Wasm 3.0 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ — ยกระดับ WebAssembly สู่ยุคใหม่ของการพัฒนาแอปพลิเคชันข้ามแพลตฟอร์ม
หลังจากใช้เวลาพัฒนานานกว่า 6 ปี ในที่สุด WebAssembly หรือ Wasm ก็เปิดตัวเวอร์ชัน 3.0 อย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025 โดยถือเป็นการอัปเดตครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่เริ่มมีมาตรฐานนี้ จุดเด่นของ Wasm 3.0 คือการเพิ่มฟีเจอร์ที่ทำให้สามารถรองรับแอปพลิเคชันขนาดใหญ่ขึ้น มีความปลอดภัยมากขึ้น และสามารถเขียนโปรแกรมในระดับสูงได้ง่ายขึ้น โดยยังคงรักษาแนวคิด “low-level but portable” ไว้อย่างเหนียวแน่น
หนึ่งในฟีเจอร์ที่โดดเด่นคือการรองรับหน่วยความจำแบบ 64 บิต ซึ่งขยายขีดจำกัดจากเดิม 4GB เป็นสูงสุด 16 exabytes (ในทางทฤษฎี) แม้ว่าเบราว์เซอร์จะยังจำกัดไว้ที่ 16GB แต่ในระบบนอกเว็บ เช่น edge computing หรือ serverless ก็สามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ขนาดมหาศาลนี้ได้เต็มที่
นอกจากนี้ Wasm 3.0 ยังเพิ่มการรองรับ garbage collection แบบ low-level, การจัดการ memory หลายชุดในโมดูลเดียว, การเรียกฟังก์ชันแบบ tail call, การจัดการ exception แบบ native, และการใช้ reference types ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการกำหนดพฤติกรรมแบบ deterministic เพื่อรองรับระบบที่ต้องการผลลัพธ์ซ้ำได้ เช่น blockchain
จากการทดสอบประสิทธิภาพล่าสุด พบว่า Rust สามารถคอมไพล์เป็น Wasm 3.0 ได้เร็วกว่า C++ และให้ขนาดไฟล์เล็กกว่า โดย Rust ใช้เวลาเพียง 4.2 วินาทีและได้ไฟล์ขนาด 76KB ขณะที่ C++ ใช้เวลา 6.8 วินาทีและได้ไฟล์ขนาด 92KB
Wasm 3.0 เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025
เป็นการอัปเดตครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ WebAssembly
พัฒนาโดย W3C Community Group และ Working Group
รองรับหน่วยความจำแบบ 64 บิต
ขยายขีดจำกัดจาก 4GB เป็นสูงสุด 16 exabytes
บนเว็บยังจำกัดไว้ที่ 16GB แต่ระบบนอกเว็บสามารถใช้ได้เต็มที่
รองรับ multiple memories ในโมดูลเดียว
สามารถประกาศและเข้าถึง memory หลายชุดได้โดยตรง
รองรับการคัดลอกข้อมูลระหว่าง memory ได้ทันที
เพิ่มระบบ garbage collection แบบ low-level
ใช้ struct และ array types เพื่อจัดการหน่วยความจำ
ไม่มี object system หรือ closure ฝังในตัว เพื่อไม่ให้เอนเอียงกับภาษาใด
รองรับ typed references และ call_ref
ป้องกันการเรียกฟังก์ชันผิดประเภท
ลดการตรวจสอบ runtime และเพิ่มความปลอดภัย
รองรับ tail calls และ exception handling แบบ native
tail call ช่วยลดการใช้ stack
exception สามารถ throw และ catch ได้ภายใน Wasm โดยไม่ต้องพึ่ง JavaScript
เพิ่ม relaxed vector instructions และ deterministic profile
relaxed SIMD ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพบนฮาร์ดแวร์ต่างกัน
deterministic profile ทำให้ผลลัพธ์ซ้ำได้ในระบบที่ต้องการความแม่นยำ
รองรับ custom annotation syntax และ JS string builtins
เพิ่มความสามารถในการสื่อสารระหว่าง Wasm กับ JavaScript
รองรับการจัดการ string จาก JS โดยตรงใน Wasm
ประสิทธิภาพของ Wasm 3.0 ดีขึ้นอย่างชัดเจน
Rust คอมไพล์เร็วกว่า C++ และได้ไฟล์ขนาดเล็กกว่า
รองรับการเข้าถึง DOM โดยตรงจาก Wasm โดยไม่ต้องผ่าน JS
https://webassembly.org/news/2025-09-17-wasm-3.0/
หลังจากใช้เวลาพัฒนานานกว่า 6 ปี ในที่สุด WebAssembly หรือ Wasm ก็เปิดตัวเวอร์ชัน 3.0 อย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025 โดยถือเป็นการอัปเดตครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่เริ่มมีมาตรฐานนี้ จุดเด่นของ Wasm 3.0 คือการเพิ่มฟีเจอร์ที่ทำให้สามารถรองรับแอปพลิเคชันขนาดใหญ่ขึ้น มีความปลอดภัยมากขึ้น และสามารถเขียนโปรแกรมในระดับสูงได้ง่ายขึ้น โดยยังคงรักษาแนวคิด “low-level but portable” ไว้อย่างเหนียวแน่น
หนึ่งในฟีเจอร์ที่โดดเด่นคือการรองรับหน่วยความจำแบบ 64 บิต ซึ่งขยายขีดจำกัดจากเดิม 4GB เป็นสูงสุด 16 exabytes (ในทางทฤษฎี) แม้ว่าเบราว์เซอร์จะยังจำกัดไว้ที่ 16GB แต่ในระบบนอกเว็บ เช่น edge computing หรือ serverless ก็สามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ขนาดมหาศาลนี้ได้เต็มที่
นอกจากนี้ Wasm 3.0 ยังเพิ่มการรองรับ garbage collection แบบ low-level, การจัดการ memory หลายชุดในโมดูลเดียว, การเรียกฟังก์ชันแบบ tail call, การจัดการ exception แบบ native, และการใช้ reference types ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการกำหนดพฤติกรรมแบบ deterministic เพื่อรองรับระบบที่ต้องการผลลัพธ์ซ้ำได้ เช่น blockchain
จากการทดสอบประสิทธิภาพล่าสุด พบว่า Rust สามารถคอมไพล์เป็น Wasm 3.0 ได้เร็วกว่า C++ และให้ขนาดไฟล์เล็กกว่า โดย Rust ใช้เวลาเพียง 4.2 วินาทีและได้ไฟล์ขนาด 76KB ขณะที่ C++ ใช้เวลา 6.8 วินาทีและได้ไฟล์ขนาด 92KB
Wasm 3.0 เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025
เป็นการอัปเดตครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ WebAssembly
พัฒนาโดย W3C Community Group และ Working Group
รองรับหน่วยความจำแบบ 64 บิต
ขยายขีดจำกัดจาก 4GB เป็นสูงสุด 16 exabytes
บนเว็บยังจำกัดไว้ที่ 16GB แต่ระบบนอกเว็บสามารถใช้ได้เต็มที่
รองรับ multiple memories ในโมดูลเดียว
สามารถประกาศและเข้าถึง memory หลายชุดได้โดยตรง
รองรับการคัดลอกข้อมูลระหว่าง memory ได้ทันที
เพิ่มระบบ garbage collection แบบ low-level
ใช้ struct และ array types เพื่อจัดการหน่วยความจำ
ไม่มี object system หรือ closure ฝังในตัว เพื่อไม่ให้เอนเอียงกับภาษาใด
รองรับ typed references และ call_ref
ป้องกันการเรียกฟังก์ชันผิดประเภท
ลดการตรวจสอบ runtime และเพิ่มความปลอดภัย
รองรับ tail calls และ exception handling แบบ native
tail call ช่วยลดการใช้ stack
exception สามารถ throw และ catch ได้ภายใน Wasm โดยไม่ต้องพึ่ง JavaScript
เพิ่ม relaxed vector instructions และ deterministic profile
relaxed SIMD ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพบนฮาร์ดแวร์ต่างกัน
deterministic profile ทำให้ผลลัพธ์ซ้ำได้ในระบบที่ต้องการความแม่นยำ
รองรับ custom annotation syntax และ JS string builtins
เพิ่มความสามารถในการสื่อสารระหว่าง Wasm กับ JavaScript
รองรับการจัดการ string จาก JS โดยตรงใน Wasm
ประสิทธิภาพของ Wasm 3.0 ดีขึ้นอย่างชัดเจน
Rust คอมไพล์เร็วกว่า C++ และได้ไฟล์ขนาดเล็กกว่า
รองรับการเข้าถึง DOM โดยตรงจาก Wasm โดยไม่ต้องผ่าน JS
https://webassembly.org/news/2025-09-17-wasm-3.0/
📰 Wasm 3.0 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ — ยกระดับ WebAssembly สู่ยุคใหม่ของการพัฒนาแอปพลิเคชันข้ามแพลตฟอร์ม
หลังจากใช้เวลาพัฒนานานกว่า 6 ปี ในที่สุด WebAssembly หรือ Wasm ก็เปิดตัวเวอร์ชัน 3.0 อย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025 โดยถือเป็นการอัปเดตครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่เริ่มมีมาตรฐานนี้ จุดเด่นของ Wasm 3.0 คือการเพิ่มฟีเจอร์ที่ทำให้สามารถรองรับแอปพลิเคชันขนาดใหญ่ขึ้น มีความปลอดภัยมากขึ้น และสามารถเขียนโปรแกรมในระดับสูงได้ง่ายขึ้น โดยยังคงรักษาแนวคิด “low-level but portable” ไว้อย่างเหนียวแน่น
หนึ่งในฟีเจอร์ที่โดดเด่นคือการรองรับหน่วยความจำแบบ 64 บิต ซึ่งขยายขีดจำกัดจากเดิม 4GB เป็นสูงสุด 16 exabytes (ในทางทฤษฎี) แม้ว่าเบราว์เซอร์จะยังจำกัดไว้ที่ 16GB แต่ในระบบนอกเว็บ เช่น edge computing หรือ serverless ก็สามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ขนาดมหาศาลนี้ได้เต็มที่
นอกจากนี้ Wasm 3.0 ยังเพิ่มการรองรับ garbage collection แบบ low-level, การจัดการ memory หลายชุดในโมดูลเดียว, การเรียกฟังก์ชันแบบ tail call, การจัดการ exception แบบ native, และการใช้ reference types ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการกำหนดพฤติกรรมแบบ deterministic เพื่อรองรับระบบที่ต้องการผลลัพธ์ซ้ำได้ เช่น blockchain
จากการทดสอบประสิทธิภาพล่าสุด พบว่า Rust สามารถคอมไพล์เป็น Wasm 3.0 ได้เร็วกว่า C++ และให้ขนาดไฟล์เล็กกว่า โดย Rust ใช้เวลาเพียง 4.2 วินาทีและได้ไฟล์ขนาด 76KB ขณะที่ C++ ใช้เวลา 6.8 วินาทีและได้ไฟล์ขนาด 92KB
✅ Wasm 3.0 เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025
➡️ เป็นการอัปเดตครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ WebAssembly
➡️ พัฒนาโดย W3C Community Group และ Working Group
✅ รองรับหน่วยความจำแบบ 64 บิต
➡️ ขยายขีดจำกัดจาก 4GB เป็นสูงสุด 16 exabytes
➡️ บนเว็บยังจำกัดไว้ที่ 16GB แต่ระบบนอกเว็บสามารถใช้ได้เต็มที่
✅ รองรับ multiple memories ในโมดูลเดียว
➡️ สามารถประกาศและเข้าถึง memory หลายชุดได้โดยตรง
➡️ รองรับการคัดลอกข้อมูลระหว่าง memory ได้ทันที
✅ เพิ่มระบบ garbage collection แบบ low-level
➡️ ใช้ struct และ array types เพื่อจัดการหน่วยความจำ
➡️ ไม่มี object system หรือ closure ฝังในตัว เพื่อไม่ให้เอนเอียงกับภาษาใด
✅ รองรับ typed references และ call_ref
➡️ ป้องกันการเรียกฟังก์ชันผิดประเภท
➡️ ลดการตรวจสอบ runtime และเพิ่มความปลอดภัย
✅ รองรับ tail calls และ exception handling แบบ native
➡️ tail call ช่วยลดการใช้ stack
➡️ exception สามารถ throw และ catch ได้ภายใน Wasm โดยไม่ต้องพึ่ง JavaScript
✅ เพิ่ม relaxed vector instructions และ deterministic profile
➡️ relaxed SIMD ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพบนฮาร์ดแวร์ต่างกัน
➡️ deterministic profile ทำให้ผลลัพธ์ซ้ำได้ในระบบที่ต้องการความแม่นยำ
✅ รองรับ custom annotation syntax และ JS string builtins
➡️ เพิ่มความสามารถในการสื่อสารระหว่าง Wasm กับ JavaScript
➡️ รองรับการจัดการ string จาก JS โดยตรงใน Wasm
✅ ประสิทธิภาพของ Wasm 3.0 ดีขึ้นอย่างชัดเจน
➡️ Rust คอมไพล์เร็วกว่า C++ และได้ไฟล์ขนาดเล็กกว่า
➡️ รองรับการเข้าถึง DOM โดยตรงจาก Wasm โดยไม่ต้องผ่าน JS
https://webassembly.org/news/2025-09-17-wasm-3.0/
0 Comments
0 Shares
39 Views
0 Reviews