เรื่องเล่าจากข่าว: Bolt กลับมาแล้ว—EV ราคาประหยัดที่อเมริกาต้องการ ในวันที่ตลาดกำลังชะลอตัว
Chevrolet ประกาศรีดีไซน์ Bolt EV สำหรับปี 2027 โดยใช้พอร์ตชาร์จแบบ NACS (North American Charging Standard) ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกับ Tesla ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเครือข่าย Supercharger ได้โดยไม่ต้องใช้อะแดปเตอร์
นอกจากดีไซน์ใหม่ที่ดูสปอร์ตขึ้นและไฟท้ายที่ปรับปรุงจากเสียงบ่นของผู้ใช้เดิม Bolt รุ่นใหม่ยังใช้แบตเตอรี่แบบ LFP (ลิเธียม-เหล็ก-ฟอสเฟต) ที่มีต้นทุนต่ำและอายุการใช้งานยาวนานกว่าเดิม
ในขณะที่ Bolt กลับมาอย่างมั่นใจ Mercedes-Benz และ Porsche กลับต้องลดราคาหรือชะลอการส่งมอบ EV บางรุ่น เพราะยอดขายในอเมริกาชะลอตัว และผู้บริโภคยังมองว่า EV ส่วนใหญ่ “แพงเกินไป” โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับรายได้เฉลี่ย
Chevrolet Bolt EV รุ่นใหม่จะเปิดตัวในปี 2027 พร้อมพอร์ตชาร์จแบบ NACS
เป็น EV รุ่นแรกของ Chevy ที่ใช้พอร์ต Tesla โดยตรง
เข้าถึงเครือข่าย Supercharger ได้ทันที
ใช้แบตเตอรี่ LFP ที่มีต้นทุนต่ำและอายุการใช้งานยาวนาน
ช่วยให้ราคาขายต่ำกว่า $30,000 ได้
ยังไม่มีตัวเลขระยะทางวิ่งที่แน่นอน
ดีไซน์ใหม่มีไฟหน้า LED แบบบาง, ล้ออัลลอยใหม่ และไฟท้ายที่ปรับปรุงจากเสียงผู้ใช้เดิม
ดูสปอร์ตและทันสมัยขึ้น
ยังใช้แพลตฟอร์ม BEV2 เดิมแต่ปรับปรุงภายใน
Mercedes-Benz ลดราคาหลายรุ่นในกลุ่ม EQ และชะลอการส่งมอบบางรุ่นเพื่อควบคุมสต็อก
สะท้อนความต้องการ EV ที่ลดลงในอเมริกา
Porsche ก็ลดเป้าหมายรายได้จากผลกระทบของภาษีการค้า
ตลาด EV ในอเมริกายังต้องการรถราคาประหยัดเพื่อกระตุ้นการใช้งานในวงกว้าง
Nissan Leaf และ Hyundai Kona Electric ยังเป็นตัวเลือกที่เข้าถึงได้
แต่หลายรุ่นยังมีราคาสูงกว่า $40,000
NACS กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของอเมริกา โดยผู้ผลิตหลายรายเริ่มเปลี่ยนมาใช้แทน CCS
เช่น Ford, Hyundai, GM และ Rivian
ช่วยให้เครือข่ายชาร์จมีความเป็นหนึ่งเดียว
แบตเตอรี่ LFP มีข้อดีคือราคาถูกและปลอดภัย แต่มีพลังงานต่อหน่วยต่ำกว่า NMC
เหมาะกับรถราคาประหยัดและใช้งานในเมือง
ไม่เหมาะกับรถที่ต้องการระยะทางวิ่งไกลมาก
ตลาด EV ในจีนมีรถราคาต่ำกว่า $10,000 ที่ขายดีมาก เช่น BYD Seagull
สหรัฐฯ ยังไม่มีรถระดับนี้ในตลาด
Bolt อาจเป็นตัวแทนของ EV ราคาประหยัดในอเมริกา
Bolt รุ่นใหม่ยังไม่มีข้อมูลระยะทางวิ่งที่แน่นอนจากแบตเตอรี่ LFP
อาจต่ำกว่าคู่แข่งที่ใช้แบตเตอรี่ NMC
ต้องรอการทดสอบจริงก่อนตัดสินใจซื้อ
การใช้แพลตฟอร์ม BEV2 เดิมอาจจำกัดการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ในระยะยาว
ไม่รองรับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติระดับสูง
อาจไม่ทันกับคู่แข่งที่ใช้แพลตฟอร์มใหม่ทั้งหมด
การพึ่งพาพอร์ต NACS อาจทำให้ผู้ใช้ต้องปรับพฤติกรรมการชาร์จ หากเคยใช้ CCS มาก่อน
ต้องเปลี่ยนอุปกรณ์หรือพฤติกรรมการใช้งาน
อาจเกิดความสับสนในช่วงเปลี่ยนผ่าน
ตลาด EV ยังไม่แน่นอน โดยเฉพาะหากสิทธิ์ลดหย่อนภาษีหมดอายุในเดือนกันยายน
อาจทำให้ราคาสุทธิของ Bolt สูงขึ้น
ส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค
https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/americas-cheapest-ev-is-making-a-comeback-with-a-new-chevrolet-bolt-as-mercedes-cuts-its-electric-car-prices
Chevrolet ประกาศรีดีไซน์ Bolt EV สำหรับปี 2027 โดยใช้พอร์ตชาร์จแบบ NACS (North American Charging Standard) ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกับ Tesla ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเครือข่าย Supercharger ได้โดยไม่ต้องใช้อะแดปเตอร์
นอกจากดีไซน์ใหม่ที่ดูสปอร์ตขึ้นและไฟท้ายที่ปรับปรุงจากเสียงบ่นของผู้ใช้เดิม Bolt รุ่นใหม่ยังใช้แบตเตอรี่แบบ LFP (ลิเธียม-เหล็ก-ฟอสเฟต) ที่มีต้นทุนต่ำและอายุการใช้งานยาวนานกว่าเดิม
ในขณะที่ Bolt กลับมาอย่างมั่นใจ Mercedes-Benz และ Porsche กลับต้องลดราคาหรือชะลอการส่งมอบ EV บางรุ่น เพราะยอดขายในอเมริกาชะลอตัว และผู้บริโภคยังมองว่า EV ส่วนใหญ่ “แพงเกินไป” โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับรายได้เฉลี่ย
Chevrolet Bolt EV รุ่นใหม่จะเปิดตัวในปี 2027 พร้อมพอร์ตชาร์จแบบ NACS
เป็น EV รุ่นแรกของ Chevy ที่ใช้พอร์ต Tesla โดยตรง
เข้าถึงเครือข่าย Supercharger ได้ทันที
ใช้แบตเตอรี่ LFP ที่มีต้นทุนต่ำและอายุการใช้งานยาวนาน
ช่วยให้ราคาขายต่ำกว่า $30,000 ได้
ยังไม่มีตัวเลขระยะทางวิ่งที่แน่นอน
ดีไซน์ใหม่มีไฟหน้า LED แบบบาง, ล้ออัลลอยใหม่ และไฟท้ายที่ปรับปรุงจากเสียงผู้ใช้เดิม
ดูสปอร์ตและทันสมัยขึ้น
ยังใช้แพลตฟอร์ม BEV2 เดิมแต่ปรับปรุงภายใน
Mercedes-Benz ลดราคาหลายรุ่นในกลุ่ม EQ และชะลอการส่งมอบบางรุ่นเพื่อควบคุมสต็อก
สะท้อนความต้องการ EV ที่ลดลงในอเมริกา
Porsche ก็ลดเป้าหมายรายได้จากผลกระทบของภาษีการค้า
ตลาด EV ในอเมริกายังต้องการรถราคาประหยัดเพื่อกระตุ้นการใช้งานในวงกว้าง
Nissan Leaf และ Hyundai Kona Electric ยังเป็นตัวเลือกที่เข้าถึงได้
แต่หลายรุ่นยังมีราคาสูงกว่า $40,000
NACS กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของอเมริกา โดยผู้ผลิตหลายรายเริ่มเปลี่ยนมาใช้แทน CCS
เช่น Ford, Hyundai, GM และ Rivian
ช่วยให้เครือข่ายชาร์จมีความเป็นหนึ่งเดียว
แบตเตอรี่ LFP มีข้อดีคือราคาถูกและปลอดภัย แต่มีพลังงานต่อหน่วยต่ำกว่า NMC
เหมาะกับรถราคาประหยัดและใช้งานในเมือง
ไม่เหมาะกับรถที่ต้องการระยะทางวิ่งไกลมาก
ตลาด EV ในจีนมีรถราคาต่ำกว่า $10,000 ที่ขายดีมาก เช่น BYD Seagull
สหรัฐฯ ยังไม่มีรถระดับนี้ในตลาด
Bolt อาจเป็นตัวแทนของ EV ราคาประหยัดในอเมริกา
Bolt รุ่นใหม่ยังไม่มีข้อมูลระยะทางวิ่งที่แน่นอนจากแบตเตอรี่ LFP
อาจต่ำกว่าคู่แข่งที่ใช้แบตเตอรี่ NMC
ต้องรอการทดสอบจริงก่อนตัดสินใจซื้อ
การใช้แพลตฟอร์ม BEV2 เดิมอาจจำกัดการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ในระยะยาว
ไม่รองรับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติระดับสูง
อาจไม่ทันกับคู่แข่งที่ใช้แพลตฟอร์มใหม่ทั้งหมด
การพึ่งพาพอร์ต NACS อาจทำให้ผู้ใช้ต้องปรับพฤติกรรมการชาร์จ หากเคยใช้ CCS มาก่อน
ต้องเปลี่ยนอุปกรณ์หรือพฤติกรรมการใช้งาน
อาจเกิดความสับสนในช่วงเปลี่ยนผ่าน
ตลาด EV ยังไม่แน่นอน โดยเฉพาะหากสิทธิ์ลดหย่อนภาษีหมดอายุในเดือนกันยายน
อาจทำให้ราคาสุทธิของ Bolt สูงขึ้น
ส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค
https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/americas-cheapest-ev-is-making-a-comeback-with-a-new-chevrolet-bolt-as-mercedes-cuts-its-electric-car-prices
🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: Bolt กลับมาแล้ว—EV ราคาประหยัดที่อเมริกาต้องการ ในวันที่ตลาดกำลังชะลอตัว
Chevrolet ประกาศรีดีไซน์ Bolt EV สำหรับปี 2027 โดยใช้พอร์ตชาร์จแบบ NACS (North American Charging Standard) ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกับ Tesla ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเครือข่าย Supercharger ได้โดยไม่ต้องใช้อะแดปเตอร์
นอกจากดีไซน์ใหม่ที่ดูสปอร์ตขึ้นและไฟท้ายที่ปรับปรุงจากเสียงบ่นของผู้ใช้เดิม Bolt รุ่นใหม่ยังใช้แบตเตอรี่แบบ LFP (ลิเธียม-เหล็ก-ฟอสเฟต) ที่มีต้นทุนต่ำและอายุการใช้งานยาวนานกว่าเดิม
ในขณะที่ Bolt กลับมาอย่างมั่นใจ Mercedes-Benz และ Porsche กลับต้องลดราคาหรือชะลอการส่งมอบ EV บางรุ่น เพราะยอดขายในอเมริกาชะลอตัว และผู้บริโภคยังมองว่า EV ส่วนใหญ่ “แพงเกินไป” โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับรายได้เฉลี่ย
✅ Chevrolet Bolt EV รุ่นใหม่จะเปิดตัวในปี 2027 พร้อมพอร์ตชาร์จแบบ NACS
➡️ เป็น EV รุ่นแรกของ Chevy ที่ใช้พอร์ต Tesla โดยตรง
➡️ เข้าถึงเครือข่าย Supercharger ได้ทันที
✅ ใช้แบตเตอรี่ LFP ที่มีต้นทุนต่ำและอายุการใช้งานยาวนาน
➡️ ช่วยให้ราคาขายต่ำกว่า $30,000 ได้
➡️ ยังไม่มีตัวเลขระยะทางวิ่งที่แน่นอน
✅ ดีไซน์ใหม่มีไฟหน้า LED แบบบาง, ล้ออัลลอยใหม่ และไฟท้ายที่ปรับปรุงจากเสียงผู้ใช้เดิม
➡️ ดูสปอร์ตและทันสมัยขึ้น
➡️ ยังใช้แพลตฟอร์ม BEV2 เดิมแต่ปรับปรุงภายใน
✅ Mercedes-Benz ลดราคาหลายรุ่นในกลุ่ม EQ และชะลอการส่งมอบบางรุ่นเพื่อควบคุมสต็อก
➡️ สะท้อนความต้องการ EV ที่ลดลงในอเมริกา
➡️ Porsche ก็ลดเป้าหมายรายได้จากผลกระทบของภาษีการค้า
✅ ตลาด EV ในอเมริกายังต้องการรถราคาประหยัดเพื่อกระตุ้นการใช้งานในวงกว้าง
➡️ Nissan Leaf และ Hyundai Kona Electric ยังเป็นตัวเลือกที่เข้าถึงได้
➡️ แต่หลายรุ่นยังมีราคาสูงกว่า $40,000
✅ NACS กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของอเมริกา โดยผู้ผลิตหลายรายเริ่มเปลี่ยนมาใช้แทน CCS
➡️ เช่น Ford, Hyundai, GM และ Rivian
➡️ ช่วยให้เครือข่ายชาร์จมีความเป็นหนึ่งเดียว
✅ แบตเตอรี่ LFP มีข้อดีคือราคาถูกและปลอดภัย แต่มีพลังงานต่อหน่วยต่ำกว่า NMC
➡️ เหมาะกับรถราคาประหยัดและใช้งานในเมือง
➡️ ไม่เหมาะกับรถที่ต้องการระยะทางวิ่งไกลมาก
✅ ตลาด EV ในจีนมีรถราคาต่ำกว่า $10,000 ที่ขายดีมาก เช่น BYD Seagull
➡️ สหรัฐฯ ยังไม่มีรถระดับนี้ในตลาด
➡️ Bolt อาจเป็นตัวแทนของ EV ราคาประหยัดในอเมริกา
‼️ Bolt รุ่นใหม่ยังไม่มีข้อมูลระยะทางวิ่งที่แน่นอนจากแบตเตอรี่ LFP
⛔ อาจต่ำกว่าคู่แข่งที่ใช้แบตเตอรี่ NMC
⛔ ต้องรอการทดสอบจริงก่อนตัดสินใจซื้อ
‼️ การใช้แพลตฟอร์ม BEV2 เดิมอาจจำกัดการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ในระยะยาว
⛔ ไม่รองรับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติระดับสูง
⛔ อาจไม่ทันกับคู่แข่งที่ใช้แพลตฟอร์มใหม่ทั้งหมด
‼️ การพึ่งพาพอร์ต NACS อาจทำให้ผู้ใช้ต้องปรับพฤติกรรมการชาร์จ หากเคยใช้ CCS มาก่อน
⛔ ต้องเปลี่ยนอุปกรณ์หรือพฤติกรรมการใช้งาน
⛔ อาจเกิดความสับสนในช่วงเปลี่ยนผ่าน
‼️ ตลาด EV ยังไม่แน่นอน โดยเฉพาะหากสิทธิ์ลดหย่อนภาษีหมดอายุในเดือนกันยายน
⛔ อาจทำให้ราคาสุทธิของ Bolt สูงขึ้น
⛔ ส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค
https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/americas-cheapest-ev-is-making-a-comeback-with-a-new-chevrolet-bolt-as-mercedes-cuts-its-electric-car-prices
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
39 มุมมอง
0 รีวิว