ชาติยุโรปแสดงท่าทีขึงขัง ประชุมซัมมิตกันโดยมีเซเลนสกีเข้าร่วมด้วยที่ลอนดอน ประกาศเพิ่มงบประมาณด้านความมั่นคงและจัดตั้งแนวร่วมป้องกันสันติภาพในยูเครน พร้อมร่างเงื่อนไขข้อตกลงสันติภาพที่อาจจะเกิดขึ้นมาได้ เตรียมยื่นเสนอต่ออเมริกา โดยที่มาครงแย้มว่า อาจมีการพักการสู้รบทางอากาศและทางทะเลนาน 1 เดือน ทว่าสหราชอาณาจักรกลับบอกว่าเป็นเพียง 1 ในข้อเสนอซึ่งยังไม่มีการลงมติ ส่วนในอีกด้านหนึ่งรัสเซียเยาะยุโรปไม่ได้มีแผนการอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน และสิ่งหนึ่งที่เคียฟแน่ใจได้ว่าเป็นความคืบหน้าหนึ่งเดียวอยู่ในขณะนี้ คือความสัมพันธ์รัสเซีย-อเมริกา
.
การหารือว่าด้วยวิกฤตยูเครนในกรุงลอนดอนช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ของพวกผู้นำ 18 ชาติ ซึ่งแทบทั้งหมดเป็นชาติยุโรป เกิดขึ้นในช่วงเวลาอ่อนไหวอย่างยิ่งสำหรับยูเครนที่กำลังเผชิญความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการสนับสนุนของอเมริกาในการต่อต้านการรุกรานของรัสเซียที่ย่างเข้าสู่ปีที่ 4
.
วันศุกร์ที่ผ่านมา (28 ก.พ.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของอเมริกา ตำหนิโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนว่า ไม่ตระหนักบุญคุณอเมริกาและไม่พร้อมทำข้อตกลงสันติภาพกับรัสเซียต่อหน้าผู้สื่อข่าวในทำเนียบขาว กระตุ้นความกังวลว่า เขากำลังบีบให้เคียฟทำข้อตกลงสันติภาพอโดยมอบสิ่งที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียต้องการ
.
ทว่า ท่าทีของพวกผู้นำยุโรปเหล่านี้ ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น “กลุ่มพันธมิตรของผู้ที่เต็มใจร่วมมือกัน” (Coalition of the willing) ยังคงประกาศให้การสนับสนุนเคียฟเหนียวแน่น โดยเซเลนสกีโพสต์บนแพลตฟอร์มเทเลแกรมภายหลังการประชุมสุดยอดเมื่อวันอาทิตย์ว่า ที่ประชุมเห็นพ้องผลักดันสันติภาพ และในอนาคตอันใกล้จะมีการร่างจุดยืนร่วมกันเกี่ยวกับเป้าหมายที่ต้องบรรลุและเงื่อนไขที่จะไม่มีการประนีประนอมเพื่อเสนอต่ออเมริกา
.
นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ของสหราชอาณาจักร เจ้าภาพการประชุมซิมมิตครั้งนี้ ขานรับว่า สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และประเทศอื่นๆ จะร่วมมือกับยูเครนเพื่อทำให้สงครามยุติลง
.
สตาร์เมอร์สำทับว่า ยุโรปต้องพยายามมากขึ้น ขณะที่ไม่มีหลักประกันว่า อเมริกาจะเข้ามามีส่วนร่วมด้วยหรือไม่
.
กระนั้น สตาร์เมอร์ที่ได้พบกับทรัมป์ในบรรยากาศที่ชื่นมื่น วันสองวันก่อนหน้าเหตุการณ์ปะทะคารมเดือดที่ทำเนียบขาว ยังคงยืนยันแก้ต่างให้สหรัฐฯ ว่า อเมริกาไม่ใช่พันธมิตรที่พึ่งพาไม่ได้ และข้อตกลงใดๆ ก็ตามเกี่ยวกับยูเครน จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนอย่างเข้มแข็งจากอเมริกา
.
ด้านประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์เลอ ฟิกาโร หลังกลับถึงปารีสว่า ฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักรต้องการเสนอข้อตกลงหยุดยิงทางอากาศและทางทะเล รวมทั้งระงับการโจมตีพวกโครงสร้างพื้นฐาน เป็นเวลานาน 1 เดือน และยังเตรียมพร้อมส่งทหารไปช่วยกำกับดูแลการหยุดยิงในยูเครน
.
มาครงอธิบายว่า สาเหตุที่ข้อตกลงหยุดยิงไม่ครอบคลุมการสู้รบภาคพื้นดินอย่างน้อยในระยะแรกนั้นเนื่องจากแนวรบที่ค่อนข้างกว้างจนยากที่จะบังคับใช้ข้อตกลงหยุดยิงได้ ส่วนการส่งกองกำลังสันติภาพไปยูเครนคงยังไม่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์นี้
.
ผู้นำฝรั่งเศสยังเสนอแนะให้ชาติยุโรปเพิ่มงบประมาณกลาโหมขึ้นสู่ระดับเท่ากับ 3-3.5% ของจีดีพีของประเทศตนเอง เพื่อรับมือการเปลี่ยนท่าทีของอเมริกาและปฏิบัติการทางทหารของรัสเซีย
.
อย่างไรก็ดี ในวันจันทร์ (3) รัฐมนตรีทบวงกองทัพของสหราชอาณาจักร ลุก พอลลาร์ด กลับแสดงท่าทีไม่ยืนยันรับรองแนวความคิดเรื่องหยุดยิงที่มาครงพูด โดยเขากล่าวกับสื่อบีบีซีว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้เป็นแผนการที่สหราชอาณาจักรรับรองแล้วในเวลานี้ แต่เป็นหนึ่งในทางเลือกต่างๆ จำนวนหนึ่งที่กำลังมีการหารือกันเป็นการภายในระหว่างสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และเหล่าพันธมิตรอีกจำนวนหนึ่ง
.
ขณะที่ภายหลังการประชุมผู้นำยุโรปเมื่อวันอาทิตย์ อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานของคณะกรรมาธิการยุโรป ที่เป็นองค์กรบริหารของอียู ออกมาเตือนว่า ยุโรปต้องเร่งติดอาวุธเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์เลวร้ายที่สุด ทั้งนี้ แดร์ ไลเอิน ได้ชื่อว่าเป็นพวกเหยี่ยวแข็งกร้าวกับรัสเซีย และไม่เป็นที่พอใจของทำเนียบขาวในปัจจุบัน
.
ทางฝ่ายนายกรัฐมนตรีโดนัลด์ ทุสก์ ของโปแลนด์ เรียกร้องอเมริกาและยุโรปแสดงให้ปูตินเห็นว่า ตะวันตกไม่เคยคิดอ่อนข้อก่อนที่ผู้นำรัสเซียจะแบล็กเมล์และรุกรานยูเครน
.
อย่างไรก็ดี ทางด้านทรัมป์กลับกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า อเมริกาควรกังวลกับปูตินน้อยลง และกังวลกับอาชญากรรมในประเทศให้มากขึ้น
.
วันเดียวกันนั้น คอนสแตนติน โคซาเชฟ สมาชิกผู้ทรงอิทธิพลในรัฐสภารัสเซีย โพสต์บนเทเลแกรมว่า การประชุมที่ลอนดอน เป็นความพยายามที่จะเปลี่ยนความล้มเหลวของนโยบายแห่งการเสี้ยมให้ยูเครนตีกับรัสเซีย ที่สหราชอาณาจักร และอเมริกาใช้มาเป็นเวลานาน 10 ปี ให้กลายเป็นความสำเร็จ
.
โคซาเชฟที่รับตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศของสภาสูงรัสเซีย สำทับว่า ยุโรปไม่มีแผนการอะไรเลย และสิ่งหนึ่งที่ยูเครนวางใจได้ก็คือ ความคืบหน้าหนึ่งเดียวขณะนี้คือความสัมพันธ์รัสเซีย-อเมริกา
.
นอกจากนั้น ดมิทรี เพสคอฟ โฆษกเครมลิน ยังโพสต์บนเอ็กซ์ก่อนที่การประชุมที่ลอนดอนจะปิดฉากลงว่า การประชุมดังกล่าวเป็นการตกลงสวามิภักดิ์ต่อพวกนาซีที่ไม่ได้มีความสลักสำคัญใดๆ ในเคียฟ และเป็นความคิดที่น่าอัปยศ
.
อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020856
..............
Sondhi X
.
การหารือว่าด้วยวิกฤตยูเครนในกรุงลอนดอนช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ของพวกผู้นำ 18 ชาติ ซึ่งแทบทั้งหมดเป็นชาติยุโรป เกิดขึ้นในช่วงเวลาอ่อนไหวอย่างยิ่งสำหรับยูเครนที่กำลังเผชิญความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการสนับสนุนของอเมริกาในการต่อต้านการรุกรานของรัสเซียที่ย่างเข้าสู่ปีที่ 4
.
วันศุกร์ที่ผ่านมา (28 ก.พ.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของอเมริกา ตำหนิโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนว่า ไม่ตระหนักบุญคุณอเมริกาและไม่พร้อมทำข้อตกลงสันติภาพกับรัสเซียต่อหน้าผู้สื่อข่าวในทำเนียบขาว กระตุ้นความกังวลว่า เขากำลังบีบให้เคียฟทำข้อตกลงสันติภาพอโดยมอบสิ่งที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียต้องการ
.
ทว่า ท่าทีของพวกผู้นำยุโรปเหล่านี้ ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น “กลุ่มพันธมิตรของผู้ที่เต็มใจร่วมมือกัน” (Coalition of the willing) ยังคงประกาศให้การสนับสนุนเคียฟเหนียวแน่น โดยเซเลนสกีโพสต์บนแพลตฟอร์มเทเลแกรมภายหลังการประชุมสุดยอดเมื่อวันอาทิตย์ว่า ที่ประชุมเห็นพ้องผลักดันสันติภาพ และในอนาคตอันใกล้จะมีการร่างจุดยืนร่วมกันเกี่ยวกับเป้าหมายที่ต้องบรรลุและเงื่อนไขที่จะไม่มีการประนีประนอมเพื่อเสนอต่ออเมริกา
.
นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ของสหราชอาณาจักร เจ้าภาพการประชุมซิมมิตครั้งนี้ ขานรับว่า สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และประเทศอื่นๆ จะร่วมมือกับยูเครนเพื่อทำให้สงครามยุติลง
.
สตาร์เมอร์สำทับว่า ยุโรปต้องพยายามมากขึ้น ขณะที่ไม่มีหลักประกันว่า อเมริกาจะเข้ามามีส่วนร่วมด้วยหรือไม่
.
กระนั้น สตาร์เมอร์ที่ได้พบกับทรัมป์ในบรรยากาศที่ชื่นมื่น วันสองวันก่อนหน้าเหตุการณ์ปะทะคารมเดือดที่ทำเนียบขาว ยังคงยืนยันแก้ต่างให้สหรัฐฯ ว่า อเมริกาไม่ใช่พันธมิตรที่พึ่งพาไม่ได้ และข้อตกลงใดๆ ก็ตามเกี่ยวกับยูเครน จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนอย่างเข้มแข็งจากอเมริกา
.
ด้านประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์เลอ ฟิกาโร หลังกลับถึงปารีสว่า ฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักรต้องการเสนอข้อตกลงหยุดยิงทางอากาศและทางทะเล รวมทั้งระงับการโจมตีพวกโครงสร้างพื้นฐาน เป็นเวลานาน 1 เดือน และยังเตรียมพร้อมส่งทหารไปช่วยกำกับดูแลการหยุดยิงในยูเครน
.
มาครงอธิบายว่า สาเหตุที่ข้อตกลงหยุดยิงไม่ครอบคลุมการสู้รบภาคพื้นดินอย่างน้อยในระยะแรกนั้นเนื่องจากแนวรบที่ค่อนข้างกว้างจนยากที่จะบังคับใช้ข้อตกลงหยุดยิงได้ ส่วนการส่งกองกำลังสันติภาพไปยูเครนคงยังไม่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์นี้
.
ผู้นำฝรั่งเศสยังเสนอแนะให้ชาติยุโรปเพิ่มงบประมาณกลาโหมขึ้นสู่ระดับเท่ากับ 3-3.5% ของจีดีพีของประเทศตนเอง เพื่อรับมือการเปลี่ยนท่าทีของอเมริกาและปฏิบัติการทางทหารของรัสเซีย
.
อย่างไรก็ดี ในวันจันทร์ (3) รัฐมนตรีทบวงกองทัพของสหราชอาณาจักร ลุก พอลลาร์ด กลับแสดงท่าทีไม่ยืนยันรับรองแนวความคิดเรื่องหยุดยิงที่มาครงพูด โดยเขากล่าวกับสื่อบีบีซีว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้เป็นแผนการที่สหราชอาณาจักรรับรองแล้วในเวลานี้ แต่เป็นหนึ่งในทางเลือกต่างๆ จำนวนหนึ่งที่กำลังมีการหารือกันเป็นการภายในระหว่างสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และเหล่าพันธมิตรอีกจำนวนหนึ่ง
.
ขณะที่ภายหลังการประชุมผู้นำยุโรปเมื่อวันอาทิตย์ อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานของคณะกรรมาธิการยุโรป ที่เป็นองค์กรบริหารของอียู ออกมาเตือนว่า ยุโรปต้องเร่งติดอาวุธเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์เลวร้ายที่สุด ทั้งนี้ แดร์ ไลเอิน ได้ชื่อว่าเป็นพวกเหยี่ยวแข็งกร้าวกับรัสเซีย และไม่เป็นที่พอใจของทำเนียบขาวในปัจจุบัน
.
ทางฝ่ายนายกรัฐมนตรีโดนัลด์ ทุสก์ ของโปแลนด์ เรียกร้องอเมริกาและยุโรปแสดงให้ปูตินเห็นว่า ตะวันตกไม่เคยคิดอ่อนข้อก่อนที่ผู้นำรัสเซียจะแบล็กเมล์และรุกรานยูเครน
.
อย่างไรก็ดี ทางด้านทรัมป์กลับกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า อเมริกาควรกังวลกับปูตินน้อยลง และกังวลกับอาชญากรรมในประเทศให้มากขึ้น
.
วันเดียวกันนั้น คอนสแตนติน โคซาเชฟ สมาชิกผู้ทรงอิทธิพลในรัฐสภารัสเซีย โพสต์บนเทเลแกรมว่า การประชุมที่ลอนดอน เป็นความพยายามที่จะเปลี่ยนความล้มเหลวของนโยบายแห่งการเสี้ยมให้ยูเครนตีกับรัสเซีย ที่สหราชอาณาจักร และอเมริกาใช้มาเป็นเวลานาน 10 ปี ให้กลายเป็นความสำเร็จ
.
โคซาเชฟที่รับตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศของสภาสูงรัสเซีย สำทับว่า ยุโรปไม่มีแผนการอะไรเลย และสิ่งหนึ่งที่ยูเครนวางใจได้ก็คือ ความคืบหน้าหนึ่งเดียวขณะนี้คือความสัมพันธ์รัสเซีย-อเมริกา
.
นอกจากนั้น ดมิทรี เพสคอฟ โฆษกเครมลิน ยังโพสต์บนเอ็กซ์ก่อนที่การประชุมที่ลอนดอนจะปิดฉากลงว่า การประชุมดังกล่าวเป็นการตกลงสวามิภักดิ์ต่อพวกนาซีที่ไม่ได้มีความสลักสำคัญใดๆ ในเคียฟ และเป็นความคิดที่น่าอัปยศ
.
อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020856
..............
Sondhi X
ชาติยุโรปแสดงท่าทีขึงขัง ประชุมซัมมิตกันโดยมีเซเลนสกีเข้าร่วมด้วยที่ลอนดอน ประกาศเพิ่มงบประมาณด้านความมั่นคงและจัดตั้งแนวร่วมป้องกันสันติภาพในยูเครน พร้อมร่างเงื่อนไขข้อตกลงสันติภาพที่อาจจะเกิดขึ้นมาได้ เตรียมยื่นเสนอต่ออเมริกา โดยที่มาครงแย้มว่า อาจมีการพักการสู้รบทางอากาศและทางทะเลนาน 1 เดือน ทว่าสหราชอาณาจักรกลับบอกว่าเป็นเพียง 1 ในข้อเสนอซึ่งยังไม่มีการลงมติ ส่วนในอีกด้านหนึ่งรัสเซียเยาะยุโรปไม่ได้มีแผนการอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน และสิ่งหนึ่งที่เคียฟแน่ใจได้ว่าเป็นความคืบหน้าหนึ่งเดียวอยู่ในขณะนี้ คือความสัมพันธ์รัสเซีย-อเมริกา
.
การหารือว่าด้วยวิกฤตยูเครนในกรุงลอนดอนช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ของพวกผู้นำ 18 ชาติ ซึ่งแทบทั้งหมดเป็นชาติยุโรป เกิดขึ้นในช่วงเวลาอ่อนไหวอย่างยิ่งสำหรับยูเครนที่กำลังเผชิญความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการสนับสนุนของอเมริกาในการต่อต้านการรุกรานของรัสเซียที่ย่างเข้าสู่ปีที่ 4
.
วันศุกร์ที่ผ่านมา (28 ก.พ.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของอเมริกา ตำหนิโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนว่า ไม่ตระหนักบุญคุณอเมริกาและไม่พร้อมทำข้อตกลงสันติภาพกับรัสเซียต่อหน้าผู้สื่อข่าวในทำเนียบขาว กระตุ้นความกังวลว่า เขากำลังบีบให้เคียฟทำข้อตกลงสันติภาพอโดยมอบสิ่งที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียต้องการ
.
ทว่า ท่าทีของพวกผู้นำยุโรปเหล่านี้ ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น “กลุ่มพันธมิตรของผู้ที่เต็มใจร่วมมือกัน” (Coalition of the willing) ยังคงประกาศให้การสนับสนุนเคียฟเหนียวแน่น โดยเซเลนสกีโพสต์บนแพลตฟอร์มเทเลแกรมภายหลังการประชุมสุดยอดเมื่อวันอาทิตย์ว่า ที่ประชุมเห็นพ้องผลักดันสันติภาพ และในอนาคตอันใกล้จะมีการร่างจุดยืนร่วมกันเกี่ยวกับเป้าหมายที่ต้องบรรลุและเงื่อนไขที่จะไม่มีการประนีประนอมเพื่อเสนอต่ออเมริกา
.
นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ของสหราชอาณาจักร เจ้าภาพการประชุมซิมมิตครั้งนี้ ขานรับว่า สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และประเทศอื่นๆ จะร่วมมือกับยูเครนเพื่อทำให้สงครามยุติลง
.
สตาร์เมอร์สำทับว่า ยุโรปต้องพยายามมากขึ้น ขณะที่ไม่มีหลักประกันว่า อเมริกาจะเข้ามามีส่วนร่วมด้วยหรือไม่
.
กระนั้น สตาร์เมอร์ที่ได้พบกับทรัมป์ในบรรยากาศที่ชื่นมื่น วันสองวันก่อนหน้าเหตุการณ์ปะทะคารมเดือดที่ทำเนียบขาว ยังคงยืนยันแก้ต่างให้สหรัฐฯ ว่า อเมริกาไม่ใช่พันธมิตรที่พึ่งพาไม่ได้ และข้อตกลงใดๆ ก็ตามเกี่ยวกับยูเครน จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนอย่างเข้มแข็งจากอเมริกา
.
ด้านประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์เลอ ฟิกาโร หลังกลับถึงปารีสว่า ฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักรต้องการเสนอข้อตกลงหยุดยิงทางอากาศและทางทะเล รวมทั้งระงับการโจมตีพวกโครงสร้างพื้นฐาน เป็นเวลานาน 1 เดือน และยังเตรียมพร้อมส่งทหารไปช่วยกำกับดูแลการหยุดยิงในยูเครน
.
มาครงอธิบายว่า สาเหตุที่ข้อตกลงหยุดยิงไม่ครอบคลุมการสู้รบภาคพื้นดินอย่างน้อยในระยะแรกนั้นเนื่องจากแนวรบที่ค่อนข้างกว้างจนยากที่จะบังคับใช้ข้อตกลงหยุดยิงได้ ส่วนการส่งกองกำลังสันติภาพไปยูเครนคงยังไม่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์นี้
.
ผู้นำฝรั่งเศสยังเสนอแนะให้ชาติยุโรปเพิ่มงบประมาณกลาโหมขึ้นสู่ระดับเท่ากับ 3-3.5% ของจีดีพีของประเทศตนเอง เพื่อรับมือการเปลี่ยนท่าทีของอเมริกาและปฏิบัติการทางทหารของรัสเซีย
.
อย่างไรก็ดี ในวันจันทร์ (3) รัฐมนตรีทบวงกองทัพของสหราชอาณาจักร ลุก พอลลาร์ด กลับแสดงท่าทีไม่ยืนยันรับรองแนวความคิดเรื่องหยุดยิงที่มาครงพูด โดยเขากล่าวกับสื่อบีบีซีว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้เป็นแผนการที่สหราชอาณาจักรรับรองแล้วในเวลานี้ แต่เป็นหนึ่งในทางเลือกต่างๆ จำนวนหนึ่งที่กำลังมีการหารือกันเป็นการภายในระหว่างสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และเหล่าพันธมิตรอีกจำนวนหนึ่ง
.
ขณะที่ภายหลังการประชุมผู้นำยุโรปเมื่อวันอาทิตย์ อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานของคณะกรรมาธิการยุโรป ที่เป็นองค์กรบริหารของอียู ออกมาเตือนว่า ยุโรปต้องเร่งติดอาวุธเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์เลวร้ายที่สุด ทั้งนี้ แดร์ ไลเอิน ได้ชื่อว่าเป็นพวกเหยี่ยวแข็งกร้าวกับรัสเซีย และไม่เป็นที่พอใจของทำเนียบขาวในปัจจุบัน
.
ทางฝ่ายนายกรัฐมนตรีโดนัลด์ ทุสก์ ของโปแลนด์ เรียกร้องอเมริกาและยุโรปแสดงให้ปูตินเห็นว่า ตะวันตกไม่เคยคิดอ่อนข้อก่อนที่ผู้นำรัสเซียจะแบล็กเมล์และรุกรานยูเครน
.
อย่างไรก็ดี ทางด้านทรัมป์กลับกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า อเมริกาควรกังวลกับปูตินน้อยลง และกังวลกับอาชญากรรมในประเทศให้มากขึ้น
.
วันเดียวกันนั้น คอนสแตนติน โคซาเชฟ สมาชิกผู้ทรงอิทธิพลในรัฐสภารัสเซีย โพสต์บนเทเลแกรมว่า การประชุมที่ลอนดอน เป็นความพยายามที่จะเปลี่ยนความล้มเหลวของนโยบายแห่งการเสี้ยมให้ยูเครนตีกับรัสเซีย ที่สหราชอาณาจักร และอเมริกาใช้มาเป็นเวลานาน 10 ปี ให้กลายเป็นความสำเร็จ
.
โคซาเชฟที่รับตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศของสภาสูงรัสเซีย สำทับว่า ยุโรปไม่มีแผนการอะไรเลย และสิ่งหนึ่งที่ยูเครนวางใจได้ก็คือ ความคืบหน้าหนึ่งเดียวขณะนี้คือความสัมพันธ์รัสเซีย-อเมริกา
.
นอกจากนั้น ดมิทรี เพสคอฟ โฆษกเครมลิน ยังโพสต์บนเอ็กซ์ก่อนที่การประชุมที่ลอนดอนจะปิดฉากลงว่า การประชุมดังกล่าวเป็นการตกลงสวามิภักดิ์ต่อพวกนาซีที่ไม่ได้มีความสลักสำคัญใดๆ ในเคียฟ และเป็นความคิดที่น่าอัปยศ
.
อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020856
..............
Sondhi X
