ลุงเองก็กลัวว่ามันจะเกิดขึ้นเหมือนกันนะ
เรื่องเล่าจากเศรษฐศาสตร์ AI: ฟองสบู่ที่ใหญ่กว่าดอทคอม?
ย้อนกลับไปช่วงปลายยุค 1990 บริษัทเทคต่างแห่ลงทุนอินเทอร์เน็ตจนฟองสบู่แตกในปี 2000 สูญเงินลงทุนและมูลค่าตลาดไปหลายล้านล้านดอลลาร์ แม้บางเจ้ายังอยู่รอด เช่น Amazon แต่ก็เจ็บหนัก
วันนี้ Sløk เตือนว่า สถานการณ์ “คล้ายกันมาก” แต่ “หนักกว่า” เพราะมีเงินมหาศาลจากนักลงทุนไหลเข้าสู่ AI แบบ ไม่อิงรายได้จริง เช่น:
- OpenAI ลงทุนกว่า $14B ใน ScaleAI — แล้วปลดพนักงาน 200 คน
- Meta เสนอโบนัสจ้างงาน AI สูงถึง $100M ต่อคน
- CoreWeave ทุ่ม $6B สร้างศูนย์ AI ใหม่
- Amazon เตรียมลงเงินอีก $8B กับ Anthropic
- Nvidia ผลักดัน “AI Factories” ด้วยงบ $500B
Sløk วิเคราะห์ว่า การพุ่งขึ้นของหุ้น S&P 500 ช่วงนี้เกิดจากบริษัทยักษ์ใหญ่สาย AI ไม่กี่ราย ที่อาจ “ไม่คงทน” เพราะการประเมินมูลค่า “เกินกว่าศักยภาพจริงมาก”
การเปรียบเทียบกับ Metaverse และ NFT ก็น่าสนใจ: เมื่อ hype แรงแต่รายได้จริงไม่มา — ทุกอย่างอาจ “ละลายหายไปเหมือนทราย”
อย่างไรก็ตาม Sløk ยืนยันว่า “AI จะไม่หายไป” เหมือนอินเทอร์เน็ตยังอยู่หลัง dot-com crash แต่เราอาจได้เห็นการล้มเป็นกลุ่ม:
- บริษัทที่ไม่มีรายได้จริงจะหายไป
- ผู้รอดจะต้องลดขนาด ลดลงทุน
- Buzzword “AI” อาจลดลงจากสินค้าทุกชิ้น
Torsten Sløk เตือนว่าฟองสบู่ AI แรงกว่าดอทคอมในยุค 2000
เพราะบริษัทใหญ่ใน S&P 500 ถูกประเมินมูลค่าสูงเกินศักยภาพจริง
นักลงทุนเทเงินมหาศาลสู่ AI: OpenAI, Meta, Amazon, Nvidia ฯลฯ
แม้บางกรณียังไม่มีสินค้าหรือรายได้ที่ยั่งยืน
ความผันผวนของตลาดหุ้นตอนนี้เกิดจากบริษัทยักษ์ AI ไม่กี่ราย
ไม่ได้สะท้อนความมั่นคงของทั้งอุตสาหกรรม
Sløk ยกตัวอย่างการลงทุนผิดพลาดใน Metaverse, Blockchain และ NFTs
เตือนว่าความ hype แบบนั้นอาจย้อนมาเล่นงาน AI เช่นกัน
ฟองสบู่แตกอาจไม่ทำให้ AI หายไป
แต่จะทำให้เหลือเฉพาะบริษัทที่มีรายได้จริงและปรับตัวได้
https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/ai-bubble-is-worse-than-the-dot-com-crash-that-erased-trillions-economist-warns-overvaluations-could-lead-to-catastrophic-consequences
เรื่องเล่าจากเศรษฐศาสตร์ AI: ฟองสบู่ที่ใหญ่กว่าดอทคอม?
ย้อนกลับไปช่วงปลายยุค 1990 บริษัทเทคต่างแห่ลงทุนอินเทอร์เน็ตจนฟองสบู่แตกในปี 2000 สูญเงินลงทุนและมูลค่าตลาดไปหลายล้านล้านดอลลาร์ แม้บางเจ้ายังอยู่รอด เช่น Amazon แต่ก็เจ็บหนัก
วันนี้ Sløk เตือนว่า สถานการณ์ “คล้ายกันมาก” แต่ “หนักกว่า” เพราะมีเงินมหาศาลจากนักลงทุนไหลเข้าสู่ AI แบบ ไม่อิงรายได้จริง เช่น:
- OpenAI ลงทุนกว่า $14B ใน ScaleAI — แล้วปลดพนักงาน 200 คน
- Meta เสนอโบนัสจ้างงาน AI สูงถึง $100M ต่อคน
- CoreWeave ทุ่ม $6B สร้างศูนย์ AI ใหม่
- Amazon เตรียมลงเงินอีก $8B กับ Anthropic
- Nvidia ผลักดัน “AI Factories” ด้วยงบ $500B
Sløk วิเคราะห์ว่า การพุ่งขึ้นของหุ้น S&P 500 ช่วงนี้เกิดจากบริษัทยักษ์ใหญ่สาย AI ไม่กี่ราย ที่อาจ “ไม่คงทน” เพราะการประเมินมูลค่า “เกินกว่าศักยภาพจริงมาก”
การเปรียบเทียบกับ Metaverse และ NFT ก็น่าสนใจ: เมื่อ hype แรงแต่รายได้จริงไม่มา — ทุกอย่างอาจ “ละลายหายไปเหมือนทราย”
อย่างไรก็ตาม Sløk ยืนยันว่า “AI จะไม่หายไป” เหมือนอินเทอร์เน็ตยังอยู่หลัง dot-com crash แต่เราอาจได้เห็นการล้มเป็นกลุ่ม:
- บริษัทที่ไม่มีรายได้จริงจะหายไป
- ผู้รอดจะต้องลดขนาด ลดลงทุน
- Buzzword “AI” อาจลดลงจากสินค้าทุกชิ้น
Torsten Sløk เตือนว่าฟองสบู่ AI แรงกว่าดอทคอมในยุค 2000
เพราะบริษัทใหญ่ใน S&P 500 ถูกประเมินมูลค่าสูงเกินศักยภาพจริง
นักลงทุนเทเงินมหาศาลสู่ AI: OpenAI, Meta, Amazon, Nvidia ฯลฯ
แม้บางกรณียังไม่มีสินค้าหรือรายได้ที่ยั่งยืน
ความผันผวนของตลาดหุ้นตอนนี้เกิดจากบริษัทยักษ์ AI ไม่กี่ราย
ไม่ได้สะท้อนความมั่นคงของทั้งอุตสาหกรรม
Sløk ยกตัวอย่างการลงทุนผิดพลาดใน Metaverse, Blockchain และ NFTs
เตือนว่าความ hype แบบนั้นอาจย้อนมาเล่นงาน AI เช่นกัน
ฟองสบู่แตกอาจไม่ทำให้ AI หายไป
แต่จะทำให้เหลือเฉพาะบริษัทที่มีรายได้จริงและปรับตัวได้
https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/ai-bubble-is-worse-than-the-dot-com-crash-that-erased-trillions-economist-warns-overvaluations-could-lead-to-catastrophic-consequences
ลุงเองก็กลัวว่ามันจะเกิดขึ้นเหมือนกันนะ ‼️
🎙️ เรื่องเล่าจากเศรษฐศาสตร์ AI: ฟองสบู่ที่ใหญ่กว่าดอทคอม?
ย้อนกลับไปช่วงปลายยุค 1990 บริษัทเทคต่างแห่ลงทุนอินเทอร์เน็ตจนฟองสบู่แตกในปี 2000 สูญเงินลงทุนและมูลค่าตลาดไปหลายล้านล้านดอลลาร์ แม้บางเจ้ายังอยู่รอด เช่น Amazon แต่ก็เจ็บหนัก
วันนี้ Sløk เตือนว่า สถานการณ์ “คล้ายกันมาก” แต่ “หนักกว่า” เพราะมีเงินมหาศาลจากนักลงทุนไหลเข้าสู่ AI แบบ ไม่อิงรายได้จริง เช่น:
- OpenAI ลงทุนกว่า $14B ใน ScaleAI — แล้วปลดพนักงาน 200 คน
- Meta เสนอโบนัสจ้างงาน AI สูงถึง $100M ต่อคน
- CoreWeave ทุ่ม $6B สร้างศูนย์ AI ใหม่
- Amazon เตรียมลงเงินอีก $8B กับ Anthropic
- Nvidia ผลักดัน “AI Factories” ด้วยงบ $500B
Sløk วิเคราะห์ว่า การพุ่งขึ้นของหุ้น S&P 500 ช่วงนี้เกิดจากบริษัทยักษ์ใหญ่สาย AI ไม่กี่ราย ที่อาจ “ไม่คงทน” เพราะการประเมินมูลค่า “เกินกว่าศักยภาพจริงมาก”
การเปรียบเทียบกับ Metaverse และ NFT ก็น่าสนใจ: เมื่อ hype แรงแต่รายได้จริงไม่มา — ทุกอย่างอาจ “ละลายหายไปเหมือนทราย”
อย่างไรก็ตาม Sløk ยืนยันว่า “AI จะไม่หายไป” เหมือนอินเทอร์เน็ตยังอยู่หลัง dot-com crash แต่เราอาจได้เห็นการล้มเป็นกลุ่ม:
- บริษัทที่ไม่มีรายได้จริงจะหายไป
- ผู้รอดจะต้องลดขนาด ลดลงทุน
- Buzzword “AI” อาจลดลงจากสินค้าทุกชิ้น
✅ Torsten Sløk เตือนว่าฟองสบู่ AI แรงกว่าดอทคอมในยุค 2000
➡️ เพราะบริษัทใหญ่ใน S&P 500 ถูกประเมินมูลค่าสูงเกินศักยภาพจริง
✅ นักลงทุนเทเงินมหาศาลสู่ AI: OpenAI, Meta, Amazon, Nvidia ฯลฯ
➡️ แม้บางกรณียังไม่มีสินค้าหรือรายได้ที่ยั่งยืน
✅ ความผันผวนของตลาดหุ้นตอนนี้เกิดจากบริษัทยักษ์ AI ไม่กี่ราย
➡️ ไม่ได้สะท้อนความมั่นคงของทั้งอุตสาหกรรม
✅ Sløk ยกตัวอย่างการลงทุนผิดพลาดใน Metaverse, Blockchain และ NFTs
➡️ เตือนว่าความ hype แบบนั้นอาจย้อนมาเล่นงาน AI เช่นกัน
✅ ฟองสบู่แตกอาจไม่ทำให้ AI หายไป
➡️ แต่จะทำให้เหลือเฉพาะบริษัทที่มีรายได้จริงและปรับตัวได้
https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/ai-bubble-is-worse-than-the-dot-com-crash-that-erased-trillions-economist-warns-overvaluations-could-lead-to-catastrophic-consequences
0 Comments
0 Shares
98 Views
0 Reviews