การใช้ Generative AI (โดยเฉพาะ LLM อย่าง ChatGPT) ขณะทำงานเขียนบทความ อาจลดการทำงานของสมองในหลายด้าน โดยเฉพาะความจำและความสามารถในการเชื่อมโยงข้อมูล

นักวิจัยจาก MIT ทำการทดลองกับกลุ่มคน 3 กลุ่ม ให้เขียนเรียงความ 3 ฉบับ:
- กลุ่ม A: ใช้ LLM ช่วย (เช่น ChatGPT)
- กลุ่ม B: ใช้ search engine (เช่น Google)
- กลุ่ม C: เขียนโดยไม่ใช้อะไรเลย (ใช้สมองล้วน ๆ)

จากนั้นกลุ่ม A กับ C สลับกันในบทความที่ 4 เพื่อดูว่า “พอเปลี่ยนวิธีแล้ว สมองเปลี่ยนยังไงบ้าง”

ผลปรากฏว่า:
- กลุ่ม C ที่ใช้แต่สมอง มีการเชื่อมต่อระหว่างสมองส่วนต่าง ๆ มากที่สุด
- กลุ่ม A ที่ใช้ AI นั้น มีสมอง “เงียบกว่า” อย่างเห็นได้ชัด และจำอะไรไม่ค่อยได้ แม้จะเขียนบทความได้เนียนจน AI กับคนให้คะแนนสูง
- กลุ่ม B ที่ใช้ search ก็อยู่กลาง ๆ: เนื้อหาออกแนว “เหมือนกันหมด” แต่ยังพอจำได้

สิ่งที่น่ากังวลคือ แม้ AI จะช่วยเขียนให้ “ดูดี” แต่สมองคนเขียนกลับ “ไม่จำ” หรือมีการใช้พลังงานน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะ ช่วงที่ต้องวางโครงคิดเอง

✅ MIT ทดลองให้ผู้เข้าร่วมเขียนเรียงความ โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม: ใช้ LLM, ใช้ search engine และไม่ใช้อะไรเลย  
• กลุ่มไม่ใช้อะไรเลยแสดงกิจกรรมของสมองที่เชื่อมโยงกันสูงกว่ากลุ่มอื่น  
• กลุ่มใช้ LLM มีการเชื่อมโยงของสมองลดลง และมีความจำระยะสั้นด้อยลง

✅ งานเขียนจาก LLM ถูกให้คะแนนสูง แต่กลับขาดมิติคิดเชิงวิพากษ์ (critical thinking)  
• ผู้ใช้ LLM แก้ไขงานน้อย, copy-paste เยอะ, และจำไม่ได้ว่าเขียนอะไรไป

✅ ในรอบสุดท้าย กลุ่มที่เปลี่ยนจาก AI → สมองเอง มีการเชื่อมต่อของสมองเพิ่มขึ้น  
• แสดงให้เห็นว่าเราสามารถ "ฟื้นการทำงานของสมอง" ได้ถ้าหยุดพึ่ง AI

✅ กลุ่มที่ใช้ search engine ได้ผลลัพธ์ “กลาง ๆ”  
• เนื้อหาเหมือนกันมาก แต่ความจำยังดีพอสมควร

✅ ผลวิจัยชี้ว่า การใช้ digital tool ใด ๆ ก็มีผลต่อสมอง — แต่ LLM มีผลมากที่สุด  
• โดยเฉพาะเมื่อใช้เพียงอย่างเดียว โดยไม่เสริมการคิด

https://www.techspot.com/news/108386-mit-brain-scans-suggest-using-genai-tools-reduces.html
การใช้ Generative AI (โดยเฉพาะ LLM อย่าง ChatGPT) ขณะทำงานเขียนบทความ อาจลดการทำงานของสมองในหลายด้าน โดยเฉพาะความจำและความสามารถในการเชื่อมโยงข้อมูล นักวิจัยจาก MIT ทำการทดลองกับกลุ่มคน 3 กลุ่ม ให้เขียนเรียงความ 3 ฉบับ: - กลุ่ม A: ใช้ LLM ช่วย (เช่น ChatGPT) - กลุ่ม B: ใช้ search engine (เช่น Google) - กลุ่ม C: เขียนโดยไม่ใช้อะไรเลย (ใช้สมองล้วน ๆ) จากนั้นกลุ่ม A กับ C สลับกันในบทความที่ 4 เพื่อดูว่า “พอเปลี่ยนวิธีแล้ว สมองเปลี่ยนยังไงบ้าง” ผลปรากฏว่า: - กลุ่ม C ที่ใช้แต่สมอง มีการเชื่อมต่อระหว่างสมองส่วนต่าง ๆ มากที่สุด - กลุ่ม A ที่ใช้ AI นั้น มีสมอง “เงียบกว่า” อย่างเห็นได้ชัด และจำอะไรไม่ค่อยได้ แม้จะเขียนบทความได้เนียนจน AI กับคนให้คะแนนสูง - กลุ่ม B ที่ใช้ search ก็อยู่กลาง ๆ: เนื้อหาออกแนว “เหมือนกันหมด” แต่ยังพอจำได้ สิ่งที่น่ากังวลคือ แม้ AI จะช่วยเขียนให้ “ดูดี” แต่สมองคนเขียนกลับ “ไม่จำ” หรือมีการใช้พลังงานน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะ ช่วงที่ต้องวางโครงคิดเอง ✅ MIT ทดลองให้ผู้เข้าร่วมเขียนเรียงความ โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม: ใช้ LLM, ใช้ search engine และไม่ใช้อะไรเลย   • กลุ่มไม่ใช้อะไรเลยแสดงกิจกรรมของสมองที่เชื่อมโยงกันสูงกว่ากลุ่มอื่น   • กลุ่มใช้ LLM มีการเชื่อมโยงของสมองลดลง และมีความจำระยะสั้นด้อยลง ✅ งานเขียนจาก LLM ถูกให้คะแนนสูง แต่กลับขาดมิติคิดเชิงวิพากษ์ (critical thinking)   • ผู้ใช้ LLM แก้ไขงานน้อย, copy-paste เยอะ, และจำไม่ได้ว่าเขียนอะไรไป ✅ ในรอบสุดท้าย กลุ่มที่เปลี่ยนจาก AI → สมองเอง มีการเชื่อมต่อของสมองเพิ่มขึ้น   • แสดงให้เห็นว่าเราสามารถ "ฟื้นการทำงานของสมอง" ได้ถ้าหยุดพึ่ง AI ✅ กลุ่มที่ใช้ search engine ได้ผลลัพธ์ “กลาง ๆ”   • เนื้อหาเหมือนกันมาก แต่ความจำยังดีพอสมควร ✅ ผลวิจัยชี้ว่า การใช้ digital tool ใด ๆ ก็มีผลต่อสมอง — แต่ LLM มีผลมากที่สุด   • โดยเฉพาะเมื่อใช้เพียงอย่างเดียว โดยไม่เสริมการคิด https://www.techspot.com/news/108386-mit-brain-scans-suggest-using-genai-tools-reduces.html
WWW.TECHSPOT.COM
MIT brain scans suggest that using GenAI tools reduces cognitive activity
The newly published paper explains that as participants in an experiment wrote a series of essays, electronic brain monitoring revealed substantially weaker connections between regions of the...
0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 47 มุมมอง 0 รีวิว