เมื่อ CISO กลายเป็นแพะรับบาปหลังเหตุการณ์ ransomware
ลองจินตนาการว่าคุณเป็น CISO ที่ทำงานอย่างหนักเพื่อป้องกันภัยไซเบอร์ แต่วันหนึ่งบริษัทของคุณโดนโจมตีด้วย ransomware และแม้คุณจะทำตามแผนรับมือทุกขั้นตอน คุณก็ยังถูกปลดออกจากตำแหน่ง
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในองค์กรจำนวนมาก จากรายงานของ Sophos พบว่า 25% ของ CISO ถูกเปลี่ยนตัวหลังเกิดเหตุการณ์ ransomware โดยไม่จำเป็นต้องเป็นความผิดของพวกเขาโดยตรง
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า การปลด CISO มักเกิดจากแรงกดดันของบอร์ดบริหารที่ต้องการ “รีเซ็ตภาพลักษณ์” มากกว่าการวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บางครั้ง CISO ถูกปลดแม้ระบบตรวจจับทำงานดี แผนรับมือถูกดำเนินการครบ และการกู้คืนข้อมูลอยู่ใน SLA
ยิ่งไปกว่านั้น บางองค์กรยังไม่ให้ CISO เข้าร่วมประชุมสำคัญ เพราะกลัวว่าจะ “ขัดขวางธุรกิจ” ซึ่งทำให้การตัดสินใจด้านความปลอดภัยถูกละเลย และนำไปสู่ช่องโหว่ที่ถูกโจมตีในภายหลัง
ข้อมูลจากรายงานข่าวและการวิเคราะห์
25% ของ CISO ถูกเปลี่ยนตัวหลังเกิดเหตุการณ์ ransomware
การปลด CISO มักเกิดจากแรงกดดันของบอร์ด ไม่ใช่ความผิดโดยตรง
หากแผนรับมือทำงานดี การปลดอาจส่งสัญญาณผิดภายในองค์กร
ช่องโหว่ที่ถูกโจมตีมักเป็นช่องที่ “รู้ว่ามี” แต่ไม่ได้รับการแก้ไข
40% ของผู้ตอบแบบสอบถามยอมรับว่าโจมตีมาจากช่องโหว่ที่รู้แต่ไม่ได้จัดการ
สาเหตุหลักของ ransomware คือช่องโหว่ (32%) และ credential ที่ถูกขโมย (23%)
อีเมลและ phishing ยังเป็นช่องทางโจมตีหลัก (รวมกัน 37%)
บาง CISO ลาออกเองเพราะความเครียดและความขัดแย้งหลังเหตุการณ์
การเปรียบเทียบ CISO กับ “นักดับเพลิง” ชี้ว่าพวกเขาคือผู้รับมือ ไม่ใช่ต้นเหตุ
การไม่ให้ CISO เข้าร่วมประชุมสำคัญทำให้ความปลอดภัยถูกละเลย
ข้อมูลเสริมจากภายนอก
รายงาน Sophos ปี 2025 สำรวจจาก 3,400 ผู้บริหาร IT ใน 17 ประเทศ
41% ของทีมที่ถูกโจมตีมีความเครียดสูง และ 31% มีการลาหยุดจากปัญหาสุขภาพจิต
ค่าใช้จ่ายในการกู้คืนข้อมูลเฉลี่ยอยู่ที่ $1.53M (ไม่รวมค่าไถ่)
53% ขององค์กรสามารถกู้คืนได้ภายใน 1 สัปดาห์
การเจรจาค่าไถ่ลดลง โดยค่าเฉลี่ยการจ่ายจริงอยู่ที่ $1M
การขาด segmentation และการไม่ทำ tabletop exercise เป็นสาเหตุที่ทำให้ CISO ถูกปลด
https://www.csoonline.com/article/4040156/25-of-security-leaders-replaced-after-ransomware-attack.html
ลองจินตนาการว่าคุณเป็น CISO ที่ทำงานอย่างหนักเพื่อป้องกันภัยไซเบอร์ แต่วันหนึ่งบริษัทของคุณโดนโจมตีด้วย ransomware และแม้คุณจะทำตามแผนรับมือทุกขั้นตอน คุณก็ยังถูกปลดออกจากตำแหน่ง
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในองค์กรจำนวนมาก จากรายงานของ Sophos พบว่า 25% ของ CISO ถูกเปลี่ยนตัวหลังเกิดเหตุการณ์ ransomware โดยไม่จำเป็นต้องเป็นความผิดของพวกเขาโดยตรง
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า การปลด CISO มักเกิดจากแรงกดดันของบอร์ดบริหารที่ต้องการ “รีเซ็ตภาพลักษณ์” มากกว่าการวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บางครั้ง CISO ถูกปลดแม้ระบบตรวจจับทำงานดี แผนรับมือถูกดำเนินการครบ และการกู้คืนข้อมูลอยู่ใน SLA
ยิ่งไปกว่านั้น บางองค์กรยังไม่ให้ CISO เข้าร่วมประชุมสำคัญ เพราะกลัวว่าจะ “ขัดขวางธุรกิจ” ซึ่งทำให้การตัดสินใจด้านความปลอดภัยถูกละเลย และนำไปสู่ช่องโหว่ที่ถูกโจมตีในภายหลัง
ข้อมูลจากรายงานข่าวและการวิเคราะห์
25% ของ CISO ถูกเปลี่ยนตัวหลังเกิดเหตุการณ์ ransomware
การปลด CISO มักเกิดจากแรงกดดันของบอร์ด ไม่ใช่ความผิดโดยตรง
หากแผนรับมือทำงานดี การปลดอาจส่งสัญญาณผิดภายในองค์กร
ช่องโหว่ที่ถูกโจมตีมักเป็นช่องที่ “รู้ว่ามี” แต่ไม่ได้รับการแก้ไข
40% ของผู้ตอบแบบสอบถามยอมรับว่าโจมตีมาจากช่องโหว่ที่รู้แต่ไม่ได้จัดการ
สาเหตุหลักของ ransomware คือช่องโหว่ (32%) และ credential ที่ถูกขโมย (23%)
อีเมลและ phishing ยังเป็นช่องทางโจมตีหลัก (รวมกัน 37%)
บาง CISO ลาออกเองเพราะความเครียดและความขัดแย้งหลังเหตุการณ์
การเปรียบเทียบ CISO กับ “นักดับเพลิง” ชี้ว่าพวกเขาคือผู้รับมือ ไม่ใช่ต้นเหตุ
การไม่ให้ CISO เข้าร่วมประชุมสำคัญทำให้ความปลอดภัยถูกละเลย
ข้อมูลเสริมจากภายนอก
รายงาน Sophos ปี 2025 สำรวจจาก 3,400 ผู้บริหาร IT ใน 17 ประเทศ
41% ของทีมที่ถูกโจมตีมีความเครียดสูง และ 31% มีการลาหยุดจากปัญหาสุขภาพจิต
ค่าใช้จ่ายในการกู้คืนข้อมูลเฉลี่ยอยู่ที่ $1.53M (ไม่รวมค่าไถ่)
53% ขององค์กรสามารถกู้คืนได้ภายใน 1 สัปดาห์
การเจรจาค่าไถ่ลดลง โดยค่าเฉลี่ยการจ่ายจริงอยู่ที่ $1M
การขาด segmentation และการไม่ทำ tabletop exercise เป็นสาเหตุที่ทำให้ CISO ถูกปลด
https://www.csoonline.com/article/4040156/25-of-security-leaders-replaced-after-ransomware-attack.html
🧯 เมื่อ CISO กลายเป็นแพะรับบาปหลังเหตุการณ์ ransomware
ลองจินตนาการว่าคุณเป็น CISO ที่ทำงานอย่างหนักเพื่อป้องกันภัยไซเบอร์ แต่วันหนึ่งบริษัทของคุณโดนโจมตีด้วย ransomware และแม้คุณจะทำตามแผนรับมือทุกขั้นตอน คุณก็ยังถูกปลดออกจากตำแหน่ง
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในองค์กรจำนวนมาก จากรายงานของ Sophos พบว่า 25% ของ CISO ถูกเปลี่ยนตัวหลังเกิดเหตุการณ์ ransomware โดยไม่จำเป็นต้องเป็นความผิดของพวกเขาโดยตรง
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า การปลด CISO มักเกิดจากแรงกดดันของบอร์ดบริหารที่ต้องการ “รีเซ็ตภาพลักษณ์” มากกว่าการวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บางครั้ง CISO ถูกปลดแม้ระบบตรวจจับทำงานดี แผนรับมือถูกดำเนินการครบ และการกู้คืนข้อมูลอยู่ใน SLA
ยิ่งไปกว่านั้น บางองค์กรยังไม่ให้ CISO เข้าร่วมประชุมสำคัญ เพราะกลัวว่าจะ “ขัดขวางธุรกิจ” ซึ่งทำให้การตัดสินใจด้านความปลอดภัยถูกละเลย และนำไปสู่ช่องโหว่ที่ถูกโจมตีในภายหลัง
✅ ข้อมูลจากรายงานข่าวและการวิเคราะห์
➡️ 25% ของ CISO ถูกเปลี่ยนตัวหลังเกิดเหตุการณ์ ransomware
➡️ การปลด CISO มักเกิดจากแรงกดดันของบอร์ด ไม่ใช่ความผิดโดยตรง
➡️ หากแผนรับมือทำงานดี การปลดอาจส่งสัญญาณผิดภายในองค์กร
➡️ ช่องโหว่ที่ถูกโจมตีมักเป็นช่องที่ “รู้ว่ามี” แต่ไม่ได้รับการแก้ไข
➡️ 40% ของผู้ตอบแบบสอบถามยอมรับว่าโจมตีมาจากช่องโหว่ที่รู้แต่ไม่ได้จัดการ
➡️ สาเหตุหลักของ ransomware คือช่องโหว่ (32%) และ credential ที่ถูกขโมย (23%)
➡️ อีเมลและ phishing ยังเป็นช่องทางโจมตีหลัก (รวมกัน 37%)
➡️ บาง CISO ลาออกเองเพราะความเครียดและความขัดแย้งหลังเหตุการณ์
➡️ การเปรียบเทียบ CISO กับ “นักดับเพลิง” ชี้ว่าพวกเขาคือผู้รับมือ ไม่ใช่ต้นเหตุ
➡️ การไม่ให้ CISO เข้าร่วมประชุมสำคัญทำให้ความปลอดภัยถูกละเลย
✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก
➡️ รายงาน Sophos ปี 2025 สำรวจจาก 3,400 ผู้บริหาร IT ใน 17 ประเทศ
➡️ 41% ของทีมที่ถูกโจมตีมีความเครียดสูง และ 31% มีการลาหยุดจากปัญหาสุขภาพจิต
➡️ ค่าใช้จ่ายในการกู้คืนข้อมูลเฉลี่ยอยู่ที่ $1.53M (ไม่รวมค่าไถ่)
➡️ 53% ขององค์กรสามารถกู้คืนได้ภายใน 1 สัปดาห์
➡️ การเจรจาค่าไถ่ลดลง โดยค่าเฉลี่ยการจ่ายจริงอยู่ที่ $1M
➡️ การขาด segmentation และการไม่ทำ tabletop exercise เป็นสาเหตุที่ทำให้ CISO ถูกปลด
https://www.csoonline.com/article/4040156/25-of-security-leaders-replaced-after-ransomware-attack.html
0 Comments
0 Shares
30 Views
0 Reviews