เรื่องเล่าจากแกนกลวง: เมื่อสายเคเบิลที่ไม่มีแก้วกลายเป็นตัวเร่งความเร็วของยุค AI
หลังจากที่โลกใช้สายไฟเบอร์แก้วนำแสงมานานกว่า 40 ปี โดยมีขีดจำกัดการสูญเสียสัญญาณอยู่ที่ ~0.14 dB/km ทีมวิจัยจาก Lumenisity ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Microsoft ได้สร้างสายเคเบิลแบบใหม่ที่เรียกว่า “double nested antiresonant nodeless fiber” หรือ DNANF ซึ่งใช้แกนกลางเป็นอากาศแทนแก้ว และสามารถลดการสูญเสียสัญญาณลงเหลือเพียง 0.091 dB/km
เทคโนโลยีนี้ใช้โครงสร้างแก้วบางระดับไมครอนล้อมรอบแกนอากาศ ทำหน้าที่เหมือนกระจกสะท้อนแสงกลับเข้าสู่แกนกลาง และลดการกระจายของคลื่นแสงที่ไม่ต้องการ ผลลัพธ์คือสายเคเบิลที่เร็วขึ้น (เพราะแสงเดินทางในอากาศเร็วกว่าในแก้ว) และสูญเสียพลังงานน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ
Microsoft ได้ติดตั้งสายเคเบิลนี้จริงแล้วกว่า 1,200 กิโลเมตรในเครือข่าย Azure และประกาศว่าจะขยายอีก 15,000 กิโลเมตรภายในสองปี เพื่อรองรับการเชื่อมต่อ AI ที่ต้องการ latency ต่ำและ bandwidth สูง
นอกจากการลดการสูญเสียสัญญาณแล้ว DNANF ยังมี chromatic dispersion ต่ำกว่าฟิเบอร์แก้วถึง 7 เท่า ซึ่งช่วยให้การออกแบบ transceiver ง่ายขึ้น และลดการใช้พลังงานในอุปกรณ์เครือข่าย
Francesco Poletti ผู้ร่วมออกแบบเทคโนโลยีนี้ระบุว่า การลดการสูญเสียสัญญาณลงระดับนี้จะช่วยให้สามารถ “ข้ามสถานีขยายสัญญาณได้หนึ่งในทุกสองหรือสามจุด” ซึ่งลดทั้งต้นทุนการติดตั้งและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของ DNANF
ใช้โครงสร้างแก้วบางล้อมรอบแกนอากาศเพื่อสะท้อนแสงกลับ
ลดการสูญเสียสัญญาณเหลือเพียง 0.091 dB/km ต่ำกว่าฟิเบอร์แก้วเดิม
ลด chromatic dispersion ได้ถึง 7 เท่าเมื่อเทียบกับสายแก้ว
การใช้งานจริงในเครือข่าย Azure
Microsoft ติดตั้งแล้วกว่า 1,200 กม. และวางแผนขยายอีก 15,000 กม.
ใช้ในเครือข่าย AI เพื่อรองรับ latency ต่ำและ bandwidth สูง
ช่วยลดจำนวนสถานีขยายสัญญาณและต้นทุนการดำเนินงาน
ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
เป็นครั้งแรกที่สายแกนอากาศมีประสิทธิภาพดีกว่าสายแก้ว
อาจเปลี่ยนมาตรฐานการออกแบบเครือข่ายในอนาคต
ช่วยให้การเชื่อมต่อระหว่างศูนย์ข้อมูลเร็วขึ้นและประหยัดพลังงานมากขึ้น
ความท้าทายด้านการผลิตและมาตรฐาน
การผลิตต้องใช้เครื่องมือใหม่และกระบวนการเฉพาะ
มาตรฐานอุตสาหกรรมสำหรับสาย DNANF ยังไม่ถูกกำหนดอย่างชัดเจน
ความไม่แน่นอนของการขยายในวงกว้าง
แม้จะใช้งานจริงแล้ว แต่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการ deploy
ต้องพิสูจน์ความเสถียรในสภาพแวดล้อมที่หลากหลายและระยะยาว
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ “ความเร็ว”
แม้แสงในอากาศจะเร็วกว่าในแก้ว แต่ความเร็วรวมยังขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ปลายทาง
การลด latency ต้องพิจารณาทั้งระบบ ไม่ใช่แค่สายเคเบิลอย่างเดียว
https://www.tomshardware.com/tech-industry/hollow-core-fiber-research-smashes-optical-loss-record
หลังจากที่โลกใช้สายไฟเบอร์แก้วนำแสงมานานกว่า 40 ปี โดยมีขีดจำกัดการสูญเสียสัญญาณอยู่ที่ ~0.14 dB/km ทีมวิจัยจาก Lumenisity ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Microsoft ได้สร้างสายเคเบิลแบบใหม่ที่เรียกว่า “double nested antiresonant nodeless fiber” หรือ DNANF ซึ่งใช้แกนกลางเป็นอากาศแทนแก้ว และสามารถลดการสูญเสียสัญญาณลงเหลือเพียง 0.091 dB/km
เทคโนโลยีนี้ใช้โครงสร้างแก้วบางระดับไมครอนล้อมรอบแกนอากาศ ทำหน้าที่เหมือนกระจกสะท้อนแสงกลับเข้าสู่แกนกลาง และลดการกระจายของคลื่นแสงที่ไม่ต้องการ ผลลัพธ์คือสายเคเบิลที่เร็วขึ้น (เพราะแสงเดินทางในอากาศเร็วกว่าในแก้ว) และสูญเสียพลังงานน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ
Microsoft ได้ติดตั้งสายเคเบิลนี้จริงแล้วกว่า 1,200 กิโลเมตรในเครือข่าย Azure และประกาศว่าจะขยายอีก 15,000 กิโลเมตรภายในสองปี เพื่อรองรับการเชื่อมต่อ AI ที่ต้องการ latency ต่ำและ bandwidth สูง
นอกจากการลดการสูญเสียสัญญาณแล้ว DNANF ยังมี chromatic dispersion ต่ำกว่าฟิเบอร์แก้วถึง 7 เท่า ซึ่งช่วยให้การออกแบบ transceiver ง่ายขึ้น และลดการใช้พลังงานในอุปกรณ์เครือข่าย
Francesco Poletti ผู้ร่วมออกแบบเทคโนโลยีนี้ระบุว่า การลดการสูญเสียสัญญาณลงระดับนี้จะช่วยให้สามารถ “ข้ามสถานีขยายสัญญาณได้หนึ่งในทุกสองหรือสามจุด” ซึ่งลดทั้งต้นทุนการติดตั้งและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของ DNANF
ใช้โครงสร้างแก้วบางล้อมรอบแกนอากาศเพื่อสะท้อนแสงกลับ
ลดการสูญเสียสัญญาณเหลือเพียง 0.091 dB/km ต่ำกว่าฟิเบอร์แก้วเดิม
ลด chromatic dispersion ได้ถึง 7 เท่าเมื่อเทียบกับสายแก้ว
การใช้งานจริงในเครือข่าย Azure
Microsoft ติดตั้งแล้วกว่า 1,200 กม. และวางแผนขยายอีก 15,000 กม.
ใช้ในเครือข่าย AI เพื่อรองรับ latency ต่ำและ bandwidth สูง
ช่วยลดจำนวนสถานีขยายสัญญาณและต้นทุนการดำเนินงาน
ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
เป็นครั้งแรกที่สายแกนอากาศมีประสิทธิภาพดีกว่าสายแก้ว
อาจเปลี่ยนมาตรฐานการออกแบบเครือข่ายในอนาคต
ช่วยให้การเชื่อมต่อระหว่างศูนย์ข้อมูลเร็วขึ้นและประหยัดพลังงานมากขึ้น
ความท้าทายด้านการผลิตและมาตรฐาน
การผลิตต้องใช้เครื่องมือใหม่และกระบวนการเฉพาะ
มาตรฐานอุตสาหกรรมสำหรับสาย DNANF ยังไม่ถูกกำหนดอย่างชัดเจน
ความไม่แน่นอนของการขยายในวงกว้าง
แม้จะใช้งานจริงแล้ว แต่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการ deploy
ต้องพิสูจน์ความเสถียรในสภาพแวดล้อมที่หลากหลายและระยะยาว
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ “ความเร็ว”
แม้แสงในอากาศจะเร็วกว่าในแก้ว แต่ความเร็วรวมยังขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ปลายทาง
การลด latency ต้องพิจารณาทั้งระบบ ไม่ใช่แค่สายเคเบิลอย่างเดียว
https://www.tomshardware.com/tech-industry/hollow-core-fiber-research-smashes-optical-loss-record
🎙️ เรื่องเล่าจากแกนกลวง: เมื่อสายเคเบิลที่ไม่มีแก้วกลายเป็นตัวเร่งความเร็วของยุค AI
หลังจากที่โลกใช้สายไฟเบอร์แก้วนำแสงมานานกว่า 40 ปี โดยมีขีดจำกัดการสูญเสียสัญญาณอยู่ที่ ~0.14 dB/km ทีมวิจัยจาก Lumenisity ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Microsoft ได้สร้างสายเคเบิลแบบใหม่ที่เรียกว่า “double nested antiresonant nodeless fiber” หรือ DNANF ซึ่งใช้แกนกลางเป็นอากาศแทนแก้ว และสามารถลดการสูญเสียสัญญาณลงเหลือเพียง 0.091 dB/km
เทคโนโลยีนี้ใช้โครงสร้างแก้วบางระดับไมครอนล้อมรอบแกนอากาศ ทำหน้าที่เหมือนกระจกสะท้อนแสงกลับเข้าสู่แกนกลาง และลดการกระจายของคลื่นแสงที่ไม่ต้องการ ผลลัพธ์คือสายเคเบิลที่เร็วขึ้น (เพราะแสงเดินทางในอากาศเร็วกว่าในแก้ว) และสูญเสียพลังงานน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ
Microsoft ได้ติดตั้งสายเคเบิลนี้จริงแล้วกว่า 1,200 กิโลเมตรในเครือข่าย Azure และประกาศว่าจะขยายอีก 15,000 กิโลเมตรภายในสองปี เพื่อรองรับการเชื่อมต่อ AI ที่ต้องการ latency ต่ำและ bandwidth สูง
นอกจากการลดการสูญเสียสัญญาณแล้ว DNANF ยังมี chromatic dispersion ต่ำกว่าฟิเบอร์แก้วถึง 7 เท่า ซึ่งช่วยให้การออกแบบ transceiver ง่ายขึ้น และลดการใช้พลังงานในอุปกรณ์เครือข่าย
Francesco Poletti ผู้ร่วมออกแบบเทคโนโลยีนี้ระบุว่า การลดการสูญเสียสัญญาณลงระดับนี้จะช่วยให้สามารถ “ข้ามสถานีขยายสัญญาณได้หนึ่งในทุกสองหรือสามจุด” ซึ่งลดทั้งต้นทุนการติดตั้งและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
✅ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของ DNANF
➡️ ใช้โครงสร้างแก้วบางล้อมรอบแกนอากาศเพื่อสะท้อนแสงกลับ
➡️ ลดการสูญเสียสัญญาณเหลือเพียง 0.091 dB/km ต่ำกว่าฟิเบอร์แก้วเดิม
➡️ ลด chromatic dispersion ได้ถึง 7 เท่าเมื่อเทียบกับสายแก้ว
✅ การใช้งานจริงในเครือข่าย Azure
➡️ Microsoft ติดตั้งแล้วกว่า 1,200 กม. และวางแผนขยายอีก 15,000 กม.
➡️ ใช้ในเครือข่าย AI เพื่อรองรับ latency ต่ำและ bandwidth สูง
➡️ ช่วยลดจำนวนสถานีขยายสัญญาณและต้นทุนการดำเนินงาน
✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
➡️ เป็นครั้งแรกที่สายแกนอากาศมีประสิทธิภาพดีกว่าสายแก้ว
➡️ อาจเปลี่ยนมาตรฐานการออกแบบเครือข่ายในอนาคต
➡️ ช่วยให้การเชื่อมต่อระหว่างศูนย์ข้อมูลเร็วขึ้นและประหยัดพลังงานมากขึ้น
‼️ ความท้าทายด้านการผลิตและมาตรฐาน
⛔ การผลิตต้องใช้เครื่องมือใหม่และกระบวนการเฉพาะ
⛔ มาตรฐานอุตสาหกรรมสำหรับสาย DNANF ยังไม่ถูกกำหนดอย่างชัดเจน
‼️ ความไม่แน่นอนของการขยายในวงกว้าง
⛔ แม้จะใช้งานจริงแล้ว แต่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการ deploy
⛔ ต้องพิสูจน์ความเสถียรในสภาพแวดล้อมที่หลากหลายและระยะยาว
‼️ ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ “ความเร็ว”
⛔ แม้แสงในอากาศจะเร็วกว่าในแก้ว แต่ความเร็วรวมยังขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ปลายทาง
⛔ การลด latency ต้องพิจารณาทั้งระบบ ไม่ใช่แค่สายเคเบิลอย่างเดียว
https://www.tomshardware.com/tech-industry/hollow-core-fiber-research-smashes-optical-loss-record
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
72 มุมมอง
0 รีวิว