เรื่องเล่าจากโลก Net Zero: AI จะปล่อยคาร์บอนมากกว่าการบิน...จริงเหรอ?
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลและบริษัททั่วโลกทุ่มงบมหาศาลเพื่อบรรลุเป้าหมาย “Net Zero” หรือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 เช่น การตั้งข้อบังคับด้านพลังงาน สีเขียว และการลดใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล
แต่ในขณะเดียวกัน การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI เช่น data center และ GPU cluster กลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งในภาครัฐและเอกชน ซึ่งนำไปสู่การใช้พลังงานไฟฟ้า น้ำ และทรัพยากรมหาศาล
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ระบุว่า:
“ภายในสิ้นทศวรรษหน้า อุตสาหกรรมเทคโนโลยีจะเป็นต้นกำเนิด 8% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก” ซึ่งเกินกว่าการเดินทางทางอากาศเสียอีก
ตัวอย่างความรุนแรงในปัจจุบัน:
- data center ในสหรัฐฯ ยุโรป และจีนใช้ไฟฟ้าคิดเป็น 2–4% ของการผลิตทั้งหมด
- ระบบไฟฟ้าหลายประเทศเริ่มตึงตัว ไม่สามารถรองรับการขยาย AI ได้อย่างยั่งยืน
- มีรายงานว่าบางเมืองต้องจำกัดพลังงานสำหรับที่อยู่อาศัย เพราะถูกแย่งไปใช้ในศูนย์ข้อมูล
John Naughton จากศูนย์ Minderoo กล่าวว่า “ทุกเมกะวัตต์ที่ใช้ใน data center คือเมกะวัตต์ที่บ้านหรือโรงงานไม่มีใช้”
นอกจากด้านสิ่งแวดล้อม ยังมีผลสำรวจจาก Gallup ที่เผยว่าเกือบครึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามมองว่า:
- AI เป็นภัยต่อมนุษย์และสังคม
- จะลดความจำเป็นของมนุษย์ในงานสร้างสรรค์
- เกือบสองในสามไม่อยากใช้ AI หากหลีกเลี่ยงได้
เคมบริดจ์เผยว่า AI จะปล่อยคาร์บอน “มากกว่าการบิน” ภายใน 10 ปี
คาดว่าอุตสาหกรรมเทคโนโลยีจะปล่อยถึง 8% ของคาร์บอนทั่วโลก
Data center ใช้ไฟฟ้า 2–4% ของกำลังการผลิตในสหรัฐฯ ยุโรป และจีน
ทำให้ระบบไฟฟ้าตึงตัว และจำกัดทรัพยากรสำหรับภาคอื่น
การลงทุนใน AI มาเร็วและรุนแรงในภาครัฐและเอกชน
ส่งผลต่อพลังงาน น้ำ และการปล่อยคาร์บอนอย่างมาก
ผลสำรวจ Gallup พบประชาชนวิตกเกี่ยวกับ AI
ครึ่งหนึ่งเห็นว่า AI คุกคามมนุษย์และสังคม
60% เชื่อว่า AI จะมาแทนงานสำคัญและงานสร้างสรรค์ของมนุษย์
มีเพียง 38% ที่คิดว่า AI จะช่วยให้มนุษย์ไปทำงานที่มีคุณค่ามากขึ้น
https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/19/net-zero-zero-chance-ai-emissions-to-exceed-air-travel-report-says
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลและบริษัททั่วโลกทุ่มงบมหาศาลเพื่อบรรลุเป้าหมาย “Net Zero” หรือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 เช่น การตั้งข้อบังคับด้านพลังงาน สีเขียว และการลดใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล
แต่ในขณะเดียวกัน การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI เช่น data center และ GPU cluster กลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งในภาครัฐและเอกชน ซึ่งนำไปสู่การใช้พลังงานไฟฟ้า น้ำ และทรัพยากรมหาศาล
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ระบุว่า:
“ภายในสิ้นทศวรรษหน้า อุตสาหกรรมเทคโนโลยีจะเป็นต้นกำเนิด 8% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก” ซึ่งเกินกว่าการเดินทางทางอากาศเสียอีก
ตัวอย่างความรุนแรงในปัจจุบัน:
- data center ในสหรัฐฯ ยุโรป และจีนใช้ไฟฟ้าคิดเป็น 2–4% ของการผลิตทั้งหมด
- ระบบไฟฟ้าหลายประเทศเริ่มตึงตัว ไม่สามารถรองรับการขยาย AI ได้อย่างยั่งยืน
- มีรายงานว่าบางเมืองต้องจำกัดพลังงานสำหรับที่อยู่อาศัย เพราะถูกแย่งไปใช้ในศูนย์ข้อมูล
John Naughton จากศูนย์ Minderoo กล่าวว่า “ทุกเมกะวัตต์ที่ใช้ใน data center คือเมกะวัตต์ที่บ้านหรือโรงงานไม่มีใช้”
นอกจากด้านสิ่งแวดล้อม ยังมีผลสำรวจจาก Gallup ที่เผยว่าเกือบครึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามมองว่า:
- AI เป็นภัยต่อมนุษย์และสังคม
- จะลดความจำเป็นของมนุษย์ในงานสร้างสรรค์
- เกือบสองในสามไม่อยากใช้ AI หากหลีกเลี่ยงได้
เคมบริดจ์เผยว่า AI จะปล่อยคาร์บอน “มากกว่าการบิน” ภายใน 10 ปี
คาดว่าอุตสาหกรรมเทคโนโลยีจะปล่อยถึง 8% ของคาร์บอนทั่วโลก
Data center ใช้ไฟฟ้า 2–4% ของกำลังการผลิตในสหรัฐฯ ยุโรป และจีน
ทำให้ระบบไฟฟ้าตึงตัว และจำกัดทรัพยากรสำหรับภาคอื่น
การลงทุนใน AI มาเร็วและรุนแรงในภาครัฐและเอกชน
ส่งผลต่อพลังงาน น้ำ และการปล่อยคาร์บอนอย่างมาก
ผลสำรวจ Gallup พบประชาชนวิตกเกี่ยวกับ AI
ครึ่งหนึ่งเห็นว่า AI คุกคามมนุษย์และสังคม
60% เชื่อว่า AI จะมาแทนงานสำคัญและงานสร้างสรรค์ของมนุษย์
มีเพียง 38% ที่คิดว่า AI จะช่วยให้มนุษย์ไปทำงานที่มีคุณค่ามากขึ้น
https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/19/net-zero-zero-chance-ai-emissions-to-exceed-air-travel-report-says
🎙️ เรื่องเล่าจากโลก Net Zero: AI จะปล่อยคาร์บอนมากกว่าการบิน...จริงเหรอ?
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลและบริษัททั่วโลกทุ่มงบมหาศาลเพื่อบรรลุเป้าหมาย “Net Zero” หรือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 เช่น การตั้งข้อบังคับด้านพลังงาน สีเขียว และการลดใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล
แต่ในขณะเดียวกัน การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI เช่น data center และ GPU cluster กลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งในภาครัฐและเอกชน ซึ่งนำไปสู่การใช้พลังงานไฟฟ้า น้ำ และทรัพยากรมหาศาล
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ระบุว่า:
“ภายในสิ้นทศวรรษหน้า อุตสาหกรรมเทคโนโลยีจะเป็นต้นกำเนิด 8% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก” ซึ่งเกินกว่าการเดินทางทางอากาศเสียอีก
ตัวอย่างความรุนแรงในปัจจุบัน:
- data center ในสหรัฐฯ ยุโรป และจีนใช้ไฟฟ้าคิดเป็น 2–4% ของการผลิตทั้งหมด
- ระบบไฟฟ้าหลายประเทศเริ่มตึงตัว ไม่สามารถรองรับการขยาย AI ได้อย่างยั่งยืน
- มีรายงานว่าบางเมืองต้องจำกัดพลังงานสำหรับที่อยู่อาศัย เพราะถูกแย่งไปใช้ในศูนย์ข้อมูล
John Naughton จากศูนย์ Minderoo กล่าวว่า “ทุกเมกะวัตต์ที่ใช้ใน data center คือเมกะวัตต์ที่บ้านหรือโรงงานไม่มีใช้”
นอกจากด้านสิ่งแวดล้อม ยังมีผลสำรวจจาก Gallup ที่เผยว่าเกือบครึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามมองว่า:
- AI เป็นภัยต่อมนุษย์และสังคม
- จะลดความจำเป็นของมนุษย์ในงานสร้างสรรค์
- เกือบสองในสามไม่อยากใช้ AI หากหลีกเลี่ยงได้
✅ เคมบริดจ์เผยว่า AI จะปล่อยคาร์บอน “มากกว่าการบิน” ภายใน 10 ปี
➡️ คาดว่าอุตสาหกรรมเทคโนโลยีจะปล่อยถึง 8% ของคาร์บอนทั่วโลก
✅ Data center ใช้ไฟฟ้า 2–4% ของกำลังการผลิตในสหรัฐฯ ยุโรป และจีน
➡️ ทำให้ระบบไฟฟ้าตึงตัว และจำกัดทรัพยากรสำหรับภาคอื่น
✅ การลงทุนใน AI มาเร็วและรุนแรงในภาครัฐและเอกชน
➡️ ส่งผลต่อพลังงาน น้ำ และการปล่อยคาร์บอนอย่างมาก
✅ ผลสำรวจ Gallup พบประชาชนวิตกเกี่ยวกับ AI
➡️ ครึ่งหนึ่งเห็นว่า AI คุกคามมนุษย์และสังคม
✅ 60% เชื่อว่า AI จะมาแทนงานสำคัญและงานสร้างสรรค์ของมนุษย์
➡️ มีเพียง 38% ที่คิดว่า AI จะช่วยให้มนุษย์ไปทำงานที่มีคุณค่ามากขึ้น
https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/19/net-zero-zero-chance-ai-emissions-to-exceed-air-travel-report-says
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
111 มุมมอง
0 รีวิว