“สหรัฐฯ ตั้งค่าหัว $11 ล้าน ล่าตัวแฮกเกอร์ยูเครน Volodymyr Tymoshchuk — ผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีไซเบอร์มูลค่า $18 พันล้านทั่วโลก”
Volodymyr Tymoshchuk ชายชาวยูเครนวัย 28 ปี กลายเป็นเป้าหมายอันดับต้น ๆ ของหน่วยงานความมั่นคงไซเบอร์ทั่วโลก หลังจากถูกกล่าวหาว่าเป็นหัวหน้าทีมแฮกเกอร์ที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีด้วย ransomware ชุดใหญ่ ได้แก่ MegaCortex, LockerGoga และ Nefilim ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับบริษัทกว่า 250 แห่งในสหรัฐฯ และอีกหลายร้อยแห่งทั่วโลก รวมมูลค่าความเสียหายกว่า $18 พันล้าน
หนึ่งในเหตุการณ์ที่โด่งดังที่สุดคือการโจมตีบริษัทพลังงานหมุนเวียน Norsk Hydro ในปี 2019 ซึ่งทำให้ระบบของบริษัทกว่า 170 แห่งทั่วโลกหยุดชะงัก และสร้างความเสียหายกว่า $81 ล้าน. Tymoshchuk ถูกกล่าวหาว่าใช้เครื่องมือเจาะระบบอย่าง Metasploit และ Cobalt Strike เพื่อแฝงตัวในเครือข่ายของเหยื่อเป็นเวลาหลายเดือนก่อนปล่อย ransomware
หลังจาก LockerGoga และ MegaCortex ถูกถอดรหัสโดยหน่วยงานความมั่นคง Tymoshchuk ก็หันไปพัฒนา Nefilim ซึ่งเน้นโจมตีบริษัทที่มีมูลค่ามากกว่า $100 ล้าน โดยขายสิทธิ์การเข้าถึงให้กับแฮกเกอร์รายอื่น แลกกับส่วนแบ่ง 20% จากเงินค่าไถ่ที่ได้รับ
ล่าสุด กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ได้ตั้งค่าหัว $11 ล้าน สำหรับข้อมูลที่นำไปสู่การจับกุม Tymoshchuk และเปิดเผยรายชื่อเหยื่อบางส่วนในคำฟ้องที่ถูกเปิดเผยเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2025 โดยเขาถูกตั้งข้อหาทั้งหมด 7 กระทง รวมถึงการทำลายข้อมูลโดยเจตนา การเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต และการข่มขู่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว
ข้อมูลจากข่าวการตั้งค่าหัว
สหรัฐฯ ตั้งค่าหัว $11 ล้าน สำหรับข้อมูลนำไปสู่การจับกุม Tymoshchuk
ถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลัง ransomware MegaCortex, LockerGoga และ Nefilim
สร้างความเสียหายรวมกว่า $18 พันล้านทั่วโลก
หน่วยงานที่ร่วมมือ ได้แก่ FBI, DOJ, Europol และรัฐบาลฝรั่งเศส, เยอรมนี, นอร์เวย์
รายละเอียดการโจมตี
MegaCortex เปลี่ยนรหัสผ่าน Windows และเข้ารหัสไฟล์ของเหยื่อ
LockerGoga โจมตี Norsk Hydro ทำให้ระบบกว่า 170 แห่งหยุดชะงัก
Nefilim เน้นโจมตีบริษัทมูลค่ามากกว่า $100 ล้าน และขายสิทธิ์ให้แฮกเกอร์อื่น
ใช้เครื่องมือเจาะระบบ เช่น Metasploit และ Cobalt Strike เพื่อแฝงตัวในเครือข่าย
ข้อมูลเสริมจากภายนอก
Tymoshchuk ใช้นามแฝงหลายชื่อ เช่น “deadforz”, “Boba”, “msfv”, “farnetwork”
Europol จัดให้เขาอยู่ในรายชื่อ “Most Wanted” ของยุโรป
การโจมตีบางครั้งทำให้บริษัทต้องจ่ายค่าไถ่เกิน $1 ล้านต่อครั้ง
คำฟ้องระบุว่าเขาอาจถูกลงโทษสูงสุดถึงจำคุกตลอดชีวิต หากถูกจับและตัดสินว่าผิด
คำเตือนและข้อจำกัด
Tymoshchuk ยังไม่ถูกจับ — ยังคงหลบหนีและอาจมีการโจมตีเพิ่มเติม
การโจมตีแบบแฝงตัวหลายเดือนทำให้ตรวจจับได้ยาก
บริษัทที่ถูกโจมตีมักไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจ่ายค่าไถ่
การใช้เครื่องมือเจาะระบบที่ถูกต้องตามกฎหมายในทางผิด ทำให้การป้องกันซับซ้อน
การเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของเหยื่อเป็นภัยร้ายแรงต่อความมั่นคงองค์กร
https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/u-s-places-usd11-million-bounty-on-ukrainian-ransomware-mastermind-tymoshchuk-allegedly-stole-usd18-billion-from-large-companies-over-3-years
Volodymyr Tymoshchuk ชายชาวยูเครนวัย 28 ปี กลายเป็นเป้าหมายอันดับต้น ๆ ของหน่วยงานความมั่นคงไซเบอร์ทั่วโลก หลังจากถูกกล่าวหาว่าเป็นหัวหน้าทีมแฮกเกอร์ที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีด้วย ransomware ชุดใหญ่ ได้แก่ MegaCortex, LockerGoga และ Nefilim ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับบริษัทกว่า 250 แห่งในสหรัฐฯ และอีกหลายร้อยแห่งทั่วโลก รวมมูลค่าความเสียหายกว่า $18 พันล้าน
หนึ่งในเหตุการณ์ที่โด่งดังที่สุดคือการโจมตีบริษัทพลังงานหมุนเวียน Norsk Hydro ในปี 2019 ซึ่งทำให้ระบบของบริษัทกว่า 170 แห่งทั่วโลกหยุดชะงัก และสร้างความเสียหายกว่า $81 ล้าน. Tymoshchuk ถูกกล่าวหาว่าใช้เครื่องมือเจาะระบบอย่าง Metasploit และ Cobalt Strike เพื่อแฝงตัวในเครือข่ายของเหยื่อเป็นเวลาหลายเดือนก่อนปล่อย ransomware
หลังจาก LockerGoga และ MegaCortex ถูกถอดรหัสโดยหน่วยงานความมั่นคง Tymoshchuk ก็หันไปพัฒนา Nefilim ซึ่งเน้นโจมตีบริษัทที่มีมูลค่ามากกว่า $100 ล้าน โดยขายสิทธิ์การเข้าถึงให้กับแฮกเกอร์รายอื่น แลกกับส่วนแบ่ง 20% จากเงินค่าไถ่ที่ได้รับ
ล่าสุด กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ได้ตั้งค่าหัว $11 ล้าน สำหรับข้อมูลที่นำไปสู่การจับกุม Tymoshchuk และเปิดเผยรายชื่อเหยื่อบางส่วนในคำฟ้องที่ถูกเปิดเผยเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2025 โดยเขาถูกตั้งข้อหาทั้งหมด 7 กระทง รวมถึงการทำลายข้อมูลโดยเจตนา การเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต และการข่มขู่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว
ข้อมูลจากข่าวการตั้งค่าหัว
สหรัฐฯ ตั้งค่าหัว $11 ล้าน สำหรับข้อมูลนำไปสู่การจับกุม Tymoshchuk
ถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลัง ransomware MegaCortex, LockerGoga และ Nefilim
สร้างความเสียหายรวมกว่า $18 พันล้านทั่วโลก
หน่วยงานที่ร่วมมือ ได้แก่ FBI, DOJ, Europol และรัฐบาลฝรั่งเศส, เยอรมนี, นอร์เวย์
รายละเอียดการโจมตี
MegaCortex เปลี่ยนรหัสผ่าน Windows และเข้ารหัสไฟล์ของเหยื่อ
LockerGoga โจมตี Norsk Hydro ทำให้ระบบกว่า 170 แห่งหยุดชะงัก
Nefilim เน้นโจมตีบริษัทมูลค่ามากกว่า $100 ล้าน และขายสิทธิ์ให้แฮกเกอร์อื่น
ใช้เครื่องมือเจาะระบบ เช่น Metasploit และ Cobalt Strike เพื่อแฝงตัวในเครือข่าย
ข้อมูลเสริมจากภายนอก
Tymoshchuk ใช้นามแฝงหลายชื่อ เช่น “deadforz”, “Boba”, “msfv”, “farnetwork”
Europol จัดให้เขาอยู่ในรายชื่อ “Most Wanted” ของยุโรป
การโจมตีบางครั้งทำให้บริษัทต้องจ่ายค่าไถ่เกิน $1 ล้านต่อครั้ง
คำฟ้องระบุว่าเขาอาจถูกลงโทษสูงสุดถึงจำคุกตลอดชีวิต หากถูกจับและตัดสินว่าผิด
คำเตือนและข้อจำกัด
Tymoshchuk ยังไม่ถูกจับ — ยังคงหลบหนีและอาจมีการโจมตีเพิ่มเติม
การโจมตีแบบแฝงตัวหลายเดือนทำให้ตรวจจับได้ยาก
บริษัทที่ถูกโจมตีมักไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจ่ายค่าไถ่
การใช้เครื่องมือเจาะระบบที่ถูกต้องตามกฎหมายในทางผิด ทำให้การป้องกันซับซ้อน
การเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของเหยื่อเป็นภัยร้ายแรงต่อความมั่นคงองค์กร
https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/u-s-places-usd11-million-bounty-on-ukrainian-ransomware-mastermind-tymoshchuk-allegedly-stole-usd18-billion-from-large-companies-over-3-years
🕵️♂️ “สหรัฐฯ ตั้งค่าหัว $11 ล้าน ล่าตัวแฮกเกอร์ยูเครน Volodymyr Tymoshchuk — ผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีไซเบอร์มูลค่า $18 พันล้านทั่วโลก”
Volodymyr Tymoshchuk ชายชาวยูเครนวัย 28 ปี กลายเป็นเป้าหมายอันดับต้น ๆ ของหน่วยงานความมั่นคงไซเบอร์ทั่วโลก หลังจากถูกกล่าวหาว่าเป็นหัวหน้าทีมแฮกเกอร์ที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีด้วย ransomware ชุดใหญ่ ได้แก่ MegaCortex, LockerGoga และ Nefilim ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับบริษัทกว่า 250 แห่งในสหรัฐฯ และอีกหลายร้อยแห่งทั่วโลก รวมมูลค่าความเสียหายกว่า $18 พันล้าน
หนึ่งในเหตุการณ์ที่โด่งดังที่สุดคือการโจมตีบริษัทพลังงานหมุนเวียน Norsk Hydro ในปี 2019 ซึ่งทำให้ระบบของบริษัทกว่า 170 แห่งทั่วโลกหยุดชะงัก และสร้างความเสียหายกว่า $81 ล้าน. Tymoshchuk ถูกกล่าวหาว่าใช้เครื่องมือเจาะระบบอย่าง Metasploit และ Cobalt Strike เพื่อแฝงตัวในเครือข่ายของเหยื่อเป็นเวลาหลายเดือนก่อนปล่อย ransomware
หลังจาก LockerGoga และ MegaCortex ถูกถอดรหัสโดยหน่วยงานความมั่นคง Tymoshchuk ก็หันไปพัฒนา Nefilim ซึ่งเน้นโจมตีบริษัทที่มีมูลค่ามากกว่า $100 ล้าน โดยขายสิทธิ์การเข้าถึงให้กับแฮกเกอร์รายอื่น แลกกับส่วนแบ่ง 20% จากเงินค่าไถ่ที่ได้รับ
ล่าสุด กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ได้ตั้งค่าหัว $11 ล้าน สำหรับข้อมูลที่นำไปสู่การจับกุม Tymoshchuk และเปิดเผยรายชื่อเหยื่อบางส่วนในคำฟ้องที่ถูกเปิดเผยเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2025 โดยเขาถูกตั้งข้อหาทั้งหมด 7 กระทง รวมถึงการทำลายข้อมูลโดยเจตนา การเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต และการข่มขู่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว
✅ ข้อมูลจากข่าวการตั้งค่าหัว
➡️ สหรัฐฯ ตั้งค่าหัว $11 ล้าน สำหรับข้อมูลนำไปสู่การจับกุม Tymoshchuk
➡️ ถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลัง ransomware MegaCortex, LockerGoga และ Nefilim
➡️ สร้างความเสียหายรวมกว่า $18 พันล้านทั่วโลก
➡️ หน่วยงานที่ร่วมมือ ได้แก่ FBI, DOJ, Europol และรัฐบาลฝรั่งเศส, เยอรมนี, นอร์เวย์
✅ รายละเอียดการโจมตี
➡️ MegaCortex เปลี่ยนรหัสผ่าน Windows และเข้ารหัสไฟล์ของเหยื่อ
➡️ LockerGoga โจมตี Norsk Hydro ทำให้ระบบกว่า 170 แห่งหยุดชะงัก
➡️ Nefilim เน้นโจมตีบริษัทมูลค่ามากกว่า $100 ล้าน และขายสิทธิ์ให้แฮกเกอร์อื่น
➡️ ใช้เครื่องมือเจาะระบบ เช่น Metasploit และ Cobalt Strike เพื่อแฝงตัวในเครือข่าย
✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก
➡️ Tymoshchuk ใช้นามแฝงหลายชื่อ เช่น “deadforz”, “Boba”, “msfv”, “farnetwork”
➡️ Europol จัดให้เขาอยู่ในรายชื่อ “Most Wanted” ของยุโรป
➡️ การโจมตีบางครั้งทำให้บริษัทต้องจ่ายค่าไถ่เกิน $1 ล้านต่อครั้ง
➡️ คำฟ้องระบุว่าเขาอาจถูกลงโทษสูงสุดถึงจำคุกตลอดชีวิต หากถูกจับและตัดสินว่าผิด
‼️ คำเตือนและข้อจำกัด
⛔ Tymoshchuk ยังไม่ถูกจับ — ยังคงหลบหนีและอาจมีการโจมตีเพิ่มเติม
⛔ การโจมตีแบบแฝงตัวหลายเดือนทำให้ตรวจจับได้ยาก
⛔ บริษัทที่ถูกโจมตีมักไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจ่ายค่าไถ่
⛔ การใช้เครื่องมือเจาะระบบที่ถูกต้องตามกฎหมายในทางผิด ทำให้การป้องกันซับซ้อน
⛔ การเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของเหยื่อเป็นภัยร้ายแรงต่อความมั่นคงองค์กร
https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/u-s-places-usd11-million-bounty-on-ukrainian-ransomware-mastermind-tymoshchuk-allegedly-stole-usd18-billion-from-large-companies-over-3-years
0 Comments
0 Shares
33 Views
0 Reviews