เรื่องเล่าจากข่าว: นักพัฒนาใช้ AI มากขึ้น แต่เชื่อใจน้อยลง—เมื่อ “เกือบถูก” กลายเป็นต้นทุนที่ซ่อนอยู่
จากผลสำรวจนักพัฒนากว่า 49,000 คนโดย Stack Overflow พบว่า 80% ใช้ AI ในงานเขียนโค้ดในปี 2025 ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ในขณะเดียวกัน ความเชื่อมั่นในความแม่นยำของ AI กลับลดลงเหลือเพียง 29% จาก 40% ในปีก่อน
ปัญหาหลักคือ “คำตอบที่เกือบถูก” จาก AI เช่น GitHub Copilot หรือ Cursor ที่ดูเหมือนจะใช้งานได้ แต่แฝงข้อผิดพลาดเชิงตรรกะหรือบั๊กที่ยากจะตรวจพบ โดยเฉพาะนักพัฒนารุ่นใหม่ที่มักเชื่อคำแนะนำของ AI มากเกินไป
ผลคือ นักพัฒนาต้องเสียเวลานานในการดีบัก และกว่า 1 ใน 3 ต้องกลับไปหาคำตอบจาก Stack Overflow เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดจากโค้ดที่ AI สร้างขึ้น
แม้จะมีโมเดลใหม่ที่เน้นการให้เหตุผลมากขึ้น แต่ปัญหา “เกือบถูก” ยังคงอยู่ เพราะเป็นธรรมชาติของการสร้างข้อความแบบคาดการณ์ ซึ่งไม่สามารถเข้าใจบริบทลึกได้เหมือนมนุษย์
80% ของนักพัฒนาใช้ AI ในงานเขียนโค้ดในปี 2025
เพิ่มขึ้นจาก 76% ในปี 2024
เป็นการยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการ
ความเชื่อมั่นในความแม่นยำของ AI ลดลงเหลือ 29%
จาก 40% ในปี 2024 และ 43% ในปี 2023
สะท้อนความกังวลเรื่องคุณภาพของผลลัพธ์
45% ของนักพัฒนาระบุว่าการดีบักโค้ดจาก AI ใช้เวลามากกว่าที่คาด
โดยเฉพาะเมื่อโค้ดดูเหมือนถูกแต่มีข้อผิดพลาดซ่อนอยู่
ส่งผลให้ workflow สะดุดและเสียเวลา
มากกว่า 1 ใน 3 ของนักพัฒนาเข้า Stack Overflow เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดจาก AI
แสดงว่า AI ไม่สามารถแทนที่ความรู้จากชุมชนได้
Stack Overflow ยังมีบทบาทสำคัญในการแก้ปัญหา
72% ของนักพัฒนาไม่ใช้ “vibe coding” หรือการวางโค้ดจาก AI โดยไม่ตรวจสอบ
เพราะเสี่ยงต่อการเกิดบั๊กที่ยากตรวจจับ
ไม่เหมาะกับการใช้งานในระบบจริง
AI ยังมีข้อดีด้านการเรียนรู้ โดยช่วยลดความยากในการเริ่มต้นภาษาใหม่หรือ framework ใหม่
ให้คำตอบเฉพาะจุดที่ตรงกับบริบท
เสริมการค้นหาจากเอกสารแบบเดิม
โค้ดที่ “เกือบถูก” จาก AI อาจสร้างบั๊กที่ยากตรวจจับและใช้เวลานานในการแก้ไข
โดยเฉพาะกับนักพัฒนาที่ไม่มีประสบการณ์
อาจทำให้ระบบมีข้อผิดพลาดที่ไม่รู้ตัว
การเชื่อคำแนะนำของ AI โดยไม่ตรวจสอบอาจทำให้เกิดความเสียหายในระบบจริง
AI ไม่เข้าใจบริบทเชิงธุรกิจหรือข้อจำกัดเฉพาะ
ต้องมีการตรวจสอบจากมนุษย์เสมอ
การใช้ AI โดยไม่มีการฝึกอบรมหรือแนวทางที่ชัดเจนอาจสร้างภาระมากกว่าประโยชน์
ผู้ใช้ต้องเข้าใจขีดจำกัดของเครื่องมือ
ต้องมี mindset ที่ไม่พึ่งพา AI อย่างเดียว
การใช้ autocomplete จาก AI โดยไม่พิจารณาอาจฝังข้อผิดพลาดลงในระบบ
ต้องใช้ AI เป็น “คู่คิด” ไม่ใช่ “ผู้แทน”
ควรใช้เพื่อเสนอไอเดีย ไม่ใช่แทนการเขียนทั้งหมด
https://www.techspot.com/news/108907-developers-increasingly-embrace-ai-tools-even-their-trust.html
จากผลสำรวจนักพัฒนากว่า 49,000 คนโดย Stack Overflow พบว่า 80% ใช้ AI ในงานเขียนโค้ดในปี 2025 ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ในขณะเดียวกัน ความเชื่อมั่นในความแม่นยำของ AI กลับลดลงเหลือเพียง 29% จาก 40% ในปีก่อน
ปัญหาหลักคือ “คำตอบที่เกือบถูก” จาก AI เช่น GitHub Copilot หรือ Cursor ที่ดูเหมือนจะใช้งานได้ แต่แฝงข้อผิดพลาดเชิงตรรกะหรือบั๊กที่ยากจะตรวจพบ โดยเฉพาะนักพัฒนารุ่นใหม่ที่มักเชื่อคำแนะนำของ AI มากเกินไป
ผลคือ นักพัฒนาต้องเสียเวลานานในการดีบัก และกว่า 1 ใน 3 ต้องกลับไปหาคำตอบจาก Stack Overflow เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดจากโค้ดที่ AI สร้างขึ้น
แม้จะมีโมเดลใหม่ที่เน้นการให้เหตุผลมากขึ้น แต่ปัญหา “เกือบถูก” ยังคงอยู่ เพราะเป็นธรรมชาติของการสร้างข้อความแบบคาดการณ์ ซึ่งไม่สามารถเข้าใจบริบทลึกได้เหมือนมนุษย์
80% ของนักพัฒนาใช้ AI ในงานเขียนโค้ดในปี 2025
เพิ่มขึ้นจาก 76% ในปี 2024
เป็นการยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการ
ความเชื่อมั่นในความแม่นยำของ AI ลดลงเหลือ 29%
จาก 40% ในปี 2024 และ 43% ในปี 2023
สะท้อนความกังวลเรื่องคุณภาพของผลลัพธ์
45% ของนักพัฒนาระบุว่าการดีบักโค้ดจาก AI ใช้เวลามากกว่าที่คาด
โดยเฉพาะเมื่อโค้ดดูเหมือนถูกแต่มีข้อผิดพลาดซ่อนอยู่
ส่งผลให้ workflow สะดุดและเสียเวลา
มากกว่า 1 ใน 3 ของนักพัฒนาเข้า Stack Overflow เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดจาก AI
แสดงว่า AI ไม่สามารถแทนที่ความรู้จากชุมชนได้
Stack Overflow ยังมีบทบาทสำคัญในการแก้ปัญหา
72% ของนักพัฒนาไม่ใช้ “vibe coding” หรือการวางโค้ดจาก AI โดยไม่ตรวจสอบ
เพราะเสี่ยงต่อการเกิดบั๊กที่ยากตรวจจับ
ไม่เหมาะกับการใช้งานในระบบจริง
AI ยังมีข้อดีด้านการเรียนรู้ โดยช่วยลดความยากในการเริ่มต้นภาษาใหม่หรือ framework ใหม่
ให้คำตอบเฉพาะจุดที่ตรงกับบริบท
เสริมการค้นหาจากเอกสารแบบเดิม
โค้ดที่ “เกือบถูก” จาก AI อาจสร้างบั๊กที่ยากตรวจจับและใช้เวลานานในการแก้ไข
โดยเฉพาะกับนักพัฒนาที่ไม่มีประสบการณ์
อาจทำให้ระบบมีข้อผิดพลาดที่ไม่รู้ตัว
การเชื่อคำแนะนำของ AI โดยไม่ตรวจสอบอาจทำให้เกิดความเสียหายในระบบจริง
AI ไม่เข้าใจบริบทเชิงธุรกิจหรือข้อจำกัดเฉพาะ
ต้องมีการตรวจสอบจากมนุษย์เสมอ
การใช้ AI โดยไม่มีการฝึกอบรมหรือแนวทางที่ชัดเจนอาจสร้างภาระมากกว่าประโยชน์
ผู้ใช้ต้องเข้าใจขีดจำกัดของเครื่องมือ
ต้องมี mindset ที่ไม่พึ่งพา AI อย่างเดียว
การใช้ autocomplete จาก AI โดยไม่พิจารณาอาจฝังข้อผิดพลาดลงในระบบ
ต้องใช้ AI เป็น “คู่คิด” ไม่ใช่ “ผู้แทน”
ควรใช้เพื่อเสนอไอเดีย ไม่ใช่แทนการเขียนทั้งหมด
https://www.techspot.com/news/108907-developers-increasingly-embrace-ai-tools-even-their-trust.html
🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: นักพัฒนาใช้ AI มากขึ้น แต่เชื่อใจน้อยลง—เมื่อ “เกือบถูก” กลายเป็นต้นทุนที่ซ่อนอยู่
จากผลสำรวจนักพัฒนากว่า 49,000 คนโดย Stack Overflow พบว่า 80% ใช้ AI ในงานเขียนโค้ดในปี 2025 ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ในขณะเดียวกัน ความเชื่อมั่นในความแม่นยำของ AI กลับลดลงเหลือเพียง 29% จาก 40% ในปีก่อน
ปัญหาหลักคือ “คำตอบที่เกือบถูก” จาก AI เช่น GitHub Copilot หรือ Cursor ที่ดูเหมือนจะใช้งานได้ แต่แฝงข้อผิดพลาดเชิงตรรกะหรือบั๊กที่ยากจะตรวจพบ โดยเฉพาะนักพัฒนารุ่นใหม่ที่มักเชื่อคำแนะนำของ AI มากเกินไป
ผลคือ นักพัฒนาต้องเสียเวลานานในการดีบัก และกว่า 1 ใน 3 ต้องกลับไปหาคำตอบจาก Stack Overflow เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดจากโค้ดที่ AI สร้างขึ้น
แม้จะมีโมเดลใหม่ที่เน้นการให้เหตุผลมากขึ้น แต่ปัญหา “เกือบถูก” ยังคงอยู่ เพราะเป็นธรรมชาติของการสร้างข้อความแบบคาดการณ์ ซึ่งไม่สามารถเข้าใจบริบทลึกได้เหมือนมนุษย์
✅ 80% ของนักพัฒนาใช้ AI ในงานเขียนโค้ดในปี 2025
➡️ เพิ่มขึ้นจาก 76% ในปี 2024
➡️ เป็นการยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการ
✅ ความเชื่อมั่นในความแม่นยำของ AI ลดลงเหลือ 29%
➡️ จาก 40% ในปี 2024 และ 43% ในปี 2023
➡️ สะท้อนความกังวลเรื่องคุณภาพของผลลัพธ์
✅ 45% ของนักพัฒนาระบุว่าการดีบักโค้ดจาก AI ใช้เวลามากกว่าที่คาด
➡️ โดยเฉพาะเมื่อโค้ดดูเหมือนถูกแต่มีข้อผิดพลาดซ่อนอยู่
➡️ ส่งผลให้ workflow สะดุดและเสียเวลา
✅ มากกว่า 1 ใน 3 ของนักพัฒนาเข้า Stack Overflow เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดจาก AI
➡️ แสดงว่า AI ไม่สามารถแทนที่ความรู้จากชุมชนได้
➡️ Stack Overflow ยังมีบทบาทสำคัญในการแก้ปัญหา
✅ 72% ของนักพัฒนาไม่ใช้ “vibe coding” หรือการวางโค้ดจาก AI โดยไม่ตรวจสอบ
➡️ เพราะเสี่ยงต่อการเกิดบั๊กที่ยากตรวจจับ
➡️ ไม่เหมาะกับการใช้งานในระบบจริง
✅ AI ยังมีข้อดีด้านการเรียนรู้ โดยช่วยลดความยากในการเริ่มต้นภาษาใหม่หรือ framework ใหม่
➡️ ให้คำตอบเฉพาะจุดที่ตรงกับบริบท
➡️ เสริมการค้นหาจากเอกสารแบบเดิม
‼️ โค้ดที่ “เกือบถูก” จาก AI อาจสร้างบั๊กที่ยากตรวจจับและใช้เวลานานในการแก้ไข
⛔ โดยเฉพาะกับนักพัฒนาที่ไม่มีประสบการณ์
⛔ อาจทำให้ระบบมีข้อผิดพลาดที่ไม่รู้ตัว
‼️ การเชื่อคำแนะนำของ AI โดยไม่ตรวจสอบอาจทำให้เกิดความเสียหายในระบบจริง
⛔ AI ไม่เข้าใจบริบทเชิงธุรกิจหรือข้อจำกัดเฉพาะ
⛔ ต้องมีการตรวจสอบจากมนุษย์เสมอ
‼️ การใช้ AI โดยไม่มีการฝึกอบรมหรือแนวทางที่ชัดเจนอาจสร้างภาระมากกว่าประโยชน์
⛔ ผู้ใช้ต้องเข้าใจขีดจำกัดของเครื่องมือ
⛔ ต้องมี mindset ที่ไม่พึ่งพา AI อย่างเดียว
‼️ การใช้ autocomplete จาก AI โดยไม่พิจารณาอาจฝังข้อผิดพลาดลงในระบบ
⛔ ต้องใช้ AI เป็น “คู่คิด” ไม่ใช่ “ผู้แทน”
⛔ ควรใช้เพื่อเสนอไอเดีย ไม่ใช่แทนการเขียนทั้งหมด
https://www.techspot.com/news/108907-developers-increasingly-embrace-ai-tools-even-their-trust.html
0 Comments
0 Shares
32 Views
0 Reviews