เรื่องเล่าจากเบื้องหลังของ AI ที่เชื่อมต่อทุกอย่าง: เมื่อ MCP กลายเป็นช่องโหว่ใหม่ของโลก agentic AI
MCP ทำหน้าที่คล้าย API โดยเป็นตัวกลางระหว่าง AI agent กับแหล่งข้อมูล เช่น PayPal, Zapier, Shopify หรือระบบภายในองค์กร เพื่อให้ AI ดึงข้อมูลหรือสั่งงานได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ดเชื่อมต่อเอง
แต่การเปิด MCP server โดยไม่ระวัง อาจทำให้เกิดช่องโหว่ร้ายแรง เช่น:
- การเข้าถึงข้อมูลข้าม tenant
- การโจมตีแบบ prompt injection ที่แฝงมากับคำขอจากผู้ใช้
- การใช้ MCP server ปลอมที่มีคำสั่งอันตรายฝังอยู่
- การขโมย token และ takeover บัญชี
- การใช้ MCP server ที่เชื่อมต่อกันแบบ “composability chaining” เพื่อหลบการตรวจจับ
นักวิจัยจากหลายองค์กร เช่น UpGuard, Invariant Labs, CyberArk และ Palo Alto Networks ได้แสดงตัวอย่างการโจมตีจริงที่เกิดขึ้นแล้ว และเตือนว่าองค์กรต้องมีมาตรการป้องกัน เช่น:
- ตรวจสอบ source ของ MCP server
- ใช้ least privilege และ human-in-the-loop
- ตรวจสอบข้อความที่ส่งไปยัง LLM อย่างละเอียด
- ไม่เปิด MCP server ให้ใช้งานภายนอกโดยไม่มีการยืนยันตัวตน
10 อันดับช่องโหว่ของ MCP ที่องค์กรต้องระวัง
1. Cross-tenant data exposure
ผู้ใช้จาก tenant หนึ่งสามารถเข้าถึงข้อมูลของ tenant อื่นได้ หากไม่มีการแยกสิทธิ์อย่างชัดเจน
ข้อมูลภายในองค์กรอาจรั่วไปยังลูกค้า หรือพันธมิตรโดยไม่ตั้งใจ
ต้องใช้การแยก tenant และ least privilege อย่างเข้มงวด
2. Living off AI attacks
แฮกเกอร์แฝง prompt injection ในคำขอที่ดู harmless แล้วส่งผ่านมนุษย์ไปยัง AI agent
AI อาจรันคำสั่งอันตรายโดยไม่รู้ตัว
ต้องมีการตรวจสอบข้อความก่อนส่งไปยัง LLM และใช้ human-in-the-loop
3. Tool poisoning
MCP server ปลอมอาจมีคำสั่งอันตรายฝังใน metadata เช่น function name หรือ error message
การติดตั้ง server โดยไม่ตรวจสอบแหล่งที่มาเสี่ยงต่อการโดน “rug pull”
ต้องตรวจสอบ source, permissions และ source code ก่อนใช้งาน
4. Toxic agent flows via trusted platforms
ใช้แพลตฟอร์มที่ดูปลอดภัย เช่น GitHub เป็นช่องทางแฝง prompt injection
AI agent อาจรันคำสั่งจาก public repo โดยไม่รู้ว่ามีคำสั่งอันตราย
ต้องมีการยืนยัน tool call และตรวจสอบข้อความจากแหล่งภายนอก
5. Token theft and account takeover
หาก token ถูกเก็บแบบไม่เข้ารหัสใน config file อาจถูกขโมยและใช้สร้าง MCP server ปลอม
การเข้าถึง Gmail หรือระบบอื่นผ่าน token จะไม่ถูกตรวจจับว่าเป็นการ login ผิดปกติ
ต้องเข้ารหัส token และตรวจสอบการใช้งาน API อย่างสม่ำเสมอ
6. Composability chaining
MCP server ปลอมอาจเชื่อมต่อกับ server อื่นที่มีคำสั่งอันตราย แล้วรวมผลลัพธ์ส่งให้ AI
แม้จะไม่ได้เชื่อมต่อกับ server ปลอมโดยตรง ก็ยังถูกโจมตีได้
ต้องตรวจสอบแหล่งข้อมูลที่ MCP server ใช้ และจำกัดการเชื่อมต่อแบบ chain
7. User consent fatigue
ผู้ใช้ถูกขออนุมัติหลายครั้งจนเริ่มกด “อนุมัติ” โดยไม่อ่าน
คำขออันตรายอาจแฝงมากับคำขอ harmless
ต้องออกแบบระบบอนุมัติให้มี context และจำกัดคำขอซ้ำซ้อน
8. Admin bypass
MCP server ไม่ตรวจสอบสิทธิ์ของผู้ใช้ ทำให้ AI agent เข้าถึงข้อมูลเกินสิทธิ์
อาจเกิดจาก insider หรือผู้ใช้ภายนอกที่เข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต
ต้องมีการตรวจสอบสิทธิ์ทุกคำขอ และจำกัดการเข้าถึงตาม role
9. Command injection
MCP server ส่ง input ไปยังระบบอื่นโดยไม่ตรวจสอบ ทำให้เกิดการ inject คำสั่ง
คล้าย SQL injection แต่เกิดในระบบ AI agent
ต้องใช้ input validation และ parameterized commands
10. Tool shadowing
MCP server ปลอม redirect ข้อมูลจาก server จริงไปยังผู้โจมตี
การโจมตีอาจไม่ปรากฏใน audit log และตรวจจับได้ยาก
ต้องตรวจสอบการใช้งานของ AI agent และจำกัดการเข้าถึง MCP หลายตัวพร้อมกัน
https://www.csoonline.com/article/4023795/top-10-mcp-vulnerabilities.html
MCP ทำหน้าที่คล้าย API โดยเป็นตัวกลางระหว่าง AI agent กับแหล่งข้อมูล เช่น PayPal, Zapier, Shopify หรือระบบภายในองค์กร เพื่อให้ AI ดึงข้อมูลหรือสั่งงานได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ดเชื่อมต่อเอง
แต่การเปิด MCP server โดยไม่ระวัง อาจทำให้เกิดช่องโหว่ร้ายแรง เช่น:
- การเข้าถึงข้อมูลข้าม tenant
- การโจมตีแบบ prompt injection ที่แฝงมากับคำขอจากผู้ใช้
- การใช้ MCP server ปลอมที่มีคำสั่งอันตรายฝังอยู่
- การขโมย token และ takeover บัญชี
- การใช้ MCP server ที่เชื่อมต่อกันแบบ “composability chaining” เพื่อหลบการตรวจจับ
นักวิจัยจากหลายองค์กร เช่น UpGuard, Invariant Labs, CyberArk และ Palo Alto Networks ได้แสดงตัวอย่างการโจมตีจริงที่เกิดขึ้นแล้ว และเตือนว่าองค์กรต้องมีมาตรการป้องกัน เช่น:
- ตรวจสอบ source ของ MCP server
- ใช้ least privilege และ human-in-the-loop
- ตรวจสอบข้อความที่ส่งไปยัง LLM อย่างละเอียด
- ไม่เปิด MCP server ให้ใช้งานภายนอกโดยไม่มีการยืนยันตัวตน
10 อันดับช่องโหว่ของ MCP ที่องค์กรต้องระวัง
1. Cross-tenant data exposure
ผู้ใช้จาก tenant หนึ่งสามารถเข้าถึงข้อมูลของ tenant อื่นได้ หากไม่มีการแยกสิทธิ์อย่างชัดเจน
ข้อมูลภายในองค์กรอาจรั่วไปยังลูกค้า หรือพันธมิตรโดยไม่ตั้งใจ
ต้องใช้การแยก tenant และ least privilege อย่างเข้มงวด
2. Living off AI attacks
แฮกเกอร์แฝง prompt injection ในคำขอที่ดู harmless แล้วส่งผ่านมนุษย์ไปยัง AI agent
AI อาจรันคำสั่งอันตรายโดยไม่รู้ตัว
ต้องมีการตรวจสอบข้อความก่อนส่งไปยัง LLM และใช้ human-in-the-loop
3. Tool poisoning
MCP server ปลอมอาจมีคำสั่งอันตรายฝังใน metadata เช่น function name หรือ error message
การติดตั้ง server โดยไม่ตรวจสอบแหล่งที่มาเสี่ยงต่อการโดน “rug pull”
ต้องตรวจสอบ source, permissions และ source code ก่อนใช้งาน
4. Toxic agent flows via trusted platforms
ใช้แพลตฟอร์มที่ดูปลอดภัย เช่น GitHub เป็นช่องทางแฝง prompt injection
AI agent อาจรันคำสั่งจาก public repo โดยไม่รู้ว่ามีคำสั่งอันตราย
ต้องมีการยืนยัน tool call และตรวจสอบข้อความจากแหล่งภายนอก
5. Token theft and account takeover
หาก token ถูกเก็บแบบไม่เข้ารหัสใน config file อาจถูกขโมยและใช้สร้าง MCP server ปลอม
การเข้าถึง Gmail หรือระบบอื่นผ่าน token จะไม่ถูกตรวจจับว่าเป็นการ login ผิดปกติ
ต้องเข้ารหัส token และตรวจสอบการใช้งาน API อย่างสม่ำเสมอ
6. Composability chaining
MCP server ปลอมอาจเชื่อมต่อกับ server อื่นที่มีคำสั่งอันตราย แล้วรวมผลลัพธ์ส่งให้ AI
แม้จะไม่ได้เชื่อมต่อกับ server ปลอมโดยตรง ก็ยังถูกโจมตีได้
ต้องตรวจสอบแหล่งข้อมูลที่ MCP server ใช้ และจำกัดการเชื่อมต่อแบบ chain
7. User consent fatigue
ผู้ใช้ถูกขออนุมัติหลายครั้งจนเริ่มกด “อนุมัติ” โดยไม่อ่าน
คำขออันตรายอาจแฝงมากับคำขอ harmless
ต้องออกแบบระบบอนุมัติให้มี context และจำกัดคำขอซ้ำซ้อน
8. Admin bypass
MCP server ไม่ตรวจสอบสิทธิ์ของผู้ใช้ ทำให้ AI agent เข้าถึงข้อมูลเกินสิทธิ์
อาจเกิดจาก insider หรือผู้ใช้ภายนอกที่เข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต
ต้องมีการตรวจสอบสิทธิ์ทุกคำขอ และจำกัดการเข้าถึงตาม role
9. Command injection
MCP server ส่ง input ไปยังระบบอื่นโดยไม่ตรวจสอบ ทำให้เกิดการ inject คำสั่ง
คล้าย SQL injection แต่เกิดในระบบ AI agent
ต้องใช้ input validation และ parameterized commands
10. Tool shadowing
MCP server ปลอม redirect ข้อมูลจาก server จริงไปยังผู้โจมตี
การโจมตีอาจไม่ปรากฏใน audit log และตรวจจับได้ยาก
ต้องตรวจสอบการใช้งานของ AI agent และจำกัดการเข้าถึง MCP หลายตัวพร้อมกัน
https://www.csoonline.com/article/4023795/top-10-mcp-vulnerabilities.html
🎙️ เรื่องเล่าจากเบื้องหลังของ AI ที่เชื่อมต่อทุกอย่าง: เมื่อ MCP กลายเป็นช่องโหว่ใหม่ของโลก agentic AI
MCP ทำหน้าที่คล้าย API โดยเป็นตัวกลางระหว่าง AI agent กับแหล่งข้อมูล เช่น PayPal, Zapier, Shopify หรือระบบภายในองค์กร เพื่อให้ AI ดึงข้อมูลหรือสั่งงานได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ดเชื่อมต่อเอง
แต่การเปิด MCP server โดยไม่ระวัง อาจทำให้เกิดช่องโหว่ร้ายแรง เช่น:
- การเข้าถึงข้อมูลข้าม tenant
- การโจมตีแบบ prompt injection ที่แฝงมากับคำขอจากผู้ใช้
- การใช้ MCP server ปลอมที่มีคำสั่งอันตรายฝังอยู่
- การขโมย token และ takeover บัญชี
- การใช้ MCP server ที่เชื่อมต่อกันแบบ “composability chaining” เพื่อหลบการตรวจจับ
นักวิจัยจากหลายองค์กร เช่น UpGuard, Invariant Labs, CyberArk และ Palo Alto Networks ได้แสดงตัวอย่างการโจมตีจริงที่เกิดขึ้นแล้ว และเตือนว่าองค์กรต้องมีมาตรการป้องกัน เช่น:
- ตรวจสอบ source ของ MCP server
- ใช้ least privilege และ human-in-the-loop
- ตรวจสอบข้อความที่ส่งไปยัง LLM อย่างละเอียด
- ไม่เปิด MCP server ให้ใช้งานภายนอกโดยไม่มีการยืนยันตัวตน
🧠 10 อันดับช่องโหว่ของ MCP ที่องค์กรต้องระวัง
1. ✅ Cross-tenant data exposure
➡️ ผู้ใช้จาก tenant หนึ่งสามารถเข้าถึงข้อมูลของ tenant อื่นได้ หากไม่มีการแยกสิทธิ์อย่างชัดเจน
‼️ ข้อมูลภายในองค์กรอาจรั่วไปยังลูกค้า หรือพันธมิตรโดยไม่ตั้งใจ
⛔ ต้องใช้การแยก tenant และ least privilege อย่างเข้มงวด
2. ✅ Living off AI attacks
➡️ แฮกเกอร์แฝง prompt injection ในคำขอที่ดู harmless แล้วส่งผ่านมนุษย์ไปยัง AI agent
‼️ AI อาจรันคำสั่งอันตรายโดยไม่รู้ตัว
⛔ ต้องมีการตรวจสอบข้อความก่อนส่งไปยัง LLM และใช้ human-in-the-loop
3. ✅ Tool poisoning
➡️ MCP server ปลอมอาจมีคำสั่งอันตรายฝังใน metadata เช่น function name หรือ error message
‼️ การติดตั้ง server โดยไม่ตรวจสอบแหล่งที่มาเสี่ยงต่อการโดน “rug pull”
⛔ ต้องตรวจสอบ source, permissions และ source code ก่อนใช้งาน
4. ✅ Toxic agent flows via trusted platforms
➡️ ใช้แพลตฟอร์มที่ดูปลอดภัย เช่น GitHub เป็นช่องทางแฝง prompt injection
‼️ AI agent อาจรันคำสั่งจาก public repo โดยไม่รู้ว่ามีคำสั่งอันตราย
⛔ ต้องมีการยืนยัน tool call และตรวจสอบข้อความจากแหล่งภายนอก
5. ✅ Token theft and account takeover
➡️ หาก token ถูกเก็บแบบไม่เข้ารหัสใน config file อาจถูกขโมยและใช้สร้าง MCP server ปลอม
‼️ การเข้าถึง Gmail หรือระบบอื่นผ่าน token จะไม่ถูกตรวจจับว่าเป็นการ login ผิดปกติ
⛔ ต้องเข้ารหัส token และตรวจสอบการใช้งาน API อย่างสม่ำเสมอ
6. ✅ Composability chaining
➡️ MCP server ปลอมอาจเชื่อมต่อกับ server อื่นที่มีคำสั่งอันตราย แล้วรวมผลลัพธ์ส่งให้ AI
‼️ แม้จะไม่ได้เชื่อมต่อกับ server ปลอมโดยตรง ก็ยังถูกโจมตีได้
⛔ ต้องตรวจสอบแหล่งข้อมูลที่ MCP server ใช้ และจำกัดการเชื่อมต่อแบบ chain
7. ✅ User consent fatigue
➡️ ผู้ใช้ถูกขออนุมัติหลายครั้งจนเริ่มกด “อนุมัติ” โดยไม่อ่าน
‼️ คำขออันตรายอาจแฝงมากับคำขอ harmless
⛔ ต้องออกแบบระบบอนุมัติให้มี context และจำกัดคำขอซ้ำซ้อน
8. ✅ Admin bypass
➡️ MCP server ไม่ตรวจสอบสิทธิ์ของผู้ใช้ ทำให้ AI agent เข้าถึงข้อมูลเกินสิทธิ์
‼️ อาจเกิดจาก insider หรือผู้ใช้ภายนอกที่เข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต
⛔ ต้องมีการตรวจสอบสิทธิ์ทุกคำขอ และจำกัดการเข้าถึงตาม role
9. ✅ Command injection
➡️ MCP server ส่ง input ไปยังระบบอื่นโดยไม่ตรวจสอบ ทำให้เกิดการ inject คำสั่ง
‼️ คล้าย SQL injection แต่เกิดในระบบ AI agent
⛔ ต้องใช้ input validation และ parameterized commands
10. ✅ Tool shadowing
➡️ MCP server ปลอม redirect ข้อมูลจาก server จริงไปยังผู้โจมตี
‼️ การโจมตีอาจไม่ปรากฏใน audit log และตรวจจับได้ยาก
⛔ ต้องตรวจสอบการใช้งานของ AI agent และจำกัดการเข้าถึง MCP หลายตัวพร้อมกัน
https://www.csoonline.com/article/4023795/top-10-mcp-vulnerabilities.html
0 Comments
0 Shares
129 Views
0 Reviews