เรื่องเล่าจากโลกเซิร์ฟเวอร์: Backup ไม่ใช่แค่การคัดลอก — ต้องวางแผนด้วย
ผู้เขียน Stefano Marinelli ยกตัวอย่างเคสจริงที่เจอมา เช่น datacenter ไฟไหม้, ห้องเซิร์ฟเวอร์น้ำท่วม, หรือแผ่นดินไหวพังเครื่องไปหมด — และสามารถกู้คืนทั้งหมดได้ในไม่กี่ชั่วโมง ด้วยระบบ backup ที่ออกแบบไว้อย่างดี
แนวคิดหลักคือ:
- การแบ็กอัปต้อง “สามารถกู้คืนได้จริง” และรวดเร็ว
- ไม่ควรผูกติดกับระบบ/ซอฟต์แวร์ใดเป็นพิเศษ
- ต้องมีความสม่ำเสมอและตรวจสอบได้ตลอดเวลา
บทความจึงเน้นให้เริ่มจากการตอบคำถามเชิงกลยุทธ์ เช่น:
- ข้อมูลใดที่ “ต้องรอด” ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
- จะยอม downtime ได้มากแค่ไหน
- ขนาดพื้นที่จัดเก็บมีเท่าไร
- อยาก backup ทั้ง disk หรือเฉพาะไฟล์
โดยแบ่งทางเลือกออกเป็น 2 แนว:
- Full Disk Backup (เช่น VM snapshot)
- File-Level Backup (ใช้ rsync/tar เป็นต้น)
รวมถึงอธิบายว่า “snapshot ก่อน backup” คือสิ่งสำคัญเพื่อให้ข้อมูลสอดคล้อง ไม่เกิดความเสียหายระหว่างการกู้คืน
สุดท้ายพูดถึงสถาปัตยกรรมแบบ push หรือ pull ซึ่งผู้เขียนแนะนำว่าการ backup โดยให้ “เซิร์ฟเวอร์เป็นฝ่ายเรียกข้อมูลเอง” จะปลอดภัยกว่า หากสามารถออกแบบได้
Backup ที่ดีต้องกู้คืนได้เร็ว ปลอดภัย และเป็นอิสระจากระบบที่ใช้
ไม่ควรพึ่งเฉพาะ cloud หรือคิดว่า RAID คือ backup
ต้องเริ่มจากการวางแผน เช่น ข้อมูลไหนสำคัญแค่ไหน
และต้องการ downtime หรือระยะกู้คืนเท่าไร
การเก็บ backup ไว้ในเครื่องเดียวกันกับข้อมูลจริงเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง
หากเครื่องพังหรือไฟดับ จะไม่สามารถใช้งาน backup ได้
เปรียบเทียบระหว่าง Full Disk Backup และ File Backup
Full Disk ดีตรงกู้ทั้งระบบ แต่ใช้พื้นที่สูง ส่วน File ดีตรงยืดหยุ่นและเร็วกว่าบางกรณี
Snapshot ของระบบไฟล์เป็นหัวใจของการทำ backup ที่สอดคล้อง
เช่นใช้ ZFS, BTRFS, LVM หรือ VSS ใน Windows เพื่อเก็บสภาพแบบ freeze ก่อนคัดลอก
สถาปัตยกรรม backup แบบ Pull จะปลอดภัยกว่า Push หากจัดการได้
เพราะลดโอกาสที่ client จะเข้ามาลบ backup หากถูกโจมตี
ควรมี snapshot ฝั่ง server backup เพื่อความปลอดภัยอีกชั้น
ถ้า client ถูกเจาะ ระบบยังสามารถย้อนคืนได้ด้วย snapshot ฝั่ง server
การคัดลอกไฟล์ของระบบที่เปิดใช้งานอยู่ (เช่น database) อาจใช้งานไม่ได้จริง
ไฟล์ที่อยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลงจะไม่สามารถกู้คืนได้ และอาจ corrupt
บาง snapshot เช่น LVM หรือ DattoBD อาจทำให้ระบบ freeze หากใช้ผิดจังหวะ
โดยเฉพาะตอนลบ snapshot ระหว่าง I/O หนัก อาจต้อง reboot ระบบ
การเก็บ backup ใกล้เกินไปจากระบบหลัก อาจสะดุดตอนต้องใช้ในเหตุฉุกเฉิน
เช่น backup บน LAN หรือเครื่องเดียวกัน เมื่อภัยพิบัติเกิด อาจใช้ไม่ได้
หากไม่มี snapshot ฝั่ง server backup แล้วโดน client เจาะลึก อาจลบข้อมูลหมดโดยไม่รู้ตัว
ควรตั้งระบบ snapshot ฝั่ง server ไว้นานพอเพื่อระบุการโจมตีและกู้คืนได้
https://it-notes.dragas.net/2025/07/18/make-your-own-backup-system-part-1-strategy-before-scripts/
ผู้เขียน Stefano Marinelli ยกตัวอย่างเคสจริงที่เจอมา เช่น datacenter ไฟไหม้, ห้องเซิร์ฟเวอร์น้ำท่วม, หรือแผ่นดินไหวพังเครื่องไปหมด — และสามารถกู้คืนทั้งหมดได้ในไม่กี่ชั่วโมง ด้วยระบบ backup ที่ออกแบบไว้อย่างดี
แนวคิดหลักคือ:
- การแบ็กอัปต้อง “สามารถกู้คืนได้จริง” และรวดเร็ว
- ไม่ควรผูกติดกับระบบ/ซอฟต์แวร์ใดเป็นพิเศษ
- ต้องมีความสม่ำเสมอและตรวจสอบได้ตลอดเวลา
บทความจึงเน้นให้เริ่มจากการตอบคำถามเชิงกลยุทธ์ เช่น:
- ข้อมูลใดที่ “ต้องรอด” ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
- จะยอม downtime ได้มากแค่ไหน
- ขนาดพื้นที่จัดเก็บมีเท่าไร
- อยาก backup ทั้ง disk หรือเฉพาะไฟล์
โดยแบ่งทางเลือกออกเป็น 2 แนว:
- Full Disk Backup (เช่น VM snapshot)
- File-Level Backup (ใช้ rsync/tar เป็นต้น)
รวมถึงอธิบายว่า “snapshot ก่อน backup” คือสิ่งสำคัญเพื่อให้ข้อมูลสอดคล้อง ไม่เกิดความเสียหายระหว่างการกู้คืน
สุดท้ายพูดถึงสถาปัตยกรรมแบบ push หรือ pull ซึ่งผู้เขียนแนะนำว่าการ backup โดยให้ “เซิร์ฟเวอร์เป็นฝ่ายเรียกข้อมูลเอง” จะปลอดภัยกว่า หากสามารถออกแบบได้
Backup ที่ดีต้องกู้คืนได้เร็ว ปลอดภัย และเป็นอิสระจากระบบที่ใช้
ไม่ควรพึ่งเฉพาะ cloud หรือคิดว่า RAID คือ backup
ต้องเริ่มจากการวางแผน เช่น ข้อมูลไหนสำคัญแค่ไหน
และต้องการ downtime หรือระยะกู้คืนเท่าไร
การเก็บ backup ไว้ในเครื่องเดียวกันกับข้อมูลจริงเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง
หากเครื่องพังหรือไฟดับ จะไม่สามารถใช้งาน backup ได้
เปรียบเทียบระหว่าง Full Disk Backup และ File Backup
Full Disk ดีตรงกู้ทั้งระบบ แต่ใช้พื้นที่สูง ส่วน File ดีตรงยืดหยุ่นและเร็วกว่าบางกรณี
Snapshot ของระบบไฟล์เป็นหัวใจของการทำ backup ที่สอดคล้อง
เช่นใช้ ZFS, BTRFS, LVM หรือ VSS ใน Windows เพื่อเก็บสภาพแบบ freeze ก่อนคัดลอก
สถาปัตยกรรม backup แบบ Pull จะปลอดภัยกว่า Push หากจัดการได้
เพราะลดโอกาสที่ client จะเข้ามาลบ backup หากถูกโจมตี
ควรมี snapshot ฝั่ง server backup เพื่อความปลอดภัยอีกชั้น
ถ้า client ถูกเจาะ ระบบยังสามารถย้อนคืนได้ด้วย snapshot ฝั่ง server
การคัดลอกไฟล์ของระบบที่เปิดใช้งานอยู่ (เช่น database) อาจใช้งานไม่ได้จริง
ไฟล์ที่อยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลงจะไม่สามารถกู้คืนได้ และอาจ corrupt
บาง snapshot เช่น LVM หรือ DattoBD อาจทำให้ระบบ freeze หากใช้ผิดจังหวะ
โดยเฉพาะตอนลบ snapshot ระหว่าง I/O หนัก อาจต้อง reboot ระบบ
การเก็บ backup ใกล้เกินไปจากระบบหลัก อาจสะดุดตอนต้องใช้ในเหตุฉุกเฉิน
เช่น backup บน LAN หรือเครื่องเดียวกัน เมื่อภัยพิบัติเกิด อาจใช้ไม่ได้
หากไม่มี snapshot ฝั่ง server backup แล้วโดน client เจาะลึก อาจลบข้อมูลหมดโดยไม่รู้ตัว
ควรตั้งระบบ snapshot ฝั่ง server ไว้นานพอเพื่อระบุการโจมตีและกู้คืนได้
https://it-notes.dragas.net/2025/07/18/make-your-own-backup-system-part-1-strategy-before-scripts/
🎙️ เรื่องเล่าจากโลกเซิร์ฟเวอร์: Backup ไม่ใช่แค่การคัดลอก — ต้องวางแผนด้วย
ผู้เขียน Stefano Marinelli ยกตัวอย่างเคสจริงที่เจอมา เช่น datacenter ไฟไหม้, ห้องเซิร์ฟเวอร์น้ำท่วม, หรือแผ่นดินไหวพังเครื่องไปหมด — และสามารถกู้คืนทั้งหมดได้ในไม่กี่ชั่วโมง ด้วยระบบ backup ที่ออกแบบไว้อย่างดี
แนวคิดหลักคือ:
- การแบ็กอัปต้อง “สามารถกู้คืนได้จริง” และรวดเร็ว
- ไม่ควรผูกติดกับระบบ/ซอฟต์แวร์ใดเป็นพิเศษ
- ต้องมีความสม่ำเสมอและตรวจสอบได้ตลอดเวลา
บทความจึงเน้นให้เริ่มจากการตอบคำถามเชิงกลยุทธ์ เช่น:
- ข้อมูลใดที่ “ต้องรอด” ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
- จะยอม downtime ได้มากแค่ไหน
- ขนาดพื้นที่จัดเก็บมีเท่าไร
- อยาก backup ทั้ง disk หรือเฉพาะไฟล์
โดยแบ่งทางเลือกออกเป็น 2 แนว:
- Full Disk Backup (เช่น VM snapshot)
- File-Level Backup (ใช้ rsync/tar เป็นต้น)
รวมถึงอธิบายว่า “snapshot ก่อน backup” คือสิ่งสำคัญเพื่อให้ข้อมูลสอดคล้อง ไม่เกิดความเสียหายระหว่างการกู้คืน
สุดท้ายพูดถึงสถาปัตยกรรมแบบ push หรือ pull ซึ่งผู้เขียนแนะนำว่าการ backup โดยให้ “เซิร์ฟเวอร์เป็นฝ่ายเรียกข้อมูลเอง” จะปลอดภัยกว่า หากสามารถออกแบบได้
✅ Backup ที่ดีต้องกู้คืนได้เร็ว ปลอดภัย และเป็นอิสระจากระบบที่ใช้
➡️ ไม่ควรพึ่งเฉพาะ cloud หรือคิดว่า RAID คือ backup
✅ ต้องเริ่มจากการวางแผน เช่น ข้อมูลไหนสำคัญแค่ไหน
➡️ และต้องการ downtime หรือระยะกู้คืนเท่าไร
✅ การเก็บ backup ไว้ในเครื่องเดียวกันกับข้อมูลจริงเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง
➡️ หากเครื่องพังหรือไฟดับ จะไม่สามารถใช้งาน backup ได้
✅ เปรียบเทียบระหว่าง Full Disk Backup และ File Backup
➡️ Full Disk ดีตรงกู้ทั้งระบบ แต่ใช้พื้นที่สูง ส่วน File ดีตรงยืดหยุ่นและเร็วกว่าบางกรณี
✅ Snapshot ของระบบไฟล์เป็นหัวใจของการทำ backup ที่สอดคล้อง
➡️ เช่นใช้ ZFS, BTRFS, LVM หรือ VSS ใน Windows เพื่อเก็บสภาพแบบ freeze ก่อนคัดลอก
✅ สถาปัตยกรรม backup แบบ Pull จะปลอดภัยกว่า Push หากจัดการได้
➡️ เพราะลดโอกาสที่ client จะเข้ามาลบ backup หากถูกโจมตี
✅ ควรมี snapshot ฝั่ง server backup เพื่อความปลอดภัยอีกชั้น
➡️ ถ้า client ถูกเจาะ ระบบยังสามารถย้อนคืนได้ด้วย snapshot ฝั่ง server
‼️ การคัดลอกไฟล์ของระบบที่เปิดใช้งานอยู่ (เช่น database) อาจใช้งานไม่ได้จริง
⛔ ไฟล์ที่อยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลงจะไม่สามารถกู้คืนได้ และอาจ corrupt
‼️ บาง snapshot เช่น LVM หรือ DattoBD อาจทำให้ระบบ freeze หากใช้ผิดจังหวะ
⛔ โดยเฉพาะตอนลบ snapshot ระหว่าง I/O หนัก อาจต้อง reboot ระบบ
‼️ การเก็บ backup ใกล้เกินไปจากระบบหลัก อาจสะดุดตอนต้องใช้ในเหตุฉุกเฉิน
⛔ เช่น backup บน LAN หรือเครื่องเดียวกัน เมื่อภัยพิบัติเกิด อาจใช้ไม่ได้
‼️ หากไม่มี snapshot ฝั่ง server backup แล้วโดน client เจาะลึก อาจลบข้อมูลหมดโดยไม่รู้ตัว
⛔ ควรตั้งระบบ snapshot ฝั่ง server ไว้นานพอเพื่อระบุการโจมตีและกู้คืนได้
https://it-notes.dragas.net/2025/07/18/make-your-own-backup-system-part-1-strategy-before-scripts/
0 Comments
0 Shares
49 Views
0 Reviews