“Git 3.0 อาจบังคับใช้ Rust — เมื่อระบบควบคุมเวอร์ชันระดับโลกเตรียมเปลี่ยนแกนหลักจาก C สู่ยุคใหม่แห่งความปลอดภัย”
Git ซึ่งเป็นระบบควบคุมเวอร์ชันแบบกระจายที่ใช้กันทั่วโลก ตั้งแต่โครงการโอเพ่นซอร์สไปจนถึงซอฟต์แวร์ระดับองค์กร กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี โดยในเดือนกันยายน 2025 มีการเสนอ RFC (Request for Comments) โดย Patrick Steinhardt เพื่อเตรียมให้ Rust กลายเป็นภาษาบังคับใน Git เวอร์ชัน 3.0 ที่จะมาถึงในอนาคต
เป้าหมายของ RFC นี้ไม่ใช่การเขียน Git ใหม่ทั้งหมดด้วย Rust แต่เป็นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานและเวิร์กโฟลว์ที่รองรับการพัฒนาใน Rust ได้อย่างมั่นใจ โดยเริ่มจากการแยกส่วนของ xdiff และค่อย ๆ เพิ่มการใช้งาน Rust เข้าไปในระบบอย่างเป็นขั้นตอน
เหตุผลหลักคือ Rust มีระบบจัดการหน่วยความจำที่ปลอดภัยกว่า C ซึ่งช่วยลดบั๊กประเภท memory corruption ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มความสามารถในการดูแลรักษาโค้ดในระยะยาว อย่างไรก็ตาม การบังคับใช้ Rust อาจทำให้การ build ซับซ้อนขึ้น และอาจไม่สามารถใช้งานได้ในบางแพลตฟอร์มที่ไม่มี toolchain ของ Rust ที่เสถียร เช่น อุปกรณ์ฝังตัวหรือระบบเก่า
ข้อมูลสำคัญจากข่าว
Git อาจบังคับใช้ Rust ในเวอร์ชัน 3.0 ตามข้อเสนอ RFC โดย Patrick Steinhardt2
เป้าหมายคือการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับ Rust โดยไม่ต้องเขียนใหม่ทั้งหมด
Rust จะถูกนำมาใช้ในส่วนของ xdiff และค่อย ๆ ขยายไปยังส่วนอื่น
Rust มีข้อดีด้านความปลอดภัยของหน่วยความจำและการดูแลรักษาโค้ด
แผนการเปลี่ยนผ่านและผลกระทบ
จะมีการสร้าง CI jobs แบบ “breaking-changes” เพื่อทดสอบความเข้ากันได้
การ build Git จะต้องใช้ Rust toolchain เป็นส่วนหนึ่งของระบบ
การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลต่อการแจกจ่าย Git ในระบบที่ไม่รองรับ Rust
การใช้ Meson build system จะช่วยให้การรวม Rust เป็นไปอย่างราบรื่น
ข้อมูลเสริมจากภายนอก
Rust ถูกนำมาใช้ใน Linux kernel แล้ว และได้รับการสนับสนุนจาก Linus Torvalds
หลายโครงการโอเพ่นซอร์สเริ่มเปลี่ยนมาใช้ Rust เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพ
Git 3.0 ยังมีแผนเปลี่ยนมาใช้ SHA-256 เป็นค่าแฮชเริ่มต้นแทน SHA-1
การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นหนึ่งในก้าวสำคัญที่สุดของ Git ตั้งแต่เริ่มต้นในปี 2005
https://news.itsfoss.com/git-3-rust/
Git ซึ่งเป็นระบบควบคุมเวอร์ชันแบบกระจายที่ใช้กันทั่วโลก ตั้งแต่โครงการโอเพ่นซอร์สไปจนถึงซอฟต์แวร์ระดับองค์กร กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี โดยในเดือนกันยายน 2025 มีการเสนอ RFC (Request for Comments) โดย Patrick Steinhardt เพื่อเตรียมให้ Rust กลายเป็นภาษาบังคับใน Git เวอร์ชัน 3.0 ที่จะมาถึงในอนาคต
เป้าหมายของ RFC นี้ไม่ใช่การเขียน Git ใหม่ทั้งหมดด้วย Rust แต่เป็นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานและเวิร์กโฟลว์ที่รองรับการพัฒนาใน Rust ได้อย่างมั่นใจ โดยเริ่มจากการแยกส่วนของ xdiff และค่อย ๆ เพิ่มการใช้งาน Rust เข้าไปในระบบอย่างเป็นขั้นตอน
เหตุผลหลักคือ Rust มีระบบจัดการหน่วยความจำที่ปลอดภัยกว่า C ซึ่งช่วยลดบั๊กประเภท memory corruption ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มความสามารถในการดูแลรักษาโค้ดในระยะยาว อย่างไรก็ตาม การบังคับใช้ Rust อาจทำให้การ build ซับซ้อนขึ้น และอาจไม่สามารถใช้งานได้ในบางแพลตฟอร์มที่ไม่มี toolchain ของ Rust ที่เสถียร เช่น อุปกรณ์ฝังตัวหรือระบบเก่า
ข้อมูลสำคัญจากข่าว
Git อาจบังคับใช้ Rust ในเวอร์ชัน 3.0 ตามข้อเสนอ RFC โดย Patrick Steinhardt2
เป้าหมายคือการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับ Rust โดยไม่ต้องเขียนใหม่ทั้งหมด
Rust จะถูกนำมาใช้ในส่วนของ xdiff และค่อย ๆ ขยายไปยังส่วนอื่น
Rust มีข้อดีด้านความปลอดภัยของหน่วยความจำและการดูแลรักษาโค้ด
แผนการเปลี่ยนผ่านและผลกระทบ
จะมีการสร้าง CI jobs แบบ “breaking-changes” เพื่อทดสอบความเข้ากันได้
การ build Git จะต้องใช้ Rust toolchain เป็นส่วนหนึ่งของระบบ
การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลต่อการแจกจ่าย Git ในระบบที่ไม่รองรับ Rust
การใช้ Meson build system จะช่วยให้การรวม Rust เป็นไปอย่างราบรื่น
ข้อมูลเสริมจากภายนอก
Rust ถูกนำมาใช้ใน Linux kernel แล้ว และได้รับการสนับสนุนจาก Linus Torvalds
หลายโครงการโอเพ่นซอร์สเริ่มเปลี่ยนมาใช้ Rust เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพ
Git 3.0 ยังมีแผนเปลี่ยนมาใช้ SHA-256 เป็นค่าแฮชเริ่มต้นแทน SHA-1
การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นหนึ่งในก้าวสำคัญที่สุดของ Git ตั้งแต่เริ่มต้นในปี 2005
https://news.itsfoss.com/git-3-rust/
🦀 “Git 3.0 อาจบังคับใช้ Rust — เมื่อระบบควบคุมเวอร์ชันระดับโลกเตรียมเปลี่ยนแกนหลักจาก C สู่ยุคใหม่แห่งความปลอดภัย”
Git ซึ่งเป็นระบบควบคุมเวอร์ชันแบบกระจายที่ใช้กันทั่วโลก ตั้งแต่โครงการโอเพ่นซอร์สไปจนถึงซอฟต์แวร์ระดับองค์กร กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี โดยในเดือนกันยายน 2025 มีการเสนอ RFC (Request for Comments) โดย Patrick Steinhardt เพื่อเตรียมให้ Rust กลายเป็นภาษาบังคับใน Git เวอร์ชัน 3.0 ที่จะมาถึงในอนาคต
เป้าหมายของ RFC นี้ไม่ใช่การเขียน Git ใหม่ทั้งหมดด้วย Rust แต่เป็นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานและเวิร์กโฟลว์ที่รองรับการพัฒนาใน Rust ได้อย่างมั่นใจ โดยเริ่มจากการแยกส่วนของ xdiff และค่อย ๆ เพิ่มการใช้งาน Rust เข้าไปในระบบอย่างเป็นขั้นตอน
เหตุผลหลักคือ Rust มีระบบจัดการหน่วยความจำที่ปลอดภัยกว่า C ซึ่งช่วยลดบั๊กประเภท memory corruption ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มความสามารถในการดูแลรักษาโค้ดในระยะยาว อย่างไรก็ตาม การบังคับใช้ Rust อาจทำให้การ build ซับซ้อนขึ้น และอาจไม่สามารถใช้งานได้ในบางแพลตฟอร์มที่ไม่มี toolchain ของ Rust ที่เสถียร เช่น อุปกรณ์ฝังตัวหรือระบบเก่า
✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว
➡️ Git อาจบังคับใช้ Rust ในเวอร์ชัน 3.0 ตามข้อเสนอ RFC โดย Patrick Steinhardt2
➡️ เป้าหมายคือการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับ Rust โดยไม่ต้องเขียนใหม่ทั้งหมด
➡️ Rust จะถูกนำมาใช้ในส่วนของ xdiff และค่อย ๆ ขยายไปยังส่วนอื่น
➡️ Rust มีข้อดีด้านความปลอดภัยของหน่วยความจำและการดูแลรักษาโค้ด
✅ แผนการเปลี่ยนผ่านและผลกระทบ
➡️ จะมีการสร้าง CI jobs แบบ “breaking-changes” เพื่อทดสอบความเข้ากันได้
➡️ การ build Git จะต้องใช้ Rust toolchain เป็นส่วนหนึ่งของระบบ
➡️ การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลต่อการแจกจ่าย Git ในระบบที่ไม่รองรับ Rust
➡️ การใช้ Meson build system จะช่วยให้การรวม Rust เป็นไปอย่างราบรื่น
✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก
➡️ Rust ถูกนำมาใช้ใน Linux kernel แล้ว และได้รับการสนับสนุนจาก Linus Torvalds
➡️ หลายโครงการโอเพ่นซอร์สเริ่มเปลี่ยนมาใช้ Rust เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพ
➡️ Git 3.0 ยังมีแผนเปลี่ยนมาใช้ SHA-256 เป็นค่าแฮชเริ่มต้นแทน SHA-1
➡️ การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นหนึ่งในก้าวสำคัญที่สุดของ Git ตั้งแต่เริ่มต้นในปี 2005
https://news.itsfoss.com/git-3-rust/
