บริษัท TissueTinker ที่เป็นสปินออฟจากมหาวิทยาลัย McGill แคนาดา พัฒนาระบบ 3D Bioprinting ที่สามารถ “พิมพ์เนื้อเยื่อจำลอง” ขนาดเล็กระดับ 300 ไมครอน โดยใช้ biomaterial ที่เลียนแบบเนื้อเยื่อมนุษย์ได้จริง → ทีมนักวิจัยพิมพ์ “เซลล์มะเร็ง” คู่กับ “เซลล์ปกติ” ของอวัยวะเดียวกัน → เพื่อศึกษาว่ามะเร็งลุกลามยังไง และตอบสนองต่อยาแบบไหน → ข้อดีคือได้ข้อมูลแบบ side-by-side ซึ่งต่างจากเดิมที่ทดลองแยกกันคนละกลุ่ม

จุดสำคัญคือความแม่นยำระดับ "จุดสัมผัสแบบสมจริง" และการพิมพ์ในขนาดเล็กมาก จนสามารถมองเห็น บริเวณ hypoxic core หรือ “พื้นที่ในเนื้องอกที่มีออกซิเจนต่ำ” ซึ่งเป็นจุดที่มะเร็งดื้อยาและเติบโตเร็ว → ช่วยให้นักวิจัยเข้าใจว่าเซลล์ในจุดนั้นแตกต่างจากส่วนอื่นยังไง → และทดลองพิมพ์เนื้อเยื่อที่เปลี่ยนองค์ประกอบบางอย่างเพื่อศึกษาการตอบสนองต่อการรักษา

เทคโนโลยีนี้ไม่ใช่แค่เร่งการวิจัย → แต่ยังเปิดทางสู่ “การแพทย์เฉพาะบุคคล” เพราะสามารถพิมพ์เนื้องอกจากข้อมูลผู้ป่วยได้ → ทดลองสูตรยาแบบ custom ก่อนรักษาจริง → เป็นก้าวสำคัญของการ “ทดลองกับสิ่งพิมพ์” แทนการทดลองกับสัตว์หรือเซลล์แบบแยกส่วน

TissueTinker พัฒนา 3D bioprinting เพื่อตีพิมพ์เนื้อเยื่อมะเร็งขนาดเล็ก (~300 ไมครอน)  
• ใช้ biomaterial ที่เลียนแบบเนื้อเยื่อมนุษย์ได้  
• พิมพ์แบบ healthy vs cancerous tissue เพื่อเปรียบเทียบได้โดยตรง

การพิมพ์ขนาดเล็กช่วยให้เห็น hypoxic cores → บริเวณที่เซลล์ดื้อยาและเติบโตเร็ว  
• จุดนี้เป็นเป้าหมายสำคัญในการทดลองยาใหม่

สามารถพิมพ์เนื้อเยื่อแบบ “custom parameter” เพื่อดูปฏิกิริยาเฉพาะ เช่น ความไวต่อออกซิเจน–สารอาหาร–ยา

ทีมได้รับการสนับสนุนจาก McGill Innovation Fund → เตรียมต่อยอดสู่การแพทย์เฉพาะบุคคลในอนาคต

การศึกษาแบบ side-by-side ระหว่างเนื้อเยื่อดีและเสีย ช่วยให้เข้าใจวิวัฒนาการของมะเร็งแบบเจาะจงมากขึ้น

https://www.tomshardware.com/3d-printing/scientists-3d-print-tumors-for-cancer-research-tissuetinker-using-3d-bioprinting-to-create-miniature-models-of-healthy-and-diseased-tissue-for-side-by-side-comparison-backed-by-mcgill
บริษัท TissueTinker ที่เป็นสปินออฟจากมหาวิทยาลัย McGill แคนาดา พัฒนาระบบ 3D Bioprinting ที่สามารถ “พิมพ์เนื้อเยื่อจำลอง” ขนาดเล็กระดับ 300 ไมครอน โดยใช้ biomaterial ที่เลียนแบบเนื้อเยื่อมนุษย์ได้จริง → ทีมนักวิจัยพิมพ์ “เซลล์มะเร็ง” คู่กับ “เซลล์ปกติ” ของอวัยวะเดียวกัน → เพื่อศึกษาว่ามะเร็งลุกลามยังไง และตอบสนองต่อยาแบบไหน → ข้อดีคือได้ข้อมูลแบบ side-by-side ซึ่งต่างจากเดิมที่ทดลองแยกกันคนละกลุ่ม จุดสำคัญคือความแม่นยำระดับ "จุดสัมผัสแบบสมจริง" และการพิมพ์ในขนาดเล็กมาก จนสามารถมองเห็น บริเวณ hypoxic core หรือ “พื้นที่ในเนื้องอกที่มีออกซิเจนต่ำ” ซึ่งเป็นจุดที่มะเร็งดื้อยาและเติบโตเร็ว → ช่วยให้นักวิจัยเข้าใจว่าเซลล์ในจุดนั้นแตกต่างจากส่วนอื่นยังไง → และทดลองพิมพ์เนื้อเยื่อที่เปลี่ยนองค์ประกอบบางอย่างเพื่อศึกษาการตอบสนองต่อการรักษา เทคโนโลยีนี้ไม่ใช่แค่เร่งการวิจัย → แต่ยังเปิดทางสู่ “การแพทย์เฉพาะบุคคล” เพราะสามารถพิมพ์เนื้องอกจากข้อมูลผู้ป่วยได้ → ทดลองสูตรยาแบบ custom ก่อนรักษาจริง → เป็นก้าวสำคัญของการ “ทดลองกับสิ่งพิมพ์” แทนการทดลองกับสัตว์หรือเซลล์แบบแยกส่วน ✅ TissueTinker พัฒนา 3D bioprinting เพื่อตีพิมพ์เนื้อเยื่อมะเร็งขนาดเล็ก (~300 ไมครอน)   • ใช้ biomaterial ที่เลียนแบบเนื้อเยื่อมนุษย์ได้   • พิมพ์แบบ healthy vs cancerous tissue เพื่อเปรียบเทียบได้โดยตรง ✅ การพิมพ์ขนาดเล็กช่วยให้เห็น hypoxic cores → บริเวณที่เซลล์ดื้อยาและเติบโตเร็ว   • จุดนี้เป็นเป้าหมายสำคัญในการทดลองยาใหม่ ✅ สามารถพิมพ์เนื้อเยื่อแบบ “custom parameter” เพื่อดูปฏิกิริยาเฉพาะ เช่น ความไวต่อออกซิเจน–สารอาหาร–ยา ✅ ทีมได้รับการสนับสนุนจาก McGill Innovation Fund → เตรียมต่อยอดสู่การแพทย์เฉพาะบุคคลในอนาคต ✅ การศึกษาแบบ side-by-side ระหว่างเนื้อเยื่อดีและเสีย ช่วยให้เข้าใจวิวัฒนาการของมะเร็งแบบเจาะจงมากขึ้น https://www.tomshardware.com/3d-printing/scientists-3d-print-tumors-for-cancer-research-tissuetinker-using-3d-bioprinting-to-create-miniature-models-of-healthy-and-diseased-tissue-for-side-by-side-comparison-backed-by-mcgill
0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 73 มุมมอง 0 รีวิว