เรื่องเล่าจากแนวหน้าการแพทย์: ยาฉีดปีละสองครั้งที่อาจหยุดการระบาดของ HIV
หลังจากการต่อสู้กับ HIV มานานกว่า 44 ปี โลกอาจเข้าใกล้จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ เมื่อ Lenacapavir ได้รับการอนุมัติจาก FDA ให้ใช้เป็นยา PrEP (Pre-Exposure Prophylaxis) สำหรับผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อแต่มีความเสี่ยงสูง โดยผลการทดลองแสดงว่า ผู้เข้าร่วมกว่า 99.9% ไม่ติดเชื้อ หลังได้รับยา
Lenacapavir เป็นยากลุ่มใหม่ที่เรียกว่า capsid inhibitor ซึ่งทำงานโดยขัดขวางการทำงานของเปลือกโปรตีนของไวรัส HIV ทำให้ไวรัสไม่สามารถเพิ่มจำนวนในร่างกายได้
ที่สำคัญคือ Gilead Sciences ผู้ผลิตยา ได้ร่วมมือกับ Global Fund เพื่อจัดหายานี้ให้กับ 2 ล้านคนในประเทศรายได้น้อยและปานกลาง โดยไม่แสวงหากำไร พร้อมเซ็นสัญญาอนุญาตให้ผู้ผลิตยาสามัญ 6 รายผลิตยาใน 120 ประเทศ
Lenacapavir (Yeztugo) ได้รับการอนุมัติจาก FDA ในสหรัฐอเมริกาเมื่อเดือนมิถุนายน 2025
เป็นยาฉีดปีละสองครั้งสำหรับป้องกัน HIV ในผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อ
เป็นยากลุ่ม capsid inhibitor ที่ทำงานหลายขั้นตอนในวงจรชีวิตของไวรัส
ผลการทดลองทางคลินิกแสดงประสิทธิภาพสูงมาก
ในการทดลอง PURPOSE 1: ผู้หญิงในแอฟริกาใต้และยูกันดา ไม่มีผู้ติดเชื้อเลย
ในการทดลอง PURPOSE 2: ผู้ชายและกลุ่มหลากหลายเพศจากหลายประเทศ มีผู้ติดเชื้อเพียง 2 คนจากกว่า 2,000 คน
Gilead ร่วมมือกับ Global Fund เพื่อจัดหายาให้ประเทศรายได้น้อยโดยไม่แสวงหากำไร
ตั้งเป้าเข้าถึง 2 ล้านคนภายใน 3 ปี
มีการเซ็นสัญญาอนุญาตให้ผลิตยาสามัญใน 120 ประเทศ
WHO ออกคำแนะนำให้ใช้ Lenacapavir เป็นทางเลือกใหม่ในการป้องกัน HIV
เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาในการใช้ยาแบบรายวัน
เป็น “ทางเลือกที่ใกล้เคียงวัคซีน HIV ที่สุดในปัจจุบัน”
Lenacapavir ช่วยลดอุปสรรคด้านการเข้าถึงและความอับอายในการใช้ PrEP
ลดจำนวนการไปคลินิกเหลือเพียงปีละสองครั้ง
เหมาะสำหรับกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้หญิง, LGBTQ+, ผู้ใช้สารเสพติด, ผู้ต้องขัง
ราคายาในสหรัฐยังสูงมาก แม้จะมีโครงการช่วยเหลือ
ราคาปีละประมาณ $28,000 หรือราว 1 ล้านบาท
แม้มีโครงการช่วยเหลือ แต่การเข้าถึงยังขึ้นอยู่กับระบบประกันสุขภาพ
การเข้าถึงในประเทศกำลังพัฒนาอาจถูกขัดขวางจากการตัดงบของสหรัฐ
โครงการ PEPFAR ถูกลดงบประมาณโดยรัฐบาลทรัมป์
ส่งผลให้คลินิกและบริการ HIV ในหลายประเทศต้องปิดตัว
การใช้ยาในผู้ที่ติดเชื้อโดยไม่รู้ตัวอาจทำให้เกิดเชื้อดื้อยา
ต้องตรวจ HIV ก่อนเริ่มใช้และก่อนฉีดทุกครั้ง
หากติดเชื้อแล้ว ต้องเปลี่ยนไปใช้ยารักษา HIV เต็มรูปแบบทันที
ผลข้างเคียงที่พบได้ เช่น ปวดบริเวณฉีด, คลื่นไส้, ก้อนใต้ผิวหนัง
ก้อนยาอาจอยู่ใต้ผิวหนังนานหลายเดือน
ต้องแจ้งผู้ใช้ให้ทราบล่วงหน้าเพื่อไม่ให้เกิดความกังวล
https://newatlas.com/infectious-diseases/hiv-prevention-fda-lenacapavir/
หลังจากการต่อสู้กับ HIV มานานกว่า 44 ปี โลกอาจเข้าใกล้จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ เมื่อ Lenacapavir ได้รับการอนุมัติจาก FDA ให้ใช้เป็นยา PrEP (Pre-Exposure Prophylaxis) สำหรับผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อแต่มีความเสี่ยงสูง โดยผลการทดลองแสดงว่า ผู้เข้าร่วมกว่า 99.9% ไม่ติดเชื้อ หลังได้รับยา
Lenacapavir เป็นยากลุ่มใหม่ที่เรียกว่า capsid inhibitor ซึ่งทำงานโดยขัดขวางการทำงานของเปลือกโปรตีนของไวรัส HIV ทำให้ไวรัสไม่สามารถเพิ่มจำนวนในร่างกายได้
ที่สำคัญคือ Gilead Sciences ผู้ผลิตยา ได้ร่วมมือกับ Global Fund เพื่อจัดหายานี้ให้กับ 2 ล้านคนในประเทศรายได้น้อยและปานกลาง โดยไม่แสวงหากำไร พร้อมเซ็นสัญญาอนุญาตให้ผู้ผลิตยาสามัญ 6 รายผลิตยาใน 120 ประเทศ
Lenacapavir (Yeztugo) ได้รับการอนุมัติจาก FDA ในสหรัฐอเมริกาเมื่อเดือนมิถุนายน 2025
เป็นยาฉีดปีละสองครั้งสำหรับป้องกัน HIV ในผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อ
เป็นยากลุ่ม capsid inhibitor ที่ทำงานหลายขั้นตอนในวงจรชีวิตของไวรัส
ผลการทดลองทางคลินิกแสดงประสิทธิภาพสูงมาก
ในการทดลอง PURPOSE 1: ผู้หญิงในแอฟริกาใต้และยูกันดา ไม่มีผู้ติดเชื้อเลย
ในการทดลอง PURPOSE 2: ผู้ชายและกลุ่มหลากหลายเพศจากหลายประเทศ มีผู้ติดเชื้อเพียง 2 คนจากกว่า 2,000 คน
Gilead ร่วมมือกับ Global Fund เพื่อจัดหายาให้ประเทศรายได้น้อยโดยไม่แสวงหากำไร
ตั้งเป้าเข้าถึง 2 ล้านคนภายใน 3 ปี
มีการเซ็นสัญญาอนุญาตให้ผลิตยาสามัญใน 120 ประเทศ
WHO ออกคำแนะนำให้ใช้ Lenacapavir เป็นทางเลือกใหม่ในการป้องกัน HIV
เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาในการใช้ยาแบบรายวัน
เป็น “ทางเลือกที่ใกล้เคียงวัคซีน HIV ที่สุดในปัจจุบัน”
Lenacapavir ช่วยลดอุปสรรคด้านการเข้าถึงและความอับอายในการใช้ PrEP
ลดจำนวนการไปคลินิกเหลือเพียงปีละสองครั้ง
เหมาะสำหรับกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้หญิง, LGBTQ+, ผู้ใช้สารเสพติด, ผู้ต้องขัง
ราคายาในสหรัฐยังสูงมาก แม้จะมีโครงการช่วยเหลือ
ราคาปีละประมาณ $28,000 หรือราว 1 ล้านบาท
แม้มีโครงการช่วยเหลือ แต่การเข้าถึงยังขึ้นอยู่กับระบบประกันสุขภาพ
การเข้าถึงในประเทศกำลังพัฒนาอาจถูกขัดขวางจากการตัดงบของสหรัฐ
โครงการ PEPFAR ถูกลดงบประมาณโดยรัฐบาลทรัมป์
ส่งผลให้คลินิกและบริการ HIV ในหลายประเทศต้องปิดตัว
การใช้ยาในผู้ที่ติดเชื้อโดยไม่รู้ตัวอาจทำให้เกิดเชื้อดื้อยา
ต้องตรวจ HIV ก่อนเริ่มใช้และก่อนฉีดทุกครั้ง
หากติดเชื้อแล้ว ต้องเปลี่ยนไปใช้ยารักษา HIV เต็มรูปแบบทันที
ผลข้างเคียงที่พบได้ เช่น ปวดบริเวณฉีด, คลื่นไส้, ก้อนใต้ผิวหนัง
ก้อนยาอาจอยู่ใต้ผิวหนังนานหลายเดือน
ต้องแจ้งผู้ใช้ให้ทราบล่วงหน้าเพื่อไม่ให้เกิดความกังวล
https://newatlas.com/infectious-diseases/hiv-prevention-fda-lenacapavir/
🧬 เรื่องเล่าจากแนวหน้าการแพทย์: ยาฉีดปีละสองครั้งที่อาจหยุดการระบาดของ HIV
หลังจากการต่อสู้กับ HIV มานานกว่า 44 ปี โลกอาจเข้าใกล้จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ เมื่อ Lenacapavir ได้รับการอนุมัติจาก FDA ให้ใช้เป็นยา PrEP (Pre-Exposure Prophylaxis) สำหรับผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อแต่มีความเสี่ยงสูง โดยผลการทดลองแสดงว่า ผู้เข้าร่วมกว่า 99.9% ไม่ติดเชื้อ หลังได้รับยา
Lenacapavir เป็นยากลุ่มใหม่ที่เรียกว่า capsid inhibitor ซึ่งทำงานโดยขัดขวางการทำงานของเปลือกโปรตีนของไวรัส HIV ทำให้ไวรัสไม่สามารถเพิ่มจำนวนในร่างกายได้
ที่สำคัญคือ Gilead Sciences ผู้ผลิตยา ได้ร่วมมือกับ Global Fund เพื่อจัดหายานี้ให้กับ 2 ล้านคนในประเทศรายได้น้อยและปานกลาง โดยไม่แสวงหากำไร พร้อมเซ็นสัญญาอนุญาตให้ผู้ผลิตยาสามัญ 6 รายผลิตยาใน 120 ประเทศ
✅ Lenacapavir (Yeztugo) ได้รับการอนุมัติจาก FDA ในสหรัฐอเมริกาเมื่อเดือนมิถุนายน 2025
➡️ เป็นยาฉีดปีละสองครั้งสำหรับป้องกัน HIV ในผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อ
➡️ เป็นยากลุ่ม capsid inhibitor ที่ทำงานหลายขั้นตอนในวงจรชีวิตของไวรัส
✅ ผลการทดลองทางคลินิกแสดงประสิทธิภาพสูงมาก
➡️ ในการทดลอง PURPOSE 1: ผู้หญิงในแอฟริกาใต้และยูกันดา ไม่มีผู้ติดเชื้อเลย
➡️ ในการทดลอง PURPOSE 2: ผู้ชายและกลุ่มหลากหลายเพศจากหลายประเทศ มีผู้ติดเชื้อเพียง 2 คนจากกว่า 2,000 คน
✅ Gilead ร่วมมือกับ Global Fund เพื่อจัดหายาให้ประเทศรายได้น้อยโดยไม่แสวงหากำไร
➡️ ตั้งเป้าเข้าถึง 2 ล้านคนภายใน 3 ปี
➡️ มีการเซ็นสัญญาอนุญาตให้ผลิตยาสามัญใน 120 ประเทศ
✅ WHO ออกคำแนะนำให้ใช้ Lenacapavir เป็นทางเลือกใหม่ในการป้องกัน HIV
➡️ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาในการใช้ยาแบบรายวัน
➡️ เป็น “ทางเลือกที่ใกล้เคียงวัคซีน HIV ที่สุดในปัจจุบัน”
✅ Lenacapavir ช่วยลดอุปสรรคด้านการเข้าถึงและความอับอายในการใช้ PrEP
➡️ ลดจำนวนการไปคลินิกเหลือเพียงปีละสองครั้ง
➡️ เหมาะสำหรับกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้หญิง, LGBTQ+, ผู้ใช้สารเสพติด, ผู้ต้องขัง
‼️ ราคายาในสหรัฐยังสูงมาก แม้จะมีโครงการช่วยเหลือ
⛔ ราคาปีละประมาณ $28,000 หรือราว 1 ล้านบาท
⛔ แม้มีโครงการช่วยเหลือ แต่การเข้าถึงยังขึ้นอยู่กับระบบประกันสุขภาพ
‼️ การเข้าถึงในประเทศกำลังพัฒนาอาจถูกขัดขวางจากการตัดงบของสหรัฐ
⛔ โครงการ PEPFAR ถูกลดงบประมาณโดยรัฐบาลทรัมป์
⛔ ส่งผลให้คลินิกและบริการ HIV ในหลายประเทศต้องปิดตัว
‼️ การใช้ยาในผู้ที่ติดเชื้อโดยไม่รู้ตัวอาจทำให้เกิดเชื้อดื้อยา
⛔ ต้องตรวจ HIV ก่อนเริ่มใช้และก่อนฉีดทุกครั้ง
⛔ หากติดเชื้อแล้ว ต้องเปลี่ยนไปใช้ยารักษา HIV เต็มรูปแบบทันที
‼️ ผลข้างเคียงที่พบได้ เช่น ปวดบริเวณฉีด, คลื่นไส้, ก้อนใต้ผิวหนัง
⛔ ก้อนยาอาจอยู่ใต้ผิวหนังนานหลายเดือน
⛔ ต้องแจ้งผู้ใช้ให้ทราบล่วงหน้าเพื่อไม่ให้เกิดความกังวล
https://newatlas.com/infectious-diseases/hiv-prevention-fda-lenacapavir/
0 Comments
0 Shares
92 Views
0 Reviews