เรื่องเล่าจากเงามืด: Tor จากโครงการทหารสู่เครื่องมือแห่งเสรีภาพดิจิทัล
ลองจินตนาการว่าคุณนั่งอยู่บนรถไฟเก่าในอังกฤษ อากาศเย็นจัดและ Wi-Fi ก็ไม่ค่อยดีนัก คุณพยายามเปิดเว็บไซต์เพื่อทำวิจัย แต่กลับเจอหน้าบล็อกจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต คุณถอนหายใจ เปิด Tor Browser แล้วพิมพ์ URL... เว็บไซต์โหลดขึ้นทันที
นี่คือพลังของ Tor—เครื่องมือที่เริ่มต้นจากโครงการของกองทัพเรือสหรัฐฯ เพื่อการสื่อสารลับ และกลายเป็นเสาหลักของความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์
Tor ย่อมาจาก “The Onion Router” เป็นเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์กระจายทั่วโลกที่เข้ารหัสข้อมูลหลายชั้น แล้วส่งผ่านโหนดต่าง ๆ เพื่อปกปิดตัวตนของผู้ใช้ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในประเทศที่มีการเซ็นเซอร์หรือเผชิญกับการติดตามจากรัฐ Tor ก็ช่วยให้คุณเข้าถึงข้อมูลอย่างอิสระ
แม้ Tor จะถูกมองว่าเป็นประตูสู่ Dark Web ที่เต็มไปด้วยอาชญากรรม แต่ก็เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับนักข่าว นักเคลื่อนไหว และประชาชนในประเทศเผด็จการ ที่ต้องการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ถูกตรวจสอบ
ในยุค 1990s กลุ่ม Cypherpunks ได้ต่อสู้ใน “Crypto Wars” เพื่อผลักดันการใช้การเข้ารหัสระดับทหารในสาธารณะ พวกเขาเตือนว่าอินเทอร์เน็ตอาจกลายเป็นฝันร้ายแบบเผด็จการ และ Tor คือหนึ่งในผลลัพธ์ของการต่อสู้นั้น
แม้รัฐบาลบางส่วนจะพยายามควบคุมอินเทอร์เน็ต แต่กลับเป็นผู้สนับสนุนการพัฒนา Tor ด้วยงบประมาณจากหน่วยงานต่าง ๆ เช่น DARPA, กองทัพเรือ, และกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ
Tor เริ่มต้นจากโครงการของกองทัพเรือสหรัฐฯ ในปี 1990s
พัฒนาโดยนักวิจัยจาก Naval Research Lab เพื่อสร้างการสื่อสารที่ไม่สามารถติดตามได้
Tor Browser ใช้เทคนิค “onion routing” เพื่อเข้ารหัสข้อมูลหลายชั้น
ส่งผ่านโหนด 3 ชั้น: Entry, Middle, Exit เพื่อปกปิดตัวตน
Tor ถูกใช้เพื่อเข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูกบล็อกในประเทศเผด็จการ
เช่น BBC และ Facebook มีเวอร์ชันเฉพาะบน Tor
Tor ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ และองค์กรสิทธิมนุษยชน
เช่น EFF, Human Rights Watch, Google และมหาวิทยาลัยต่าง ๆ
Cypherpunks เป็นกลุ่มผู้ผลักดันการเข้ารหัสเพื่อเสรีภาพดิจิทัล
เตือนว่าอินเทอร์เน็ตอาจกลายเป็นเครื่องมือของรัฐเผด็จการ
Tor Browser ไม่เก็บประวัติการใช้งาน และลบ cookies ทุกครั้งที่ปิด
ป้องกันการติดตามและการระบุตัวตนจากเว็บไซต์
Tor ถูกใช้ในเหตุการณ์ Arab Spring เพื่อหลีกเลี่ยงการเซ็นเซอร์
ช่วยให้ผู้คนเข้าถึงโซเชียลมีเดียและข่าวสารที่ถูกบล็อก
Tor เป็นโอเพ่นซอร์สและมีผู้ใช้งานหลายล้านคนทั่วโลก
มีโหนด relays กว่าหลายพันจุดที่ดำเนินการโดยอาสาสมัคร
Tor Browser มีฟีเจอร์ป้องกัน fingerprinting และการติดตามขั้นสูง
ถูกนำไปใช้ในเบราว์เซอร์อื่น เช่น Firefox ผ่านโครงการ Tor Uplift
Tor สามารถใช้ร่วมกับ VPN เพื่อเพิ่มความปลอดภัยอีกชั้น
โดยเฉพาะในประเทศที่มีการตรวจสอบการเชื่อมต่อ Tor
https://thereader.mitpress.mit.edu/the-secret-history-of-tor-how-a-military-project-became-a-lifeline-for-privacy/
ลองจินตนาการว่าคุณนั่งอยู่บนรถไฟเก่าในอังกฤษ อากาศเย็นจัดและ Wi-Fi ก็ไม่ค่อยดีนัก คุณพยายามเปิดเว็บไซต์เพื่อทำวิจัย แต่กลับเจอหน้าบล็อกจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต คุณถอนหายใจ เปิด Tor Browser แล้วพิมพ์ URL... เว็บไซต์โหลดขึ้นทันที
นี่คือพลังของ Tor—เครื่องมือที่เริ่มต้นจากโครงการของกองทัพเรือสหรัฐฯ เพื่อการสื่อสารลับ และกลายเป็นเสาหลักของความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์
Tor ย่อมาจาก “The Onion Router” เป็นเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์กระจายทั่วโลกที่เข้ารหัสข้อมูลหลายชั้น แล้วส่งผ่านโหนดต่าง ๆ เพื่อปกปิดตัวตนของผู้ใช้ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในประเทศที่มีการเซ็นเซอร์หรือเผชิญกับการติดตามจากรัฐ Tor ก็ช่วยให้คุณเข้าถึงข้อมูลอย่างอิสระ
แม้ Tor จะถูกมองว่าเป็นประตูสู่ Dark Web ที่เต็มไปด้วยอาชญากรรม แต่ก็เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับนักข่าว นักเคลื่อนไหว และประชาชนในประเทศเผด็จการ ที่ต้องการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ถูกตรวจสอบ
ในยุค 1990s กลุ่ม Cypherpunks ได้ต่อสู้ใน “Crypto Wars” เพื่อผลักดันการใช้การเข้ารหัสระดับทหารในสาธารณะ พวกเขาเตือนว่าอินเทอร์เน็ตอาจกลายเป็นฝันร้ายแบบเผด็จการ และ Tor คือหนึ่งในผลลัพธ์ของการต่อสู้นั้น
แม้รัฐบาลบางส่วนจะพยายามควบคุมอินเทอร์เน็ต แต่กลับเป็นผู้สนับสนุนการพัฒนา Tor ด้วยงบประมาณจากหน่วยงานต่าง ๆ เช่น DARPA, กองทัพเรือ, และกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ
Tor เริ่มต้นจากโครงการของกองทัพเรือสหรัฐฯ ในปี 1990s
พัฒนาโดยนักวิจัยจาก Naval Research Lab เพื่อสร้างการสื่อสารที่ไม่สามารถติดตามได้
Tor Browser ใช้เทคนิค “onion routing” เพื่อเข้ารหัสข้อมูลหลายชั้น
ส่งผ่านโหนด 3 ชั้น: Entry, Middle, Exit เพื่อปกปิดตัวตน
Tor ถูกใช้เพื่อเข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูกบล็อกในประเทศเผด็จการ
เช่น BBC และ Facebook มีเวอร์ชันเฉพาะบน Tor
Tor ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ และองค์กรสิทธิมนุษยชน
เช่น EFF, Human Rights Watch, Google และมหาวิทยาลัยต่าง ๆ
Cypherpunks เป็นกลุ่มผู้ผลักดันการเข้ารหัสเพื่อเสรีภาพดิจิทัล
เตือนว่าอินเทอร์เน็ตอาจกลายเป็นเครื่องมือของรัฐเผด็จการ
Tor Browser ไม่เก็บประวัติการใช้งาน และลบ cookies ทุกครั้งที่ปิด
ป้องกันการติดตามและการระบุตัวตนจากเว็บไซต์
Tor ถูกใช้ในเหตุการณ์ Arab Spring เพื่อหลีกเลี่ยงการเซ็นเซอร์
ช่วยให้ผู้คนเข้าถึงโซเชียลมีเดียและข่าวสารที่ถูกบล็อก
Tor เป็นโอเพ่นซอร์สและมีผู้ใช้งานหลายล้านคนทั่วโลก
มีโหนด relays กว่าหลายพันจุดที่ดำเนินการโดยอาสาสมัคร
Tor Browser มีฟีเจอร์ป้องกัน fingerprinting และการติดตามขั้นสูง
ถูกนำไปใช้ในเบราว์เซอร์อื่น เช่น Firefox ผ่านโครงการ Tor Uplift
Tor สามารถใช้ร่วมกับ VPN เพื่อเพิ่มความปลอดภัยอีกชั้น
โดยเฉพาะในประเทศที่มีการตรวจสอบการเชื่อมต่อ Tor
https://thereader.mitpress.mit.edu/the-secret-history-of-tor-how-a-military-project-became-a-lifeline-for-privacy/
🕵️♂️🌐 เรื่องเล่าจากเงามืด: Tor จากโครงการทหารสู่เครื่องมือแห่งเสรีภาพดิจิทัล
ลองจินตนาการว่าคุณนั่งอยู่บนรถไฟเก่าในอังกฤษ อากาศเย็นจัดและ Wi-Fi ก็ไม่ค่อยดีนัก คุณพยายามเปิดเว็บไซต์เพื่อทำวิจัย แต่กลับเจอหน้าบล็อกจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต คุณถอนหายใจ เปิด Tor Browser แล้วพิมพ์ URL... เว็บไซต์โหลดขึ้นทันที
นี่คือพลังของ Tor—เครื่องมือที่เริ่มต้นจากโครงการของกองทัพเรือสหรัฐฯ เพื่อการสื่อสารลับ และกลายเป็นเสาหลักของความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์
Tor ย่อมาจาก “The Onion Router” เป็นเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์กระจายทั่วโลกที่เข้ารหัสข้อมูลหลายชั้น แล้วส่งผ่านโหนดต่าง ๆ เพื่อปกปิดตัวตนของผู้ใช้ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในประเทศที่มีการเซ็นเซอร์หรือเผชิญกับการติดตามจากรัฐ Tor ก็ช่วยให้คุณเข้าถึงข้อมูลอย่างอิสระ
แม้ Tor จะถูกมองว่าเป็นประตูสู่ Dark Web ที่เต็มไปด้วยอาชญากรรม แต่ก็เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับนักข่าว นักเคลื่อนไหว และประชาชนในประเทศเผด็จการ ที่ต้องการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ถูกตรวจสอบ
ในยุค 1990s กลุ่ม Cypherpunks ได้ต่อสู้ใน “Crypto Wars” เพื่อผลักดันการใช้การเข้ารหัสระดับทหารในสาธารณะ พวกเขาเตือนว่าอินเทอร์เน็ตอาจกลายเป็นฝันร้ายแบบเผด็จการ และ Tor คือหนึ่งในผลลัพธ์ของการต่อสู้นั้น
แม้รัฐบาลบางส่วนจะพยายามควบคุมอินเทอร์เน็ต แต่กลับเป็นผู้สนับสนุนการพัฒนา Tor ด้วยงบประมาณจากหน่วยงานต่าง ๆ เช่น DARPA, กองทัพเรือ, และกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ
✅ Tor เริ่มต้นจากโครงการของกองทัพเรือสหรัฐฯ ในปี 1990s
➡️ พัฒนาโดยนักวิจัยจาก Naval Research Lab เพื่อสร้างการสื่อสารที่ไม่สามารถติดตามได้
✅ Tor Browser ใช้เทคนิค “onion routing” เพื่อเข้ารหัสข้อมูลหลายชั้น
➡️ ส่งผ่านโหนด 3 ชั้น: Entry, Middle, Exit เพื่อปกปิดตัวตน
✅ Tor ถูกใช้เพื่อเข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูกบล็อกในประเทศเผด็จการ
➡️ เช่น BBC และ Facebook มีเวอร์ชันเฉพาะบน Tor
✅ Tor ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ และองค์กรสิทธิมนุษยชน
➡️ เช่น EFF, Human Rights Watch, Google และมหาวิทยาลัยต่าง ๆ
✅ Cypherpunks เป็นกลุ่มผู้ผลักดันการเข้ารหัสเพื่อเสรีภาพดิจิทัล
➡️ เตือนว่าอินเทอร์เน็ตอาจกลายเป็นเครื่องมือของรัฐเผด็จการ
✅ Tor Browser ไม่เก็บประวัติการใช้งาน และลบ cookies ทุกครั้งที่ปิด
➡️ ป้องกันการติดตามและการระบุตัวตนจากเว็บไซต์
✅ Tor ถูกใช้ในเหตุการณ์ Arab Spring เพื่อหลีกเลี่ยงการเซ็นเซอร์
➡️ ช่วยให้ผู้คนเข้าถึงโซเชียลมีเดียและข่าวสารที่ถูกบล็อก
✅ Tor เป็นโอเพ่นซอร์สและมีผู้ใช้งานหลายล้านคนทั่วโลก
➡️ มีโหนด relays กว่าหลายพันจุดที่ดำเนินการโดยอาสาสมัคร
✅ Tor Browser มีฟีเจอร์ป้องกัน fingerprinting และการติดตามขั้นสูง
➡️ ถูกนำไปใช้ในเบราว์เซอร์อื่น เช่น Firefox ผ่านโครงการ Tor Uplift
✅ Tor สามารถใช้ร่วมกับ VPN เพื่อเพิ่มความปลอดภัยอีกชั้น
➡️ โดยเฉพาะในประเทศที่มีการตรวจสอบการเชื่อมต่อ Tor
https://thereader.mitpress.mit.edu/the-secret-history-of-tor-how-a-military-project-became-a-lifeline-for-privacy/
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
82 มุมมอง
0 รีวิว