เรื่องเล่าจาก Mint 22.2 ถึง LMDE 7: เมื่อ Debian กลายเป็นฐานใหม่ของ Linux Mint ที่ไม่ใช่แค่สำรอง แต่พร้อมใช้งานจริง
หลังจากปล่อย Linux Mint 22.2 “Zara” ไปเมื่อต้นเดือนกันยายน ทีมพัฒนา Linux Mint ก็หันมาโฟกัสกับ LMDE 7 (Linux Mint Debian Edition) ซึ่งจะใช้ Debian 13 “Trixie” เป็นฐานหลัก โดยมีโค้ดเนมว่า “Gigi” และจะเปิดให้ทดสอบเวอร์ชันเบต้าในเดือนกันยายนนี้
LMDE 7 จะนำฟีเจอร์ทั้งหมดจาก Mint 22.2 มาใช้ เช่น เมนูแอปใหม่ใน Cinnamon, applet สถานะใหม่, และการรองรับ Wayland สำหรับการจัดการคีย์บอร์ดและ input method ซึ่งเป็นก้าวสำคัญสำหรับการรองรับภาษาเอเชียและระบบที่ไม่ใช้ X11
ที่สำคัญคือ LMDE 7 จะรองรับการติดตั้งแบบ OEM อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งหมายความว่าผู้ผลิตคอมพิวเตอร์สามารถติดตั้ง Linux Mint ล่วงหน้าในเครื่องที่ขายได้ทันที—เป็นฟีเจอร์ที่เคยมีเฉพาะใน Mint รุ่นหลักที่ใช้ Ubuntu เท่านั้น
แม้ LMDE 7 จะใช้ Linux Kernel 6.12 LTS จาก Debian แทนที่จะเป็น Kernel 6.14 ที่ใช้ใน Mint 22.2 แต่ก็ถือว่าเป็นรุ่นที่เสถียรและรองรับระยะยาว
นอกจากนี้ ทีมพัฒนายังปรับ libadwaita จากเวอร์ชัน 1.5 ไปเป็น 1.7 พร้อมแพตช์ที่จำเป็นเพื่อให้ Cinnamon ทำงานได้อย่างราบรื่นบนฐาน Debian
ในขณะเดียวกัน Linux Mint 22.3 ซึ่งจะใช้ Ubuntu 24.04 LTS “Noble Numbat” เป็นฐาน ก็ถูกวางแผนไว้ว่าจะเปิดตัวในเดือนธันวาคม 2025 โดยจะมาพร้อมเมนูแอปใหม่, applet สถานะใหม่ และการปรับปรุง Wayland เพิ่มเติม
LMDE 7 บนฐาน Debian 13 “Trixie”
ใช้โค้ดเนม “Gigi” และเปิดเบต้าในเดือนกันยายน 2025
นำฟีเจอร์จาก Mint 22.2 มาใช้เต็มรูปแบบ
ใช้ Linux Kernel 6.12 LTS จาก Debian แทน Kernel 6.14
ฟีเจอร์ใหม่ที่รวมเข้ามา
เมนูแอปใหม่ใน Cinnamon และ applet สถานะใหม่
รองรับ Wayland สำหรับคีย์บอร์ดและ input method
ปรับ libadwaita จากเวอร์ชัน 1.5 เป็น 1.7 พร้อมแพตช์
การรองรับ OEM installation
ผู้ผลิตสามารถติดตั้ง LMDE 7 ล่วงหน้าในเครื่องที่ขาย
ฟีเจอร์นี้เคยมีเฉพาะใน Mint รุ่นหลักที่ใช้ Ubuntu
ช่วยให้ Linux Mint เข้าถึงตลาดฮาร์ดแวร์ได้มากขึ้น
แผนการเปิดตัว Mint 22.3
ใช้ Ubuntu 24.04 LTS “Noble Numbat” เป็นฐาน
วางแผนเปิดตัวในเดือนธันวาคม 2025
มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่พัฒนามาตั้งแต่ต้นปี
https://9to5linux.com/lmde-7-will-be-based-on-debian-13-linux-mint-22-3-planned-for-december
หลังจากปล่อย Linux Mint 22.2 “Zara” ไปเมื่อต้นเดือนกันยายน ทีมพัฒนา Linux Mint ก็หันมาโฟกัสกับ LMDE 7 (Linux Mint Debian Edition) ซึ่งจะใช้ Debian 13 “Trixie” เป็นฐานหลัก โดยมีโค้ดเนมว่า “Gigi” และจะเปิดให้ทดสอบเวอร์ชันเบต้าในเดือนกันยายนนี้
LMDE 7 จะนำฟีเจอร์ทั้งหมดจาก Mint 22.2 มาใช้ เช่น เมนูแอปใหม่ใน Cinnamon, applet สถานะใหม่, และการรองรับ Wayland สำหรับการจัดการคีย์บอร์ดและ input method ซึ่งเป็นก้าวสำคัญสำหรับการรองรับภาษาเอเชียและระบบที่ไม่ใช้ X11
ที่สำคัญคือ LMDE 7 จะรองรับการติดตั้งแบบ OEM อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งหมายความว่าผู้ผลิตคอมพิวเตอร์สามารถติดตั้ง Linux Mint ล่วงหน้าในเครื่องที่ขายได้ทันที—เป็นฟีเจอร์ที่เคยมีเฉพาะใน Mint รุ่นหลักที่ใช้ Ubuntu เท่านั้น
แม้ LMDE 7 จะใช้ Linux Kernel 6.12 LTS จาก Debian แทนที่จะเป็น Kernel 6.14 ที่ใช้ใน Mint 22.2 แต่ก็ถือว่าเป็นรุ่นที่เสถียรและรองรับระยะยาว
นอกจากนี้ ทีมพัฒนายังปรับ libadwaita จากเวอร์ชัน 1.5 ไปเป็น 1.7 พร้อมแพตช์ที่จำเป็นเพื่อให้ Cinnamon ทำงานได้อย่างราบรื่นบนฐาน Debian
ในขณะเดียวกัน Linux Mint 22.3 ซึ่งจะใช้ Ubuntu 24.04 LTS “Noble Numbat” เป็นฐาน ก็ถูกวางแผนไว้ว่าจะเปิดตัวในเดือนธันวาคม 2025 โดยจะมาพร้อมเมนูแอปใหม่, applet สถานะใหม่ และการปรับปรุง Wayland เพิ่มเติม
LMDE 7 บนฐาน Debian 13 “Trixie”
ใช้โค้ดเนม “Gigi” และเปิดเบต้าในเดือนกันยายน 2025
นำฟีเจอร์จาก Mint 22.2 มาใช้เต็มรูปแบบ
ใช้ Linux Kernel 6.12 LTS จาก Debian แทน Kernel 6.14
ฟีเจอร์ใหม่ที่รวมเข้ามา
เมนูแอปใหม่ใน Cinnamon และ applet สถานะใหม่
รองรับ Wayland สำหรับคีย์บอร์ดและ input method
ปรับ libadwaita จากเวอร์ชัน 1.5 เป็น 1.7 พร้อมแพตช์
การรองรับ OEM installation
ผู้ผลิตสามารถติดตั้ง LMDE 7 ล่วงหน้าในเครื่องที่ขาย
ฟีเจอร์นี้เคยมีเฉพาะใน Mint รุ่นหลักที่ใช้ Ubuntu
ช่วยให้ Linux Mint เข้าถึงตลาดฮาร์ดแวร์ได้มากขึ้น
แผนการเปิดตัว Mint 22.3
ใช้ Ubuntu 24.04 LTS “Noble Numbat” เป็นฐาน
วางแผนเปิดตัวในเดือนธันวาคม 2025
มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่พัฒนามาตั้งแต่ต้นปี
https://9to5linux.com/lmde-7-will-be-based-on-debian-13-linux-mint-22-3-planned-for-december
🎙️ เรื่องเล่าจาก Mint 22.2 ถึง LMDE 7: เมื่อ Debian กลายเป็นฐานใหม่ของ Linux Mint ที่ไม่ใช่แค่สำรอง แต่พร้อมใช้งานจริง
หลังจากปล่อย Linux Mint 22.2 “Zara” ไปเมื่อต้นเดือนกันยายน ทีมพัฒนา Linux Mint ก็หันมาโฟกัสกับ LMDE 7 (Linux Mint Debian Edition) ซึ่งจะใช้ Debian 13 “Trixie” เป็นฐานหลัก โดยมีโค้ดเนมว่า “Gigi” และจะเปิดให้ทดสอบเวอร์ชันเบต้าในเดือนกันยายนนี้
LMDE 7 จะนำฟีเจอร์ทั้งหมดจาก Mint 22.2 มาใช้ เช่น เมนูแอปใหม่ใน Cinnamon, applet สถานะใหม่, และการรองรับ Wayland สำหรับการจัดการคีย์บอร์ดและ input method ซึ่งเป็นก้าวสำคัญสำหรับการรองรับภาษาเอเชียและระบบที่ไม่ใช้ X11
ที่สำคัญคือ LMDE 7 จะรองรับการติดตั้งแบบ OEM อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งหมายความว่าผู้ผลิตคอมพิวเตอร์สามารถติดตั้ง Linux Mint ล่วงหน้าในเครื่องที่ขายได้ทันที—เป็นฟีเจอร์ที่เคยมีเฉพาะใน Mint รุ่นหลักที่ใช้ Ubuntu เท่านั้น
แม้ LMDE 7 จะใช้ Linux Kernel 6.12 LTS จาก Debian แทนที่จะเป็น Kernel 6.14 ที่ใช้ใน Mint 22.2 แต่ก็ถือว่าเป็นรุ่นที่เสถียรและรองรับระยะยาว
นอกจากนี้ ทีมพัฒนายังปรับ libadwaita จากเวอร์ชัน 1.5 ไปเป็น 1.7 พร้อมแพตช์ที่จำเป็นเพื่อให้ Cinnamon ทำงานได้อย่างราบรื่นบนฐาน Debian
ในขณะเดียวกัน Linux Mint 22.3 ซึ่งจะใช้ Ubuntu 24.04 LTS “Noble Numbat” เป็นฐาน ก็ถูกวางแผนไว้ว่าจะเปิดตัวในเดือนธันวาคม 2025 โดยจะมาพร้อมเมนูแอปใหม่, applet สถานะใหม่ และการปรับปรุง Wayland เพิ่มเติม
✅ LMDE 7 บนฐาน Debian 13 “Trixie”
➡️ ใช้โค้ดเนม “Gigi” และเปิดเบต้าในเดือนกันยายน 2025
➡️ นำฟีเจอร์จาก Mint 22.2 มาใช้เต็มรูปแบบ
➡️ ใช้ Linux Kernel 6.12 LTS จาก Debian แทน Kernel 6.14
✅ ฟีเจอร์ใหม่ที่รวมเข้ามา
➡️ เมนูแอปใหม่ใน Cinnamon และ applet สถานะใหม่
➡️ รองรับ Wayland สำหรับคีย์บอร์ดและ input method
➡️ ปรับ libadwaita จากเวอร์ชัน 1.5 เป็น 1.7 พร้อมแพตช์
✅ การรองรับ OEM installation
➡️ ผู้ผลิตสามารถติดตั้ง LMDE 7 ล่วงหน้าในเครื่องที่ขาย
➡️ ฟีเจอร์นี้เคยมีเฉพาะใน Mint รุ่นหลักที่ใช้ Ubuntu
➡️ ช่วยให้ Linux Mint เข้าถึงตลาดฮาร์ดแวร์ได้มากขึ้น
✅ แผนการเปิดตัว Mint 22.3
➡️ ใช้ Ubuntu 24.04 LTS “Noble Numbat” เป็นฐาน
➡️ วางแผนเปิดตัวในเดือนธันวาคม 2025
➡️ มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่พัฒนามาตั้งแต่ต้นปี
https://9to5linux.com/lmde-7-will-be-based-on-debian-13-linux-mint-22-3-planned-for-december
0 Comments
0 Shares
25 Views
0 Reviews