เรื่องเล่าจากบทความ: เมื่อ “Abundance” ปะทะ “Anti-Monopoly” ในสนามนโยบายที่อยู่อาศัย
ในช่วงหลังการเลือกตั้งปี 2024 แนวคิด “Abundance” หรือ “ความมั่งคั่งเข้าถึงได้” กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง โดยเสนอให้ลดข้อจำกัดด้านกฎหมายและขั้นตอนราชการ เพื่อเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ที่อยู่อาศัย พลังงาน และการขนส่ง
แต่ฝ่าย “Anti-Monopoly” หรือ “ต่อต้านการผูกขาด” กลับมองว่าแนวคิดนี้อาจเปิดช่องให้บริษัทขนาดใหญ่เข้ามาครอบครองตลาด โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีหลักฐานว่าบริษัทลงทุนขนาดใหญ่กำลังซื้อบ้านเดี่ยวจำนวนมาก ทำให้ราคาบ้านและค่าเช่าพุ่งสูงขึ้น
บทความหลายชิ้นชี้ว่า การแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยไม่ควรเลือกข้างระหว่าง “สร้างเยอะ” กับ “ควบคุมตลาด” แต่ควรใช้ทั้งสองแนวทางร่วมกัน เพื่อให้เกิดทั้งปริมาณและความเป็นธรรม
แนวคิด Abundance เน้นลดข้อจำกัดเพื่อเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐาน
เช่น ลดขั้นตอนการขออนุญาตก่อสร้าง
ส่งเสริมการลงทุนในที่อยู่อาศัย พลังงานสะอาด และระบบขนส่ง
ฝ่าย Anti-Monopoly เตือนว่าการลดข้อจำกัดอาจเปิดช่องให้เกิดการผูกขาด
โดยเฉพาะในตลาดที่อยู่อาศัยที่บริษัทใหญ่เริ่มครอบครอง
ส่งผลให้ราคาบ้านและค่าเช่าสูงขึ้น
นักวิจารณ์เสนอว่าไม่ควรเลือกข้าง แต่ควรใช้ทั้งสองแนวทางร่วมกัน
สร้างที่อยู่อาศัยให้มากขึ้น
พร้อมควบคุมไม่ให้ตลาดถูกครอบงำโดยกลุ่มทุน
มีหลักฐานว่าบริษัทลงทุนขนาดใหญ่ถือครองบ้านเดี่ยวจำนวนมากในบางพื้นที่
เกิดการรวมศูนย์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์
ทำให้ผู้มีรายได้น้อยเข้าถึงบ้านได้ยากขึ้น
แนวคิด Abundance ยังเสนอให้ลดภาระต่อระบบนวัตกรรม เช่น R&D และการพัฒนาเทคโนโลยี
เพื่อให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เข้าถึงได้ง่าย
ลดต้นทุนการใช้ชีวิตในระยะยาว
การลดข้อจำกัดโดยไม่ควบคุมอาจนำไปสู่การผูกขาดในตลาดที่อยู่อาศัย
บริษัทใหญ่สามารถซื้อบ้านจำนวนมากและควบคุมราคา
ทำให้ประชาชนทั่วไปเสียโอกาสในการเป็นเจ้าของบ้าน
การเน้น “สร้างเยอะ” โดยไม่คำนึงถึงคุณภาพและการกระจายอาจสร้างปัญหาใหม่
ที่อยู่อาศัยอาจไม่ตอบโจทย์ผู้มีรายได้น้อย
เกิดการกระจุกตัวของโครงสร้างพื้นฐานในบางพื้นที่
การพึ่งพาภาคเอกชนมากเกินไปอาจทำให้รัฐสูญเสียบทบาทในการกำกับดูแล
รัฐอาจไม่สามารถควบคุมราคาหรือคุณภาพได้
ประชาชนอาจกลายเป็นผู้บริโภคที่ไม่มีอำนาจต่อรอง
การมองข้ามบทบาทของนโยบายต่อต้านการผูกขาดอาจทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำระยะยาว
ตลาดที่ไม่มีการแข่งขันจะไม่เกิดนวัตกรรม
ผู้บริโภคต้องจ่ายแพงขึ้นโดยไม่มีทางเลือก
https://www.derekthompson.org/p/the-anti-abundance-critique-on-housing
ในช่วงหลังการเลือกตั้งปี 2024 แนวคิด “Abundance” หรือ “ความมั่งคั่งเข้าถึงได้” กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง โดยเสนอให้ลดข้อจำกัดด้านกฎหมายและขั้นตอนราชการ เพื่อเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ที่อยู่อาศัย พลังงาน และการขนส่ง
แต่ฝ่าย “Anti-Monopoly” หรือ “ต่อต้านการผูกขาด” กลับมองว่าแนวคิดนี้อาจเปิดช่องให้บริษัทขนาดใหญ่เข้ามาครอบครองตลาด โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีหลักฐานว่าบริษัทลงทุนขนาดใหญ่กำลังซื้อบ้านเดี่ยวจำนวนมาก ทำให้ราคาบ้านและค่าเช่าพุ่งสูงขึ้น
บทความหลายชิ้นชี้ว่า การแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยไม่ควรเลือกข้างระหว่าง “สร้างเยอะ” กับ “ควบคุมตลาด” แต่ควรใช้ทั้งสองแนวทางร่วมกัน เพื่อให้เกิดทั้งปริมาณและความเป็นธรรม
แนวคิด Abundance เน้นลดข้อจำกัดเพื่อเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐาน
เช่น ลดขั้นตอนการขออนุญาตก่อสร้าง
ส่งเสริมการลงทุนในที่อยู่อาศัย พลังงานสะอาด และระบบขนส่ง
ฝ่าย Anti-Monopoly เตือนว่าการลดข้อจำกัดอาจเปิดช่องให้เกิดการผูกขาด
โดยเฉพาะในตลาดที่อยู่อาศัยที่บริษัทใหญ่เริ่มครอบครอง
ส่งผลให้ราคาบ้านและค่าเช่าสูงขึ้น
นักวิจารณ์เสนอว่าไม่ควรเลือกข้าง แต่ควรใช้ทั้งสองแนวทางร่วมกัน
สร้างที่อยู่อาศัยให้มากขึ้น
พร้อมควบคุมไม่ให้ตลาดถูกครอบงำโดยกลุ่มทุน
มีหลักฐานว่าบริษัทลงทุนขนาดใหญ่ถือครองบ้านเดี่ยวจำนวนมากในบางพื้นที่
เกิดการรวมศูนย์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์
ทำให้ผู้มีรายได้น้อยเข้าถึงบ้านได้ยากขึ้น
แนวคิด Abundance ยังเสนอให้ลดภาระต่อระบบนวัตกรรม เช่น R&D และการพัฒนาเทคโนโลยี
เพื่อให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เข้าถึงได้ง่าย
ลดต้นทุนการใช้ชีวิตในระยะยาว
การลดข้อจำกัดโดยไม่ควบคุมอาจนำไปสู่การผูกขาดในตลาดที่อยู่อาศัย
บริษัทใหญ่สามารถซื้อบ้านจำนวนมากและควบคุมราคา
ทำให้ประชาชนทั่วไปเสียโอกาสในการเป็นเจ้าของบ้าน
การเน้น “สร้างเยอะ” โดยไม่คำนึงถึงคุณภาพและการกระจายอาจสร้างปัญหาใหม่
ที่อยู่อาศัยอาจไม่ตอบโจทย์ผู้มีรายได้น้อย
เกิดการกระจุกตัวของโครงสร้างพื้นฐานในบางพื้นที่
การพึ่งพาภาคเอกชนมากเกินไปอาจทำให้รัฐสูญเสียบทบาทในการกำกับดูแล
รัฐอาจไม่สามารถควบคุมราคาหรือคุณภาพได้
ประชาชนอาจกลายเป็นผู้บริโภคที่ไม่มีอำนาจต่อรอง
การมองข้ามบทบาทของนโยบายต่อต้านการผูกขาดอาจทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำระยะยาว
ตลาดที่ไม่มีการแข่งขันจะไม่เกิดนวัตกรรม
ผู้บริโภคต้องจ่ายแพงขึ้นโดยไม่มีทางเลือก
https://www.derekthompson.org/p/the-anti-abundance-critique-on-housing
🎙️ เรื่องเล่าจากบทความ: เมื่อ “Abundance” ปะทะ “Anti-Monopoly” ในสนามนโยบายที่อยู่อาศัย
ในช่วงหลังการเลือกตั้งปี 2024 แนวคิด “Abundance” หรือ “ความมั่งคั่งเข้าถึงได้” กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง โดยเสนอให้ลดข้อจำกัดด้านกฎหมายและขั้นตอนราชการ เพื่อเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ที่อยู่อาศัย พลังงาน และการขนส่ง
แต่ฝ่าย “Anti-Monopoly” หรือ “ต่อต้านการผูกขาด” กลับมองว่าแนวคิดนี้อาจเปิดช่องให้บริษัทขนาดใหญ่เข้ามาครอบครองตลาด โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีหลักฐานว่าบริษัทลงทุนขนาดใหญ่กำลังซื้อบ้านเดี่ยวจำนวนมาก ทำให้ราคาบ้านและค่าเช่าพุ่งสูงขึ้น
บทความหลายชิ้นชี้ว่า การแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยไม่ควรเลือกข้างระหว่าง “สร้างเยอะ” กับ “ควบคุมตลาด” แต่ควรใช้ทั้งสองแนวทางร่วมกัน เพื่อให้เกิดทั้งปริมาณและความเป็นธรรม
✅ แนวคิด Abundance เน้นลดข้อจำกัดเพื่อเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐาน
➡️ เช่น ลดขั้นตอนการขออนุญาตก่อสร้าง
➡️ ส่งเสริมการลงทุนในที่อยู่อาศัย พลังงานสะอาด และระบบขนส่ง
✅ ฝ่าย Anti-Monopoly เตือนว่าการลดข้อจำกัดอาจเปิดช่องให้เกิดการผูกขาด
➡️ โดยเฉพาะในตลาดที่อยู่อาศัยที่บริษัทใหญ่เริ่มครอบครอง
➡️ ส่งผลให้ราคาบ้านและค่าเช่าสูงขึ้น
✅ นักวิจารณ์เสนอว่าไม่ควรเลือกข้าง แต่ควรใช้ทั้งสองแนวทางร่วมกัน
➡️ สร้างที่อยู่อาศัยให้มากขึ้น
➡️ พร้อมควบคุมไม่ให้ตลาดถูกครอบงำโดยกลุ่มทุน
✅ มีหลักฐานว่าบริษัทลงทุนขนาดใหญ่ถือครองบ้านเดี่ยวจำนวนมากในบางพื้นที่
➡️ เกิดการรวมศูนย์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์
➡️ ทำให้ผู้มีรายได้น้อยเข้าถึงบ้านได้ยากขึ้น
✅ แนวคิด Abundance ยังเสนอให้ลดภาระต่อระบบนวัตกรรม เช่น R&D และการพัฒนาเทคโนโลยี
➡️ เพื่อให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เข้าถึงได้ง่าย
➡️ ลดต้นทุนการใช้ชีวิตในระยะยาว
‼️ การลดข้อจำกัดโดยไม่ควบคุมอาจนำไปสู่การผูกขาดในตลาดที่อยู่อาศัย
⛔ บริษัทใหญ่สามารถซื้อบ้านจำนวนมากและควบคุมราคา
⛔ ทำให้ประชาชนทั่วไปเสียโอกาสในการเป็นเจ้าของบ้าน
‼️ การเน้น “สร้างเยอะ” โดยไม่คำนึงถึงคุณภาพและการกระจายอาจสร้างปัญหาใหม่
⛔ ที่อยู่อาศัยอาจไม่ตอบโจทย์ผู้มีรายได้น้อย
⛔ เกิดการกระจุกตัวของโครงสร้างพื้นฐานในบางพื้นที่
‼️ การพึ่งพาภาคเอกชนมากเกินไปอาจทำให้รัฐสูญเสียบทบาทในการกำกับดูแล
⛔ รัฐอาจไม่สามารถควบคุมราคาหรือคุณภาพได้
⛔ ประชาชนอาจกลายเป็นผู้บริโภคที่ไม่มีอำนาจต่อรอง
‼️ การมองข้ามบทบาทของนโยบายต่อต้านการผูกขาดอาจทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำระยะยาว
⛔ ตลาดที่ไม่มีการแข่งขันจะไม่เกิดนวัตกรรม
⛔ ผู้บริโภคต้องจ่ายแพงขึ้นโดยไม่มีทางเลือก
https://www.derekthompson.org/p/the-anti-abundance-critique-on-housing
0 Comments
0 Shares
33 Views
0 Reviews