Mozilla ได้ตอกย้ำคำมั่นว่าจะสนับสนุนส่วนขยายที่ใช้ Manifest V2 ควบคู่ไปกับ Manifest V3 ซึ่งเป็นข้อกำหนดที่ Google พัฒนาขึ้นมาเพื่อความปลอดภัยของส่วนขยายในเว็บเบราว์เซอร์ โดยจำกัดการร้องขอเครือข่ายและการโหลดเนื้อหาจากแหล่งภายนอก
Manifest V3 ถูกสร้างขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงจากการใช้ส่วนขยายที่อนุญาตเกินไป แต่กลับจำกัดการทำงานของส่วนขยายบางประเภท เช่น โปรแกรมบล็อกโฆษณา ทำให้ความสามารถในการตรวจจับและบล็อกเนื้อหาโฆษณาลดลง ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ uBlock Origin ซึ่งมีผู้ดาวน์โหลดมากกว่า 38 ล้านครั้งบน Chrome Web Store ได้ถูกปิดใช้งานในขณะที่ Manifest V3 กำลังถูกบังคับใช้
แม้ว่าเบราว์เซอร์อื่นๆ เช่น Microsoft Edge, Mozilla Firefox, และ Apple Safari ต่างยอมรับ Manifest V3 แต่พวกเขาก็ทำการปรับเปลี่ยนการใช้งานของตนเอง เพื่อให้ผู้ใช้ยังคงมีอิสระในการใช้ส่วนขยาย แต่การสนับสนุน Manifest V2 ยังคงเป็นวิธีเดียวสำหรับส่วนขยายรุ่นเก่า
Mozilla ประกาศว่าจะยังคงสนับสนุนทั้ง API ของ blockingWebRequest และ declarativeNetRequest ที่สอดคล้องกับ Manifest V2 และ V3 ตามลำดับ โดยสาเหตุหลักคือการยึดมั่นต่อหลักการที่ 5 ของ Mozilla Manifesto ที่กล่าวว่า "บุคคลต้องมีความสามารถในการกำหนดอินเทอร์เน็ตและประสบการณ์ของตนเอง"
แม้ว่า Mozilla จะประเมินการเลิกสนับสนุน Manifest V2 ในปลายปี 2023 แต่ด้วยความซับซ้อนทั้งด้านเทคนิคและปฏิบัติ ทำให้ Mozilla ยืนยันในเดือนมีนาคม 2024 ว่าจะไม่เลิกสนับสนุน Manifest V2 ในอนาคตอันใกล้ การประกาศล่าสุดนี้ย้ำให้เห็นว่า Firefox ยังคงเป็นหนึ่งในเบราว์เซอร์ไม่กี่ตัวที่ให้ผู้ใช้มีอิสระในการใช้ส่วนขยาย Manifest V2 ต่อไป
ข่าวนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการมีอิสระในการเลือกใช้ส่วนขยายที่ช่วยเสริมความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้ใช้ และการสนับสนุนจาก Mozilla ทำให้ผู้ใช้สามารถมีประสบการณ์การใช้งานเว็บที่ดียิ่งขึ้น
https://www.bleepingcomputer.com/news/security/firefox-continues-manifest-v2-support-as-chrome-disables-mv2-ad-blockers/
Manifest V3 ถูกสร้างขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงจากการใช้ส่วนขยายที่อนุญาตเกินไป แต่กลับจำกัดการทำงานของส่วนขยายบางประเภท เช่น โปรแกรมบล็อกโฆษณา ทำให้ความสามารถในการตรวจจับและบล็อกเนื้อหาโฆษณาลดลง ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ uBlock Origin ซึ่งมีผู้ดาวน์โหลดมากกว่า 38 ล้านครั้งบน Chrome Web Store ได้ถูกปิดใช้งานในขณะที่ Manifest V3 กำลังถูกบังคับใช้
แม้ว่าเบราว์เซอร์อื่นๆ เช่น Microsoft Edge, Mozilla Firefox, และ Apple Safari ต่างยอมรับ Manifest V3 แต่พวกเขาก็ทำการปรับเปลี่ยนการใช้งานของตนเอง เพื่อให้ผู้ใช้ยังคงมีอิสระในการใช้ส่วนขยาย แต่การสนับสนุน Manifest V2 ยังคงเป็นวิธีเดียวสำหรับส่วนขยายรุ่นเก่า
Mozilla ประกาศว่าจะยังคงสนับสนุนทั้ง API ของ blockingWebRequest และ declarativeNetRequest ที่สอดคล้องกับ Manifest V2 และ V3 ตามลำดับ โดยสาเหตุหลักคือการยึดมั่นต่อหลักการที่ 5 ของ Mozilla Manifesto ที่กล่าวว่า "บุคคลต้องมีความสามารถในการกำหนดอินเทอร์เน็ตและประสบการณ์ของตนเอง"
แม้ว่า Mozilla จะประเมินการเลิกสนับสนุน Manifest V2 ในปลายปี 2023 แต่ด้วยความซับซ้อนทั้งด้านเทคนิคและปฏิบัติ ทำให้ Mozilla ยืนยันในเดือนมีนาคม 2024 ว่าจะไม่เลิกสนับสนุน Manifest V2 ในอนาคตอันใกล้ การประกาศล่าสุดนี้ย้ำให้เห็นว่า Firefox ยังคงเป็นหนึ่งในเบราว์เซอร์ไม่กี่ตัวที่ให้ผู้ใช้มีอิสระในการใช้ส่วนขยาย Manifest V2 ต่อไป
ข่าวนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการมีอิสระในการเลือกใช้ส่วนขยายที่ช่วยเสริมความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้ใช้ และการสนับสนุนจาก Mozilla ทำให้ผู้ใช้สามารถมีประสบการณ์การใช้งานเว็บที่ดียิ่งขึ้น
https://www.bleepingcomputer.com/news/security/firefox-continues-manifest-v2-support-as-chrome-disables-mv2-ad-blockers/
Mozilla ได้ตอกย้ำคำมั่นว่าจะสนับสนุนส่วนขยายที่ใช้ Manifest V2 ควบคู่ไปกับ Manifest V3 ซึ่งเป็นข้อกำหนดที่ Google พัฒนาขึ้นมาเพื่อความปลอดภัยของส่วนขยายในเว็บเบราว์เซอร์ โดยจำกัดการร้องขอเครือข่ายและการโหลดเนื้อหาจากแหล่งภายนอก
Manifest V3 ถูกสร้างขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงจากการใช้ส่วนขยายที่อนุญาตเกินไป แต่กลับจำกัดการทำงานของส่วนขยายบางประเภท เช่น โปรแกรมบล็อกโฆษณา ทำให้ความสามารถในการตรวจจับและบล็อกเนื้อหาโฆษณาลดลง ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ uBlock Origin ซึ่งมีผู้ดาวน์โหลดมากกว่า 38 ล้านครั้งบน Chrome Web Store ได้ถูกปิดใช้งานในขณะที่ Manifest V3 กำลังถูกบังคับใช้
แม้ว่าเบราว์เซอร์อื่นๆ เช่น Microsoft Edge, Mozilla Firefox, และ Apple Safari ต่างยอมรับ Manifest V3 แต่พวกเขาก็ทำการปรับเปลี่ยนการใช้งานของตนเอง เพื่อให้ผู้ใช้ยังคงมีอิสระในการใช้ส่วนขยาย แต่การสนับสนุน Manifest V2 ยังคงเป็นวิธีเดียวสำหรับส่วนขยายรุ่นเก่า
Mozilla ประกาศว่าจะยังคงสนับสนุนทั้ง API ของ blockingWebRequest และ declarativeNetRequest ที่สอดคล้องกับ Manifest V2 และ V3 ตามลำดับ โดยสาเหตุหลักคือการยึดมั่นต่อหลักการที่ 5 ของ Mozilla Manifesto ที่กล่าวว่า "บุคคลต้องมีความสามารถในการกำหนดอินเทอร์เน็ตและประสบการณ์ของตนเอง"
แม้ว่า Mozilla จะประเมินการเลิกสนับสนุน Manifest V2 ในปลายปี 2023 แต่ด้วยความซับซ้อนทั้งด้านเทคนิคและปฏิบัติ ทำให้ Mozilla ยืนยันในเดือนมีนาคม 2024 ว่าจะไม่เลิกสนับสนุน Manifest V2 ในอนาคตอันใกล้ การประกาศล่าสุดนี้ย้ำให้เห็นว่า Firefox ยังคงเป็นหนึ่งในเบราว์เซอร์ไม่กี่ตัวที่ให้ผู้ใช้มีอิสระในการใช้ส่วนขยาย Manifest V2 ต่อไป
ข่าวนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการมีอิสระในการเลือกใช้ส่วนขยายที่ช่วยเสริมความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้ใช้ และการสนับสนุนจาก Mozilla ทำให้ผู้ใช้สามารถมีประสบการณ์การใช้งานเว็บที่ดียิ่งขึ้น
https://www.bleepingcomputer.com/news/security/firefox-continues-manifest-v2-support-as-chrome-disables-mv2-ad-blockers/
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
32 มุมมอง
0 รีวิว