ในปีที่ผ่านมา สหรัฐฯ ได้สร้างสถิติใหม่ด้วยการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มขึ้นถึง 50 กิกะวัตต์ ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบ 20 ปี! โดยพลังงานที่เพิ่มขึ้นนี้สามารถรองรับบ้านเรือนได้ประมาณ 8.5 ล้านหลังเลยทีเดียว นอกจากนี้ อุตสาหกรรมการผลิตแผงโซลาร์ภายในประเทศยังเติบโตขึ้นมาก โดยโรงงานในสหรัฐฯ สามารถรองรับความต้องการในประเทศได้เกือบทั้งหมด และเริ่มกลับมาผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ในประเทศอีกครั้ง
รัฐเท็กซัสเป็นผู้นำในด้านนี้ โดยเพิ่มพลังงานแสงอาทิตย์มากถึง 11.6 กิกะวัตต์ในปีเดียว ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตที่น่าประทับใจ อย่างไรก็ตาม ตลาดโซลาร์สำหรับที่อยู่อาศัยกลับชะลอตัวลง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น แต่คาดว่าอีก 10 ปีข้างหน้า สถานการณ์นี้จะพลิกฟื้นและเติบโตอีกครั้ง
ในขณะเดียวกัน กลุ่มเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Amazon, Google และ Meta ได้หันมาลงทุนในพลังงานนิวเคลียร์ด้วยการสนับสนุนให้เพิ่มกำลังการผลิตทั่วโลกให้ได้สามเท่าภายในปี 2050 โดยเฉพาะเทคโนโลยี "เครื่องปฏิกรณ์โมดูลาร์ขนาดเล็ก" ซึ่งมีความยืดหยุ่นและต้นทุนต่ำกว่าการสร้างเครื่องปฏิกรณ์แบบเดิม บริษัทเหล่านี้ยังมองว่านิวเคลียร์เป็นทางเลือกที่ดี เพราะช่วยตอบโจทย์ความต้องการพลังงานที่ต่อเนื่องเพื่อรองรับศูนย์ข้อมูลและระบบ AI ที่ต้องการพลังงานสูง
แม้พลังงานแสงอาทิตย์จะมีศักยภาพสูงในการลดการปล่อยคาร์บอน แต่นิวเคลียร์ยังคงมีความสำคัญในด้านความเสถียรของพลังงานในระยะยาว การผสมผสานพลังงานทั้งสองรูปแบบนี้ถือว่าเป็นกุญแจสำคัญในการรับมือความท้าทายด้านพลังงานของโลกในอนาคต
https://www.techspot.com/news/107123-solar-energy-booms-tech-giants-back-nuclear-expansion.html
รัฐเท็กซัสเป็นผู้นำในด้านนี้ โดยเพิ่มพลังงานแสงอาทิตย์มากถึง 11.6 กิกะวัตต์ในปีเดียว ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตที่น่าประทับใจ อย่างไรก็ตาม ตลาดโซลาร์สำหรับที่อยู่อาศัยกลับชะลอตัวลง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น แต่คาดว่าอีก 10 ปีข้างหน้า สถานการณ์นี้จะพลิกฟื้นและเติบโตอีกครั้ง
ในขณะเดียวกัน กลุ่มเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Amazon, Google และ Meta ได้หันมาลงทุนในพลังงานนิวเคลียร์ด้วยการสนับสนุนให้เพิ่มกำลังการผลิตทั่วโลกให้ได้สามเท่าภายในปี 2050 โดยเฉพาะเทคโนโลยี "เครื่องปฏิกรณ์โมดูลาร์ขนาดเล็ก" ซึ่งมีความยืดหยุ่นและต้นทุนต่ำกว่าการสร้างเครื่องปฏิกรณ์แบบเดิม บริษัทเหล่านี้ยังมองว่านิวเคลียร์เป็นทางเลือกที่ดี เพราะช่วยตอบโจทย์ความต้องการพลังงานที่ต่อเนื่องเพื่อรองรับศูนย์ข้อมูลและระบบ AI ที่ต้องการพลังงานสูง
แม้พลังงานแสงอาทิตย์จะมีศักยภาพสูงในการลดการปล่อยคาร์บอน แต่นิวเคลียร์ยังคงมีความสำคัญในด้านความเสถียรของพลังงานในระยะยาว การผสมผสานพลังงานทั้งสองรูปแบบนี้ถือว่าเป็นกุญแจสำคัญในการรับมือความท้าทายด้านพลังงานของโลกในอนาคต
https://www.techspot.com/news/107123-solar-energy-booms-tech-giants-back-nuclear-expansion.html
ในปีที่ผ่านมา สหรัฐฯ ได้สร้างสถิติใหม่ด้วยการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มขึ้นถึง 50 กิกะวัตต์ ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบ 20 ปี! โดยพลังงานที่เพิ่มขึ้นนี้สามารถรองรับบ้านเรือนได้ประมาณ 8.5 ล้านหลังเลยทีเดียว นอกจากนี้ อุตสาหกรรมการผลิตแผงโซลาร์ภายในประเทศยังเติบโตขึ้นมาก โดยโรงงานในสหรัฐฯ สามารถรองรับความต้องการในประเทศได้เกือบทั้งหมด และเริ่มกลับมาผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ในประเทศอีกครั้ง
รัฐเท็กซัสเป็นผู้นำในด้านนี้ โดยเพิ่มพลังงานแสงอาทิตย์มากถึง 11.6 กิกะวัตต์ในปีเดียว ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตที่น่าประทับใจ อย่างไรก็ตาม ตลาดโซลาร์สำหรับที่อยู่อาศัยกลับชะลอตัวลง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น แต่คาดว่าอีก 10 ปีข้างหน้า สถานการณ์นี้จะพลิกฟื้นและเติบโตอีกครั้ง
ในขณะเดียวกัน กลุ่มเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Amazon, Google และ Meta ได้หันมาลงทุนในพลังงานนิวเคลียร์ด้วยการสนับสนุนให้เพิ่มกำลังการผลิตทั่วโลกให้ได้สามเท่าภายในปี 2050 โดยเฉพาะเทคโนโลยี "เครื่องปฏิกรณ์โมดูลาร์ขนาดเล็ก" ซึ่งมีความยืดหยุ่นและต้นทุนต่ำกว่าการสร้างเครื่องปฏิกรณ์แบบเดิม บริษัทเหล่านี้ยังมองว่านิวเคลียร์เป็นทางเลือกที่ดี เพราะช่วยตอบโจทย์ความต้องการพลังงานที่ต่อเนื่องเพื่อรองรับศูนย์ข้อมูลและระบบ AI ที่ต้องการพลังงานสูง
แม้พลังงานแสงอาทิตย์จะมีศักยภาพสูงในการลดการปล่อยคาร์บอน แต่นิวเคลียร์ยังคงมีความสำคัญในด้านความเสถียรของพลังงานในระยะยาว การผสมผสานพลังงานทั้งสองรูปแบบนี้ถือว่าเป็นกุญแจสำคัญในการรับมือความท้าทายด้านพลังงานของโลกในอนาคต
https://www.techspot.com/news/107123-solar-energy-booms-tech-giants-back-nuclear-expansion.html
