การโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ที่ชื่อว่า Codefinger ได้สร้างความตื่นตระหนกในวงการความปลอดภัยไซเบอร์ โดยเป็นการโจมตีที่มุ่งเป้าไปที่การจัดการคีย์ในระบบคลาวด์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการใหม่ของแรนซัมแวร์
✅ ลักษณะการโจมตี:
- Codefinger โจมตีโดยการขโมยคีย์สำหรับจัดการข้อมูลใน Amazon S3 และใช้คีย์เหล่านั้นเข้ารหัสข้อมูลใน S3 buckets
- การโจมตีนี้ไม่ได้ใช้มัลแวร์ แต่ใช้ช่องโหว่จากการจัดการคีย์ที่ไม่ปลอดภัย
✅ ความเสี่ยงจากการสำรองข้อมูล:
- การสำรองข้อมูลแบบดั้งเดิมไม่สามารถป้องกันการโจมตีนี้ได้ หากข้อมูลสำรองถูกเข้ารหัสพร้อมกับข้อมูลต้นฉบับ
✅ ความรับผิดชอบร่วมในระบบคลาวด์:
- การโจมตีนี้แสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงในโมเดลความรับผิดชอบร่วม (Shared Responsibility Model) ซึ่งผู้ใช้งานต้องรับผิดชอบในการจัดการคีย์เอง
✅ การจัดการคีย์ที่ปลอดภัย:
- การจัดเก็บคีย์ในที่ปลอดภัย เช่น Secrets Management Tools และการเปลี่ยนคีย์เป็นระยะ (Secrets Cycling) สามารถลดความเสี่ยงได้
== ข้อเสนอแนะและคำเตือน ==
⚠️ การจัดการคีย์ที่ไม่ปลอดภัย:
- องค์กรควรตรวจสอบและจัดการคีย์อย่างเป็นระบบ เพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
⚠️ การพึ่งพาการสำรองข้อมูล:
- การสำรองข้อมูลเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ องค์กรควรใช้กลยุทธ์การป้องกันที่หลากหลาย เช่น การตั้งค่าการเข้าถึงข้อมูลให้ปลอดภัย
⚠️ การลงทุนในความปลอดภัยไซเบอร์:
- องค์กรควรเพิ่มการลงทุนในระบบความปลอดภัยไซเบอร์และหาพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อช่วยปิดช่องโหว่
https://www.csoonline.com/article/3958179/why-codefinger-represents-a-new-stage-in-the-evolution-of-ransomware.html
✅ ลักษณะการโจมตี:
- Codefinger โจมตีโดยการขโมยคีย์สำหรับจัดการข้อมูลใน Amazon S3 และใช้คีย์เหล่านั้นเข้ารหัสข้อมูลใน S3 buckets
- การโจมตีนี้ไม่ได้ใช้มัลแวร์ แต่ใช้ช่องโหว่จากการจัดการคีย์ที่ไม่ปลอดภัย
✅ ความเสี่ยงจากการสำรองข้อมูล:
- การสำรองข้อมูลแบบดั้งเดิมไม่สามารถป้องกันการโจมตีนี้ได้ หากข้อมูลสำรองถูกเข้ารหัสพร้อมกับข้อมูลต้นฉบับ
✅ ความรับผิดชอบร่วมในระบบคลาวด์:
- การโจมตีนี้แสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงในโมเดลความรับผิดชอบร่วม (Shared Responsibility Model) ซึ่งผู้ใช้งานต้องรับผิดชอบในการจัดการคีย์เอง
✅ การจัดการคีย์ที่ปลอดภัย:
- การจัดเก็บคีย์ในที่ปลอดภัย เช่น Secrets Management Tools และการเปลี่ยนคีย์เป็นระยะ (Secrets Cycling) สามารถลดความเสี่ยงได้
== ข้อเสนอแนะและคำเตือน ==
⚠️ การจัดการคีย์ที่ไม่ปลอดภัย:
- องค์กรควรตรวจสอบและจัดการคีย์อย่างเป็นระบบ เพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
⚠️ การพึ่งพาการสำรองข้อมูล:
- การสำรองข้อมูลเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ องค์กรควรใช้กลยุทธ์การป้องกันที่หลากหลาย เช่น การตั้งค่าการเข้าถึงข้อมูลให้ปลอดภัย
⚠️ การลงทุนในความปลอดภัยไซเบอร์:
- องค์กรควรเพิ่มการลงทุนในระบบความปลอดภัยไซเบอร์และหาพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อช่วยปิดช่องโหว่
https://www.csoonline.com/article/3958179/why-codefinger-represents-a-new-stage-in-the-evolution-of-ransomware.html
การโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ที่ชื่อว่า Codefinger ได้สร้างความตื่นตระหนกในวงการความปลอดภัยไซเบอร์ โดยเป็นการโจมตีที่มุ่งเป้าไปที่การจัดการคีย์ในระบบคลาวด์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการใหม่ของแรนซัมแวร์
✅ ลักษณะการโจมตี:
- Codefinger โจมตีโดยการขโมยคีย์สำหรับจัดการข้อมูลใน Amazon S3 และใช้คีย์เหล่านั้นเข้ารหัสข้อมูลใน S3 buckets
- การโจมตีนี้ไม่ได้ใช้มัลแวร์ แต่ใช้ช่องโหว่จากการจัดการคีย์ที่ไม่ปลอดภัย
✅ ความเสี่ยงจากการสำรองข้อมูล:
- การสำรองข้อมูลแบบดั้งเดิมไม่สามารถป้องกันการโจมตีนี้ได้ หากข้อมูลสำรองถูกเข้ารหัสพร้อมกับข้อมูลต้นฉบับ
✅ ความรับผิดชอบร่วมในระบบคลาวด์:
- การโจมตีนี้แสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงในโมเดลความรับผิดชอบร่วม (Shared Responsibility Model) ซึ่งผู้ใช้งานต้องรับผิดชอบในการจัดการคีย์เอง
✅ การจัดการคีย์ที่ปลอดภัย:
- การจัดเก็บคีย์ในที่ปลอดภัย เช่น Secrets Management Tools และการเปลี่ยนคีย์เป็นระยะ (Secrets Cycling) สามารถลดความเสี่ยงได้
== ข้อเสนอแนะและคำเตือน ==
⚠️ การจัดการคีย์ที่ไม่ปลอดภัย:
- องค์กรควรตรวจสอบและจัดการคีย์อย่างเป็นระบบ เพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
⚠️ การพึ่งพาการสำรองข้อมูล:
- การสำรองข้อมูลเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ องค์กรควรใช้กลยุทธ์การป้องกันที่หลากหลาย เช่น การตั้งค่าการเข้าถึงข้อมูลให้ปลอดภัย
⚠️ การลงทุนในความปลอดภัยไซเบอร์:
- องค์กรควรเพิ่มการลงทุนในระบบความปลอดภัยไซเบอร์และหาพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อช่วยปิดช่องโหว่
https://www.csoonline.com/article/3958179/why-codefinger-represents-a-new-stage-in-the-evolution-of-ransomware.html
0 Comments
0 Shares
70 Views
0 Reviews