มาครงมาแปลก เรียกร้องให้ปฏิรูประบบโลกในปัจจุบันที่ไม่ยุติธรรม
ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง เรียกร้องให้มีการปฏิรูประเบียบโลกที่ “ไม่ยุติธรรม” ในปัจจุบัน เพื่อให้มนุษย์สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติมากขึ้น
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เขาได้สรุปวิสัยทัศน์ของเขาในงานประชุมนานาชาติ “Imagining Peace” ที่กรุงปารีส ซึ่งนำบุคคลสำคัญทางการเมืองและศาสนามารวมตัวกัน
ในการกล่าวต่อหน้าชุมชนคาทอลิกแห่งซานต์เอจิดิโอ มาครงกล่าวว่า “เราต้องมีจินตนาการมากพอที่จะคิดถึงสันติภาพของวันพรุ่งนี้ สันติภาพในยุโรปในรูปแบบใหม่”
หากทวีปยุโรปต้องการมีเสถียรภาพมากขึ้น ทุกคนควรยอมรับว่า “ไม่ใช่สหภาพยุโรปหรือ NATO อย่างเด็ดขาด” เขากล่าว “เราจะต้องคิดรูปแบบใหม่ขององค์กรยุโรปและคิดทบทวนความสัมพันธ์ของเรากับรัสเซีย” หลังจากความขัดแย้งในยูเครนสิ้นสุดลง
ในสุนทรพจน์ของเขา มาครงกล่าวอ้างว่าระบบโลกที่สร้างขึ้นภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น “ไม่สมบูรณ์และไม่ยุติธรรม” เนื่องจากประเทศที่เกิดขึ้นมาใหม่จำนวนมากยังไม่มีอยู่จริงในเวลานั้น และไม่มีส่วนร่วมในโต๊ะเจรจา
เขากล่าวว่าองค์กรระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ ธนาคารโลก และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ควรได้รับการปฏิรูป
สิ่งที่มาครงนำเสนอก็เพียงแต่คำพูด เพราะว่าผู้ที่จะปฏิรูปโครงสร้างระบบโลกได้ก็คือสหรัฐและอังกฤษ ซึ่งไม่ต้องการทำสิ่งนั้่นอยู่แล้ว เพราะว่าต้องการรักษาสถานภาพของอำนาจที่มีอยู่
ผ่านมาตรการแซงชั่น การเมือง และการทหาร
แต่ในขณะเดียวกัน จีนและรัสเซียเป็นผู้นำของประเทศกำลังพัฒนาที่ต้องการปฏิรูประบบโลกผ่านความร่วมมือของกลุ่มBRICS เพื่อสร้างสถาปัตยกรรมทางเศรษฐกิจและการเงินของโลกใหม่
มาครงอ้างว่าต้องการสันติภาพ แต่ในทางปฏิบัติเขาเป็นพวกสายเหยี่ยวที่ต้องการให้นาโต้ทำสงครามกับรัสเซีย เท่ากับว่าเขาสนับสนุนสงครามโลกครั้งที่ 3 ให้เกิดขึ้น ฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในประเทศนาโต้ที่ให้การสนับสนุนยูเครนอย่างแข็งขันในการทำสงครามกับรัสเซียผ่านการเงินและการส่งมอบอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ นอกจากนี้มีทหารฝรั่งเศสเดินทางเข้ายูเครน พร้อมกับทหารนาโต้ชาติอื่นๆเพื่อรบกับรัสเซียโดยตรงอีกด้วย
มาครงต้องการประกาศส่งทหารฝรั่งเศสเข้าช่วยยูเครนรบกับรัสเซียอย่างเป็นทางการ และเรียกร้องให้นาโต้กระทำตาม โดยอ้างว่ายุโรปและนาโต้จะสูญเสียความน่าเชื่อถือถ้าหากปล่อยให้รัสเซียมีชัยชนะเหนือยูเครน แต่คำประกาศที่เป็นทางการไม่เกิดขึ้น หลังจากรัสเซียขู่ว่าจะตอบโต้ด้วยสงครามนิวเคลียร์กับนาโต้
ผู้นำยุโรปที่เรียกร้องสันติภาพที่แท้จริงไม่ใช่มาครง แต่เป็นวิคเตอร์ ออร์บาน นายกรัฐมนตรีของฮังการี และโรเบิร์ต ฟิโก้ ผู้นำของสโลวาเนีย ซึ่งถูกลอบสังหารแต่รอดชีวิตมาได้ เพราะว่าแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับสงครามยูเครน
คำปราศรัยของมาครงเกิดขึ้นในขณะที่นายวลาดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนเตรียมพบกับนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อนำเสนอแผนที่เรียกว่า "ชัยชนะ" ซึ่งเป็นแผนงานในการกดดันให้รัสเซียยอมรับความพ่ายแพ้ เซเลนสกี้ต้องการคำอนุญาตให้ใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลของตะวันตกเพื่อโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของรัสเซีย
ฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่บริจาคฮาร์ดแวร์ทางทหารดังกล่าวให้กับยูเครนในรูปแบบของขีปนาวุธร่อน SCALP/Storm Shadow ซึ่งฝรั่งเศสผลิตร่วมกับสหราชอาณาจักร เจ้าหน้าที่อังกฤษสนับสนุนคำขอของเคียฟในการโจมตีรัสเซีย แต่การตัดสินใจขั้นสุดท้ายนั้นเข้าใจกันว่าอยู่ในมือของวอชิงตัน
มาครงไม่ได้มีอำนาจตัดสินใจที่แท้จริงในยุโรป หรือนาโต้ เพราะว่าเขาเป็นเพียงแค่เชียร์ลีดเดอร์
ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง เรียกร้องให้มีการปฏิรูประเบียบโลกที่ “ไม่ยุติธรรม” ในปัจจุบัน เพื่อให้มนุษย์สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติมากขึ้น
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เขาได้สรุปวิสัยทัศน์ของเขาในงานประชุมนานาชาติ “Imagining Peace” ที่กรุงปารีส ซึ่งนำบุคคลสำคัญทางการเมืองและศาสนามารวมตัวกัน
ในการกล่าวต่อหน้าชุมชนคาทอลิกแห่งซานต์เอจิดิโอ มาครงกล่าวว่า “เราต้องมีจินตนาการมากพอที่จะคิดถึงสันติภาพของวันพรุ่งนี้ สันติภาพในยุโรปในรูปแบบใหม่”
หากทวีปยุโรปต้องการมีเสถียรภาพมากขึ้น ทุกคนควรยอมรับว่า “ไม่ใช่สหภาพยุโรปหรือ NATO อย่างเด็ดขาด” เขากล่าว “เราจะต้องคิดรูปแบบใหม่ขององค์กรยุโรปและคิดทบทวนความสัมพันธ์ของเรากับรัสเซีย” หลังจากความขัดแย้งในยูเครนสิ้นสุดลง
ในสุนทรพจน์ของเขา มาครงกล่าวอ้างว่าระบบโลกที่สร้างขึ้นภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น “ไม่สมบูรณ์และไม่ยุติธรรม” เนื่องจากประเทศที่เกิดขึ้นมาใหม่จำนวนมากยังไม่มีอยู่จริงในเวลานั้น และไม่มีส่วนร่วมในโต๊ะเจรจา
เขากล่าวว่าองค์กรระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ ธนาคารโลก และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ควรได้รับการปฏิรูป
สิ่งที่มาครงนำเสนอก็เพียงแต่คำพูด เพราะว่าผู้ที่จะปฏิรูปโครงสร้างระบบโลกได้ก็คือสหรัฐและอังกฤษ ซึ่งไม่ต้องการทำสิ่งนั้่นอยู่แล้ว เพราะว่าต้องการรักษาสถานภาพของอำนาจที่มีอยู่
ผ่านมาตรการแซงชั่น การเมือง และการทหาร
แต่ในขณะเดียวกัน จีนและรัสเซียเป็นผู้นำของประเทศกำลังพัฒนาที่ต้องการปฏิรูประบบโลกผ่านความร่วมมือของกลุ่มBRICS เพื่อสร้างสถาปัตยกรรมทางเศรษฐกิจและการเงินของโลกใหม่
มาครงอ้างว่าต้องการสันติภาพ แต่ในทางปฏิบัติเขาเป็นพวกสายเหยี่ยวที่ต้องการให้นาโต้ทำสงครามกับรัสเซีย เท่ากับว่าเขาสนับสนุนสงครามโลกครั้งที่ 3 ให้เกิดขึ้น ฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในประเทศนาโต้ที่ให้การสนับสนุนยูเครนอย่างแข็งขันในการทำสงครามกับรัสเซียผ่านการเงินและการส่งมอบอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ นอกจากนี้มีทหารฝรั่งเศสเดินทางเข้ายูเครน พร้อมกับทหารนาโต้ชาติอื่นๆเพื่อรบกับรัสเซียโดยตรงอีกด้วย
มาครงต้องการประกาศส่งทหารฝรั่งเศสเข้าช่วยยูเครนรบกับรัสเซียอย่างเป็นทางการ และเรียกร้องให้นาโต้กระทำตาม โดยอ้างว่ายุโรปและนาโต้จะสูญเสียความน่าเชื่อถือถ้าหากปล่อยให้รัสเซียมีชัยชนะเหนือยูเครน แต่คำประกาศที่เป็นทางการไม่เกิดขึ้น หลังจากรัสเซียขู่ว่าจะตอบโต้ด้วยสงครามนิวเคลียร์กับนาโต้
ผู้นำยุโรปที่เรียกร้องสันติภาพที่แท้จริงไม่ใช่มาครง แต่เป็นวิคเตอร์ ออร์บาน นายกรัฐมนตรีของฮังการี และโรเบิร์ต ฟิโก้ ผู้นำของสโลวาเนีย ซึ่งถูกลอบสังหารแต่รอดชีวิตมาได้ เพราะว่าแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับสงครามยูเครน
คำปราศรัยของมาครงเกิดขึ้นในขณะที่นายวลาดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนเตรียมพบกับนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อนำเสนอแผนที่เรียกว่า "ชัยชนะ" ซึ่งเป็นแผนงานในการกดดันให้รัสเซียยอมรับความพ่ายแพ้ เซเลนสกี้ต้องการคำอนุญาตให้ใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลของตะวันตกเพื่อโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของรัสเซีย
ฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่บริจาคฮาร์ดแวร์ทางทหารดังกล่าวให้กับยูเครนในรูปแบบของขีปนาวุธร่อน SCALP/Storm Shadow ซึ่งฝรั่งเศสผลิตร่วมกับสหราชอาณาจักร เจ้าหน้าที่อังกฤษสนับสนุนคำขอของเคียฟในการโจมตีรัสเซีย แต่การตัดสินใจขั้นสุดท้ายนั้นเข้าใจกันว่าอยู่ในมือของวอชิงตัน
มาครงไม่ได้มีอำนาจตัดสินใจที่แท้จริงในยุโรป หรือนาโต้ เพราะว่าเขาเป็นเพียงแค่เชียร์ลีดเดอร์
มาครงมาแปลก เรียกร้องให้ปฏิรูประบบโลกในปัจจุบันที่ไม่ยุติธรรม
ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง เรียกร้องให้มีการปฏิรูประเบียบโลกที่ “ไม่ยุติธรรม” ในปัจจุบัน เพื่อให้มนุษย์สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติมากขึ้น
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เขาได้สรุปวิสัยทัศน์ของเขาในงานประชุมนานาชาติ “Imagining Peace” ที่กรุงปารีส ซึ่งนำบุคคลสำคัญทางการเมืองและศาสนามารวมตัวกัน
ในการกล่าวต่อหน้าชุมชนคาทอลิกแห่งซานต์เอจิดิโอ มาครงกล่าวว่า “เราต้องมีจินตนาการมากพอที่จะคิดถึงสันติภาพของวันพรุ่งนี้ สันติภาพในยุโรปในรูปแบบใหม่”
หากทวีปยุโรปต้องการมีเสถียรภาพมากขึ้น ทุกคนควรยอมรับว่า “ไม่ใช่สหภาพยุโรปหรือ NATO อย่างเด็ดขาด” เขากล่าว “เราจะต้องคิดรูปแบบใหม่ขององค์กรยุโรปและคิดทบทวนความสัมพันธ์ของเรากับรัสเซีย” หลังจากความขัดแย้งในยูเครนสิ้นสุดลง
ในสุนทรพจน์ของเขา มาครงกล่าวอ้างว่าระบบโลกที่สร้างขึ้นภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น “ไม่สมบูรณ์และไม่ยุติธรรม” เนื่องจากประเทศที่เกิดขึ้นมาใหม่จำนวนมากยังไม่มีอยู่จริงในเวลานั้น และไม่มีส่วนร่วมในโต๊ะเจรจา
เขากล่าวว่าองค์กรระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ ธนาคารโลก และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ควรได้รับการปฏิรูป
สิ่งที่มาครงนำเสนอก็เพียงแต่คำพูด เพราะว่าผู้ที่จะปฏิรูปโครงสร้างระบบโลกได้ก็คือสหรัฐและอังกฤษ ซึ่งไม่ต้องการทำสิ่งนั้่นอยู่แล้ว เพราะว่าต้องการรักษาสถานภาพของอำนาจที่มีอยู่
ผ่านมาตรการแซงชั่น การเมือง และการทหาร
แต่ในขณะเดียวกัน จีนและรัสเซียเป็นผู้นำของประเทศกำลังพัฒนาที่ต้องการปฏิรูประบบโลกผ่านความร่วมมือของกลุ่มBRICS เพื่อสร้างสถาปัตยกรรมทางเศรษฐกิจและการเงินของโลกใหม่
มาครงอ้างว่าต้องการสันติภาพ แต่ในทางปฏิบัติเขาเป็นพวกสายเหยี่ยวที่ต้องการให้นาโต้ทำสงครามกับรัสเซีย เท่ากับว่าเขาสนับสนุนสงครามโลกครั้งที่ 3 ให้เกิดขึ้น ฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในประเทศนาโต้ที่ให้การสนับสนุนยูเครนอย่างแข็งขันในการทำสงครามกับรัสเซียผ่านการเงินและการส่งมอบอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ นอกจากนี้มีทหารฝรั่งเศสเดินทางเข้ายูเครน พร้อมกับทหารนาโต้ชาติอื่นๆเพื่อรบกับรัสเซียโดยตรงอีกด้วย
มาครงต้องการประกาศส่งทหารฝรั่งเศสเข้าช่วยยูเครนรบกับรัสเซียอย่างเป็นทางการ และเรียกร้องให้นาโต้กระทำตาม โดยอ้างว่ายุโรปและนาโต้จะสูญเสียความน่าเชื่อถือถ้าหากปล่อยให้รัสเซียมีชัยชนะเหนือยูเครน แต่คำประกาศที่เป็นทางการไม่เกิดขึ้น หลังจากรัสเซียขู่ว่าจะตอบโต้ด้วยสงครามนิวเคลียร์กับนาโต้
ผู้นำยุโรปที่เรียกร้องสันติภาพที่แท้จริงไม่ใช่มาครง แต่เป็นวิคเตอร์ ออร์บาน นายกรัฐมนตรีของฮังการี และโรเบิร์ต ฟิโก้ ผู้นำของสโลวาเนีย ซึ่งถูกลอบสังหารแต่รอดชีวิตมาได้ เพราะว่าแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับสงครามยูเครน
คำปราศรัยของมาครงเกิดขึ้นในขณะที่นายวลาดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนเตรียมพบกับนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อนำเสนอแผนที่เรียกว่า "ชัยชนะ" ซึ่งเป็นแผนงานในการกดดันให้รัสเซียยอมรับความพ่ายแพ้ เซเลนสกี้ต้องการคำอนุญาตให้ใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลของตะวันตกเพื่อโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของรัสเซีย
ฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่บริจาคฮาร์ดแวร์ทางทหารดังกล่าวให้กับยูเครนในรูปแบบของขีปนาวุธร่อน SCALP/Storm Shadow ซึ่งฝรั่งเศสผลิตร่วมกับสหราชอาณาจักร เจ้าหน้าที่อังกฤษสนับสนุนคำขอของเคียฟในการโจมตีรัสเซีย แต่การตัดสินใจขั้นสุดท้ายนั้นเข้าใจกันว่าอยู่ในมือของวอชิงตัน
มาครงไม่ได้มีอำนาจตัดสินใจที่แท้จริงในยุโรป หรือนาโต้ เพราะว่าเขาเป็นเพียงแค่เชียร์ลีดเดอร์