16 เมษายน 2568-สำนักข่าว CNN รายงานว่ารัฐบาลสหรัฐฯ มีแผนที่จะปิดสถานเอกอัครราชทูต รวมถึงสถานกงสุลในต่างประเทศกว่า 30 แห่ง เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายด้านการต่างประเทศของสหรัฐฯ ที่มีการเปลี่ยนแปลงหลังจากที่ โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งสหรัฐฯ อาจจะลดบาทบาทของตัวเองในบางประเทศ ซึ่งเรื่องนี้ได้รับการเปิดเผยหลังจากที่ CNN ได้รับเอกสารภายในของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ที่หลุดออกมา ซึ่งข้อมูลในเอกสารมีการแนะนำให้รัฐบาลปิดสถานเอกอัครราชทูตของสหรัฐฯ ในต่างประเทศ 10 แห่ง และปิดสถานกงสุลของสหรัฐฯ อีก 17 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในยุโรปและแอฟริกาประเทศที่ถูกระบุในเอกสารให้ปิดสถานทูต บางส่วนประกอบด้วย มอลตา, ลักเซมเบิร์ก, เลโซโท, สาธารณรัฐคองโก, สาธารณรัฐแอฟริกากลาง และซูดานใต้ นอกจากนี้ยังมีสถานกงสุลของสหรัฐฯ ในฝรั่งเศสอีก 5 แห่ง, ในเยอรมนีอีก 2 แห่ง, ในบอสเนียอีก 2 แห่ง, ในอังกฤษ 1 แห่ง, ในเซาท์แอฟริกา 1 แห่ง และเกาหลีใต้ 1 แห่ง ที่กำลังถูกพิจารณาให้ปิดด้วย โดยหลังจากที่สถานทูตและสถานกงสุลของสหรัฐฯ ในประเทศเหล่านี้ถูกปิด ประชาชนในประเทศเหล่านั้นจะต้องไปติดต่อสถานทูตสหรัฐฯ ในประเทศใกล้เคียงแทนกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดย แทมมี บรูซ โฆษกของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ บอกว่าเรื่องนี้ต้องตรวจสอบกับทางทำเนียบขาวและตัวประธานาธิบดีโดยตรง เพราะเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องงบประมาณที่ส่งให้สภาคองเกรสพิจารณา ซึ่งการใช้งบประมาณในปีหน้าของสหรัฐฯ มีการเสนอให้ลดงบประมาณลงในหลายส่วน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยงานรัฐ รวมทั้งกระทรวงการต่างประเทศด้วยhttps://www.cnn.com/2025/04/15/politics/closing-embassies-consulates-document/index.html?cid=ios_app
16 เมษายน 2568-สำนักข่าว CNN รายงานว่ารัฐบาลสหรัฐฯ มีแผนที่จะปิดสถานเอกอัครราชทูต รวมถึงสถานกงสุลในต่างประเทศกว่า 30 แห่ง เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายด้านการต่างประเทศของสหรัฐฯ ที่มีการเปลี่ยนแปลงหลังจากที่ โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งสหรัฐฯ อาจจะลดบาทบาทของตัวเองในบางประเทศ ซึ่งเรื่องนี้ได้รับการเปิดเผยหลังจากที่ CNN ได้รับเอกสารภายในของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ที่หลุดออกมา ซึ่งข้อมูลในเอกสารมีการแนะนำให้รัฐบาลปิดสถานเอกอัครราชทูตของสหรัฐฯ ในต่างประเทศ 10 แห่ง และปิดสถานกงสุลของสหรัฐฯ อีก 17 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในยุโรปและแอฟริกาประเทศที่ถูกระบุในเอกสารให้ปิดสถานทูต บางส่วนประกอบด้วย มอลตา, ลักเซมเบิร์ก, เลโซโท, สาธารณรัฐคองโก, สาธารณรัฐแอฟริกากลาง และซูดานใต้ นอกจากนี้ยังมีสถานกงสุลของสหรัฐฯ ในฝรั่งเศสอีก 5 แห่ง, ในเยอรมนีอีก 2 แห่ง, ในบอสเนียอีก 2 แห่ง, ในอังกฤษ 1 แห่ง, ในเซาท์แอฟริกา 1 แห่ง และเกาหลีใต้ 1 แห่ง ที่กำลังถูกพิจารณาให้ปิดด้วย โดยหลังจากที่สถานทูตและสถานกงสุลของสหรัฐฯ ในประเทศเหล่านี้ถูกปิด ประชาชนในประเทศเหล่านั้นจะต้องไปติดต่อสถานทูตสหรัฐฯ ในประเทศใกล้เคียงแทนกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดย แทมมี บรูซ โฆษกของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ บอกว่าเรื่องนี้ต้องตรวจสอบกับทางทำเนียบขาวและตัวประธานาธิบดีโดยตรง เพราะเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องงบประมาณที่ส่งให้สภาคองเกรสพิจารณา ซึ่งการใช้งบประมาณในปีหน้าของสหรัฐฯ มีการเสนอให้ลดงบประมาณลงในหลายส่วน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยงานรัฐ รวมทั้งกระทรวงการต่างประเทศด้วยhttps://www.cnn.com/2025/04/15/politics/closing-embassies-consulates-document/index.html?cid=ios_app
0 Comments
0 Shares
53 Views
0 Reviews