Windows NT 3.5: จุดเปลี่ยนที่ทำให้ Microsoft ก้าวสู่โลกองค์กร — จาก “Daytona” สู่รากฐานของ Windows ยุคใหม่

ย้อนกลับไปเมื่อ 31 ปีก่อน วันที่ 21 กันยายน 1994 Microsoft ได้เปิดตัว Windows NT 3.5 ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่เปลี่ยนภาพลักษณ์ของ Windows จากระบบสำหรับผู้ใช้ทั่วไป สู่ระบบปฏิบัติการที่องค์กรเริ่มให้ความสนใจอย่างจริงจัง โดยใช้โค้ดเนมว่า “Daytona” เพื่อสื่อถึงความเร็วและประสิทธิภาพที่เหนือกว่าเวอร์ชันก่อนหน้า

Windows NT 3.5 ถูกออกแบบใหม่จากรากฐาน โดยทีมของ Dave Cutler ที่เคยพัฒนา VMS จาก DEC ได้สร้างระบบ fully 32-bit พร้อม kernel แบบ hybrid, memory protection และ preemptive multitasking ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ระบบปฏิบัติการระดับองค์กรต้องการในยุคนั้น

แม้หน้าตาจะยังคล้าย Windows 3.1 ด้วย Program Manager และ File Manager แบบเดิม แต่ภายใน NT 3.5 ได้ปรับปรุงระบบเครือข่ายครั้งใหญ่ เช่น TCP/IP stack ที่เขียนใหม่ทั้งหมด พร้อม Winsock, FTP, Telnet และ Remote Access Service ทำให้สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้อย่างมีประสิทธิภาพในยุคที่อินเทอร์เน็ตเพิ่งเริ่มเข้าสู่สาธารณะ

ที่สำคัญ NT 3.5 ไม่ได้จำกัดอยู่แค่สถาปัตยกรรม x86 แต่ยังรองรับ MIPS, Alpha และ PowerPC ผ่านระบบ HAL (Hardware Abstraction Layer) ซึ่งเป็นแนวคิดล้ำยุคในตอนนั้น และกลายเป็นรากฐานของความสามารถ cross-platform ใน Windows ยุคหลัง

แม้จะยังไม่เหมาะกับโน้ตบุ๊กในยุคนั้นเพราะขาด driver สำหรับ PCMCIA และต้องการ RAM สูงกว่ามาตรฐานทั่วไป แต่ NT 3.5 ก็ได้รับการยอมรับในฐานะระบบที่ “จริงจัง” และเป็นจุดเริ่มต้นของสาย Windows NT ที่นำไปสู่ Windows 2000, XP และ Windows 11 ในปัจจุบัน

Windows NT 3.5 เปิดตัวเมื่อ 21 กันยายน 1994
ใช้โค้ดเนม “Daytona” เพื่อสื่อถึงความเร็วและประสิทธิภาพ
เป็นเวอร์ชันที่เปลี่ยน NT จากแนวคิดสู่ผลิตภัณฑ์จริง

พัฒนาโดยทีมของ Dave Cutler จาก DEC
ใช้สถาปัตยกรรม fully 32-bit / kernel แบบ hybrid
มี memory protection และ preemptive multitasking

ปรับปรุงระบบเครือข่ายครั้งใหญ่
TCP/IP stack ใหม่ / Winsock / FTP / Telnet / RAS
รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในยุคเริ่มต้น

รองรับหลายสถาปัตยกรรมผ่าน HAL
x86, MIPS, Alpha, PowerPC
แนวคิด cross-platform ที่นำไปสู่ Windows ยุคใหม่

มีสองรุ่น: Workstation และ Server
Workstation รองรับผู้ใช้พร้อมกัน 10 คน / ไม่รองรับ Mac
Server รองรับฟีเจอร์เครือข่ายเต็มรูปแบบ

เป็นรากฐานของ Windows XP และ Windows 11
NT 3.5 ปูทางสู่ NT 4.0, Windows 2000 และ XP
โค้ดเบส NT ยังคงใช้ใน Windows 11 ปัจจุบัน

https://www.tomshardware.com/software/windows/microsofts-pivotal-windows-nt-3-5-release-made-it-a-serious-contender-31-years-ago-today
📰 Windows NT 3.5: จุดเปลี่ยนที่ทำให้ Microsoft ก้าวสู่โลกองค์กร — จาก “Daytona” สู่รากฐานของ Windows ยุคใหม่ ย้อนกลับไปเมื่อ 31 ปีก่อน วันที่ 21 กันยายน 1994 Microsoft ได้เปิดตัว Windows NT 3.5 ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่เปลี่ยนภาพลักษณ์ของ Windows จากระบบสำหรับผู้ใช้ทั่วไป สู่ระบบปฏิบัติการที่องค์กรเริ่มให้ความสนใจอย่างจริงจัง โดยใช้โค้ดเนมว่า “Daytona” เพื่อสื่อถึงความเร็วและประสิทธิภาพที่เหนือกว่าเวอร์ชันก่อนหน้า Windows NT 3.5 ถูกออกแบบใหม่จากรากฐาน โดยทีมของ Dave Cutler ที่เคยพัฒนา VMS จาก DEC ได้สร้างระบบ fully 32-bit พร้อม kernel แบบ hybrid, memory protection และ preemptive multitasking ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ระบบปฏิบัติการระดับองค์กรต้องการในยุคนั้น แม้หน้าตาจะยังคล้าย Windows 3.1 ด้วย Program Manager และ File Manager แบบเดิม แต่ภายใน NT 3.5 ได้ปรับปรุงระบบเครือข่ายครั้งใหญ่ เช่น TCP/IP stack ที่เขียนใหม่ทั้งหมด พร้อม Winsock, FTP, Telnet และ Remote Access Service ทำให้สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้อย่างมีประสิทธิภาพในยุคที่อินเทอร์เน็ตเพิ่งเริ่มเข้าสู่สาธารณะ ที่สำคัญ NT 3.5 ไม่ได้จำกัดอยู่แค่สถาปัตยกรรม x86 แต่ยังรองรับ MIPS, Alpha และ PowerPC ผ่านระบบ HAL (Hardware Abstraction Layer) ซึ่งเป็นแนวคิดล้ำยุคในตอนนั้น และกลายเป็นรากฐานของความสามารถ cross-platform ใน Windows ยุคหลัง แม้จะยังไม่เหมาะกับโน้ตบุ๊กในยุคนั้นเพราะขาด driver สำหรับ PCMCIA และต้องการ RAM สูงกว่ามาตรฐานทั่วไป แต่ NT 3.5 ก็ได้รับการยอมรับในฐานะระบบที่ “จริงจัง” และเป็นจุดเริ่มต้นของสาย Windows NT ที่นำไปสู่ Windows 2000, XP และ Windows 11 ในปัจจุบัน ✅ Windows NT 3.5 เปิดตัวเมื่อ 21 กันยายน 1994 ➡️ ใช้โค้ดเนม “Daytona” เพื่อสื่อถึงความเร็วและประสิทธิภาพ ➡️ เป็นเวอร์ชันที่เปลี่ยน NT จากแนวคิดสู่ผลิตภัณฑ์จริง ✅ พัฒนาโดยทีมของ Dave Cutler จาก DEC ➡️ ใช้สถาปัตยกรรม fully 32-bit / kernel แบบ hybrid ➡️ มี memory protection และ preemptive multitasking ✅ ปรับปรุงระบบเครือข่ายครั้งใหญ่ ➡️ TCP/IP stack ใหม่ / Winsock / FTP / Telnet / RAS ➡️ รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในยุคเริ่มต้น ✅ รองรับหลายสถาปัตยกรรมผ่าน HAL ➡️ x86, MIPS, Alpha, PowerPC ➡️ แนวคิด cross-platform ที่นำไปสู่ Windows ยุคใหม่ ✅ มีสองรุ่น: Workstation และ Server ➡️ Workstation รองรับผู้ใช้พร้อมกัน 10 คน / ไม่รองรับ Mac ➡️ Server รองรับฟีเจอร์เครือข่ายเต็มรูปแบบ ✅ เป็นรากฐานของ Windows XP และ Windows 11 ➡️ NT 3.5 ปูทางสู่ NT 4.0, Windows 2000 และ XP ➡️ โค้ดเบส NT ยังคงใช้ใน Windows 11 ปัจจุบัน https://www.tomshardware.com/software/windows/microsofts-pivotal-windows-nt-3-5-release-made-it-a-serious-contender-31-years-ago-today
WWW.TOMSHARDWARE.COM
Microsoft’s pivotal Windows NT 3.5 release made it a serious contender, 31 years ago today
'Daytona' tuned, trimmed, and accelerated Microsoft's clean-slate fully-32-bit OS.
0 Comments 0 Shares 31 Views 0 Reviews