 อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น Software Manager ที่แสดงความแตกต่างระหว่าง Flatpak กับแพ็กเกจระบบได้ชัดเจน, แอปใหม่สำหรับสแกนลายนิ้วมือชื่อ Fingwit, Hypnotix ที่มีโหมด Theater และ Borderless, Sticky Notes ที่รองรับ Wayland และหน้าจอล็อกอินที่มีเอฟเฟกต์เบลอ
นอกจากนี้ยังมีการปรับแต่ง libAdwaita ให้ทำงานร่วมกับธีมของ Mint ได้อย่างกลมกลืน และเพิ่มการรองรับการติดตั้งแบบ OEM สำหรับผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ที่ต้องการพรีโหลด LMDE 7 ลงในเครื่องก่อนส่งถึงลูกค้า
อย่างไรก็ตาม LMDE 7 Beta ยังไม่เหมาะสำหรับการใช้งานจริงในระบบผลิต เพราะยังอยู่ในช่วงทดสอบ และยังไม่มีประกาศวันเปิดตัวเวอร์ชันเสถียรอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลสำคัญจากข่าว
LMDE 7 “Gigi” Beta ใช้ Debian 13 “Trixie” เป็นฐานระบบ
ใช้ Linux Kernel 6.12 รองรับฮาร์ดแวร์ใหม่ เช่น Arrow Lake และ Raspberry Pi 5
ได้รับฟีเจอร์จาก Mint 22.2 “Zara” อย่างครบถ้วน
รองรับการติดตั้งแบบ OEM สำหรับผู้ผลิตฮาร์ดแวร์
ฟีเจอร์ใหม่และการปรับปรุง
Software Manager แสดงความแตกต่างระหว่าง Flatpak กับแพ็กเกจระบบ
Fingwit แอปใหม่สำหรับการยืนยันตัวตนด้วยลายนิ้วมือ
Hypnotix เพิ่มโหมด Theater และ Borderless
Sticky Notes รองรับ Wayland และมีมุมโค้งสวยงาม
หน้าจอล็อกอินใหม่มีเอฟเฟกต์เบลอและแสดงรูปโปรไฟล์ผู้ใช้
libAdwaita ถูกแพตช์ให้รองรับธีม Mint-Y, Mint-X และ Mint-L
เพิ่มการรองรับ EDID-based color correction ใน XViewer
WebApp Manager รองรับการแก้ไขคำอธิบายของแอป
Warpinator มีแอป iOS สำหรับแชร์ไฟล์ข้ามอุปกรณ์
ข้อมูลเสริมจากภายนอก
LMDE มีเป้าหมายเพื่อให้ Mint อยู่รอดได้หาก Ubuntu หยุดพัฒนา
Debian 13 “Trixie” มาพร้อม APT 3.0 และ Solver3 ที่จัดการ dependency ได้ดีขึ้น
ระบบ /tmp ถูกปรับให้เก็บไฟล์ชั่วคราวใน RAM เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
Cinnamon 6.4.12 เป็นเดสก์ท็อปหลักของ LMDE 7 Beta
LMDE 7 รองรับเฉพาะระบบ 64-bit เนื่องจาก Debian 13 ยกเลิกการสนับสนุน i386
https://news.itsfoss.com/lmde-7-beta/
Linux Mint Debian Edition หรือ LMDE 7 รหัส “Gigi” ได้เปิดตัวเวอร์ชัน Beta อย่างเป็นทางการ โดยเป็นการผสานความเสถียรของ Debian 13 “Trixie” เข้ากับความเป็นมิตรของ Linux Mint 22.2 “Zara” เพื่อสร้างระบบปฏิบัติการที่พร้อมใช้งานแม้ในวันที่ Ubuntu หายไปจากโลก
LMDE ถูกออกแบบมาเพื่อให้ Linux Mint สามารถดำรงอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่ง Ubuntu โดยใช้ฐานแพ็กเกจจาก Debian ซึ่งมีความเสถียรสูงและเหมาะกับการใช้งานระยะยาว โดยเวอร์ชันใหม่นี้ใช้ Linux Kernel 6.12 ที่รองรับฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่อย่าง Intel Arrow Lake, Lunar Lake, AMD RDNA 4 และ Raspberry Pi 5 ได้ดีขึ้น
ในด้านซอฟต์แวร์ LMDE 7 ได้รับการอัปเกรดจาก Mint 22.2 อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น Software Manager ที่แสดงความแตกต่างระหว่าง Flatpak กับแพ็กเกจระบบได้ชัดเจน, แอปใหม่สำหรับสแกนลายนิ้วมือชื่อ Fingwit, Hypnotix ที่มีโหมด Theater และ Borderless, Sticky Notes ที่รองรับ Wayland และหน้าจอล็อกอินที่มีเอฟเฟกต์เบลอ
นอกจากนี้ยังมีการปรับแต่ง libAdwaita ให้ทำงานร่วมกับธีมของ Mint ได้อย่างกลมกลืน และเพิ่มการรองรับการติดตั้งแบบ OEM สำหรับผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ที่ต้องการพรีโหลด LMDE 7 ลงในเครื่องก่อนส่งถึงลูกค้า
อย่างไรก็ตาม LMDE 7 Beta ยังไม่เหมาะสำหรับการใช้งานจริงในระบบผลิต เพราะยังอยู่ในช่วงทดสอบ และยังไม่มีประกาศวันเปิดตัวเวอร์ชันเสถียรอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลสำคัญจากข่าว
LMDE 7 “Gigi” Beta ใช้ Debian 13 “Trixie” เป็นฐานระบบ
ใช้ Linux Kernel 6.12 รองรับฮาร์ดแวร์ใหม่ เช่น Arrow Lake และ Raspberry Pi 5
ได้รับฟีเจอร์จาก Mint 22.2 “Zara” อย่างครบถ้วน
รองรับการติดตั้งแบบ OEM สำหรับผู้ผลิตฮาร์ดแวร์
ฟีเจอร์ใหม่และการปรับปรุง
Software Manager แสดงความแตกต่างระหว่าง Flatpak กับแพ็กเกจระบบ
Fingwit แอปใหม่สำหรับการยืนยันตัวตนด้วยลายนิ้วมือ
Hypnotix เพิ่มโหมด Theater และ Borderless
Sticky Notes รองรับ Wayland และมีมุมโค้งสวยงาม
หน้าจอล็อกอินใหม่มีเอฟเฟกต์เบลอและแสดงรูปโปรไฟล์ผู้ใช้
libAdwaita ถูกแพตช์ให้รองรับธีม Mint-Y, Mint-X และ Mint-L
เพิ่มการรองรับ EDID-based color correction ใน XViewer
WebApp Manager รองรับการแก้ไขคำอธิบายของแอป
Warpinator มีแอป iOS สำหรับแชร์ไฟล์ข้ามอุปกรณ์
ข้อมูลเสริมจากภายนอก
LMDE มีเป้าหมายเพื่อให้ Mint อยู่รอดได้หาก Ubuntu หยุดพัฒนา
Debian 13 “Trixie” มาพร้อม APT 3.0 และ Solver3 ที่จัดการ dependency ได้ดีขึ้น
ระบบ /tmp ถูกปรับให้เก็บไฟล์ชั่วคราวใน RAM เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
Cinnamon 6.4.12 เป็นเดสก์ท็อปหลักของ LMDE 7 Beta
LMDE 7 รองรับเฉพาะระบบ 64-bit เนื่องจาก Debian 13 ยกเลิกการสนับสนุน i386
https://news.itsfoss.com/lmde-7-beta/
🐧 “LMDE 7 ‘Gigi’ Beta เปิดตัวแล้ว — พลัง Debian 13 ผสาน Mint 22.2 พร้อมรองรับ Arrow Lake และ Raspberry Pi 5”
Linux Mint Debian Edition หรือ LMDE 7 รหัส “Gigi” ได้เปิดตัวเวอร์ชัน Beta อย่างเป็นทางการ โดยเป็นการผสานความเสถียรของ Debian 13 “Trixie” เข้ากับความเป็นมิตรของ Linux Mint 22.2 “Zara” เพื่อสร้างระบบปฏิบัติการที่พร้อมใช้งานแม้ในวันที่ Ubuntu หายไปจากโลก
LMDE ถูกออกแบบมาเพื่อให้ Linux Mint สามารถดำรงอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่ง Ubuntu โดยใช้ฐานแพ็กเกจจาก Debian ซึ่งมีความเสถียรสูงและเหมาะกับการใช้งานระยะยาว โดยเวอร์ชันใหม่นี้ใช้ Linux Kernel 6.12 ที่รองรับฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่อย่าง Intel Arrow Lake, Lunar Lake, AMD RDNA 4 และ Raspberry Pi 5 ได้ดีขึ้น
ในด้านซอฟต์แวร์ LMDE 7 ได้รับการอัปเกรดจาก Mint 22.2 อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น Software Manager ที่แสดงความแตกต่างระหว่าง Flatpak กับแพ็กเกจระบบได้ชัดเจน, แอปใหม่สำหรับสแกนลายนิ้วมือชื่อ Fingwit, Hypnotix ที่มีโหมด Theater และ Borderless, Sticky Notes ที่รองรับ Wayland และหน้าจอล็อกอินที่มีเอฟเฟกต์เบลอ
นอกจากนี้ยังมีการปรับแต่ง libAdwaita ให้ทำงานร่วมกับธีมของ Mint ได้อย่างกลมกลืน และเพิ่มการรองรับการติดตั้งแบบ OEM สำหรับผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ที่ต้องการพรีโหลด LMDE 7 ลงในเครื่องก่อนส่งถึงลูกค้า
อย่างไรก็ตาม LMDE 7 Beta ยังไม่เหมาะสำหรับการใช้งานจริงในระบบผลิต เพราะยังอยู่ในช่วงทดสอบ และยังไม่มีประกาศวันเปิดตัวเวอร์ชันเสถียรอย่างเป็นทางการ
✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว
➡️ LMDE 7 “Gigi” Beta ใช้ Debian 13 “Trixie” เป็นฐานระบบ
➡️ ใช้ Linux Kernel 6.12 รองรับฮาร์ดแวร์ใหม่ เช่น Arrow Lake และ Raspberry Pi 5
➡️ ได้รับฟีเจอร์จาก Mint 22.2 “Zara” อย่างครบถ้วน
➡️ รองรับการติดตั้งแบบ OEM สำหรับผู้ผลิตฮาร์ดแวร์
✅ ฟีเจอร์ใหม่และการปรับปรุง
➡️ Software Manager แสดงความแตกต่างระหว่าง Flatpak กับแพ็กเกจระบบ
➡️ Fingwit แอปใหม่สำหรับการยืนยันตัวตนด้วยลายนิ้วมือ
➡️ Hypnotix เพิ่มโหมด Theater และ Borderless
➡️ Sticky Notes รองรับ Wayland และมีมุมโค้งสวยงาม
➡️ หน้าจอล็อกอินใหม่มีเอฟเฟกต์เบลอและแสดงรูปโปรไฟล์ผู้ใช้
➡️ libAdwaita ถูกแพตช์ให้รองรับธีม Mint-Y, Mint-X และ Mint-L
➡️ เพิ่มการรองรับ EDID-based color correction ใน XViewer
➡️ WebApp Manager รองรับการแก้ไขคำอธิบายของแอป
➡️ Warpinator มีแอป iOS สำหรับแชร์ไฟล์ข้ามอุปกรณ์
✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก
➡️ LMDE มีเป้าหมายเพื่อให้ Mint อยู่รอดได้หาก Ubuntu หยุดพัฒนา
➡️ Debian 13 “Trixie” มาพร้อม APT 3.0 และ Solver3 ที่จัดการ dependency ได้ดีขึ้น
➡️ ระบบ /tmp ถูกปรับให้เก็บไฟล์ชั่วคราวใน RAM เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
➡️ Cinnamon 6.4.12 เป็นเดสก์ท็อปหลักของ LMDE 7 Beta
➡️ LMDE 7 รองรับเฉพาะระบบ 64-bit เนื่องจาก Debian 13 ยกเลิกการสนับสนุน i386
https://news.itsfoss.com/lmde-7-beta/
0 Comments
0 Shares
8 Views
0 Reviews